วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

ศบค.คลายล็อก ลดพื้นที่สีส้มเหลือ 44 จว. เริ่ม 24 ม.ค. เปิดลงทะเบียน Test and Go 1 ก.พ.

People Unity News : ศบค. คลายล็อก ลดพื้นที่สีส้มเหลือ 44 จว. เริ่ม 24 ม.ค. 65 เปิดลงทะเบียน Test and Go 1 ก.พ. 65

20 ม.ค. 65 ที่ประชุม ศบค. (20 ม.ค. 65) เห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร โดยลดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 69 จังหวัด เหลือ 44 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เป็น 25 จังหวัด โดยยังคงพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 8 จังหวัด เริ่ม 24 ม.ค. 65 เป็นต้นไป

25 จังหวัดพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) ประกอบด้วย จ.กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ อุทัยธานี

พร้อมปรับมาตรการในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร เป็นไม่เกิน 23.00 น. ซึ่งจะต้องเป็นร้านที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น

สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร จะเปิดลงทะเบียน Thailand Pass ในรูปแบบ Test and Go โดยไม่กำหนดประเทศต้นทาง และเพิ่มพื้นที่ Sandbox ได้แก่ จ.ชลบุรี (อ.บางละมุง เมืองพัทยา อ.ศรีราชา อ.เกาะสีชัง อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่) และ จ.ตราด (เกาะช้าง) ตั้งแต่ 1 ก.พ. 65

Advertising

“ประยุทธ์” ห่วงใยสถานการณ์โควิด 4 จ.ชายแดนใต้ ยังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม

People Unity News : ประยุทธ์ ห่วงใยสถานการณ์โควิด-19 4 จ.ชายแดนใต้ ยังพบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม วอนประชาชนแม้อยู่ภายในครอบครัว ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข Universal Prevention อย่างเคร่งครัด

18 ต.ค.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ใน 4 จังหวัดชายแดนใต้ซึ่งขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นด้วยความห่วงใย ย้ำประชาชนทุกคนรวมถึงผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว ยึดหลักปฏิบัติตนตามการป้องกันการติดเชื้อโควิด19 ส่วนบุคคล แบบครอบจักรวาล (Universal Prevention)  อย่างเคร่งครัด งดการรวมกลุ่มหรือจัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น แม้อยู่บ้าน ก็ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า หมั่นล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างระหว่างกันภายในครอบครัว เพื่อลดการติด/แพร่เชื้อภายในครอบครัวด้วย นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือกิจการร้านค้า ตลาด ชุมชนต่างๆ ยกระดับความปลอดภัยกิจการ/กิจกรรม ตามมาตรการ “โควิดฟรีเซตติ้ง” (COVID Free setting) ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ คุมเข้มสถานบริการ ผับ คาราโอเกะ ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ  หากพบแอบเปิดให้บริการหรือจำหน่ายสุรา จะถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

“นายกรัฐมนตรียังเร่งให้มีการกระจายการฉีดวัคซีนโควิด-19 และชุดตรวจเร็ว ATK  เวชภัณท์และยา พร้อมแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศบค.ส่วนหน้า ขณะนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศบค.ส่วนหน้า จะบูรณาการทำงานกับคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการควบคุมให้เข้มข้นยิ่งขึ้น รวมทั้งการล็อคดาวน์พื้นที่บางส่วน เพื่อเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโดยเร็ว” นายธนกร กล่าว

Advertising

รัฐบาลออกประกาศ ‘เด็กนักเรียนท้อง ต้องได้เรียนต่อไป’

People Unity News : 19 กุมภาพันธ์ 2566 รองโฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลออกประกาศ “เด็กท้องต้องได้เรียน” แม่วัยรุ่นต้องได้โอกาสทางการศึกษา

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราชกิจจานุเบกษา (18 กุมภาพันธ์ 2566) ได้เผยแพร่กฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษาและการดำเนินการของสถานศึกษา ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 โดยมีความว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของข้อ 7 แห่งกฎกระทรวงกำหนดประเภทของสถานศึกษา และการดำเนินการของสถานศึกษาในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

ข้อ 7 สถานศึกษาตามข้อ 2 ที่มีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษา ต้องไม่ให้นักเรียนหรือนักศึกษานั้นออกจากสถานศึกษาดังกล่าว เว้นแต่เป็นการย้ายสถานศึกษา ตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น ทั้งนี้ ในท้ายกฎกระทรวง ได้ระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงเอาไว้ด้วยว่า… ปัจจุบันพบว่ามีนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์ถูกสถานศึกษาให้ย้ายสถานศึกษาโดยมิได้สมัครใจสมควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การดำเนินการของสถานศึกษาเพื่อเป็นการคุ้มครองวัยรุ่นซึ่งตั้งครรภ์ขณะที่เป็นนักเรียนหรือนักศึกษาให้มีสิทธิได้รับการศึกษาในสถานศึกษาด้วยรูปแบบที่เหมาะสมและต่อเนื่องตามความประสงค์ของนักเรียนหรือนักศึกษานั้น จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้

นางสาวรัชดา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตชาติ โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่กระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงให้สถานศึกษาทุกระดับที่มีเด็กตั้งครรภ์ ต้องไม่ให้เด็กออกจากสถานศึกษา โดยต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสมและต่อเนื่อง แต่ยังคงมีบุคลากรทางการศึกษารวมถึงผู้ปกครองอีกเป็นจำนวนมากที่เข้าใจผิดว่า การให้เด็กตั้งครรภ์เรียนร่วมกับเด็กทั่วไป เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะอาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ แต่ผลการศึกษาในต่างประเทศพิสูจน์แล้วว่า เด็กคนอื่น ๆ จะเกิดความตื่นตัวมากขึ้นในการดูแลป้องกันตนเองไม่ให้ตั้งครรภ์ ขณะเดียวกันจะเกิดความรู้สึกเห็นใจเพื่อนที่กำลังท้อง และให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดีในขณะที่เรียนร่วมกัน

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนทัศนคติของครูผู้สอนเป็นเรื่องสำคัญมาก ครูต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพ ต้องไม่ปฏิบัติใด ๆ ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคับประคองเด็กให้ได้เรียนต่อเนื่องโดยไร้ความกังวล

Advertisement

โฆษก รบ.เผย ประยุทธ์ มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตนเอง

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่าน “โครงการบ้านล้านหลัง ธอส.” เผยมีผู้ลงทะเบียนแล้ว 60,752 ราย วงเงินยื่น 72,902 ล้านบาท เชิญชวนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนขอสินเชื่อเพื่อโอกาสมีบ้านเป็นของตนเอง

27 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล มีความมุ่งมั่นที่ต้องการดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง ราคาไม่แพง โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ก.ย.64 มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดำเนินการโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 โดยปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการอีกจำนวน 20,000 ล้านบาท และปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาที่เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในอัตราดอกเบี้ยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าของผลการดำเนินงานโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ล่าสุด ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2564 ได้มีผู้ลงทะเบียนกับ ธอส. แล้วจำนวน 60,752 ราย วงเงินยื่นกู้ 72,902 ล้านบาท และได้ยื่นกู้สะสมจำนวน 2,479 ราย ซึ่ง ธอส. ได้มีการอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 1,845 ราย คิดเป็นมูลค่า 1,509 ล้านบาท โดย ธอส. กำลังเร่งพิจารณาตามขั้นตอนเพื่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับประชาชนผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไขของโครงการฯ ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้กำกับให้ ธอส. พิจารณาการอนุมัติสินเชื่อด้วยความละเอียดรอบคอบ เหมาะสม โดยคำนึงถึงการให้สินเชื่อแก่ผู้กู้ที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อสร้างโอกาสและสนับสนุนประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยได้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยได้อย่างทั่วถึง  จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการขอสินเชื่อ ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อโอกาสในการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตั้งแต่บัดนี้ เพื่อให้สามารถทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ

“โครงการบ้านล้านหลังระยะที่ 2 เป็นการดำเนินการสานต่อความสำเร็จของโครงการบ้านล้านหลังระยะแรก ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลโดยท่านนายกรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ที่มุ่งเน้นสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าว จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ทำให้ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพื่อให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเอง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแท้จริง” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

สำหรับรายละเอียดสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่สำคัญ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปีแรก 1.99% ต่อปี ให้กู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เงินงวดคงที่นานถึง 84 งวดแรก ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ประเภท คือ 1. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ (0.1% ของวงเงินกู้) 2. ค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900-2,300 บาท) 3. ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (1,000 บาท ต่อราย) และ 4. ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง (1% ของวงเงินจำนอง) ระยะเวลาผ่อนไม่น้อยกว่า 7 ปี และผ่อนสูงสุดไม่เกิน 40 ปี อายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ยกเว้น ข้าราชการตุลาการ อัยการ หรืออื่นๆ ที่มีอายุเกษียณมากกว่า 60 ปี อายุผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ขอกู้ต้องไม่เกิน 75 ปี

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจและผู้ที่มีคุณสมบัติและต้องการขอสินเชื่อ สามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ได้ เพียงดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALL และกดลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ 9 ตัวทาง GHB Buddy บน Application Line (ตัวอักษร 3 ตัว และตัวเลข 6 ตัว) เพื่อนำมาแสดงในการยื่นขอสินเชื่อ และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธ.ค.66 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ ทั้งนี้ เงื่อนไขอื่นๆเป็นไปตามที่ ธอส. กำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th

Advertising

กรมการขนส่งทางบกชวนนำรถยนต์–จักรยานยนต์ ตรวจความพร้อมก่อนเดินทางปีใหม่ ฟรี!

People Unity News : ชวนประชาชนนำรถยนต์ – รถจักรยานยนต์ ตรวจสอบความพร้อมก่อนเดินทางปีใหม่ ฟรี! กับกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

2 ธ.ค.64 กรมการขนส่งทางบกเชิญชวนประชาชนเตรียมความพร้อมของรถก่อนเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายใต้กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่ 1 – 31 ธ.ค. 64 โดยสามารถนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อเข้ารับบริการได้ฟรี ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศกว่า 2,000 แห่ง ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย”

เพื่อตรวจเช็กสภาพรถและอุปกรณ์ส่วนควบเบื้องต้น 20 รายการ เช่น ระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง – น้ำมันเบรก – น้ำมันคลัตช์ ความตึงของสายพาน แบตเตอรี่ การทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ เป็นต้น

นอกจากการเตรียมรถให้พร้อมแล้ว ร่างกายของผู้ขับขี่ก้ต้องพร้อมด้วย ดังนั้นเมื่อต้องขับรถระยะทางไกล ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการเหนื่อยล้าควรหยุดพักในจุดที่ปลอดภัย ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และไม่ละเลยการป้องกันตัวเองตามมาตรการด้านสาธารณสุขเพื่อลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19

Advertising

สปสช. ขยายสิทธิให้หญิงไทยทุกสิทธิ “ฝากครรภ์” คุณภาพ กับกองทุนบัตรทองได้

People Unity News : สปสช. ขยายสิทธิให้หญิงไทยทุกสิทธิ “ฝากครรภ์” คุณภาพ กับกองทุนบัตรทองได้

16 ก.พ. 65 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขยายสิทธิประโยชน์เพื่อดูแลหญิงไทยตั้งครรภ์ทุกสิทธิ สามารถฝากครรภ์กับกองทุนบัตรทองได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จากเดิมได้รับสิทธิฝากครรภ์ 5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ หากมีความจำเป็น ก็สามารถนัดตรวจติดตามเพื่อดูแลเพิ่มเติมได้

นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจสุขภาพช่องปากและบริการขัดทำความสะอาดฟัน การตรวจยืนยันธาลัสซีเมียและภาวะดาวน์ซินโดรม ตั้งแต่การมาฝากครรภ์ครั้งแรกหรือถัดมา และตรวจซิฟิลิส ไวรัสเอชไอวี ซ้ำอีกครั้ง เมื่อใกล้คลอด

พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้สามี หรือคู่ของหญิงตั้งครรภ์ทุกราย ตรวจคัดกรองพร้อมกับหญิงตั้งครรภ์

1) ตรวจคัดกรองโรคซิฟิลิส เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากสามีสู่หญิงตั้งครรภ์และส่งผลต่อทารกในครรภ์

2) ตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมีย ที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงของทารกในครรภ์ได้เร็วขึ้น ช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลครรภ์ หรือเตรียมความพร้อมของพ่อแม่ด้วย

Advertising

ครม. ไฟเขียว ลดเงินสมทบประกันสังคม ม.40 อีก 6 เดือน เริ่ม 1 ก.พ. – 31 ก.ค. 65

People Unity News : ครม. ไฟเขียว ลดเงินสมทบประกันสังคม ม.40 อีก 6 เดือน เริ่ม 1 ก.พ. – 31 ก.ค. 65

2 ก.พ. 65 ที่ประชุม ครม. (1 ก.พ. 65) เห็นชอบขยายเวลาลดอัตราส่งเงินสมทบของผู้ประกันตน ม. 40 ที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม เป็นเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 ก.พ. – 31 ก.ค. 65  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด และเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยมีอัตราส่งเงินสมทบภายหลังปรับลด 3 ทางเลือก

ทางเลือกที่ 1 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 42 บาทต่อเดือน จากเดิม 70 บาทต่อเดือน โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 3 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ และเสียชีวิต

ทางเลือกที่ 2 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 60 บาทต่อเดือน จากเดิม 100 บาทต่อเดือน โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 4 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต และชราภาพ

ทางเลือกที่ 3 ลดอัตราเงินสมทบเหลือ 180 บาทต่อเดือน จากเดิม 300 บาทต่อเดือน โดยได้ประโยชน์ทดแทนใน 5 กรณี คือ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ เสียชีวิต ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร

Advertising

“โนรา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว

People Unity News : “โนรา” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว

16 ธ.ค.64 องค์การยูเนสโก (The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization: UNESCO) ได้ประกาศรับรองการขึ้นทะเบียน “โนรา” หรือ Nora, dance drama in southern Thailand เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักในระดับท้องถิ่นจนถึงสากล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมฯ ซึ่งสามารถอยู่ในรูปแบบของการแสดงออกทางวาจา ภาษา การแสดงศิลปะ แนวปฏิบัติทางสังคม พิธีทางศาสนา เทศกาลเฉลิมฉลอง รวมถึงงานฝีมือ

ปัจจุบันไทยได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมจับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว 3 รายการ ได้แก่ โขน เมื่อปี 2561 นวดไทย เมื่อปี 2562 และโนรา เป็นรายการล่าสุด

Advertising

ประยุทธ์ ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน  

People Unity News : โฆษกรัฐบาล เผย “นายกฯ” ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ขอคนไทยสามัคคีอย่าขัดแย้งสร้างความแตกแยกในสังคม

9 พ.ย. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยกรณีการเปิดแสดงความคิดเห็นใน club house กล่าวถึงคนภาคอีสานในด้านลบ จนผู้คนในสังคมส่วนหนึ่งถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์การแบ่งแยกกลุ่มคน ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียที่มีลักษณะก่อให้เกิดการโต้แย้ง แบ่งแยกคนในสังคมได้ ทั้งนี้ ประเทศไทยประกอบด้วยพื้นที่ทุกภาคของแผ่นดินไทยและคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยึดหลักบริหารราชการแผ่นดิน โดยมุ่งสร้างความรัก ความสามัคคี ความเข้มแข็งให้กับคนไทยทุกภาค เพราะไม่ว่าจะเป็นคนภาคไหนก็เป็นคนไทยเหมือนกันและรัฐบาลนี้มีหน้าที่ดูแลประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ดำรงตำแหน่งกว่า 7 ปี ก็ได้ลงพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศซึ่งทุกครั้งที่ลงพื้นที่ได้พูดคุยกับคนทุกภาคซึ่งทุกคนยืนยันรักประเทศและจะร่วมกับรัฐบาลในการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อนำความเจริญมาสู่ภูมิภาคและพื้นที่ของตนเอง และไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ กลาง อีสาน ตะวันออก ตะวันตกและใต้ ต่างมีความหลากหลายของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์  จึงอยากให้ทุกฝ่ายเปิดใจและให้เคารพซึ่งกันและกัน  ทั้งนี้ ขอเตือนผู้จงใจไม่ว่าจะฝ่ายไหนกลุ่มไหน หากตั้งใจใช้โซเซียลเป็นเครื่องมือสร้างความวุ่นวายในสังคมโดยเป็นการให้ข้อความอันเป็นเท็จ บิดเบือนใส่ร้าย และสร้างความเสียหายให้กับประชาชน มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาทด้วย

“ท่านนายกรัฐมนตรียังฝากถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ให้ใช้สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดียอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นในพื้นที่สาธารณะอย่างเข้าอกเข้าใจกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือการแตกแยกในสังคม ในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาโควิด-19” นายธนกร กล่าว

Advertising

รัฐบาลเชิญชวนฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม กระตุ้นธุรกิจเดินหน้า ใช้ชีวิตปกติได้มากที่สุด

People Unity News : รัฐบาลเชิญชวนฉีดวัคซีนโควิด-19 อย่างน้อย 1 เข็ม หวังกระตุ้นธุรกิจเดินหน้า ใช้ชีวิตตามปกติได้มากที่สุด

20 พ.ย.64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล เผย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชิญชวนคนไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และอย่างน้อยต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เป็นผลดีในการออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดความปลอดภัยแก่ตนเองต่อส่วนรวม และความมั่นคงด้านสาธารณสุข

ขณะนี้ รัฐบาลและภาคีทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เข้ามาร่วมช่วยเหลือเร่งรัดการฉีดวัคซีน เช่น จัดทีมฉีดวัคซีนเชิงรุกผู้สูงอายุผู้ป่วยติดเตียงและขยายให้กลุ่มแรงงานต่างด้าว, สื่อสารทำความเข้าใจข้อมูลด้านฉีดวัคซีนให้ประชาชนรับทราบ, จัดแคมเปญ์ มอบส่วนลดค่าบริการหรือแจกของที่ระลึก สำหรับผู้ใช้บริการที่แสดงผลการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนนี้ ทำให้กิจการต่างๆกลับมาดำเนินการต่อได้ และคนไทยใช้ชีวิตที่ผ่อนคลายและปลอดภัยให้ได้มากที่สุด

Advertising

Verified by ExactMetrics