วันที่ 20 เมษายน 2024

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-ตะวันออก ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก

People Unity News : 14 มิถุนายน 2566 กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ส่วนมากบริเวณด้านรับมรสุม โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

Advertisement

เผยพระครูที่ถูกกราดยิงเสียชีวิตเป็นมิตรกับมุสลิมและเชื่อมชาวพุทธ-มุสลิมในพื้นที่มาต่อเนื่อง

People unity : จากเหตุการณ์เศร้าสลด ที่สะเทือนจิตใจชาวพุทธอีกครั้ง และทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตกอยู่ในภาวะร้อนระอุและอึมครึมมากยิ่งขึ้น ซึ่งได้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันนี้ (18 ม.ค.2562) ได้มีคนร้ายจำนวนกว่า 10 คน แต่งกายชุดดำคล้ายทหาร ขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ บุกเข้าไปภายในวัดรัตนานุภาพ หรือ วัดโคกโก ซึ่งตั้งอยู่บ้านโคกโก ม.2 ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แล้วกระจายกำลังกันใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่กุฏิพระ ส่งผลทำให้ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี และเป็นเจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ มรณภาพลงพร้อมพระลูกวัดรวม 3 รูป และมีพระลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป

สำนักข่าวออนไลน์ People unity ได้รับทราบข้อมูลจากเฟซบุ๊คของ ดร.พัทธ์ธีรา นาคอุไรรัตน์ อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญและมีบทบาทในพื้นที่ด้านการสร้างสันติสุขและความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้โพสต์ข้อความเปิดเผยว่า “พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือ ท่านสว่าง คือหลักใจของชาวพุทธ เป็นมิตรของมุสลิม เป็นคนในพื้นที่ เป็นคนที่แกแจ๊ะนายูกับมุสลิมที่อยู่รอบข้าง เป็นพระที่ทำงานเพื่อพัฒนาสันติภาพและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างศาสนิกในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้ สายสัมพันธ์ที่ท่านถักทอกำลังถูกแรงกระแทกอย่างหนัก”

ดร.พัทธ์ธีรา โพสต์อีกว่าข่าวที่ส่งเข้ามาและช็อคความรู้สึกมากที่สุดตั้งแต่ทำงานในชายแดนใต้มา คือวันนี้ที่ได้รับข่าวว่า พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือ ท่านสว่าง และท่านอู๊ด พระเลขาที่ช่วยงานท่านสว่างมาตลอด ถูกคนใจมาร ไม่ใช่มนุษย์ ไม่สมควรเรียกว่าเป็นนักรบ ผู้มีอุดมการณ์ใดๆทั้งสิ้นบุกยิงท่านถึงในวัดจนท่านมรณภาพ

#นักรบหรือคนมีอุดมการณ์ไม่ทำกับคนที่ไม่มีทางสู้ ไม่มีอาวุธ และที่สำคัญกับผู้ทรงศีล

เสียใจมากที่สุด จนไม่รู้จะพูดอะไรออกได้อีก

ได้แต่ขอกราบลาท่านด้วยความเคารพอย่างสุดหัวใจและจะจดจำความเมตตาที่ท่านมีให้เสมอมา

และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวพุทธในนราธิวาส ในสามจังหวัด ให้ตั้งมั่นในความมีสติและตระหนักรู้ในสัจธรรมคำสอนของพุทธองค์ในยามที่จิตใจถูกทุบตีให้เจ็บช้ำสั่นคลอน

กราบท่านด้วยความเคารพและอาลัยอย่างที่สุด

พัทธ์ธีรา

18 มกราคม 2562″

ข่าวด่วน : เผยพระครูที่ถูกกราดยิงเสียชีวิตเป็นมิตรกับมุสลิม และเชื่อมชาวพุทธ-มุสลิมในพื้นที่มาต่อเนื่อง

People unity : post 18 มกราคม 2562 เวลา 23.50 น.

ภาพจาก : มติชน

สำนักงานสลากเตือนห้ามนำสลากไปขายส่งหรือขายปลีกทางออนไลน์ ระบุผิดเงื่อนไขสัญญา

People Unity News : สำนักงานสลากฯ เตือนตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองล่วงหน้าฯ ห้ามนำสลากไปขายส่งหรือขายต่อทางออนไลน์

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อผู้สื่อข่าวกรณีที่มีการนำสลากกินแบ่งรัฐบาล ไปโพสต์ขายผ่านเครือข่าวสังคมออนไลน์หน้าเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งกำลังอยู่ในความสนใจว่า สำนักงานสลากฯ ขอเตือนตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และผู้ซื้อจองล่วงหน้าฯ การนำสลากไปขายต่อผ่านเว็บไซต์เหล่านั้น เป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา และหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย ตามที่กำหนดให้ตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อจองล่วงหน้าฯ มีหน้าที่ต้องไปขายด้วยตนเองทุกงวดตลอดอายุสัญญา และต้องขายในลักษณะขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคโดยตรงเท่านั้น ห้ามนำไปขายส่ง หรือขายให้แก่ผู้ที่ซื้อสลากเพื่อนำไปขายต่อเป็นอันขาด หากตรวจพบว่าไม่ได้ขายด้วยตนเองจะถือว่าผิดสัญญา และสำนักงานฯ จะบอกเลิกสัญญา รวมถึงยกเลิกสิทธิการลงทะเบียน กรณีเป็นผู้ซื้อจองล่วงหน้า และผู้ที่จำหน่ายสลากเกินราคา มีความผิดตามกฎหมายระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

พร้อมกันนั้น ขอเตือนให้ผู้ซื้อสลากเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อสลากผ่านระบบการจำหน่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยหากซื้อไปแล้วแต่ไม่ได้รับใบสลากมาไว้ในครอบครอง เมื่อถูกรางวัล อาจไม่สามารถนำสลากขอรับเงินรางวัลได้ ในส่วนการดำเนินการกับเว็บไซต์ต่างๆนั้น ขณะนี้สำนักงานฯ กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.บุญส่ง กล่าวว่า ยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการจำหน่ายสลากทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการจำหน่าย ตรวจสอบราคา รวมถึงการทำสลากรวมชุดเพื่อนำมาพิจารณาลงโทษยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่าย หากมีการนำสลากฯไปขายต่อทำกำไร หรือผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา

Advertising

โฆษกกระทรวงดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดก่อนส่งสินค้า

People Unity News : 31 กรกฎาคม 2565 โฆษกดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดโอนก่อนส่งสินค้า หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการแจ้งเตือนพ่อค้าแม่ค้าระวังภัยออนไลน์จากลูกค้าใช้สลิปบัญชีธนาคารปลอมแจ้งว่าชำระเงินแล้ว หลอกให้ส่งของโดยไม่ได้โอนเงินจริง และพบมีคนทำโปรแกรมสร้างสลิปปลอมมาขาย โดยสามารถกรอกชื่อผู้รับ ผู้โอนเป็นใครก็ได้ ตัวเลขเท่าใด โอนวันไหน เวลาไหน แล้ว สร้างภาพสลิปออกมา จึงขอแจ้งเตือนให้พ่อค้า แม่ค้า ระมัดระวัง ควรสังเกตสลิปก่อนที่จะส่งของให้ลูกค้า ตรวจสอบยอดเงินโอนในมือถือก่อนว่ามียอดเงินเข้ามาแล้วจริงๆ ก่อนส่งมอบสินค้า ทั้งนี้โดยทั่วไป การทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ในแต่ละครั้งธนาคารจะมีการบันทึกสลิปการทำธุรกรรมที่มีระบุรายละเอียดในการโอนเงิน คือ ชื่อผู้รับ/ผู้ส่ง, วัน เดือน ปี เวลา ที่ทำรายการ, จำนวนเงิน, QR Code เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือมีปัญหาในการทำธุรกรรม

“ในกรณีสลิปปลอมมิจฉาชีพอาจจะใช้ช่องโหว่ของภาพสลิปมาดัดแปลง ทำซ้ำ เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า ที่ไม่ได้ทันสังเกต เห็นภาพสลิปโอนเงินปลอม ที่มิจฉาชีพแสดงหรือส่งไลน์ไปเป็นหลักฐานให้กับร้านค้าต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมปลอมสลิป เพราะสามารถใช้แอป แต่งรูปภาพบนสมาร์ทโฟนทำได้เลย”

สำหรับวิธีการตรวจสอบสลิปปลอม มีดังนี้

สังเกตภาพของสลิปโอนเงินว่าตัวหนังสือ และตัวเลขต่างๆ มีความสม่ำเสมอ อักษรเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ สลิปปลอมส่วนใหญ่ ตัวหนังสือบนสลิป เช่น เวลา วันที่ จำนวนเงิน ชื่อบัญชีผู้รับโอน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตัวหนังสือบนสลิปจะมีความหนา-บางไม่เท่ากัน หรืออาจจะเป็นตัวหนังสือคนละประเภทกัน และตรวจสอบยอดเงิน ชื่อบัญชีของผู้รับโอนด้วย ว่าเป็นบัญชีของเราหรือไม่ ยอดเงินถูกต้องหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายลักษณะนี้ โอกาสเป็นสลิปปลอมสูงมาก

สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินที่ต้องการตรวจสอบ ทั้งนี้สลิปโอนเงินจากแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ จะมี QR Code ให้เราสามารถตรวจสอบสลิปปลอมได้ ทำได้โดยเข้าไปที่แอปของธนาคารที่เรารับโอน จากนั้นกด “สแกน QR Code” ใช้กล้องโทรศัพท์สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินของลูกค้า หรือถ้ามีรูปสลิปโอนเงินอยู่ในโทรศัพท์อยู่แล้ว สามารถเลือกรูปสลิปที่อยู่ในอัลบั้มภาพที่เรา save มาตรวจสอบได้เลย ระบบก็จะตรวจสอบให้เราได้เห็นว่ายอดเงินที่โอนเข้ามาตรงกับสลิปหรือไม่ หากยอดเงินไม่ตรง หรือว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นไปได้ว่าลูกค้าอาจส่งสลิปปลอมให้แทน

ใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งวิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีการตรวจสลิปปลอมได้โดยตรงก็ตาม แต่การใช้ประโยชน์จากบริการแจ้งเตือนของธนาคาร ทำให้เราสามารถ รับการแจ้งเตือน ยอดเงินเข้า – ออกจากบัญชีของธนาคาร เพื่อตรวจสอบยอดโอนของลูกค้าว่าโอนเงินเข้ามาจริงหรือเปล่า ตรงตามยอดที่ตกลงกันไว้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับสลิปโอนเงินที่ลูกค้าส่งมา

ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีฟังก์ชันตรวจสอบสลิปการโอนเงินอัตโนมัติ กรณีที่ร้านค้าออนไลน์มียอดการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก และมีการโอนเงินเข้าหลายรายการ สามารถเลือกใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีระบบตรวจสอบสลิป และยอดเงินเข้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ร้านค้าประหยัดเวลา และลดขั้นตอนการตรวจสอบสลิปปลอม

“หากส่งสินค้าไปแล้ว พบว่าเป็นสลิปปลอม หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทขนส่งต่างๆ เพื่ออายัดการส่งของให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อบรรเทาความเสียหาย หากปล่อยเป็นระยะเวลานานจะทำให้ไม่สามารถติดตามเอาสินค้าคืนได้ สงสัยสอบถามข้อมูลและแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ 1212 (24 ชม.), บช.สอท. โทร.1441” นางสาวนพวรรณ กล่าว

Advertisement

กรมธนารักษ์เข้าจัดการที่ราชพัสดุกรมชลประทาน กำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ 3 โซน

People Unity News : 27 กันยายน 2566 กรมธนารักษ์จับมือกรมชลประทานแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน

วันนี้ (27 กันยายน 2566) ณ กรมธนารักษ์ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน

นายจำเริญ เปิดเผยว่า ภายใต้บันทึกข้อตกลงดังกล่าว กรมธนารักษ์และกรมชลประทานจะร่วมมือกันเพื่อการบูรณาการประสานความร่วมมือกำหนดแนวทางการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน หลักการ คือ ใช้ประโยชน์ในราชการของกรมชลประทานและนำกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุมาผ่อนปรนให้ราษฎรสามารถอาศัยทำกินได้ในพื้นที่ที่กรมชลประทานเห็นชอบ โดยการกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน (Zoning) แบ่งออกจำนวน 3 โซน ดังนี้

โซนที่ 1 พื้นที่เพื่อการชลประทานเป็นหลัก

โซนที่ 2 พื้นที่ผ่อนปรน กรมชลประทานยังคงสงวนไว้ใช้ประโยชน์ในการชลประทานแต่ขณะนี้ยังไม่มีแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ชัดเจนและเห็นชอบร่วมกันให้มีการยินยอมผ่อนปรนให้สามารถนำที่ดินมาจัดให้ราษฎรเช่าเป็นการชั่วคราวภายใต้เงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดิน และระยะเวลาการเช่าที่ทางราชการกำหนด

โซนที่ 3 พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ กรณีกรมชลประทานไม่ประสงค์สงวนไว้ใช้ประโยชน์ในการชลประทานอีกต่อไป เนื่องจากหมดความจำเป็นหรือเคยใช้ประโยชน์แต่ต่อมาเลิกใช้ประโยชน์แล้ว ยินยอมส่งคืนให้กรมธนารักษ์นำมาบริหารจัดการตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ รวมถึงการบูรณาการ เรื่อง การจัดทำข้อมูลด้านทะเบียนที่ราชพัสดุและข้อมูลการบุกรุกที่ราชพัสดุโดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะเป็นแนวทางการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของทั้งสองหน่วยงานในการทำงานร่วมกันต่อไป โดยในการดำเนินการจังหวัดเจ้าของพื้นที่จะแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นมาคณะหนึ่ง เพื่อให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่

นายจำเริญกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับการลงนามบันทึกความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานในครั้งนี้ได้ตกลงร่วมกันในการบูรณาการความร่วมมือดำเนินการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของกรมชลประทาน ในพื้นที่โครงการนำร่อง จำนวน 6 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เชียงราย นครปฐม เพชรบุรี สุรินทร์ และนครนายก สำหรับพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ให้สำนักงานธนารักษ์พื้นที่และหน่วยงานกรมชลประทานที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นสามารถดำเนินการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุตามแนวทางและมาตรการที่กรมธนารักษ์และกรมชลประทานได้ตกลงร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ได้ด้วยเช่นกัน

Advertisement

WHO เผยยอดป่วยโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุ 500 ล้านรายแล้ว ทวีปยุโรปและอเมริกาป่วย-ตายสูงสุด

People Unity News : 15 เมษายน 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ได้รับการยืนยันผลพุ่งสูงเกิน 500 ล้านรายแล้ว

จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลทั่วโลกอยู่ที่ 500,186,525 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 6,190,349 ราย เมื่อนับถึง 18.36 น. ตามเวลามาตรฐานสากล

สหรัฐฯ มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลและผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลกด้วยผู้ป่วยสะสมมากกว่า 79.71 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 979,321 ราย ซึ่งต่างคิดเป็นเกือบร้อยละ 16 ของทั้งโลก

รองลงมาคืออินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมสูงเกิน 43 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 521,737 ราย และบราซิลมีผู้ป่วยสะสมสูงเกิน 30 ล้านราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 661,493 ราย

ปัจจุบันภูมิภาคยุโรปและอเมริกา มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลสูงเกิน 209 ล้านราย และ 151 ล้านราย รวมถึงผู้ป่วยเสียชีวิต 1,964,786 ราย และ 2,711,779 ราย

ภูมิภาคข้างต้นทั้งสองมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันผลสะสมรวมกันคิดเป็นกว่าร้อยละ 72 ของผู้ป่วยยืนยันผลทั่วโลก และมีผู้ป่วยเสียชีวิตรวมกันคิดเป็นกว่าร้อยละ 75 ของผู้ป่วยเสียชีวิตทั่วโลก

ทั้งนี้ องค์การฯ เตือนว่าโรคโควิด-19 ยังคงเป็นเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ แม้จำนวนผู้ป่วยใหม่และผู้ป่วยเสียชีวิตรายสัปดาห์ลดลงต่อเนื่อง จึงแนะนำประเทศต่างๆ เตรียมพร้อมรับมืออย่างรวดเร็ว

Advertisement

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และภูกระดึง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานมรดกอาเซียน

People Unity News : 26 สิงหาคม 2566 อุทยานแห่งชาติ 2 แห่งของไทย ได้รับประกาศขึ้นทะเบียนเป็น  “อุทยานมรดกอาเซียน” อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมโรงเรียนไทยได้รางวัลสร้างจิตสำนึกด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 17 (the 17th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment: 17th AMME) เมื่อวันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานมรดกอาเซียน แห่งที่ 56 และ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานมรดกอาเซียน แห่งที่ 57 อย่างเป็นทางการแล้ว

พร้อมกันนี้ โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ยังได้ขึ้นรับรางวัล ASEAN Eco-Schools ระดับมัธยมศึกษาและระดับประถมศึกษา โดยถือเป็นโรงเรียนที่มีการพัฒนาการเรียนการสอนตามหลักการของโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Eco-School) ซึ่งได้นำแนวคิดการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Approach) ประกอบด้วย 4 พันธกิจ ได้แก่ นโยบาย การจัดการเรียนการสอน การจัดการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน และการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วม มาเป็นกรอบในการพัฒนาโรงเรียน จนสามารถสร้างความตระหนัก และจิตสำนึกด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับผู้เรียนได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นายมนตรี เจือไธสง อาจารย์จากโรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้ารับรางวัล ASEAN Youth Eco-Champions ในการประชุมครั้งนี้ด้วย

Advertisement

คปภ. ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบกรณีน้ำท่วม

People Unity News : 13 กันยายน 2565 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในประเทศไทยที่มีฝนตกหนักถึงหนักมากและในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สิน และพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นอย่างมากและได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆอย่างใกล้ชิด โดยได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาคกำหนดมาตรการในการดูแลช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม พร้อมดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม ณ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ สำนักงาน คปภ. เขตบางนา สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทั่วประเทศ โดยศูนย์ดังกล่าวมีหน้าที่อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยในการรับแจ้ง ตรวจสอบข้อมูลและเอกสารการจัดทำประกันภัย รวมทั้งติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ประชาชนผู้เอาประกันภัย และบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย เพื่ออำนวยความสะดวกและเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มที่

อีกทั้งยังได้กำหนดช่องทางในการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชนผู้ประกันภัยในการแจ้งข้อมูลด้านการประกันภัย โดยเพิ่มช่องทางในการแจ้งข้อมูลการช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายสามารถแจ้งข้อมูลและขอรับการช่วยเหลือด้านการประกันภัย ผ่านช่องทาง E-mail : floodppd@oic.or.th มายังสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ หลังจากนั้นสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์จะรวบรวมตรวจสอบ และประสานไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อให้การดูแลด้านประกันภัยแก่ผู้เอาประกันภัยต่อไป ทั้งนี้ ได้มอบหมายผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการและประสานงานด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสถานการณ์น้ำท่วม

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ยังได้มีหนังสือถึงนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และนายกสมาคมประกันชีวิตไทย ให้แจ้งบริษัทสมาชิก ได้ติดตามสถานการณ์และกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านประกันภัย พร้อมทั้งเข้าตรวจสอบความเสียหายเพื่อเตรียมพร้อมในการพิจารณาชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม นอกจากนี้ ได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ.ภาค/จังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสบภัยรีบสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนและทรัพย์สิน โดยเฉพาะรถยนต์ที่มักจะได้รับความเสียหายเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โดยให้ยึดถือแนวปฏิบัติตามมาตรฐานการซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ คือ ระดับ A น้ำท่วมถึงพื้นรถยนต์ ประเมินค่าซ่อม 8,000-10,000 บาท ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง ประเมินค่าซ่อม 15,000-20,000 บาท ระดับ C น้ำท่วมถึงส่วนล่างของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อม 25,000-30,000 บาท ระดับ D น้ำท่วมถึงส่วนบนของคอนโซลหน้า ประเมินค่าซ่อมเริ่มต้นที่ 30,000 บาทขึ้นไป และระดับ E รถยนต์จมน้ำทั้งคัน ซึ่งในกรณีนี้บริษัทจะคืนทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัย

ทั้งนี้ ขอให้ผู้เอาประกันภัยแสดงรายละเอียดของความสูญเสียและมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นของทรัพย์สิน ส่วนกรณีเสียชีวิตให้ทายาทแสดงหลักฐานสำเนาใบมรณบัตร และสำเนาบันทึกประจำวันตำรวจ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นขอให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยที่ได้ซื้อไว้ว่าให้ความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่อย่างไร โดยกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองถึงภัยน้ำท่วม อาทิ เช่น การประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 การประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สินและการประกันอัคคีภัยที่ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มเติม การประกันภัยพืชผลทางการเกษตร เช่น การประกันภัยข้าวนาปี การประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น การประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติอีก 4 ภัย (น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ) รวม 20,000 บาทต่อปี และการประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ซึ่งให้ความคุ้มครองกลุ่มภัยธรรมชาติ 4 ภัย (น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหวและลูกเห็บ) รวม 10,000 บาทต่อปี

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความห่วงใยและขอส่งกำลังใจไปยังผู้ประสบภัยน้ำท่วมในทุกพื้นที่ และขอให้พี่น้องประชาชนได้ตระหนักว่าปัจจุบันภัยธรรมชาติได้สร้างความสูญเสียหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากประชาชนทำประกันภัยไว้ก็จะเป็นการช่วยบรรเทา เยียวยาความเดือดร้อนและความเสียหายทางการเงินที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นการประกันชีวิต หรือการประกันภัยทรัพย์สินต่างๆ โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมจะดูแลเพื่อให้ระบบประกันภัยเยียวยาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยหรือมีปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือติดต่อได้โดยตรง ณ สำนักงาน คปภ. ภาค/จังหวัด ทั่วประเทศ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Advertisement

นายกฯ ชื่นชมความสำเร็จการวิจัยพัฒนา “ไซทิซีน” ยาเลิกบุหรี่

People Unity News : 5 มิถุนายน 2566 โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมความสำเร็จภาครัฐ องค์การเภสัชฯ ร่วมมือคณะแพทยศาสตร์ มศว วิจัยพัฒนายาเม็ด “ไซทิซีน” ยาเลิกบุหรี่ ช่วยผู้ติดบุหรี่เข้าถึงยาเลิกสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ คาดผลิตจำหน่ายได้ต้นปี 2567

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จของหน่วยงานภาครัฐ โดยองค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข ได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ คือ ยาเม็ด ไซทิซิน จีพีโอ (1.5 มิลลิกรัม) เป็นรายแรกในประเทศไทย เพื่อเป็นการช่วยผู้ที่ติดบุหรี่ได้เข้าถึงยาเลิกสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ และช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ ที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ ฯลฯ ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับนโยบายนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการวิจัยพัฒนาในด้านต่างๆ ของประเทศ รวมถึงการวิจัยพัฒนาในเรื่องของยาและด้านการแพทย์ด้วย เพื่อให้ประชาชนในประเทศไทยสามารถเข้าถึงยาที่มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2564 พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ถึง 9.9 ล้านคน และเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ ด้วยโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย มียา 5 รายการที่ใช้สำหรับเลิกบุหรี่ ได้แก่ ยาเม็ด Varenicline ยาเม็ด Bupropion นิโคตินทดแทน (Nicotine replacement therapy) ยาเม็ด nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว ปัจจุบันมีเพียงยา 2 รายการ ที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ได้แก่ ยาเม็ด Nortriptyline และยาชงสมุนไพรหญ้าดอกขาว ดังนั้น การที่องค์การเภสัชกรรมได้วิจัยและพัฒนายาเลิกสูบบุหรี่ชนิดใหม่ คือ ยาเม็ด ไซทิซิน จีพีโอ ที่มีคุณภาพดีและราคาถูก ผลิตได้เองในประเทศไทย จึงถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการเลิกบุหรี่ในประเทศที่จะช่วยให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีขึ้น

“สำหรับยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ศึกษาวิจัยทางคลินิกในมนุษย์ ผลการวิจัยมีความปลอดภัย และมีประสิทธิผลดี ซึ่งอยู่ระหว่างการขออนุมัติทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ประเภทยาควบคุมพิเศษ ที่จำหน่ายได้ในสถานพยาบาลเท่านั้น โดย พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม ให้ข้อมูลระบุว่า หากเปลี่ยนมาใช้ยาเม็ดไซทิซิน จีพีโอ ในการรักษาแทนการรักษาในปัจจุบันที่ใช้ยาเม็ด Varenicline จะทำให้ประหยัดงบประมาณค่ายาต่อคอร์ส และลดระยะเวลาในการรักษาได้ 3-4 เท่า รวมทั้งลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้ประมาณ 12 ล้านบาท/ปี โดยองค์การเภสัชกรรม จะเริ่มผลิตจำหน่ายยาในเดือนมกราคม 2567” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

กระทรวงเกษตรฯปลื้ม ครม.ไฟเขียว “ปลากัด” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ

People unity : กระทรวงเกษตรฯ ปลื้ม ครม.ไฟเขียวให้ “ปลากัด” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ มีเอกลักษณ์โดดเด่นสะท้อนความเป็นคนไทย

เมื่อวานนี้ (5 ก.พ. 2562) นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงเสนอ โดยการดำเนินงานที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ผลักดันเรื่องดังกล่าวมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ซึ่งการเห็นชอบของที่ประชุม ครม. ในวันนี้นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่2/2560 เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2560 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ต่อมาในการประชุมคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2561 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน มีมติให้ปลากัดไทยเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ และการประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2562 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน มีมติให้ปลากัดไทยเป็นปลาประจำชาติ จนในวันนี้ได้ผ่านการเห็นชอบจาก ครม. เป็นขั้นตอนสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว

สำหรับสาระสำคัญของการเสนอให้ปลากัดเป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1. ด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์  เป็นที่ทราบกันดีว่า คนไทยรู้จัก คุ้นเคย และมีความผูกพันกับปลากัดมาตั้งแต่โบราณ ซึ่งมีหลักฐานยืนยัน และเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้ปลากัดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ 2. ด้านความเป็นเจ้าของ และความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “ปลากัดไทย” ที่เสนอให้เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ ชื่อวิทยาศาสตร์ Betta splendens ชื่อสามัญ “Siamese Fighting Fish” หรือ “Siamese Betta” มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย เป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น จนเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวางในระดับสากล ชื่อ Siamese จึงเป็นเครื่องสะท้อนอย่างชัดเจนว่า ปลากัดไทยนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ อีกทั้งไทยเป็นแหล่งอ้างอิงมาตรฐานหลักของปลากัดอีกด้วย และ 3. ด้านประโยชน์ใช้สอย ปลากัดไทยได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยในหลายประการ โดยเฉพาะด้านการส่งเสริมการเพาะเลี้ยง และการสร้างนวัตกรรมด้านการเพาะพันธุ์ ซึ่งนําไปสู่การค้าเชิงพาณิชย์และก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ข้อมูลส่งออกปลากัดไทยกว่า 95 ประเทศ ปริมาณการส่งออกระหว่างปี 2556 – 2560 ประมาณ 20.85 ล้านตัว/ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 115.45 ล้านบาท/ปี หรือ 5.42 บาท/ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ปัจจุบันมีการเลี้ยงปลากัดไทยทั่วโลก โดยด้านพันธุศาสตร์นั้น ชื่อของปลากัดจีน ปลากัดมาเลย์ และปลากัดอินโด แม้จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป แต่มีที่มาจากสายพันธุ์เดียวกับปลากัดป่าของไทยทั้งสิ้น โดยจังหวัดนครปฐมเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุด ปัจจุบันความนิยมของปลากัดไทยประเภทกัดเก่งนั้นลดลงมาก ขณะที่ได้รับความสนใจในด้านการพัฒนาสายพันธุ์เน้นที่ความสวยงาม ทําให้มีการเพาะเลี้ยงทั่วประเทศ มีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมประมง จํานวน 1,500 ราย เกษตรกรที่เพาะเลี้ยงปลากัดไทยมีการกระจายทั่วพื้นที่ของประเทศไทยจํานวน 500 ราย และมีผู้ที่เลี้ยงรายย่อย ผู้ชื่นชอบการเลี้ยงปลากัดไทยมากกว่า 100,000 ราย ซึ่งปลากัดไทยสามารถสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับชุมชนได้ รวมทั้งมีการเพาะเลี้ยงปลากัดเพื่อเอาไว้กัดแข่งขันเป็นกีฬา หรือนิยมเลี้ยงไว้ดูเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน รวมถึงมอบเป็นของขวัญในวันพิเศษ และยังสามารถนําไปใช้เป็นสัญลักษณ์ของไทย ตลอดจนนําไปใช้ประกอบสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสะท้อนความเป็นไทยได้

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ปลากัดไทยมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นด้านพฤติกรรมการต่อสู้ นับเป็นสัตว์น้ำเพียงชนิดเดียวของไทยที่มีลักษณะดังกล่าว เหมาะกับการเป็นสัตว์น้ำประจำชาติเนื่องจาก คล้ายกับลักษณะของคนไทยที่รักและหวงแหนชาติ ปกป้องแผ่นดินจากข้าศึก สู้รบอย่างกล้าหาญ แม้ปลากัดไทยจะมีลักษณะดุดัน แต่ในยามสงบ กลับอ่อนโยน นุ่มนวลสอดคล้องกับนิสัยคนไทย เหมือนส่วนหนึ่งของเนื้อเพลงชาติ “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด”

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลุ่มคนเลี้ยงปลากัดที่ร่วมผลักดันข้อเสนอดังกล่าวนี้ รวมทั้งนักวิชาการสาขาต่างๆ ที่ร่วมสนับสนุนข้อมูลจนผ่านการพิจารณาและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งในวันนี้ ครม. ก็ได้มีมติเห็นชอบให้ปลากัด เป็นสัตว์น้ำประจำชาติเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการขับเคลื่อนกันอย่างเต็มที่เนื่องจากปลากัดเป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์ มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย มีความผูกพันทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม และมีผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ มีการพัฒนาพันธุ์เพื่อการค้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยืนยันจะผลักดันเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับปลากัดไทยให้เดินหน้าต่อไปในหลากหลายมิติยิ่งขึ้น อาทิ การค้าออนไลน์ การร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่สนับสนุนธุรกิจสัตว์น้ำสวยงามด้วยระบบการขนส่งปลากัดภายในประเทศ ผลักดันและสนับสนุนให้เกิดความรวดเร็วและมีความปลอดภัยไปจนถึงมือลูกค้า ตลอดจนร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจปลากัดไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว

ข่าวด่วน : กระทรวงเกษตรฯปลื้ม ครม.ไฟเขียว “ปลากัด” เป็นสัตว์น้ำประจำชาติ

People unity : post 6 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 11.20 น.

Verified by ExactMetrics