วันที่ 12 กรกฎาคม 2025

People Unity News : “อสม.อนุทิน”สุดปลื้มได้รับบัตรแล้ว! ประกาศจะเสียสละ อุทิศตน ทำงานเพื่อสุขภาพของประชาชนในชุมชน โดยไม่รับค่าตอบแทน

People Unity News : “อสม.อนุทิน”สุดปลื้มได้รับบัตรแล้ว! ประกาศจะเสียสละ อุทิศตน ทำงานเพื่อสุขภาพของประชาชนในชุมชน โดยไม่รับค่าตอบแทน

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวความว่า

อสม.อนุทิน ชาญวีรกูล

ไม่มีวิธีใดที่จะเข้าใจคนทำงานได้ดีเท่าลงมือทำงานด้วยตัวเอง

เพื่อให้ได้รู้ เข้าใจ หัวใจ น้ำใจ เจตนารมณ์ อุดมการณ์ ที่ทำให้คนกลุ่มหนึ่ง เสียสละ และอุทิศตน เพื่อสุขภาพของประชาชนในชุมชน และ ส่วนรวม ที่เราเรียกว่า อสม. ได้ดียิ่งขึ้น

เราก็ต้องเป็น อสม. ด้วยตนเอง และ ทำงานเป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ด้วยตัวเอง

ต่อไป เวลาเจอกัน เราจะได้ทักทายกันแบบ เพื่อนอสม.
ไม่ใช่แบบ รัฐมนตรี กับ อสม.
และร้องเพลง อสม. ไปด้วยกัน

“..พวกเรา อสม
ไม่เคยย่นย่อ
งานต่อต้านโรคภัย
อสม.ขอทุ่ม จิตเทใจ
ช่วยเหลือคนไทย
ทั่วเมืองไทยให้รุ่งเรือง
โรคร้าย กล้ำกรายเมื่อไรก็ช่าง
พวกเราตั้ง ใจปัดภัยหนุนเนื่อง
อสม ขอชนทั่วมุมเมือง
เข้าใจในเรื่อง
เบื้องต้นการปฐมพยาบาล..”

แค่ได้รับบัตร ก็ภาคภูมิใจแล้ว จะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ อสม. อย่างเต็มความสามารถ ครับ

ปล. อสม.อนุทิน ไม่รับค่าป่วยการ หรือ ค่าตอบแทน นะครับ

เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่าย “สลากดิจิทัล” วันแรกมีผู้สมัคร 2,920 ราย เปิดรับสมัครถึง 10 พ.ค.นี้

People Unity News : วันนี้ (4 พฤษภาคม 2565) เวลา 10.00 น. พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากดิจิทัลไปเมื่อวานนี้ เป็นวันแรก มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ เป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล จำนวน 2,920 ราย โดยสำนักงานสลากฯจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ผ่านทางเว็บไซต์ www.glo.or.th ทั้งนี้ หากถึงกำหนดในการเปิดรับสมัครเบื้องต้นแล้วยังได้จำนวนตัวแทนสลากดิจิทัลไม่ครบตามที่กำหนดไว้ สำนักงานฯจะพิจารณาเปิดรับสมัครเพิ่มจากกลุ่มผู้สมัครลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าปี 2565 ต่อไป

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า คุณสมบัติของผู้สมัครจะต้องเป็นตัวแทนจำหน่ายรายย่อยทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค  หรือ ผู้ซื้อจองล่วงหน้าที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว เมื่อสำนักงานฯพิจารณาคุณสมบัติแล้ว จะดำเนินการจัดทำสัญญาตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล เบื้องต้นจัดทำเป็นสัญญา 1 ปี  โดยจะได้รับสลาก 5 เล่ม ตามสัญญานี้สัญญาเดียวเท่านั้น  สำหรับสลากที่จะได้รับสลากรายละ 5 เล่มนั้น จะนำเข้าสู่ระบบจําหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มของสำนักงานฯทั้งหมด เพื่อทำการจำหน่ายผ่านแอปฯ เป๋าตังและถุงเงิน ของธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป

พันโท หนุน ศันสนาคม กล่าวในตอนท้ายว่า โครงการจำหน่ายสลากฯผ่านแพลตฟอร์มจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือสลากดิจิทัลนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการที่สำนักงานสลากฯมุ่งหมายจะใช้ในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ประกอบกับมาตรการอื่นๆไม่ว่าจะเป็น โครงการสลาก 80 ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการแล้ว 209 จุด ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคกลาง คาดว่าจะครบทุกภูมิภาคในเดือนกรกฎาคม 2565 ส่วนโครงการลงทะเบียนผู้ซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ที่มีผู้สมัครเข้ามาทั้งรายเก่าและรายใหม่จำนวนกว่า 1 ล้านราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยืนยันการเป็นผู้ขายจริง ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น จะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและศึกษาผลกระทบทางสังคม  คาดว่าจะลงพื้นที่เพื่อรับฟังความคิดเห็นได้กลางปีนี้

Advertisement

ครม.เห็นชอบรายงานพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน

People Unity News : 14 มีนาคม 2566 ครม.เห็นชอบ รายงานความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน บูรณะอาคารศาลากลาง จ.น่านหลังเก่าเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก หวังอนุรักษ์และพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบรับทราบรายงานความคืบหน้าของการดำเนินงานการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อเป็นพื้นที่อนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ.2546 และมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการและพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าเสนอขอทบทวนแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านในส่วนของพื้นที่เมืองเก่าน่านต่อไป

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 คณะอนุกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าน่านได้มีมติเห็นชอบโครงการการบูรณะปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่านหลังเก่าเพื่อเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ซึ่งต่อมาคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าได้มีมติการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 เห็นชอบในหลักการการขอเปลี่ยนแปลงแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านโดยให้ปรับปรุงอาคารศาลากลางดังกล่าวเป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่านและแหล่งเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก พร้อมกับให้จังหวัดน่านจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าน่านฉบับใหม่ โดยทบทวนแผนแม่บทฉบับเดิมในภาพรวม และการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณต่าง ๆ ในเมืองเก่าให้เหมาะสม โดยจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ

“จากฐานข้อมูล ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2565 มี 36 เมืองที่ได้รับการประกาศเป็นเขตพื้นที่เมืองเก่า ได้แก่  น่าน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พิษณุโลก กำแพงเพชร ลพบุรี พิมาย นครศรีธรรมราช สงขลา แพร่ เพชรบุรี จันทบุรี ปัตตานี เชียงราย สุพรรณบุรี ระยอง บุรีรัมย์ ตะกั่วป่า พะเยา ตาก นครราชสีมา สกลนคร สตูล ราชบุรี สุรินทร์ ภูเก็ต ระนอง แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี ยะลา นราธิวาส ร้อยเอ็ด อุทัยธานี ตรัง ฉะเชิงเทรา โดยพื้นที่ดังกล่าวจะมีแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะมีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และพัฒนาเพื่อให้พื้นที่เมืองเก่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดความเจริญทางวัฒนธรรมของประเทศไทย” น.ส.ทิพานัน กล่าว

Advertisement

กดปุ่มโอนเงินอุดหนุนเด็กแล้ว 1,461 ล้านบาท

People Unity News : 11 มีนาคม 2566 “ทิพานัน” แจ้งข่าวดี “พล.อ.ประยุทธ์” กดปุ่มโอนเงินอุดหนุนเด็กแล้ว 1,461 ล้านบาท ให้ผู้ปกครอง 2.3 ล้านราย ย้ำมุ่งพัฒนาเด็กทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิด ส่งเงินตรงถึงมือกลุ่มเปราะบาง ทันที

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งลดเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รองรับเด็กทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยทำงาน โดยได้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จำนวน 600 บาท ให้แก่เด็กแรกเกิดในครัวเรือนยากจนหรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุดขอแจ้งข่าวดีพี่น้องประชาชน เงินอุดหนุนเด็กประจำเดือนมีนาคม 2566 เข้าบัญชีแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 สำหรับผู้ปกครองที่มีสิทธิรับเงินอุดหนุนรายเดิมและรายใหม่ที่ลงทะเบียนสมบูรณ์ในระบบก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 2,313,966 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,461,718,200 บาท ทั้งนี้ผู้ปกครองที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบยอดเงินจากเลขที่บัญชีธนาคารหรือพร้อมเพย์ที่แจ้งรับเงินอุดหนุนไว้ ส่วนการตรวจสอบสถานะสิทธิเงินอุดหนุนบุตรนั้น สามารถตรวจสอบได้ 3 ช่องทาง คือ 1)เว็บไซต์กรมกิจการเด็กและเยาวชน https://csgcheck.dcy.go.th/public/eq/popSubsidy.do 2)แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และ 3)แอปพลิเคชัน “เงินเด็ก”

สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1.เป็นบิดา มารดา หรือบุคคลอื่นที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

2.เด็กแรกเกิดต้องอาศัยร่วมด้วย

3.เป็นครอบครัวที่มีรายได้น้อย เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/ คน /ปี

ส่วนเด็กแรกเกิดต้องมีอายุไม่เกิน 6 ปี มีสัญชาติไทย อาศัยอยู่กับผู้ปกครองในครอบครัวที่มีรายได้น้อยและไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานรัฐ หรือเอกชนตามที่อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนประกาศกำหนด หากเข้าเกณฑ์คุณสมบัติรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด สามารถลงทะเบียนผ่านออนไลน์ได้ที่แอปพลิเคชั่นเงินเด็ก ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อลงทะเบียนได้ในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิดและผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง โดยกรุงเทพมหานคร ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต เมืองพัทยา ลงทะเบียนที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา ส่วนภูมิภาค ลงทะเบียนที่องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม โทร. 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โทร.082-091-7245, 082-037-9767, 083-4313533, 065-731-3199(ในวันเวลาราชการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.00 น.)

“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เพียงมุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วยการให้เงินอุดหนุนเด็ก 600 บาท และยังช่วยเหลือค่าครองชีพกลุ่มเปราะบางทั้ง เบี้ยผู้สูงอายุ 600-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ และ เบี้ยผู้พิการ 800-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุอีกด้วย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ส่งเงินตรงถึงมือประชาชน” น.ส.ทิพานัน กล่าว

Advertisement

เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า

People Unity News : 25 สิงหาคม 2566 เด็กไทย 1 ใน 4 พัฒนาการล่าช้า กระทบสมอง เสี่ยงซึมเศร้า ซ้ำ น้ำหนัก/ส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์ สสส. สานพลังภาคี ผุดนวัตกรรมคู่มือ “สามเหลี่ยมสมดุล : วิ่งเล่น กินดี นอนพอ” สร้างสุขภาพที่ดีแก่เยาวชน ขยายผลใช้ 43 โรงเรียนในสังกัด กทม. สช. กระทรวงมหาดไทย

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 ที่โรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม กรุงเทพฯ นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้ช่วยผู้จัดการอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากข้อมูลพัฒนาการเด็กปฐมวัยของไทย ปี 2565 โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เด็กไทย 25% หรือ 1 ใน 4 มีพัฒนาการไม่สมวัย มีผลกระทบต่อสมอง ร่างกายผอม-อ้วนเกิน และจิตใจ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้เด็กมีกิจกรรมทางกายเพียงพอลดลง จากเดิม 24.4% ในปี 2562 เหลือ 17.7% ในปี 2565 หรือเทียบเท่าเด็กไทย 3 ใน 4 คนมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ สสส. สานพลังภาคีเครือข่าย เร่งขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพเด็กและเยาวชน พัฒนานวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” คู่มือสำหรับดูแลเด็ก 6-12 ปี ทั้งในบ้านและโรงเรียน มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน 1.การนอนหลับ 2.การกิน 3.การเล่นหรือการขยับร่างกายที่เหมาะสม 3 สิ่งนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต พัฒนาการ และสุขภาพกายใจของเด็ก

“แคมเปญ “สามเหลี่ยมสมดุล” ได้นำไปใช้ขยายผล ผ่านการจัดกิจกรรมห้องเรียนสร้างเด็กสมดุลใน 4 ภูมิภาค พร้อมขยายผลใน 43 โรงเรียนทั่วประเทศ มีผู้ปกครอง คุณครูเข้าร่วมกิจกรรม 282 คน สำหรับในปี 2567 มุ่งส่งต่อแคมเปญสามเหลี่ยมสมดุลผ่านการจัดค่ายปิดเทอมเด็ก ห้องเรียนพ่อแม่ คาราวานสัญจรร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) รวมถึงโปรแกรมช่วยบันทึกพัฒนาการคุณหนู ผ่านแอปพลิเคชัน Persona Health ทั้งนี้ ติดตามสื่อการเรียนรู้และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://resourcecenter.thaihealth.or.th เฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ (สสส.) Line@เครือข่ายพันธมิตร และ www.childimpact.co” นางเบญจมาภรณ์ กล่าว

ดร.สง่า ดามาพงษ์ ที่ปรึกษากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า เด็กไทยอายุ 6-14 ปี มีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วนสูงถึง 15.5% ในขณะที่ผอม 5.5% และเตี้ย 3.2% สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมด้านอาหารและโภชนาการที่ไม่พึงประสงค์ อาทิ กินผัก ผลไม้ไม่เพียงพอถึง 72% กินขนมกรุบกรอบมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กว่า 50% และดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน 71.3% ซึ่งเกิดจากผู้ใหญ่ขาดเครื่องมือในการสร้างเด็กให้มีความฉลาดรอบรู้ด้านโภชนาการ และไม่ได้สร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเข้าถึงอาหารที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ นวัตกรรม “สามเหลี่ยมสมดุล” เป็นการสร้างระบบและกลไกให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน สู่บ้าน และชุมชน ช่วยให้เด็กเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (ทีแพค) สนับสนุนโดย สสส. กล่าวว่า มิติด้านการเล่น จากการติดตามเฝ้าระวังพฤติกรรมพบว่า เด็กและเยาวชนไทยกำลังเผชิญกับภาวะการขาดการเคลื่อนไหวร่างกายที่เพียงพอ แต่กลับมีพฤติกรรมการใช้หน้าจอและพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน โดยร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีกิจกรรมทางกาย วิ่งเล่น ออกแรงเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ปี 2565 ลดเหลือเพียง 16% น้อยกว่าในปี 2564 ที่อยู่ที่ 24% และใกล้เคียงกับในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ที่อยู่ที่ร้อยละ 17% ขณะที่ร้อยละของเด็กและเยาวชนที่ใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ในวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน ก็ลดลงจาก 26% มาอยู่ที่ 15% เท่านั้น สะท้อนว่าวิถีชีวิตเด็กและเยาวชนมีความไม่สมดุล และต้องการการสนับสนุนจากครอบครัว โรงเรียน และชุมชนอย่างใกล้ชิด

ดร.เจษฎา อานิล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เด็กที่นอนน้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อวัน สมองจะมีพัฒนาการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ สติปัญญา และสุขภาพจิต เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกันที่นอน 9 ชั่วโมงหรือมากกว่าต่อวัน นอกจากนี้ภาวะนอนน้อยในเด็กยังสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น พัฒนาการของเด็กนอกจากต้องกินดี มีประโยชน์ วิ่งเล่นอย่างเหมาะสมอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน การนอนให้พอ เป็นกุญแจสู่พัฒนาการที่ดี สร้างเด็กสมดุล

Advertisement

กระทรวงสาธารณสุขจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 21 วันที่ 3 – 7 ก.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 มิถุนายน 2567 นายกฯ ขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น Medical and Wellness Hub ต่อเนื่อง ยินดีตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยคงอันดับ 1 ในอาเซียน เดินหน้าจัดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 21 เชื่อมั่นสร้างรายได้ 300 ล้านบาท ต่อยอดอุตสาหกรรมยาในประเทศซึ่งมีมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้าน

วันนี้ (30 มิถุนายน 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินหน้าขับเคลื่อนไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) อย่างครบวงจรตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND อย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมศักยภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในฐานะสินค้า Soft Power ของไทย พร้อมสนับสนุนให้การผลิตยาในไทยได้มาตรฐานระดับสากลและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ส่งเสริมงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 21 (The 21th Thailand Herbal Expo 2024) ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “นวดไทย สปาไทย สมุนไพรไทยสู่เวทีโลก” ระหว่างวันที่ 3 – 7 กรกฎาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี คาดการณ์ว่าสร้างเป็นรายได้กว่า 300 ล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติฯ จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข วัตถุประสงค์ต้องการขยายโอกาสตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยจัดเป็น 6 บริเวณ ได้แก่ 1) บริเวณวิชาการ มีการประชุมและประกวดผลงานด้านแพทย์แผนไทย 2) บริเวณ Service มีคลินิกให้คำปรึกษา ตรวจรักษาโรคด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย และคลินิกบำบัดยาเสพติด 3) บริเวณ Product ที่ให้คำแนะนำเรื่องการส่งออกและภาพรวมตลาดสมุนไพร 4) บริเวณ Wellness มีบริการนวดไทย และจัดแสดงสปาจำลองเพื่อสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ 5) บริเวณ Innovation ที่ให้คำแนะนำด้านนวัตกรรมและวิจัยพัฒนา 6) บริเวณการแจกต้นพันธุ์และเมล็ดพันธุ์สมุนไพรฟรีวันละ 1,000 ชิ้น โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาการจัดงาน

นอกจากข้อมูลศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่พบว่า ตลาดยาในประเทศมีมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท ตลาดยาจะยังเติบโตได้อีก 11% ต่อปี จึงเป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีศักยภาพที่ช่วยยกระดับเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพของไทยได้นั้น ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยเป็นที่น่าจับตามองเช่นกัน ในปัจจุบันมีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน เป็นอันดับที่ 4 ของเอเชีย และอันดับ 8 ของโลก โดยในปี 2566 ผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในไทยสร้างรายได้เป็นมูลค่ารวม 56,944 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2570 ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทยจะมีมูลค่าเติบโต 104,000 ล้านบาท ด้วยค่านิยมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาและสมุนไพรที่ผ่านการรับรองและขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จำนวนกว่า 17,300 รายการ และมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยกว่า 2,000 รายการที่ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรคุณภาพ

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์และสุขภาพของไทย ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมยาของไทยที่ทำมูลค่าได้สูง รวมทั้งผลักดันขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาของไทย เพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและเติบโตต่อเนื่อง ส่งเสริมให้ไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) ให้มีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค” นายชัย กล่าว

Advertisment

นายกฯ บอกปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระอาเซียน กต.เดินหน้าคุยเพื่อนบ้าน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 มกราคม 2568 นายกฯ บอกปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระอาเซียน ต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน กต. เดินหน้าคุยเพื่อนบ้าน รัฐบาลเตรียมแผนรับมือระยะยาวไว้แล้ว เฉพาะหน้าให้นั่งรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี ลดควันดำ รับ Work From Home เป็นแนวทางแก้ปัญหา ขอหารือก่อน

วานนี้ (25 ม.ค.) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่าเรื่องฝุ่นไม่ใช่เฉพาะเป็นวาระแห่งชาติ แต่เป็นวาระของอาเซียน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำตามกระบวนการ ขั้นตอนของต่างประเทศ ต้องไปคุยขอความร่วมมือจากอาเซียน ซึ่งมีการพูดคุยเรียบร้อยแล้วกับประเทศที่มีการเผา ขณะที่ในประเทศเราก็มีการเผา ทุกประเทศต้องมีมาตรการที่จะช่วยกัน ต้องขอความร่วมมือ เพราะสภาพอากาศที่มีลมพัดไปมา ต้องลดปริมาณการเผาในแต่ละพื้นที่ เช่น ในไทยทุกกระทรวงต้องมีมาตรการ มีการเตรียมการตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายน ว่าถ้าหากมีการเผาจะต้องมีการปรับหรือบังคับใช้กฎหมายอย่างไร

ขณะที่ด้านอุตสาหกรรมการเผาก็ลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ส่วนฝุ่นเป็นเรื่องของการสะสมมันถึงเวลาแล้วไม่ใช่คนใดคนหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งในขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลทำคือการแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นให้ทันการณ์ ให้ดีที่สุด ระยะกลาง ระยะยาวก็ทำแล้ว ระยะสั้นก็ทำอยู่

ส่วนการให้ Work From Home จะต้องมีประกาศจากหน่วยงานราชการหรือไม่ จากเดิมที่ให้มีการพิจารณาเอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปได้ สามารถคุยกันได้ว่าที่ไหนที่ Work From Home แล้วไม่กระทบกับการทำงานมากเกินไป จะช่วยลดเรื่องการเดินทางได้เยอะ

เมื่อถามย้ำว่าหน่วยงานราชการที่ไม่ต้องบริการประชาชน และสามารถทำงานผ่านออนไลน์ได้ รัฐบาลควรจะประกาศให้ Work From Home หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าข อไปคุยรายละเอียดก่อน แต่จากที่คุยกันเบื้องต้น คิดว่าเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ

สำหรับภาคเอกชนจะมีมาตรการจูงใจเพื่อ Work From Home อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายที่ก็ทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ขณะที่รัฐบาลก็มีมาตรการเร่งด่วน เช่น การขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ใช้งบฯ 140 ล้านบาท ซึ่งเอกชนหลายที่ก็ได้ใช้ด้วย ถือเป็นภาพรวมในการแก้ปัญหา

Advertisement

 

“ดีอีเอส”ผนึกกำลังมหิดลดันร่างหลักการและแนวทางเชิงจริยธรรม AI

People Unity : “ดีอีเอส” ผนึกกำลังมหิดล ผลักดันร่างหลักการและแนวทางเชิงจริยธรรม หวังพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์(AI)ที่ยั่งยืน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างก้าวหน้า

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES)จับมือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดล ผสานมุมมองและประสบการณ์ระดับโลกจากเอกชน โดยไมโครซอฟท์ ร่วมวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศไทยในยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) มุ่งสรรสร้างสังคมไทยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เสริมศักยภาพให้กัน ภายใต้หลักจริยธรรม เป็นก้าวแรกในการสร้างความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัยของระบบ AI

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ชาติได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เดินหน้า พัฒนาศักยภาพต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน สำหรับด้านยุทธศาสตร์การสร้างความสามารถทางการแข่งขัน คณะกรรมการฯ ได้บรรจุเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่ 2 อันว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมและบริการดิจิทัล ข้อมูลต่างๆ และปัญญาประดิษฐ์ให้เป็นปัจจัยสาคัญที่ขับเคลื่อนความแข็งแกร่งทาง เศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพและภูมิปัญญาของคนไทยไปพร้อมกัน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำโดยนางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เล็งเห็นถึงความสาคัญในการปูรากฐานเชิงนโยบายและแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นไปในรูปแบบที่คานึงถึงบริบททางสังคมและจริยธรรม รักษาไว้ซึ่งโอกาสในการเติบโตและพัฒนา ของแรงงานคนไทย พร้อมป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบที่เอนเอียง ไม่เป็นธรรม และยับยั้งการนาเทคโนโลยีนี้มาใช้ในทิศทางที่ผิดต่อจริยธรรมเป็นภัยต่อเพื่อนมนุษย์ จึงได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ร่างเอกสารหลักการและแนวทางจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ “Digital Thailand – AI Ethics Guideline” ขึ้น เพื่อเป็นแนวทางสาหรับทั้งผู้วิจัย ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนา และผู้ให้บริการผู้ปัญญาประดิษฐ์ ทั้งยังเป็น การชี้แจงให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิทธิและความเสี่ยงในการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าว จึงถือเป็นก้าวแรกในการสร้าง ความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และมั่นคงปลอดภัยให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ได้ ยู่ร่วมกับสังคมไทยอย่างลงตัว

นายพุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับร่างเอกสารหลักการและแนวทางจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ “Digital Thailand – AI Ethics Guideline” ได้ผ่านการนาเสนอสู่สาธารณชนและสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในวันนี้ (21 ตุลาคม 2562) โดยกระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชนในการสร้างร่างเอกสาร ดังกล่าวขึ้น เพื่อวางแนวทางในขั้นแรกเริ่มในด้านหลักการทางจริยธรรมสาหรับปัญญาประดิษฐ์ โดยสามารถแยก แนวทางนี้ออกได้เป็น 6 ประการ ได้แก่

1) ความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะต้องได้รับ การส่งเสริมความการใช้ประโยชน์ในหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างการแข่งขันและ พัฒนานวัตกรรม พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 2) ความสอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรม และ มาตรฐานสากลกาหนดให้มีแนวทางการปฏิบัติในการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรม และมาตรฐานสากล โดยเคารพต่อความเป็นส่วนตัว เกียรติ สิทธิเสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน

3) ความ โปร่งใสและภาระความรับผิดชอบ ควรมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ พร้อมทั้งจะต้องมีภาระ ความรับผิดชอบ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นตามภาระหน้าที่ของตนได้ 4) ความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ควรได้รับการออกแบบให้มีความมั่นคงปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคาม เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูลและระบบ รวมถึงการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล ตามหลักจริยธรรม 5) ความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และเป็นธรรม ควรมีการออกแบบและพัฒนาโดยคานึงถึง ความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และความเป็นธรรม หลีกเลี่ยงการผูกขาด ลดการแบ่งแยกและเอนเอียง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คนจานวนมาก และ 6) ความน่าเชื่อถือ ควรได้รับการสนับสนุนให้มีความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในการใช้งานต่อ สาธารณะ โดยมีผลลัพธ์อย่างถูกต้องแม่นยา พร้อมการดาเนินการควบคุมคุณภาพและความครบถ้วนสมบูรณ์ของ ข้อมูลได้

ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯเป็นประธานพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ปี 2562 วัดโสธรวรารามวรวิหาร

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2562 ไปถวายวัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อน้อมนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. ดร.วันดี กุญชร ยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ปี 2562 โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางรชตภร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหาร นางยุวดี นิ่มสมบุญ ที่ปรึกษาสภาสตรีฯ นายประสงค์​ คงเคารพธรรม​ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ดร.ลาลีวรรณ กาญจนจารี รองประธานสภาสตรีฯนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ รองประธานสภาสตรีฯ นายโชคชัย​ แก้วป่อง​ รองอธิบดี​กรมการพัฒนาชุมชน คณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร สภาสตรีแห่งชาติฯ นายกองค์กร สมาชิกองค์กร สภาสตรีแห่งชาติ สโมสรวัฒนธรรมหญิงฉะเชิงเทราและ หัวหน้าส่วนราชการข้าราชการ และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ณ พระอารามหลวง วัดโสธรวรารามวรวิหา จ.ฉะเชิงเทรา

โดยในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานสภาสตรีแห่งชาติฯประจำปี 2562 พระธรรมมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร พระราชปริยัติสุนทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ พระราชภาวนาพิธาน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ พระครูโสภณสรกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฯ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ 86 รูป สามเณร 211 รูป แม่ชี 10 คน มีผู้บริจาคร่วมถวายพระราชกุศล ในการถวายผ้ากฐินพระราชทาน เป็นจำนวนเงิน..3,099,999….บาท

วัดโสธรวรารามวรวิหารเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร ฝีมือช่างล้านช้าง

ตามตำนานเล่าว่า หลวงพ่อพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริดปางสมาธิหน้าตักกว้างศอกเศษ มีรูปทรงสวยงามมาก ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมา และมีผู้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะมีผู้มาลักพาไปจึงได้เอาปูนพอกเสริมหุ้มองค์เดิมไว้จนมีลักษณะที่เห็นในปัจจุบัน

แต่เดิมหลวงพ่อพุทธโสธรประทับอยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ 18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯเสด็จพระราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ มีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระพรหมคุณาภรณ์ (จริปุณโญ ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระอุโบสถหลังใหม่

ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549
การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์

ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ

รองโฆษก รบ.เผย บขส. เปิดตรวจสภาพรถให้ประชาชนฟรี 20 รายการ พร้อมมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10%

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ธันวาคม 2567 “อนุกูล” เผย บขส. เปิดตรวจสภาพรถให้ประชาชนฟรี 20 รายการ พร้อมมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% จองตั๋วไปก่อน-กลับทีหลัง เทศกาลปีใหม่ 2568

วันนี้ (21 ธ.ค. 67 ) เวลา 11.00 น. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ บขส. ได้จัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ดังนี้

1.โครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยจะตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จำนวน 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิตและประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2901-2338

2.จัดโปรโมชั่น “ลดค่าโดยสาร Happy New Year 2025 ลด 10% ไปก่อน-กลับทีหลัง” เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความหนาแน่นในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของประชาชน โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ทุกเส้นทางทั่วประเทศ ให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application : E-Ticket และ Website : https://tcl99web.transport.co.th เดินทางระหว่างวันที่ 15-24 ธันวาคม 2567 และ ระหว่างวันที่ 7-16 มกราคม 2568

สำหรับผู้โดยสารสามารถจองตั๋ว บขส. ล่วงหน้าได้ทุกช่องทางของ บขส. อาทิ ช่องทางออนไลน์ Facebook Page : บขส. (www.facebook.com/BorKorSor99), Line : บขส.99 (Id : @TCL99), เว็บไซต์ บขส.https://tcl99web.transport.co.th, Application E – ticket และ ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 0-2936-3660 ในวันและเวลาราชการ  ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.transport.co.th, Facebook Fanpage : บขส. และ Line@บขส หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2537-8737 หรือ Call center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

Advertisement

Verified by ExactMetrics