วันที่ 25 เมษายน 2024

ธนาคารออมสิน สร้างประวัติศาสตร์ กวาด 8 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ปี 2566

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 กุมภาพันธ์ 2567 ออมสิน คว้ารางวัล “รัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม” และ “ผู้นำองค์กรดีเด่น” สร้างประวัติศาสตร์ กวาด 8 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ปี 2566

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ประจำปี 2566 ให้แก่ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คณะกรรมการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร รวมทั้งสิ้น 8 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น รางวัลเกียรติยศด้านการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น รางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น รางวัลบริการดีเด่น และ รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น สำหรับงานนี้ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า “รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น” ถือเป็นรางวัลเกียรติยศและเป็นความภาคภูมิใจของธนาคารออมสิน โดยปีนี้ได้รับ 8 รางวัลด้วยกัน มากที่สุดในประวัติศาสตร์ธนาคาร สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจในบทบาทสถาบันการเงินของรัฐ ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ภายใต้ภารกิจธนาคารเพื่อสังคม ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม มีเป้าหมายชัดเจนในการลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน ทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน จากการร่วมมือร่วมใจผลักดันของผู้ปฏิบัติงานทั้งหมด นำมาซึ่งความภาคภูมิใจกับรางวัลทรงคุณค่าที่ได้รับนี้เป็นอย่างยิ่ง

สำหรับรางวัลที่ธนาคารออมสินได้รับในปีนี้ ได้แก่ รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม มอบให้รัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่น และมีมาตรฐานในการดำเนินงานทุกๆ ด้าน สามารถสนองตอบความต้องการและความคาดหวังของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เป็นอย่างดี รวมถึงคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารสูงสุดมีการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันอย่างเหมาะสม รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น มอบให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนของผู้ถือหุ้นภาครัฐ ในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและส่งเสริมการบริหารงานของฝ่ายจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น มอบให้ผู้บริหารสูงสุดที่สามารถนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนโดยมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล และสามารถผลักดันองค์กรให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รางวัลเกียรติยศด้านการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 5 มอบให้รัฐวิสาหกิจที่มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการแข่งขัน สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่รัฐวิสาหกิจและมีการเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกด้าน

พร้อมกันนี้ ยังได้รับ รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น ธนาคารได้รับรางวัลด้านนวัตกรรม จากโครงการ GSB New business models : ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินใหม่ ที่ธนาคารใช้เป็นกลไกในการแทรกแซงและกดดันอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่สูงเกินจริงให้กลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นธรรม รางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น (ประเภทเชิดชูเกียรติ) โดยร่วมกับสำนักงานธนานุเคราะห์ฯ ภายใต้โครงการยกระดับการให้บริการทางการเงินและคุณภาพชีวิตแก่ลูกค้า ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มที่ไม่สามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ได้เข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้นด้วยดอกเบี้ยที่เป็นธรรม รางวัลบริการดีเด่น ได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยปีนี้ได้รับจากโครงการ Social Mission integration for Better Service เป็นการปรับแนวคิดการทำงานโดยนำเอาปัจจัยด้านการช่วยเหลือสังคมผนวกเข้ากับบริการที่สำคัญของธนาคารในทุกด้าน ทั้งด้านความคุ้มค่าทางธุรกิจควบคู่ผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม และสุดท้าย รางวัลชมเชย รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น จากโครงการออมสิน..พัฒนาชุมชนแบบองค์รวม สร้างบุคลากรของธนาคารให้เป็นนักพัฒนาชุมชนที่เข้าใจความต้องการของคนในท้องถิ่น ภายใต้หน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน 18 ภาคทั่วประเทศ

Advertisement

สำนักงานสลากฯ เพิ่มช่องทางขายสลากดิจิทัล ให้ผู้ขายเดินขายสลากบนไอแพด-มือถือได้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 มกราคม 2567 สำนักงานสลากฯ พร้อมปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายสลากผ่านแผงสลากดิจิทัล และทำ Sandbox สลากแบบ N3 ภายในกลางปีนี้

วันนี้ (12 มกราคม 2567) เวลา 11.30 น. ที่ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 3 สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในปีที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าหมาย โดยสามารถนำส่งเงินเข้ารัฐเป็นรายได้แผ่นดินสูงถึง 48,550.83 ล้านบาท

สำหรับการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหกหลัก ทั้งแบบใบ 80 ล้านฉบับ และแบบดิจิทัล 22 ล้านฉบับ รวม 102 ล้านฉบับ ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สลากแบบดิจิทัล ที่ขายผ่านแอป “เป๋าตัง” สลากขายหมดก่อนวันออกรางวัลทุกงวด เนื่องจากผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาททุกใบ และสะดวกในการรับเงินรางวัล ที่ระบบตรวจผลรางวัลให้อัตโนมัติและโอนเงินรางวัลได้ภายใน 2 ชั่วโมง ทุกรางวัลรวมทั้งรางวัลที่ 1 อย่างไรก็ตาม การพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากแบบดิจิทัลจะยังคงเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด และไม่ให้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับผู้จำหน่ายสลากแบบใบ โดยในงวดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 จะเพิ่มสลากฯ แบบดิจิทัล เป็น 23 ล้านฉบับ และคาดว่าในปี 2567 จะทยอยเพิ่มเป็น 25-30 ล้านใบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการซื้อของพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายสลาก เป็นแผงจำหน่ายสลากดิจิทัล เพื่อให้ผู้ขายได้มีโอกาสปรับตัวในการขายสลากแบบดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น

“หลังสำนักงานสลากฯ ได้ปรับรูปแบบการขายสลากดิจิทัล โดยผู้ขายสามารถเดินขายสลากแบบแผงสลากบนไอแพด และโทรศัพท์มือถือได้ วิธีการดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสลากดิจิทัลให้มากขึ้น เพราะมีลักษณะคล้ายกับการจำหน่ายสลากแบบมีแผงจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเลขให้กับลูกค้าประจำ หรือการลดราคาสลาก เป็นต้น โดยการปรับปรุงช่องทางการจำหน่ายจะแล้วเสร็จและเริ่มใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567” ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลกล่าว

ในส่วนของสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก หรือ N3 นั้น เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาหวยใต้ดิน สำนักงานสลากฯ จะทดลองดำเนินการในลักษณะของ Sandbox  เพื่อทดสอบช่องทางการจำหน่าย การกำหนดราคาขาย รวมถึงเงินรางวัลที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ซื้อให้มากที่สุด คาดว่าจะพร้อมเริ่มดำเนินการ  Sandbox ของสลากตัวแลข 3 หลัก หรือ N3 ได้ในช่วงกลางปี 2567 และโดยที่ปัจจุบันมีความท้าทายรูปแบบใหม่ คือหวยจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเว็บขายสลากออนไลน์ที่อ้างอิงผลรางวัลจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงเว็บขายสลากออนไลน์อื่นๆ ที่ใช้ผลรางวัลของสำนักงานสลาก รวมถึงการนำสลากใบไปโหลดขาย ดังนั้น คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงมอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับความท้าทายรูปแบบใหม่ และตอบโจทย์ผู้ซื้อต่อไป

สำหรับการจำหน่ายสลากผ่านตู้จำหน่ายต่างๆ ในลักษณะแฟรนไชส์ โดยไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีสลากจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือขายเกินราคา รวมทั้งการนำสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจำหน่ายต่อตามแพลตฟอร์มต่างๆ พฤติกรรมต่างๆ เหล่านี้ คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้กำชับให้สำนักงานสลากฯ เร่งดำเนินการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางในการดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนผู้ซื้อสลากด้วยความบริสุทธิ์ใจต้องได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ ในบางกรณีกำลังอยู่ระหว่างจัดทำหนังสือแจ้งเหตุพฤติการณ์ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษต่อไป

ธ.ออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) เหลือ 6.845% ต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 มกราคม 2567 ธนาคารออมสินลดดอกเบี้ย MRR เหลือ 6.845% อัตราต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งเป้าลดภาระประชาชนตามนโยบายรัฐบาล มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายสั่งการสถาบันการเงินของรัฐ ดำเนินการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการลดภาระทางการเงินของประชาชน โดยที่ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกนโยบายให้ธนาคารออมสินตรึงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ก่อนจนถึงสิ้นปี 2566 นั้น

ล่าสุดธนาคารออมสินประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) หลังจากตรึงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ในระดับต่ำจนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยประกาศดอกเบี้ย MRR จากเดิม 6.995% ลดลงเหลือ 6.845% มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชนในช่วงระยะนี้ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นับเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ต่ำสุดในระบบธนาคาร ณ เวลานี้

อนึ่ง อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ Minimum Retail Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงที่ใช้สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคาร การประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MRR ในครั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนในภาวะที่ต้องแบกรับต้นทุนทางการเงินมากขึ้นในการดำรงชีพ ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐ และสอดคล้องตามภารกิจธนาคารเพื่อสังคม

ธ.ก.ส. จัดงาน BAAC Farmers Market นำสินค้าของขวัญปีใหม่ จากชุมชนอุดมสุขทั่วประเทศ มาจำหน่าย 19-21 ธ.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 ธันวาคม 2566 ธ.ก.ส. ชวนช้อปชุดของขวัญปีใหม่ที่ควรค่าต่อการส่งมอบความสุขให้กับคนพิเศษ แถมยังส่งต่อกำลังใจและสร้างเศรษฐกิจที่ดีคืนกลับสู่ชุมชน พบสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์คุณภาพมาตรฐาน A-Product กว่า 40 ร้านค้าในงาน BAAC Farmers Market ที่มาในธีมชุมชนอุดมสุขทั่วไทย ที่ส่งตรงจากแหล่งผลิตมาให้เลือกซื้อ ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 19 – 21 ธันวาคมนี้

นายไพศาล หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. จัดงานเทศกาลของขวัญจากชุมชนอุดมสุขทั่วไทย (BAAC Farmers Market) โดยมีบูธจำหน่ายสินค้ากว่า 40 ร้านค้า จากเกษตรกรและชุมชนอุดมสุขทั่วประเทศ ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค อาทิ ผักผลไม้สดปลอดสารพิษตามฤดูกาล ข้าวสาร น้ำผึ้ง กาแฟสด โจ๊กปลาแดดเดียว อาหารทะเลเผา สินค้าแปรรูป ทั้งอาหารทะเล เนื้อแดดเดียว กล้วยเบรกแตก น้ำมันมะพร้าว ชุดเครื่องนอนจากยางพารา เครื่องประดับ เวชสำอาง ผ้าทอและผ้าไหมพื้นเมือง เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังมองหาชุดของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้คนที่คุณรัก ยังมีชุดของขวัญสุดพรีเมียมมากมายมาให้เลือกสรร อาทิ เมล่อนผลสด Furano และกระเช้าของขวัญจากวิสาหกิจชุมชนวัยหวานที่มีทั้งผัก ผลไม้แปรรูปเพื่อสุขภาพ ชุดเครื่องนอนยางพาราเพื่อการรักษา ชุดเครื่องสำอางจากสมุนไพรไทย เป็นต้น ซึ่งทุกๆผลิตภัณฑ์ได้รับการการันตีมาตรฐานคุณภาพส่งออกในราคายุติธรรม นอกจากได้รับสินค้าคุณภาพดีที่หาซื้อจากตลาดทั่ว ๆ ไปไม่ได้แล้ว ท่านยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อกำลังใจให้ชุมชนในการผลิตสินค้าคุณภาพสูงที่มาจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดของประเทศไทย เพื่อส่งต่อให้ภาคเกษตรไทย เติบโตสู่เกษตรมูลค่าสูง สร้างงาน สร้างรายได้ และเศรษฐกิจของประเทศ ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมชิม ชม ช้อป ของขวัญและสินค้าคุณภาพจากชุมชนอุดมสุขทั่วประเทศได้ในงาน BAAC Farmers Market ระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคมนี้ ณ บริเวณด้านหน้า ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

Advertisement

นายกฯอยากเห็น ปตท. ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น นำคนไทยไปร่วมทุน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 นายกฯแสดงความยินดีครบรอบ 45 ปี ปตท. หวังให้ช่วยสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ เป็นเจ้าสัวน้อย

ค่ำวานนี้ (12 พ.ย. 66) เวลา 18.30 น.  ณ เพลนารี ฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพฯ  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานงานเลี้ยงรับรองขอบคุณผู้มีส่วนได้เสีย เนื่องในวาระครบรอบ 45 ปี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้แทนภาครัฐ ผู้แทนภาคเอกชน  ผู้บริหารและพนักงานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  เข้าร่วมงาน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มาร่วมงานในวาระครบรอบ 45 ปี ของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นบริษัทที่นำธงชาติไทยไปปักในนิตยสาร ฟอร์จูน โกลบอล 500 และเคยไต่อันดับถึง TOP 100 แต่เมื่อมีบริษัทอื่นมาก็ถูกเบียดไป  แต่บริษัท ปตท. มีการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความภาคภูมิใจสูงสุดให้กับคนไทยที่มีบริษัทระดับโลกได้   ไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จในธุรกิจ ปตท. ที่ได้ดำเนินการในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ได้เข้าร่วมกับทุกรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมในการดูแลคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งไหน  รวมถึงวิกฤตโรคระบาดโควิด 19  ในอดีต 45 ปีที่ผ่านมา บริษัท ปตท.เป็นบริษัทที่ยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน  เป็นที่พึ่งของทุกคนเป็นบริษัทที่ไม่ได้คำนึงถึงแค่ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างเดียว  แต่ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ความสุขสบายของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องในโอกาส 45 ปีของบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  ตนมีข้อคิด 2-3 ข้อ ข้อแรกด้วยงบดุลของบริษัทที่แข็งแกร่งมาก สิ่งที่ต้องการคือ บริษัท ปตท. ไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นนำพาผู้มีความรู้จากประเทศไทยไปร่วมทุนไปทำการเจรจาการค้าไปพัฒนาประเทศนั้นๆ ด้วยทุนของคนไทยด้วยองค์ความรู้ของคนไทย  ตนเชื่อว่า ยังมีอีกหลายประเทศที่เราสามารถไปลงทุนได้ทำการค้าขายได้  รัฐบาลพร้อมสนับสนุนทั้งการลงทุนและให้มาลงทุนในประเทศไทย  พร้อมเชื่อว่า ปตท. พร้อมที่จะเป็น partner กับบริษัทข้ามชาติทั้งหลายที่มาลงทุนในประเทศไทย  อีกทั้ง รัฐบาลพร้อมที่จะนำ ปตท.เดินเคียงคู่ไปกับรัฐบาลเพื่อที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา  พร้อมทั้งให้ ปตท.เดินทางออกไปต่างประเทศเพื่อไปร่วมทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในหลายบริษัทเพื่อทำให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง พลังงานบริสุทธิ์ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นเรื่องที่ปัจจุบันนี้ได้มีการพูดคุยกันมาก ถ้าประเทศไหนบริษัทไหนจะมาลงทุนที่ประเทศไทยเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ประเทศไทยมีความพร้อมสูงสุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ในการที่จะรองรับการลงทุนที่ต้องการพลังงานบริสุทธิ์  ปตท. เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นองค์กรที่ทำให้ประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านนี้  อย่างไรก็ตาม นายกฯ ขอให้ทุกคนอย่า ลด ละ ในการที่จะพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป  ต้องทำให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายได้และดึงดูดนักลงทุนที่มีความต้องการลงทุนในการพึ่งพาพลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งเชื่อว่า ปตท. สามารถทำได้และทำดีอยู่แล้ว

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี  กล่าวถึง การสร้างแรงบันดาลใจของคนรุ่นใหม่ที่มองเข้ามาบริษัทใหญ่ๆอย่าง ปตท. บริษัทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก อยากให้ ปตท.มีส่วนปั้นพัฒนาดูแลเยาวชนที่เพิ่งเข้ามาในวงการธุรกิจ  ปั้นพัฒนาให้เขาเป็นเจ้าสัวน้อยให้ได้ไม่ใช่แค่ให้เขามาอยู่ภายใต้ของบริษัท ปตท. หลายคนอาจจะเข้าใจว่า ปตท.จ้างสนับสนุนเป็นแหล่งงานให้กับคนรุ่นใหม่มากมาย  ตนเชื่อว่า หลายคนมีความต้องการที่จะแตกต่างกันไป หลายคนมีความต้องการทำงานเป็นพนักงานของ ปตท. หลายคนต้องการให้เป็นหน่วยงานช่วยปั้นให้เขาเป็นเจ้าสัวตัวน้อยได้และพัฒนาต่อไปเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ

“วันนี้ถือเป็นวันดีที่มีนักธุรกิจชั้นนำ มีอดีตผู้ว่าการ ปตท. มีผู้ที่มีอุปการคุณ  คณะกรรมการที่มารวมตัวกันอยู่ในที่นี้  มาเฉลิมฉลองความสำเร็จของ ปตท.  ซึ่งเชื่อว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยยังไม่จบเพียงแค่นี้ ขอเป็นกำลังใจเป็นแรงใจ ขอเป็นเพื่อนที่เดินเข้ามาไปด้วยกันในอนาคตที่สดใสเพื่อจะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนให้ดีขึ้นควบคู่ไปกับ ปตท.” นายกฯ กล่าว

Advertisement

นายกฯ ไม่สบายใจตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำ ระบุ เป็นนโยบายหลักรัฐบาลต้องถูกยกระดับขึ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 ธันวาคม 2566 นายกฯ ไม่สบายใจตัวเลขค่าแรงขั้นต่ำ ระบุ เป็นนโยบายหลักรัฐบาลต้องถูกยกระดับขึ้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปตรวจราชการจังหวัดกาญจนบุรี พบปะพี่น้องประชาชน โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ในฐานะอดีตนายก อบจ. กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เก่า และมี สส.กาญจนบุรี ให้การต้อนรับ ได้แก่ นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ แม้นทิม สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน สส.เขต 3 พรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ สส.เขต 4 พรรคเพื่อไทย และ นายพนม โพธิ์แก้ว สส. เขต 5 พรรคเพื่อไทย

ขณะเดียวกันยังมีประชาชนถือป้ายต้อนรับนายกรัฐมนตรี และถือป้ายสนับสนุนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรี เดินทักทายประชาชนที่มาให้กำลังใจ และกล่าวว่า ยินดีที่ได้กลับมาจังหวัดกาญจนบุรีอีกครั้ง หลังจากการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน พบว่าบ้านเมืองเรามีปัญหาเยอะ แต่มีรัฐมนตรีและทีมงานที่พร้อมจะรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เสียงสะท้อน เสียงเรียกร้อง ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนที่มาที่นี่เหมือนกันหมด คือ เรื่องของปากท้อง ปัญหาหนี้สิน ปัญหายาเสพติด พื้นที่ทำกิน ราคาเกษตร การค้าขายระหว่างพรมแดน รัฐบาลนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องของหนี้สิน รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา หนี้นอกระบบต้องหมดไป จะเป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ระหว่างนายอำเภอกับผู้กำกับการตำรวจทุกจังหวัด เมื่อมีเสียงเรียกร้อง หรือมีปัญหากับการถูกเรียกทวงหนี้อย่างไม่เป็นธรรม หรือการข่มขู่เจ้าหน้าที่ ทุกคนพร้อมที่จะให้บริการกับประชาชน ดังนั้นอย่ากลัว ให้เดินออกมาพูดคุยกัน รัฐบาลให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองเจ้าหนี้และลูกหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ยอมรับการรีดไถที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม

ส่วนเรื่องปัญหายาเสพติด นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นปัญหาที่กัดก่อนสังคมไทยมานานมาก เรื่องของวงจรการค้ายาเสพติด ไม่ว่าจะจากชายแดน ได้มีการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงเข้ามาจัดการประสานงานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ และพื้นที่ โดยจะเร่งรัดตัดวงจรยาเสพติด หากจับได้พิสูจน์ทราบแล้ว จะทำลายทันที เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยของสังคม

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เรื่องการค้าการลงทุน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐบาล ยืนยัน ทำงานอย่างเข้มแข็ง ดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็งขึ้น แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ คือ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่า พี่น้องหลายคนเป็นห่วง ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ที่จะยกระดับค่าแรงขั้นต่ำ โดยจะต้องมีการพูดคุยกันในเวทีที่เหมาะสม เพราะเป็นเรื่องที่เรายอมรับไม่ได้และต้องแก้ไขกันต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่หลังจากการเลือกตั้งยังไม่มีรัฐมนตรี หรือ นายกรัฐมนตรีมาเยี่ยมเยียนที่จังหวัดกาญจนบุรีเลย จึงถือเป็นมิติใหม่หลังจากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องให้เข้ามาบริหาร และเดินทางมารับฟังพูดคุยปัญหาที่พี่น้องทุกคนมีอยู่วันนี้ พร้อมมีรัฐมนตรีมาหลายคน ฝากการสื่อสารเข้ามาด้วยว่า อยากให้ทำอะไรบ้าง ขอให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลนี้พร้อมและทำงานอย่างเต็มที่

Advertisement

นายกฯ ยืนยัน เดินหน้ารัฐบาลดิจิทัล นำเทคโนโลยี AI คลาวด์ ยกระดับเศรษฐกิจ ผลักดันไทยเป็นเป้าหมายการลงทุน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 ธันวาคม 2566 นายกฯ ยืนยัน เดินหน้ารัฐบาลดิจิทัล นำเทคโนโลยี AI คลาวด์ ยกระดับเศรษฐกิจ ผลักดันไทยเป็นเป้าหมายการลงทุน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษในงาน “Google Digital Samart Thailand” ที่โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ ระบุว่า รัฐบาลมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Google เพื่อช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังเทคโนโลยีสำคัญอย่างเช่น AI ในระบบคลาวด์ โดยความร่วมมือนี้จะช่วยสนับสนุนความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐบาลที่อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งเพิ่มโอกาสสร้างงานที่มีมูลค่าสูงและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย พร้อมทั้งยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในจุดหมายหลักสำหรับการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำจากทั่วโลก ผมต้องขอบคุณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือกับ Google ทั้งในเรื่องของ AI คลาวด์ และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์

ทั้งนี้ หลังจากการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC รัฐบาลก็ได้เร่งดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทย เรื่องแรกคือ การจัดทำนโยบาย Go Cloud First ที่เราได้ร่วมมือกับ Google ซึ่งเราตั้งเป้าที่จะนำนโยบายนี้ไปใช้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ การนำเทคโนโลยีคลาวด์ไปใช้ในการดำเนินการของรัฐบาลจะช่วยปรับปรุงคุณภาพและความรวดเร็วในการให้บริการแก่ประชาชน เรื่องที่สอง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากในปัจจุบัน และรัฐบาลกำลังวางแนวทางสำหรับกรอบการดำเนินการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ กมช. จะเป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ และเรื่องที่สาม รัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการใช้ Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชน โดย Google Cloud จะช่วยจัดฝึกอบรมและมอบเครื่องมือที่จำเป็นแก่บุคลากรของรัฐ ทั้งหมดนี้คือการดำเนินการเชิงรุกของรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจ AI ยุคใหม่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังย้ำด้วยว่า รัฐบาลและ Google จะทำงานร่วมกันต่อไปโดยให้ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

Advertisement

รัฐบาล จับมือ Google ยกระดับเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ ไม่ทิ้งคนไทยคนไหนไว้ข้างหลัง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 ธันวาคม 2566 นายกฯ เชื่อมั่น Google สามารถช่วยพัฒนาคนไทยและธุรกิจไทย พร้อมร่วมมือกันยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ ไม่ทิ้งคนไทยคนไหนไว้ข้างหลัง Leave No Thai Behind

วันนี้ (8 ธันวาคม 2566) เวลา 14.00 น. ณ Magnolia Ballroom ชั้น 10 โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมงาน Google Digital Samart Thailand พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ Uplift Thai Economy; Empower Digital Samart Thailand โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง Google และรัฐบาลในวันนี้ เป็นผลสำเร็จจากภาคธุรกิจและภาคประชาชนที่มีการนำเทคโนโลยีของ Google มาใช้ในการทำงานและชีวิตประจำวัน พร้อมกล่าวชื่นชม Google ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านดิจิทัล และยังใส่ใจในความแตกต่าง หลากหลายของผู้คนในสังคม หน่วยงานในภาครัฐ และธุรกิจต่าง ๆ ทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งผลิตภัณฑ์ โครงการ และการลงทุนต่าง ๆ ของ Google โดยเฉพาะในด้าน AI และ Cloud ตอบโจทย์พันธกิจที่จะไม่ทิ้งคนไทยไว้ข้างหลัง (Leave No Thai Behind) ของ Google จะสามารถช่วยพัฒนาคนไทยและธุรกิจไทยได้

สำหรับยุทธศาสตร์ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงรุกดำเนินนโยบายเร่งด่วนมาโดยตลอด เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้พี่น้องประชาชน และท่ามกลางความท้าทายของสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน นายกรัฐมนตรีได้ออกไปเชิญชวนนักธุรกิจทั่วโลก ประกาศให้โลกรู้ว่าประเทศไทย เปิดแล้วสำหรับการทำธุรกิจ (open for business) และรัฐบาลจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายของการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำ ยกระดับเศรษฐกิจไทยให้ไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล นำ AI และ Cloud เข้ามาพัฒนาการให้บริการประชาชน นำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูง (High Value Economy)

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความร่วมมือดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมในหลากหลายมิติ โดยในการเดินทางไปประชุม UNGA ที่สหรัฐฯ ได้พบปะหากับคณะผู้บริหารของ Alphabet และ Google เพื่อหารือถึงความร่วมมือระหว่าง Google และรัฐบาล ในการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ทำงานเชิงรุกร่วมกันอย่างแข็งขัน จนนำไปสู่การทำ MOU ความร่วมมือที่ได้ประกาศในระหว่างการประชุม APEC ที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 4 เรื่อง ได้แก่ 1) การต่อยอดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น การลงทุนขยาย Data Center ในประเทศไทย 2) การส่งเสริมการใช้ Cloud และ AI อย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัย เพื่อยกระดับการให้บริการของภาครัฐ 3) การวางหลักเกี่ยวกับนโยบายการใช้งานระบบคลาวด์เป็นหลัก (Cloud-First Policy) และ 4) การทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงทักษะด้านดิจิทัลได้มากขึ้น

รัฐบาลได้ประกาศนโยบายการใช้งานระบบคลาวด์เป็นหลัก (Go Cloud First) ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างแข็งแรงในยุคเศรษฐกิจ AI โดยได้จัดทำนโยบายและแผนเพื่อเป็นกรอบการขยายการใช้งาน Cloud และเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยเน้นการใช้งาน Public Cloud และ Private Cloud ที่มีมาตรฐานในการดูแลข้อมูลของภาครัฐ

ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้เร่งขับเคลื่อนโยบายที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยี Cloud กับการดำเนินงานของภาครัฐให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว โดยอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ทั้งหมดนี้ นอกจากจะเร่งให้เกิดการยกระดับการให้บริการในภาครัฐแล้ว ยังจะยกระดับขีดความสามารถของไทย ให้เป็นหนึ่งในจุดหมายการลงทุนในระบบ Cloud ของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลกด้วย

สำหรับเรื่องความมั่นคงทางไซเบอร์ รัฐบาลกำลังวางแนวทางจัดทำแผน Cyber Security ในหน่วยงานรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้มีมาตรฐาน ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติได้เดินหน้าการทำงานไปแล้ว และต้นปีหน้าก็จะได้เห็นแผนการทำงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ด้านการเพิ่มทักษะด้านดิจิทัล นายกรัฐมนตรียินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นความร่วมมือระหว่าง Google กับกระทรวงและหน่วยราชการ ซึ่งจะพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและหน่วยงานภาครัฐ ทำให้การบริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเริ่มโครงการนำร่องในการใช้ Generative AI ในภาครัฐ

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ความร่วมมือเหล่านี้เป็นผลสำเร็จของการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและผลักดันความร่วมมือกับ Google และกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอื่น ๆ ของโลก ทั้งในเรื่อง AI, Cloud, และความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมเน้นย้ำว่า การดำเนินการเชิงรุกของรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่ที่นำโดย AI และ Cloud จะเป็นไปอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง

ซึ่งในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียินดีที่รัฐบาลร่วมมือกับ Google เพื่อช่วยกันสร้างสภาพแวดล้อมทางนโยบาย และกฎระเบียบที่เอื้อต่อการพัฒนา AI และ Cloud ซึ่งทั้งรัฐบาลและ Google จะทำงานร่วมกันต่อไป โดยไม่ทิ้งคนไทยคนไหนไว้ข้างหลัง Leave No Thai Behind

Advertisement

ผู้ว่า กทม. เร่งหาแนวทางช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 ธันวาคม 2566 ผู้ว่า กทม. เร่งหาแนวทางช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 25/2566 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ว่า หลังจากที่มีการเปิดบริการ ให้ประชาชนลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตามนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแล้วรวม 3,043 โดยแบ่งเป็นการลงทะเบียนในระบบ Online จำนวน 2,971 ราย และลงทะเบียนด้วยตนเอง ที่ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ณ สำนักงานเขต จำนวน72 ราย เจ้าหนี้ 1,809 ราย มูลหนี้รวมกว่า 169.7 ล้านบาท ( ข้อมูลจากวันที่ 3 ธ.ค. 66 เวลา 19.00 น. ) ซึ่งถือว่าผู้ลงทะเบียนยังมีจำนวนไม่มาก แต่กรุงเทพมหานครไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการเพิ่มเติมไปอีก 2 ส่วน โดยให้แต่ละชุมชนทำการสำรวจ หาข้อมูลเจ้าหนี้ด้วยเพื่อประกอบกับข้อมูลลูกหนี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น และส่วนต่อมาคือกำชับให้สถานธนานุบาล (โรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร) ให้เร่งหาแนวทางช่วยเหลือเพื่อที่จะสนองนโยบายของรัฐบาลให้เกิดผลสำเร็จให้ได้มากที่สุดเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เน้นย้ำว่า กรุงเทพมหานครไม่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยตรง แต่ในเบื้องต้นกรุงเทพมหานครจะช่วยโดยการไม่ให้เกิดรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นของประชาชนในทางอ้อมแทน เช่น การส่งเสริมให้สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลฟรีตามสิทธิ์ การเรียนฟรี เพื่อช่วยลดแบ่งเบาค่าใช้จ่ายไม่ให้เกิดการกู้ยืมในเรื่องดังกล่าวอีก และหลังจากนี้จะมีการประชุมมอบนโยบายให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใน เป็นประธานผู้มอบนโยบาย ในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งสำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาจะต้องรอติดตามกันต่อไป

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดยังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้นอกระบบ ยังคงสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ผ่านระบบออนไลน์ ได้ที่ Website : debt.dopa.go.th หรือลงทะเบียนด้วยตนเองที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ ณ สำนักงานเขตของกรุงเทพมหานครทุกแห่ง และสำหรับจังหวัดอื่น ๆ สามารถลงทะเบียนได้ที่ ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลของผู้ลงทะเบียนจะถูกรักษาไว้เป็นความลับ และหากมีข้อสงสัยสามารถขอรับคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

ททท. เนรมิตริมน้ำเจ้าพระยา ยามค่ำคืน ด้วย แสง สี พลุ ยิ่งใหญ่ ในงาน “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” ตลอดเดือนธันวาคม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 ธันวาคม 2566 ททท. ชวนชม งาน VIJIT CHAO PHRAYA 2023 ตลอดเดือนธันวาคม กระตุ้นการท่องเที่ยวส่งท้ายปี คาดสร้างรายได้กว่า 600 ล้านบาท

น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดกิจกรรม “VIJIT CHAO PHRAYA 2023” งานแสดง แสง สี ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านวัดวาอารามและย่านสำคัญริมน้ำเจ้าพระยา รวม 7 พื้นที่  ระหว่างวันที่ 1-31 ธันวาคมนี้ จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เนตรมิตรสีสันเจ้าพระยาเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวส่งท้ายปี คาดงานปีนี้จะสร้างรายได้กว่า 600 ล้านบาท

ด้าน น.ส.ฐาปนีย์  ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า งานนี้เป็นอีกหนึ่งบิ๊กอีเวนต์ภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals โดยปีนี้ ททท. ขยายเวลาการแสดงเป็น 1 เดือนเต็ม โดยใช้ 7 พื้นที่สำคัญที่มีชื่อเสียง ริมน้ำเจ้าพระยา มาแต่งแต้มสีสันยามค่ำคืนด้วยนวัตกรรม แสง สี และสื่อผสมสมัยใหม่ ทั้ง Projection Mapping & Lighting ควบคู่กับการผสมผสานวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ให้มีความทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและอยากเดินทางกลับมาอีกครั้ง

Advertisement

Verified by ExactMetrics