วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

วันนี้ ปชช.ใช้คนละครึ่งเฟส 5 ได้แล้ว

People Unity News : 1 กันยายน 2565 รัฐบาลชวนประชาชนใช้สิทธิ “คนละครึ่ง เฟส 5” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค. แนะผู้ใช้สิทธิทั้งรายเก่า รายใหม่เร่งลงทะเบียน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวเชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 5” ซึ่งเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค. 65  โดยรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน  ไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ สำหรับประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิ์หรือไม่เคยยืนยันตัวตน ขอให้เร่งยืนยันตัวตนก่อนใช้สิทธิ์ครั้งแรก โดยใช้บัตรประชาชนยืนยันตันตนที่ตู้เอทีเอ็ม สีเทา ของธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงไทยฯ ทุกสาขา หรือผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT ซึ่งผู้มีสิทธิรายใหม่และรายเดิมจะต้องใช้สิทธิครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. เพื่อไม่ให้ถูกตัดสิทธิ์

“สำหรับความคืบหน้าการลงทะเบียนของประชาชนและผู้ประกอบการร้านค้า ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เวลา 15.00 น. ประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการฯระยะที่ 4 กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 18.76 ล้านราย หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 71.41 ของจำนวนประชาชนรายเดิมทั้งสิ้น 26.27 ล้านราย ส่วนประชาชนรายใหม่ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมครบ 2.30 แสนรายแล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการร้านค้า ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2565 เวลา 23.00น. มีผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมสะสมแล้วทั้งสิ้น 426,328 ร้านค้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการ ร้านค้า ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จนกว่ากระทรวงการคลังจะประกาศปิดรับสมัคร” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าว

นายอนุชา กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ใช้วงเงินรวม 21,200 ล้านบาท รัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นรายได้ให้ร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านการใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้สิทธิวงเงิน ตามกรอบระยะเวลา เพื่อร่วมกันสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทุกระดับให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

สธ.คุมเข้มร้านขายยา ตั้งแต่ 1 ก.ย. จ่ายยาต้านโควิด ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น

People Unity News : 1 กันยายน 2565 รองโฆษกรัฐบาล ย้ำตั้งแต่ 1 ก.ย. 65 ร้านขายยาจ่ายยาต้านโควิด-19 ต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น กำชับหน่วยงานติดตามการบันทึกตรวจสอบเคร่งครัด แนะประชาชนซื้อจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีมติให้ร้านขายยาสามารถจ่ายยาต้านโควิด-19 ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ หรือแพกซ์โลวิด ได้ ตั้งแต่วันนี้ (1 ก.ย.) เป็นต้นไป นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เน้นย้ำถึงผู้ประกอบการร้านขายยาทุกแห่งว่าจะต้องจ่ายยาเฉพาะกรณีมีใบสั่งแพทย์มาแสดงต่อเภสัชกรเท่านั้น เนื่องจากตามแนวทางการรักษาโควิด-19 ในปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องทานยาต้านไวรัส แต่แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและให้คำแนะนำเพื่อการใช้ยาที่เหมาะสม

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า นายอนุทิน ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นสำนักงานอาหารและยา (อย.) สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ให้ติดตามเรื่องของการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาต้านไวรัสของร้านขายยา เพื่อใช้สำหรับตรวจสอบโดยเคร่งครัด  ซึ่งปัจจุบันร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตจะมีการบันทึกข้อมูลการจ่ายยาควบคุมประเภทต่างๆอยู่แล้ว

“การที่ ศบค. ได้อนุญาตให้เพิ่มช่องทางการจ่ายยาโควิด-19 ได้ที่ร้านขายยาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. เพื่อเพิ่มช่องทางและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่เนื่องจากยาต้านไวรัสไม่ได้เป็นยาสามัญทั่วไป ยังเป็นยาที่ต้องควบคุมการใช้ และไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคนต้องทานยาต้านไวรัส ดังนั้นจึงยังจำเป็นที่ต้องให้ผู้ป่วยได้พบแพทย์เพื่อมีการวินิจฉัยไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลหรือคลินิกเวชกรรม และให้คำแนะนำที่สอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังมีความห่วงใยและมีข้อแนะนำว่า ขอให้ประชาชนจัดหายาต้านไวรัสจากช่องทางที่ได้รับอนุญาต อย่าซื้อยารับประทานเองโดยไม่มีแพทย์แนะนำ เพราะมีทั้งความเสี่ยงที่อาจจะได้ยาปลอม หรืออาจเกิดการใช้ยาไม่สอดคล้องกับอาการ โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัวควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนใช้ยา

Advertisement

ข่าวไม่จริง!! 22 – 28 ส.ค. 65 เกิดพายุ 9 ลูกพร้อมกัน ทำให้เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ

People Unity News : 22 สิงหาคม 65 จากกรณีมีการแชร์ข่าวต่อๆกันในโลกออนไลน์ ระบุว่าวันที่ 22 – 28 ส.ค. 65 จะเกิดพายุ 9 ลูกพร้อมกัน และล้อมประเทศไทยจนทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ

กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่ได้มีที่มาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจากการวิเคราะห์สภาพอากาศล่าสุดในช่วง 22 – 28 ส.ค. 65 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดพายุถึง 9 ลูก ตามที่ปรากฏในสื่อดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศของประเทศไทยขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝนหนักได้แก่ ร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ หากมีแนวโน้มว่าจะเกิดสภาพอากาศรุนแรง หรือมีพายุหมุนเขตร้อนเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือทะเลจีนใต้หรืออ่าวเบงกอลจริง และมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบกับประเทศไทย จะประกาศเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน

จึงขอความร่วมมือประชาชนอย่าหลงเชื่อ อย่าส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ตลอด 24 ชม.

Advertisement

“นิพนธ์” สั่ง ปภ.-ผู้ว่าฯ-อปท.เตรียมรับมือ “พายุมู่หลาน”

People Unity News : 11 สิงหาคม 65 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 6  ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2565 แจ้งว่าพายุโซนร้อน “มู่หลาน” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตร ทางตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนามตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

“พายุมู่หลาน” นี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 11 ส.ค. 2565 ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน ส่งผลทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนการเตรียมการรับมือสถานการณ์ “พายุมู่หลาน” ได้สั่งการไปยังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยของกรม ปภ. ที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงในการช่วยเหลือประชาชนหากได้รับผลกระทบจากพายุ พร้อมทั้งกำชับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  อาสาสมัคร ประสานการปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในทุกพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายจากพายุ ให้อยู่ในพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันเหตุการณ์หากเกิดความรุนแรงจากผลกระทบ

“การติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ ได้แจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ ทั้งหอกระจายข่าวหมู่บ้าน การแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน ดังนั้น ยืนยันว่าทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในส่วนนี้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ส่วนประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารสถานการณ์พายุอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประชาชนที่ปลูกบ้านเรือนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ราบเชิงเขา อาจได้รับผลกระทบจากสภาวะดินสไลด์ กระแสน้ำป่าไหลหลาก ส่วนที่ลุ่มต่ำ ต้องเฝ้าระวังเตรียมการอพยพให้พร้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็ต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้หากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรง ให้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้โดยทันที” นายนิพนธ์ กล่าว

Advertisement

มหาดไทยสั่งสแกนสถานบริการทั่วประเทศ กันซ้ำรอย MOUNTAIN B

People Unity News : 8 สิงหาคม 65 ปลัดมหาดไทย เผยกรมการปกครองสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงนายอำเภอสัตหีบ ปมไฟไหม้ MOUNTAIN B ขีดเส้นรายงานใน 7 วัน กำชับผู้ว่าฯทั่วประเทศ ตรวจสอบสถานบริการในพื้นที่ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าหลังกรมการปกครองมีคำสั่งย้ายว่าที่พันตรีชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน นายอำเภอสัตหีบ ไปช่วยราชการที่วิทยาลัยการปกครอง กรณีไฟไหม้ผับ MOUNTAIN B จนมีผู้เสียชีวิต ว่า นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีผู้ตรวจราชการของกรมฯ ประจำเขตพื้นที่ชลบุรีดำเนินการ ให้รายงานผลภายใน 7 วัน ซึ่งจะครบในวันศุกร์ที่ 12 ส.ค.นี้ หากมีมูลว่า นายอำเภอสัตหีบ ปล่อยปละละเลย หรือมีส่วนในการกระทำความผิด จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป เรื่องนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำชับให้ดำเนินการผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเฉียบขาด

“ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่สัตหีบจะไม่เป็นเหมือนดั่งสายลมที่พัดมาแล้วพัดไป แต่จะเป็นประโยชน์ที่เราจะช่วยกันจัดระเบียบสังคม ให้อยู่ในร่องในรอย ตามระเบียบกฎหมายที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรณีร้านดังกล่าวที่ลักลอบดัดแปลงจากร้านอาหารเป็นสถานบริการ ผมจึงทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากขอให้ตรวจตราสถานบริการอย่างเข้มงวด และ Re X-ray ร้านอาหารที่เข้าข่ายดัดแปลงเป็นสถานบริการได้ ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกรณีสัตหีบอีก เพื่อให้มั่นใจว่า ร้านที่ทำผิดกฎหมายจะเปิดให้บริการไม่ได้ และต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนร้านใดที่ทำดีอยู่แล้วจะได้ยืนยันว่าทำถูกต้อง ขอฝากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ด้วย” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

Advertisement

สธ. คาดผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง ห่วงปรากฏการณ์ Rebound เชื้อดื้อยาต้านโควิด

People Unity News : 3 สิงหาคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย สถานการณ์โรคโควิด-19 ของไทยเริ่มคงตัว คาดผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตจะเริ่มลดลงใน 2 – 3 สัปดาห์ ซึ่งขณะนี้การระบาดเป็นสายพันธุ์ BA.4/BA.5 ค่อนข้างดื้อต่อวัคซีน การฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยลดการป่วยอาการหนักและเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากฉีดเข็มล่าสุดมากกว่า 3 – 4 เดือนขึ้นไป สามารถไปฉีดเข็มกระตุ้นได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

พร้อมย้ำว่า ผู้ติดเชื้อโควิดไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกราย ซึ่งคนทั่วไปที่แข็งแรง ฉีดวัคซีนครบถ้วน ส่วนใหญ่จะอาการน้อยไม่จำเป็นต้องรับยาต้านไวรัส และการจ่ายยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ตามมาตรฐานสากล เป็นผู้เลือกยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งยาต้านไวรัสเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง มีทั้งข้อดีข้อเสีย หากรับประทานไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม อาจเกิดผลข้างเคียงหรือการดื้อยาได้

ซึ่งขณะนี้เจอปรากฏการณ์ใหม่ คือ การรีบาวนด์ (Rebound) ดื้อยาและทำให้พบเชื้อซ้ำ เช่น กรณีนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่รับยาต้านไวรัสแต่กลับมาพบเชื้อใหม่ สมมติฐาน คือ อาจเกิดจากรับยาต้านไวรัสเข้าไป และยาไม่สามารถกำจัดเชื้อในร่างกายคนบางคนให้หมดไป เมื่อหยุดยา เชื้อที่ซ่อนอยู่กลับมาแบ่งตัวขึ้นใหม่ จึงมีผลบวกซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามรายละเอียดต่อไป

Advertisement

ด่วน!! ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ขอรับการฉีด LAAB เสริมภูมิคุ้มกันโควิด ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป

People Unity News : 1 สิงหาคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชาชนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ต่ำหรือผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ สามารถติดต่อเข้ารับการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ Long Acting Antibody (LAAB) ได้ที่สถานพยาบาล ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2565 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ได้สำรวจเพื่อทำทะเบียนรายชื่อและจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การรับ LAAB ในแต่ละสถานพยาบาลทุกสังกัดเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับภูมิคุ้มกันจาก LAAB อย่างทั่วถึง หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข รับมอบ LAAB ล็อตแรกแล้วจำนวน 7,000 โดส เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา จากที่สั่งซื้อไป 2.5 แสนโดส โดยที่เหลือจะทยอยจัดส่งเข้ามาจนครบภายในปีนี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา โดยมีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 140 ล้านโดส แต่ยังมีประชากรบางกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเมื่อได้รับวัคซีนแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอต่อการป้องกันโรค ไม่เพียงพอต่อการลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดหา LAAB  ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป สามารถออกฤทธิ์ลบล้างเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและการกลายพันธุ์ในขณะนี้ได้ เพื่อให้กลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำและร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน ให้ได้รับการปกป้องจากการเจ็บป่วยและเสียชีวิต

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า LAAB  เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่แตกต่างจากวัคซีน โดยจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในผู้ที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป โดยมีกลุ่มเป้าหมายระยะแรก เช่น  ผู้ป่วยไตวายระยะเรื้อรังที่ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต (ฟอกไต) ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ  ผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าว สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการพิจารณาในการเสริมภูมิคุ้มกันโควิดด้วย LAAB ได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อเริ่มเสริมภูมิคุ้มกันด้วย LAAB ในกลุ่มเป้าหมายระยะแรกแล้ว กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งพิจารณา เพิ่มกลุ่มเป้าหมายอื่นต่อไป โดยจากการคาดประมาณจำนวนผู้ป่วยโรคที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ในประเทศไทย อยู่ที่ 500,000 ราย ประกอบด้วย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และฉายแสงประมาณ 200,000 ราย , ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ต้องได้รับยากดภูมิขนาดสูง ประมาณ 10,000 ราย , ผู้ป่วยโรคข้อที่ต้องรักษาด้วยการใช้ยากดภูมิ ประมาณ 10,000 ราย , ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำอื่นๆ ประมาณ 80,000 ราย และผู้ป่วยไตวายประมาณ 200,000 ราย โดยรัฐบาลตั้งเป้าทุกรายจะต้องได้รับภูมิคุ้มกัน

Advertisement

โฆษกกระทรวงดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดก่อนส่งสินค้า

People Unity News : 31 กรกฎาคม 2565 โฆษกดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดโอนก่อนส่งสินค้า หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการแจ้งเตือนพ่อค้าแม่ค้าระวังภัยออนไลน์จากลูกค้าใช้สลิปบัญชีธนาคารปลอมแจ้งว่าชำระเงินแล้ว หลอกให้ส่งของโดยไม่ได้โอนเงินจริง และพบมีคนทำโปรแกรมสร้างสลิปปลอมมาขาย โดยสามารถกรอกชื่อผู้รับ ผู้โอนเป็นใครก็ได้ ตัวเลขเท่าใด โอนวันไหน เวลาไหน แล้ว สร้างภาพสลิปออกมา จึงขอแจ้งเตือนให้พ่อค้า แม่ค้า ระมัดระวัง ควรสังเกตสลิปก่อนที่จะส่งของให้ลูกค้า ตรวจสอบยอดเงินโอนในมือถือก่อนว่ามียอดเงินเข้ามาแล้วจริงๆ ก่อนส่งมอบสินค้า ทั้งนี้โดยทั่วไป การทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ในแต่ละครั้งธนาคารจะมีการบันทึกสลิปการทำธุรกรรมที่มีระบุรายละเอียดในการโอนเงิน คือ ชื่อผู้รับ/ผู้ส่ง, วัน เดือน ปี เวลา ที่ทำรายการ, จำนวนเงิน, QR Code เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือมีปัญหาในการทำธุรกรรม

“ในกรณีสลิปปลอมมิจฉาชีพอาจจะใช้ช่องโหว่ของภาพสลิปมาดัดแปลง ทำซ้ำ เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า ที่ไม่ได้ทันสังเกต เห็นภาพสลิปโอนเงินปลอม ที่มิจฉาชีพแสดงหรือส่งไลน์ไปเป็นหลักฐานให้กับร้านค้าต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมปลอมสลิป เพราะสามารถใช้แอป แต่งรูปภาพบนสมาร์ทโฟนทำได้เลย”

สำหรับวิธีการตรวจสอบสลิปปลอม มีดังนี้

สังเกตภาพของสลิปโอนเงินว่าตัวหนังสือ และตัวเลขต่างๆ มีความสม่ำเสมอ อักษรเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ สลิปปลอมส่วนใหญ่ ตัวหนังสือบนสลิป เช่น เวลา วันที่ จำนวนเงิน ชื่อบัญชีผู้รับโอน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตัวหนังสือบนสลิปจะมีความหนา-บางไม่เท่ากัน หรืออาจจะเป็นตัวหนังสือคนละประเภทกัน และตรวจสอบยอดเงิน ชื่อบัญชีของผู้รับโอนด้วย ว่าเป็นบัญชีของเราหรือไม่ ยอดเงินถูกต้องหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายลักษณะนี้ โอกาสเป็นสลิปปลอมสูงมาก

สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินที่ต้องการตรวจสอบ ทั้งนี้สลิปโอนเงินจากแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ จะมี QR Code ให้เราสามารถตรวจสอบสลิปปลอมได้ ทำได้โดยเข้าไปที่แอปของธนาคารที่เรารับโอน จากนั้นกด “สแกน QR Code” ใช้กล้องโทรศัพท์สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินของลูกค้า หรือถ้ามีรูปสลิปโอนเงินอยู่ในโทรศัพท์อยู่แล้ว สามารถเลือกรูปสลิปที่อยู่ในอัลบั้มภาพที่เรา save มาตรวจสอบได้เลย ระบบก็จะตรวจสอบให้เราได้เห็นว่ายอดเงินที่โอนเข้ามาตรงกับสลิปหรือไม่ หากยอดเงินไม่ตรง หรือว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นไปได้ว่าลูกค้าอาจส่งสลิปปลอมให้แทน

ใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งวิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีการตรวจสลิปปลอมได้โดยตรงก็ตาม แต่การใช้ประโยชน์จากบริการแจ้งเตือนของธนาคาร ทำให้เราสามารถ รับการแจ้งเตือน ยอดเงินเข้า – ออกจากบัญชีของธนาคาร เพื่อตรวจสอบยอดโอนของลูกค้าว่าโอนเงินเข้ามาจริงหรือเปล่า ตรงตามยอดที่ตกลงกันไว้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับสลิปโอนเงินที่ลูกค้าส่งมา

ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีฟังก์ชันตรวจสอบสลิปการโอนเงินอัตโนมัติ กรณีที่ร้านค้าออนไลน์มียอดการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก และมีการโอนเงินเข้าหลายรายการ สามารถเลือกใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีระบบตรวจสอบสลิป และยอดเงินเข้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ร้านค้าประหยัดเวลา และลดขั้นตอนการตรวจสอบสลิปปลอม

“หากส่งสินค้าไปแล้ว พบว่าเป็นสลิปปลอม หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทขนส่งต่างๆ เพื่ออายัดการส่งของให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อบรรเทาความเสียหาย หากปล่อยเป็นระยะเวลานานจะทำให้ไม่สามารถติดตามเอาสินค้าคืนได้ สงสัยสอบถามข้อมูลและแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ 1212 (24 ชม.), บช.สอท. โทร.1441” นางสาวนพวรรณ กล่าว

Advertisement

นายกฯ กำชับ สธ.รับมือ “ฝีดาษวานร”

People Unity News : 25 กรกฎาคม 65 นายกฯ กำชับ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือ หลัง WHO ประกาศโรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ย้ำประชาชนปฏิบัติตนมาตรการ Universal Prevention ต่อเนื่อง ช่วยป้องกันทั้งโควิดและโรคฝีดาษวานร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงาน สถานการณ์ในประเทศยังปลอดภัย ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเพิ่มเติม หลังพบชาวไนจีเรียที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ยืนยันป่วยเป็นฝีดาษวานรคนแรกหลบออกนอกประเทศ ด้วยความห่วงใยนายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและแนวทางรองรับโรคฝีดาษวานรหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern: PHEIC) ตลอดจนกำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระมัดระวังผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศยกระดับการเฝ้าระวัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน มั่นใจระบบสาธารณสุขไทยสามารถ ดูแล และป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 และฝีดาษวานรได้ ย้ำให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 แล้วยังจะสามารถทำให้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้อีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

สธ. ย้ำ! ฉีดวัคซีนโควิด – ไข้หวัดใหญ่พร้อมกันได้ ช่วยลดเสี่ยงติดเชื้อช่วงฤดูฝน

People Unity News : 24 กรกฎาคม 65 กระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน นอกจากโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งทั้ง 2 โรคเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และมีอาการคล้ายกัน การใช้มาตรการป้องกันตนเองจากโรคโควิด-19 ทั้งการเว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน

ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมวัคซีนโควิด-19 โดยไม่ต้องเว้นระยะห่าง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากทั้ง 2 โรคได้

📍 7 กลุ่มเสี่ยง ที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับบริการได้ฟรีในสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขหรือจุดบริการฉีดวัคซีนใกล้บ้าน

1️⃣ หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป

2️⃣ เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี

3️⃣ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

4️⃣ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป

5️⃣ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

6️⃣ โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ

7️⃣ โรคอ้วน ผู้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก./ตรม.

Advertisement

Verified by ExactMetrics