วันที่ 16 พฤษภาคม 2024

กรมควบคุมโรครณรงค์วันอัมพาตโลกปี 2562 ลดเสี่ยงเป็นอัมพาต

People Unity : กรมควบคุมโรครณรงค์วันอัมพาตโลก ปี 2562 ให้ประชาชนรับรู้สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง ลดความเสี่ยงเป็นอัมพาต

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมรณรงค์วันอัมพาตโลก ปี 2562 ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี และประเด็นในการรณรงค์ปีนี้ คือ “อย่าให้ อัมพฤกษ์ อัมพาต…เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ” เพื่อเน้นให้ประชาชนรู้ถึงสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต พร้อมเชิญชวนให้ดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะโรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อัมพาตหรือ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะที่สมองขาดเลือดหล่อเลี้ยงทำให้มีอาการชาที่ใบหน้า ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขน ขา ข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง เคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หลอดเลือดสมองตีบหรือตันและหลอดเลือดสมองแตก จากรายงานขององค์การอัมพาตโลก (WSO) พบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลก พบผู้ป่วยจำนวน 80 ล้านคน ผู้เสียชีวิตประมาณ 5.5 ล้านคน และยังพบผู้ป่วยใหม่ถึง 13.7 ล้านคนต่อปี โดย 1 ใน 4 เป็นผู้ป่วยที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป และร้อยละ 60 เสียชีวิตก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ ยังได้ประมาณการความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในประชากรโลกปี 2562 พบว่า ทุกๆ 4 คน จะป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 1 คน โดยร้อยละ 80 ของประชากรโลกที่มีความเสี่ยงสามารถป้องกันได้

สำหรับประเทศไทย จากรายงานข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ของกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กระทรวงสาธารณสุข พบว่า จำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ตั้งแต่ปี 2556-2560 มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปี 2559 พบผู้ป่วย 293,463 รายในปี 2560 พบผู้ป่วย 304,807 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองปีละประมาณ 30,000 ราย จากสถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งสามารถเกิดได้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย และปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะโรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาโรคหลอดเลือดสมอง จึงได้กำหนดคำขวัญการรณรงค์วันอัมพาตโลกในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 คือ “อย่าให้ อัมพฤกษ์ อัมพาต…เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ” เพื่อให้เกิดความตระหนักในการป้องกันโรคดังกล่าว และรู้ถึงสัญญาณเตือนของโรค คือ “F.A.S.T” F (Face) เวลายิ้มแล้วพบว่ามุมปากข้างหนึ่งตก, A (Arms) ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งไม่ขึ้น, S (Speech) มีปัญหาด้านการพูด แม้แต่ประโยคง่ายๆ, และ T (Time) เวลามีอาการเหล่านี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลโดยด่วนภายใน 4 ชั่วโมงครึ่งรวมการรักษา เพื่อจะได้รับการรักษาให้ทันเวลาและสามารถฟื้นฟูให้กลับมาได้เป็นปกติมากที่สุด หรือโทรสายด่วน 1669 ให้บริการฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ โดยประชาชนทุกคนต้องเรียนรู้สัญญาณเตือนของการเกิดโรค และปฏิบัติตามแนวทางเพื่อลดความเสี่ยง ดังนี้ 1.เลิกสูบบุหรี่ 2.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3.กลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว ควรดูแลรักษาสุขภาพตามที่แพทย์แนะนำ ควรรับประทานยาและไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอตามแผนการรักษา 4.ควบคุมน้ำหนักตัวเองให้อยู่ในเกณฑ์ 5.ออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ 6.ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย มีการจัดการความเครียดที่เหมาะสม 7.ลดอาหารหวาน มัน เค็ม และเพิ่มผัก ผลไม้ 8.ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอทุกปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

จัดสัมมนาบริการเพร็พเทิดพระเกียรติพระองค์เจ้าโสมสวลี

People Unity : กรมควบคุมโรค ร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสภากาชาดไทย จัดสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เนื่องในโอกาสทรงดำรงตำแหน่ง UNAIDS Goodwill Ambassador for HIV Prevention for Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ 28-29 ตุลาคม 2562 ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อติดตามความคืบหน้าของการให้บริการเพร็พในประเทศไทย เพื่อเทิดพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ซึ่งประเทศไทยมีประสบการณ์และพัฒนาการต่อสู้กับปัญหาเอดส์มายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ว่าสามารถลดการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลงมาอย่างต่อเนื่อง

นายแพทย์ปรีชา กล่าวว่า เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “เพร็พพระองค์โสมฯ” ซึ่งประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 ซึ่งมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ ปีละไม่เกิน 1,000 ราย ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีปีละไม่เกิน 4,000 ราย และลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวีและเพศสภาวะลง ร้อยละ 90 โดยมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินมาตรการที่สำคัญ คือ ขยายและจัดชุดบริการป้องกันแบบผสมผสาน พัฒนารูปแบบบริการใหม่ที่มีประสิทธิภาพ เช่น Pre-exposure prophylaxis (PrEP) หรือยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีมาเสริมในชุดบริการ จัดระบบบริการให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงบริการป้องกันและดูแลรักษา รวมทั้งเสริมสร้างทัศนคติเชิงบวกให้แก่สังคม ในการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ

ในปี 2561-2562 กรมควบคุมโรค ได้เตรียมความพร้อมให้กับหน่วยบริการเพร็พทั่วประเทศ โดยดำเนินงาน ดังนี้ จัดทำแนวทางการจัดบริการยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีในประชากรที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ปี 2561 รวมถึงพัฒนาศักยภาพหน่วยบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เตรียมระบบบริการ เชื่อมโยงระบบภายในโรงพยาบาล โดยการอบรมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ ในการจัดบริการเพร็พ ให้กับประชากรกลุ่มเสี่ยง และสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจ ให้กลุ่มผู้รับบริการทราบข้อมูลและหน่วยบริการที่จัดบริการเพร็พ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม

นายแพทย์ปรีชา กล่าวอีกว่า เพร็พ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ตัว เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้ติดเชื้อเอชไอวี เช่น มีคู่นอนหลายคน และไม่สามารถใส่ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้ง โดยกรมควบคุมโรค มีเป้าหมายให้คนไทย สามารถเข้ารับบริการเพร็พ ได้ฟรี ในหน่วยบริการสาธารณสุข ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งหมด 21 จังหวัด 51 หน่วยบริการทั่วประเทศ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โทร 02-590-3215 หรือที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

“นพ.ชลน่าน” เผยยอดฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทั่วประเทศ สะสมกว่า 1.6 แสนโดส

People Unity News : 16 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงสาธารณสุข – “นพ.ชลน่าน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยทั่วประเทศฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก สะสมกว่า 1.6 แสนโดสแล้ว เพชรบุรี ติดอันดับจังหวัดที่มีอัตราฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด รองลงมา แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ ย้ำทุกหน่วยเร่งรณรงค์และจัดบริการฉีดให้ครอบคลุมทั้งในสถานศึกษา สถานประกอบการและสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนตามเป้าหมาย

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ให้กับหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส ตามนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” และการขับเคลื่อน Quick Win ภายใน 100 วัน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก ข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 มียอดการฉีดสะสมแล้ว 163,160 โดส โดย 10 จังหวัด ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายสูงสุด ได้แก่ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน มุกดาหาร นครพนม ตราด ฉะเชิงเทรา นครปฐม สมุทรปราการ พังงา และอำนาจเจริญ ตามลำดับ สำหรับวัคซีน HPV ได้ทยอยส่งลงถึงพื้นที่ครบ 1 ล้านโดสแล้ว

“ขอให้ทุกหน่วยงานในสังกัด ช่วยกันรณรงค์เชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปีในพื้นที่ เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV โดยในเดือนพฤศจิกายนได้เร่งจัดบริการฉีดในสถานศึกษา และในเดือนธันวาคม จะมีการจัดบริการฉีดครอบคลุมเพิ่มเติมในสถานประกอบการ และสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมาย”

Advertisement

สถาบันทันตกรรมให้บริการทำฟันฟรี 300 ราย ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า

People Unity : กรมการแพทย์โดยสถาบันทันตกรรม ให้บริการทำฟันฟรีแก่ประชาชน 300 ราย ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า เนื่องในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ พร้อมแนะพ่อแม่ดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันของเด็กตั้งแต่แรกเกิดป้องกันปัญหาฟันผุ

วันที่ 21 ตุลาคม 2562 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี ตรงกับวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ กรมการแพทย์โดยสถาบันทันตกรรม ได้ให้บริการและจัดกิจกรรมให้ความรู้ทางทันตกรรมแก่ประชาชน เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีพระเมตตาต่อประชาชนชาวไทย ทั้งนี้การดูแลสุขภาพของช่องปากและฟันโดยเฉพาะเด็ก ถือเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญในการดูแลตั้งแต่แรกเกิด เพราะหน้าที่ของฟันนอกจากใช้บดเคี้ยวอาหารและให้ความสวยงามแล้ว ยังช่วยพัฒนาการออกเสียงได้ชัดเจน นอกจากนี้เด็กยังได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการมีฟันที่ดีใช้บดเคี้ยวอาหาร ส่งผลดีต่อการเรียนรู้และสติปัญญาอีกด้วย ซึ่งปัญหาสุขภาพฟันที่มักเกิดขึ้นกับเด็กคือ ฟันผุ โดยมีสาเหตุมาจากการบริโภคอาหารจำพวกขนมกรุบกรอบ และเครื่องดื่ม
ที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ หรือน้ำอัดลม

ด้านทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สุขภาพช่องปากเด็กควรดูแลตั้งแต่เริ่มมีฟันน้ำนม เพราะฟันน้ำนมมีประโยชน์ทั้งในการช่วยกัด และบดเคี้ยวอาหาร ช่วยในการออกเสียง กันพื้นที่สำหรับฟันแท้ ส่งผลให้ฟันแท้เรียงตัวได้สวยงาม ซึ่งโรคฟันผุเกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เกิดเป็นกรดที่สามารถละลายแร่ธาตุที่ผิวฟันและทำลายชั้นเคลือบฟัน ทำให้ฟันเกิดรูผุที่มองเห็นได้ และฟันที่ผุลึกอาจทำให้เด็กปวดฟัน ดังนั้นผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ ฝึกให้เด็กคุ้นเคยกับการทำความสะอาดช่องปาก สอนให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน สร้างบรรยากาศในการแปรงฟันให้รู้สึกสนุกผ่อนคลาย และตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน จากทันตแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเรื่องอาหารและการดูแลสุขภาพช่องปาก ทั้งนี้ในวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติปีนี้ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ได้ให้บริการทางทันตกรรมตรวจฟัน อุดฟัน ถอนฟันและขูดหินปูน ให้แก่ประชาชน จำนวน 300 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในวันที่ 21 ตุลาคม 2562 โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี

สธ.-วธ.จัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ 29 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน

People Unity News : สธ.-วธ. จัดงานฉลอง ยูเนสโกประกาศให้ นวดไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวัฒนธรรม จัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทยพร้อมฉลองนวดไทยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เตรียมยกระดับนวดไทยสู่ Thai Wellness ให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ดูแลตนเองและสังคม

วันนี้ (29 ตุลาคม 2563) ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดงานฉลองนวดไทย มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ประจำปี 2563 โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเฉลิมฉลองนวดไทยได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ พร้อมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนตระหนักในคุณค่าของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย รวมถึงนำไปใช้ประโยชน์ดูแลตนเองและสังคมได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขได้ตระหนักถึงคุณค่าของศาสตร์แห่งการนวดไทยและภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และอนุรักษ์นำมาใช้ประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งในปีที่ผ่านมา องค์กรยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้ “นวดไทย” เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งศาสตร์การนวดไทยที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่สุด คือ “เส้นประธานสิบ” ปรากฏในแผ่นศิลาจารึก จำนวน 60 ภาพ มากกว่า 100 ปี ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร จึงได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ยกระดับสู่ Thai Wellness จัดอบรมนวดไทย 372 ชั่วโมง เพื่อเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่ประชาชน

นอกจากนี้ วันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” คณะรัฐมนตรีได้ถวายพระราชสมัญญานาม “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” แด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติต่อคุณูปการที่พระองค์ทรงทำนุบำรุงการแพทย์แผนไทยให้รุ่งเรือง จึงได้จัดกิจกรรมทั้งด้านเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทย ดังปรากฏในแผ่นจารึกต่างๆ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เป็นฐานรากให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพถึงปัจจุบัน

ด้าน แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า จากการที่ยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียนนวดไทย เป็นรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ  กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้กำหนดโดยมีแนวทางสำคัญคือ การสร้างมาตรฐานนวดไทย ทั้งด้านองค์ความรู้ หลักสูตร รวมถึงการบริการนวดไทยให้เป็นที่ยอมรับ ตั้งแต่ในระดับชุมชน โดยดำเนินการใน 2 ประเด็นคือ ได้แก่ การอบรมหมอนวดครู ก จำนวน 188 คน เพื่อสืบสานรักษา​ และต่อยอดการผลิตบุคลากรให้เป็นครูสอนคนในชุมชนนวดไทย​ นวดพื้นบ้านไทยแต่ละภูมิภาคทั่วประเทศ และยังต่อยอด​ ฟื้นฟู การอบรมหมอนวดไทยสร้างงานสร้างอาชีพ 1,000 คน โดยร่วมกับโรงเรียนนวดแผนไทยวัดโพธิ์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มอบรมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2563 พร้อมมอบใบประกาศให้กับผู้เข้ารับการอบรมนวดเพื่อต่อยอดในการประกอบวิชาชีพด้านการนวดไทย

การจัดงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติในปีนี้ ขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด “นวดไทย” มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมวลมนุษยชาติ กิจกรรมประกอบด้วย นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย”, ประวัติศาสตร์นวดไทยจากอดีตถึงปัจจุบัน, นวดไทยมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ โดยได้จัดทำนวดอัตลักษณ์แต่ละภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ตอกเส้น, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขิดเส้น, ภาคกลาง เหยียบเหล็กแดง ตบเหล็กแดง ,โอสถศาลา, การจัดเวทีทางวิชาการในประเด็นต่างๆ, การออกหน่วยบริการด้านสุขภาพ โดยหน่วยงานภาคีเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการออกร้านของภาคเอกชน โดยมีผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสมุนไพร กินอาหารเป็นยา สะอาด สดใหม่ ปลอดภัย ประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.30 น. ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร

Advertising

ประยุทธ์ ยินดี กทม. ครองแชมป์ เมืองที่เหมาะต่อการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก

People Unity News : ประยุทธ์ ยินดี กทม. ครองแชมป์ เมืองที่เหมาะต่อการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก พ่วงภูเก็ตและเชียงใหม่ ติด Top 10

9 ธ.ค.64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยินดีที่ กทม. ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่เหมาะกับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก (The Best Cities for a Workation 2021) โดยมีค่าใช้จ่ายในเกณฑ์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ มีกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกระดับและทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ยืนยันว่าจะดูแลความปลอดภัยด้านสาธารณสุขและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้คนไทย นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยว ใช้ชีวิตในไทยได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบายยิ่งขึ้น

ส่วนอันดับอื่นๆ ได้แก่ อันดับ 2 กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย อันดับ 3 กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส อันดับ 4 เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน อันดับ 5 กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ร่วมกับกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา อันดับ 7 เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย อันดับ 8 กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี อันดับ 9 กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย และอันดับร่วมที่ 10 จังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่

Advertising

“ภาณุรัตน์”กราบศพ”ร.ต.อ.พยุง” เหยื่อโจรโต้ยิงถล่มชรบ.ยะลา

People Unity News : “จักรทิพย์” ห่วงใยครอบครัว “ร.ต.อ.พยุง” เหยื่อโจรโต้ยิงถล่ม ชรบ. เสียชีวิต ส่ง “ภาณุรัตน์” เยี่ยมบำรุงขวัญ กราบศพ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ

วันที่ 9 พ.ย.2562 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 เวลาประมาณ 00.10 น. ได้เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายลอบโจมตีป้อมยามจุดตรวจ ชรบ.ประจำหมู่บ้านทุ่งสะเดา ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นเหตุให้ร.ต.อ.พยุง คิดขุนทด รอง สว.กก.ซถ.2 บก.สส.จชต. และชุดคุ้มครองตำบลลำพะยา เสียชีวิต รวม 15 นายนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยครอบครัวของ ร.ต.อ.พยุง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่สูญเสียจากเหตุดังกล่าว จึงมอบหมาย พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จตช. ให้ไปตรวจเยี่ยมและบำรุงขวัญกำลังใจให้กับทางครอบครัวผู้สูญเสีย

ขณะที่พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จตช. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จตร.(สบ 8) ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปตรวจเยี่ยม

และวันนี้ (9พ.ย.) เวลาประมาณ 14.00 น. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ จตร.(สบ 8) พร้อมด้วย พ.ต.อ.รังษี มั่นจิตร ผกก.ซถ.2 และ พ.ต.ท.อับดุลฮาลีม ดือเร๊ะ สว.กก.ซถ.2 บก.สส.จชต. ผู้บังคับบัญชาของ ร.ต.อ.พยุง จึงได้เดินทางมาที่วัดลำใหม่ อ เมือง จว.ยะลา เพื่อกราบศพ ร.ต.อ.พยุง คิมขุนทด และมาเยี่ยมบำรุงขวัญนางพนิตนารถ คินขุนทด ภรรยาของ ร.ต.อ.พยุง และครอบครัวเพื่อให้กำลังใจ

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวยืนยันว่า ผู้บังคับบัญชาของ ตร. มีความห่วงใยครอบครัวของข้าราชการตำรวจที่สูญเสียและจะดูแลสวัสดิการให้เป็นไปตามสิทธิ พร้อมนี้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ได้มอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งด้วย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

“พวงเพ็ชร” ชวน “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ ื: 30 ธันวาคม 2566 ทำเนียบ – “พวงเพ็ชร” ชวนรับน้ำมนต์ประทานจากสังฆราช และ “สวดมนต์ข้ามปี” พุทธมณฑลจัดใหญ่

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2567 รัฐบาลมีกำหนดจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขให้กับประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ รวมถึงกิจกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวสำหรับผู้นับถือศาสนาพุทธ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ในชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี วิถีไทย วิถีพุทธ วิถีพอเพียง” ณ บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยมีกิจกรรมตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ไปจนถึงช่วงเข้าวันใหม่ วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประชาชนจะได้ร่วมพิธี ดังนี้

1.พิธีเจริญจิตตภาวนา รับฟังการบรรยายธรรม โดยพระรันตสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดไร่ขิง จ.นครปฐม พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพระมหาอดิศักดิ์ อธิปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดบรมสถล (วัดดอน) กรุงเทพมหานคร

2.พิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาพระพุทธรูปประจำวันเกิด

3.พิธีสวดมนต์ข้ามปี วิถีพุทธ วิถีพอเพียง รับศีล รับพร เข้าสู่ปีใหม่ด้วยใจเบิกบาน

4.การปฏิบัติธรรมข้ามปี ณ สำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567

นอกจากนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานการ์ดพระคติธรรมอำนวยพรปีใหม่ 2567 จำนวน 5000 แผ่น มอบให้กับประชาชนทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด และยังทรงประทานน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ร่วมพิธีในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี นอกจากนี้ยังประทานไฟพระกฤษ์เพื่อนำจุดเทียนชัยในการประกอบพิธีอีกด้วย

“กิจกรรมการสวดมนต์ข้ามปี เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอน มายึดถือ ปฏิบัติ ต้อนรับปีใหม่ด้วยความสุขใจ ซึ่งมีวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร และวัดไทยในต่างประเทศ ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้จัดกิจกรรมทางศาสนาอื่น เช่น “อารามอร่าม 10 วัด” ของกระทรวงวัฒนธรรม โดยจะเปิดไฟส่องสว่าง ให้นักท่องเที่ยวและประชาชนได้เข้าเยี่ยมชมความสวยงามและศิลปกรรมอันทรงคุณค่าในยามค่ำคืน ที่วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร, วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร, วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร, วัดราชนัดดาราม วรวิหาร, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร, วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร จึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นี้ค่ะ“ นางพวงเพ็ชร กล่าว

Advertisement

กรมราชทัณฑ์ติวเข้มผู้สอนบาลีศึกษาแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำ

People Unity News :  “กิตติพัฒน์ เดชะพหุล” รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนาพฤตินิสัย เปิดการสัมมนาบุคลากรด้านการเรียนการสอนบาลีศึกษาในเรือนจำ ประจำปี พ.ศ.2563

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2562 ที่วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง แขวงจตุจักร กรุงเทพมหานคร นายกิตติพัฒน์ เดชะพหุล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนาพฤตินิสัย เป็นประธานเปิดการสัมมนาบุคลากรด้านการเรียนการสอนบาลีศึกษาในเรือนจำ ประจำปี พ.ศ.2563 พร้อมกล่าวว่า สืบเนื่องจาก การที่กรมราชทัณฑ์ ได้น้อมนำแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาเรียนรู้หลักธรรมคำสอนทางศาสนา กรมราชทัณฑ์ต้องหาวิธีอบรม กล่อมเกลาพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง เพื่อให้เขาสามารถดำเนินชีวิตในภาวะวิกฤตของชีวิต ให้เป็นไปอย่างปกติสุขตามอัตภาพ มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ สำนึกในบาปบุญคุณโทษการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาที่ให้โอกาสผู้ต้องขังได้แสดงศักยภาพให้สังคมภายนอกได้รับทราบ ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ สนับสนุนให้เขาเหล่านี้ กลับสู่สังคมได้อย่างปกติสุข และไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก

นายกิตติพัฒน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมราชทัณฑ์พิจารณาเห็นสมควร ที่จะขยายผลการจัดการเรียนการสอนบาลีศึกษาไปยังเรือนจำ ทัณฑสถานทั่วประเทศ โดยได้สำรวจความพร้อมและความต้องการของเรือนจำ ทัณฑสถาน ในการเปิดการเรียนการสอนบาลีศึกษา พบว่า มีเรือนจำกว่า 80 แห่ง ประสงค์จะเปิดการเรียนการสอนแต่ได้พิจารณาคัดเลือกไว้เพียง 48 แห่ง เฉพาะที่มีความพร้อม ในด้านบุคลากรดำเนินการ คือ

“มีอนุศาสนาจารย์ประจำเรือนจำ มีอาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน มีหน่วยงานเครือข่ายในพื้นที่พร้อมให้การสนับสนุนและมีผู้ต้องขังแจ้งความประสงค์สมัครเรียน รวมกับเรือนจำ ทัณฑสถานที่เปิดดำเนินการก่อนหน้าแล้ว 4 แห่ง เป็นจำนวนทั้งสิ้น 51 แห่ง ดังนั้น เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถประสาน ดำเนินการจัดการเรียนการสอนบาลีศึกษาได้อย่างถูกต้องมีแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเพื่อให้แผนนโยบายการจัดการเรียนการสอนบาลีศึกษาภายในเรือนจำ ทัณฑสถาน ขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั่วประเทศ และให้การขยายผลการจัดการเรียนการสอนบาลีศึกษา ประสบผลสำเร็จ และสนองต่อพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมาลี ด้านการส่งเสริมผู้ต้องขังให้ได้เรียนธรรมะอย่างจริงจัง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตนเอง ให้เป็น คนดี มีคุณธรรมได้ต่อไปในอนาคต” นายกิตติพัฒน์ กล่าว

กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง

People Unity News : กรมควบคุมโรคเฝ้าระวังสถานการณ์โรคอุจจาระร่วง แนะประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 12 พ.ย.2562 พบผู้ป่วย 925,149 ราย เสียชีวิต 7 ราย ภาคที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ภาคเหนือ กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุมากกว่า 65 ปี โดยตั้งแต่ต้นปี พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงเป็นกลุ่มก้อน จำนวน 4 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่ามีสาเหตุมาจากเชื้อโรต้าไวรัส

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพในสัปดาห์นี้ คาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงที่มีสาเหตุจากเชื้อโรต้าไวรัส เนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวจะเจริญเติบโตและทนอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้ดีในช่วง ฤดูหนาว จึงทำให้ประชาชนมีโอกาสได้รับเชื้อจากการรับประทานอาหารและน้ำ หรือสัมผัสกับของเล่นหรือเครื่องใช้ที่มีเชื้อไวรัสปนเปื้อนสูงขึ้น”

“กรมควบคุมโรค ขอแนะนำให้ประชาชนเลือกรับประทานอาหารและน้ำที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ และมีการปรุงหรือผลิตที่ได้มาตรฐาน ก่อนรับประทานอาหารควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และในกรณีที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ควรระมัดระวังเรื่องน้ำดื่มน้ำใช้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ควรใช้ภาชนะหรือแก้วร่วมกับผู้อื่น หากผู้ใดมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่าสามครั้งต่อวัน ควรดื่มน้ำเกลือแร่หรือสารละลายเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไปทันที หากอาการยังไม่ดีขึ้น รู้สึกอ่อนเพลีย อาเจียนรุนแรง หรือมีอาการขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตจากโรคอุจจาระร่วงได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”

โฆษณา

Verified by ExactMetrics