วันที่ 28 เมษายน 2024

ปชป.มุ่งใช้โซเชียลมีเดีย ติดอาวุธดิจิทัล สร้างคะแนนนิยมชาวกรุง

People Unity News : “องอาจ”ปิดงาน”โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กทม.” เสริมความแข็งแกร่ง ยึดเหนี่ยว 3 กลไกหลัก “รัฐมนตรี-สภา-พรรค” เน้นการทำงานตอบโจทย์พื้นที่ ด้านรองโฆษกพรรคจับมือสมาชิก ทำ Workshop การใช้โซเชียลมีเดีย ติดอาวุธดิจิทัล ช่วยสร้างคะแนนนิยม

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และรองหัวหน้าพรรคฯ กรุงเทพฯ ได้ร่วมปัจจฉิมนิเทศและปิดการสัมมนา “โครงการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ กทม.” ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา ภูโอบ น้ำใส คันทรี รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก ทั้งนี้ในวันสุดท้ายของการสัมมนา ได้มีขุนพลของพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมปิดงานอย่างคับคั่ง อาทิ น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยพรรคประชาธิปัตย์, นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพูดคุยแลกเปลี่ยนการทำงานของพรรค โดยจะสอบถามความต้องการของสมาชิกพรรค เพื่อให้ตอบโจทย์ของแต่ละพื้นที่

ในส่วนของนางดรุณวรรณ ได้ตอกย้ำการใช้โซเซียลอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทำ workshop เพื่อใช้สร้างคะแนนนิยมให้พรรคและคนกรุงเทพมหานคร รวมถึงเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลข่าวสารของพรรค โดยตัวแทนจากทั้ง 30 เขต ของ กทม. ตื่นตัวสามารถใช้ความรู้ที่ได้จากการอบรมในวันนี้ทั้ง Line, Facebook การสื่อสารทั้ง Online และ Offline เป็นเครื่องมือในการสื่อสารได้อย่างเท่าทันและเต็มที่

นายองอาจได้กล่าวถึงรูปแบบการทำงานทางเมืองคือการรับใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ โดยใช้นโยบายของพรรคไปบริหารจัดการให้สามารถทำงานได้เกิดผลสำเร็จ เป้าหมายสูงสุดเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจากการทำงานของนักการเมือง ช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผน ช่วยกันทำงาน ตลอดระยะเวลา 3 วัน นายองอาจเชื่อว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วม เชื่อว่าจะสามารถนำความรู้ที่ได้จากการอบรมไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครได้

ตอนท้าย นายองอาจยังได้กล่าวขอบคุณผู้เข้าร่วมสัมมนา วิทยากร และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่สำคัญคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นสถาบันการเมืองที่พึ่งหลักของประเทศ โดยเชิญชวนให้สมาชิกทุกคนร่วมกันทำงาน เพราะยังมีภารกิจอีกมาก ที่ต้องหลอมรวมหัวใจ “พลพรรครักสีฟ้า” ไว้ด้วยกัน เพื่อให้ได้ชัยชนะ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นชัยชนะของประชาชนทั้งประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของสังคมส่วนรวมต่อไป

“บิ๊กตู่”ยิ้ม! โพลให้คะแนนรัฐบาลทำงานหนักมือสะอาด

People Unity News : “บิ๊กตู่”ยิ้ม! โพลให้คะแนนรัฐบาลทำงานหนักมือสะอาด ยันเดินหน้าทำงานเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนต่อไป “ซูเปอร์โพล”เปิดเสียงปชช.โลกดั้งเดิม-โซเชียลพบช่องทางก้าวข้าม”ทักษิณ”

เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ที่อากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะออกเดินทางไปยังฐานทัพอากาศกิมแฮ (Gimhae Air Base) นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน – สาธารณรัฐเกาหลี สมัยพิเศษ (ASEAN – Republic of Korea Commemorative Summit) ครั้งที่ 3 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง – สาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-Republic of Korea Summit) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤศจิกายน 2562

ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึง โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจซูเปอร์โพลในหัวข้อเรื่อง “ภาพลักษณ์ ครม.ในใจประชาชน” ที่ระบุว่ารัฐบาลมีภาพลักษณ์ทำงานหนัก กล้าคิด กล้าทำ, คณะรัฐมนตรี (ครม.) มือสะอาด ไม่ด่างพร้อย และครม. มีบารมีคุมผู้มีอิทธิพลได้

อย่างไรก็ตาม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า “นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณ ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลจะทำงานเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมถึงประชาชนต่อไป”

“ซูเปอร์โพล”เปิดเสียงปชช.โลกดั้งเดิม-โซเชียลพบช่องทางก้าวข้าม”ทักษิณ”

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ทำอย่างไรเราจึงก้าวข้ามทักษิณได้” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 1,850 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,189 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-23 พฤศจิกายน 2562

เมื่อถามถึง นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ไม่เคยทำอะไรเพื่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 46.0 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมาคือ ร้อยละ 29.9 ระบุ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร , ร้อยละ 13.9 ระบุ นายชวน หลีกภัย , ร้อยละ 5.2 ระบุ นายบรรหาร ศิลปอาชา และร้อยละ 5.0 ระบุคนอื่น ๆ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ นายควง อภัยวงศ์ เป็นต้น

ที่น่าสนใจคือ ผลเปรียบเทียบภาพลักษณ์ที่ประชาชนจำได้ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร พบหลายประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ด้านความเรียบง่าย เป็นกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 60.3 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 52.8 , ด้านการเปิดงาน พิธีต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 77.2 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 50.8 , ด้านยิ้มเก่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 38.0 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 47.4 , ด้านมีคนรัก ขอถ่ายรูปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 28.9 ดร.ทักษิณฯ ได้ร้อยละ 36.9 , ด้านลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 36.7 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 55.2

นอกจากนี้ ด้านมีผลงานยั่งยืน ผลสำรวจพบว่า สูสีกันมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 50.5 ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 48.1 , ด้านคดีความต่าง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้อยละ 21.2 ในขณะที่ ดร.ทักษิณ ได้ร้อยละ 40.9

ผศ.ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า ผลการสำรวจ “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเข้าถึงคนทั้งหมดประมาณ 27,477,598 คน หรือยี่สิบเจ็ดล้านคนเศษ ซึ่งมากกว่าจำนวนคนที่ ดร.ทักษิณ กำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลจำนวน 7,843,158 คน หรือ เจ็ดล้านกว่าคน

อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ คนในโลกโซเชียลจากหลากหลายประเทศกำลังให้ความสำคัญกับบุคคลทั้งสอง แต่ยังคงพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีจำนวนคนจากประเทศต่างๆ ที่กำลังเกาะติด พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า ดร.ทักษิณ แต่มีคำพูดที่แสดงถึงภาพลักษณ์ของบุคคลทั้งสองแตกต่างกัน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีคนพูดถึงตำแหน่ง อำนาจบริหาร เอาเรื่องเอาราว ลงโทษเอาผิดคนอื่น เปิดงาน ร่วมพิธีการต่างๆมากกว่า แต่ถ้าเป็นคำพูดที่พูดแล้วดูดี มีผลทางจิตใจให้เกิดความรัก ความศรัทธาของคนในโลกโซเชียลเพราะช่วยเหลือคน จะพบว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณฯ จะถูกพูดถึงมากกว่า

“ผลโพลชิ้นนี้ชี้ให้เห็นช่องทางอะไรบางอย่างว่ามีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตรไปได้อย่างดีถ้าทุกฝ่ายช่วยกันบริหารจัดการอารมณ์ความรู้สึกของสาธารณชน โดยข้อมูลชี้ให้เห็นชัดเจนแล้วว่าภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่กับเรื่องของตำแหน่ง อำนาจ การเปิดงานและพิธีการต่างๆ ที่เรื่องเหล่านี้ต้องทำให้เป็นช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงมากกว่าเป็นเพียงพิธีกรรมที่ “วันเปิดคือวันปิด” และประชาชนจะไม่ได้อะไร ควรเกาะติดการพูดคุยของคนในโลกโซเชียลให้เป็นระบบเพื่องานความมั่นคงเพราะอาจเป็นหัวเชื้อจุดไฟลามไปถึงคนนอกโลกโซเชียลคล้ายๆกับทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่คนกรุงเทพฯ กับ คนต่างจังหวัด แต่จะเป็นคนในโลกโซเชียลกับคนในโลกดั้งเดิม จึงต้องป้องกันปัญหาดีกว่าตามแก้ปัญหา จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกันทั้งประเทศ” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว

สาธุ!คณะอนุกมธ.ศึกษาพุทธและศาสนาอื่น ไหว้พระสวดมนต์ก่อนประชุมที่สภาฯ

People Unity News : สาธุ!คณะอนุกมธ.ศึกษาพุทธและศาสนาอื่น ไหว้พระสวดมนต์ก่อนประชุมที่สภาฯ พร้อมดันร่างพรบ.ร่างพระราชบัญญัติแม่ชีไทย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ก่อนประชุมคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนางพรเพ็ญ บุญศิริวัฒนกุล ประธาน อาตมาได้นำคณะไหว้พระสวดมนต์ก่อนเริ่มประชุม

พระเมธีธรรมาจารย์ ได้เปิดเผยในการประชุม เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 ว่า หลังจากได้ศึกษาทำความเข้าใจในขอบเขตอำนาจ หน้าที่ของอนุกรรมาธิการเพื่อให้ตรงกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายและอื่นๆเพื่อให้เข้าใจตรงกัน ในวาระพิจารณานั้นส่วนของอาตมาได้ขอให้คณะอนุกรรมาธิการขออำนาจจากกรรมาธิการชุดใหญ่เพื่อศึกษาและเสนอต่อกรรมาธิการใน 3 เรื่องคือ 1. ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา 2.ร่างพระราชบัญญัติธนาคารพระพุทธศาสนา และ 3.ร่างพระราชบัญญัติแม่ชีไทย ที่ประชุมมีมติรับไปดำเนินการทั้ง 3 เรื่องแต่ขอพิจารณาคราวละเรื่องเพื่อจะได้สำเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด

ทีมนโยบาย ปชป. เผยไอเดีย “ร่วมคิด ร่วมสร้างกรุงเทพฯ”

People Unity News : ทีมนโยบาย ปชป. เผยไอเดีย “ร่วมคิด ร่วมสร้างกรุงเทพฯ” ขณะที่ “ดร.สรรเสริญ” นำทีม “ยุวประชาธิปัตย์ ชวนคนรุ่นใหม่พลังขับเคลื่อนใหม่” ด้าน “รองโฆษกฯ ดรุณวรรณ” ชี้โซเชียลสำคัญเป็นอาวุธดิจิทัลเรียกคะแนนนิยม

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ช่วงบ่าย พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดโครงการขับเคลื่อนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา ภูโอบ น้ำใส คันทรี รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก ดร.ธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้อำนวยการด้านนโยบายสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (Future Innovative Thailand Institute: FIT) ดร.ธราดล ได้ร่วมทำกิจกรรม workshop ร่วมกับสมาชิกพรรคพื้นที่ กทม. เพื่อ “ร่วมคิด ร่วมสร้างกรุงเทพฯ” โดยจะเป็นการสร้างเครือข่ายของพรรคที่คลุกคลีกับปัญหาของคนกรุงเทพฯ ในแต่ละเขตเพื่อช่วยกันระดมความคิด โดยตัวแทนจากหลายพื้นที่ของ กทม. ได้ร่วมเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การเดินทาง การศึกษา การเพิ่มรายได้ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต เพื่อพัฒนาต่อยอดเป็นนโยบายสำหรับคนกรุงเทพฯ ต่อไป

ช่วง “ยุวประชาธิปัตย์… คนรุ่นใหม่พลังขับเคลื่อนใหม่” นำทีมโดย ดร.สรรเสริญ สมะลา ประธานคณะกรรมการกิจการเยาวชนพรรคประชาธิปัตย์ โดยดร.สรรเสริญได้ตั้งคำถามกับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า จะทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่มาช่วยทำงานกับพรรค หรือเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศ สิ่งสำคัญคือพวกเราจะต้องเข้าใจว่าคนรุ่นใหม่คิดอย่างไร พวกเราถึงจะปรับตัวเข้าหาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้พรรคเพิ่งได้อบรมหลักสูตรยุวประชาธิปัตย์ และได้เตรียมความพร้อมที่จะนำเสนอนโยบายทันสมัยสู่สาธารณชน ในเร็วๆ นี้

ต่อมา นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และ คณะกรรมการ Smart Democrat ได้จูงแขนทีมงานคนรุ่นใหม่ของพรรค อาทิ “หมอเอ้ก” นายคณวัฒร์ จันทรลาวัณย์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.พลอยนภัส โจววณิชย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองของคนรุ่นใหม่ โดยประเด็นที่จะเน้นย้ำในการทำงานการเมืองคือ ต้องอดทน มีมุมมองใหม่ พร้อมที่จะเป็นกลไกส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนพรรค พัฒนาสังคม และพัฒนาประเทศต่อไป

ช่วงท้ายของการสัมมนาในวันนี้ เป็นการบรรยายและร่วมฝึกการปฏิบัติการ “การสื่อสารและการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้คน กทม.” ทั้งนี้ทางผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้มีการแลกเปลี่ยน และยกกรณีศึกษาปัญหาของเขตพื้นที่ตนเอง มาลองใช้เทคนิคใหม่ๆ ในการนำเสนอซึ่งทำให้ง่ายต่อการรับรู้ และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น.

“นิพนธ์”ติดตามใช้งบฯแก้ภัยแล้งห้วยแถลงโคราช

People Unity News : “นิพนธ์”รมช.มท.ลงพื้นที่ติดตามการใช้งบประมาณแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ห้วยแถลงโคราช พร้อมย้ำนโยบายประกันรายได้เกษตรกร

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00 น. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อตรวจติดตามการใช้งบประมาณเพื่อป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัดนครราชสีมา โดยได้สำรวจแหล่งน้ำดิบบริเวณอ่างเก็บน้ำลำฉมวกครอบคลุมในพื้นที่ 3 อำเภอประกอบด้วย ห้วยแถลง จักราช และพิมาย ซึ่งเป็นน้ำต้นทุนเพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร

นายนิพนธ์ ได้กล่าวเน้นย้ำเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2563 โดยขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนได้ใช้น้ำอย่างประหยัดเพราะน้ำต้นทุนมีปริมาณน้อยกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง พร้อมสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์ เพื่อจัดการตามแผนรับมือภัยแล้งตามที่ได้ให้แนวทางไว้ และเยี่ยมให้กำลังใจแก่เกษตรกรในพื้นที่ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงนโยบายการประกันรายได้ ข้าว มันสำปะหลัง ยาพารา และปาล์ม ที่ครม.อนุมัติแล้ว ส่วนการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดรัฐบาลจะเร่งรัดดำเนินการในเร็วๆนี้

“ชวน”ไม่ถือสา”ปารีณา”พาดพิง ปัดเลือกปฏิบัติ แจงเหตุปิดไมค์

People Unity News : “ชวน”ไม่ถือสา”ปารีณา”พาดพิง ปัดเลือกปฏิบัติ แจงปิดไมค์เหตุอยู่ในช่วงหารือความเดือดร้อนของประชาชน แต่ส.ส.ราชบุรีพูดพาดพิงบุคคลอื่น เกรง”เสรีพิศุทธ์”แน่

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าว กรณีที่ น.ส.ปรีณา ที่กล่าวหาว่า ประธานสภาเลือกปฏิบัตินั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหา เนื่องจากขณะนั้นเป็นการหารือความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุม แต่การขึ้นพูดของ น.ส.ปารีณา เป็นการพูดที่พาดพิงถึงบุคคลอื่นซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับข้อหารือแต่อย่างใด และส่วนตัวก็ประเมินได้ว่าหากปล่อยให้มีการพูดพาดพิงต่อไป ก็จะมีการลุกขึ้นประท้วงจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร แน่นอน เพราะเรื่องที่ น.ส.ปารีณา พูด เป็นประเด็นความขัดแย้งในกรรมาธิการฯ และส่วนตัวไม่ถือสา ที่ น.ส.ปารีณา พูดพาดพิงเมื่อวานนี้ เพราะเชื่อว่าทุกคนทราบดีว่าอะไรคือความจริง

ส่วนกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เตรียมยื่นเรื่องให้สอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์นั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าวเข้ามา แต่ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่จะยื่น ทางเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะรับเรื่องไว้แล้วหรือไม่

“เพื่อไทย”กังขาประกันรายได้เกษตรกรหรือประกันกำไรบริษัทเอกชน

People Unity News : “เพื่อไทย” อัดรัฐออกนโยบายเอื้อเจ้าสัวกังขาประกันรายได้เกษตรกรหรือประกันกำไรบริษัทเอกชน ชี้เปรี้ยงเกษตรเคมีแปลงใหญ่ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่งแทนกลุ่มทุนควรไถ่บาป ขณะที่อดีตรัฐมนตรีช่วยคลังจวกวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส. พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า นโยบายประกันราคาสินค้าการเกษตรที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายหลักในการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ไม่ตอบโจทย์ และไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้จริง ที่ผ่านมาเคยใช้แล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะเกษตรกรไม่สามารถขายพืชผลทางการเกษตรได้ในราคาที่เป็นธรรม วิธีการดี เพราะการที่รัฐไปกำหนดราคาประกันราคาสินค้าเกษตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้เกษตรกรว่าหากขายพืชผลต้องได้ตามราคาที่รัฐกำหนด เพราะหากขายพืชผลต่ำกว่าราคาประกันรัฐจะไปอุดหนุนราคาสินค้าให้เกษตรกร นโยบายดังกล่าวรัฐต้องใช้งบประมาณสูงมาก เพราะยากมากและไม่มีทางเป็นได้ว่าพ่อค้าจะกำหนดราคารับซื้อเท่ากับราคาประกัน ทางแก้ควรรัฐปล่อยให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนดราคาสินค่าจะดีที่สุด

นายนิยม กล่าวด้วยว่า กรณีของข้าว มีการกำหนดการช่วยเหลือที่ไม่เป็นธรรม เพราะข้าวหอมมะลิก่อนที่จะมีการประกาศราคาขายตันล่ะ 15,000-16,000 บาท แต่ภายหลังประกาศราคาประกันที่ตันล่ะ 15,000 บาท ส่งผลให้พ่อค้ากดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกรทันทีโดยอ้างข้าวมีความชื้น ส่งผลให้เกษตรกรขายข้าวไม่ได้ราคา โดยพ่อค้าจะให้เกษตรกรไปรับเงินชดเชยจากรัฐแทน นอกจากนี้บางพื้นที่มีการกดราคารับซื้อข้าวที่ตันล่ะ 9,000 บาทเท่านั้น จากนโยบายที่ประกาศออกมานั้น ไม่เป็นธรรมในหลายพื้นที่ เพราะข้าวหอมมะลิที่ปลูกมากที่ภาคเหนือและอีสาน ปลูกได้ปีละครั้ง รัฐบาลรับประกันที่ 14 ตัน แต่ข้าวขาวที่ปลูกมากพื้นที่ภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่พรรคร่วมรัฐบาลมีการประกันราคาที่ 30 ตันและปลูกได้ 2 ครั้ง นโยบายที่ประกาศออกมาไม่เป็นธรรมกับเกษตรกรทั่วประเทศ

“นโยบายประกันราคา เป็นนโยบายที่เปิดโอกาสให้พ่อค้าผู้ส่งออกเป็นผู้กำหนดราคาประกันมากกว่า เพราะผู้ส่งออกจะให้รัฐตั้งราคาประกันต่ำเพื่อซื้อสินค้าในราคาถูก โดยเฉพาะข้าวก่อนนำข้าวไปส่งออกในราคาสูงเพื่อทำกำไร นโยบายประกันรายได้เกษตรกรเป็นนโยบายที่ดูดีแต่ผู้ส่งออกชอบได้ต้นทุนรับซื้อที่ต่ำแล้วส่งไปขายแพง ทำกำไรให้ผู้ประกอบการได้เป็นกอบเป็นกำ ดังนั้นเป็นนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่รัฐออกมาเพื่อช่วยผู้ส่งออกมากกว่าช่วยเกษตรกร”

ชี้เปรี้ยงเกษตรเคมีแปลงใหญ่ล้วนจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้าตายผ่อนส่งแทนกลุ่มทุนควรไถ่บาป

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นประเด็นการแบน 3 สารเคมีร้ายแรงการเกษตร ที่ยังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ประชาชนติดตามจนถึงปัจจุบัน โดยขอให้ความเห็นใน 4 ประเด็น ดังนี้

1. สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน มีมติเป็นเอกฉันท์ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2562 มีมติตั้ง กมธ. วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม ครั้งที่สอง วันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 เห็นชอบกับรายงานผลการศึกษา พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ กมธ.ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่ง 1 ในข้อสังเกตสำคัญของ กมธ.คือ การแบน 3 สารเคมีร้ายแรงทางด้านการเกษตรดังกล่าว การไม่ใช้สารเคมีชนิดใดมาทดแทน การดูแล เยียวยาเกษตรกรในระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากเกษตรเคมี สู่เกษตรปลอดภัย และเป็นเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนในที่สุด

จะเห็นได้ว่า มติเอกฉันท์ของสภาผู้แทนราษฎรทั้งสองครั้งดังกล่าว ล้วนแสดงเจตนารมณ์ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง นี่คือ เสียงสะท้อนจากตัวแทนประชาชนทั่วประเทศ ที่รัฐบาล คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน ควรรับฟังเสียงดังกล่าว แล้วนำไปปฏิบัติ แม้ในระยะเปลี่ยนผ่านจะมีปัญหา อุปสรรค ซึ่งก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทุกประเทศ แต่หากคำนึงถึงเป้าหมายเพื่อสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยภาพรวม ก็ต้องร่วมใจกันฟันฝ่าไปสู่เป้าหมายนั้น

2. ในข้อเท็จจริง เกษตรเคมีแปลงใหญ่ เกือบร้อยละร้อย เจ้าของที่ดินแปลงใหญ่มิได้พ่นยาฆ่าหญ้าด้วยตนเอง ล้วนจ้างคนจนไปตายผ่อนส่งแทนเกือบทั้งสิ้น หากกลุ่มทุนดังกล่าว เปลี่ยนวิธีคิด จากจ้างคนจนพ่นยาฆ่าหญ้า หันมาส่งเสริม SME ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรในการกำจัดวัชพืช ซึ่งมีนวัตกรรมใหม่ที่คนไทยผลิตได้ ก็จะเกิดการจ้างงานอีกหลายกลุ่ม ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ก็จะปลอดภัยจากสารพิษร้ายแรง ไม่นับกับการใช้สารชีวภัณฑ์ ฯลฯ และทางเลือกอื่น ๆ ทดแทนการใช้สารเคมี

3. สำหรับเกษตรกรรายย่อย และผู้รับจ้างพ่นยาฆ่าหญ้า ผมเคย ถามว่า รู้ไหมว่าอันตราย เขาตอบว่ารู้ แต่ด้วยความจน จำเป็นต้องทำ เพื่อเลี้ยงลูก เมีย ครอบครัว เขาไม่กลัวตาย ขอให้มีกินก่อน แต่พอบอกว่า สารพิษดังกล่าว จะไปสู่ลูก หลาน โดยเฉพาะเด็กเกิดใหม่มีสถิติการเป็นออทิสติก สติปัญญาต่ำมากขึ้น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เขาหยุดฟัง และพร้อมจะเลิก สรุปในประเด็นนี้ คือ คนจนไม่กลัวตาย ขอให้มีกิน แต่ถ้ารู้ว่า ผลกระทบถึงลูก หลาน หยุดได้ รักลูก หลาน
มากกว่าตนเอง

ในประเด็นนี้ ผมขอฝากข้อคิดมายังเกษตรกรรายย่อยว่า ควรเปลี่ยนวิธีคิดในการทำการเกษตร ห้นมาให้ความสำคัญกับสุขภาพอนามัยของตนเอง ครอบครัว ประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ สิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจตีค่าเป็นตัวเงินได้ ถ้า “ในน้ำบ่มีปลา ในนามีแต่ พาราควอต” เราจะหากุ้ง หอย ปู ปลา มาเป็นอาหารในคร้วเรือนทุกวัน ๆเหมือนในอดีตได้อย่างไร

4. สำหรับกลุ่มทุน จะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ผลิตภัณฑ์ของท่านทำให้คนไทยตายผ่อนส่งมาช้านานแล้ว ท่านควรไถ่บาป อย่างน้อยหยุดม็อบ หยุดก่อความวุ่นวาย
ท่านควรให้ความร่วมมือกับทางราชการ แล้วนำความร่ำรวยที่ได้ไปกลับมาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ในลักษณะกองทุนดูแลสิ่งแวดล้อม และกองทุนเยียวยาเกษตรกรที่เจ็บป่วยจากการใช้สารเคมี

ขอเรียนในท้ายที่สุดว่า การทำงานของผม และของ กมธ.ไม่มีประโยชน์อื่นใดแอบแฝง ไม่ใช่แบนสารตัวนี้ แล้วเปิดช่องให้ใช้สารตัวอื่นทดแทน แต่เป้าหมายของผมและ กมธ. คือ การพัฒาการเกษตรของไทยไปสู่เกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลกอย่างสมภาคภูมิ ผมมั่นใจว่า หมดรุ่นผม ก็จะมีคนรุ่นต่อ ๆ มา มารับช่วงต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะใคร ๆ ก็รักตนเองรักครอบครัว และรักประชาชน เพราะเราเป็นผู้แทนประชาชน

อดีตรัฐมนตรีช่วยคลัง จวกวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มองสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้เป็นเรื่องน่าหนักใจ มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการรายย่อย พบว่าต้องเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด และยังมองไม่เห็นทางรอด ขณะเดียวกันเห็นว่ามาตรการของรัฐยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากพอ เพราะสิ่งที่รัฐดำเนินการเป็นวิธีเก่าไม่สอดคล้องกับปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น พร้อมมองว่าการที่รัฐบาลไม่ยอมรับปัญหาทางเศรษฐกิจ จะไม่เกิดประโยชน์กับการทำงาน หากเป็นธุรกิจภายในครอบครัวคงไม่มีผู้ใดไปท้วงติง แต่ที่ดำเนินการอยู่คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรัฐบาลต้องหันกลับมายอมรับความจริง และรับฟังความคิดความเห็นที่สะท้อน ไปยังรัฐบาลเพื่อนำกลับมาแก้ไขปัญหา

นายทนุศักดิ์มองว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะไม่เกิดประโยชน์ หากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นคนเดิม เมื่อหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไม่ถูกปรับเปลี่ยน ก็ไม่สามารถเกิดสิ่งใหม่ได้ ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรูปแบบใหม่หากรัฐพร้อมยอมรับ เชื่อว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเมื่อไปดูหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ ยังสามารถเดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากไทยไม่ต้องการเป็นประเทศที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จะต้องหันกลับมาคิดใหม่เพราะวิธีการแบบเดิม ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นได้

นายทนุศักดิ์ระบุด้วยว่าวิธีการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สะท้อนไปยังรัฐบาลทุกสัปดาห์แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ปัญหาจึงรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตร และมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เพราะจากในอดีต ผลผลิตเยอะราคาต่ำรัฐเข้าไปช่วยเหลือ แต่ปัจจุบันผลผลิตน้อย ราคากลับตกต่ำ

นายทนุศักดิ์ ย้ำด้วยว่าปัญหาคนว่างงาน โรงงานปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น ทุกคนในสังคมมองเห็นและเชื่อว่าคนทั้งหมดเข้าใจว่าจำเป็นต้องแก้ไข แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมรับในสิ่งเหล่านี้ พร้อมตั้งคำถามว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้คิดแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะหลักคิดของรัฐบาลอาจไม่เหมือนมนุษย์ปกติ

หวั่นกมธ.คณะอื่นเอาอย่าง! “ปชป.”เบรก”พปชร.” ดันปลด”เสรีพิศุทธิ์”

People Unity News :  “วิรัช”เบรกอย่าดำเนินการปลด ‘เสรีพิศุทธิ์’ ออกจาก ปธ.กมธ. ปราบโกง ฯ เชื่อ วุ่นวายทั้งสภา หวั่น กมธ. ชุดอื่นทำตาม แนะคำนึงถึงหน้าที่มากกว่าเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อาจจะมีการเสนอให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกจากประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า ตนเห็นว่า กรณีแบบนี้ไม่สมควรที่จะให้เกิดขึ้น เพราะหากมีการปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่ง แล้ว อีก 34 คณะก็น่าจะทำตามอย่าง เพราะต้องยอมรับว่า ในกรรมาธิการ จะต้องมีสัดส่วนของแต่ละพรรคที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งต่างคนต่างมีข้อขัดแย้งส่วนตัวระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอุดมการณ์ทางการเมือง หรือความเห็นส่วนตัว และยิ่งคณะกรรมาธิการฯ ในสภาผู้แทนฯ ชุดปัจจุบันนี้ หลายคณะมี ส.ส.ฝ่ายค้าน มากกว่าฝ่ายรัฐบาลเสียอีก ดังนั้น ตนห่วงว่า หากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้สภาและการทำงานของคณะกรรมาธิการ จะเกิดความวุ่นวายไม่รู้จักจบสิ้น

“ผมเองเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น ในสภาชุดปี 2551 – 2554 ก็ยอมรับว่ามีข้อขัดแย้งในการทำงานบ้าง แต่ก็ต้องรักษาบรรยากาศการทำงานให้เรียบร้อยและยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ดังนั้น ข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงขอให้เป็นเรื่องภายในของคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขเอาเอง ตามแนวทางที่ท่านประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย แนะนำเอาไว้ ” นายวิรัชกล่าว

นายวิรัช ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ประเด็นสำคัญที่น่าจะต้องทำของคณะกรรมาธิการฯ คือการตรวจสอบการทุจริต โดยเฉพาะหลายๆ โครงการที่ยังเป็นที่สงสัยของประชาชน ซึ่งฝากความหวังให้คณะกรรมาธิการชุดนี้ ทำหน้าที่ แต่ข่าวที่ปรากฏออกมา มีแต่เรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ดังนั้น ตนขอให้ทุกคนที่อยู่ในคณะกรรมาธิการฯ ทำหน้าที่ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้ตรวจสอบการทุจริตแทนประชาชนด้วย

“ผ่องศรี” ปลุกใจ ชาว ปชป. กทม. ขับเคลื่อนกำลัง “พลพรรครักสีฟ้า”

People Unity News :  “ผ่องศรี” ปลุกใจ ชาว ปชป. กทม. ขับเคลื่อนกำลัง “พลพรรครักสีฟ้า” ด้าน “จุฤทธิ์” โชว์ ผลงาน รมต.ปชป. อุดมการณ์ ทันสมัย “ทำได้ไว ทำได้จริง”

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ช่วงเช้า ในโครงการขับเคลื่อนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา ภูโอบ น้ำใส คันทรี รีสอร์ท อ.เมือง จ.นครนายก นส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์และตัวแทนสำนักงานเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ได้พบปะแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างเครือข่าย “พลพรรครักสีฟ้า” และบรรยายในหัวข้อ “แนวทางการจัดตั้งสาขาพรรค/ตัวแทนพรรคประจำจังหวัดและศูนย์ประสานงาน” โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเป็นกันเอง มีการทบทวนถึงบทเรียนที่ผ่านมา และมีแผนงานที่จะเดินหน้าเตรียมความพร้อมในการทำงานครั้งต่อๆ ไป

ถัดไปช่วงสาย นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และรองผู้อำนวยการพรรค ได้นำเสนอผลงานของขุนพลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เข้าไปทำงานในภาคส่วนของรัฐบาล นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขที่ต้องแก้ปัญหาปากท้อง บริหารงานด้วยความเป็นธรรม และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งกระทรวงที่พรรค ปชป. เข้าไปดูแลคือพาณิชย์, เกษตรฯ, พัฒนาสังคมฯ, ศึกษา, สาธารณสุข, มหาดไทย,และคมนาคม โดยที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ขุนพล อเวนเจอร์ ปชป. ได้ทำนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปทำงานในรัฐบาลได้อย่างฉับไว ภายใต้อุดมการณ์ ทันสมัย “ทำได้ไว ทำได้จริง”

ทำความดีแต่เช้าตรู่! “อนุทิน”ลุยภารกิจรับส่ง”หัวใจ”ต่อชีวิตผู้ป่วย

People Unity News : ทำความดีแต่เช้าตรู่! “อนุทิน”บินด่วน”อุบลราชธานี” ลุยภารกิจรับส่ง”หัวใจ”ต่อชีวิตผู้ป่วย

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าตรู่วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ขับเครื่องบินนำทีมแพทย์จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับอวัยวะจากผู้เสียชีวิต นำไปเปลี่ยนให้ผู้ป่วยที่รอการรักษา

ทั้งนี้ ในเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ปรากฏภาพการปฏิบัติภารกิจ พร้อมข้อความว่า

“หัวใจติดปีก

ไปรับหัวใจ ที่อุบลราชธานี
คนเมืองนี้ จิตใจดี และ หัวใจดี
ชีวิต ต่อ ชีวิต
วันนี้ วันดี อากาศดี
หมอพัชร ชวนทำความดีแต่เช้าตรู่
กลับมาแล้ว จะรายงานการปฏิบัติภารกิจ ให้ทราบครับ💟

#เลิกคุยทุกอำเภอเพื่อหัวใจเธอคนเดียว”

โดยมีประชาชนเข้ามาแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมา นายอนุทินได้อาสาขับเครื่องบินทำภารกิจดังกล่าวมาแล้วกว่า 25 ครั้ง

Verified by ExactMetrics