วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

ก.เกษตร แจกต้นกล้ากระท่อมพันธุ์ดีแก่เกษตรกร มุ่งเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกในอนาคต

People Unity News : 18 เม.ย. 65 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและขยายกระท่อมพันธุ์ดี โดยนำเมล็ดที่ปลอดเชื้อมาเพาะเลี้ยงด้วยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อเพาะพันธุ์กระท่อมพันธุ์ดีไว้ใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือน และนำไปพัฒนาอาชีพเป็นพืชทางเลือกในอนาคต ช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ปี 60 – 64 เพื่อขับเคลื่อนไปสู่การผลิตพืชเชิงพาณิชย์หรือเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือก

โครงการนี้ได้ดำเนินการผลิตต้นกล้ากระท่อมพันธุ์ดี รวมกว่า 210,000 ต้น แจกจ่ายให้กับเกษตรกรและประชาชนที่สนใจ อาทิ สมาชิกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จำนวน 30 รายต่อศูนย์ รวม 882 ศูนย์ทั่วประเทศ สมาชิกวิสาหกิจชุมชน/Young Smart Farmer/ Smart Farmer/อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หน่วยงานราชการที่มีภารกิจในการส่งเสริมอาชีพการเกษตร และประชาชนทั่วไป

ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับต้นกล้ากระท่อมพันธุ์ดีรายละ 3 ต้น ได้ที่จุดบริการพืชพันธุ์ Doae ศูนย์ขยายพันธุ์พืช 10 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 1 จังหวัดชลบุรี/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 3 จังหวัดนครราชสีมา/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 5 จังหวัดบุรีรัมย์/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 6 จังหวัดพิษณุโลก/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 7 จังหวัดมหาสารคาม/ ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 8 จังหวัดลำพูน ศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 9 จังหวัดสุพรรณบุรี และศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 10 จังหวัดอุดรธานี

Advertisement

ก.เกษตร เร่งแก้ “ปุ๋ยแพง” พัฒนาศูนย์ดินปุ๋ยชุมชน พร้อมผลักดันธนาคารปุ๋ยอินทรีย์

People Unity News : 23 กรกฎาคม 2565 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ปัญหาราคาปุ๋ยแพงและขาดแคลน ซึ่งเป็นผลกระทบจากการชะลอการส่งออกปุ๋ยของจีนและรัสเซียทำให้ราคาปุ๋ยในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระยะเร่งด่วน ทำโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ชดเชยราคาปุ๋ยแก่เกษตรกร ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 0.01 เพื่อเสริมสภาพคล่องสถาบันเกษตรกร สนับสนุนงานวิจัยการใช้ปุ๋ยตามการวิเคราะห์ค่าดิน และเจรจาขอซื้อปุ๋ยไนโตรเจนราคาพิเศษจากมาเลเซียตามข้อตกลงว่าด้วยการแบ่งผลิตอุตสาหกรรมอาเซียน

ในระยะกลางและระยะยาว ได้ส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตปุ๋ยภายในประเทศ ตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพราคา และเจรจากับประเทศอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนแม่ปุ๋ย หรือกำหนดราคาแม่ปุ๋ยให้เกิดเสถียรภาพทั้งด้านปริมาณและราคา นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ทดแทนปุ๋ยเคมี โดยมีหมอดินอาสาถ่ายทอดความรู้แก่เกษตรกร เช่น การใช้ปุ๋ยและพัฒนาดินตามผลวิเคราะห์ค่าดินรายแปลง ส่งเสริมการไถกลบตอซัง ใช้น้ำหมักชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร รวมถึงผลักดันการตั้งธนาคารปุ๋ยอินทรีย์ สร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ ให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง

Advertisement

“พิพัฒน์” ชูท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงของโลกด้านการดูแลสุขภาพ”

People Unity News : คณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) เตรียมความพร้อม 3 ด้าน รับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หากได้รับการผ่อนปรนหลังสถานการณ์โควิด 19 คลี่คลาย

นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 1/2563 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน พร้อมด้วยคณะกรรมการจากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมประชุม พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเมื่อสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) คลี่คลาย

นายแพทย์ธเรศกล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบในหลักการ 3 ด้าน ได้แก่ 1.จัดทำแนวทางการรักษาพยาบาลพร้อมเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาลต่อเนื่องในประเทศไทย ซึ่งรวมผู้ติดตาม โดยแบ่งเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาล (Hospital Quarantine) กักกันตัวผู้ป่วยชาวไทยที่เดินทางกลับเข้ามาในไทย และสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) สำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติและผู้ติดตาม ต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า โดยรักษาและกักกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ต้องมีผลการตรวจโควิด 19 ก่อนเข้าประเทศไม่เกิน 72 ชั่วโมง เมื่อเข้ามารักษาต้องมีการตรวจอีก 3 ครั้ง (ก่อนรักษา ระหว่างรักษา และหลังการรักษา) เพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำเชื้อมาแพร่ระบาดในไทย โดยค่าใช้จ่ายในการรักษากรณี Hospital Quarantine หากเป็นคนไทยเป็นไปตามสิทธิการรักษา หากเกินสิทธิ์ต้องจ่ายเองโดยสมัครใจ กรณี Alternative Hospital Quarantine ผู้ป่วยต่างชาติและคนไทยที่สมัครใจต้องชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

2.เห็นชอบให้ “ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงของโลกด้านการดูแลสุขภาพ” โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Medical Hub ภายใต้แนวคิด “Healthcare Capital of the World” และกำหนดข้อความสำคัญในการสื่อสารว่า “Beyond Healthcare, Trust Thailand” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการกลับเข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลในประเทศไทย และ 3.มาตรการพัฒนาชุดเครื่องมือแพทย์รองรับการระบาดของโรคโควิด 19 เพื่อรับมือและลดโอกาสติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้เข้ารับการตรวจหาเชื้อวิด 19 โดยเน้นการผลิตในประเทศไทย แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ เครื่องมือแพทย์สำหรับการคัดกรองและตรวจสอบโรค เครื่องมือแพทย์สำหรับการป้องกันและควบคุมโรค เครื่องมือแพทย์สำหรับการคัดแยกและการฆ่าเชื้อ และเครื่องมือแพทย์สำหรับการบำบัดรักษาโรค โดยเน้นการผลิตในประเทศไทย

Advertising

“อุตตม”ทอดกฐินสามัคคีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนพระปริยัติธรรมดอยสะเก็ด

People Unity News : กระทรวงการคลังทอดกฐินสามัคคีและวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่พระครูบาน้อย เขมปัญโญ เป็นเจ้าอาส ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคีและพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม โดยมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

ทั้งนี้เพื่อจัดหาทุนทรัพย์ในการดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้วและเพื่อเป็นที่ศึกษาในการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและบาลีของพระภิกษุสามเณรประจำคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่

Cr.https://region3.prd.go.th/prcm/cmnews.php?ID=191102122546&fbclid=IwAR1CRXHeeT_aznZTimnJ2zOktTK6TBzRRUulTZLUb4XEh5g8TXAIZSPfm54

กระทรวงการคลังจับมือพันธมิตร“ตะลอนทัวร์ ชิมช้อปใช้ ผ่านกระเป๋า 2”

People Unity News : กระทรวงการคลังจับมือพันธมิตร ธ.กรุงไทยและ ททท. “ตะลอนทัวร์ ชิมช้อปใช้ ผ่านกระเป๋า 2” ลงพื้นที่ตลาดสามชุก สุพรรณบุรี กระตุ้นใช้จ่ายและท่องเที่ยวตามโครงการ “ชิมช้อปใช้” มีลุ้นชิงรางวัลทองคำทั้งผู้ใช้จ่ายและร้านค้า

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) พร้อมนายพลศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มเครือข่ายภาคตะวันตก ธนาคารกรุงไทย และนายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผอ.ภูมิภาค ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ลงพื้นที่ตลาดสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ประชาสัมพันธ์โครงการ “ชิมช้อปใช้” ภายใต้แคมเปญ “ตะลอนทัวร์ ชิมช้อปใช้ ผ่านกระเป๋า 2” และตรวจความเรียบร้อย เยี่ยมชมบรรดาร้านค้า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ รณรงค์ส่งเสริมให้มีการจับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋า 2 ให้มากขึ้น โดยมีนายภูสิค สมจิตต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ให้การต้อนรับ

นายชาญกฤช กล่าวว่า กระทรวงการคลังต้องการมอบโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” เป็นของขวัญปีใหม่แก่พี่น้องประชาชน โดยให้สิทธิ์ผู้สมัครใหม่เพิ่มอีก 2 ล้านคน เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14-15 พ.ย.62 วันละ 750,000 คน แบ่งเป็น 2 รอบ ในเวลา 06.00 น. และ 18.00 น. และส่วนที่ลงทะเบียนไม่ครบถ้วน จะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 16 พ.ย.62 พร้อมทั้งให้สิทธิ์ผู้มีอายุเกิน 60 ปี จำนวน 500,000 คน ให้ลงทะเบียนในวันที่ 17 พ.ย.62 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบตามสิทธิ์ ล่าสุดการลงทะเบียน 2 วัน ที่ผ่านมา มียอดลงทะเบียนครบ 1,500,000 คนแล้ว แสดงให้เห็นว่าประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” อย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีการแจกเงิน 1,000 บาท เนื่องจากสิทธิ์ของกระเป๋า 2 ซึ่งได้เงินคืน (Cash Back) 15% สำหรับเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท (เงินคืนไม่เกิน 4,500 บาท) และเงินคืน (Cash Back) อีก 20% สำหรับเงินใช้จ่ายมากกว่า 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 50,000 บาท (ได้เงินคืนอีกไม่เกิน 4,000 บาท) รวมเงินคืนสูงสุด 8,500 บาท ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องจับจ่ายใช้สอยในเรื่องการท่องเที่ยวในช่วงปลายปีและต้นปีหน้า ซึ่งโครงการขยายเวลาจากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.62 ออกไปเป็น 31 ม.ค.63 เพื่อรองรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วย

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การ “ตะลอนทัวร์ ชิมช้อปใช้ ผ่านกระเป๋า 2” ที่ตลาดสามชุกในวันนี้ คณะได้ใช้จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ในกระเป๋า 2 ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นร้านชิม ร้านช้อป และร้านใช้ เพื่อแสดงให้พี่น้องประชาชนเห็นว่าสามชุก ตลาดเก่าร้อยปี ซึ่งได้รับรางวัลจากการประกวดเกี่ยวกับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากองค์การยูเนสโก ในปี 2552 และจังหวัดเมืองรองอย่างสุพรรณบุรี สามารถรองรับการจับจ่ายใช้สอยตามโครงการ “ชิมช้อปใช้” ได้ตลอดทั้งทริปการเดินทางอย่างแน่นอน ซึ่งเหมาะกับคนวัยทำงานที่มีวันหยุดไม่มากนัก สามารถพาคุณพ่อ คุณแม่ และสมาชิกในครอบครัวมาท่องเที่ยว เพราะเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเศษ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยขับเคลื่อนลงสู่เศรษฐกิจฐานราก อีกทั้งส่งเสริมสถาบันครอบครัวให้มีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น โดยในตลาดสามชุก มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการถึง 161 ร้านค้า จากทั้งหมด 400 ร้าน หรือคิดเป็นร้อยละ 40

นอกจากนี้อยากประชาสัมพันธ์ว่าโครงการ “ชิมช้อปใช้ เฟส 3” ยังเพิ่มสิทธิพิเศษให้แก่พี่น้องประชาชนที่ใช้จ่ายเงินผ่าน “กระเป๋า 2” รวมถึงร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอ๊ป “ถุงเงิน” โดยผู้ใช้จ่ายเงินผ่าน “กระเป๋า 2” ทุกๆ 1,000 บาทจะได้รับ 1 สิทธิ์ในการลุ้นรับรางวัลทองคำ ส่วนร้านค้าที่รับชำระเงินผ่านแอ๊ป “ถุงเงิน” ทุก 1 ใบเสร็จ ก็จะได้รับ 1 สิทธิ์ในการลุ้นรับทองคำเช่นเดียวกัน

ส่วนสรุปยอดการใช้จ่ายจนถึง ณ วันที่ 15 พ.ย.62 มียอดการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 12,825.30 ล้านบาท แบ่งออกเป็นร้านชิม จำนวน 1,689.00 ล้านบาท ร้านช้อป จำนวน 7,723.70 ล้านบาท ร้านใช้ จำนวน 166.85 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป จำนวน 3,245.72 ล้านบาท

โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้เข้าร่วมครบแล้ว 28 ล้านสิทธิ์

People Unity News : โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้เข้าร่วมครบแล้ว 28 ล้านสิทธิ์

24 ต.ค.64 ภายหลังจากกระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนคนละครึ่ง ระยะที่ 3 บนเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐที่เป็นการใช้จ่ายแบบ Co-pay โดยรัฐช่วยจ่ายวันละ 150 บาท จำนวน 4,500 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติเพิ่มวงเงินสนับสนุน โดยจะโอนเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์อีก 1,500 บาท ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า ขณะนี้มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เต็มจำนวน 28 ล้านสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จให้ทำการยืนยันตัวตนเพิ่มเริ่มใช้สิทธิ์แล้ว จะได้รับการโอนเงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังทั้งสิ้น 3,000 บาท และจะได้เงินเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์อีก 1,500 บาท ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์รายใหม่ต้องยืนยันตัวตนทุกคน ส่วนผู้ได้รับสิทธิ์รายเดิม เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่สาขาธนาคารกรุงไทย หรือตู้ ATM สีเทา ของธนาคารกรุงไทย ต้องนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่สาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หรือตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล ตรวจสอบว่าเป็นตัวท่านจริง ป้องกันการแอบอ้างสวมสิทธิ์

Advertising

“จุรินทร์”โชว์ศก.ไทยสร้างสรรค์ เวทีPIMผู้แทนจากม.ชั้นนำทั่วโลก

People Unity : “จุรินทร์” เป็นประธานเปิดงานสัมนา PIM Annual Conference 2019 on Creative Economy เชื่อมั่นเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะขยายตัวต่อเนื่องในตลาดโลก พร้อมการแข่งขันที่รุนแรงและไทยคือผู้เล่นสำคัญ

วันที่ 24 ตุลาคม 2562 เวลา 9.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมนา PIM Annual Conference 2019 on Creative Economy โดยหัวข้อสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์นี้มีผู้เข้าร่วมงานสัมมนาจากมหาวิทยาลัยชั้นนําจากทั่วโลก ตั้งแต่วันที่ 23 ถึง 25 ตุลาคม 2562 โดยนายจุรินทร์กล่าวเปิดในเวลา 9.00 น. วันนี้ ที่โรงแรมเพนนินซูล่า

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นสาขาเศรษฐกิจที่มีส่วนในการสร้างเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในระยะยาว หลอมรวมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นของสินค้าและบริการ ยกระดับค่าจ้าง พัฒนาทักษะแรงงาน เพิ่มเวลาว่างสำหรับพักผ่อน และที่สำคัญที่สุดคือ การขยายตัวและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากจินตนาการและนวัตกรรมเป็นสิ่งเสริมสร้างเอกลักษณ์และความแปลกใหม่ให้กับสินค้าและบริการ

ในขณะที่เทคโนโลยีช่วยส่งเสริมการเข้าถึงองค์ความรู้ การมีส่วนร่วมทางสังคม และวัฒนธรรม นอกจากนี้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงมีส่วนช่วยในการสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมากมายให้กับ SMEs ได้อย่างอัตโนมัติ แนวโน้มนี้เป็นที่รับรู้กันทั่วโลก ดังจะเห็นได้จากการที่ประเทศสำคัญหลายประเทศได้ประกาศตนเองว่าจะเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของโลก

และจากรายงานล่าสุดของ UNCTAD ขนาดตลาดสินค้าเชิงสร้างสรรค์ของโลกขยายตัวขึ้นกว่าเท่าตัว จาก 2.08 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี ค.ศ. 2002 เป็น 5.09 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2015 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่สูงกว่าร้อยละ 7 ถึงแม้ว่าโลกจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจหลายครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว

นอกจากนี้ ในขณะที่ทวีปยุโรปเป็นผู้ส่งออกสินค้าเชิงสร้างสรรค์ที่ใหญ่ที่สุด แต่กลุ่มประเทศในเอเชียกำลังมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นโดยแค่จีนประเทศเดียวก็มีอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์สูงถึงร้อยละ 14 ระหว่างปี พ.ศ. 2002 ถึง 2015 ปรากฏการณ์นี้เครื่องบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ากลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของโลกตั้งอยู่ที่เอเชีย

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นในตลาดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของโลก ด้วยมูลค่าถึง 6.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบสองแสนล้านบาท มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ของไทยสูงเป็นอันดับที่ 8 ของโลก เมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และเป็นอันดับที่ 17 เมื่อเทียบกับทุกประเทศในโลก และได้ขยายตัวด้วยอัตราที่ก้าวกระโดดที่ร้อยละ 6.6 ต่อปี ระหว่างปี 2005 และ 2014 และเศรษฐกิจสร้างสรรค์มีสัดส่วนถึงร้อยละ 10-12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของไทย ที่สำคัญไปกว่านั้น ประเทศไทยของเราเป็นที่รู้จักดีในเวทีโลกถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม

ดังนั้น เศรษฐกิจสร้างสรรค์จึงถือเป็นสาขาเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสำหรับประเทศเป็นอย่างยิ่ง และในการส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ประเทศไทยจึงใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาและมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ อาทิ อาหารไทย และหัตถกรรมไทย รวมทั้ง งานศิลปะ สื่อสร้างสรรค์ และงานออกแบบ ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศ โดยสำหรับไทย สินค้าส่งออกเชิงสร้างสรรค์ที่สำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ตกแต่งภายใน และสินค้าแฟชั่น เป็นต้น

“ผมมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ที่การทำให้สินค้าและบริการมีความแปลกใหม่และโดดเด่น ได้กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการอยู่รอดและขยายตัวของธุรกิจ” นายจุรินทร์ กล่าว

เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย”ซื้อขายน้ำยางข้นกับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่จีน

People Unity News : เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย” บุกหนัก นำทัพกระทรวงเกษตรฯ พา กยท. ลงนาม MOU ซื้อขายน้ำยางข้น กับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ และการยางแห่งประเทศไทย บุกตลาดจีน จับมือ 3 บริษัทน้ำยางข้นยักษ์ใหญ่จีน ลงนามความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างการยางแห่งประเทศไทย กับ 3 บริษัทน้ำยางข้นจีน ได้แก่ 1. บ. GOAMI ZHENGFENG TRADING (บ. นำเข้าน้ำยางข้น อันดับ1 ของจีน) 2. บ. NINGBO CHANGHKEN (บ.นำเข้าน้ำยางข้นจากไทยเป็นอันดับ1) 3. บ. SANGDONG XINGYU (บ. ใช้น้ำยางข้นผลิตถึงมือยางอันดับ 1 ของจีน) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชาจีน

การลงนาม MOU ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพปริมาณการส่งออกน้ำยางข้นไปจีนได้เพิ่มขึ้นกว่า 60,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย ซึ่งไทยส่งออกน้ำยางข้นไปจีน ปีละกว่า 420,000 ตัน (37.8% ของการส่งออกทั่วโลก) เป็นมูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาทต่อปี

ปี 2561 อุตสาหกรรมน้ำยางข้นไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก ไทยส่งออกน้ำยางข้นลดลง 14 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะตลาดจีนลดลงกว่า 23 เปอร์เซนต์ ซึ่งการลงนามในวันนี้ จะเป็นการรักษาฐานลูกค้าจากประเทศผู้ซื้อยางเดิม เพิ่มมูลค่าทางการค้าให้สินค้ายางพาราของไทย เป็นการเพิ่มช่องทางหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของไทย

“นับเป็นนิมิตหมายอันดี ในการตอกย้ำถึงคุณภาพน้ำยางข้นของไทยที่ดีที่สุดในโลกให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งฝ่ายไทยมีศักยภาพส่งออกน้ำยางคุณภาพสูง และพร้อมจะเป็นคู่ค้าที่ดีกับจีนและทุกประเทศทั่วโลก” นายเฉลิมชัยกล่าว

ประยุทธ์ เตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานเบตง จันทร์ที่ 14 มี.ค.นี้

People Unity News : ประยุทธ์ เตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ท่าอากาศยานเบตง จันทร์ที่ 14 มี.ค.นี้

12 มีนาคม 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเป็นประธานเปิด “เที่ยวบินปฐมฤกษ์  ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา” วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ณ อาคารที่พักผู้โดยสาร ท่าอากาศยานเบตง ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา

นายธนกรกล่าวว่า สนามบินเบตง เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2560 แล้วเสร็จเมื่อปี 2562 อาคารที่พักผู้โดยสาร มีพื้นที่ประมาณ 7,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนได้ประมาณ 300 คนต่อชั่วโมง และรองรับผู้โดยสารได้ 876,000 คนต่อปี ทางวิ่งหรือรันเวย์มีขนาดความยาว 1,800 เมตร รองรับได้เฉพาะอากาศยานขนาดเล็ก เช่น เครื่องบินแบบใบพัด ATR 70-80 ที่นั่ง สำหรับเส้นทางบินและการขึ้นลงของอากาศยาน จะอยู่ในน่านฟ้าของประเทศไทยเท่านั้น ไม่มีล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อแก้ปัญหาการเดินทางสู่อำเภอเบตงที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันไม่สะดวกต่อการเดินทางให้สัญจรไปมาได้สะดวก ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่

“สนามบินเบตง จังหวัดยะลา เริ่มหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเห็นชอบในหลักการให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) กระทรวงคมนาคม ดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (2559 – 2561) เพื่อจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของอําเภอเบตงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งหวังให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะส่งผลในเรื่องความมั่นคงในพื้นที่ด้วย อีกทั้งสามารถสร้างความร่วมมือระหว่างการพาณิชย์ในระดับประเทศและต่างประเทศ และยังส่งเสริมการรองรับตลาดการท่องเที่ยว การพาณิชย์ เพื่อการลงทุนภายในประเทศและต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น โดยเฉพาะรัฐปีนัง เคดาร์ เปรัค ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดน รวมทั้งเพื่อเป็นการพัฒนาสภาพสังคม จิตวิทยา การเมือง การปกครองของ ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเพื่อสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียนของรัฐบาล” นายธนกร กล่าว

Advertising

แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไทยนิยม ยั่งยืน) ผลิตรอบ 2 ให้ผู้มีสิทธิอีก 78,572 ราย

People Unity : กรมบัญชีกลางมอบหมายให้สำนักงานคลังจังหวัด / ทีมหมอคลังอุ่นใจ แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ขณะนี้ได้ผลิตบัตรฯสำหรับผู้มีสิทธิที่ข้อมูลคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจน เพิ่มเติมครั้งที่ 2 เรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งมอบให้แก่ผู้มีสิทธิ 78,572 ราย

18 เมษายน 2562 นางญาณี แสงศรีจันทร์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้มอบหมายให้สำนักงานคลังจังหวัด / ทีมหมอคลังอุ่นใจ 76 จังหวัด แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิจากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเติม ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในกลุ่มผู้พิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ในปี 2560 ที่ยังไม่ได้ไปรับบัตรสวัสดิการฯ จากทีมไทยนิยม ยั่งยืน และอำเภอ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 เป็นต้นมา

โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าวต่อว่า กรมบัญชีกลางได้ผลิตบัตรสวัสดิการฯ ให้แก่ผู้มีสิทธิไปแล้ว จำนวน 3,121,307 ราย โดยผลิตครั้งแรก จำนวน 3,042,735 ราย และผลิตครั้งที่ 2 สำหรับผู้มีสิทธิที่มีข้อมูลคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง ไม่ชัดเจนเพิ่มเติมอีก จำนวน 78,572 ราย โดยได้แจกบัตรสวัสดิการฯ ให้แก่ผู้มีสิทธิซึ่งได้นำไปใช้จ่ายแล้ว จำนวน 2,984,727 ราย คิดเป็นร้อยละ 95.62 (ข้อมูล ณ วันที่ 12 เมษายน 2562) สำหรับผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ สามารถเดินทางไปรับบัตรสวัสดิการฯด้วยตนเองได้ที่สำนักงานคลังจังหวัด / กรุงเทพมหานคร ตามที่อยู่ปัจจุบันที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงไปแสดงตน เพื่อขอรับบัตรสวัสดิการฯ และลงลายมือชื่อเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันการรับบัตรสวัสดิการฯ หรือกรณีจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับบัตรสวัสดิการฯแทน ต้องดำเนินการ ดังนี้ 1. ให้ผู้มีสิทธิทำหนังสือมอบอำนาจและลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจ 2. นำสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มีสิทธิที่เซ็นรับรองสำเนาแล้ว แนบไปพร้อมกับหนังสือมอบอำนาจ 3. ผู้รับมอบอำนาจนำหนังสือมอบอำนาจดังกล่าว พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้มีสิทธิและของผู้รับมอบ ไปยื่นที่สำนักงานคลังจังหวัด / กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับบัตรสวัสดิการฯแทน สำหรับการใช้งานบัตรสวัสดิการฯจะดำเนินการเช่นเดิม คือ ผู้มีสิทธิจะนำบัตรสวัสดิการฯไปใช้ได้หลังจากวันที่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ 2 วัน เนื่องจากต้องดำเนินการ Activate บัตร เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีสิทธินำเงินในบัตรไปใช้

เศรษฐกิจ : แจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไทยนิยม ยั่งยืน) ผลิตรอบ 2 ให้ผู้มีสิทธิอีก 78,572 ราย

People Unity : post 18 เมษายน 2562 เวลา 11.50 น.

Verified by ExactMetrics