วันที่ 28 เมษายน 2024

ปูตินเตือนชาติตะวันตก “รัสเซียจะยกเลิกสัญญาซื้อขายทั้งหมด” เพื่อตอบโต้มาตรการลงโทษชุดใหม่

People Unity News : 3 พฤษภาคม 65 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ได้มีคำเตือนไปถึงชาติตะวันตกว่า รัสเซียจะยกเลิกสัญญาการซื้อขายสินค้าและพลังงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นการตอบโต้อย่างเข้มแข็งที่สุดของรัสเซียต่อมาตรการลงโทษต่างๆ ที่สหรัฐฯและชาติพันธมิตรนำมาใช้กับรัสเซียในช่วงกว่าสองเดือนที่ผ่านมา

ปธน.ปูติน ลงนามในกฎหมายฉบับใหม่ในวันอังคาร ซึ่งจะห้ามการส่งออกสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ ไปยังบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกทางการรัสเซียลงโทษซึ่งปูตินสั่งให้รัฐบาลกรุงเครมลินจัดทำขึ้นภายใน 10 วัน

โดยกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที จะมอบอำนาจให้รัฐบาลรัสเซียในการยกเลิกสัญญาการส่งออกสินค้าที่ทำไว้กับผู้ที่ถูกลงโทษจากรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า กฎหมายใหม่นี้คือการตอบโต้ต่อ “การกระทำผิดกฎหมายของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร” ที่มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดสิทธิในสินทรัพย์ของสหพันธรัฐรัสเซีย พลเมืองของรัสเซียและนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัสเซีย

ที่ผ่านมา มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่รัสเซียนำมาใช้กับชาติตะวันตก คือการตัดการขนส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่โปแลนด์และบัลแกเรีย รวมทั้งการบังคับให้ประเทศในยุโรปจ่ายค่าก๊าซจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิลเท่านั้น

คำเตือนของผู้นำรัสเซียในครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่บรรดาผู้นำยุโรปกำลังร่วมประชุมในกรุงบรัสเซลล์เพื่ออนุมัติข้อเสนอให้ใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ซึ่งจะมุ่งเป้าไปที่ภาคพลังงานของรัสเซีย โดยอาจรวมถึงการคว่ำบาตรน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซีย

ข้อมูลจาก Centre for Research on Energy and Clean Air ระบุว่า นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศในสหภาพยุโรปยังคงซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นมูลค่าราว 47,000 ล้านยูโร

ทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ภาคพลังงานของรัสเซียยังคงถูกยกเว้นจากการลงโทษของชาติตะวันตก และรัสเซียยังคงใช้รายได้จากส่วนนี้ในการสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน

ที่มา: รอยเตอร์

Advertisement

สรุปผลประชุม COP26 ไม่เกิดข้อตกลงใหญ่ ผู้นำประเทศยากจนกล่าวหาประเทศร่ำรวยเบี้ยวเงิน

People Unity News : สรุปผลประชุมสุดยอด COP26 ไม่เกิดข้อตกลงใหญ่ แต่บรรลุผลข้อตกลงย่อยลดก๊าซมีเทน-ยกเลิกตัดไม้

4 พ.ย.64 บรรดาผู้นำประเทศในแอฟริกาที่เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก หรือ COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ กล่าววิพากษ์วิจารณ์ประเทศร่ำรวยว่าล้มเหลวในการปฏิบัติตามคำสัญญาที่ว่าจะมอบเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยประเทศยากจนรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ประเทศยากจนที่ส่วนใหญ่อยู่ในแอฟริกาคือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมากที่สุด ในขณะที่ประเทศรายได้สูงซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่ม G-20 มีปริมาณการปล่อยก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจกรวมกันคิดเป็น 80% ของปริมาณทั่วโลก

เมื่อสองปีที่แล้ว ประเทศร่ำรวยให้สัญญาว่าจะมอบเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้แก่ประเทศยากจนเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก แต่เป้าหมายในคำสัญญาดังกล่าวถูกเลื่อนไปเป็นปี ค.ศ. 2023 ในการประชุม COP26 ครั้งนี้

ประธานาธิบดีกาน่า นานา อัดโด ดังกวา อะคูโฟ-อัดโด กล่าวต่อที่ประชุม COP26 ในวันอังคาร แสดงความขุ่นเคืองและผิดหวังที่ประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้นผิดคำสัญญา

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำประเทศกว่า 100 คนตกลงกันว่าจะยุติการตัดไม้ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยมีการให้เงินอุดหนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนรวมเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์ และมีการลงนามในคำสัญญาร่วมระหว่างสหรัฐฯ – สหภาพยุโรป ว่าด้วยการลดก๊าซมีเทนทั่วโลกลง 30% ภายในปี ค.ศ. 2030

อย่างไรก็ตาม จีนและรัสเซียซึ่งเป็นสองประเทศที่ปล่อยก๊าซมีเทนมากที่สุดในโลก มิได้ร่วมลงนามในคำสัญญาฉบับดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิผลที่แท้จริงของการประชุม COP26 ครั้งนี้ว่าจะช่วยนำไปสู่การควบคุมภาวะโลกร้อนได้จริงหรือไม่

เมื่อวันอังคาร นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน กล่าวแสดงความมั่นใจต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการประชุม ขณะที่บรรดาผู้จัดงานแสดงความหวังว่า แม้จะไม่เกิดข้อตกลงในเรื่องใหญ่ๆเกี่ยวกับการลดก๊าซที่เป็นสาเหตุของปรากฏการณ์เรือนกระจก แต่การประชุมครั้งนี้ก็ทำให้เกิดข้อตกลงย่อยๆ ที่มุ่งเป้าไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น การลดก๊าซมีเทน การยกเลิกการตัดไม้ทำลายป่า และการช่วยเหลือประเทศหมู่เกาะที่เปราะบางต่างๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอด COP26 ของบรรดาผู้นำประเทศต่างๆได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่คณะทำงานของแต่ละประเทศจะยังคงร่วมหารือในวาระอื่นๆต่อไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้

ที่มา VOA

Advertising

เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่ควบคุมการใช้งานที่มากเกินไปของกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

People Unity News : 14 ตุลาคม 2564 เฟสบุ๊ค เตรียมเปิดตัวระบบใหม่สำหรับแพลตฟอร์มต่างๆของตน ที่มีจุดประสงค์ในการควบคุมการใช้งานที่มากเกินไป เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ในกลุ่มเด็กและวัยรุ่น

หลังจากประกาศเมื่อปลายเดือนที่แล้วว่าบริษัทตัดสินใจระงับโครงการอินสตาแกรมสำหรับเด็กไว้ก่อน เฟสบุ๊ค เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวระบบควบคุมใหม่ๆ ให้เป็นทางเลือกสำหรับบรรดาผู้ปกครองที่จะใช้ในการควบคุมการใช้ทั้ง เฟสบุ๊ค และอินสตาแกรม ในกลุ่มบุตรหลานของตน

นิค เคล็กก์ รองประธานเฟสบุ๊ค ด้านกิจการต่างประเทศ แย้มความถึงระบบควบคุมใหม่นี้แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ระหว่างออกเดินสายให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN และ ABC ของสหรัฐฯ มาตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับระบบอัลกอริทึมของเฟสบุ๊ค และข้อกล่าวหาที่ว่า ระบบดังกล่าวมีบทบาทในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ ให้กับประชาชนก่อนเกิดเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 6 มกราคม

เคล็กก์ บอกกับ CNN ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆมาโดยตลอด แต่ต้องยอมรับว่า บริษัทไม่ได้มีอำนาจวิเศษใดๆ ที่จะทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบได้ โดยสิ่งที่ทำได้คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหลายให้มีความปลอดภัยและให้ผู้ใช้งานรู้สนุกเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผู้บริหารเฟสบุ๊ครายนี้เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุนเม็ดเงินถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำให้แพลตฟอร์มต่างๆของตนมีความปลอดภัย ทั้งยังจ้างพนักงานถึง 40,000 คนเพื่อคอยดูและตรวจสอบงานด้านนี้

การออกเดินสายให้สัมภาษณ์ของเฟสบุ๊คครั้งล่าสุดนี้มีขึ้น หลังอดีตลูกจ้างบริษัทผู้พัฒนาและให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ กล่าวหาว่า เฟสบุ๊ค มุ่งเน้นแต่กำไรมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆของตน ระหว่างการขึ้นให้ข้อมูลต่อวุฒิสภาสหรัฐฯในประเด็นดังกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

จอช โกลิน ผู้อำนวยการของ Fairplay ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิของเด็ก ให้ความเห็นว่า ระบบควบคุมใหม่ๆที่ เฟสบุ๊ค มีแผนจะเปิดตัวนั้นไม่น่าจะมีประสิทธิภาพดังหวัง เพราะเด็กๆสมัยนี้ต่างสร้างบัญชีใช้งานที่เป็นความลับไม่ให้ผู้ปกครองทราบอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่า ผู้ใหญ่จะไม่มีโอกาสได้ใช้งานระบบใหม่ๆที่ว่านี้ได้ตามจุดประสงค์

Advertising

แฉ “ทรัมป์” ออกรอบตีกอล์ฟตามปกติ หลังสั่งยิงจรวดมิสไซล์ถล่มซีเรีย

People unity news online : 10 เมษายน 2560 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกรอบตีกอล์ฟในวันอาทิตย์เป็นวันที่สองติดต่อกัน ที่สนามกอล์ฟของตนเองในรัฐฟลอริด้า หลังจากเพิ่งเสร็จสิ้นการพบหารือกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และคำสั่งให้ยิงจรวดมิสไซล์โจมตีซีเรียเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวต่างปิดปากเงียบเกี่ยวกับกิจกรรมของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการออกรอบตีกอล์ฟสองครั้งที่สนามกอล์ฟ Trump International Golf Club และการสนทนาทางโทรศัพท์ราว 45 นาทีกับนายกฯญี่ปุ่น ชินโซ่ อาเบะ

นายกฯอาเบะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนและประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและซีเรีย หลังจากที่เรือรบของสหรัฐฯได้ยิงจรวดมิสไซล์หลายสิบลูกถล่มฐานทัพอากาศของซีเรียเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นฐานทัพที่ซีเรียใช้โจมตีด้วยอาวุธเคมีใส่บริเวณที่กลุ่มแข็งข้อต่อต้านครอบครองอยู่ เป็นผลให้มีประชาชนบริสุทธิ์ รวมทั้งเด็กๆ เสียชีวิตจำนวนมาก นายกฯอาเบะ ยังกล่าวด้วยว่า “ตนและประธานาธิบดีทรัมป์ ต่างเห็นพ้องกันถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อต้านทานภัยคุกคามจากจรวดขีปนาวุธและการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ”

ทางด้านทำเนียบขาวได้มีแถลงการณ์ออกมาในวันอาทิตย์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้กล่าวขอบคุณนายกฯอาเบะ ที่สนับสนุนการโจมตีของสหรัฐฯใส่ซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผู้นำทั้งสองคนยังได้เห็นพ้องกันในการขยายความร่วมมือในหลายเรื่อง รวมทั้งการตอบโต้ภัยคุกคามจากกรุงเปียงยาง”

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ Washington Post รายงานว่า ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม โดนัลด์ ทรัมป์ ออกรอบตีกอล์ฟแล้วในอัตราความถี่หนึ่งครั้งทุกๆ 5.3 วัน เมื่อเทียบกับอดีตประธานาธิบดีโอบาม่าที่ออกรอบเฉลี่ยทุก 8.8 วัน

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงหาเสียง โดนัลด์ ทรัมป์ คือผู้ที่กล่าวโจมตีโอบาม่าหลายครั้งว่า มัวแต่เล่นกอล์ฟโดยไม่สนใจเหตุบ้านการณ์เมือง

ถึงกระนั้น ระหว่างการออกรอบตีกอล์ฟในวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้โพสต์ข้อความออกมาจากในสนามกอล์ฟ ลงในบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัว แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ระเบิดที่โบสถ์สองแห่งในอียิปต์ ซึ่งกลุ่มรัฐอิสลามออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบ

ปธน.สหรัฐฯยังได้ทวีตแสดงความมั่นใจว่า ประธานาธิบดี เอล-ซิสซี่ ของอียิปต์ จะสามารถรับมือเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน (ข่าวจากเว็บไซต์ voathai.com)

People unity news online : post 10 เมษายน 2560 เวลา 23.53 น.

 

“อิวังก้า ทรัมป์” เตรียมบรรจุเป็นลูกจ้างทำเนียบขาว แต่ปฏิเสธรับเงินเดือน

People unity news online :  เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า “อิวังก้า ทรัมป์” ลูกสาวคนโตของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมบรรจุเป็น ‘ลูกจ้างทำเนียบขาว’ อย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันนี้ พร้อมห้องทำงานส่วนตัวที่ปีกด้านตะวันตกของทำเนียบ หรือ West Wing ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการหลัก

แม้อิวังก้าจะไม่รับเงินเดือนในหน้าที่ที่ทำในทำเนียบขาว แต่เธอจะสามารถเข้าถึงเอกสารลับของราชการ และจะต้องทำตามกฎเรื่องจริยธรรม เช่นเดียวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนอื่นๆ

ก่อนหน้านี้ เธอเองเขียนในแถลงการณ์ว่า “จะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาประธานาธิบดีในเรื่องต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา อย่างที่เธอทำมาตลอดชีวิต”

ทั้งนี้ สามีของอิวังก้า คือ นายจาเร็ด คุชเนอร์ มีตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเป็นทางการในทำเนียบขาวเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ตกเป็นข่าวว่าช่วยปรับแนวทางด้านนโยบายและถ้อยคำจากรัฐบาลสู่ประชาชน ให้สะท้อนแนวคิดคนรุ่นใหม่มากขึ้น

อิวังก้าเคยถูกวิจารณ์ว่า เข้าร่วมประชุมร่วมกับผู้นำต่างประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะ ของญี่ปุ่น โดยไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และอาจเข้าถึงข้อมูลที่บุคคลภายนอกทั่วไปไม่ควรทราบ (ข่าวจากเว็บไซต์ voathai.com)

People unity news online : post 3 เมษายน 2560 เวลา 21.33 น.

รัสเซียชี้กำลังถูกกดดันให้เผชิญหน้า “นาโต้”

People unity news online :  เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2560 กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียชี้กำลังถูกกดดันให้เผชิญหน้ากับนาโต้

“รัสเซียกำลังถูกกดดันให้ต้องเผชิญหน้ากับกับนาโต้ เมื่อมองตามตรรกะด้านความขัดแย้งทางทหาร” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

“ความสัมพันธ์แบบ ‘สร้างสรรค์’ ระหว่างรัสเซียกับนาโต้จะเป็นไปในรูปแบบใด เมื่อสหรัฐฯและกลุ่มพันธมิตรยังคงใช้รูปแบบความสัมพันธ์เดิมๆ และหมกมุ่นอยู่กับการสร้างสถานภาพทางการทหารของตนในพื้นที่ชายแดนที่ติดกับเรา ด้วยเหตุผลที่ว่าจะต้อง ‘ควบคุมรัสเซีย’?” คำแถลงการณ์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการประชุมสภารัสเซีย-นาโต้ ระดับเอกอัครราชทูตครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในกรุงบรัสเซลส์

พร้อมกล่าวว่า นาโต้ยังไม่พร้อมที่จะกลับมาร่วมมือกับรัสเซียในการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยในภูมิภาคและทั่วโลกอย่างเป็นรูปธรรม และได้เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะการเป็นพันธมิตรอย่างจริงจังเพื่อรับประกันการรักษาความปลอดภัยในยุโรปให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายเยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ได้กล่าวแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภาคตะวันออกของยูเครน ในการแถลงข่าวหลังการประชุมโดยกล่าวว่า “การสู้รบในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนได้มาถึงระดับที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์” (ข่าวจากสำนักข่าว China Xinhua News)

People unity news online : post 3 เมษายน 2560 เวลา 21.23 น.

สีจิ้นผิง-ปูติน อวยความสัมพันธ์จีน-รัสเซีย ปกป้องสันติภาพ สร้างสรรค์โลก

People unity news online : สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน และ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ต่างส่งข้อความแสดงความยินดีกับการประชุมกลไกการสานเสวนาระหว่างภาคีครั้งที่ 6 และการประชุมระหว่างพรรคจีน-รัสเซียครั้งที่ 5 ซึ่งการประชุมทั้งสองนั้นได้ถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 มี.ค.2017) ณ เมืองคาซาน  ประเทศรัสเซีย

สีจิ้นผิงได้กล่าวว่า จีนและรัสเซียควรสานต่อมิตรภาพที่ยั่งยืนของพวกเขาและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของการประสานงานระหว่างทั้งสองประเทศ

“พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (UR) ต่างรักษาความสัมพันธ์อันใกล้ชิด และมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันในเชิงบวก เสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงช่วยปกป้องสันติภาพและการพัฒนาของโลกมาโดยตลอด” ประธานาธิบดีของจีนกล่าว

“หลังจากผ่านพ้นการพัฒนามาเกือบ 10 ปี กลไกการสานเสวนาระหว่างภาคีจีน-รัสเซียและการประชุมระหว่างพรรคจีน-รัสเซียได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างทั้งสองฝ่าย” สีจิ้นผิงกล่าว

ด้านปูตินก็ได้กล่าวว่า รัสเซียและจีนได้พัฒนาความสัมพันธ์มาจนบรรลุระดับสูงอันเป็นประวัติการณ์ และได้กลายมาเป็นแบบอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญ

People unity news online : post 25 มีนาคม 2560 เวลา 10.21 น.

Verified by ExactMetrics