วันที่ 2 พฤษภาคม 2024

“กนกวรรณ”มอบบ้านช่วยนักศึกษา กศน. ผู้พิการทางสายตา

People Unity News : “กนกวรรณ” เสมา 3 ชูกศน. ที่พึ่งสำหรับประชาชน มอบบ้านช่วยนักศึกษา กศน. ผู้พิการทางสายตา

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2562 เวลา 11.00 น. ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและมอบนโยบายในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมกันนี้ได้ทำพิธีมอบบ้านให้กับนางสาวอุรักษ์  จงเจริญ นักศึกษาระดับประถมศึกษา กศน.อำเภอเดชอุดม ณ บ้านโคกเจริญ ตำบลเมืองเดช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วย นายสมเกียรติ  ตันดิลกตระกูล  ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะทำงาน รมช.ศธ. โดยมี ดร.ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน. นายณัฐพงษ์  นวลมาก  รองเลขาธิการ กศน. นายอำเภอเดชอุดม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเดช หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับ

ดร.กนกวรรณ กล่าวตอนหนึ่งในช่วงมอบบ้านให้นักศึกษา กศน. ว่า “ขอชื่นชมผู้บริหาร กศน. ทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ ตลอดจนครู กศน.ที่ให้การดูแล ติดตามช่วยเหลือผู้เรียน โดยการจัดกิจกรรมเยี่ยมบ้าน ทำให้ครูและนักศึกษาเกิดความสัมพันธ์ที่ดี และทำให้ครูได้รู้ได้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมต่างๆ และสภาพความเป็นอยู่ทางบ้านของนักศึกษา สามารถนำข้อมูลไปวางแผนพัฒนา ส่งเสริมและแก้ปัญหาของนักศึกษาได้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบ้านให้กับนางสาวอุรักษ์ จงเจริญ นักศึกษาระดับประถมศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเดชอุดม ทำให้ดิฉันรู้สึกปลาบปลื้มยินดีแทนเจ้าของบ้านที่ทุกฝ่าย ได้ให้การสนับสนุนและร่วมมือช่วยเหลือในการก่อสร้างบ้านเป็นอย่างดียิ่ง ได้เสียสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือการก่อสร้างบ้านจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี ทำให้บ้านของท่านเป็นบ้านแห่งน้ำใจเอื้ออาทรอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในจิตใจอันดีงามของพี่น้องชาวอำเภอเดชอุดมทุกคน ขอบคุณทุกท่านแทนเจ้าของบ้าน ไว้ ณ โอกาสนี้และขอให้รักษาสิ่งดีงามนี้ไว้ตลอดไป ขอให้เจ้าของบ้านมีความภาคภูมิใจและระลึกอยู่เสมอว่าการที่ท่านได้รับความช่วยเหลือ เพราะท่านประพฤติดี เป็นคนดีที่สังคมยอมรับ ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติแก่ครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ท่านได้กระทำความดีต่อไป อย่าได้ย่อท้อ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและคุณความดีที่กระทำไว้ ได้ปกป้องคุ้มครองให้ปลอดจากภัยอันตรายและดลบันดาลให้ท่านมีความสุข ความเจริญ

สำหรับการสร้างบ้านให้กับนางสาวอุรักษ์ จงเจริญ นักศึกษาระดับประถมศึกษา กศน.อำเภอเดชอุดม นั้น สืบเนื่องจาก นายธฤติ  ประสานสอน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุบลราชธานี ได้ดำเนินการตามนโยบายโดยให้สถานศึกษาในสังกัดทุกแห่ง จัดกิจกรรมออกเยี่ยมบ้านผู้เรียนทุกภาคเรียน เพื่อเป็นการติดตามดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ซึ่ง นายอุกฤษฏ์  รินทรามี ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเดชอุดม ได้นำนโยบายสู่การปฏิบัติ โดยได้มอบหมายให้ครูทุกคนออกเยี่ยมบ้านผู้เรียน เมื่อครูได้ออกเยี่ยมบ้านผู้เรียนจึงได้พบว่า นางสาวอุรักษ์ จงเจริญ นักศึกษาระดับประถมศึกษา ซึ่งเป็นนักศึกษาคนพิการด้านสายตา กลุ่มตำบลเมืองเดช อายุ 64 ปี มีรายได้น้อย ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องอาศัยอยู่เล้าไก่ของชาวบ้าน ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีห้องน้ำ เมื่อฝนตกหลังคารั่ว ฤดูหนาวก็ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการ เดือนละ 1,600 บาท เพื่อประทังชีวิต แต่นางสาวอุรักษ์ จงเจริญ เป็นคนดี ประกอบอาชีพด้วยความสุจริตและช่วยเหลืองานส่วนรวมด้วยดีตลอดมา

ด้วยปณิธานและแนวคิดของ ดรกนกวรรณ รมช.ศธ.ที่ว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ” ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเดชอุดม จึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเดช ร่วมระดมทุนจากทุกภาคส่วน เพื่อจัดซื้อวัสดุในการก่อสร้างบ้าน ในส่วนของแรงงานในการก่อสร้าง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอเดชอุดม ได้จัดกิจกรรมจิตอาสาทำความดีจากพี่สู่น้อง โดยนักศึกษา คณะครู กศน.อำเภอเดชอุดม เพื่อนบ้าน ตลอดจนผู้นำท้องถิ่น ได้ช่วยเหลือแรงงานในการก่อสร้าง งานก่ออิฐ งานหลังคา งานฉาบปูน งานเทพื้นและงานก่อสร้างทั่วไป ทุกฝ่ายได้ช่วยเหลือให้คำปรึกษา แนะนำ ทำให้การก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จด้วยความเรียบร้อย  คิดเป็นมูลค่าก่อสร้างประมาณ 90,000 บาท นับเป็นภารกิจหนึ่งที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน อันจะยังประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

4 วัน 7 มิ.ย.-10 มิ.ย. ไทยฉีดวัคซีนเพิ่ม 1.45 ล้านโดส รวมยอดฉีดสะสม 5.66 ล้านโดส

People Unity News : ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 4 วัน เพิ่ม 1.45 ล้านโดส เริ่มฉีดในนิคมอุตสาหกรรมระยองนำร่อง

10 มิ.ย.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ว่า นับตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. ที่เป็นวันแรกของการกระจายการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ โดยเริ่มกับประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเสี่ยง 7 โรค ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก นับถึงวันที่ 10 มิ.ย. มีจำนวนฉีดวัคซีนสะสม  5.66 ล้านโดส ซึ่งภายในช่วงเวลา 4 วัน นับจากวันที่ 6 มิ.ย.  ที่มีจำนวน 4.21 ล้านโดส เพิ่มขึ้น 1.45 ล้านโดส  ซึ่งจากนี้ไปทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความมั่นใจว่า จะได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตมากขึ้นและสามารถทยอยกระจายไปยังสถานบริการสาธารณสุขและจุดบริการต่างๆ เพื่อดำเนินการฉีดให้ได้ตามแผน

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ได้เริ่มดำเนินการฉีดให้กับกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมด้วยแล้ว นำร่องพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมกลุ่มมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง และชุมชนรอบข้างพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนจำนวนทั้งสิ้น  25,000 คน จาก 1)นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 2)นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอตะวันออก (มาบตาพุด) 3)นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย 4) นิคมอุตสาหกรรมผาแดง 5)นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล และ 6)ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. ตั้งเป้าวัคซีนให้ได้วันละประมาณ 1,000 คน

ในส่วนของนักเรียนนักศึกษาไทย ที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในต่างประเทศ  นับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. ถึง 6 มิ.ย. ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว จำนวนกว่า 1,600 คน และมีรอการฉีดอีก 2 พันกว่าคน ซึ่งเมื่อดำเนินการในกลุ่มนี้แล้วเสร็จ ทางกรมการกงสุลจะพิจารณาเปิดลงทะเบียนเพิ่มเติมอีกครั้ง

Advertising

ทบ.เปิดจุดบริการ ปชช.ทั่ว ปท. 83 จุดช่วงวันหยุดปีใหม่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 ธันวาคม 2566 กองทัพบก – กองทัพบกเปิดจัดให้บริการปชช.ระว่างเดินทางช่วงวันหยุดปีใหม่ 83 จุด ตั้งแต่ 29 ธ.ค.66 – 4ม.ค.67 กำชับหน่วยทหารดูแลที่ตั้งหน่วย –ชายแดนเข้ม

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก  เปิดเผยว่ากองทัพบกขอส่งความสุขในช่วงปีใหม่ผ่านการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน โดยพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทั้งที่ตั้งหน่วยทหารและพื้นที่ตามแนวชายแดน อีกทั้งให้หน่วยทหารทั่วประเทศบูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงมหาดไทย

“จัดตั้งจุดบริการประชาชนแบบครบวงจร ตั้งแต่ 28 ธ.ค.66- 4 ม.ค.67ในบริเวณเส้นทางคมนาคมหลัก และเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงหรือพบการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้ประชาชนที่สัญจร ผ่านได้แวะพักรับประทานน้ำดื่มและกาแฟ สอบถามเส้นทาง ตลอดจนใช้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ การนวดผ่อนคลาย การแก้ไขปัญหารถเสีย โดยปีนี้หน่วยทหารกองทัพบกจัดตั้งจุดบริการประชาชนทั่วประเทศรวม 83 จุด ประกอบด้วย กรุงเทพและปริมณฑล 7 จุด ภาคเหนือ 18จุด ภาคกลาง 12 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19จุด ภาคตะวันออก 6จุด ภาคตะวันตก 12 จุด และภาคใต้ 9จุด” ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าว

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกมอบนโยบายให้รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาจัดตั้งศูนย์ควบคุมจราจรและจุดบริการของจังหวัด ในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองหลักหรือพื้นที่ที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก เพื่อลดความคับคั่งของการจราจร และดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในภาพรวมของจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

นายกฯขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯสนับสนุนการทวงคืนโบราณวัตถุกลับสู่ไทยสำเร็จ

People unity news online : นายกฯชื่นชมทุกฝ่ายติดตามโบราณวัตถุกลับสู่ไทยสำเร็จ พร้อมขอบคุณการสนับสนุนของรัฐบาลสหรัฐฯ แนะบันทึกประวัติศาสตร์-เผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชน

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2561 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยที่ได้ร่วมกันติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย โดยล่าสุดสหรัฐฯได้ส่งคืนโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ 12 ชิ้น จากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานี ให้แก่รัฐบาลไทย ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ในความครอบครองของสตรีอเมริกันรายหนึ่ง

นายกรัฐมนตรียังขอบคุณไปยังรัฐบาลสหรัฐฯที่เข้าใจและให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งโบราณวัตถุกลับมายังประเทศไทย รวมถึงเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีบทบาทสนับสนุนให้การดำเนินการสำเร็จลงด้วยดี

“นายกฯเน้นย้ำว่า การส่งคืนโบราณวัตถุครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญที่ควรบันทึกไว้ และเผยแพร่องค์ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้ได้รับทราบถึงความเป็นมาและขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ รวมทั้งควรนำโบราณวัตถุเหล่านี้ไปจัดแสดง เพื่อให้คนไทยได้เห็นถึงคุณค่าและภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าของประเทศไทย”

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังเตรียมงานหรือดำเนินการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศชิ้นอื่นๆอยู่ในขณะนี้ เช่น ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว พระโพธิสัตว์ไมเตรยะสำริด พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรมสำริด เศียรพระพุทธรูปหินทราย นาคปักหินทราย แผ่นทองคำดุนลวดลาย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของสหรัฐฯ โดยขอให้ภารกิจที่ทุกคนทุ่มเทอย่างเต็มที่ประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้โดยเร็ว

People unity news online : post 6 สิงหาคม 2561 เวลา 08.50 น.

“ศรีสะเกษ” ไปให้แรงบันดาลใจนักมวยนักเรียนจากจังหวัดชายแดนใต้

People unity news online : พล.ต.พงษ์ศักดิ์ มาอินทร์ ฝ่ายอำนวยการ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ได้นำนักเรียนกีฬามวย ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษา “โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการประเภทกีฬามวย 20 คน เข้าโครงการคลินิกมวยไทย-สากล หวังพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬามวย เรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างความรักความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-18 ตุลาคม 2560 ณ สนามฝึกซ้อมกีฬามวย กรมสวัสดิการทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากแชมป์โลก WBC ชื่อดังของโลก “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” มาให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งมอบผลไม้ให้แก่นักเรียนในโครงการ เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น.

“ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับนักเรียนในวันนี้ น้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมมากๆ เชื่อมั่นว่านักเรียนในโครงการจะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆนักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนด้วย

ทั้งนี้ โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬา ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนของรัฐ จำนวน 8 โรงเรียน มีนักเรียนในโครงการทั้งหมด 908 คน ใน 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ตะกร้อ มวยไทย ปันจักสีลัต ฮอกกี้ กรีฑา เทควันโด และบาสเกตบอล

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกเรียนในแผนการเรียนวิทย์-กีฬา หรือศิลป์-กีฬา โดยนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากรัฐบาลปีละ 40,000 บาท ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรี และปีละ 55,000 บาท ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

People unity news online : post 16 ตุลาคม 2560 เวลา 10.50 น.

กรมทางหลวง เพิ่มเส้นทางให้รถวิ่ง 120 กม./ชม. อีก 3 เส้นทาง เริ่ม 1 พ.ค.นี้

People Unity News : 30 เม.ย. 65 นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่กรมทางหลวง (ทล.) ได้เริ่มเปิดให้รถวิ่งใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. (เฉพาะช่องทางขวาสุด) ในเส้นทางนำร่อง (ระยะที่ 1) ที่ ทล. 32 ถนนสายเอเชีย ช่วงบางปะอิน – อ่างทอง กม. ที่ 4+100 – 50+000 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง และได้ประกาศให้ใช้ความเร็ว 120 กม./ชม. ในระยะที่ 2 เพิ่มอีก 6 สายทาง เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 ประกอบด้วย ทล.1 สนามกีฬาธูปะเตมีย์ – ประตูน้ำพระอินทร์ กม. ที่ 35+000 – 45+000 จังหวัดปทุมธานี ทล.1 หางน้ำหนองแขม – วังไผ่ กม. ที่ 306+640 – 330+600 จังหวัดนครสวรรค์ ทล.2 บ่อทอง – มอจะบก กม. ที่ 74+500 – 88+000 จังหวัดนครราชสีมา ทล.32 อ่างทอง – โพนางดำออก กม. ที่ 50+000 – 111+473 จังหวัดอ่างทองและสิงห์บุรี ทล.34 บางนา – ทางเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กม. ที่ 1+500 – 15+000 จังหวัดสมุทรปราการ และ ทล. 304 คลองหลวงแพ่ง – ฉะเชิงเทรา กม. ที่ 53+300 – 63+000 จังหวัดฉะเชิงเทรา

ปัจจุบัน ทล. ได้กำหนดเพิ่มเส้นทางให้ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. และไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ในช่องทางขวาสุด ในระยะที่ 3 ตามประกาศผู้อำนวยการทางหลวงแผ่นดิน โดยจะมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป จำนวน 3 สายทาง ทั้งขาเข้าและขาออก ประกอบด้วย ทล.4 จำนวน 2 ช่วง ได้แก่ เขาวัง – สระพระ ระหว่าง กม. ที่ 160+000 – 167+000 และระหว่าง กม. ที่ 172+000 – 183+500 จังหวัดเพชรบุรี  (เป็นช่วงๆ) ทล.9 บางแค – คลองมหาสวัสดิ์ ระหว่าง กม. ที่ 23+400 – 31+600 กรุงเทพมหานคร และ ทล.35 นาโคก – แพรกหนามแดง กม. ที่ 56+000 – 80+600 จังหวัดสมุทรสงคราม (เป็นช่วงๆ) ซึ่ง ทล. โดยแขวงทางหลวงในพื้นที่ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการรองรับการใช้อัตราความเร็วใหม่ในช่วงสายทางดังกล่าว โดยคำนึงในเรื่องความปลอดภัยกับประชาชนผู้ใช้ทางสูงสุด

อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ทำการประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้ทราบอย่างต่อเนื่อง โดยได้บูรณาการร่วมกับตำรวจในพื้นที่ ตำรวจทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางขับขี่ด้วยความระมัดระวังปฏิบัติตามกฎจราจร ป้ายเตือน ป้ายแนะนำ หากประชาชนผู้ใช้ทางต้องการแจ้งอุบัติเหตุหรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง โทร. 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ โทร. 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง โทร. 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

กทม.จัดกิจกรรมจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ ในวันวาเลนไทน์

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 5 กุมภาพันธ์ 2567 กทม.สนับสนุนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม จัดกิจกรรมจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ ในวันแห่งความรัก

นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการจัดกิจกรรมการจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ ในวันวาเลนไทน์ นอกจากกิจกรรมที่ได้มีการจัดอย่างปกติคือการจดทะเบียนสมรสแล้ว ปีที่แล้วยังมีการจัดกิจกรรมการจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ นำร่อง 3 เขต ในปีนี้ที่ประชุมจึงเสนอให้มีการรับจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ ให้ครบทั้ง 50 เขต เบื้องต้นมีเขตที่พร้อมแจ้งจัดกิจกรรมการจดแจ้งชีวิตคู่ LGBTQ+ แล้วจำนวน 9 เขต แม้ว่าการจดแจ้งนี้จะยังไม่มีผลทางกฎหมาย แต่การจดแจ้งนี้สะท้อนถึงเจตนารมย์ของกรุงเทพมหานครอยู่ 2 ส่วนคือ แสดงถึงเจตนารมย์ของกรุงเทพมหานครที่พร้อมให้ความสำคัญกับประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน และแสดงถึงความพร้อมของกรุงเทพมหานครที่หากมีกฎหมายแม่พร้อมแล้วและมีการออกกฎหมายลูกมาอย่างชัดเจน กรุงเทพมหานครก็พร้อมในการดำเนินการตามทันที

นอกจากนี้ สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย ย้ำว่าหากจดแจ้ง LGBTQ+ ในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 67 แล้วนั้น สามารถนำใบจดแจ้งเข้ามาตรวจสุขภาพได้ฟรีที่โรงพยาบาลสังกัด กทม. ทุกแห่งอีกด้วย

Advertisement

คณะสงฆ์คลองหลวงจัดกิจกรรมรวมพลังสร้างสัปปายะรักษ์สิ่งแวดล้อม

People Unity News : คณะสงฆ์คลองหลวงร่วมพุทธศาสนิกชนพร้อมจัดกิจกรรมรวมพลังสร้างสัปปายะ โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข วัดพระธรรมกายเตรียมเปิดศูนย์นวัตกรรมรักษ์วัด รักษ์สิ่งแวดล้อม บริการวัด-ชุมชน ต้นปี พ.ศ. 2563

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 13.30 น. ณ อุโบสถวัดพระธรรมกาย ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ได้จัดให้มีกิจกรรม “รวมพลังสร้างสัปปายะ ในโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ของวัดพระธรรมกาย” ขึ้น โดยมีพระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายนิพนธ์ แก้วธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระสงฆ์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร อาสาสมัคร นักเรียน และประชาชนผู้มีจิตอันเป็นกุศล พร้อมเพรียงกันเข้าร่วมกิจกรรมฯ จำนวนกว่า 500 คน โดยกิจกรรมฯ เริ่มต้นจากการกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย, พิธีอาราธนาศีล 5, ประธานฝ่ายฆราวาส กราบถวายรายงานต่อประธานฝ่ายสงฆ์, ประธานฝ่ายสงฆ์ให้โอวาทและกล่าวเปิดกิจกรรมฯ, บันทึกภาพหมู่ จากนั้น เป็นการแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ ออกเป็น 7 กลุ่ม เพื่อร่วมกันสร้างสัปปายะสู่วัดตามแบบแผนที่เตรียมการไว้ อาทิ การกวาดพื้นถนน, กวาดและเก็บใบไม้, กวาดและถูพื้นอุโบสถ, เช็ดเสาอุโบสถ เป็นต้น ท่ามกลางบรรยากาศแห่งรู้รักสามัคคี มั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา และอิ่มบุญปลื้มใจกันถ้วนหน้า

สำหรับการจัดกิจกรรม “รวมพลังสร้างสัปปายะ” นี้ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามปฏิทินการดดำเนินงานโครงการฯ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลคลองสาม ได้ประสานความร่วมมือกับวัดพระธรรมกาย, มูลนิธิธรรมกาย, คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย, ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมจังหวัดปทุมธานี, ชมรมรักษ์บวร รักษ์ศีล ๕, สมาพันธ์หมู่บ้านจัดสรรอำเภอคลองหลวง, ชมรมเรารักคลองสามผู้นำชุมชน, กลุ่มอาสาสมัคร, สถานศึกษา และภาคีเครือข่ายฯ ขับเคลื่อนดำเนินงาน “โครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ซึ่งเป็นการดำเนินกิจกรรม “สร้างสัปปายะสู่วัดด้วยวิถี ๕ส ที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม” ตามมติมหาเถรสมาคม และแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ฝ่ายสาธารณูปการ ของมหาเถรสมาคม ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน เพื่อการนำหลักพุทธธรรมเรื่องสัปปายะ และแนวคิดของระบบ ๕ส ลงสู่บริบทของวัด และชุมชน, ควบคู่กับการมุ่งส่งเสริมให้วัดเป็นพื้นที่ต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพ การเรียนรู้ และจิตใจของชุมชน, โดยการขยายผลหลักพุทธธรรมเรื่องสัปปายะ และแนวคิดของ ๕ส รวมถึงหลักความรับผิดชอบต่อสังคมสู่ประชาชน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง รวมถึงองค์กร และประชาชนในชุมชนมีส่วนร่วม, ซึ่งทั้งหมดนี้ ย่อมจักนำไปสู่การสร้างสังคม แห่งสุขภาวะอย่างยั่งยืนสืบไป

พระครูสังฆรักษ์รังสฤษดิ์ อิทฺธิจินฺตโก เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการฯ กล่าวให้โอวาทในพิธีเปิดกิจกรรมฯ ตอนหนึ่งว่า “วันนี้ นับเป็นวันแห่งการแสดงออกถึงความปรองดองสมานฉันท์ของทุกท่าน ที่มาจากหลากหลายภาคส่วน แต่ล้วนมี จิตอันเป็นกุศลที่แน่วแน่ร่วมกัน เพื่อมาสั่งสมบุญทำความดีด้วยการรวมพลังสร้างสัปปายะให้เกิดขึ้น กับศาสนสถานทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในเขตอุโบสถ เขตพุทธาวาสที่บริสุทธิ์ และศักดิ์สิทธิ์ เนื่องด้วยเป็นสถานที่ประดิษฐานไว้ซึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กิจกรรมในวันนี้ จึงถือเป็นบุญใหญ่ และจะนำความเป็นสิริมงคลมาสู่ชีวิตของทุกท่านอย่างยิ่ง เพราะเราได้มาร่วมกันพัฒนาพื้นที่วัด ให้สะอาด ร่มรื่น สวยงาม เป็นสถานที่สัปปายะ ต่อยอดสู่การพัฒนาพื้นที่ทางสังคม และการเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธ ยกระดับสู่การพัฒนาพื้นที่จิตใจ และปัญญาเชิงพุทธ เพื่อชุมชนในที่สุด จึงขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้เห็นความสำคัญ และร่วมกันเสียสละมาร่วมด้วยช่วยกันดูแลรักษาวัดของชุมชนเราให้เป็นรมณียสถานของชาวพุทธที่สมบูรณ์พร้อมยิ่งๆ ขึ้นไป สิ่งที่ทุกท่านจะได้ร่วมกันกระทำนี้ ได้ชื่อว่าเป็นการรักษา และสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนา”

นอกจากกิจกรรม “รวมพลังสร้างสัปปายะ” เพื่อพัฒนาพื้นที่ทางกายภาพแล้ว ทางด้านการพัฒนาพื้นที่จิต และปัญญาเชิงพุทธ นั้น ทางวัดพระธรรมกายได้จัดให้มีกิจกรรม “เสาร์สร้างสุข” ด้วยการสวดมนต์ รักษาศีล ปฏิบัติธรรม และฟังธรรม ในทุกวันเสาร์ เวลา 18.00 น. ถึง 20.00 น. ณ อาคารโถงช้างฯ อีกทั้งในด้านการพัฒนาพื้นที่สังคมการเรียนรู้ของชุมชนนั้น ในช่วงต้นปีพุทธศักราช 2563 จะมีกำหนดเปิดศูนย์การเรียนรู้ปลูกศรัทธา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้     นวัตกรรมรักษ์วัด รักษ์สิ่งแวดล้อม ขยายผลสู่เครือข่ายบวร (บ้าน วัด โรงเรียน) ต่อไป

ในวันเดียวกันนี้ ภายหลังเสร็จสิ้น “กิจกรรมรวมพลังสร้างสัปปายะ” แล้ว ในเวลา 15.00 น. วัดพระธรรมกาย ได้ร่วมกับ องค์กรภาคีเครือข่ายฯ โดยการประสานงานของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย จัดให้มี “พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยคณะสงฆ์อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ตามมติมหาเถรสมาคม” โดยมีพระครูวิจิตรอาภากร เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง และเจ้าอาวาสวัดสว่างภพ เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยเจ้าอาวาส  พระสงฆ์ และประชาชนในเขตพื้นที่อำเภอคลองหลวง เข้าร่วมพิธีฯ โดยพร้อมเพรียงกัน

ลอยกระทงปีนี้!สุรินทร์ดึงคนพื้นที่เป็นนางแบบโชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม กระตุ้นท่องเที่ยวดันยอด OTOP

People Unity : สุรินทร์โชว์ศักยภาพเมืองผ้าไหม ใช้คนพื้นที่เป็นนางแบบจิตอาสาร่วมรณรงค์แต่งกายผ้าไทยหวังกระตุ้นท่องเที่ยวและเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหม

วันที่ 28 ต.ค.2562 สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับชมรมถ่ายภาพสมัครเล่นเมืองช้าง จัดกิจกรรมถ่ายแบบเพื่อประชาสัมพันธ์รณรงค์นุ่งผ้าไหม โดยเชิญชวนชายหนุ่มหญิงสาวจากภาคส่วนต่างๆ มาเป็นนายแบบนางแบบจิตอาสา เช่น นางสาวสุรินทร์ ปี 2562 ลูกหลานกรรมกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP และบุคลากรของาำนักงารพัฒนาชุมชน ร่วมเป็นแบบในการถ่ายทำภาพกิจกรรม

นายสรสาสน์ สีเพ็ง พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากโดยใช้ศักยภาพของพื้นที่ในการสร้างรายได้ ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ได้ให้แนวทางทุกจังหวัดแต่งกายด้วยผ้าไทยทุกวัน เพื่อกระตุ้นยอดจำหน่าย OTOP ของแต่ละจังหวัด ประกอบกับแนวทางของนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ที่ให้มีกิจกรรม “ถือตะกร้า นุ่งผ้าซิ่น หิ้วปิ่นโต” ทุกวันศุกร์ ดังนั้น สำนักงานพัฒนาชุมชนซึงรับผิดชอบในการส่งการผลิตการแปรรูปและการตลาด OTOP ผ้าไหม จึงได้จัดกิจกรรมผลิตสื่อเพื่อการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ชาวสุรินทร์และประชาชนทั่วไปได้หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไหมหรือผ้าพื้นเมืองในโอกาสต่างๆ

“จังหวัดสุรินทร์มีศักยภาพสูงในการผลิตผ้าไหมคุณภาพเยี่ยม โดยประชาชนมีการทอผ้าไหมและผ้าพื้นเมืองอื่นๆ กระจายอยู่ในแทบทุกหมู่บ้าน แต่การตลาดยังมีข้อจำกัดอยู่ หากมีการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถคงเสน่ห์ของการสวมใส่ผ้าไหม และรณรงค์ให้มีการสวมใส่อย่างกว้างขวางทั้งหน่วยงานภาครัฐ หรือทุกภาคส่วน ก็จะช่วยกระตุ้นการตลาดเพิ่มยอดจำหน่าย OTOP ผ้าไหมได้มากขึ้น” พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์กล่าว

สำหรับกิจกรรมถ่ายภาพรณรงค์นุ่งผ้าไหมสุรินทร์ ครั้งนี้ใช้แนวคิดนุ่งผ้าไหมไปลอยกระทง สถานที่ถ่ายทำ ณ วัดบ้านระเภาว์ ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ส่วนนายแบบนางแบบใช้คนในพื้นที่ ประกอบด้วย พัฒนากร เจ้าหน้าที่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เจ้าหน้าที่ธุรการ ทายาทเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เครือข่าย OTOP Trader และนางสาวสุรินทร์ ปี 2562

รฟม.เผย รถไฟฟ้าสีชมพู แคราย-มีนบุรี โดยรวมคืบหน้า 98.03%

People Unity News : 10 กันยายน 2566 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 มีความก้าวหน้าเป็นไปตามแผนงาน โดยมีความก้าวหน้างานโยธา 96.71% งานระบบรถไฟฟ้า M&E 98.35% และความก้าวหน้าโดยรวม 98.03%

โดยในส่วนของงานโยธาของโครงการฯ ปัจจุบันผู้รับสัมปทานโครงการฯ อยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมและเตรียมความพร้อมของงานระบบไฟฟ้าในแต่ละสถานี เช่น การตกแต่งสถานี ห้องควบคุมระบบไฟฟ้า ห้องจำหน่ายตั๋ว ชั้นจำหน่ายตั๋ว เป็นต้น โดยในส่วนของสถานีแจ้งวัฒนะ14 (PK11) สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) และสถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ (PK13) อยู่ระหว่างการดำเนินการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภค ก่อนเตรียมดำเนินการติดตั้งบันไดทางขึ้น-ลง โดย รฟม. ได้กำชับให้ผู้รับสัมปทานเร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งรัดการคืนผิวจราจรบนถนนรามอินทรา ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนสีหบุรานุกิจ และถนนติวานนท์ ซึ่งเป็นแนวสายทางโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน

สำหรับด้านการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดให้บริการโครงการฯ นั้น ปัจจุบันผู้รับสัมปทานโครงการฯ ยังอยู่ระหว่างการทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ในช่วงแรก จากสถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (PK12) ถึง สถานีมีนบุรี (PK30) ซึ่งการทดสอบดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งนี้ รฟม. ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาควบคุมโครงการฯ กำกับดูแลและติดตามผลการทดสอบเดินรถอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรายงานปัญหา อุปสรรคต่างๆ ให้ รฟม. ทราบเป็นระยะ เพื่อนำมาพิจารณาความพร้อมและความเหมาะสมของแผนงาน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดและความสะดวกในการเข้าถึงบริการของประชาชนเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ เมื่อการดำเนินงานทั้ง 2 ส่วนข้างต้น ได้แก่ การทดสอบเดินรถเสมือนจริง และงานโยธาแล้วเสร็จ วิศวกรอิสระ (ICE) และ รฟม. จะดำเนินการตรวจสอบและประเมินความพร้อมในภาพรวมทั้งหมดของโครงการ เพื่อให้การดำเนินงานมีความปลอดภัยตามมาตรฐานในระดับสากล และเมื่อผ่านเกณฑ์การประเมินตามมาตรฐานสากลแล้วนั้น รฟม. จึงจะพิจารณาให้ผู้รับสัมปทานเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ (Full Operation) เชิงพาณิชย์ได้ พร้อมทั้งแจ้งกำหนดการเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ปัจจุบันมีความก้าวหน้างานโยธา 36.86% งานระบบรถไฟฟ้า M&E 19.12% และความก้าวหน้าโดยรวม 30.23% โดยตามแผนงานคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568

Advertisement

Verified by ExactMetrics