วันที่ 10 พฤษภาคม 2024

“ชวน”ไม่ถือสา”ปารีณา”พาดพิง ปัดเลือกปฏิบัติ แจงเหตุปิดไมค์

People Unity News : “ชวน”ไม่ถือสา”ปารีณา”พาดพิง ปัดเลือกปฏิบัติ แจงปิดไมค์เหตุอยู่ในช่วงหารือความเดือดร้อนของประชาชน แต่ส.ส.ราชบุรีพูดพาดพิงบุคคลอื่น เกรง”เสรีพิศุทธ์”แน่

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว กรณีที่ น.ส.ปรีณา ที่กล่าวหาว่า ประธานสภาเลือกปฏิบัตินั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา เนื่องจากขณะนั้นเป็นการหารือความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุม แต่การขึ้นพูดของ น.ส.ปารีณา เป็นการพูดที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับข้อหารือแต่อย่างใด และส่วนตัวก็ประเมินได้ว่าหากปล่อยให้มีการพูดพาดพิงต่อไป ก็จะมีการลุกขึ้นประท้วงจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แน่นอน เพราะเรื่องที่ น.ส.ปารีณา พูด เป็นประเด็นความขัดแย้งในกรรมาธิการฯ และส่วนตัวไม่ถือสา ที่ น.ส.ปารีณา พูดพาดพิงเมื่อวานนี้ เพราะเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าอะไรคือความจริง

ส่วนกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เตรียมยื่นเรื่องให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ามา แต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่จะยื่น ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะรับเรื่องไว้แล้วหรือไม่

“เพื่อไทย”กังขาประกันรายได้เกษตรกรหรือประกันกำไรบริษัทเอกชน

People Unity News : “เพื่อไทย” อัดรัฐออกนโยบายเอื้อเจ้าสัวกังขาประกันรายได้เกษตรกรหรือประกันกำไรบริษัทเอกชน ชี้เปรี้ยงเกษตรเคมีแปลงใหญ่ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่งแทนกลุ่มทุนควรไถ่บาป ขณะที่อดีตรัฐมนตรีช่วยคลังจวกวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส. พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นโยบายประกันราคาสินค้าการเกษตรที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายหลักในการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ไม่ตอบโจทย์ และไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง ที่ผ่านมาเคยใช้แล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะเกษตรกรไม่สามารถขายพืชผลทางการเกษตรได้ในราคาที่เป็นธรรม วิธีการดี เพราะการที่รัฐไปกำหนดราคาประกันราคาสินค้าเกษตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรว่าหากขายพืชผลต้องได้ตามราคาที่รัฐกำหนด เพราะหากขายพืชผลต่ำกว่าราคาประกันรัฐจะไปอุดหนุนราคาสินค้าให้เกษตรกร นโยบายดังกล่าวรัฐต้องใช้งบประมาณสูงมาก เพราะยากมากและไม่มีทางเป็นได้ว่าพ่อค้าจะกำหนดราคารับซื้อเท่ากับราคาประกัน ทางแก้ควรรัฐปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนดราคาสินค่าจะดีที่สุด

นายนิยม กล่าวด้วยว่า กรณีของข้าว มีการกำหนดการช่วยเหลือที่ไม่เป็นธรรม เพราะข้าวหอมมะลิก่อนที่จะมีการประกาศราคาขายตันล่ะ 15,000-16,000 บาท แต่ภายหลังประกาศราคาประกันที่ตันล่ะ 15,000 บาท ส่งผลให้พ่อค้ากดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกรทันทีโดยอ้างข้าวมีความชื้น ส่งผลให้เกษตรกรขายข้าวไม่ได้ราคา โดยพ่อค้าจะให้เกษตรกรไปรับเงินชดเชยจากรัฐแทน นอกจากนี้บางพื้นที่มีการกดราคารับซื้อข้าวที่ตันล่ะ 9,000 บาทเท่านั้น จากนโยบายที่ประกาศออกมานั้น ไม่เป็นธรรมในหลายพื้นที่ เพราะข้าวหอมมะลิที่ปลูกมากที่ภาคเหนือและอีสาน ปลูกได้ปีละครั้ง รัฐบาลรับประกันที่ 14 ตัน แต่ข้าวขาวที่ปลูกมากพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่พรรคร่วมรัฐบาลมีการประกันราคาที่ 30 ตันและปลูกได้ 2 ครั้ง นโยบายที่ประกาศออกมาไม่เป็นธรรมกับเกษตรกรทั่วประเทศ

“นโยบายประกันราคา เป็นนโยบายที่เปิดโอกาสให้พ่อค้าผู้ส่งออกเป็นผู้กำหนดราคาประกันมากกว่า เพราะผู้ส่งออกจะให้รัฐตั้งราคาประกันต่ำเพื่อซื้อสินค้าในราคาถูก โดยเฉพาะข้าวก่อนนำข้าวไปส่งออกในราคาสูงเพื่อทำกำไร นโยบายประกันรายได้เกษตรกรเป็นนโยบายที่ดูดีแต่ผู้ส่งออกชอบได้ต้นทุนรับซื้อที่ต่ำแล้วส่งไปขายแพง ทำกำไรให้ผู้ประกอบการได้เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นเป็นนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่รัฐออกมาเพื่อช่วยผู้ส่งออกมากกว่าช่วยเกษตรกร”

ชี้เปรี้ยงเกษตรเคมีแปลงใหญ่ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่งแทนกลุ่มทุนควรไถ่บาป

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นการแบน 3 สารเคมีร้ายแรงการเกษตร ที่ยังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ประชาชนติดตามจนถึงปัจจุบัน โดยขอให้ความเห็นใน 4 ประเด็น ดังนี้

1. สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน มีมติเป็นเอกฉันท์ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 มีมติตั้ง กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม ครั้งที่สอง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบกับรายงานผลการศึกษา พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ กมธ.ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่ง 1 ในข้อสังเกตสำคัญของ กมธ.คือ การแบน 3 สารเคมีร้ายแรงทางด้านการเกษตรดังกล่าว การไม่ใช้สารเคมีชนิดใดมาทดแทน การดูแล เยียวยาเกษตรกรในระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากเกษตรเคมี สู่เกษตรปลอดภัย และเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนในที่สุด

จะเห็นได้ว่า มติเอกฉันท์ของสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองครั้งดังกล่าว ล้วนแสดงเจตนารมณ์ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง นี่คือ เสียงสะท้อนจากตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ ที่รัฐบาล คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน ควรรับฟังเสียงดังกล่าว แล้วนำไปปฏิบัติ แม้ในระยะเปลี่ยนผ่านจะมีปัญหา อุปสรรค ซึ่งก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทุกประเทศ แต่หากคำนึงถึงเป้าหมายเพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยภาพรวม ก็ต้องร่วมใจกันฟันฝ่าไปสู่เป้าหมายนั้น

2. ในข้อเท็จจริง เกษตรเคมีแปลงใหญ่ เกือบร้อยละร้อย เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่มิได้พ่นยาฆ่าหญ้าด้วยตนเอง ล้วนจ้างคนจนไปตายผ่อนส่งแทนเกือบทั้งสิ้น หากกลุ่มทุนดังกล่าว เปลี่ยนวิธีคิด จากจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้า หันมาส่งเสริม SME ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรในการกำจัดวัชพืช ซึ่งมีนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยผลิตได้ ก็จะเกิดการจ้างงานอีกหลายกลุ่ม ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ก็จะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง ไม่นับกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ฯลฯ และทางเลือกอื่น ๆ ทดแทนการใช้สารเคมี

3. สำหรับเกษตรกรรายย่อย และผู้รับจ้างพ่นยาฆ่าหญ้า ผมเคย ถามว่า รู้ไหมว่าอันตราย เขาตอบว่ารู้ แต่ด้วยความจน จำเป็นต้องทำ เพื่อเลี้ยงลูก เมีย ครอบครัว เขาไม่กลัวตาย ขอให้มีกินก่อน แต่พอบอกว่า สารพิษดังกล่าว จะไปสู่ลูก หลาน โดยเฉพาะเด็กเกิดใหม่มีสถิติการเป็นออทิสติก สติปัญญาต่ำมากขึ้น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เขาหยุดฟัง และพร้อมจะเลิก สรุปในประเด็นนี้ คือ คนจนไม่กลัวตาย ขอให้มีกิน แต่ถ้ารู้ว่า ผลกระทบถึงลูก หลาน หยุดได้ รักลูก หลาน
มากกว่าตนเอง

ในประเด็นนี้ ผมขอฝากข้อคิดมายังเกษตรกรรายย่อยว่า ควรเปลี่ยนวิธีคิดในการทำการเกษตร ห้นมาให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของตนเอง ครอบครัว ประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ สิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจตีค่าเป็นตัวเงินได้ ถ้า “ในน้ำบ่มีปลา ในนามีแต่ พาราควอต” เราจะหากุ้ง หอย ปู ปลา มาเป็นอาหารในคร้วเรือนทุกวัน ๆเหมือนในอดีตได้อย่างไร

4. สำหรับกลุ่มทุน จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของท่านทำให้คนไทยตายผ่อนส่งมาช้านานแล้ว ท่านควรไถ่บาป อย่างน้อยหยุดม็อบ หยุดก่อความวุ่นวาย
ท่านควรให้ความร่วมมือกับทางราชการ แล้วนำความร่ำรวยที่ได้ไปกลับมาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ในลักษณะกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อม และกองทุนเยียวยาเกษตรกรที่เจ็บป่วยจากการใช้สารเคมี

ขอเรียนในท้ายที่สุดว่า การทำงานของผม และของ กมธ.ไม่มีประโยชน์อื่นใดแอบแฝง ไม่ใช่แบนสารตัวนี้ แล้วเปิดช่องให้ใช้สารตัวอื่นทดแทน แต่เป้าหมายของผมและ กมธ. คือ การพัฒาการเกษตรของไทยไปสู่เกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลกอย่างสมภาคภูมิ ผมมั่นใจว่า หมดรุ่นผม ก็จะมีคนรุ่นต่อ ๆ มา มารับช่วงต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะใคร ๆ ก็รักตนเองรักครอบครัว และรักประชาชน เพราะเราเป็นผู้แทนประชาชน

อดีตรัฐมนตรีช่วยคลัง จวกวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มองสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้เป็นเรื่องน่าหนักใจ มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการรายย่อย พบว่าต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด และยังมองไม่เห็นทางรอด ขณะเดียวกันเห็นว่ามาตรการของรัฐยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากพอ เพราะสิ่งที่รัฐดำเนินการเป็นวิธีเก่าไม่สอดคล้องกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น พร้อมมองว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมรับปัญหาทางเศรษฐกิจ จะไม่เกิดประโยชน์กับการทำงาน หากเป็นธุรกิจภายในครอบครัวคงไม่มีผู้ใดไปท้วงติง แต่ที่ดำเนินการอยู่คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องหันกลับมายอมรับความจริง และรับฟังความคิดความเห็นที่สะท้อน ไปยังรัฐบาลเพื่อนำกลับมาแก้ไขปัญหา

นายทนุศักดิ์มองว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะไม่เกิดประโยชน์ หากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นคนเดิม เมื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่ถูกปรับเปลี่ยน ก็ไม่สามารถเกิดสิ่งใหม่ได้ ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่หากรัฐพร้อมยอมรับ เชื่อว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อไปดูหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ยังสามารถเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากไทยไม่ต้องการเป็นประเทศที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จะต้องหันกลับมาคิดใหม่เพราะวิธีการแบบเดิม ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นได้

นายทนุศักดิ์ระบุด้วยว่าวิธีการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สะท้อนไปยังรัฐบาลทุกสัปดาห์แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ปัญหาจึงรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร และมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เพราะจากในอดีต ผลผลิตเยอะราคาต่ำรัฐเข้าไปช่วยเหลือ แต่ปัจจุบันผลผลิตน้อย ราคากลับตกต่ำ

นายทนุศักดิ์ ย้ำด้วยว่าปัญหาคนว่างงาน โรงงานปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น ทุกคนในสังคมมองเห็นและเชื่อว่าคนทั้งหมดเข้าใจว่าจำเป็นต้องแก้ไข แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมรับในสิ่งเหล่านี้ พร้อมตั้งคำถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้คิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะหลักคิดของรัฐบาลอาจไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

หวั่นกมธ.คณะอื่นเอาอย่าง! “ปชป.”เบรก”พปชร.” ดันปลด”เสรีพิศุทธิ์”

People Unity News :  “วิรัช”เบรกอย่าดำเนินการปลด ‘เสรีพิศุทธิ์’ ออกจาก ปธ.กมธ. ปราบโกง ฯ เชื่อ วุ่นวายทั้งสภา หวั่น กมธ. ชุดอื่นทำตาม แนะคำนึงถึงหน้าที่มากกว่าเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อาจจะมีการเสนอให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกจากประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า ตนเห็นว่า กรณีแบบนี้ไม่สมควรที่จะให้เกิดขึ้น เพราะหากมีการปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่ง แล้ว อีก 34 คณะก็น่าจะทำตามอย่าง เพราะต้องยอมรับว่า ในกรรมาธิการ จะต้องมีสัดส่วนของแต่ละพรรคที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างคนต่างมีข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง หรือความเห็นส่วนตัว และยิ่งคณะกรรมาธิการฯ ในสภาผู้แทนฯ ชุดปัจจุบันนี้ หลายคณะมี ส.ส.ฝ่ายค้าน มากกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียอีก ดังนั้น ตนห่วงว่า หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้สภาและการทำงานของคณะกรรมาธิการ จะเกิดความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น

“ผมเองเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น ในสภาชุดปี 2551 – 2554 ก็ยอมรับว่ามีข้อขัดแย้งในการทำงานบ้าง แต่ก็ต้องรักษาบรรยากาศการทำงานให้เรียบร้อยและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น ข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงขอให้เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขเอาเอง ตามแนวทางที่ท่านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย แนะนำเอาไว้ ” นายวิรัชกล่าว

นายวิรัช ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเด็นสำคัญที่น่าจะต้องทำของคณะกรรมาธิการฯ คือการตรวจสอบการทุจริต โดยเฉพาะหลายๆ โครงการที่ยังเป็นที่สงสัยของประชาชน ซึ่งฝากความหวังให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ ทำหน้าที่ แต่ข่าวที่ปรากฏออกมา มีแต่เรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนั้น ตนขอให้ทุกคนที่อยู่ในคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้ตรวจสอบการทุจริตแทนประชาชนด้วย

“ผ่องศรี” ปลุกใจ ชาว ปชป. กทม. ขับเคลื่อนกำลัง “พลพรรครักสีฟ้า”

People Unity News :  “ผ่องศรี” ปลุกใจ ชาว ปชป. กทม. ขับเคลื่อนกำลัง “พลพรรครักสีฟ้า” ด้าน “จุฤทธิ์” โชว์ ผลงาน รมต.ปชป. อุดมการณ์ ทันสมัย “ทำได้ไว ทำได้จริง”

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ช่วงเช้า ในโครงการขับเคลื่อนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา ภูโอบ น้ำใส คันทรี รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก นส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และตัวแทนสำนักงานเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ได้พบปะแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างเครือข่าย “พลพรรครักสีฟ้า” และบรรยายในหัวข้อ “แนวทางการจัดตั้งสาขาพรรค/ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดและศูนย์ประสานงาน” โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการทบทวนถึงบทเรียนที่ผ่านมา และมีแผนงานที่จะเดินหน้าเตรียมความพร้อมในการทำงานครั้งต่อๆ ไป

ถัดไปช่วงสาย นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และรองผู้อำนวยการพรรค ได้นำเสนอผลงานของขุนพลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เข้าไปทำงานในภาคส่วนของรัฐบาล นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขที่ต้องแก้ปัญหาปากท้อง บริหารงานด้วยความเป็นธรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงที่พรรค ปชป. เข้าไปดูแลคือพาณิชย์, เกษตรฯ, พัฒนาสังคมฯ, ศึกษา, สาธารณสุข, มหาดไทย,และคมนาคม โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ขุนพล อเวนเจอร์ ปชป. ได้ทำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปทำงานในรัฐบาลได้อย่างฉับไว ภายใต้อุดมการณ์ ทันสมัย “ทำได้ไว ทำได้จริง”

ทำความดีแต่เช้าตรู่! “อนุทิน”ลุยภารกิจรับส่ง”หัวใจ”ต่อชีวิตผู้ป่วย

People Unity News : ทำความดีแต่เช้าตรู่! “อนุทิน”บินด่วน”อุบลราชธานี” ลุยภารกิจรับส่ง”หัวใจ”ต่อชีวิตผู้ป่วย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าตรู่วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเครื่องบินนำทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับอวัยวะจากผู้เสียชีวิต นำไปเปลี่ยนให้ผู้ป่วยที่รอการรักษา

ทั้งนี้ ในเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ปรากฏภาพการปฏิบัติภารกิจ พร้อมข้อความว่า

“หัวใจติดปีก

ไปรับหัวใจ ที่อุบลราชธานี
คนเมืองนี้ จิตใจดี และ หัวใจดี
ชีวิต ต่อ ชีวิต
วันนี้ วันดี อากาศดี
หมอพัชร ชวนทำความดีแต่เช้าตรู่
กลับมาแล้ว จะรายงานการปฏิบัติภารกิจ ให้ทราบครับ💟

#เลิกคุยทุกอำเภอเพื่อหัวใจเธอคนเดียว”

โดยมีประชาชนเข้ามาแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา นายอนุทินได้อาสาขับเครื่องบินทำภารกิจดังกล่าวมาแล้วกว่า 25 ครั้ง

“รัฐบาล”แนะอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพมีส่วนผสมกัญชา

People Unity News : “รัฐบาล” เป็นห่วงประชาชน แนะอย่าหลงเชื่อซื้อผลิตภัณฑ์สุขภาพมีส่วนผสมกัญชา เตือนนำเข้าประเทศผิดกฎหมาย ย้ำใช้ “กัญชา” ทางการแพทย์เท่านั้น

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวผลิตภัณฑ์เยลลี่ที่มีส่วนผสมของกัญชานั้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงประชาชน โดยทาง อย.ได้ออกมาเน้นย้ำกรณีกัญชาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา ถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ห้ามผลิต นำเข้า จำหน่าย ครอบครอง หรือส่งออก และไม่สามารถซื้อขายผ่านทางออนไลน์ได้ หากพบการนำเข้าไม่ว่าจะนำเข้ามาด้วยตนเอง หรือสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท ส่วนผู้จำหน่ายและผู้ครอบครอง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งผู้โฆษณาขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อส่า สำหรับการตรวจสอบการนำเข้ามีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวด ตั้งแต่นำเข้าทางช่องทางปกติ การนำติดตัวผู้โดยสารเข้ามาในประเทศ และการสั่งซื้อทางออนไลน์จะมีด่านอาหารและยาและด่านศุลกากรตรวจสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพต้องสงสัย หากพบผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายเนื่องจากมีส่วนผสมของกัญชาจะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะในประเทศไทยอนุญาตให้ใช้กัญชาเฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องสั่งจ่ายยากัญชาในสถานพยาบาล โดยแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาได้ต้องเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน หรือแพทย์แผนไทยที่ผ่านการอบรมจากกระทรวงสาธารณสุขมาแล้ว

“ขอเตือนประชาชนผู้บริโภคอย่าสั่งซื้ออาหารหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ ที่อ้างว่ามีส่วนผสมของกัญชาเข้ามาในประเทศไทย เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมายและจะถูกดำเนินคดีทันที โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน มีความห่วงใยในเรื่องนี้อย่างมาก เนื่องจากเกรงว่า หากประชาชนที่สั่งซื้อผลิตภัณฑ์กัญชามารับประทาน อาจได้รับอันตรายต่อสุขภาพ เพราะกัญชาไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ได้ทั่วไป เว้นแต่ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น”น.ส.ไตรศุลี กล่าว

“อนุสรณ์”แนะพลังประชารัฐ คิดบ้านเมืองให้มาก ป่วนการเมืองให้น้อย

People Unity News : “อนุสรณ์”โฆษกพรรคเพื่อไทย แนะพลังประชารัฐ คิดบ้านเมืองให้มาก ป่วนการเมืองให้น้อย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ความปั่นป่วนวุ่นวายในกรรมาธิการป.ป.ช. ว่า ประชาชนตัดสินใจได้ว่า การสลับตัวกรรมาธิการของพรรคพลังประชารัฐ เจตนาส่งคนไปป่วน หรือ ไปช่วยกันทำงานให้ประชาชน แม้แต่จะเอาคนมาร้องเรียนกล่าวหาคนอื่น ก็ยังถูกจับโป๊ะว่า เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่วางแผนกันมาป่วนเป็นกระบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน

รวมถึงการที่พรรคพลังประชารัฐ เตรียมเสนอ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญแทน นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ว่า การที่พรรคพลังประชารัฐ ตั้งใจจุดพลุเรื่องนี้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และสับขาหลอกการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปวันๆหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐ มีความจริงใจต่อพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน หรือไม่

“บันทึกข้อตกลงหรือ MOU ไม่มีความจำเป็นต้องทำกับประชาชน ขอแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง ทำงานอย่างตรงไปตรงมา คิดบ้านเมืองให้มาก ป่วนการเมืองให้น้อย” นายอนุสรณ์ กล่าว

รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ.

People Unity News : รองโฆษก พปชร.สอน กม.”ช่อ” ปมโอนหุ้นของ บจก.กับ บมจ. หลังยกเคส “มาดามเดียร์” เทียบเคียง “ธนาธร”

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ความแตกต่างกรณีการโอนหุ้นของบริษัทจำกัด (บจก.) กับ บริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บมจ.) จากประสบการณ์ #อดีตนักกฎหมายตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย #อดีตผู้ร่างข้อบังคับตลท. #อาจารย์สอนกฎหมายหลักทรัพย์ ดังนี้ค่ะ การโอนหุ้นของบริษัทจำกัด อยู่ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 1129 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กรณีการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัดนั้น อยู่ภายใต้บทบัญญัติของ มาตรา 58 ของ พรบ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535

ใจความสำคัญว่า “…การโอนหุ้นนั้นจะใช้ยันบริษัทได้เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอให้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว แต่จะใช้ยันบุคคลภายนอกได้เมื่อบริษัทได้ลงทะเบียนการโอนหุ้นแล้ว…”

ซึ่งหมายความว่าการโอนหุ้นของบริษัทมหาชนจะสมบูรณ์เมื่อนายทะเบียนของบริษัทได้จดแจ้งการโอน ซึ่งหากบริษัทมหาชนจำกัดเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกว่า Listed Co. แล้ว ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและวิธีปฏิบัติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนของ Listed Co. คือ บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TSD ประกอบกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นั้นเป็นการซื้อขายผ่านระบบอิเลคทรอนิคส์ แบบไร้ใบหุ้น (Scriptless)

ดังนั้น การบันทึกการซื้อขายจึงเป็นการบันทึกในระบบของ TSD ทันที ภายหลังที่มีการซื้อขายผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งการซื้อขายเปลี่ยนมือของหุ้นนั้นจึงมีผลสมบูรณ์ สามารถใช้ยันต่อบุคคลภายนอกได้ทันที

น.ส.ทิพานันท์ ระบุอีกว่า ในประเด็นของการส่งบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้น บริษัทมีหน้าที่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นหรือที่เรียกว่า บมจ. 006 อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง

เมื่อมีการประชุมสามัญประจำปี หรือที่เรียกว่าการประชุมผู้ถือหุ้น หมายความว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น

#ซึ่งสาเหตุที่กฎหมายกำหนดเช่นนี้เพราะเนื่องจาก จำนวนผู้ถือหุ้นของบริษัท Listed Co. นั้นมีจำนวนมากหลายหมื่นหลายแสนคน และมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันในทุกวัน วันละหลายครั้งในตลาดหลักทรัพย์ และเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในการซื้อขายนั่นเอง

ซึ่งหากกฎหมายจะกำหนดให้บริษัทต้องยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้กระทรวงพาณิชย์ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนมือแล้ว ตลาดหลักทรัพย์คงจะไม่เกิดสภาพคล่อง และไม่เป็นผลดีต่อนักลงทุนเป็นแน่แท้

ดังนั้นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ถูกยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้นจึงเป็นการสรุปรายชื่อผู้ถือหุ้น “ในวันที่บริษัทกำหนด” ว่าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นนั่นเอง ซึ่งนักลงทุนโดยทั่วไปย่อมทราบดีว่า “มิใช่รายชื่อผู้ถือหุ้นที่อัพเดท” ดังนั้นหากต้องการตรวจสอบความเป็นเจ้าของหุ้นแล้วนั้น “จึงไม่สามารถตรวจสอบจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เพียงอย่างเดียวได้”

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความแตกต่างระหว่างบริษัทจำกัดกับบริษัทมหาชนจำกัดนี้ เป็นเรื่องที่นักลงทุนควรรู้ค่ะ หากเป็นเรื่องเดียวกันก็ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณา แต่หากเป็นคนละเรื่องแล้ว ก็ไม่สามารถนำบทบัญญัติของกฎหมายที่แตกต่างกันมาใช้เทียบเคียงหรือนำมาบังคับใช้กันได้

#ไม่รู้ให้ถาม

“ธนกร”ยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นไร้ปัญหากับภท.

People Unity News : “ธนกร”ยันพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นไร้ปัญหากับภท. ลั่นไม่มีเวลาให้ขัดแย้งโวพร้อมรับมือฝ่ายค้านซักฟอก “อนุทิน”สยบลือ!!ไม่มีเวลาขัดแย้งรัฐบาลบินอุบลฯรับบริจาคหัวใจ รัฐบาลเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานด้วยความราบรื่นเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทยนั้น ผู้ใหญ่ของพรรคคุยกันอยู่ตลอด ที่สำคัญคือ รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร เอาเวลาทั้งหมดไปทำงานให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่า เพราะประเทศยังมีหลายสิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้จึงเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคร่วมฝ่ายค้านนั้น รัฐบาลพร้อมที่จะชี้แจงในทุกประเด็น ซึ่งทราบข้อมูลมาบ้างว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายในประเด็นรัฐบาลบริหารงานล้มเหลวเป็นหลัก เพราะรัฐบาลนี้ไม่มีปัญหาในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลในอดีต ดังนั้น ตนมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถชี้แจงได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ หากพรรคฝ่ายค้านไม่มีอคติมากจนเกินไปจะเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเททำงานให้ประชาชนด้วยหัวใจจริงๆ ยิ่งตอนที่เห็นเด็กนักเรียนวิ่งไปกอดพล.อ.ประยุทธ์แล้วส่งเสียงบอกรักลุงตู่นั้น เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะมีกำลังใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“อนุทิน”สยบลือ!!ไม่มีเวลาขัดแย้งรัฐบาลบินอุบลฯรับบริจาคหัวใจ

ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ (23 พ.ย.62) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รอง รมน.และ รมว.สธ. นำคณะแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ บินไปรับ อวัยวะหัวใจ จากผู้บริจาคที่เสียชีวิต ที่จังหวัดอุบลราชธานี

รัฐบาลเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย

ขณะที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการปฏิรูปประเทศด้านกฏหมาย ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ได้บัญญัติแนวทางในการจัดทำและตรากฏหมายขึ้นใหม่โดยให้มีเท่าที่จำเป็น และต้องมีการประเมินผลสัมฤทธิ์เพื่อยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมถึงต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายอย่างรอบด้าน และประชาชนต้องได้รับทราบและเข้าใจถึงเหตุผลในการตรากฎหมาย

เพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ได้ถูกตราขึ้นและจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 พ.ย. นี้  อีกทั้ง ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่ออังคารที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติร่างกฎกระทรวง ร่างคำแนะนำ และร่างหลักเกณฑ์ รวม 11 ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมายเสนอ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐเข้าใจโดยละเอียดและสามารถปฏิบัติตามพ.ร.บ.หลักเกณฑ์ฯได้อย่างถูกต้อง ประเด็นหลักๆที่หน่วยงานรัฐต้องปฏิบัติในการจัดทำร่างกฏหมาย อาทิ 1) วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย 2) ประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย โดยกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและระยะเวลาที่ต้องทำให้เสร็จ 3) ยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็น ล้าสมัย หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือประกอบอาชีพของประชาชน 4) กฎหมายใดที่มีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 27 พ.ย. 2562 ให้ทำการประเมินผลสัมฤทธิ์ครั้งแรกไม่ช้ากว่าห้าปีนับจากวันที่ 1 ม.ค. 2563 และประเมินครั้งต่อไปทุกๆห้าปี ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จภายในหนี่งปีหลังเริ่มดำเนินการ 5) รับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องโดยรับฟังจากทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านอย่างเท่าเทียมกัน และต้องเปิดกว้างหลายช่องทาง ทั้งเว็บไซด์ การสัมภาษณ์ การเชิญมาให้ข้อมูล และอื่นๆ 6) เผยแพร่กฎหมาย/กฎกระทรวง/ข้อบังคับ/ประกาศ/คำสั่งการในเว็บไซด์กลางที่รับผิดชอบโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์กรมหาชน) (สพร.) 7) จัดทำคำอธิบายโดยสรุปสาระสำคัญของกฎหมายด้วยภาษาที่ประชาชนสามารถเข้าใจได้ 7) กฎหมายต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ขาวต่างชาติเข้าใจกฎหมายไทย

นางสาวรัชดา กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านกฎหมายนี้ รัฐบาลได้ยึดแนวทางที่สากลปฏิบัติ และมีความเหมาะสมสอดคล้องกับความพร้อมของหน่วยงานของรัฐและและบริบทประเทศไทย ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนากฎหมายและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์และมาตรฐานของการดำเนินการในเรื่องนี้ของต่างประเทศ รวมทั้งได้รับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมากำหนดแนวทางปฏิบัติ และจัดให้มีการอบรมเตรียมความพร้อมในเรื่องดังกล่าวแล้ว

“พิชัย”เล่นแรง! เสนอ”บิ๊กตู่”ปลด”สมคิด” รับผิดชอบล้มเหลวทางศก.

People Unity News : “พิชัย”แนะ”บิ๊กตู่”ปลด”สมคิด”รับผิดชอบความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ ชี้หมดเครดิตและเริ่มพูดสะเปะสะปะ ติงหากไม่ปลดเท่ากับยอมรับความล้มเหลวไว้เอง

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจของไทยยังคงย่ำแย่ลงไปอีก การส่งออกในเดือนตุลาคมติดลบถึง 4.5 % แต่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กลับบอกว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ชะลอตัว อีกทั้งยังบอกว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้อย่างต่ำเตี้ยเพียง 2.4% แต่นายสมคิดกลับบอกว่าเศรษฐกิจโตได้ดีเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งสวนกับความรู้สึกของคนทั้งประเทศที่กำลังย่ำแย่จากพิษเศรษฐกิจ

ดังนั้นจึงอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ปลดนายสมคิดออกจากรองนายกรัฐมนตรี เพราะดูเหมือนว่าจะหมดความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของไทยแล้ว ถึงต้องออกมาพูดสะเปะสะปะเหมือนหลอกตัวเอง และ หลอกประชาชนไปวันๆเพื่อประคองตัว ใครมาถาม หรือ มาต่อว่าเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ นายสมคิดก็จะออกตัวว่าไม่ใช่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว และโยนให้ไปถามพลเอกประยุทธ์ที่เป็นหัวหน้าทีม ซึ่งเท่ากับ โยนความล้มเหลวในปัจจุบันที่สืบเนื่องมากจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ให้กับพลเอกประยุทธ์รับไปเต็มๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัจจุบันนายสมคิดทำหน้าที่อะไร ถ้าเที่ยวโยนความรับผิดชอบแบบนี้ จึงไม่ควรจะทำงานต่อแล้ว และการปลดนายสมคิดยังจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าใครควรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการบริหารเศรษฐกิจที่ผิดพลาดและล้มเหลวตลอดเวลาที่ผ่านมา

อีกทั้ง สื่อหลักต่างประเทศที่ได้มาพบตน ต่างพากันหัวเราะที่นายสมคิดออกมาพูดว่าไม่อยากให้คนวิจารณ์ว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะจะขาดความเชื่อมั่น ซึ่งดูเหมือนความคิดยังยึดติดอยู่กับความเป็นเผด็จการที่ไม่อยากให้คนวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมากจาก รายได้ที่ลดลงไม่พอเลี้ยงครอบครัว ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก การค้าขายฝืดเคือง กว่าพันโรงงานปิดตัวลง คนตกงานจำนวนมาก หนี้สินท่วมตัว หุ้นตกหนัก คนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมากจากพิษเศรษฐกิจ และยังไม่มีทิศทางที่จะดีขึ้น แต่นายสมคิดกลับห้ามคนไม่ให้พูดว่าเศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งไม่มีผู้บริหารของประเทศประชาธิปไตยที่ไหนที่จะกล้าบอกแบบนี้ อีกทั้งประชาชนทนลำบากมากว่า 5 ปีแล้ว ไม่ใช่พึ่งจะลำบากกันปีนี้ ซึ่งนายสมคิดไม่เคยยอมรับการบริหารงานของตัวเองที่ล้มเหลวมาตลอดนี้เลย ดังนั้น การที่ไม่อยากให้คนพูดถึงเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็เพราะไม่ต้องการให้คนพูดประจานความล้มเหลวในการบริหารของนายสมคิดนั่นเอง

ทั้งนี้ยังไม่นับก่อนหน้านี้ที่นายสมคิดเคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมว่าคนจนจะหมดไปในปี 2561 แต่กลับมีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 14.5 ล้าน ตามจำนวนคนที่รับบัตรคนจน และทุกปีนายสมคิดจะให้ความหวังลมๆแล้งๆว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้น แต่ก็ไม่เคยฟื้นเลย และบอกว่านักลงทุนต่างประเทศกำลังเข้ามา แต่ยอดการลงทุนจริงกลับลดต่ำลงมาตลอด จนหมดเครดิตและไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว

ความล้มเหลวของนายสมคิดสามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนจากการที่มีการสั่งให้ไปลบคลิปที่นายสมคิดเคยวิจารณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไว้เรื่องเสาหลักเศรษฐกิจเสื่อมในปลายปี 2556 ก่อนจะมีการปฏิวัติ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับผลงาน 5 ปีที่ผ่านมา การบริหารของนายสมคิดกลับทำทุกเสาหลักเศรษฐกิจของไทยเสื่อมลงหนักกว่ามาก จนตัวเองทนละอายใจไม่ไหว จึงต้องสั่งลบคลิปที่ตัวเองพูดไว้เองออกไปใช่หรือไม่

“นายสมคิดพูดไว้เองว่าการฟื้นเศรษฐกิจต้องอาศัยความเชื่อมั่น ดังนั้น ต้องถามว่าจากเหตุการณ์และเหตุผลที่กล่าวมานี้ประชาชนไม่เหลือความเชื่อมั่นให้กับนายสมคิดแล้ว การฟื้นฟูเศรษฐกิจคงเป็นไปไม่ได้เลย ถ้านายสมคิดยังคงร่วมบริหารอยู่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่รับผิดชอบในผลงานที่ล้มเหลวของตัวเองเลย ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ยังคงให้นายสมคิดร่วมบริหารอยู่และเกิดความล้มเหลวในการบริหารเพิ่มขึ้นอีก พลเอกประยุทธ์จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะเท่ากับยอมรับความล้มเหลวตลอด 5 ปีไว้ที่ตัวเอง และ เชื่อได้ว่าผลของความล้มเหลวตลอด 5 ปีจะทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงจะย่ำแย่ลงต่อไปอีก” นายพิชัย กล่าว

Verified by ExactMetrics