วันที่ 11 พฤษภาคม 2024

ปชป.”ชวน​รวมพลังต่อต้าน​การใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเพศวิถี

People Unity News : “ปชป.”ชวน​รวมพลังต่อต้าน​การใช้ความรุนแรงต่อสตรีและเพศวิถี พร้อมชวนช่วย​แชร์ต่อชีวิตมีค่า อย่าปล่อยให้ใครทำร้ายคุณ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 พรรคประชาธิปัตย์ขอร่วมแสดงจุดยืนเพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเพศวิถี เนื่องในเดือนแห่งการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีสากล ขอเชิญร่วมงาน รักไร้รุนแรง Love with non-violence พบกับกิจกรรมดังนี้

1430-1500 ลงทะเบียนพร้อมรับริบบิ้นสีขาว
1500-1530 ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรง นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

1530-1730 เสวนาบนเวที พร้อมสนทนาแลกเปลี่ยนกับผู้เข้าร่วมงาน
• คุณธนวดี ท่าจีน ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง
• คุณเปรมปรีดา ปราโมช ณ อยุธยา อุปนายก สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย
• ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล
• คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์
• คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ พรรคประชาธิปัตย์

ดำเนินรายการโดย คุณดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์

ในวันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2562 เวลา 1430-1730 น
ณ bluehouse พรรคประชาธิปัตย์
จัดโดย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ พรรคประชาธิปัตย์
ถ่ายทอดสดผ่าน FB page พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดการเสวนา

สำรองที่นั่งโทรฯ 0943659414 LineID jittitsara

“จุรินทร์”ช่วยชาวใต้! มอบที่อยู่อาศัย-ที่ดินทำกิน

People Unity News : “จุรินทร์”ช่วยชาวใต้! มอบที่อยู่อาศัย-ที่ดินทำกิน เน้นนโยบายสร้างความมั่นคงให้ชาวบ้านได้มีที่อยู่ที่กินถ้วนทั่ว

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเปิด งานมหกรรมที่อยู่อาศัยโลกภาคใต้ “20 ปี พอช.พลังองค์กรชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ณ ชุมชนทับตะวัน โดย นายจุรินทร์กล่าวขอบคุณ เครือข่ายองค์กรชุมชน เครือข่ายบ้านมั่นคงภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชื่นชมผลงานและความสาเร็จในการแก้ไขปัญหา ที่ดินและที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร สมดุล และยั่งยืน ที่เกิดจากความร่วมมือของ ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในที่ดินป่าชายเลน โดยให้พี่น้องในชุมชนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมดาเนินการ และได้รับประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ ดูแลรักษา และคุ้มครองที่ดินและทรัพยากร ไม่ให้ถูกบุกรุก ทำลาย

รวมถึงการฟื้นฟู บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรพื้นที่ป่าชาย เลน และชายฝั่งทะเล เพื่อให้สามารถดารงศักยภาพเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้า เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลต่อการประมง การท่องเที่ยว และการประกอบอาชีพ ทั้งการพัฒนากระบวนการ ฐานข้อมูล และแผนการจัดการพื้นที่ชายฝั่งอย่าง เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ไม่ส่งผล กระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง

“ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่มีโอกาสบ้านพี่มั่นคงหรือบ้านพอเพียงเพราะหมายความว่า ต่อไปนี้เราไม่ต้องอยู่แบบผิดกฎหมายเพราะได้รับการรับรองจากรัฐบาล อย่างน้อยที่มาวันนี้และกว่า 2,800 กว่าครอบครัวได้รับการรับรองจากรัฐบาลว่าอยู่ได้อย่างถูกกฎหมายและได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในรูปแบบสาธารณูปโภคและอื่นๆโดยให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นชุมชนที่มีระบบบริหารจัดการที่เป็นระบบถูกต้องและขณะเดียวกันเพื่อให้เป็นกันชนหรือเกราะป้องกัน การบุกรุกที่ดินรัฐต่อไป ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวนหรือชายเลน ต้องขอทุกฝ่ายโดยโครงการนี้เป็นความคิดมาตั้งแต่สมัยปี 2535 คณะรัฐบาลนายกชวน หลีกภัย เดินระยะเริ่มต้นอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่ปัจจุบันนี้สามารถที่จะผลักดันได้มาก” นายจุรินทร์ กล่าว

รายงานระบุว่า นายจุรินทร์ และรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนในเรื่องการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชนจาก ฐานราก การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน สร้างชุมชนที่น่าอยู่ รวมทั้งการพัฒนาทักษะอาชีพ และพัฒนาพื้นที่เมืองแบบองค์รวม โดยรัฐบาลได้สาน ต่อแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20ปี (พ.ศ.2560-2579) ที่มีวิสัยทัศน์ ให้ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579” เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการแก้ไข ปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยอย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย และ การสนับสนุนงบประมาณโครงการบ้านมั่นคง โครงการบ้านพอเพียงชนบทอย่าง ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาที่ดินโดยการ อนุญาตการใช้ที่ดินรัฐแบบสิทธิร่วมหรือที่เรียกว่าโฉนดชุมชน ซึ่งหนึ่งในประเภทที่ดินที่รัฐได้ให้การสนับสนุนคือที่ดินในเขตป่าชายเลน โดยได้มีการขออนุญาตผ่าน คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ในการดาเนินโครงการบ้านมั่นคงแล้ว สาหรับชุมชนประมงในพื้นที่ภาคใต้ ในจังหวัดสตูล ตรัง กระบี่ พังงา ระนอง ภูเก็ตนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และปัตตานี และในพื้นที่ภาคกลางและตะวันตก ในพื้นที่อ่าว ก.ไก่ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร เพื่อให้ชุมชนหรือสหกรณ์มีสิทธิ์ในการอยู่อาศัยทำกินได้ชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ให้เสี่ยง ต่อการถูกกว้านซื้อที่ จนกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยหรือที่ทากินได้ในอนาคต

ส.ส.กทม. พปชร.ร่วมต่อต้านและยุติความรุนแรงในครอบครัว

People Unity News : ส.ส.กทม. พปชร.ร่วมต่อต้านและยุติความรุนแรงในครอบครัว ขอทุกฝ่ายช่วยเป็นหูเป็นตา สร้างสังคมให้น่าอยู่

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.เขต 1  และ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมผลักดันด้านความปลอดภัยของสตรี รวมถึงการยุติความรุนแรงในครอบครัว เด็ก เยาวชน และสตรี โดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้มีความตระหนักรู้ ในปัจจุบัน

น.ส.พัชรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้หญิงได้รับการยอมรับทั้งในด้านอาชีพ และสิทธิต่างๆ แต่ทั้งนี้ด้วยสรีระของผู้หญิง ที่ทำให้มีโอกาสที่จะตกเป็นเหยื่อได้มากกว่า ดังนั้นความปลอดภัยของผู้หญิงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่จะต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ขณะเดียวกันภาครัฐก็ต้องมีส่วนในการดูแลพื้นที่ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมให้มีความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไฟฟ้าส่องสว่าง กล้องวงจรปิด รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ มาปรับใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้เข้าร่วมโครงการ “ปักหมุด จุดเผือก” ภายใต้โครงการเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคประชาชน นำไปปรับปรุงพื้นที่ให้ปลอดจากภัยคุกคามทางเพศ โดยเริ่มต้นจากสะพานเขียว เขตปทุมวัน เป็นพื้นที่นำร่องของโครงการ สร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งพื้นที่จุดเสี่ยงอันตราย โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบรับฟังข้อปัญหาข้อร้องเรียนต่าง ๆ จุดบอดจุดเสี่ยง รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

ด้าน น.ส.กานต์กนิษฐ์ กล่าวว่า ขอเชิญชวนและรณรงค์ยุติความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งสตรีและเด็ก เพราะที่ผ่านมาเราได้มีการศึกษา รับฟังข้อเสนอแนะจากหลายๆ ภาคส่วน ในประเด็นของปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็ก ในฐานะที่เป็นโฆษกกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มเชื้อชาติพันธ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ น้อมรับในทุกข้อเสนอแนะ โดยจะนำประเด็นดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯต่อไป และในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ UN ได้ประกาศให้เป็น “วันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล” รวมทั้งมีมติครม. ประกาศให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงาต่อสตรีและเด็ก โดยจะดำเนินการตลอดเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้สังคมได้มีความตระหนัก และร่วมป้องกันขจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีให้หมดสิ้นไป โดยมีการติดริบบิ้นสีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ชายติดเพื่อแสงถึงการ่วมต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อสตรี โดยการไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อสตรี แต่ปัจจุบันได้ใช้สัญลักษณ์นี้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพื่อเป็นการร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงในครอบครัวด้วย โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน ไม่เป็นเพียงเฉพาะเหยื่อที่ได้รับความรุนแรงเท่านั้น แต่เมื่อได้รับความรุนแรง ก็จดจำและเรียนรู้ความรุนแรง ทำให้อาจเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงในอนาคต ดังนั้นจึงอยากให้มาช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่ามองว่าไม่ใช่เรื่องของเรา และช่วยกันป้องกันปัญหาความรุนแรงโดยเริ่มจากตัวของเราเอง

ทั้งนี้ น.ส.กานต์กนิษฐ์ และ น.ส.พัชรินทร์ ยังได้ร่วมเดินรณรงค์ทั้งในสภาและประชาชน ให้ติดริบบิ้นสีขาวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในครั้งนี้

“ปชป.” เตรียมคัดชื่อ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ

People Unity News : “องอาจ คล้ามไพบูลย์” ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เผย “ปชป.” เตรียมคัดชื่อ กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ตนได้เชิญ ส.ส. ของพรรคฯ มาประชุมเพื่อพิจารณาหาผู้ที่เหมาะสมไปเป็นคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคฯ จำนวน 4 ท่าน ในวันอังคารที่ 26 พ.ย. เวลา 13.30 น.

พรรคประชาธิปัตย์ มีบุคคลที่เหมาะสมหลายท่าน ขึ้นอยู่กับ ส.ส. ของพรรคฯ จะดูว่าใครเหมาะสมโดยจะใช้วิธีเสนอชื่อแล้วให้ ส.ส. เลือกในที่ประชุม โดยผู้ที่ถูกเสนอชื่อและที่ประชุม ส.ส. เลือกก็ต้องสมัครใจที่จะไปทำงานเป็นคณะกรรมาธิการฯ ด้วย

ส่วนที่ประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เคยมีมติเสนอชื่อคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคฯ ไปเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ นั้น ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม เพราะคุณอภิสิทธ์มีความเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลด้วยว่าจะมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร ขณะนี้พรรคฯ ก็รอฟังจากวิปรัฐบาลอย่างเป็นทางการว่าจะมีมติออกมาอย่างไร

กรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองนั้น คิดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรกับการเมืองในภาพรวม เพราะเป็นเพียงเริ่มต้นศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังต้องมีกระบวนการที่จะต้องดำเนินการอีกพอสมควร

ทุกฝ่ายควรตระหนักร่วมกันว่าการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่งและองค์กรหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งจึงจะทำให้เกิดผลสำเร็จได้

อาเซียน-เกาหลีหนุนภาคเอกชนสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

People Unity News : “บิ๊กตู่”ร่วมประชุม ASEAN-ROK CEO Summit ที่เกาหลี พร้อมหารือทวิภาคี ปธน.เกาหลีใต้ทำ MOU เทคโนโลยี แรงงาน หนุนลงทุนใน EEC เผย “อาเซียน-เกาหลี” พร้อมสนับสนุนภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นนครปูซาน ที่อาคารนิทรรศการ 2 ศูนย์การประชุมและนิทรรศการนครปูซาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมพิธีเปิดและกล่าวถ้อยแถลงแสดงความยินดีในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-ROK CEO Summit) สรุปสาระสำคัญดังนี้

การประชุม ASEAN-ROK CEO Summit เป็นเวทีสำคัญให้ผู้นำ และภาคเอกชนอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีหารือเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจในภูมิภาค โดยมีผู้นำอาเซียน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ผู้แทนภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา ฯลฯ โดยมีนายไพรัช บูรพชัยศรี รองประธานหอการค้า เข้าร่วมในฐานะผู้แทนไทย

ไทยในฐานะประธานอาเซียน ให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ การส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ โดยสาธารณรัฐเกาหลีถือเป็นหนึ่งในคู่เจรจาสำคัญของอาเซียน การอำนวยความสะดวกทางการค้าเป็นสิ่งที่อาเซียนไม่เคยมองข้ามและให้ความสำคัญ ซึ่งในอนาคตสามารถขยายความเชื่อมโยงไปยังประเทศคู่เจรจาได้ โดยอาเซียนพร้อมสนับสนุนการสร้างความเชื่อมโยงทางการค้าดิจิทัล รวมทั้งผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงภายในภูมิภาคผ่านการลดอุปสรรคทางการค้า นอกจากนี้ ไทยยังให้ความสำคัญกับการบรรลุความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจ เกิดการพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

อาเซียนตระหนักดีถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ที่ถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอาเซียนเห็นพ้องให้มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดตามที่ระบุในแผนปฏิบัติการ ภาคเอกชนอาเซียนได้วางเป้าหมายการพัฒนา ดังนี้

หนึ่ง การพัฒนาแรงงานทักษะฝีมือ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเทคโนโลยี

สอง การเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางดิจิทัล ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการสร้างความเชื่อมโยงทางดิจิทัลในอาเซียน

สาม ความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม

สี่ การส่งเสริมกลไกความร่วมมือทางการค้า โดยเฉพาะความร่วมมือภาคเอกชน

ภาครัฐสนับสนุนให้ภาคเอกชนใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้กรอบ FTA อาเซียน-เกาหลี โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ที่สาธารณรัฐเกาหลีมีความโดดเด่น อาทิ ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่อาเซียนสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย

หารือทวิภาคี ปธน.เกาหลีใต้ทำ MOU เทคโนโลยี แรงงาน หนุนลงทุนใน EEC

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ @DrNarumonP ว่า หลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และนายมุน แช อิน ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ 3 ฉบับ ได้แก่

1.บันทึกความเข้าใจระหว่าง กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ไทยกับ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผ่านการวิจัยพัฒนาการดำเนินโครงการร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในการได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ของเกาหลีใต้

2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อเป็นโอกาสในการสนับสนุนการพัฒนาภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจพื้นที่ EEC และส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

3.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ กำหนดให้มีการประชุมระหว่างผู้ปฏิบัติของทั้งสองหน่วยงานอย่างสม่ำเสมอ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้แรงงานไทยเดินทางไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย

“อนุทิน”ยัน สธ. หนุนแบนสารพิษ วอนทุกฝ่ายไม่มีวาระซ่อนเร้น

People Unity News : ชัดเจนอีกรอบ! “อนุทิน” ยัน สธ.หนุนแบนสารพิษ วอนทุกฝ่ายตัดสินใจเดินหน้าบนประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่มีวาระซ่อนเร้น พร้อม ชู “ศูนย์จัดการความขัดแย้งฯ” และ “หน่วยรับเรื่องร้องทุกข์ ม.50(5)” รักษาสิทธิ์ประชาชน

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 จากกรณีที่กรมวิชาการเกษตร เสนอให้การแบนสารพิษ หรือ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส และไกรโฟเซต เลื่อนจากวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ไปอีก 6 เดือน หลังจากการทำประชาพิจารณ์ พบว่าประชาชน 75% ยังสนุบสนุนให้ใช้สารเคมีทางการเกษตรต่อไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข มีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า อะไรก็ตามที่เป็นอันตรายต่ิสุขภาพ ไม่สมควรให้ใช้ต่อไป ส่วนเรื่องสารทดแทน เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น สำหรับกระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่รักษาพยายาบาล ที่ผ่านมา เราเห็นผลกระทบจากการใช้สารพิษที่เลวร้าย ดังนั้น ตัวแทนของกระทรวงฯ ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายจึงตัดสินใจแบน

และถ้าดูภาพรวมของมติคณะกรรมการฯทั้งคณะจะพบว่า ฝ่ายที่แบนมีมากกว่าด้วยสัดส่วน 3 ต่อ 1 ถือว่าชัดเจนแล้วว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ส่วนจะเลื่อนไป 6 เดือน ทำได้หรือไม่ อยากให้ไปดูกฎหมาย แต่ขอวิงวอนว่าการจะทำอะไรต่อจากนี้ ขอให้ตั้งอยู่บนประโยชน์สูงสุดของประชาชน เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานบนความซื่อสัตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น พืชผักผลไม้เป็นเรื่องที่ประชาชนบริโภคทุกวัน ต้องคิด ต้องตัดสินใจกันให้ดี

“ผมมั่นใจว่าคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติให้แบน 3 สารพิษ ต่างคิดมาดีแล้ว ส่วนใครที่ยกผลการทำประชาพิจารณ์มาสนับสนุนให้ใช้สารพิษต่อ ผมจะถามกลับว่า ในสภา ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ยกมือสนับสนุนให้แบนสารพิษ 423 ต่อ 0 เห็นชอบกับผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการพิจารณาผลกระทบการใช้สารเคมีการเกษตร ซึ่งผลการศึกษาระบุชัดว่า ต้องแบนสารพิษ และให้มีการเตรียมความพร้อมประเทศไทย เป็นเกษตรอินทรีย์ 100 % ในปี 2573 เสียงของผู้แทนประชาชนออกมาแบบนี้ แล้วจะเอาอย่างไร ที่สุดแล้ว เรื่องแบนสารพิษจะเดินหน้าไปทางไหน ก็ต้องรอดูการตัดสินใจของคณะกรรมการวัตถุอันตราย”

นำ สธ.แถลงจุดยืน ย้ำ 1 ธันวา 62 ต้องแบนสารพิษ

พร้อมกันนี้ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน นำทีมผู้บริหาร อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวง, นายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวง ร่วมประชุมทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ แถลงจุดยืนสนับสนุนการแบนสารพิษ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขทราบถึงผลกระทบของการใช้สารเคมี อาทิ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกรโฟเซต ซึ่งไม่ได้เพียงสร้างผลเสียต่อสุขภาพของเกษตรกร เกิดแผลพุพอง ทุกข์ทรมาน แต่ยังตกต้างในผักผลไม้ กระทบต่อผู้บริโภค มีผลวิจัยยืนยันข้อมูล ทั้งนี้ สารดังกล่าวเมื่อถูกชะลงน้ำ จะเข้าไปปนเปื้อนในพืชผักผลไม้ สร้างอันตรายเป็นวงกว้าง

“จุดยืนของเรามีเพียงอย่างเดียวคือแบนสารพิษ และต้องแบนในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ไม่เห็นควรให้เลื่อนออกไปอีก ขอให้รับทราบโดยทั่วกัน”

ด้านนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การใช้สารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิด เกิดผลกระทบต่อสุขภาพแก่ประชาชนอย่างมากมาย ดังเช่นผู้ป่วยที่มีการรายงาน รวมทั้งมีผลกระทบต่อประชากรรุ่นใหม่ของประเทศ จุดยืนกระทรวงสาธารณสุขคือสนับสนุนการยุติการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้ง 3 ชนิด เพื่อสุขภาพทรดีขึ้นของคนไทย

ด้านนายแพทย์พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2561 พบผู้ป่วยโรคจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ข้อมูลวิชาการพบว่า พาราควอต เป็นสารที่มีพิษเฉียบพลันสูง ปัจจุบันไม่มียาถอนพิษ สำหรับไกลโฟเซต สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศภายใต้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นสารที่น่าจะก่อมะเร็งได้ ส่วนคลอร์ไพริฟอส งานวิจัยต่างประเทศพบว่าเป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ระบบไทรอยด์ กระตุ้นการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งลำไส้ มีผลต่อความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองของเด็กที่แม่ได้รับสารระหว่างตั้งครรภ์

ชู”ศูนย์จัดการความขัดแย้งฯ” และ “หน่วยรับเรื่องร้องทุกข์ ม.50(5)” รักษาสิทธิ์ประชาชน

ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายอนุทิน เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมรวมพลังกลไกขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพในพื้นที่” ภายใต้แนวคิด “Empowering & Deepening Connectivity สร้างเสริมพลังเชื่อมโยงเครือข่าย” พร้อมมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตร แก่ศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพและการบริหารจัดการความขัดแย้งในหน่วยบริการดีเด่นประจำปี 2561 และ หน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนตามมาตรฐาน 50(5) ต้นแบบ จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

นายอนุทิน กล่าวว่า ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นนโยบายสาคัญที่รัฐบาลให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อดูแลสุขภาพประชาชน ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้นอกจากการบริหารจัดการที่ส่วนกลางโดยคณะกรรมการหลักประกันขภาพแห่งชาติ และคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขแล้ว ยังต้องอาศัยการขับเคลื่อนผ่านกลไกระดับพื้นที่ ทั้งกลไก อปสข, อคม, สำนักงานเขตสุขภาพกระทรวงสาธารณสุข และอปท. โดยแต่ละส่วนต่างมีบทบาทและหน้าที่สำคัญ ที่สนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

“นอกจากนี้ ยังมีกลไกสำคัญที่คอยทำหน้าที่คุ้มครองสิทธิ์ประชาชน หรือผู้ป่วย คือ ศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพและการบริหารจัดการความขัดแย้งในหน่วยบริการ และ หน่วยรับเรียงร้องเรียน อันเป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนตามมาตรา 50(5) คอยประสานงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการเข้ารับบริการ ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาและบริการสุขภาพที่จำเป็นได้ ซึ่งที่ผ่านมาหลายแห่งดำเนินการได้อย่างดีิมีประสิทธิภาพ เป็นการยกระดับการให้บริการ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สปสช.ได้คัดเลือกศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพและการบริหารจัดการความขัดแย้งในหน่วยบริการดีเด่น ประจำปี 2561 ประเภทโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป ประกอบไปด้วย

อันดับ 1. โรงพยาบาลพุทธโสธร จ. ฉะเชิงเทรา อันดับ 2. โรงพยาบาลปัตตานี และอันดับ 3. โรงพยาบาลพุทธชินราช จ. พิษณุโลก ส่วนประเภทโรงพยาบาลชุมชน อันดับ 1. โรงพยาบาลรือเสาะ จ.นราธิวาส อันดับ 2. โรงพยาบาลน้ำพอง จ. ขอนแก่นและอันดับ 3. โรงพยาบาลพนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา

นอกจากนี้ ยังได้คัดเลือกหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่น ที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียนต้นแบบ 11 แห่ง ได้แก่ หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.เชียงราย หน่วยรับเรื่องร้องฯ จ.กำแพงเพชร หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.กาญจนบุรี หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.ขอนแก่น หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.หนองบัวลำภู

หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.สุรินทร์ หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ จ.นครศรีธรรมราช หน่วยรับเรื่องร้องเรียน จ.สตูล หน่วยรับเรียงร้องเรียนฯ ศูนย์ประเด็นเดรือข่ายผู้หญิงเพื่อสุขภาพ ภาคกลาง จ.ปทุมธานี หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ เครือข่ายผู้รับเชื้อเอชไอวี / เอดส์ จ.ศรีสะเกษพ หน่วยรับเรื่องร้องเรียนฯ โซนเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร

ในการประชุมข้างต้น มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 1,000 คน ประกอบด้วยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณะ คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.) คณะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานระดับเขตพื้นที่ (อคม.)

ผู้แทนคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฯ ระดับจังหวัด ผู้แทนสำนักงานเขตสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ผู้รับผิดชอบงานรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองสิทธิ์ใน สสจ. ผู้แทนหน่วยบริการ ผู้รับผิดชอบงานศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพ ผู้แทนภาคประชาชน และศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“โอ๊ค”รอด!ศาลยกฟ้องคดีฟอกเงินกรุงไทย

People Unity News : ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษายกฟ้อง “พานทองแท้ ชินวัตร” พ้นผิดคดีฟอกเงินกู้ธนาคารกรุงไทย

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 กรณีที่มีการโอนเช็คเข้าบัญชีของนายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 10 ล้านบาท จากอดีตผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบ

ศาลพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้พ้นผิดในคดีฟอกเงินกู้ธนาคารกรุงไทยรับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี.

ทั้งนี้นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร นางสาวพินทองทา และนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร ได้เดินทางไปรับคำพิษากษาด้วย โดยนายพานทองแท้มีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ นายพานทองแท้พยักหน้าและกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็มั่นใจในคดี ขณะที่คุณหญิงพจมานมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่บรรยากาศบริเวณศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางให้กำลังใจนายพานทองแท้ อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนางสาวขัตติยา สวัสดิผลรวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มารอติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยมีกำลังตำรวจจาก สน.สามเสน สน.นางเลิ้ง สน.บางโพธิ์ และสน.ชนะสงคราม รวม 40 นาย มาคอยดูแลความเรียบร้อยโดยรอบบริเวณ

พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก.บริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

People Unity News : พล.อ.ประวิตร เรียกประชุม คกก.บริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เน้นผลสัมฤทธิ์ โปร่งใส สร้างนักกีฬาคุณภาพระดับชาติและนานาชาติ

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม.เปิดเผยว่า วันนี้ เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ บริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 6/ 2562 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมได้มีการหารือแนวทางการส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนากีฬา และบุคลากรกีฬา รวมไปถึงการกำกับ ติดตามผลการดำเนินงานด้านต่างๆโดยคณะกรรมการฯ และมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงาน แผนงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกองทุน ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกองทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

คณะกรรมการฯได้รับทราบการรายงานผลการดำเนินงานทางการเงินของกองทุน และได้ให้ความเห็นชอบ ปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์งบประมาณบางประการเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและไม่ให้เกิดปัญหากรณีตีความทางกฎหมาย อาทิ รายการค่าเบี้ยเลี้ยงการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งรายการค่าอาหารในต่างประเทศและค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์การแข่งขันกีฬาภายในประเทศ เป็นต้น นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้เห็นชอบ งบประมาณประจำปี 2563 ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองด้านการพัฒนากีฬา ซึ่งได้พิจารณาแล้วให้กับ กกท.ตามแผนงานพัฒนากีฬา พร้อมทั้งเห็นชอบ ค่าใช้จ่ายการจัดงานมอบเงินรางวัล และแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 30 (ซีเกมส์ / อาเซี่ยนพาราเกมส์)

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณผู้ร่วมประชุม และกำชับคณะกรรมการบริหารกองทุน จะต้องมีการกำกับ ติดตาม งบประมาณที่ได้ให้การสนับสนุนแล้ว เพื่อขับเคลื่อนแผนงานการพัฒนากีฬาด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้ กกท.เร่งรัดปฏิบัติตามแผนงาน และการบริหารงบประมาณตามกรอบวงเงินที่ผ่านความเห็นชอบแล้ว อย่างเป็นรูปธรรม โปร่งใส เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเชิงคุณภาพต่อตัวนักกีฬา มุ่งผลสัมฤทธิ์ และยกระดับมาตรฐานการกีฬาในภาพรวมต่อไป ทั้งนี้ กกท.จะต้องสร้างการรับรู้ความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการพัฒนากีฬาของชาติควบคู่กันไปด้วย

“ลดาวัลลิ์”ร่วมขบวนรณรงค์ ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

People Unity News : “ลดาวัลลิ์”ร่วมขบวนรณรงค์ ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ประกาศถึงเวลาชายไทยไม่ทุบตีทำร้ายภรรยาลดคดีอาชญากรรมทางเพศ จี้รัฐใช้กฏหมายจริงจัง

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า เนื่องด้วยวันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ออกมติรับรองโดยองค์การสหประชาชาติ ตนขอเข้าร่วมในกิจกรรมรณรงค์ในวันสำคัญนี้ด้วยในฐานะที่เป็นสตรีคนหนึ่ง จากการสังเกตการทางสังคมพบว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งปัจจุบัน ความรุนแรงที่เกิดจากการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัวทั้งต่อร่างกาย วาจาและจิตใจ สถิติความรุนแรงจากการทุบตีทำร้าย การคุกคาม การล่วงละเมิด การแสวงหาประโยชน์ทางเพศไม่ได้ลดน้อยลง ตรงกันข้ามกลับเพิ่มมากขึ้น แม้แต่ในโรงเรียนผู้ได้ชื่อเป็นครูอาจารย์ก็กระทำรุนแรงต่อลูกศิษย์อย่างไร้ความปราณีและมโนธรรม เป็นสภาวะที่น่าวิตกอย่างยิ่ง

นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า จาก ข่าวสารที่ปรากฏผ่านสื่อต่างๆพบว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้ที่กระทำความรุนแรงคือผู้ชาย ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ขาดสตินำไปสู่การใช้ความรุนแรงผู้ที่เป็นพ่อแม่จริงหรือพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงก็ทำร้ายลูก จนกระทั่งลูกซึ่งยังไร้เดียงสาได้รับอันตรายบาดเจ็บอย่างน่าสงสาร

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันและแก้ไขนั้น นอกจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาครัฐจะต้องเป็นหลัก ในการที่จะ สร้างความรู้ความเข้าใจความตระหนัก ด้วยการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ที่อยู่ในสภาพกลุ่มเสี่ยงที่จะใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเด็กและสตรี และตนเองที่เป็นผู้กระทำ ขณะเดียวกันหน่วยงานรัฐก็ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังด้วย พ.ร.บ.คุ้ม ครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว กำหนดว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัวผู้นั้นกระทำความผิดฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน6,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สำหรับองค์กรพัฒนาเอกชนทางด้านเด็กและสตรีซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ หน่วยงานรัฐอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเปิดใจกว้าง ที่จะยอมรับให้องค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านี้เข้ามาร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้ลบล้างสถิติองค์การสหประชาชาติที่ระบุว่าไทยมีสถิติคดีความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกอย่างต่อเนื่อง” นางลดาวัลลิ์กล่าว

ลุ้น”โอ๊ค”รอดไม่รอด! คดีฟอกเงินกรุงไทย

People Unity News : ลุ้น”โอ๊ค”รอดไม่รอด! ศาลอาญาคดีทุจริตพิพากษาคดีฟอกเงินกรุงไทย

เมื่อเวลาประมาณ 09.40 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 กรณีที่มีการโอนเช็คเข้าบัญชีของนายพานทองแท้ ชินวัตร จำนวน 10 ล้านบาท จากอดีตผู้บริหารกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครที่ได้รับอนุมัติเงินกู้จากคณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยโดยมิชอบ

นายพานทองแท้มีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกตื่นเต้นหรือไม่ นายพานทองแท้พยักหน้าและกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็มั่นใจในคดี ขณะที่คุณหญิงพจมานมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่บรรยากาศบริเวณศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทยทยอยเดินทางให้กำลังใจนายพานทองแท้ อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนางสาวขัตติยา สวัสดิผลรวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศที่มารอติดตามทำข่าวเป็นจำนวนมาก ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยมีกำลังตำรวจจาก สน.สามเสน สน.นางเลิ้ง สน.บางโพธิ์ และสน.ชนะสงคราม รวม 40 นาย มาคอยดูแลความเรียบร้อยโดยรอบบริเวณ

ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เริ่มอ่านคำพิพากษาในเวลา 10.00 น.

“เอม”โพสต์ IGให้กำลังใจพี่ชาย

“เอม”พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวคนรองของ นายทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ โพสต์รูปภาพของมารดาและพี่ชาย คือ นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค ผ่านอินสตาแกรม @aimpintongta โดยระบุว่า เรามีกันและกันเสมอนะ เหมือนเดิมตลอดมาและตลอดไป สู้ๆ! ตั้งสติไม่ต้องห่วงแม่ และพวกเรา พวกเราเข้มแข็งและเชื่อมั่นในตัวพี่ชายเสมอ @oak_ptt ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีค่ะ

“บิ๊กป้อม”ระบุไม่ต้องจับตาไม่หนักใจอะไร

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ต้องจับตาหรอก เขามาก็มา ผู้สื่อข่าวถามว่า ในตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงหนักใจอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไรหรอก

Verified by ExactMetrics