วันที่ 20 พฤษภาคม 2024

แจกต้นฟ้าทะลายโจร พืชสุขภาพและเศรษฐกิจ แก่สถาบันเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น

People Unity News : แจกต้นฟ้าทะลายโจร พืชสุขภาพและเศรษฐกิจ แก่สถาบันเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่น

18 กันยายน 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงาน Kick off โครงการส่งเสริมการผลิตฟ้าทะลายโจร ในสถาบันเกษตรกรในจังหวัดขอนแก่นและร่วมปลูกฟ้าทะลายโจรในแปลงปลูกฟ้าทะลายโจร พร้อมเปิดเผยว่า การจัดทำโครงการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร สู้ภัยโควิด-19 ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายการขยายพื้นที่ปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบในกระบวนการแปรรูปเข้าสู่ตลาดสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและสมาชิกของสหกรณ์

อย่างไรก็ตาม ยังเป็นโอกาสให้กับสหกรณ์ในการต่อยอด ขยายการส่งเสริมและเพิ่มพื้นที่ปลูกให้กับสมาชิกสหกรณ์รายอื่นๆ รวมทั้งเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านปริมาณและราคาให้เกิดความสมดุล ส่งเสริมให้ประชาชนใช้พืชสมุนไพรไทยเป็นทางเลือกในการรักษาโรคเพิ่มขึ้น

ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจรในสถาบันเกษตรกร ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและอนาคตอาจจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ต่อไป

Advertising

นายกฯ ชื่นชมการทำงานสนับสนุนภาคเกษตรของไทย

People Unity News : 17 พฤษภาคม 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ชื่นชมการทำงานสนับสนุนภาคเกษตรของไทย ส่งผลการส่งออกทุเรียนจากไทยไปจีนสร้างมูลค่ากว่าแสนล้านบาท พร้อมขอบคุณการสนับสนุนทุเรียนทะเลหอย สินค้า GI ย้ำมาตรฐานสินค้าไทย เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้เกษตรกร

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอบคุณความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลยอดการส่งออกทุเรียนไทยไปจีน ในช่วงฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก 2566 รวมมูลค่ากว่าแสนล้านบาท

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การส่งออกทุเรียนในฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก ปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม 2566 ไทยส่งออกทุเรียนสดไปจีนทั้งสิ้น 25,000 ตู้คอนเทนเนอร์ มีน้ำหนัก 4.5 แสนตัน สร้างมูลค่าการส่งออกกว่าแสนล้านบาท โดยใช้เส้นทางการส่งออก ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศรวมทั้งเส้นทางขนส่งทางรถไฟ โดยผลการดำเนินการส่งออกเกินเป้าหมายทำยอดสูงสุด เกินกว่าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าไว้ รวมถึงทุเรียนไทยยังสามารถครองสัดส่วนตลาดในจีนได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดกว่า 90% และกระทรวงเกษตรฯ มั่นใจว่าปี 2566 จะสามารถส่งออกผลไม้เศรษฐกิจ ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง มะม่วง มะพร้าว ฯลฯ ได้ตามเป้าหมาย คือ 4.44 ล้านตัน สร้างเงินให้ประเทศและเกษตรกรกว่า 2 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ รัฐบาลส่งเสริมการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(Geographical Indication : GI) ให้กับสินค้าไทย เพื่อเพิ่มโอกาส เพิ่มมูลค่า คงคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ซึ่งมีสินค้าเกษตรทุเรียนจากภาคใต้ชนิดใหม่ ได้รับการจดทะเบียนเพื่อให้เป็นที่รู้จัก สร้างรายได้ให้ชุมชน ได้แก่ ทุเรียนทะเลหอย ปลูกในอำเภอปลายพระยา จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ใช้สารเคมีในการเพาะปลูก ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพดีและมีลักษณะโดดเด่น คล้ายทุเรียนผสมครีมหรือนมสด เนื้อสัมผัสแห้ง เป็นที่นิยมของผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

“นายกรัฐมนตรีติดตาม ชื่นชมการทำงานที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล และขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่ช่วยรักษาคุณภาพของทุเรียนในการส่งออกเพื่อให้ตรงตามมาตรฐาน พร้อมร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรของไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนผลักดันการขึ้นทะเบียน GI เน้นระบบควบคุมคุณภาพสินค้า ส่งเสริมการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของสินค้า รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขาย และขยายช่องทางการตลาดทุกรูปแบบ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน เศรษฐกิจภายในประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าไทยเพื่อความยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย”ซื้อขายน้ำยางข้นกับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่จีน

People Unity News : เกษตรกรเตรียมเฮ! “เฉลิมชัย” บุกหนัก นำทัพกระทรวงเกษตรฯ พา กยท. ลงนาม MOU ซื้อขายน้ำยางข้น กับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ และการยางแห่งประเทศไทย บุกตลาดจีน จับมือ 3 บริษัทน้ำยางข้นยักษ์ใหญ่จีน ลงนามความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางด้านธุรกิจระหว่างการยางแห่งประเทศไทย กับ 3 บริษัทน้ำยางข้นจีน ได้แก่ 1. บ. GOAMI ZHENGFENG TRADING (บ. นำเข้าน้ำยางข้น อันดับ1 ของจีน) 2. บ. NINGBO CHANGHKEN (บ.นำเข้าน้ำยางข้นจากไทยเป็นอันดับ1) 3. บ. SANGDONG XINGYU (บ. ใช้น้ำยางข้นผลิตถึงมือยางอันดับ 1 ของจีน) ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชาจีน

การลงนาม MOU ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพปริมาณการส่งออกน้ำยางข้นไปจีนได้เพิ่มขึ้นกว่า 60,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ที่ผ่านมา จีนเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย ซึ่งไทยส่งออกน้ำยางข้นไปจีน ปีละกว่า 420,000 ตัน (37.8% ของการส่งออกทั่วโลก) เป็นมูลค่ากว่า 15,500 ล้านบาทต่อปี

ปี 2561 อุตสาหกรรมน้ำยางข้นไทยได้รับผลกระทบอย่างมาก ไทยส่งออกน้ำยางข้นลดลง 14 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะตลาดจีนลดลงกว่า 23 เปอร์เซนต์ ซึ่งการลงนามในวันนี้ จะเป็นการรักษาฐานลูกค้าจากประเทศผู้ซื้อยางเดิม เพิ่มมูลค่าทางการค้าให้สินค้ายางพาราของไทย เป็นการเพิ่มช่องทางหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสร้างเสถียรภาพราคายางให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางของไทย

“นับเป็นนิมิตหมายอันดี ในการตอกย้ำถึงคุณภาพน้ำยางข้นของไทยที่ดีที่สุดในโลกให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งฝ่ายไทยมีศักยภาพส่งออกน้ำยางคุณภาพสูง และพร้อมจะเป็นคู่ค้าที่ดีกับจีนและทุกประเทศทั่วโลก” นายเฉลิมชัยกล่าว

ธ.ออมสินลดดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) เหลือ 6.845% ต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 มกราคม 2567 ธนาคารออมสินลดดอกเบี้ย MRR เหลือ 6.845% อัตราต่ำสุดในระบบธนาคาร ตั้งเป้าลดภาระประชาชนตามนโยบายรัฐบาล มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มอบหมายสั่งการสถาบันการเงินของรัฐ ดำเนินการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการลดภาระทางการเงินของประชาชน โดยที่ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกนโยบายให้ธนาคารออมสินตรึงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ก่อนจนถึงสิ้นปี 2566 นั้น

ล่าสุดธนาคารออมสินประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) หลังจากตรึงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ในระดับต่ำจนถึงสิ้นปีที่ผ่านมา โดยประกาศดอกเบี้ย MRR จากเดิม 6.995% ลดลงเหลือ 6.845% มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระทางการเงินของประชาชนในช่วงระยะนี้ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นับเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ที่ต่ำสุดในระบบธนาคาร ณ เวลานี้

อนึ่ง อัตราดอกเบี้ย MRR หรือ Minimum Retail Rate เป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงที่ใช้สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธนาคาร การประกาศลดอัตราดอกเบี้ย MRR ในครั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนในภาวะที่ต้องแบกรับต้นทุนทางการเงินมากขึ้นในการดำรงชีพ ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐ และสอดคล้องตามภารกิจธนาคารเพื่อสังคม

เริ่มแล้ว! โครงการ“บ้านในฝัน รับปีใหม่” คลังมั่นใจกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายคึกคัก

People Unity News : เริ่มแล้ว โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” 11.11 ก.คลังร่วมกับ ธอส. และ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ทำความฝันของผู้ที่อยากมีบ้านที่พักอาศัยเป็นของตนเองให้เป็นความจริง คลังมั่นใจกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โค้งสุดท้ายให้คึกคัก

วันที่ 11 พ.ย.2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และ 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร รวมทั้งผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายย่อยทั่วทั้งประเทศ ผนึกกำลังร่วมกันเปิดโครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ในวันที่ 11 พฤศจิกายน (11.11) เพื่อทำความฝันของผู้ที่อยากมีบ้านเป็นของตนเองให้เป็นความจริง โดยพี่น้องประชาชนผู้สนใจซื้อที่อยู่อาศัย ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตนเอง พร้อมตอบรับแนวคิดสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ซึ่งเป็นการส่งเสริมการออมที่มีความสำคัญประการหนึ่ง ต่างให้การตอบรับโครงการดังกล่าวเป็นอย่างดี โดยวงเงินปล่อยกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ล่าสุดถูกปล่อยกู้ไปแล้ว จำนวน 10,370 บาท

ทั้งนี้ โครงการ “บ้านในฝัน รับปีใหม่” ภายใต้แคมเปญ ซื้อ ปุ๊บ โอนปั๊บ รับทันที 3 สิทธิพิเศษ
สิทธิ์ที่ 1 กู้ ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% นาน 3 ปี วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท หมดแล้วหมดเลย
สิทธิ์ที่ 2 ฟรีค่าโอนและค่าจดจำนอง
สิทธิ์ที่ 3 รับโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม พร้อมส่วนลดสุดพิเศษอลังการ (จากโครงการที่เข้าร่วม)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โครงการต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นโปรโมชั่นพิเศษสุดยิ่งใหญ่อลังการแบบไม่เคยมีมาก่อน เพื่อส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง สร้างหลักประกันให้ครอบครัว รวมถึงช่วยระบายสต๊อกคงค้างของผู้ประกอบการที่มีอยู่จำนวน 35,000 ยูนิต โดยกระทรวงการคลังมั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะสามารถสร้างความคึกคัก กระตุ้นยอดขาย และเร่งให้เกิดการโอนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 62 ได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ในส่วนของผู้ประกอบการ นอกจากสามารถเข้าร่วมโครงการผ่านทางสมาคมที่สังกัดอยู่แล้ว ขณะนี้ ธอส.กำลังจัดทำระบบเพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทางออนไลน์และ ดาวน์โหลด Artwork ไปใช้ประชาสัมพันธ์การขายได้อีกทางหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของ ธอส.เพื่อความสะดวกรวดเร็วและลดค่าใช้จ่าย

“จุรินทร์”ทำยอดอีก 2,400 ล้านที่เยอรมนี ขายผลิตภัณฑ์ยาง

People Unity News : “จุรินทร์”ทำยอดอีก 2,400 ล้านที่เยอรมนี ขายผลิตภัณฑ์ยาง ถุงมือยางทางการแพทย์ เครื่องดื่ม อาหารพร้อมประกาศลุยตลาดยุโรปต่อเนื่อง

วันที่ 18 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เยือนประเทศเยอรมนี โดยช่วงเช้า เวลา 9.30 – 10.00 น. เป็นประธานและสักขีพยานการลงนาม MOU ระหว่างนักธุรกิจไทยและเยอรมนี (ข้าวและเครื่องดื่ม) ณ โรงแรม Hyatt Regency Dusseldorf ผู้ส่งออกไทย บริษัท ยูนิเวอร์แซลไรซ์ จำกัด กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG และผู้ส่งออกไทย บริษัท Boonrawd Trading International Co.,Ltd กับ บริษัท Kreyenhop & Kluge GmbH & Co. KG

ภายหลังการลงนาม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้นำกระทรวงพาณิชย์และการยางแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนมาเยือนประเทศเยอรมันนีเที่ยวนี้ มีกิจกรรมหลัก 3 เรื่องด้วยกันเรื่องที่หนึ่งการยางแห่งประเทศไทยและภาคเอกชนมาเจรจาขายยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางสองก็คือพระเอกชนมาร่วมงานเมดิก้า Mecida 2019 ซึ่งเป็นงานที่เยอรมันจัดงานแสดงสินค้าที่เกี่ยวกับการแพทย์และการดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลกติดต่อกันมาหลายปี กิจกรรมที่สามก็คือการยางพาภาคเอกชนไทยและกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไปส่งเสริมการขายสินค้าไทยในห้างค้าส่งรายใหญ่ของเยอรมันคือห้าง METRO ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศใน 760 สาขาด้วยกันซึ่งสินค้าส่วนใหญ่คือสินค้าอาหาร อาหารสำเร็จรูป สำหรับการนำการยางและภาคเอกชน มาขายสินค้าทางการเกษตรนั้นปรากฏ ผลคือวันนี้ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ในการขายข้าวถุง และขายข้าวสารถุง จำนวน 6000 ตันให้กับภาคเอกชนของเยอรมัน มูลค่า 250 ล้านบาทโดยประมาณ และสองก็คือขายเครื่องดื่มให้กับภาคเอกชนประมาณ 40 ล้านบาทและผลิตภัณฑ์ยางนั้นสามารถทำยอดขายรวมกันเป็นถุงมือยางเพื่อการแพทย์ 2000 ล้านบาทโดยประมาณและสินค้าอื่นๆในงาน MEDICA คาดการณ์ว่าจะทำยอดปีนี้ที่มาร่วมงานประมาณ 150 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งหมดเป็น 2400 ล้านบาท สำหรับการเดินทางมาเยี่ยมเยอรมันครั้งนี้

สำหรับงาน MEDICA นั้นมีภาคเอกชนไทยมาร่วมงานทั้งหมด 16 บริษัทด้วยกัน สินค้าที่นำมาเจรจาในเรื่องของการขายประกอบด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือทางด้านการดูแลสุขภาพการกายภาพบำบัด อุปกรณ์ที่ใช้ในกระดูก อุปกรณ์ไฟฟ้าทางการแพทย์และของที่ใช้แล้วทิ้งทางการแพทย์ เป็นต้นที่การยางแห่งประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นตลาดใหม่สำหรับการยางเพราะฉะนั้นการยางก็ได้มีการนัดผู้นำเข้าของเยอรมันเจรจาแต่ว่ายังต้องใช้เวลาในการนับหนึ่งแต่เชื่อว่าการยางจะสามารถที่จะขายยางได้เยอะทีเดียว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยากจะเรียนให้ทราบเพิ่มเติมสำหรับการเปิดตลาดในเยอรมันและสหภาพยุโรปโดยเยอรมันถือว่าเป็นผู้นำประเทศหนึ่ง ในสหภาพยุโรป เราได้มีการเตรียมการในการบุกตลาดสหภาพยุโรปในหลายเรื่องด้วยกันเรื่องที่หนึ่งคือเริ่มต้นที่จะทำเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ผมได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าได้เริ่มต้นแล้วและถ้าการเจรจามีความคืบหน้าจะทำให้เร็วที่สุดเพราะจะมีผลช่วยให้การค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเราได้รับสิทธิในการส่งสินค้าบางอย่างที่ยังมีกำแพงภาษีจากสหภาพยุโรปที่ทำให้เราสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในเรื่องภาษีนำเข้าบางตัวเช่นถุงมือยางเพื่อการแพทย์สำหรับตลาดสหภาพยุโรปรวมทั้งเยอรมันประเทศไทยต้องเสียภาษีนำเข้า 2.3% ขณะที่คู่แข่งสำคัญของเราคือมาเลเซียไม่ต้องเสียภาษีเพราะเขาได้สิทธิ์จีเอสพีซึ่งจะได้ไปจนถึงปีหน้าถ้าเราสามารถที่จะทำเอฟทีเอร่วมกันภาษีก็จะเป็นศูนย์ทำให้เราสามารถแข่งขันกับมาเลเซียได้คือสิ่งที่เราต้องเร่งรัดเอฟพีเอไทยกับอียูนอกจากนั้นสินค้าที่เราจะส่งไปยังสหภาพยุโรปต้องเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานสูงเช่นมีเงื่อนไขด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อมมาตรฐานอียูและ food safety เหล่านี้เป็นต้น

“ผู้ที่จะส่งสินค้ามาที่สภาพยุโรปต้องเป็นผู้ผลิตไทยที่ได้มาตรฐานและเป็นไปตามเงื่อนไขของอียูผมมั่นใจว่าประเทศของเราพัฒนาไปเยอะมากเรื่องการขายเหล่านี้ซึ่งเป็นข้อจำกัดบางเรื่องแต่เราสามารถที่จะบรรลุเงื่อนไขเหล่านี้ได้เพื่อให้เข้ามาแข่งขันในตลาดเหล่านี้ได้สำหรับตลาดที่ตั้งเป้าจะเข้ามาขยายในเยอรมันกับสหภาพยุโรปก็คืออย่างเรื่องผลิตภัณฑ์ยางและเรื่องข้าวโดยเฉพาะข้าวออแกนิกซ์ ซึ่งเป็นที่นิยมและไบโอพลาสติก อาหารสำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง เช่นไก่แช่แข็ง เป็นต้น รวมทั้งในเรื่องของ startup ซึ่งเรามีศักยภาพเช่นในเรื่องของอนิเมชั่นภาพยนตร์สามารถที่จะมาทำความร่วมมือกับเยอรมันสหภาพยุโรปเพื่อเป็นแหล่งผลิตอนิเมชั่นบางส่วนให้กับเขาได้และที่สำคัญคือธุรกิจบริการร้านอาหารไทย สปา ก็เป็นธุรกิจบริการที่มีอนาคตสำหรับประเทศไทยในตลาดเยอรมันและตลาดสหภาพยุโรปรวมทั้งการที่เราจะต้องนำภาคเอกชนมาร่วมงานแสดงสินค้าในหลายภาคส่วนทั้งการแพทย์อาหารอื่นๆที่ ที่เค้าจัดเป็นประจำทุกปีนำผู้นำเข้าจากทั่วโลกมาที่นี่” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทั้งนี้ทำให้ยอดขายมีความชัดเจน 2400 ล้านบาทเฉพาะทริปเดียวที่มาอย่างอื่นคือเรื่องปูทางอนาคตเช่นการยางแห่งประเทศไทยซึ่งวันนี้นัดผู้นำเข้ารายใหญ่สองรายซึ่งมีความคืบหน้าอย่างไรทางการยางก็จะรายงานให้ผมทราบในเรื่องเพื่อการเกษตรข้าวมันสำปะหลังยางพารารวมทั้งอาหารถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะเป็นเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ถ้ามียอดส่งออกเยอะก็จะมีผลเกื้อกูลไปถึงเกษตรกรที่อยู่ในระดับฐานรากด้วยจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ

อย่างในอนาคตสำหรับในปัจจุบันทำแล้วบางส่วนอนาคตต้องให้ความสำคัญยิ่งขึ้นคือการเพิ่มมูลค่าเราจะไม่เน้นเฉพาะการส่งยางดิบในรูปของยางแผ่นรมควันหรือรูปน้ำอย่างคนรูปยางแท่งเท่านั้นแต่ว่าหัวใจสำคัญที่เป็นนโยบายถัดจากนี้ไปที่ต้องช่วยกันทุกวิถีทางคือในเรื่องของผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปที่มีการเพิ่มมูลราคาโดยเฉพาะอย่างยิ่งถุงมือยางเพื่อการแพทย์อันนี้ยังมีตลาดในโลกที่ใหญ่มากถ้าเราแก้ปัญหาในเรื่องภาษีนำเข้าของประเทศนั้นนั้นให้เท่าเทียมกับคู่แข่งเราได้เราก็จะมีอนาคตและทำตัวเลขนำเข้าประเทศได้เยอะรวมทั้งหมอนยางพาราอันนี้ถือว่ามีอนาคตและมีมุระค่าเพิ่มเยอะมากสูงมากและมีตลาดหลายประเทศจะสามารถไปทำตลาดได้ทั้งในส่วนของตลาดยุโรปโดยเฉพาะตลาดจีนเป็นที่นิยมมากผมคิดว่าในอนาคตอันใกล้เราอ่ะต้องไปบุกจีนอีกรอบหนึ่งเพื่อทำตลาดเรื่องหมอยางพาราโดยเฉพาะคิดว่าคนจีนมีจำนวนเยอะมากคนละใบก็จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถถ่ายยังได้อีกเยอะมากบอกอยากได้เป็นนับไม่ถ้วนมาตุรกีเที่ยวนี้ 20,000,000 ใบที่เราทำ MOU ไป

ธนาคารออมสินแจ้งสินเชื่อเสริมพลังฐานรากวงเงิน 10,000 ล้านบาท มีผู้ขอกู้เต็มวงเงินแล้ว

People Unity News : ธนาคารออมสินแจ้ง สินเชื่อเสริมพลังฐานรากวงเงิน 10,000 ล้านบาท มีผู้ยื่นขอกู้เต็มวงเงินแล้ว

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่เดือดร้อน จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยได้มอบหมายธนาคารออมสินให้การช่วยเหลือประชาชน ผ่านการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วยเงื่อนไขผ่อนปรน ตามโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนยื่นขอสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ปัจจุบันวงเงินสินเชื่อเสริมพลังฯ ได้มีประชาชนยื่นขอกู้และได้รับอนุมัติเงินกู้จนเต็มวงเงิน และธนาคารได้ปิดระบบลงทะเบียนขอสินเชื่อผ่าน MyMo แล้ว

“นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้ประชาชนยื่นขอสินเชื่อตามมาตรการเยียวยาจากการระบาดระลอกใหม่ เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีผู้กู้ไปแล้วกว่า 4.4 แสนราย จำนวนเงินให้กู้กว่า 11,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าสินเชื่อเสริมพลังฐานรากกว่า 3 แสนราย (ให้กู้สูงสุดรายละ 50,000 บาท) และเป็นลูกค้าสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย หรือสินเชื่อฉุกเฉิน จำนวน 1.4 แสนราย (ให้กู้รายละ 10,000 บาท) ซึ่งมาตรการสินเชื่อผ่อนปรนเงื่อนไขครั้งนี้ ธนาคารพิจารณาจากประวัติเครดิตผู้กู้เป็นหลัก โดยได้รับความคุ้มครองการชดเชยความเสียหายบางส่วนจากรัฐบาล อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของการนำร่องเปิดให้บริการอนุมัติสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน MyMo เพื่อให้สามารถพิจารณาสินเชื่อได้เร็วโดยที่ลูกค้าไม่ต้องไปติดต่อที่สาขา สอดคล้องตามมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19” นายวิทัยกล่าว

ธนาคารฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการสินเชื่อของธนาคารในครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนลงได้บ้างไม่มากก็น้อย และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ธนาคารออมสินขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ยื่นกู้สินเชื่อ และขออภัยผู้กู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์พิจารณาประวัติเครดิตที่ไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อมา ณ โอกาสนี้

Advertising

ยืนตายซากเพราะเหตุนี้!! ธ.กรุงไทยชี้มี SME เพียง 0.2% ที่ทำวิจัยและพัฒนาสินค้า

People Unity : ธนาคารกรุงไทยเผยมีผู้ประกอบการ SME ทำวิจัยและพัฒนาสินค้าเพียง 0.2% ซึ่งปัญหาหลักเกิดจากขาดบุคลากร เครื่องมือและข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี มีต้นทุนสูง แม้การทำวิจัยและพัฒนาสามารถช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสรอดให้กับธุรกิจ แนะเริ่มต้นทำวิจัย โดยหาไอเดียจากปัญหากวนใจผู้บริโภคก่อน จะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ชี้ขอรับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้จากหน่วยงานรัฐ และสินเชื่อพิเศษจากสถาบันการเงินชั้นนำ

ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงาน Global Business Development and Strategy ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าการทำวิจัยและพัฒนา หรือ R&D  จะช่วยให้เกิดนวัตกรรมทางสินค้า ลดต้นทุนการผลิต อันนำไปสู่การเพิ่มรายได้และโอกาสรอดของธุรกิจ แต่จากการทำบทวิจัยพบว่า ผู้ประกอบการ SME จำนวน 3 ล้านราย มีเพียง 5 พันรายเท่านั้นที่ทำ R&D หรือคิดเป็น 0.2%  โดยปัญหาเกิดจาก 3 อุปสรรค คือ ขาดบุคลากรและเครื่องมือ  เข้าไม่ถึงข้อมูลเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้นทุนการทำ R&D ที่สูงเกินไป อย่างไรก็ตามมีผู้ประกอบการหลายรายพบทางออกและประสบความสำเร็จผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ

“งานวิจัยในต่างประเทศพบว่า แม้บริษัทจะลงทุนด้าน R&D ไม่มาก แต่หากสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ตรงจุดและรวดเร็ว จะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 6-23% ดังนั้น จึงอยากแนะนำว่า การทำ R&D ควรเริ่มหาไอเดียจาก Pain Point หรือปัญหากวนใจในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจและคิดผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ ประกอบกับการทำ R&D จะทำให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นและลอกเลียนแบบได้ยากขึ้น ที่ผ่านมาบ่อยครั้งมี SME ทำ R&D  แล้วประสบความสำเร็จมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ ”

ดร.กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ รองผู้อำนวยการ ผู้ร่วมทำบทวิจัย ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการสามารถเข้ารับความช่วยเหลือด้านบุคลากรและเครื่องมือจากศูนย์วิจัยของสถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัยเฉพาะอุตสาหกรรม และศูนย์วิจัยจากหน่วยงานภายใต้การดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เช่น สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) โดยการสนับสนุนมี 4 ระดับ ได้แก่ ให้คำปรึกษาเบื้องต้น ให้ใช้เครื่องมือ ทีมวิจัย หรือสถานที่ ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนาสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากนี้ ยังสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรืองานวิจัยใหม่ๆทางออนไลน์ ที่ www.thailandtechshow.com ที่รวบรวมผลงานวิจัยจาก สวทช. นำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้

“อุปสรรคด้านต้นทุนที่สูงเกินไป มีหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน ที่พร้อมสนับสนุนเงินทุนให้เปล่า และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เช่น โครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของ สวทช. วงเงินกู้สูงสุด 30 ล้านบาท โครงการนวัตกรรมดี ไม่มีดอกเบี้ย โครงการ Startup&Innobiz วงเงินกู้สูงสุด 40 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ  สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพเทียบเท่าต่างประเทศ เช่น มีบริษัทนำคำปรึกษาจากสถาบันอาหารไปต่อยอดไอเดียจนผลิตขนมข้าวกล้องไทยส่งขายต่างประเทศ ได้เทคโนโลยีจาก สวทช. ไปผลิตแป้งมันสำปะหลังไร้กลูเตนเจ้าแรกของไทย ได้ทีมวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ มาร่วมผลิตเทคโนโลยีลดน้ำตาลในน้ำผลไม้ด้วยจุลินทรีย์  หรือได้พี่เลี้ยงจากอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย ช่วยทำเก้าอี้ทำฟันโดยใช้พลังงานจากลม เป็นต้น”

เศรษฐกิจ : ยืนตายซากเพราะเหตุนี้!! ธ.กรุงไทยชี้มี SME เพียง 0.2% ที่ทำวิจัยและพัฒนาสินค้า

People Unity : 18 มิถุนายน 2562 เวลา 23.00 น.

 

ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อ MyMo – My Credit ผ่านแอป ไม่ต้องใช้เอกสาร ดอกเบี้ยต่ำ

People Unity News : 11 ตุลาคม 2565 ออมสิน สร้างโอกาสให้คนฐานราก เปิดให้กู้สินเชื่อ MyMo – My Credit ผ่านแอป ไม่ต้องใช้เอกสาร ดอกเบี้ยต่ำ 1.25% ต่อเดือน เตรียมแตกไลน์ทำธุรกิจนอนแบงก์ ช่วยคนไทยเข้าถึงแหล่งเงินง่ายขึ้น

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนฐานรากยังขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบที่มีต้นทุนต่ำ จึงทำให้ต้องหันไปพึ่งการกู้นอกระบบ กลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ธนาคารออมสินได้เดินหน้าทำธุรกิจบนหลักการเพื่อช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการเงินมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดธนาคารเตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อ MyMo – My Credit แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งที่เป็นแรงงานนอกระบบ และมนุษย์เงินเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเงินกู้นอกระบบ และอนุมัติเร็วผ่านแอป ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนได้ โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการกว่า 100,000 ราย ด้วยวงเงินปล่อยกู้ในช่วงเริ่มต้นประมาณ 1,000 – 2,000 ล้านบาท และจะขยายต่อไป

สินเชื่อ MyMo MyCredit มีจุดเด่นคือลูกค้าธนาคารออมสินสามารถยื่นสมัครขอสินเชื่อผ่านแอป MyMo ได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารใด ๆ และไม่ต้องใช้หลักประกันในการกู้ เพียงกรอกเลขที่และข้อมูลบัตรประชาชน และธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมการให้บริการสินเชื่อ โดยธนาคารจะใช้ข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของลูกค้า (Financial Transaction) มาประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ แทนการวิเคราะห์รายได้ เรียกว่า Alternative Credit Score ซึ่งหากลูกค้าผ่านเกณฑ์การพิจารณาก็จะสามารถสร้างเครดิตทางการเงินที่ดีให้กับตัวเอง ที่เรียกว่า My Credit โดยลูกค้าสามารถทำสัญญาเงินกู้บนแอป MyMo และรับเงินโอนเข้าบัญชีโดยตรง จากนั้นการจ่ายเงินงวดทำได้โดยธนาคารจะหักจากบัญชีเงินฝากเมื่อครบกำหนดชำระในแต่ละงวดโดยอัตโนมัติ เป็นการอนุมัติสินเชื่อผ่านแอป (Digital Lending) ตลอดทั้งกระบวนการ โดยลูกค้าไม่ต้องไปติดต่อธนาคาร ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถขอกู้ได้รายละ 10,000 – 30,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 1.25% ต่อเดือน

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีแผนเตรียมตั้งบริษัทลูกเพื่อเข้าทำธุรกิจ Non Bank เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปล่อยสินเชื่อเร่งด่วนสำหรับลูกค้าบุคคล ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าธุรกิจ Non Bank รายอื่น เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินด้วยต้นทุนที่เป็นธรรม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจ Non Bank กับธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ราวปลายปี 2566

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสิน ได้เปิดบริษัทลูกมาแล้ว 2 แห่ง คือ บริษัท เงินสดทันใจ ร่วมทุนกับเอกชน คือ กลุ่มศรีสวัสดิ์ และล่าสุดเปิดบริษัท มีที่ มีเงิน ออมสินร่วมทุนกับกลุ่่มทิพยโฮลดิ้งส์ และกลุ่มบางจาก 

Advertisement

“ประยุทธ์” สั่งจัดทำมาตรการเพิ่มเติมหรือยืดมาตรการเดิมเยียวยาเศรษฐกิจจากพิษโควิด 19

People Unity News : นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาจัดทำมาตรการเพิ่มเติม หรือยืดระยะเวลามาตรการเดิม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอเพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 40 ล้านคนในทุกพื้นที่

5 ม.ค. 2564 เวลา 12.00 น. ณ โถงตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมอบให้หมายให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาจัดทำมาตรการเพิ่มเติม หรือยืดระยะเวลามาตรการเดิม พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอเพื่อช่วยเหลือประชาชนกว่า 40 ล้านคนในทุกพื้นที่ ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการขอความร่วมมือจากสมาคมโรงแรม ที่พักต่างๆ ในโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ไม่ให้มีการเก็บเงินมัดจำเมื่อมีการยกเลิกการจองห้องพัก พร้อมย้ำว่า “โครงการคนละครึ่ง” ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อเป็นการผ่อนภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

นายกรัฐมนตรีย้ำว่ามาตรการต่างๆ คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาทั้งสุขภาพและเศรษฐกิจ ทุกคนต้องร่วมมือกัน “รวมไทยสร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19” ให้ประเทศไทยมีความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 โดยทุกคนต้องระมัดระวังตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง เข้าสู่การตรวจสอบคัดกรองโรค ไม่ปิดบังการเดินทางของตัวเองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในสถานที่อื่นเพิ่มเติม คำนึงถึงครอบครัวและสังคมส่วนรวม ที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก และต้องรับฟังปฏิบัติตามมาตรการของรัฐด้วย

Advertising

Verified by ExactMetrics