วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

อย.เตือน ยาที่มีส่วนประกอบของกัญชา-กัญชง ต้องขออนุญาตก่อน แต่เครื่องสำอางไม่ต้อง

People Unity News : 20 มิถุนายน 65 อย. แจ้งเตือน! การโฆษณายาจากสมุนไพร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่มีส่วนประกอบของกัญชา – กัญชง ต้องขออนุญาตจาก อย. ก่อน ส่วนเครื่องสำอางไม่ต้องขออนุญาตโฆษณา แต่ต้องไม่แสดงสรรพคุณเป็นเท็จ เกินจริง หรือทำให้เข้าใจผิด รายละเอียดตามนี้

Advertisement

ก.คลังเปิดให้ทบทวนสิทธิ์ขอรับเงินเยียวยา 5 พันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 เม.ย.นี้

People Unity News : มาตรการเยียวยา 5,000 บาท เริ่มเปิดให้ขอทบทวนสิทธิ์ในวันที่ 20 เมษายน 2563 เวลา 6.00 น. ผ่านระบบออนไลน์เท่านั้นที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com

ในวันจันทร์ที่ 20 เม.ย.2563 ตั้งแต่เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป จะเริ่มเปิดให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ขอทบทวนสิทธิ์ได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com โดยจะเปิดให้ขอทบทวนสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563 ตั้งแต่เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป จะเริ่มเปิดให้ผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองมาตรการเยียวยา 5,000 บาท ขอทบทวนสิทธิ์ได้ที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com โดยจะเปิดให้ขอทบทวนสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งต่อตัวผู้ประสงค์จะขอทบทวนสิทธิ์เองและต่อส่วนรวมของสังคมไทย

ดังนั้น เพื่อประโยชน์ของผู้ประสงค์ขอทบทวนสิทธิ์ ขอให้ท่านรีบกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ไม่จำเป็นต้องมาที่กระทรวงการคลัง โดยในระยะแรกนี้จะเปิดกว้างสำหรับทุกกลุ่มที่ไม่ผ่านเกณฑ์และไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรองก่อน และในระยะต่อไปจะขยายไปยังกลุ่มผู้ที่ได้กดยกเลิกการลงทะเบียนโดยความเข้าใจผิด ด้วยกลไกการทบทวนสิทธิ์จะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่จริงเพื่อยืนยันตัวตนและการประกอบอาชีพตามที่ได้ลงทะเบียนทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่าผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะยังได้รับเงินเยียวยาครบทั้ง 3 เดือนเนื่องจากการให้เงินเยียวยาจะใช้วันลงทะเบียนในการเริ่มนับสิทธิ์ ในกรณีที่ทราบผลการพิจารณาในเดือนพฤษภาคม ผู้ผ่านการทบทวนสิทธิ์จะได้รับเงินเยียวยาครั้งแรกจำนวน 10,000 บาท เพราะได้รวมเงินเยียวยา 5,000 บาท ของเดือนเมษายนด้วย

โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2563 เป็นต้นมาได้มีการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเนื่องทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดราชการ) โดย ณ วันที่ 17 เมษายน 2563 ได้จ่ายเงินให้ผู้ลงทะเบียนไปแล้ว 3.2 ล้านคน และมีกำหนดจะจ่ายเงินในวันจันทร์และอังคารสัปดาห์หน้าอีก 900,000 คน รวมเป็น 4.1 ล้านคน คิดเป็นเงินกว่า 20,000 ล้านบาท

โฆษณา

“ประยุทธ์” แถลงเตรียมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.นี้ ระบุเพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาส

People Unity News : นายกรัฐมนตรีแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ยืนยัน “เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว” สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางทางอากาศจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ เริ่ม 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

วันนี้ (11 ตุลาคม 2564) เวลา 20.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ยืนยัน “เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว” ว่า หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่ได้รับผลกระทบ ที่สร้างความหนักใจที่สุด 2 ทางเลือก คือ การตัดสินใจเลือกระหว่างปกป้องชีวิตคน กับปกป้องการทำมาหากิน เมื่อเลือกที่จะปกป้องชีวิตประชาชน ทำให้พบกับความลำบากในการทำมาหาเลี้ยงชีวิต หากเลือกที่จะปกป้องการทำมาหากินตามปกติของประชาชน ต้องเจอกับการสูญเสียชีวิต ที่อาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งคนที่เป็นเสาหลักที่หาเลี้ยงครอบครัว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขที่ยอดเยี่ยม ที่มีอยู่มากมาย ลงมือทำอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้มาตรการที่เข้มงวดต่างๆ ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในสังคม วันนี้ ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกในการปกป้องรักษาชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงในเรื่องการสูญเสียชีวิตที่จะเกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยก็กำลังค่อยๆลดลง  แต่ยังต้องระวัง รักษาความสามารถของระบบสาธารณสุข โรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ เตรียมพร้อมยารักษาและวัคซีนป้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ  เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับโรคภัยอื่นๆที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น

ในช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ต่างค่อยๆเริ่มอนุญาตให้ประชาชนของเขาเดินทางได้ โดยไม่มีเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากมาย อย่างเช่น อังกฤษ ตอนนี้เพิ่งจะอนุญาตให้ประชาชนเดินทางมาประเทศไทยได้โดยไม่ยุ่งยาก หรืออย่าง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ก็เพิ่งเริ่มผ่อนคลายเงื่อนไขในการเดินทางไปต่างประเทศของประชาชน  ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นแบบนี้ ยังต้องระมัดระวัง แต่ก็ต้องเดินหน้าให้ไว เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ดึงนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลเดินทางท่องเที่ยววันหยุดสิ้นปี ใน 3 เดือนข้างหน้านี้ เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการทำมาหากินของประชาชนนับล้านๆคนในภาคการท่องเที่ยว การเดินทาง และภาคธุรกิจพักผ่อนหย่อนใจ และบันเทิง รวมถึงภาคธุรกิจอื่น อีกมากมายที่เกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้สั่งการให้ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิจารณา โดยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มเปิดรับการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และเดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศจากประเทศที่กำหนดว่า เป็นประเทศความเสี่ยงต่ำ เมื่อเดินทางเข้าประเทศไทย ทุกคนต้องแสดงตัวว่าปลอดเชื้อโควิด-19 โดยต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งทำการตรวจก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย หลังจากนั้น จึงสามารถเดินทางไปพื้นที่ต่างๆได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกับที่คนไทยปกติทั่วไปสามารถทำได้

ทั้งนี้ ได้เริ่มต้นกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ ที่จะสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ไว้ที่อย่างน้อย 10 ประเทศ ซึ่งจะรวมประเทศอย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีน และอเมริกา โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอีกภายในวันที่ 1 ธันวาคม และหลังจากนั้น ภายในวันที่ 1 มกราคม เราจะเพิ่มจำนวนประเทศให้มากขึ้นอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำ เรายังให้การต้อนรับเข้าประเทศไทย แต่จำเป็นต้องมีการกักตัว ตามเงื่อนไขและข้อกำหนด

ภายในวันที่ 1 ธันวาคม จะพิจารณาอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้ และจะพิจารณาอนุญาตให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิง เปิดให้บริการได้ ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่กำลังจะเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสปีใหม่

เมื่อเริ่มต้นการผ่อนคลายต่างๆ จะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นการชั่วคราว ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประเมินดูว่าจะรับมือกับสถานการณ์นั้นอย่างไร โดยต้องไม่ปล่อยให้เสียโอกาสในช่วงเวลาทองของการทำมาหากินไปอีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อย่างไรก็ตามใน 2-3 เดือน หรือ 4 เดือนข้างหน้า อาจมีสายพันธุ์ใหม่ที่อันตรายมากๆเกิดขึ้นอีก จึงต้องจัดมาตรการที่เหมาะสมและพอเหมาะพอดี คุมสถานการณ์เอาไว้ให้ได้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ตั้งเป้าเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว ให้ได้ภายใน 120 วัน พร้อมเร่งเครื่องการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ชื่นชมความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าหน้าที่และบุคลากรสาธารณสุขทุกท่าน เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานส่วนงานอื่นๆ รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน สำหรับความร่วมมือที่ตอบสนองต่อคำร้องขอเมื่อเดือนมิถุนายน

หลังจากที่ตั้งเป้า 120 วัน ได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อจัดหาวัคซีนมาให้ได้เพิ่มมากขึ้น การรับส่งมอบวัคซีนของไทย เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 3 เท่าทันทีจากที่เดือนพฤษภาคมได้รับส่งมอบวัคซีนถึง 12 ล้านโดสในเดือนกรกฎาคม และได้รับส่งมอบวัคซีนอีกถึงเกือบ 14 ล้านโดสในเดือนสิงหาคม และวันนี้ ได้รับส่งมอบวัคซีนเข้าประเทศไทยถึงมากกว่า 20 ล้านโดสต่อเดือน ไปจนถึงสิ้นปี รวมเป็นวัคซีนจำนวนมากกว่า 170 ล้านโดส เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นอย่างมาก

เจ้าหน้าที่และบุคลากรสาธารณสุข เร่งการฉีดวัคซีน ประชาชนก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น การฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า และไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดในโลก ปัจจุบันเฉลี่ยฉีดวัคซีนได้มากกว่า 700,000 โดสต่อวัน และบางวันเกินกว่า 1 ล้านโดส

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งโลกต้องเจอกับการแพร่ระบาดที่รุนแรงของสายพันธุ์เดลต้า ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงมาก เช่นเดียวกับในประเทศไทย หลายคนคงทำใจว่า ไม่น่าจะสามารถเปิดประเทศโดยไม่ต้องกักตัวได้ภายในปีนี้  ขณะที่หลายๆประเทศยังคงต่อสู้กับเดลต้าอยู่ แต่เรากำลังจะสามารถเริ่มเปิดให้เข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการที่คนไทยร่วมมือกัน ทำงานด้วยความมุ่งมั่น และเป็นหนึ่งเดียว ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงความร่วมมือกันของประชาชนคนไทยทุกคน จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว

Advertising

ด่วน! แรงงานไทยในลิเบียขอกลับไทย หวั่นโควิดระบาดหนักในลิเบีย สุชาติสั่งสอบไปได้ไง

People Unity News : สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบริษัทจัดหางานลักลอบส่งแรงงานไทยไปทำงานในลิเบีย หากผิดจริงให้ลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

รมว.แรงงาน เผย ได้รับรายงานจากสำนักงานแรงงานไทยในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ว่ามีแรงงานไทยในลิเบีย ร้องขอความช่วยเหลือในการเดินทางกลับประเทศไทยจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม จึงสั่งการ กกจ. ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ได้รับรายงาน จากสำนักงานแรงงานไทยในประเทศซาอุดิอาระเบีย (กรุงริยาด) ว่ามีแรงงานไทยจำนวน 19 คน ที่ทำงานอยู่ในประเทศลิเบียกับนายจ้างบริษัท Mellitah Oil & Gas B.V. Libyan Branch ตั้งอยู่ที่เมือง Awijilah (จาลู) ใกล้ชายแดนอียิปต์ ห่างจากกรุงตริโปลี ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้า (Joint Venture) กันระหว่างบริษัท Eni North Africa ของประเทศอิตาลี กับ National Oil Cooperation Noc ลิเบีย ซึ่งแรงงานไทยแจ้งว่าเดินทางไปทำงานโดยการจัดส่งของบริษัทจัดหางาน  เวิลด์พาวเวอร์ เซอร์วิส จำกัด ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ว่าต้องการเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากกลัวจะติดเชื้อโควิด – 19 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศลิเบีย จึงได้สั่งการให้กรมการจัดหางานตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นผู้จัดส่งจริงหรือไม่ หากพบว่ากระทำผิดจริงจะลงโทษตามกฎหมาย และจะเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือเรื่องการเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ได้สั่งการให้กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อมูลการเดินทางไปทำงานของแรงงานไทยจำนวน 19 คนดังกล่าว พบว่าทั้งหมดไม่ได้แจ้งการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ ตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจาก กรมการจัดหางานไม่อนุญาตให้ดำเนินการจัดส่งคนหางานไปทำงานในประเทศลิเบีย เพราะเป็นประเทศที่เกิดภัยสงครามกลางเมือง จึงระงับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในประเทศลิเบียทุกกรณี ตั้งแต่ปี 2557 ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563 กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน ได้เชิญบริษัทจัดหางาน เวิลด์พาวเวอร์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งแรงงานไทยแจ้งว่าเป็นผู้จัดส่งไปทำงานในประเทศลิเบีย มาชี้แจงข้อเท็จจริง หากพบว่าบริษัทจัดหางานดังกล่าวเป็นผู้จัดส่งจริง จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

“ขอย้ำเตือนว่า คนหางานที่ประสงค์จะไปทำงานในต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจไปทำงาน ควรตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ให้ชัดเจน ว่าตำแหน่งงาน และประเทศที่จะไปนั้น มีอยู่จริงหรือไม่ มีสัญญาจ้าง เงินเดือน หรือสวัสดิการ ตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกหลอกลวง” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

Advertising

เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

People Unity News : เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

11 ธ.ค.64 สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ออกคำเตือนประชาชน ว่า ช่วงฤดูหนาวของทุกปี ประชาชนบางกลุ่มมีความเชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น คลายหนาวได้ จึงนิยมดื่มแอลกอฮอล์ในฤดูหนาว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด!

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายในระยะแรกหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ ร่างกายจะเริ่มระบายความร้อนโดยไม่รู้ตัว และทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง ซึ่งส่งผลเกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย

หากมีเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ร่างกายอาจโดนอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้ขาดน้ำ หัวใจทำงานผิดปกติ ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี แนะว่าหากต้องการคลายความหนาวเย็น ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นจากภายใน รวมถึงดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ สวมเสื้อผ้ากันหนาว จะช่วยบรรเทาความหนาวได้เช่นกัน และเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง

Advertising

โฆษก ศบค. เผยทหารสหรัฐที่เข้าฝึกในไทย 110 นาย ทุกนายผ่านการตรวจและเข้ากักตัว

People Unity News : โฆษก ศบค. เผย ทหารต่างชาติที่เข้าฝึกในไทย 110 นาย ทุกนายผ่านการตรวจตามมาตรการของ ศบค. และเข้ากักตัวใน ASQ

3 ส.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของโลก มีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 18.2 ล้านกว่าคน เฉลี่ยวันละประมาณ 2 แสนถึง 2.8 แสนคน ช่วงเวลา 3-4 วันมีผู้ป่วย 1 ล้านคน ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยังเป็นวิกฤตของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาเป็นสิบวันกว่าจะมีผู้ป่วย 1 ล้านคน ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตรวมของโลกเพิ่มขึ้นอีก 4,000 กว่าคน รวมจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งโลก 6.9 แสนกว่าคน คาดพรุ่งนี้จะถึง 7 แสนคน โดยสหรัฐอเมริกาเป็น อันดับ 1 รองลงมาคือบราซิล อินเดีย รัสเซีย และแอฟริกาใต้ ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับที่ 110 เท่ากับวานนี้ ด้านตัวเลขผู้ป่วยใหม่ของประเทศในเอเชีย ได้แก่ อินโดนีเซีย 1,519 ราย ฟิลิปปินส์ 4,900 ราย คูเวต 463 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 239 ราย สิงคโปร์ 313 ราย บาห์เรน 346 ราย เวียดนาม มีผู้ป่วยใหม่ 31 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 6 ราย

โฆษก ศบค. รายงานว่า จำนวนคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศวันนี้ มีผู้เดินทางกลับรวม 207 คน วันพรุ่งนี้ 201 คน และรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเที่ยวบินที่นำทหารสหรัฐอเมริกาเข้ามาฝึกในไทย วันนี้จะเดินทางจากกวม 71 นาย และจากโยโกตา 32 นาย และพรุ่งนี้จะเดินทางเข้ามาอีก 7 นาย โดยทหารทุกนายผ่านการตรวจตามมาตรการของ ศบค. และเข้ากักตัวในสถานกักตัวทางเลือก หรือ ASQ

Advertising

“พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ได้รับบรรจุบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ขึ้นทะเบียนมรดกโลก

People Unity News : นายกฯชื่นชม “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ได้รับบรรจุบัญชีรายชื่อเบื้องต้น ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ย้ำทุกการดำเนินงานให้คำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ และประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

19 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ นำเสนอแหล่งมรดกทางธรรมชาติพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกเข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั้น เป็นที่น่ายินดีว่า เว็บไซต์ของ ศูนย์มรดกโลก องค์การยูเนสโก ได้บรรจุ “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) เพื่อเสนอขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภายหลังทราบข่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวยินดีและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้เดินหน้าผลักดันจนประสบความสำเร็จไปขั้นหนึ่ง พร้อมย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยงานคำนึงถึงทรัพยากรธรรมชาติ และประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ และประเทศเป็นหลัก เพราะการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจให้คนไทย รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนอีกทางหนึ่งด้วย

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ที่นำเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลตลอดชายฝั่งทะเลอันดามันที่อยู่ตอนบนของคาบสมุทรไทย ในเขต จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต รวมทั้งสิ้น 6 อุทยานแห่งชาติ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง อุทยานแห่งชาติแหลมสน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อุทยานแห่งชาติสิรินาถ รวมไปถึงพื้นที่ป่าชายเลนจังหวัดระนอง และพื้นที่สงวนชีวมณฑลระนอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบของนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญทางฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย 3 นิเวศภูมิภาค (Ecoregion) ที่สำคัญ คือ นิเวศภูมิภาคป่าชายเลนและกลุ่มเกาะชายฝั่งนิเวศภูมิภาคหมู่เกาะทะเลลึก และนิเวศภูมิภาคชายหาดและป่าสันทรายชายฝั่ง ทั้งนี้เว็บไซต์ UNESCO ระบุว่า โดยรวมแล้ว “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” ของประเทศไทยก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ละพื้นที่เป็นตัวอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ของความงามตามธรรมชาติ และเมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วยังสร้างห้องเรียนประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ เป็นหนังสืออ้างอิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่รวมอยู่ในประเทศเดียว “พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน” เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของภูมิประเทศ และตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ที่สร้างความซับซ้อนและความหลากหลายของภูมิประเทศที่ไม่มีใครเทียบได้

Advertising

กทม. เปิดสายด่วนโควิด (EOC) 50 เขต รับผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษา

People Unity News : กทม. เปิดสายด่วนโควิด (EOC) 50 เขต รับผู้ป่วยโควิดเข้าสู่ระบบการรักษา

15 ม.ค. 65 กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินสำนักงานเขต (Emergency Operation Center: EOC) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรับและนำส่งผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเข้าถึงผู้ป่วยภายใน 12 ชม.

สำหรับประชาชนในกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ (เขตคลองเตย เขตบางคอแหลม เขตบางนา เขตบางรัก เขตปทุมวัน เขตพระโขนง เขตยานนาวา เขตวัฒนา เขตสวนหลวง เขตสาทร) หมายเลขโทรศัพท์สายตรงจะเปิดใช้วันที่ 17 ม.ค. 65 ระหว่างนี้สามารถโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 หรือสายด่วนศูนย์เอราวัณ 1669 กด 2

Advertising

“ชัชชาติ” สั่งเพิ่มกระสอบทราย 2.5 ล้านกระสอบ รับมือพายุโนรู

People Unity News : 27 กันยายน 2565 กทม.เตรียมพร้อมรับพายุโนรู ซึ่ง กทม.ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ ในช่วงวันที่ 28-29 ก.ย.นี้ จึงสั่งการให้เพิ่มการจัดวางแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วม 2.5 ล้านกระสอบ

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กำชับให้เร่งระบายน้ำในคลองต่างๆ ให้มากที่สุด และเสริมคันกั้นน้ำบริเวณจุดอ่อนน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อซื้อกระสอบทราย 2.5 ล้านกระสอบแล้ว โดยจะกระจายให้ชุมชนช่วยกัน วางป้องกันกันเองในเบื้องต้นเพราะชุมชนจะรู้ว่าพื้นที่ไหนเสี่ยงน้ำท่วม โดย กทม.จะสนับสนุนอุปกรณ์ ช่วยบรรเทาความเสียหาย วางแนวกระสอบทรายกั้นพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกจุดฟันหลอและเพิ่มแนวป้องกันให้สูงขึ้นจากเดิม และให้เจ้าหน้าที่ทำฉากทัศน์ ถึงความเป็นไปได้ของเส้นทางพายุว่าจะกระทบกับพื้นที่ส่วนใดบ้าง โดยเฉพาะการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และการระบายน้ำมาทางเจ้าพระยา ส่วนจำนวนกระสอบทรายขณะนี้มีความพร้อมแล้ว 200,000 กระสอบ และเพิ่มอีก 2.5 ล้านกระสอบ ที่จัดสรรงบฯล่าสุด ซึ่งจะร่วมกับหลายหน่วยงานเรียงกระสอบทรายริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตั้งวางเครื่องสูบน้ำ และเตรียมจุดพักฉุกเฉินไว้รองรับด้วย

นอกจากนี้ กทม.ยังเตรียมระบบป้องกัน แจ้งเตือนฝนไปยังเขตก่อน 2 ชั่วโมง ให้เขตเตรียมพร้อมและลงพื้นที่ตรวจตราความพร้อม และเมื่อเกิดเหตุฝนตก จะจัดเตรียมหน่วยช่วยเหลือประชาชน รถรับ-ส่ง ศูนย์ซ่อม รถลาก เพื่ออำนวยความสะดวกในเส้นทางต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

Advertisement

โฆษกดีอีเอสยืนยันเบอร์มือถือที่ผูกพร้อมเพย์ ไม่มีใครล่วงรู้ยอดเงินในบัญชีได้

People Unity News : โฆษกดีอีเอสเตือนอย่าหลงเชื่อหากผู้อื่นรู้เบอร์มือถือที่ผูกพร้อมเพย์ ทำให้รู้ยอดเงินในธนาคารได้แจงธนาคารและบริษัทที่ดูแลระบบกลางไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผย หรือขายต่อข้อมูลได้ เพราะมีกฎหมายควบคุม

29 ส.ค.64 นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า ตามที่มีการแชร์ข้อความเตือนในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง หากผู้อื่นรู้เบอร์มือถือที่ผูกพร้อมเพย์ ทำให้รู้ยอดเงินในธนาคารได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ และชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง เนื่องจากธนาคารและบริษัทที่ดูแลระบบกลาง ไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผย หรือขายต่อข้อมูลได้ เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่ คือ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ร.บ.ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และ พ.ร.ฎ.ควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนั้นมีประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่กำหนดในเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการพร้อมเพย์ทั้งธนาคารพาณิชย์ และผู้ให้บริการระบบกลางพร้อมเพย์ต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งธนาคารพาณิชย์และบริษัทที่ดูแลระบบกลาง เป็นระบบปิดที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ISO 27001 คนภายนอกไม่สามารถต่อเข้ากับระบบพร้อมเพย์ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตทั่วไปได้ รวมถึงการดูแลระบบสารสนเทศ (IT) ในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมาตรฐานความถูกต้อง ความพร้อมใช้ของระบบการดูแลการเข้าถึงข้อมูล การสำรองข้อมูล และการมีแผนรองรับกรณีฉุกเฉิน

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือโทร. 02 2835353

Advertising

Verified by ExactMetrics