วันที่ 24 เมษายน 2024

ธอส.สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาท ร่วมสร้างไอซียูสนาม โรงพยาบาลราชวิถี สู้ภัย COVID-19

People Unity News : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สนับสนุนงบประมาณ 3 แสนบาท ให้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี จัดสร้างไอซียูสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยวิกฤติเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อย่างเต็มศักยภาพและเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร

18 พฤษภาคม 2564 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานทางการแพทย์ ในการให้ความช่วยเหลือดูแลรักษาประชาชนที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ซึ่งปัจจุบันยังคงพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งผู้ป่วยวิกฤติที่มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการธนาคาร ประกอบด้วย นายภพกร เจริญลาภ นางภานิณี มโนสันติ์ นางกรุณา เหมือนเตย และนางสุดจิตตรา คำดี เป็นผู้แทนธนาคาร มอบเงินสนับสนุน จำนวน  300,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลราชวิถี สำหรับจัดสร้างไอซียูสนามที่ใช้รองรับการรักษาผู้ป่วยวิกฤตที่มีอาการรุนแรง โดยมี นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี และคณะ เป็นผู้รับมอบ อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากนายปริญญา พัฒนภักดี และนายขรรค์ ประจวบเหมาะ ร่วมในพิธีส่งมอบครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ ธนาคารยังได้มอบน้ำดื่มของธนาคาร จำนวน 5,000 ขวด หน้ากากอนามัย พร้อมสายคล้องหน้ากากอนามัยที่พนักงานธนาคารจัดทำขึ้นด้วยจิตอาสา นำไปแจกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนที่มารอรับบริการจากโรงพยาบาลอีกด้วย

ทั้งนี้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาตลอดระยะเวลากว่า 67 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม และการกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และการปลูกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของผู้ปฏิบัติงานภายในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน

Advertising

ธ.ก.ส.จัดรถขนส่งสิ่งของ-เครื่องอุปโภคบริโภคไปให้ผู้ป่วยโควิด-บุคลากรทางการแพทย์ ฟรี

People Unity News : ธ.ก.ส.ร่วมส่งต่อน้ำใจสู่สังคม ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภคของผู้บริจาคไปยังบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้การเข้าไปดูแลช่วยเหลือไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างทันท่วงทีและไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ธ.ก.ส. ได้ดำเนินโครงการช่วยขนส่งสิ่งของอุปโภคบริโภคของผู้ปันน้ำใจไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วยการจัดรถให้บริการขนส่งสิ่งของในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสนับสนุนหน่วยงานหรือบุคคลที่มีความประสงค์บริจาคอาหารหรือสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยไปให้บุคลากรทางการแพทย์หรือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยผู้ที่มีความประสงค์ใช้บริการดังกล่าว สามารถติดต่อ  ได้ที่ Call Center 02 555 0555

ธ.ก.ส.ในฐานะหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง  พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและให้บริการกับประชาชน  ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยทุกคนก้าวข้ามวิกฤติต่างๆไปด้วยกัน  โดยที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้มีนโยบายให้สาขาทั่วประเทศ เข้าไปสนับสนุน น้ำดื่ม อาหารกล่อง  รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หน่วยให้บริการฉีดวัคซีนในพื้นที่ อีกทั้งได้สมทบทุนเงินบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อาทิ มูลนิธิโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19 มูลนิธิไทยพีบีเอส เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไปผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อสนับสนุนโครงการตรวจคัดกรองโควิดทันใจ (Rapid Antigen Test) นำไปใช้สำหรับรองรับตรวจสอบการได้รับเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นต้น

Advertising

รัฐบาลปลื้ม CNN Travel ยกให้ไข่เจียวปู ข้าวซอย ไส้กรอกอีสาน ติดรายชื่ออาหารข้างทางยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

People Unity News : 31 สิงหาคม 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่อาหารข้างทาง (Street foods) ของไทยยังคงสร้างความประทับใจให้คนทั่วโลก หลังจากที่ CNN Travel ได้เผยแพร่รายชื่อ 50 อันดับอาหารข้างทางที่ดีที่สุดในเอเชีย (50 of the best street foods in Asia) โดยมี 3 เมนูอาหารข้างทางของไทยติดรายชื่อดังกล่าว ได้แก่ ไข่เจียวปู ข้าวซอย และไส้กรอกอีสาน พร้อมระบุว่า รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริม Soft Power ของไทยในด้านอาหาร และด้านอื่นๆ สู่เวทีโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า CNN Travel ได้ระบุว่า ไข่เจียวปู เป็นเมนูไข่ที่มีรสชาติดีกว่าเมนูไข่ประเภทอื่น ส่วนผสมของไข่และเนื้อปูทำให้อาหารจานนี้ทั้งกรอบและเนื้อนุ่มฟูน่าทาน โดยหากรับประทานพร้อมซอสพริกจะยิ่งทำให้เมนูนี้อร่อยมากยิ่งขึ้น ส่วนข้าวซอย เป็นอาหารของทางภาคเหนือของไทย มีส่วนผสมของซุปที่มีเครื่องแกงกะหรี่ ผสมกับน้ำกะทิที่เข้มข้น ราดบนเส้นบะหมี่ที่มีน่องไก่หรือเนื้อวัว และโรยด้วยเส้นบะหมี่ทอด สำหรับไส้กรอกอีสาน เป็นอาหารข้างทางที่พบได้ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เป็นไส้กรอกหมูปรุงรสผสมข้าวเหนียว กระเทียม นำไปหมักและตากแห้งจนมีรสเปรี้ยว

“ประเทศไทยได้รับความนิยมด้านความหลากหลายของอาหาร ซึ่งเกิดจากความแตกต่าง เรื่องพื้นที่เพาะปลูกทำปศุสัตว์ของท้องถิ่นแต่ละภูมิภาค ทำให้อาหารไทยมีเอกลักษณ์และเป็นที่นิยมมาตลอด ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักถึงข้อได้เปรียบ และได้เดินหน้าผลักดัน ส่งเสริมการขยายผล Soft power ของไทยทั้งในด้านอาหาร และด้านอื่น ๆ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

กรมอนามัย จัด ATK 250,000 ชุด ผ่านศูนย์อนามัย กระจายสู่ผู้ประกอบกิจการด้านอาหาร

People Unity News : กรมอนามัย จัด ATK 250,000 ชุด ผ่านศูนย์อนามัย กระจายสู่ผู้ประกอบกิจการด้านอาหาร

6 ต.ค.2564 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ตามที่ ศบค. ได้ผ่อนคลายสถานประกอบกิจการต่างๆนั้น แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จึงคงต้องปฏิบัติภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการขอความร่วมมือพ่อค้าแม่ค้า ผู้ขาย พนักงานบริการในร้านอาหาร และพนักงานส่งอาหาร ได้คัดกรองความเสี่ยงด้วยชุดตรวจ ATK ทุก 7 วัน

ขณะนี้ กรมอนามัยได้สนับสนุนชุดตรวจ ATK จำนวน 250,000 ชุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารทั่วประเทศผ่านศูนย์อนามัย ได้แก่ ตลาด 157,452 ชุด ร้านอาหาร 68,596 ชุด แผงลอย 18,876 ชุด และเดลิเวอรี 5,076 ชุด

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการตรวจ ATK แต่ละสถานประกอบการขอให้ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด คือ ตลาด ต้องเป็นตลาดค้าส่งและตลาดขนาดใหญ่ ที่มีการแพร่ระบาด และมีความเสี่ยงสูง ให้สุ่มตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงสูงร้อยละ 10 ผู้มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ผู้ใกล้ชิดหรือสัมผัสผู้ป่วย และผู้ที่มีลักษณะการพักอาศัยที่มีจำนวนคนมากพักรวมกัน หรือมีความเสี่ยง ซึ่งหน่วยบริการสามารถปรับจำนวนได้ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ , ร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านที่ซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อ ร้านที่พบผู้ติดเชื้อ และ/หรือร้านที่พนักงานยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 , แผงลอย เน้นที่มีการซื้อวัตถุดิบจากตลาดที่มีประวัติพบผู้ติดเชื้อหรือมีการสุ่มตรวจ ATK มีการจำหน่ายอาหารในบริเวณเขตพื้นที่ได้รับอนุญาตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือมีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโควิด-19 หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 และเดลิเวอรี่ ต้องเป็นพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มีปัจจัยเสี่ยงบุคคลในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นโรคโควิด-19 และอยู่ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ ขอให้สถานประกอบกิจการด้านอาหาร คุมเข้มในการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ควบคู่กันไป เพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อโควิด-19 ด้วยหลักปฏิบัติ 10 ข้อสำคัญ

Advertising

กยศ.เพิ่มวงเงินให้กู้เป็น 40,000 ล้าน รองรับนักเรียน-นักศึกษากู้ 700,000 ราย

People Unity News : กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ขยายกรอบการให้กู้ยืมปีการศึกษา 2564 โดยเพิ่มวงเงินให้กู้ยืมเป็น 40,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษา จำนวน 700,000 ราย พร้อมขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1/2564 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้เปิดเผยว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในช่วงที่ผ่านมาทำให้มีผู้ประสงค์จะขอกู้ยืมเพื่อการศึกษามากขึ้น คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มีมติเห็นชอบในการขยายกรอบวงเงินการให้กู้ยืมแก่นักเรียน นักศึกษาผู้ประสงค์ขอกู้ยืมในปีการศึกษา 2564 จากเดิมที่กองทุนได้กำหนดกรอบการให้กู้ยืมไว้ จำนวน 38,587 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 623,891 ราย โดยได้เพิ่มกรอบวงเงินเป็น 40,000 ล้านบาท สำหรับผู้กู้ยืม จำนวน 700,000 ราย เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่างๆ ให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงขอให้ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษาของบุตรหลาน ทั้งนี้ กองทุนขอยืนยันว่ากองทุนมีเงินให้กู้ยืมเพียงพอสำหรับนักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาสได้เรียนต่ออย่างแน่นอน ซึ่งในปีนี้กองทุนได้รับชำระหนี้ประมาณ 32,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินที่ได้รับจากการรับชำระหนี้มาหมุนเวียนให้กับผู้กู้ยืมโดยไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด

โดยขณะนี้ กองทุนได้ขยายเวลายื่นขอกู้ยืมเงินภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 นักเรียน นักศึกษาสามารถยื่นกู้ยืมผ่านโทรศัพท์มือถือด้วยแอปพลิเคชัน กยศ. Connect หรือทาง www.studentloan.or.th โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในการทำสัญญากู้ยืมเงินใหม่ ซึ่งกองทุนได้เปิดระบบ DSL ให้ผู้กู้ยืมและสถานศึกษาได้เริ่มดำเนินการกู้ยืมในปีการศึกษา 2564 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ขณะนี้มีผู้ประสงค์ขอกู้ยืม จำนวน 616,834 ราย ซึ่งกองทุนได้อนุมัติการกู้ยืมเงินไปแล้ว 584,077 ราย ซึ่งเป็นปีแรกที่กองทุนได้เปิดให้มีการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาครบทั้ง 4 ลักษณะ ได้แก่ 1) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ 2) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหลัก ซึ่งมีความชัดเจนของการผลิตกำลังคนและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ 3) นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลน หรือที่กองทุนมุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ และ 4) นักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศในระดับปริญญาโท หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่โทร 0 2016 4888 หรือไลน์บัญชีทางการ กยศ.” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าว

Advertising

ประยุทธ์พอใจฉีดวัคซีนโควิดนักเรียนรุดหน้าแล้วกว่า 83% เตรียมฉีดวัคซีนเด็กเล็ก 5.2 ล้านคน

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย “นายกฯ” พอใจ ภาพรวมฉีดวัคซีนโควิดนักเรียน รุดหน้าแล้วกว่า 83% เตรียมแผนฉีดวัคซีนเด็กเล็กกว่า 5.2 ล้านคน เร่งสำรวจความยินยอมผู้ปกครองภายใน ม.ค.นี้ ขณะที่องค์การเภสัชกรรมเปิดจำหน่าย ATK สำหรับประชาชน 3 ล้านชุด ราคา 35 บาท 14 ม.ค. นี้

13 ม.ค. 65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจภาพรวมของนักเรียนช่วงอายุ 12 ปีขึ้นไป (ป.6/ม.1-ม.6/ปวช.1-3/ปวส.1-2) ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการรายงาน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มกราคม 2565) พบ จำนวนนักเรียนผู้ประสงค์ฉีด 4,317,337 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 5,148,710 คน หรือคิดเป็น 83.85% ทั้งนี้ มีนักเรียนได้รับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่ 1 แล้ว จำนวน 4,102,827 คน คิดเป็น 95.03% และเข็มที่ 2 แล้ว แล้ว 3,040,726 คน คิดเป็น 70.43%  นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังมีการเตรียมแผนการจัดสรรวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ขณะนี้ กำลังสำรวจตัวเลขตลอดจนสำรวจความยินยอมผู้ปกครองโดยในระบบของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงอื่นๆ มีนักเรียนที่อยู่ในระบบราว 5.2 ล้านคน  ซึ่ง นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้มีการสร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองให้มากที่สุด ทั้งนี้กระทรวงศึกษาธิการคาดว่าจะเปิดลงทะเบียนประสงค์รับวัคซีนช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม ส่วนรูปแบบในการฉีดจะใช้แนวทางเดิมที่ฉีดให้กับเด็กอายุ 12-18 ปี

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยต่อว่า ภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่เด็กนักเรียนในประเทศ มีความคืบหน้าในทุกภูมิภาค อาทิ ภาคใต้ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 97% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 73%  ภาคเหนือ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 99% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 82% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข็ม 1 ฉีดแล้ว 93% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 66% ภาคตะวันออก เข็ม 1 ฉีดแล้ว 98% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 75% ภาคตะวันตก เข็ม 1 ฉีดแล้ว 99% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 76% ภาคกลาง เข็ม 1 ฉีดแล้ว 94% เข็ม 2 ฉีดแล้ว 68% ซึ่งรัฐบาลก็จะเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่เด็กนักเรียนให้ครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด ทั้งนี้เพื่อรองรับการระบาดของ “โอมิครอน” และเพื่อให้กลุ่มนักเรียนที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วสามารถกลับเข้ามาเรียนออนไซต์หรือที่โรงเรียนได้โดยเร็วที่สุด

Advertising

ครม. ไฟเขียวเพิ่มวันลาคลอด ขรก. รับเงินเดือน 50% – พ่อลาดูแลลูก 15 วันไม่ติดต่อกันได้

People Unity News : ครม. ไฟเขียวเพิ่มวันลาคลอด ขรก. รับเงินเดือน 50% – พ่อลาดูแลลูก 15 วันไม่ติดต่อกันได้

12 ม.ค. 65 ที่ประชุม ครม. (11 ม.ค. 65) อนุมัติหลักการร่างมาตรการสนับสนุนสตรีให้เป็นพลังสำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชายในการเลี้ยงดูบุตร และสร้างกลไกการพัฒนาเด็ก เพื่อลดภาระให้กับผู้หญิงที่ทำงาน สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ที่ไทยเข้าร่วมเป็นรัฐภาคี

ครอบคลุม 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มแรงงานหญิงทั้งในระบบและนอกระบบ กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว และกลุ่มผู้หญิงสูงอายุที่เป็นผู้เลี้ยงดูเด็ก

สำหรับมาตรการสนับสนุนมี 3 ส่วนหลัก

▶️จัดบริการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี และขยายเวลาเปิด – ปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือสถานรับเลี้ยงเด็กให้สอดคล้องกับเวลาทำงานของผู้ปกครองในแต่ละพื้นที่

▶️ขยายวันลาคลอดของแม่ที่เป็นข้าราชการหญิง โดยได้รับค่าจ้างจากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็น 98 วัน (เพิ่มขึ้น 8 วัน) และสามารถลาเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับเงินเดือนในอัตรา 50%

▶️ส่งเสริมการลาของสามีที่เป็นข้าราชการชาย ช่วยภรรยาดูแลบุตรหลังคลอด โดยให้มีสิทธิลาได้ 15 วันทำการ เป็นช่วงๆ ไม่ติดต่อกันจนครบวันลา (จากเดิมที่ให้ลาครั้งหนึ่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 15 วันทำการ)

มาตรการดังกล่าวยังไม่มีผลในขณะนี้ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะรับข้อเสนอแนะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และแก้ไขระเบียบต่อไป

Advertising

ธอส.รับนโยบายนายกรัฐมนตรีช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ลงพื้นที่แจกถุงยังชีพ จ.อยุธยา

People Unity News : ธอส. รับนโยบายนายกรัฐมนตรี เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ลงพื้นที่แจกถุงยังชีพในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ณ วัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 300 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน พร้อมให้คำปรึกษาแนวทางช่วยเหลือผ่าน 7 มาตรการ ตาม “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564”

14 ตุลาคม 2564 นายยุทธนา หยิมการุณ ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้รัฐมนตรี รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันลงพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมกับให้ความช่วยเหลือลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องผ่าน “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564”  และในวันนี้ (14 ตุลาคม 2564) ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานของธนาคาร นำโดย นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. จึงได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ บริเวณวัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และยังได้รับฟังความต้องการของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวมถึงให้คำแนะนำแนวทางความช่วยเหลือของธนาคารทั้ง 7 มาตรการตาม “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564” กรอบวงเงินรวมของโครงการ 100 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการลดดอกเบี้ย ให้กู้เพิ่ม/กู้ใหม่อัตราดอกเบี้ยต่ำ มาตรการประนอมหนี้ ปลอดหนี้ และพิจารณาสินไหมเร่งด่วนให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับทราบ โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารเปิดจุดบริการพิเศษเพื่อรับคำขอเข้ามาตรการและให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง ธอส. ยืนยันว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน ธอส. ได้ส่งมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยมาแล้วกว่า 3,000 ชุด ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 13 จังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

Advertising

รู้ยัง ส่งเงินสมทบ ประกันสังคมปี 64 ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีปี 65 ได้

People Unity News : ส่งเงินสมทบต้องรู้ ประกันสังคม ปี 64 ใช้ยื่นลดหย่อนภาษีได้

26 ธ.ค.64 สำนักงานประกันสังคม แจ้งผู้ประกันตนตามมาตรา 33, 39 และ 40 ที่มีเงินได้หรือรายได้ตามเกณฑ์กำหนด ยื่นภาษี ปี 2565 สามารถใช้เงินประกันสังคมที่ส่งมาคำนวณเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งผู้ประกันตนแต่ละมาตรา จะมีสิทธิการลดหย่อนที่แตกต่างกัน ดังนี้

ผู้ประกันตน ม.33 ขอหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย 50 ทวิ จากหน่วยงานที่ทำงานอยู่ สามารถนำไปลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 5,100 บาท

ผู้ประกันตน ม.39 ลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 3,003 บาท

ผู้ประกันตน ม.40 ลดหย่อนตามจำนวนเงินสมทบที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท

ทั้งนี้ ผู้ประกันตนสามารถนำบัตรประชาชนตัวจริงไปติดต่อขอคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่ง

Advertising

ยะลาชุบชีวิต “ต้าสวุ่ยต้อ” จากอุโมงค์หลบภัย สู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่

People Unity News : ยะลาชุบชีวิต “ต้าสวุ่ยต้อ” จากอุโมงค์หลบภัย สู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่

12 มี.ค. 2565 กรมป่าไม้ และ ศอ.บต. ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศและประวัติศาสตร์ อุโมงค์ใหญ่ “ต้าสวุ่ยต้อ” ป่าสงวนแห่งชาติ อ.เบตง จ.ยะลา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวที่สนใจ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ต.ค. 64 – ก.ย. 67 โดยจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กห. เพื่อทราบ ในพิธีเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ดอนเมือง – เบตง วันจันทร์ที่ 14 มี.ค. 65

อุโมงค์ใหญ่ “ต้าสวุ่ยต้อ” ขุดด้วยแรงคนและใช้งานในสมัยการสู้รบระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์มลายากับรัฐบาลมาเลเซีย ช่วงปี พ.ศ. 2491 – 2532 เพื่อเป็นที่หลบภัยทางอากาศ มีการขุดเจาะหลายสิบอุโมงค์ทางเข้าออกหลายทางเชื่อมโยงถึงกันคล้ายใยแมงมุม มีห้องนอนและพื้นที่ปฏิบัติการ เช่น สถานีวิทยุ ห้องเก็บเสบียง ฯลฯ นับเป็นการก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์ที่ชาญฉลาด

Advertising

Verified by ExactMetrics