วันที่ 25 เมษายน 2024

“ศรีสะเกษ” ไปให้แรงบันดาลใจนักมวยนักเรียนจากจังหวัดชายแดนใต้

People unity news online : พล.ต.พงษ์ศักดิ์ มาอินทร์ ฝ่ายอำนวยการ รองหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ได้นำนักเรียนกีฬามวย ซึ่งเป็นเยาวชนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษา “โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้” ซึ่งเป็นนักเรียนในโครงการประเภทกีฬามวย 20 คน เข้าโครงการคลินิกมวยไทย-สากล หวังพัฒนาต่อยอดสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬามวย เรียนรู้ทักษะชีวิต สร้างความรักความสามัคคี และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน-18 ตุลาคม 2560 ณ สนามฝึกซ้อมกีฬามวย กรมสวัสดิการทหารบก กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากแชมป์โลก WBC ชื่อดังของโลก “ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” มาให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นพัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ พร้อมทั้งมอบผลไม้ให้แก่นักเรียนในโครงการ เมื่อวันที่14 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น.

“ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กล่าวว่า จากการที่ได้มาพูดคุยกับนักเรียนในวันนี้ น้องๆมีความมุ่งมั่นตั้งใจ และขยันฝึกซ้อมมากๆ เชื่อมั่นว่านักเรียนในโครงการจะเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้กับน้องๆนักเรียนในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนด้วย

ทั้งนี้ โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ เป็นโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างโอกาสให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความสามารถด้านกีฬา ให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพในโรงเรียนของรัฐ จำนวน 8 โรงเรียน มีนักเรียนในโครงการทั้งหมด 908 คน ใน 10 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล วอลเลย์บอล ฟุตซอล ตะกร้อ มวยไทย ปันจักสีลัต ฮอกกี้ กรีฑา เทควันโด และบาสเกตบอล

ทั้งนี้ นักเรียนสามารถเลือกเรียนในแผนการเรียนวิทย์-กีฬา หรือศิลป์-กีฬา โดยนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนทุนการศึกษาจากรัฐบาลปีละ 40,000 บาท ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรี และปีละ 55,000 บาท ในระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

People unity news online : post 16 ตุลาคม 2560 เวลา 10.50 น.

เสนอชื่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ

People unity news online :  เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560 พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ 2/2560 ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญของการประชุมดังนี้

ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการสรรหาผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม มี นายบรรลุ ศิริพานิช เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์ในการสรรหา และพิจารณาคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และได้เสนอรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นชอบในการประกาศสดุดีเกียรติคุณยกย่องเป็นผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2560 ซึ่งได้มีการคัดเลือกผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างดีในสังคม เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา และได้มีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ให้เสนอชื่อสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตโต (ป.อ. ปยุต.โต) เป็นผู้สูงอายุแห่งชาติประจำปี 2560

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบการจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ภายใต้แนวคิด “สูงวัย สูงคุณค่า ร่วมพัฒนาประเทศไทยสู่ประชารัฐ” ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2560  ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันผลักดัน ส่งเสริม และยกย่องเชิดชูผู้สูงอายุผู้มีประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม

People unity news online : post 30 มีนาคม 2560 เวลา 00.18 น.

ครม.เห็นชอบเปิด “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education)

People unity news online : ครม.เห็นชอบ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education) ครอบคลุมทั้งระบบการศึกษา รวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ คือ เห็นชอบ “หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา” (Anti-Corruption Education)

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวในระหว่างการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 11/2561 ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ดังนี้

1.เห็นชอบหลักการเกี่ยวกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำหลักสูตรดังกล่าวไปพิจารณาปรับใช้กับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่ต้องนำหลักสูตรไปดำเนินการรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้

สำหรับภาระงบประมาณที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับไว้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับปีงบประมาณต่อๆไปให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

2.ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อพิจารณานำหลักสูตรนี้ไปปรับใช้ในโครงการฝึกอบรมหลักสูตรข้าราชการ บุคลากรภาครัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่ รวมทั้งให้พิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรโค้ชให้มีความชัดเจน โดยให้หมายความรวมถึงบุคลากรทางการศึกษา เช่น ครู อาจารย์ หรือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ทั้งในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรอุดมศึกษาด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้บุคลากรทางการศึกษาที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าวสามารถนำไปใช้ในการถ่ายทอดความรู้หรือช่วยในการจัดการเรียนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการและรายงานผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาทราบเป็นระยะๆด้วย

สาระสำคัญ  สำนักงาน ป.ป.ช.รายงานว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษามีวัตถุประสงค์ในการปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ส่วนตนสิ่งใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวที่จะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบผ่านสถาบันการศึกษา

ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และสถาบันการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร สถาบันการศึกษาในสังกัด ตช. สถาบันการศึกษาทางทหาร เป็นต้น ต่อเนื่องไปจนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อให้ครอบคลุมทั้งระบบการศึกษา นอกจากนี้ ยังรวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับบุคลากรของรัฐและพนักงานรัฐวิสาหกิจในหน่วยงานภาครัฐ

โดยแต่ละหลักสูตรประกอบด้วยเนื้อหา 4 ชุดวิชา ดังนี้

1.การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ชุดวิชาดังกล่าวเน้นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน โดยปรับเปลี่ยนระบบการคิดของคนในสังคมแยกแยะให้ได้ว่า “เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนตน … เรื่องใดเป็นประโยชน์ส่วนรวม” โดยนำวิธีคิดแบบฐาน 10 (Analog thinking) และฐาน 2 (Digital thinking) มาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างยั่งยืน

2.ความละอายความไม่ทนต่อการทุจริต เป็นชุดวิชาเกี่ยวกับการสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต เป็นการปรับเปลี่ยนสภาพสังคมให้เกิดภาวะ “ที่ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกช่วงวัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นพลเมืองดี มีจิตสาธารณะ ผ่านทางสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนที่ทำหน้าที่ในการกล่อมเกลาทางสังคม เพื่อให้เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ เกิดพฤติกรรมที่ละอายต่อการกระทำความผิด การไม่ยอมรับและต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ

3.STRONG: จิตพอเพียงต้านทุจริต เป็นชุดวิชาที่ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ประกอบกับหลักการต่อต้านการทุจริตอื่นๆ เพื่อสร้างฐานคิดจิตพอเพียงต่อต้านการทุจริตให้เกิดขึ้นเป็นพื้นฐานความคิดของปัจเจกบุคคล โดยประยุกต์หลัก “STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต” ซึ่งคิดค้นโดยรองศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ในปี 2560 มาเป็นแนวทางในการพัฒนาวัฒนธรรมหน่วยงาน

4.พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม พลเมืองศึกษาเป็นการจัดการศึกษาและประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ มีความภูมิใจในความเป็นพลเมืองตนเอง มีสิทธิมีเสียง สนใจต่อส่วนรวม และมีส่วนร่วมในกิจการบ้านเมืองตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐบาล รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระบบการเมือง การปกครอง สิทธิและความรับผิดชอบของพลเมือง ระบบการบริหารจัดการสาธารณะและระบบตุลาการ

People unity news online : post 23 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.00 น.

บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 รมช.คมนาคม “สุรพงษ์” ย้ำ บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย สั่ง 3 หน่วยงาน ผนึกกำลังจัดการเดินทางเชื่อมต่อ รถราง รถทัวร์ รถเมือง อำนวยความสะดวกประชาชน พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ จองตั๋วออนไลน์ บขส. ไปก่อน-กลับทีหลัง ลดค่าโดยสาร 20% จองตั๋วล่วงหน้า 1 ปี

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ตนได้มอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริหารจัดการเดินรถโดยสารให้เพียงพอ ไม่ให้มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ บขส.กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถ และรถโดยสาร เช่น ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนออกให้บริการ, จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาว, กำชับให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ดูแลชั่วโมงการทำงานให้เหมาะสม, พนักงานขับรถต้องตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1 ครั้ง และให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ บขส. จัดทำโครงการมอบของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับพี่น้องประชาชน ได้แก่ โครงการลดค่าโดยสาร (“HAPPY NEW YEAR 2024 ลด 20% ไปก่อน-กลับทีหลัง”) ให้ผู้โดยสาร บขส. ที่จองตั๋วล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket และ Website : http://transport.co.th/ เดินทางระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2566 หรือระหว่างวันที่ 4 – 8 มกราคม 2567 ทุกเส้นทางภายในประเทศ จะได้รับส่วนลด 20% (เฉพาะค่าโดยสารไม่รวมค่าธรรมเนียม) โครงการตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย โดยเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิต และประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 – 10 มกราคม 2567 เป็นต้น รวมทั้งให้ บขส. ขยายระยะการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า จากเดิม 90 วัน เป็น 1 ปี ซึ่งผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 1 ปี ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Application E-Ticket Website บขส. https://tcl99web.transport.co.th หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไร้รอยต่อตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” จึงได้มอบหมายให้ บขส. ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทดลองเพิ่มจุดจอดรถโดยสาร (เฉพาะรถ บขส. ขาเข้ากรุงเทพฯ) ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป โดยผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ สามารถเลือกเดินทางลงจุดจอดที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถเมล์ ขสมก. หรือจะเลือกเดินทางไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เพื่อต่อรถแท็กซี่ได้สะดวกเช่นกัน

ส่วนการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อ ระหว่าง บขส. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่บริเวณชานชาลาขาเข้า หมอชิต 2 การให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย ขสมก. ได้จัดรถโดยสารวิ่งให้บริการ 12 เส้นทาง รถโดยสารเพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้การเพิ่มการเชื่อมต่อของระบบการขนส่งสาธารณะ เป็นการเพิ่มการอำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชนได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บขส. Call Center 1490, ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 หรือโทรสายด่วน ขสมก. 1348

Advertisement

สธ.หนุนมรภ.สวนสุนันทา เปิดหลักสูตร”กัญชาเวชศาสตร์”แห่งแรกในไทย

People Unity News :  ปลัดสธ.เปิดการประชุมสัมมนาวิชาการ ครั้งที่ 2 เรื่อง “เทคโนโลยีการผลิตสารสกัดจากกัญชา” หนุนมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เปิดหลักสูตร “กัญชาเวชศาสตร์”  หลักสูตรแรกในประเทศไทย

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาวิชาการ ครั้งที่ 2 เรื่อง “เทคโนโลยีการผลิตสารสกัดจากกัญชา” (Cannabis Extraction Technologies) ขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์ ตั้งเป้าหมายบรรจุเข้าบัญชียาหลักและระบบหลักประกันสุขภาพ เพิ่มทางเลือกการรักษาของผู้ป่วย เข้าถึงยากัญชาอย่างปลอดภัย และสนับสนุนการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เปิดหลักสูตร “กัญชาเวชศาสตร์” หลักสูตรแรกในประเทศไทย

“จุติ” ระบุงบประมาณของกระทรวง พม. คืองบของชีวิตมนุษย์  สำคัญกว่างบสร้างตึก

People Unity : “จุติ” ย้ำจะไม่ชะลอโครงการ เพราะทุกชีวิตสำคัญเท่าเทียมกัน รอไม่ได้

เมื่อวานนี้ (5 ส.ค. 2562) เวลา 12.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 8 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ โดยมี นายภูมิรักษ์ ชมแสง รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำหรับแนวทางการจัดสรรงบประมาณปี 2563 ในการขับเคลื่อนงานของกระทรวง พม. อย่างมีประสิทธิภาพ ว่า กระทรวง พม. มุ่งเน้นการจัดลำดับความสำคัญของงาน และผลลัพธ์ที่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายจะได้รับประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าของโครงการต่างๆ ภายใต้การพัฒนาคนสู่ศตวรรษที่ 21

นายจุติ กล่าวย้ำถึงการบูรณาการจากกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการประหยัดงบประมาณ ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานสำหรับผู้รับบริการให้มากที่สุด โดยผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานจำเป็นต้องมีการประชุมทำแผนร่วมกันภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ในส่วนของงบประมาณที่ไม่ได้รับจัดสรร ทางกระทรวง พม. ได้ชี้แจงต่อสำนักงบประมาณว่าเนื่องจากภารกิจที่มีมาก แต่งบประมาณที่ได้รับมีจำนวนจำกัด และโครงการใดที่มีการชะลอไม่ได้เป็นโครงการก่อสร้าง แต่เป็นชีวิตมนุษย์ความเป็นความตาย ความเจ็บป่วย และความสุขความทุกข์ ซึ่งไม่สามารถรอได้เหมือนตึกอาคาร โดยขอให้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์มากกว่าวัตถุดิบหรือโครงสร้าง ในส่วนของกระทรวง พม. ยืนยันว่าทุกโครงการต้องมีความคุ้มค่าและมีความเร่งด่วนต่อสังคม เช่น การป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยเรียน จำเป็นต้องเร่งดำเนินการยับยั้ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว จำเป็นต้องสร้างความมั่นคงในชีวิต ด้วยการสร้างอาชีพให้สามารถดูแลตนเองได้ และเปิดโอกาสให้กลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข

“เรื่องของชีวิตมนุษย์ของทุกคนมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ความเร่งด่วนของปัญหาภายใต้ข้อจำกัดของงบประมาณ นับว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในการดำเนินงาน ดังนั้น กระทรวง พม. จะมีการใช้เงินกองทุนฯที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ถ้าไม่เพียงพอ ขอให้สำนักงบประมาณช่วยมาเติม และที่สำคัญ สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน คือ ใครที่มีมาก สบายแล้ว ก็ขอให้มาช่วยกันเฉลี่ยสุข เฉลี่ยทุกข์ ให้กับคนที่ยังไม่มี จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อีกเยอะเช่นกัน” นายจุติ กล่าวในตอนท้าย

สังคม : “จุติ” ระบุงบประมาณของกระทรวง พม. คืองบของชีวิตมนุษย์  สำคัญกว่างบสร้างตึก

People Unity : post 6 สิงหาคม 2562 เวลา 12.50 น.

รัฐบาลเชิญชวนประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจเบาหวานฟรี

People Unity News : 18 มิถุนายน 2566 รัฐบาลเชิญชวนประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ตรวจเบาหวานฟรี ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.67 ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยปัญหาสุขภาพของประชาชน ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ห่างไกลจากโรค ป้องกันการเจ็บป่วยเรื้อรัง ซึ่งจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบันคนไทยมีแนวโน้มป่วยเป็น “โรคเบาหวาน” มากขึ้น ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลสุขภาพ ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 3.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 1.5 แสนคน ในส่วนของการคัดกรองผู้ป่วยรายใหม่ พบว่า การคัดกรองผู้ป่วยโรคเบาหวานในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปนั้น มีผู้ได้รับการคัดกรองเพียง 14 ล้านคนและยังไม่ได้รับการคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 8 ล้านคน จากเป้าหมายทั่วประเทศ 22 ล้านคน

นางสาวรัชดา กล่าวว่า รัฐบาล โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ขอเชิญชวนประชาชนที่มีหลักเกณฑ์ตรงตามเงื่อนไขเข้ารับการตรวจเบาหวานฟรี ภายใต้โครงการคัดกรองความเสี่ยงโรคเบาหวานในประเทศไทยแบบบูรณาการ ประจำปี พ.ศ. 2566-2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ซึ่งหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการเข้ารับบริการตรวจเบาหวานฟรี ดังนี้ 1.ประชาชนทั่วไปอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป 2.ไม่เคยตรวจเบาหวาน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจแนะนำให้ประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน กรณีได้คะแนนน้อยกว่า 6 คะแนน คือไม่เสี่ยง ไม่ต้องตรวจน้ำตาล กรณีได้คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 6 คะแนน คือเสี่ยง ต้องเจาะน้ำตาลที่ปลายนิ้ว

“ปัจจุบันมาตรการคัดกรองโรคเบาหวานในประชากรวัยผู้ใหญ่เป็นมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นมาตรการที่มีความคุ้มค่าโดยถูกบรรจุในแผนป้องกันและควบคุมโรคของประเทศไทยและอยู่ในสิทธิประโยชน์การส่งเสริมและป้องกันโรคของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประชาชนสามารถเข้ารับการคัดกรองโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ต้องได้รับบริการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตปีละ 1 ครั้ง ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อรับบริการตรวจคัดกรองได้โดยยื่นบัตรประชาชนเข้ารับบริการตามสิทธิการรักษาได้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” นางสาวรัชดา ย้ำ

Advertisement

กยศ.เพิ่มวงเงินให้กู้เป็น 40,000 ล้าน รองรับนักเรียน-นักศึกษากู้ 700,000 ราย

People Unity News : กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขยายกรอบการให้กู้ยืมปีการศึกษา 2564 โดยเพิ่มวงเงินให้กู้ยืมเป็น 40,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษา จำนวน 700,000 ราย พร้อมขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1/2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีผู้ประสงค์จะขอกู้ยืมเพื่อการศึกษามากขึ้น คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบในการขยายกรอบวงเงินการให้กู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษาผู้ประสงค์ขอกู้ยืมในปีการศึกษา 2564 จากเดิมที่กองทุนได้กำหนดกรอบการให้กู้ยืมไว้ จำนวน 38,587 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 623,891 ราย โดยได้เพิ่มกรอบวงเงินเป็น 40,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 700,000 ราย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่างๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงขอให้ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตรหลาน ทั้งนี้ กองทุนขอยืนยันว่ากองทุนมีเงินให้กู้ยืมเพียงพอสำหรับนักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาสได้เรียนต่ออย่างแน่นอน ซึ่งในปีนี้กองทุนได้รับชำระหนี้ประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้รับจากการรับชำระหนี้มาหมุนเวียนให้กับผู้กู้ยืมโดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด

โดยขณะนี้ กองทุนได้ขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 นักเรียน นักศึกษาสามารถยื่นกู้ยืมผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือทาง www.studentloan.or.th โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ ซึ่งกองทุนได้เปิดระบบ DSL ให้ผู้กู้ยืมและสถานศึกษาได้เริ่มดำเนินการกู้ยืมในปีการศึกษา 2564 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ขณะนี้มีผู้ประสงค์ขอกู้ยืม จำนวน 616,834 ราย ซึ่งกองทุนได้อนุมัติการกู้ยืมเงินไปแล้ว 584,077 ราย ซึ่งเป็นปีแรกที่กองทุนได้เปิดให้มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาครบทั้ง 4 ลักษณะ ได้แก่ 1) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ 2) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก ซึ่งมีความชัดเจนของการผลิตกำลังคนและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ 3) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลน หรือที่กองทุนมุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ และ 4) นักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศในระดับปริญญาโท หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่โทร 0 2016 4888 หรือไลน์บัญชีทางการ กยศ.” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว

Advertising

ธอส.ให้กำลังใจ อสม. จัดให้ “สินเชื่อบ้านอยู่ดีมีสุขครอบครัว อสม.” ผ่อนเริ่มต้น 2,900 บ./เดือน

People Unity News : ข่าวดี อสม.อยากมีบ้าน ธอส. จัดให้! สินเชื่อบ้านอยู่ดีมีสุขครอบครัว อสม. ผ่อนเริ่มต้น 2,900 บ./เดือน

17 มีนาคม 2565 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. เตรียมวงเงิน 500 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้านอยู่ดีมีสุขครอบครัว อสม.” เพื่อให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ที่มีที่ดินปลอดภาระหนี้ ก่อสร้างบ้าน วงเงินกู้ต่อรายไม่เกิน 700,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี (4 ปีแรก) ระยะเวลาการกู้สูงสุด 40 ปี กรณีกู้ 700,000 บาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 2,900 บาทต่อเดือน

สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง เพียงยื่นกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค. 66

สมาชิก อสม. ที่ต้องการขอสินเชื่อดังกล่าว สามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงที่ประธานกลุ่ม อสม. ในแต่ละพื้นที่ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร. 0-2645-9000 หรือที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

Advertising

ไม่ลืมกัน! “อนุทิน”เร่งเครื่องลุยเดินหน้าบรรจุ ขรก.สธ.

People Unity News : ไม่ลืมกัน! “อนุทิน”เร่งเครื่องลุยเดินหน้าบรรจุ ขรก.สธ. วอนเสียงบ่นรอนาน ขอวิงวอนให้ย้อนมองภาครัฐให้บริการอย่างมีมาตรฐานหรือไม่ จะพบทำตามมาตรฐานสากล

เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2562 ที่การประชุมวิชาการแพทยสภา ประจำปี 2562 พิธีมอบเกียรติบัตร เข็มเกียรติคุณ โล่เกียรติคุณ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 7 (ปธพ.7) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวปาฐกถาใจความตอนหนึ่งว่า ระบบการให้บริการด้านสาธารณสุขของไทย นับว่ามีคุณภาพเป็นที่เชิดหน้าชูตา เพราะมีการวางรากฐานมาอย่างดี มีประเทศไหนในโลกที่องค์พระประมุข สละทรัพย์ส่วนพระองค์มาดูแลระบบการให้บริการด้านสาธารณสุข นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เราก้าวหน้าในเรื่องนี้ ไม่ต้องอายชาติไหน

และต้องขอขอบคุณทุกท่าน ที่ไม่ใช้สิทธิ์การรักษาพยาบาลของรัฐ แต่เลือกจ่ายค่าบริการส่วนตัว เพราะการเสียสละของท่าน ทำให้รัฐมีเงิน ไปใช้จ่ายกับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ ซึ่งถ้าหากทุกคนในประเทศ ใช้สวัสดิการรัฐกันหมด รับรองว่างบแค่ไหน ก็ไม่มีทางพอ

ที่ผ่านมามีเสียงบ่น รอนาน โรงพยาบาลแออัด ตนเข้าใจทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอวิงวอนให้ย้อนมองว่าภาครัฐให้บริการอย่างมีมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ เราทำตามมาตรฐานสากล และไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะเป็นชาวต่างชาติ เราก็รักษา แม้จะยอมขาดทุนบ้างก็ตาม วันนี้รัฐมนตรีกับกระทรวงสาธารณสุขลงเรือลำเดียวกัน และเราไม่ก้าวก่ายการทำงาน กลับกันยังพร้อมช่วยเหลือกันและกัน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า องค์การเภสัชกรรมถูกตั้งคำถามเยอะ ว่าไปวิจัยยา ผลิตยาทำไม ซื้อของเอกชน ถูกกว่า ง่ายกว่า แต่อยากให้มองว่า ถ้าเกิดมีวิกฤติโรคระบาดจนขาดแคลนยา หากประเทศไทย สามารถผลิตยาเพื่อดูแลตัวเองได้จะดีกว่าหรือไม่ การทำงานขององค์การเภสัชกรรมเป็นเรื่องของความมั่นคงในระยะยาว

“มีข่าวออกมาตลอดว่าพนักงานราชการของกระทรวงสาธารณสุข ต้องการบรรจุเป็นข้าราชการ ตอบแทนความมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงานเป็นระยะเวลายาวนาน ผมไม่เคยมองข้าม และได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม มาหลายครั้ง ถ้าได้เจอกันก็จะคุยแต่เรื่องนี้ ซึ่งท่านได้รับไปพิจารณา แต่ผมก็จะถามต่อไป ข้อเท็จจริงคือเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับงบ แต่มันอยู่ที่กระบวนการทางราชการมากกว่า”

นายอนุทิน ยังกล่าวถึงนโยบายยกระดับ อสม. ว่า เรามี อสม.กว่าล้านคนกระจายทำงานอยู่ทั่วประเทศ ถ้าเปลี่ยน อสม.เป็นหมอครบอครัว ดูแลคนป่วยชั้นปฐมภูมิในพื้นที่ได้ ย่อมจะลดภาระแพทย์ พยาบาล และช่วยลดภาระการเดินทางของผู้ป่วย และเราได้ยกระดับสถานีอนามัยเป็น รพ.สต.แล้ว จึงมีความมุ่มมั่นให้สถานพยาบาลข้างต้น ช่วยคัดกรองผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาลศูนย์

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ล่าสุด ตนได้ให้นโยบายกับกระทรวงสาธารณสุข คือ ต้องทำให้ประชนรู้จักดูแลสุขภาพตัวเอง ต้องให้ประชาชนทราบว่า 1. ยาดีแค่ไหน ก็สู้ไม่กินยาไม่ได้ 2. เตียงโรงพยาบาลนุ่มแค่ไหน ก็สู้เตียงไม้กระดานไม่ได้ 3.ขยันแล้วท่านจะแข็งแรง ส่วนขี้เกียจ มักจะจบลงที่หาหมอ ดังนั้น ต้องหมั่นออกกำลังกายให้มากเข้า

Verified by ExactMetrics