วันที่ 18 พฤษภาคม 2024

ด่วน!! ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ ขอรับการฉีด LAAB เสริมภูมิคุ้มกันโควิด ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป

People Unity News : 1 สิงหาคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชาชนผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 ต่ำหรือผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ สามารถติดต่อเข้ารับการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ Long Acting Antibody (LAAB) ได้ที่สถานพยาบาล ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2565 เป็นต้นไป พร้อมกันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ได้สำรวจเพื่อทำทะเบียนรายชื่อและจำนวนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การรับ LAAB ในแต่ละสถานพยาบาลทุกสังกัดเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับภูมิคุ้มกันจาก LAAB อย่างทั่วถึง หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข รับมอบ LAAB ล็อตแรกแล้วจำนวน 7,000 โดส เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา จากที่สั่งซื้อไป 2.5 แสนโดส โดยที่เหลือจะทยอยจัดส่งเข้ามาจนครบภายในปีนี้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2564 เป็นต้นมา โดยมีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 140 ล้านโดส แต่ยังมีประชากรบางกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเมื่อได้รับวัคซีนแล้วร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียงพอต่อการป้องกันโรค ไม่เพียงพอต่อการลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้จัดหา LAAB  ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป สามารถออกฤทธิ์ลบล้างเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมและการกลายพันธุ์ในขณะนี้ได้ เพื่อให้กลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำและร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ด้วยวัคซีน ให้ได้รับการปกป้องจากการเจ็บป่วยและเสียชีวิต

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า LAAB  เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปที่แตกต่างจากวัคซีน โดยจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในผู้ที่ตอบสนองต่อวัคซีนได้น้อยกว่าคนทั่วไป โดยมีกลุ่มเป้าหมายระยะแรก เช่น  ผู้ป่วยไตวายระยะเรื้อรังที่ต้องได้รับการบำบัดทดแทนไต (ฟอกไต) ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ  ผู้ป่วยปลูกถ่ายไขกระดูก ทั้งนี้ กลุ่มดังกล่าว สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับการพิจารณาในการเสริมภูมิคุ้มกันโควิดด้วย LAAB ได้

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อเริ่มเสริมภูมิคุ้มกันด้วย LAAB ในกลุ่มเป้าหมายระยะแรกแล้ว กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งพิจารณา เพิ่มกลุ่มเป้าหมายอื่นต่อไป โดยจากการคาดประมาณจำนวนผู้ป่วยโรคที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ในประเทศไทย อยู่ที่ 500,000 ราย ประกอบด้วย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และฉายแสงประมาณ 200,000 ราย , ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะที่ต้องได้รับยากดภูมิขนาดสูง ประมาณ 10,000 ราย , ผู้ป่วยโรคข้อที่ต้องรักษาด้วยการใช้ยากดภูมิ ประมาณ 10,000 ราย , ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันต่ำอื่นๆ ประมาณ 80,000 ราย และผู้ป่วยไตวายประมาณ 200,000 ราย โดยรัฐบาลตั้งเป้าทุกรายจะต้องได้รับภูมิคุ้มกัน

Advertisement

โฆษกกระทรวงดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดก่อนส่งสินค้า

People Unity News : 31 กรกฎาคม 2565 โฆษกดีอีเอส เตือนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ระวังสลิปปลอม แนะเช็กยอดโอนก่อนส่งสินค้า หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com

นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการแจ้งเตือนพ่อค้าแม่ค้าระวังภัยออนไลน์จากลูกค้าใช้สลิปบัญชีธนาคารปลอมแจ้งว่าชำระเงินแล้ว หลอกให้ส่งของโดยไม่ได้โอนเงินจริง และพบมีคนทำโปรแกรมสร้างสลิปปลอมมาขาย โดยสามารถกรอกชื่อผู้รับ ผู้โอนเป็นใครก็ได้ ตัวเลขเท่าใด โอนวันไหน เวลาไหน แล้ว สร้างภาพสลิปออกมา จึงขอแจ้งเตือนให้พ่อค้า แม่ค้า ระมัดระวัง ควรสังเกตสลิปก่อนที่จะส่งของให้ลูกค้า ตรวจสอบยอดเงินโอนในมือถือก่อนว่ามียอดเงินเข้ามาแล้วจริงๆ ก่อนส่งมอบสินค้า ทั้งนี้โดยทั่วไป การทำธุรกรรมโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ในแต่ละครั้งธนาคารจะมีการบันทึกสลิปการทำธุรกรรมที่มีระบุรายละเอียดในการโอนเงิน คือ ชื่อผู้รับ/ผู้ส่ง, วัน เดือน ปี เวลา ที่ทำรายการ, จำนวนเงิน, QR Code เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ ในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดหรือมีปัญหาในการทำธุรกรรม

“ในกรณีสลิปปลอมมิจฉาชีพอาจจะใช้ช่องโหว่ของภาพสลิปมาดัดแปลง ทำซ้ำ เพื่อให้พ่อค้า แม่ค้า ที่ไม่ได้ทันสังเกต เห็นภาพสลิปโอนเงินปลอม ที่มิจฉาชีพแสดงหรือส่งไลน์ไปเป็นหลักฐานให้กับร้านค้าต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมปลอมสลิป เพราะสามารถใช้แอป แต่งรูปภาพบนสมาร์ทโฟนทำได้เลย”

สำหรับวิธีการตรวจสอบสลิปปลอม มีดังนี้

สังเกตภาพของสลิปโอนเงินว่าตัวหนังสือ และตัวเลขต่างๆ มีความสม่ำเสมอ อักษรเป็นชนิดเดียวกันหรือไม่ สลิปปลอมส่วนใหญ่ ตัวหนังสือบนสลิป เช่น เวลา วันที่ จำนวนเงิน ชื่อบัญชีผู้รับโอน ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าตัวหนังสือบนสลิปจะมีความหนา-บางไม่เท่ากัน หรืออาจจะเป็นตัวหนังสือคนละประเภทกัน และตรวจสอบยอดเงิน ชื่อบัญชีของผู้รับโอนด้วย ว่าเป็นบัญชีของเราหรือไม่ ยอดเงินถูกต้องหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายลักษณะนี้ โอกาสเป็นสลิปปลอมสูงมาก

สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินที่ต้องการตรวจสอบ ทั้งนี้สลิปโอนเงินจากแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ จะมี QR Code ให้เราสามารถตรวจสอบสลิปปลอมได้ ทำได้โดยเข้าไปที่แอปของธนาคารที่เรารับโอน จากนั้นกด “สแกน QR Code” ใช้กล้องโทรศัพท์สแกน QR Code บนสลิปโอนเงินของลูกค้า หรือถ้ามีรูปสลิปโอนเงินอยู่ในโทรศัพท์อยู่แล้ว สามารถเลือกรูปสลิปที่อยู่ในอัลบั้มภาพที่เรา save มาตรวจสอบได้เลย ระบบก็จะตรวจสอบให้เราได้เห็นว่ายอดเงินที่โอนเข้ามาตรงกับสลิปหรือไม่ หากยอดเงินไม่ตรง หรือว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ เป็นไปได้ว่าลูกค้าอาจส่งสลิปปลอมให้แทน

ใช้บริการแจ้งเตือนของธนาคาร ซึ่งวิธีนี้อาจไม่ใช่วิธีการตรวจสลิปปลอมได้โดยตรงก็ตาม แต่การใช้ประโยชน์จากบริการแจ้งเตือนของธนาคาร ทำให้เราสามารถ รับการแจ้งเตือน ยอดเงินเข้า – ออกจากบัญชีของธนาคาร เพื่อตรวจสอบยอดโอนของลูกค้าว่าโอนเงินเข้ามาจริงหรือเปล่า ตรงตามยอดที่ตกลงกันไว้หรือไม่ โดยเปรียบเทียบกับสลิปโอนเงินที่ลูกค้าส่งมา

ใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีฟังก์ชันตรวจสอบสลิปการโอนเงินอัตโนมัติ กรณีที่ร้านค้าออนไลน์มียอดการสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก และมีการโอนเงินเข้าหลายรายการ สามารถเลือกใช้ระบบจัดการร้านค้าที่มีระบบตรวจสอบสลิป และยอดเงินเข้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ร้านค้าประหยัดเวลา และลดขั้นตอนการตรวจสอบสลิปปลอม

“หากส่งสินค้าไปแล้ว พบว่าเป็นสลิปปลอม หากเกิดเหตุแล้วให้รีบแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.com เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น บริษัทขนส่งต่างๆ เพื่ออายัดการส่งของให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อบรรเทาความเสียหาย หากปล่อยเป็นระยะเวลานานจะทำให้ไม่สามารถติดตามเอาสินค้าคืนได้ สงสัยสอบถามข้อมูลและแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ 1212 (24 ชม.), บช.สอท. โทร.1441” นางสาวนพวรรณ กล่าว

Advertisement

นายกฯ กำชับ สธ.รับมือ “ฝีดาษวานร”

People Unity News : 25 กรกฎาคม 65 นายกฯ กำชับ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือ หลัง WHO ประกาศโรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ย้ำประชาชนปฏิบัติตนมาตรการ Universal Prevention ต่อเนื่อง ช่วยป้องกันทั้งโควิดและโรคฝีดาษวานร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงาน สถานการณ์ในประเทศยังปลอดภัย ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรเพิ่มเติม หลังพบชาวไนจีเรียที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ยืนยันป่วยเป็นฝีดาษวานรคนแรกหลบออกนอกประเทศ ด้วยความห่วงใยนายกรัฐมนตรีจึงเน้นย้ำให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและแนวทางรองรับโรคฝีดาษวานรหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern: PHEIC) ตลอดจนกำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระมัดระวังผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศยกระดับการเฝ้าระวัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน มั่นใจระบบสาธารณสุขไทยสามารถ ดูแล และป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 และฝีดาษวานรได้ ย้ำให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 แล้วยังจะสามารถทำให้ป้องกันโรคฝีดาษวานรได้อีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

สธ. ย้ำ! ฉีดวัคซีนโควิด – ไข้หวัดใหญ่พร้อมกันได้ ช่วยลดเสี่ยงติดเชื้อช่วงฤดูฝน

People Unity News : 24 กรกฎาคม 65 กระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน นอกจากโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มการติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งทั้ง 2 โรคเป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และมีอาการคล้ายกัน การใช้มาตรการป้องกันตนเองจากโรคโควิด-19 ทั้งการเว้นระยะห่าง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้เช่นกัน

ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมวัคซีนโควิด-19 โดยไม่ต้องเว้นระยะห่าง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ลดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากทั้ง 2 โรคได้

📍 7 กลุ่มเสี่ยง ที่จำเป็นต้องได้รับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับบริการได้ฟรีในสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขหรือจุดบริการฉีดวัคซีนใกล้บ้าน

1️⃣ หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์มากกว่า 4 เดือนขึ้นไป

2️⃣ เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี

3️⃣ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย เบาหวาน และมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด

4️⃣ ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป

5️⃣ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้

6️⃣ โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ

7️⃣ โรคอ้วน ผู้มีน้ำหนักมากกว่า 100 กก. หรือมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กก./ตรม.

Advertisement

ข่าวดี!! ผจก.กยศ. เผย มหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ 13 จังหวัด ระหว่างวันที่ 21 – 26 ก.ค.นี้ ผู้ร่วมงานจะไม่ถูกดำเนินคดี

People Unity News : 21 กรกฎาคม 65 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี จัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน 13 จังหวัด ในระหว่างวันที่ 21 – 26 กรกฎาคม 2565 ขอเชิญชวนผู้กู้ยืมเข้าร่วมงานเพื่อไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องและหลังฟ้องซึ่งผู้กู้ยืมที่เข้าร่วมงานจะไม่ถูกดำเนินคดี

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ขอเชิญชวนผู้กู้ยืมเข้าร่วมงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน ระหว่างวันที่ 21 – 26 กรกฎาคม 2565 ดังนี้ 

  • วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม 2565

 – ณ หอประชุมวิชชาอัตศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์

 – ณ หอประชุมชมพูพันธ์ทิพย์ คณะเทคโนโลยีการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์

 – ณ อาคารกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์

 – ณ สุวรรณา ริเวอร์ไซต์ รีสอร์ท จังหวัดชัยนาท

  • วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565

 – ณ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น จังหวัดร้อยเอ็ด

 – ณ โรงแรมเดอะกรีนปาร์ค จังหวัดยโสธร 

 – ณ โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ จังหวัดหนองคาย

  • วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม 2565

  – ณ โรงแรมศรีลำดวน จังหวัดศรีสะเกษ

  – ณ โรงแรมสุนีย์ จังหวัดอุบลราชธานี  

 – ณ โรงแรมทวารวดี รีสอร์ท อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี

  • วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2565

 – ณ ศูนย์ประชุมพุทธอุทยานอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ

  • วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 2565

 – ณ โรงแรมเลยพาเลซ จังหวัดเลย

 – ณ โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท จังหวัดฉะเชิงเทรา

โดยกองทุนได้ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ในการจัดงานไกล่เกลี่ยหนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ผู้กู้ยืมเงินบางส่วนขาดรายได้และผิดนัดชำระหนี้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีหรือถูกบังคับคดีตามกฎหมาย กลุ่มเป้าหมายของกองทุน ได้แก่ ผู้กู้ยืมกลุ่มที่ค้างชำระหนี้ที่ถูกบอกเลิกสัญญาและกำลังจะถูกฟ้อง และผู้กู้ยืมกลุ่มที่จะถูกบังคับคดีหากผู้กู้ยืมเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ย กองทุนก็จะไม่จำเป็นต้องดำเนินคดี ซึ่งจะลดภาระค่าใช้จ่ายของกองทุนและนอกจากผู้กู้ยืมที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยจะไม่ถูกดำเนินคดีแล้ว ผู้กู้ยืมจะได้รับส่วนลดเบี้ยปรับ รวมทั้งได้รับโอกาสในการขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้ถึงอายุ 65 ปี เพื่อให้ผู้กู้ยืมสามารถกลับเข้ามาสู่ระบบการชำระหนี้ให้เป็นปกติ และเมื่อร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ที่อยู่ระหว่างการขอแก้ไขมีผลบังคับใช้ กองทุนจะมีอำนาจในการปลดภาระผู้ค้ำประกัน โดยกองทุนมีหลักการว่าจะยกเลิกการค้ำประกันของผู้ค้ำประกัน เมื่อผู้กู้ยืมได้ผ่อนชำระเงินต้นมาแล้วร้อยละ 25 ของเงินต้นที่ค้างชำระอีกด้วย

ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าและดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน กยศ. Connect เพื่อรับสิทธิขอไกล่เกลี่ยฯ ได้ที่ QRcode ด้านล่างหรือทางเว็บไซต์ www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ไลน์บัญชีทางการ กยศ. หรือโทรศัพท์หมายเลข 0 2016 4888

Advertisement

รัฐบาลพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิดพุ่ง เปิด 2 แอปพลิเคชันพบหมอออนไลน์ จัดยาส่งถึงบ้านฟรี

People Unity News : 16 กรกฎาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในขณะนี้ พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว คือมีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีเสมหะ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางปฏิบัติให้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดยผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด ไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการตามสิทธิรักษาของตน รับยาแล้วกลับมากักตัวที่บ้าน 7+3 วันต่อ กรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 การรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

ในส่วนของผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร นอกจากการรักษาตามแนวทางดังกล่าวแล้ว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มการให้บริการการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นความร่วมมือกับ 2 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล ผ่าน แอป “Good Doctor Technology” และ แอป “MorDee (หมอดี)” กล่าวคือ เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 (เฉพาะสิทธิบัตรทอง) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเพียงอันใดอันหนึ่ง จะได้พบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งจะทำการประเมินอาการ และจัดส่งยาถึงบ้านตามความจำเป็นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย บางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso

“แม้โรคโควิด19 จะถูกปรับเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่การดูแลผู้ป่วยยังคงเป็นไปตามสิทธิการรักษาเหมือนเดิม และภายใต้สถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้วางระบบการให้บริการสาธารณสุขเพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที ป้องกันอาการที่อาจรุนแรงขึ้น การเพิ่มระบบการให้บริการแพทย์ทางไกลนี้ เป็นอีกช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ลดการแพร่ระบาดของโรค  ทั้งยังเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลด้วย” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเชิญชวนบริจาคเลือดเพิ่มปริมาณเลือดสำรองในโรงพยาบาล ศิริราชแจ้งขาดเลือดทุกหมู่

People Unity News : 14 กรกฎาคม 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องด้วยเดือน ก.ค. มีวันหยุดยาวหลายช่วงด้วยกัน ทำให้ปริมาณผู้บริจาคเลือดในโรงพยาบาลและศูนย์รับบริจาคโลหิตหลายแห่งลดลง ในขณะที่ปริมาณการใช้เลือดยังเท่าหรือมากกว่าเดิม ทำให้ปริมาณเลือดสำรองของโรงพยาบาลหลายแห่งเริ่มลดลงและขาดแคลน

ดังนี้ จึงขอเชิญชวนคนไทยที่มีสุขภาพดี ร่วมบริจาคเลือดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเลือดสำรองสำหรับช่วยชีวิตผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยที่รอการผ่าตัด รวมถึงผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องใช้เลือด โดยสามารถบริจาคได้ที่โรงพยาบาล ศูนย์รับบริจาคโลหิตทั่วประเทศ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  ในส่วนของโรงพยาบาลศิริราชได้แจ้งว่าขณะนี้ทางโรงพยาบาลกำลังขาดแคลนเลือดสำรองทุกหมู่ ทำให้อาจกระทบต่อความต่อเนื่องในการให้บริการรักษาผู้ป่วยได้ ขณะนี้โรงพยาบาลจึงได้เปิดรับบริจาคเลือดทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยประชาชนสามารถติดต่อบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ชั้น 3 โรงพยาบาลศิริราช  เวลา 08.30-16.00 น. โดยสามารถข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-414-0100, 02-414-0102 หรือ เฟซบุ๊ค: ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช

สำหรับข้อแนะนำผู้ต้องการบริจาคเลือด ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนเพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง เป็นผู้มีอายุระหว่าง 18-60 ปี มีน้ำหนัก 48 กก.ขึ้นไป, ไม่เจาะผิวหนัง สัก ลบรอยสัก ในระยะเวลา 4 เดือน, ไม่อยู่ระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะ ยาป้องกันเลือดแข็งตัว, ไม่ได้รับการถอนฟัน ภายใน 7 วัน หรือขูดหินปูนภายใน 3 วันก่อนบริจาคเลือด

ทั้งนี้ หากเป็นผู้หญิงต้องไม่อยู่ในระหว่างมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร, ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ, ไม่มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ, ไม่มีความเสี่ยงต่อการติดโควิด 19 ในช่วง2 สัปดาห์ที่ผ่านมา, หากได้รับวัคซีนโควิด19 ให้เว้น 1 สัปดาห์ก่อนบริจาคเลือด หรือหากมีผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนโควิด19 เมื่อหายแล้วให้เว้น 14 วันก่อนบริจาคเลือด

Advertisement

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ไทยพบโอไมครอน BA.4/BA.5 เพิ่ม กทม.มากสุด แพร่จากเมืองไปชนบท

People Unity News : 11 กรกฎาคม 2565 อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ ไทยพบ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้น กทม.มากสุด คาดแนวโน้มแพร่จากเมืองไปชนบท ส่วนการติดเชื้อไวรัส พบ BA.4 และ BA.5 แพร่เร็ว ยังไม่ฟันรุนแรงกว่า BA.2 หรือไม่ แต่น่าจะรุนแรงกว่า เตรียมให้ รพ.ทุกสังกัด เร่งเก็บข้อมูล

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความคืบหน้าการติดตามสายพันธุ์เชื้อโควิด-19 ว่า ในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ พบติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 3 ใน 4 ของผู้เดินทาง ส่วนการติดเชื้อในไทย พบติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย กทม.พบถึง 72% ส่วนในภูมิภาค พบ 34.7% เรียกว่าพบ BA.4 และ BA.5 เพิ่มมากขึ้น ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 3 ที่ยังไม่ค่อยพบ ซึ่งคาดว่าการติดเชื้อและการแพร่ก็จะเป็นในลักษณะจากเมืองสู่ชนบท ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 จะทำให้ป่วยหนัก หรือมีอาการรุนแรงหรือไม่นั้น จากการติดตามพบว่าในพื้นที่ กทม. พบคนติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 72% แต่พบว่ามีผู้ที่มีอาการรุนแรง ปอดอักเสบ นอน รพ. ใส่ท่อหายใจ และเสียชีวิต พบถึง 13 คน หรือคิดเป็น 77% ส่วนในระดับภูมิภาค พบในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ มีอาการไม่รุนแรง 309 คน ส่วนคนที่มีอาการรุนแรงพบ 45 คน หรือคิดเป็น 46.67% ดังนั้น ในส่วนของความรุนแรงของ BA.4 และ BA.5 น่าจะมากกว่า BA.2

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกพบว่า สัดส่วนของ BA.5 เพิ่มขึ้น จาก 37% เป็น 52% และเมื่อมีการติดตามว่า มีการแพร่เร็วแค่ไหน หรือหลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก คาดว่า ในส่วนของความรุนแรงไม่ได้แตกต่าง ส่วนการแพร่เร็วนั้น แพร่เร็วกว่าแน่นอน ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสาตร์ของญี่ปุ่น พบว่าการกลายพันธุ์มีผลต่อการเพิ่มจำนวนไวรัส และดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ซึ่งหมายความว่าใครที่เคยติดเชื้อ BA.1 และ BA.2 สามารถติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ได้ และพบว่าเชื้อไวรัส BA.4 และ BA.5 สามารถแพร่ได้เร็วในเซลล์ปอดมนุษย์ มากกว่า BA.2

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขอย้ำว่า BA.4 และ BA.5 ยังไม่สรุปว่ารุนแรง แต่เบื้องต้นน่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เตรียมขอความร่วมมือ รพ.ทุกสังกัด มหาวิทยาลัย สังกัด กทม. ฯลฯ เก็บตัวอย่างคนปอดอักเสบ จนนอน รพ. หรือใส่ท่อช่วยหายใจ รวมทั้งผู้เสียชีวิต ส่งตรวจเพิ่มขึ้น เพื่อให้ข้อมูลชัดเจนและมั่นใจมากขึ้น และในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยข้อมูลตรวจภูมิคุ้มกันผู้รับวัคซีนต่อเชื้อ BA.4 และ BA.5 ว่าเป็นอย่างไร

Advertisement

กรมอุตุฯแถลงแผ่นดินไหวต่อเนื่องหมู่เกาะอันดามันไม่ก่อให้เกิดสึนามิ

People Unity News : วันนี้ (6 กรกฎาคม 2565) เวลา 15.30 น. ณ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดร.ชมภารี  ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์  เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาฝ่ายวิชาการ และนายประสาน สังวาลเดช ผู้อำนวยการกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว แถลงสถานการณ์แผ่นดินไหวบริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย ร่วมกับ นายบุญธรรม  เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวบริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย ที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในขณะนี้ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ เพจ “กรมอุตุนิยมวิทยา” และเพจ “กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” ว่า กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานการตรวจพบเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 4.0-4.9 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 เวลา 12.35 น. ถึงปัจจุบัน (6 ก.ค. 65 เวลา 16.00 น.) จำนวน 32 ครั้ง มีจุดศูนย์กลางห่างจากประเทศไทยบริเวณจังหวัดพังงาประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เรียกว่า earthquake swarm ที่มีลักษณะของกลุ่มแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลางจำนวนมากที่เกิดขึ้นในบริเวณใกล้ๆกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเกิดขึ้นตามแนวการขยายตัวของพื้นมหาสมุทรอันดามันที่มีลักษณะการเลื่อนตัวแบบปกติ (Normal slip)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่าการเกิดกลุ่มแผ่นดินไหวลักษณะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง อาจเกิดขึ้นได้นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลใจแต่อย่างใด แม้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดในทะเลครั้งนี้จะอยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ตและพังงา ประมาณ 500 กิโลเมตร คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน เพราะเป็นกลุ่มแผ่นดินไหวที่ขนาดไม่ใหญ่ และจากกลไกแผ่นดินไหวนั้นไม่ก่อให้เกิดสึนามิ อย่างไรก็ตาม กรมอุตุนิยมวิทยาจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้วรายงานให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข่าวสารจากกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ที่เว็บไซต์ earthquake.tmd.go.th หรือโทรศัพท์หมายเลข 02-399-4547 ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวในช่วงท้ายว่า ได้ยกระดับความพร้อมให้กับพี่น้องในพื้นที่ 6 จังหวัด เพิ่มความถี่ในการทดสอบการแจ้งเตือนภัยจากเดิมทุกวันพุธ เป็นทุกๆวัน ปภ. ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติและแจ้งเตือน ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบการติดตามและเฝ้าระวังการเกิดสึนามิของไทยว่ายังมีความสมบูรณ์ และได้มีการเตรียมการรับมือตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

กองสลากเตือน นำสลากดิจิทัลขายต่อ หรือขายเกินราคา 80 บาท มีความผิดถูกดำเนินคดี คนซื้อขึ้นเงินรางวัลไม่ได้

People Unity News : 5 กรกฎาคม 2565 พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการนำสลากดิจิทัล มาจำหน่ายต่อเกินราคาบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า ขอแจ้งเตือนประชาชนที่จะซื้อสิทธิสลากดิจิทัลจากผู้อื่น ให้เพิ่มความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการซื้อต่ออย่างเด็ดขาด เพราะในระบบการจำหน่ายสลากดิจิทัล ผ่านแอปเป๋าตัง จะบันทึกชื่อผู้ซื้อไว้อย่างชัดเจน และให้สิทธิการเป็นกรรมสิทธิของผู้ซื้อที่เป็นเจ้าของบัญชีแอปเป๋าตังเท่านั้น ดังนั้นเมื่อถูกรางวัล เงินรางวัลจะโอนเข้าบัญชีผู้ซื้อ ไม่สามารถโอนสิทธิเปลี่ยนมือการขึ้นรางวัลไปให้บุคคลอื่นได้ หรือกรณีหากจะมารับสลากฯ ที่สำนักงานฯ ก็จะต้องใช้ชื่อผู้ซื้อยืนยันตัวตนในการมารับสลากฯ ดังนั้น ถ้าใครหลงเชื่อ ซื้อสลากดิจิทัลที่มีการนำมาประกาศขายต่อ หากถูกรางวัลอาจเกิดปัญหาตามได้ ซึ่งเรื่องนี้ สำนักงานสลากฯ ได้มีประกาศชัดเจน และออกมาแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนซื้อสลากดิจิทัลโดยตรงผ่านแอพเป๋าตังเท่านั้น ซึ่งระบบมีความปลอดภัย และสามารถขึ้นเงินรางวัลได้อย่างแน่นอน

ขณะเดียวกันสำนักงานสลากฯ ขอแจ้งเตือนผู้ที่ซื้อสลากดิจิทัล และนำไปขายสิทธิต่อให้ผู้อื่นในราคาเกินกว่าใบละ 80 บาท จะมีโอกาสถูกดำเนินคดีฐานขายสลากฯ เกินราคา  ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ว่าสลากฯใบนั้นใครเป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของ โดยหากมีการนำไปขายต่อ หรือขายเกินราคา ก็จะดำเนินการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเปรียบเทียบปรับต่อไป

Advertisement

Verified by ExactMetrics