วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

เผยพระครูที่ถูกกราดยิงเสียชีวิตเป็นมิตรกับมุสลิมและเชื่อมชาวพุทธ-มุสลิมในพื้นที่มาต่อเนื่อง

People unity : จากเหตุการณ์เศร้าสลด ที่สะเทือนจิตใจชาวพุทธอีกครั้ง และทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตกอยู่ในภาวะร้อนระอุและอึมครึมมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันนี้ (18 ม.ค.2562) ได้มีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน แต่งกายชุดดำคล้ายทหาร ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ บุกเข้าไปภายในวัดรัตนานุภาพ หรือ วัดโคกโก ซึ่งตั้งอยู่บ้านโคกโก ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แล้วกระจายกำลังกันใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่กุฏิพระ ส่งผลทำให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพลงพร้อมพระลูกวัดรวม 3 รูป และมีพระลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป

สำนักข่าวออนไลน์ People unity ได้รับทราบข้อมูลจากเฟซบุ๊คของ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญและมีบทบาทในพื้นที่ด้านการสร้างสันติสุขและความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้โพสต์ข้อความเปิดเผยว่า “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือ ท่านสว่าง คือหลักใจของชาวพุทธ เป็นมิตรของมุสลิม เป็นคนในพื้นที่ เป็นคนที่แกแจ๊ะนายูกับมุสลิมที่อยู่รอบข้าง เป็นพระที่ทำงานเพื่อพัฒนาสันติภาพและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้ สายสัมพันธ์ที่ท่านถักทอกำลังถูกแรงกระแทกอย่างหนัก”

ดร.พัทธ์ธีรา โพสต์อีกว่าข่าวที่ส่งเข้ามาและช็อคความรู้สึกมากที่สุดตั้งแต่ทำงานในชายแดนใต้มา คือวันนี้ที่ได้รับข่าวว่า พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือ ท่านสว่าง และท่านอู๊ด พระเลขาที่ช่วยงานท่านสว่างมาตลอด ถูกคนใจมาร ไม่ใช่มนุษย์ ไม่สมควรเรียกว่าเป็นนักรบ ผู้มีอุดมการณ์ใดๆทั้งสิ้นบุกยิงท่านถึงในวัดจนท่านมรณภาพ

#นักรบหรือคนมีอุดมการณ์ไม่ทำกับคนที่ไม่มีทางสู้ ไม่มีอาวุธ และที่สำคัญกับผู้ทรงศีล

เสียใจมากที่สุด จนไม่รู้จะพูดอะไรออกได้อีก

ได้แต่ขอกราบลาท่านด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจและจะจดจำความเมตตาที่ท่านมีให้เสมอมา

และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวพุทธในนราธิวาส ในสามจังหวัด ให้ตั้งมั่นในความมีสติและตระหนักรู้ในสัจธรรมคำสอนของพุทธองค์ในยามที่จิตใจถูกทุบตีให้เจ็บช้ำสั่นคลอน

กราบท่านด้วยความเคารพและอาลัยอย่างที่สุด

พัทธ์ธีรา

18 มกราคม 2562″

ข่าวด่วน : เผยพระครูที่ถูกกราดยิงเสียชีวิตเป็นมิตรกับมุสลิม และเชื่อมชาวพุทธ-มุสลิมในพื้นที่มาต่อเนื่อง

People unity : post 18 มกราคม 2562 เวลา 23.50 น.

ภาพจาก : มติชน

พายุฤดูร้อนถล่ม 31 จังหวัด ฝนฟ้าคะนอง-ลมแรง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 3 พฤษภาคม 2567 กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง วันนี้ (3 พ.ค.) ได้รับผลกระทบ 31 จังหวัด ในภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 5 มีผลกระทบในช่วงวันที่ 3-7 พฤษภาคม 2567

ในช่วงวันที่ 3–5 พ.ค. 67 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 พ.ค.67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

วันที่ 3 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร นครราชสีมา และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี และกาญจนบุรี

วันที่ 4 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดอุทัยธานี และกาญจนบุรี

วันที่ 5 – 6 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด

Advertisement

ศิริราชฯ เปิดตัว 2 นวัตกรรมใหม่ รักษาผู้ป่วยโรคสั่น-AI อ่านค่าวินิจฉัยโรคทรวงอก

People Unity News : 1 กุมภาพันธ์ 2566 ศิริราชพยาบาล เปิดตัว 2 นวัตกรรมการแพทย์แบบใหม่ ช่วยผู้ป่วยโรคสั่นไม่ทราบสาเหตุ รักษาหายได้ทันที เพียงแต่ยิงรังสีอัลตราซาวด์เข้าไปเฉพาะจุดผ่านชั้นผิวหนังลงไปในเนื้อสมอง ไม่ต้องผ่าตัดเปิดสมอง ในอนาคตจะนำนวัตกรรมนี้ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ส่วนอีกนวัตกรรมนำเทคโนโลยี AI อ่านค่าเอกซเรย์วินิจฉัยเกี่ยวกับ 8 กลุ่มโรคทรวงอก ได้อย่างแม่นยำ

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ร่วมกับ ศ.คลินิก พญ.อัญชลี ชูโรจน์ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา และ อ.พญ.ยุวดี พิทักษ์ปฐพี สาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ แถลงข่าวเปิดตัว 2 นวัตกรรม การพัฒนาการวินิจฉัยเอกซเรย์ด้วย AI และรักษาโรคสั่นที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย MRI และอัลตราซาวด์ โดยการรักษาพัฒนาใช้ AI ทำให้การอ่านและแปลผลการรักษาด้วยการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แตกต่างไปจากเดิม ที่เห็นเป็นสีขาวดำ การอ่านผลจะเปลี่ยนเป็นแสดงสีและตำแหน่ง ทำให้การวิเคราะห์ภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งระยะเวลาในการอ่านผลใช้เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น วินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ที่ผ่านมามีการใช้ในการวินิจฉัย 8 กลุ่มโรค ได้แก่ สภาวะปอดแฟบ, หัวใจโต, ปอดเป็นฝ้าขาว, ก้อนเนื้องอกที่มีขนาดใหญ่ กว่า 3 ซม., ก้อนเนื้องอกที่มีขนาดเล็กกว่า 3 ซม. สภาวะที่มีน้ำในเยื่อหุ้มปอด, สภาวะของปอดที่บวมน้ำ และสภาวะที่คล้ายวัณโรค

อ.พญ.ยุวดี กล่าวว่า ส่วนรักษาโรคสั่นที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย MRI และอัลตราซาวด์ มีการนำเครื่องที่ทันสมัย และเริ่มใช้ในต่างประเทศมารักษาผู้ป่วย โรคสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือจากพันธุกรรม โดยผู้ป่วยต้องมีการสั่นที่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการรับประทานอาหาร เขียนหนังสือ หรือ ธุรกรรมการเงิน จนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ เดิมการรักษาแบบนี้จะใช้การผ่าตัดเปิดสมอง แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้จะมีการยิงรังสีที่มีความร้อนลงไปตำแหน่งของเนื้อสมองใต้ผิวหนัง เพื่อให้เกิดรอย ลดอาการสั่น โดยที่ผ่านมาศิริราชมีการรักษาผู้ป่วยไปแล้ว 3 รายด้วยกัน ซึ่งการรักษานี้สามารถลดอาการสั่นได้ทันทีหลังรักษา ซึ่งการรักษาผู้ป่วยจะใช้ในผู้ที่มีอาการมือสั่นทั้ง 2 ข้าง และไม่ต้องการผ่าตัด ปัจจุบันพบให้พบดี แต่จะเป็นการรักษาอาการสั่นของมือข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น และยังไม่ครอบคลุมสิทธิการรักษา แต่ในอนาคตมีแนวโน้มนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในการรักษาโรคพาร์กินสัน

ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลนี้ เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ จึงราคาตก 200,000 บาท แต่เพื่อให้ประชาชนได้รับและเข้าถึงการรักษาด้วยวิธีการนี้ ทางศิริราชพยาบาลนำเข้าสู่ โครงการช่วยเหลือและรักษาของโรงพยาบาลศิริราช

Advertisement

ดีอีเอส เตือนข่าวปลอม! วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี

People Unity News : ดีอีเอส เตือนข่าวปลอม อย่าแชร์! วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ย้ำวัคซีนไฟเซอร์โควิด-19 ไม่มีส่วนผสมที่เป็นโลหะเป็นส่วนประกอบหรือสารออกฤทธิ์ และวัคซีนไม่สามารถทำให้เกิดการตอบสนองทางแม่เหล็กเมื่อฉีดเข้าไปตามที่กล่าวอ้างได้

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า  ตามที่มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารถึงประเด็นเรื่อง วัคซีน Pfizer มีส่วนผสมของแม่เหล็ก ทำให้มีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด พบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จในกรณีการเผยแพร่ข้อมูลโดยระบุว่า วัตถุดิบที่ใช้ผลิตวัคซีนที่ห้ามใช้ในคน แต่นำไปใช้ผลิตในวัคซีน Pfizer, Moderna ดร.ที่ทำงานวิจัย ขอร้องห้ามฉีดเพราะมีส่วนผสมของแม่เหล็ก อาจมีผลกระทบต่อร่างกายในอีก 1-2 ปี ภายหน้านั้น ทางบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด ได้ชี้แจงว่าวัคซีนไฟเซอร์โควิด-19 ไม่มีส่วนผสมที่เป็นโลหะเป็นส่วนประกอบหรือสารออกฤทธิ์ และวัคซีนไม่สามารถทำให้เกิดการตอบสนองทางแม่เหล็กเมื่อฉีดเข้าไปตามที่กล่าวอ้างได้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จํากัด สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pfizer.co.th หรือแหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข หรือจนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมในลักษณะนี้เกิดขึ้นทุกวัน การกระทำของผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

นอกจากนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์https://www.antifakenewscenter.com , เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER , ทวิตเตอร์ @AFNCThailand , ไลน์@antifakenewscenter และช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertising

อย. อนุมัติวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5 – 11 ปีแล้ว

People Unity News : อย. อนุมัติวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5 – 11 ปีแล้ว

วันนี้ 20 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติการใช้วัคซีนโคเมอร์เนตี (COMIRNATY VACCINE) ของ บ.ไฟเซอร์ จำกัด สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5 – 11 ปี เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว หลังก่อนหน้านี้อนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิในเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5 – 11 ปี จะใช้ปริมาณวัคซีน 1 ใน 3 (10 ไมโครกรัม) ของเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน ซึ่ง “ไฟเซอร์” นับเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ทาง อย. อนุมัติให้ใช้ในกลุ่มเด็กอายุดังกล่าว

Advertising

รัฐบาลพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิดพุ่ง เปิด 2 แอปพลิเคชันพบหมอออนไลน์ จัดยาส่งถึงบ้านฟรี

People Unity News : 16 กรกฎาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว คือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางปฏิบัติให้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดยผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด ไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการตามสิทธิรักษาของตน รับยาแล้วกลับมากักตัวที่บ้าน 7+3 วันต่อ กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 การรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

ในส่วนของผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร นอกจากการรักษาตามแนวทางดังกล่าวแล้ว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มการให้บริการการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นความร่วมมือกับ 2 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล ผ่าน แอป “Good Doctor Technology” และ แอป “MorDee (หมอดี)” กล่าวคือ เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 (เฉพาะสิทธิบัตรทอง) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเพียงอันใดอันหนึ่ง จะได้พบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งจะทำการประเมินอาการ และจัดส่งยาถึงบ้านตามความจำเป็นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso

“แม้โรคโควิด19 จะถูกปรับเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่การดูแลผู้ป่วยยังคงเป็นไปตามสิทธิการรักษาเหมือนเดิม และภายใต้สถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้วางระบบการให้บริการสาธารณสุขเพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที ป้องกันอาการที่อาจรุนแรงขึ้น การเพิ่มระบบการให้บริการแพทย์ทางไกลนี้ เป็นอีกช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ลดการแพร่ระบาดของโรค  ทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

MEA ห่วงใย เตือนระวังอัคคีภัย แนะนำใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัยพร้อมเข้าสู่ฤดูร้อน

People Unity News : 5 มีนาคม 2566 ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ วันที่ 3 มีนาคม 2566 ประเทศไทยจะสิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ในวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยในตอนกลางวันพื้นที่ส่วนใหญ่บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปอย่างต่อเนื่อง อุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ 35 องศาเซลเซียลขึ้นไป ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกเฉียงใต้หรือลมฝ่ายใต้พัดปกคลุมแทน ซึ่งเป็นการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย และคาดว่าฤดูร้อนจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2566

นายคมกริช สาคริก ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง เปิดเผยว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับความมั่นคง ปลอดภัย ของระบบไฟฟ้า พร้อมใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับความห่วงใยคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงขอแนะนำให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น สายไฟฟ้าจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ฉนวนไม่แตกกรอบ เปลี่ยนสี แผงเมนสวิตช์ จะต้องอยู่ในที่สภาพสมบูรณ์ ใต้แผงเมนสวิตช์ต้องปราศจากวัสดุที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น ผ้า กระดาษ น้ำมัน เป็นต้น อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ต้องทำงานอย่างเป็นปกติ ควรตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายไฟฟ้า ฉนวนของอุปกรณ์ เต้าเสียบไม่ชำรุด แตกร้าวและไม่ควรเสียบใช้งานเป็นระยะเวลานาน ต้องตรวจสอบความปลอดภัยหากชำรุดเสี่ยงเกิดอัคคีภัยได้ รวมไปถึงหากต้องออกไปนอกบ้าน หรือเข้านอน ควรปิดสวิตช์ถอดปลั๊กให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และยังเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง สำหรับบ้านหรือสำนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในช่วงดังกล่าวควรปิดเมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ MEA ได้ทุกเขต หรือที่ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงสามารถแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้แก่ MEA Smart Life Application ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line: MEA Connect (@MEAthailand), Twitter: @mea_news รวมถึง MEA Call Center โทร 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

People Unity News : ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

Q: ผู้ได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ต้องเสียชีวิตทุกรายหรือไม่??

A: ไม่ทุกราย โดยพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 80 สามารถหายจากอาการป่วยได้เอง และพบผู้มีอาการป่วยหนักอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 เท่านั้น ทั้งนี้พบว่าผู้ที่มีความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อไวรัสฯแล้วอาจถึงขั้นเสียชีวิต คือกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ

ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

COVID-19

โฆษณา

เงินเยียวยาถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 7 ล้านราย ย้ำยื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันพรุ่งนี้ 5 มิ.ย.

People Unity News : เงินเยียวยา ถึงมือเกษตรกรแล้วกว่า 7 ล้านราย ย้ำยื่นอุทธรณ์ถึง 5 มิ.ย.นี้ พร้อมฝากถึงเกษตรกร นำเงินที่ได้ใช้เพื่อการยังชีพและลุงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าจากที่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้ สศก. ในฐานะนายทะเบียน ดำเนินการรวบรวม และจัดทำระบบคัดกรองข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยจ่ายเงินตรงผ่านบัญชี จำนวน 5,000 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563 ซึ่ง สศก. ได้ส่งรายชื่อเกษตรกรกลุ่มที่ 1 และ 2 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้วรวม 7.59 ล้านราย

ล่าสุด ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วตั้งแต่วันที่ 15-31 พฤษภาคม 63 จำนวน 7,103,721 ราย รวมเงิน 35,518 ล้านบาท  ส่วนเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนไว้ภายใน 15 พฤษภาคม ธ.ก.ส. จะเร่งโอนเงินให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนมิถุนายน สำหรับเกษตรกรที่ยังไม่เสร็จสิ้นขั้นตอนการขึ้นทะเบียน จะได้รับเงินครั้งเดียว 15,000 บาท ภายใน 15 ส.ค.63 โดยเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนโครงการช่วยเหลือเยียวยา แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา สามารถดำเนินการอุทธรณ์ได้แล้วจนถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2563  ส่วนเกษตรกรชุดสุดท้ายสามารถอุทธรณ์ได้จนถึง 15 ส.ค.63

จากการติดตามผ่านหน่วยงานในพื้นที่ทั้ง 8 หน่วยงาน ของ สศก. พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค. – 31 พ.ค. 2563 ทั้ง 8 หน่วยงานรับเรื่องอุทธรณ์เยียวยา รวมทั้งสิ้น 48,621 ราย จำนวน 49,054 เรื่อง  แบ่งเป็น กรมส่งเสริมการเกษตร 44,881 เรื่อง กรมปศุสัตว์ 2,933 เรื่อง  กรมประมง 439 เรื่อง  การยางแห่งประเทศไทย 742 เรื่อง  สำนักงานคณะกรรมการอ้อย และน้ำตาลทราย 50 เรื่อง กรมหม่อนไหม 6 เรื่อง และกรมสรรพสามิต (ทะเบียนยาสูบ) 3 เรื่อง ผลการดำเนินงาน ณ 31 พฤษภาคม 63 พบว่า ขณะนี้หน่วยงานในระดับพื้นที่ได้แก้ไขปัญหาแล้ว 6,823 เรื่อง อยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานต้นสังกัด 40,598 เรื่อง และเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ฯ 1,633 เรื่อง

ด้าน นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวว่า จากการติดตามสอบถามเกษตรกรที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว พบว่า ส่วนใหญ่จะนำเงินไปใช้จ่ายค่าครองชีพ ของกิน ของใช้ประจำวัน นำเงินไปต่อยอดทำมาหากิน เช่น จ่ายค่าเช่าที่ทำกิน ซื้อเมล็ดพันธุ์ ซื้อพันธุ์ปลา ซื้ออุปกรณ์จับปลา เครื่องมือทำมาหากิน ฯลฯ ที่เหลือจะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูกหลาน ค่ารักษาดูแลสุขภาพ  และนำไปใช้อื่นๆ ตามความจำเป็น เช่น ค่ารถ ค่าไฟฟ้า ค่ามือถือ ค่าน้ำ เป็นต้นโดย วันที่ 4 มิถุนายนนี้ สศก. จะประชุมคณะกรรมการติดตามประเมินผลโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณากรอบ แนวทาง และวิธีการติดตามประเมินผลโครงการ เพื่อให้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ภายหลังจากเกษตรกรที่ได้รับเงินเยียวยาแล้ว  โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าให้ทราบโดยเร็วต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับเกษตรกรที่ยังมีปัญหา หน่วยงานในระดับพื้นที่ที่เรื่องอุทธรณ์จะได้หาทางแก้ไข หรือ เสนอคณะกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ฯ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงทุกราย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ได้กำชับให้ข้าราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่มีรายชื่อตกหล่น หรือไม่ได้รับสิทธิ์ หรือไม่เห็นด้วยกับผลการคัดกรอง สามารถมายื่นอุทธรณ์ได้จนถึงวันที่ 5 มิถุนายนนี้ และสามารถเข้าตรวจสอบที่ www.moac.go.th  ซึ่งเป็นเว็บไซต์หลักของกระทรวง ใช้ตรวจสอบข้อมูลได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว ทั้งผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ตรวจสอบสิทธิ์เงินเยียวยาเกษตรกร ตรวจสอบผลการโอนเงิน แจ้งช่องทางการรับเงินโอน ของทาง ธ.ก.ส. และตรวจสอบสถานะอุทธรณ์เงินเยียวยาเกษตรกร ทั้งนี้ อยากฝากถึงเกษตรกรทุกท่านที่ได้รับเงินเยียวยา ได้นำไปใช้เพื่อการยังชีพให้เหมาะสม หรือนำไปลงทุนให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการทำการเกษตรต่อไป

Advertising

ด่วน!! ทูตไทยแจ้งมีคนไทยเสียชีวิต 1 ราย อีก 1 รายยังหาไม่พบ

People Unity News : 30 ตุลาคม 2565 นายบัญชา ยืนยงจงเจริญ อัครราชทูต สถานทูตไทย ณ กรุงโซล ให้สัมภาษณ์ได้รับแจ้งมีคนไทยเสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตาย เป็นผู้หญิง อายุ 27 ปี กำลังตรวจสอบกับตำรวจเกาหลีใต้ และ รพ. เพื่อประสานครอบครัวและญาติทราบ ส่วนผู้บาดเจ็บยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม ได้รับรายงานมีคนไทยอีกคนยังหาไม่พบ เร่งประสานตามตัว

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิต ล่าสุดอยู่ที่ 151 ราย บาดเจ็บ 82 ราย ทางการเกาหลีเร่งตรวจสอบสาเหตุ จากรายงานข่าวไม่ได้เกิดจากเพลิงไหม้ แต่เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเบียดเสียดกันไปฉลองฮาโลวีน ประกอบกับถนนแคบ ทำให้เกิดเหตุสลด ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น

หากต้องการความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ติดต่อเบอร์ฮอตไลน์ 010 6747 0095 หรือ 010 3099 2995 ตลอด 24 ชม.

Advertisement

Verified by ExactMetrics