วันที่ 28 เมษายน 2024

รัฐบาลชวนเที่ยวไทย กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศช่วงไฮซีซัน

People Unity News : 21 ตุลาคม 2566 โฆษกรัฐบาล ชวนเที่ยวไทย กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศช่วงไฮซีซันปลายปี 66 ย้ำหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าบริการคืนให้นักท่องเที่ยว กรณีซื้อทัวร์แล้วยกเลิกการเดินทาง

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขณะนี้เข้าสู่ช่วงปลายปี 2566 ที่เป็นช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวของประเทศไทย ถือเป็นช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวซึ่งแหล่งท่องเที่ยว ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และธุรกิจภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ต่างมีการจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงปลายปี โดยการออกบูธขายแพคเกจท่องเที่ยวในศูนย์การประชุม ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งการขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจ ซึ่งรัฐบาลขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว และประชาชนทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวของประเทศตามนโยบายรัฐบาล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อทัวร์แล้วมีเหตุให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ จำเป็นต้องยกเลิกการเดินทางนั้น เพจเฟซบุ๊กกรมการท่องเที่ยว Department of Tourism กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ย้ำให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวตามประกาศคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำหนดอัตราการจ่ายเงินค่าบริการคืนให้แก่นักท่องเที่ยว พ.ศ. 2563 โดยกรณีการซื้อทัวร์แล้วยกเลิกการเดินทางได้เงินคืนหรือไม่ จ่ายเงินคืนอย่างไร กรณีมีเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ ให้นักท่องเที่ยวแจ้งความประสงค์ขอรับเงินค่าบริการคืนจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว โดยผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องจ่ายเงินคืนแก่นักท่องเที่ยวในอัตรา ดังต่อไปนี้

1.นักท่องเที่ยวขอยกเลิกการเดินทางล่วงหน้า 30 วันขึ้นไป คืนเงินโดยนำค่าทัวร์ที่จ่ายไปแล้ว 100% หัก ค่าใช้จ่ายที่จ่ายจริงของบริษัททัวร์ (ถ้ามี) เท่ากับเงินที่จะได้คืน

2.นักท่องเที่ยวขอยกเลิกการเดินทางล่วงหน้า 15 – 29 วัน คืนเงินโดยนำค่าทัวร์ที่จ่ายไปแล้ว 50% หัก ค่าใช้จ่ายที่จ่ายจริงของบริษัททัวร์ (ถ้ามี) เท่ากับเงินที่จะได้คืน

3.นักท่องเที่ยวขอยกเลิกการเดินทางล่วงหน้าน้อยกว่า 15 วัน (0 -14 วัน) “ไม่ได้รับเงินคืน”

4.กรณีมีเหตุยกเลิกทัวร์ โดยไม่ใช่ความผิดบริษัททัวร์ คืนเงินโดยนำค่าทัวร์ที่จ่ายไปแล้ว 100% หักค่าใช้จ่ายที่จ่ายจริงของบริษัททัวร์ (ถ้ามี) เท่ากับเงินที่จะได้คืน

สำหรับค่าใช้จ่ายที่จ่ายจริงของบริษัททัวร์ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า ค่ามัดจำบัตรโดยสารเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ โดยต้องแสดงหลักฐานการจ่ายให้นักท่องเที่ยวทราบด้วย ทั้งนี้ หากไม่ได้รับเงินค่าบริการคืนตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว สามารถร้องเรียนได้ที่ Call Center กรมการท่องเที่ยว (24 ชั่วโมง) โทร. 0 2401 1111

“ช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวเป็นเวลาที่แหล่งท่องเที่ยวของไทยมีความงดงามที่สุดของปี ทั้งทะเล ภูเขา ดอกไม้ เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวและความทรงจำใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวไทยแล้ว ยังถือว่าเป็นการออกไปช่วยชาติ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ และช่วยกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอีกด้วย รัฐบาลจึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยการวางแผนออกเดินทางท่องเที่ยว และออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงปลายปี 2566 ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

“เศรษฐา” เตรียมยกระดับความสามารถการแข่งขันกับซาอุฯ หวังเพิ่มการค้า-การลงทุน

People Unity News : 21 ตุลาคม 2566 ซาอุดีอาระเบีย – นายกรัฐมนตรีเดินหน้าสานต่อสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย หวังเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันการค้า-ลงทุน

เมื่อเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำเร็จในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ว่าเมื่อค่ำวันที่ 20 ต.ค. เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงริยาด ได้เลี้ยงรับรองอาหารค่ำตนกับคณะ โดยได้พบกับทีมไทยแลนด์ และเจ้าหน้าที่ทางพาณิชย์การค้า การลงทุน ซึ่งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน

ทั้งนี้ ทางเอกอัครราชทูตไทยได้ให้ข้อคิดว่า ความจริงแล้วศักยภาพการค้า การลงทุน ที่ซาอุดีอาระเบียยังสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายการค้า ด้านการเกษตร เชิงพาณิชย์ และการลงทุน ซึ่งบีโอไอได้แจ้งว่าต้องการเจ้าหน้าที่ประจำซาอุดีอาระเบีย หลังจากพูดคุยกันแล้วตนมีความเข้าใจถึงความต้องการตรงนี้ และอยากให้เอกอัครราชทูตเขียนมาว่าเหตุผลที่ต้องการคืออะไร เพราะถือว่าเป็นประเทศหลักที่รัฐบาลเพิ่งเปิดความสัมพันธ์ใหม่อีกครั้ง หลังจากปิดไปนาน ถือว่าเป็นประเทศที่ไทยอยากมีความสัมพันธ์กันเพิ่มขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การค้า การลงทุนขึ้นไปอีก

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนได้ไปเยี่ยมชมเมืองโบราณของซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 300-400 ปี ถือเป็นเมืองแรกในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกทำลายไปและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีการลงทุนไปเยอะมากในการสร้างเมืองนี้แห่งการท่องเที่ยว มีการสร้างพื้นที่อย่างมโหฬหาร และได้ขึ้นเป็นทะเบียนมรดกโลกด้วย รวมถึงยังได้เยี่ยมชมนิทรรศการเมืองแห่งอนาคต มีการลงทุนกว่า 5 แสนล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อไปดูก็ตกใจในความอลังการยิ่งใหญ่ โดยซาอุดีอาระเบียมีความมั่งคั่งสูงจากการค้าขายปิโตรเคมีคอลและน้ำมัน เพราะฉะนั้นจึงมีเงินทุนสูงมาก แต่เขาเองก็ทราบดีว่าโลกเปลี่ยนไป การส่งเสริมการลงทุนและสร้างเมืองใหม่เป็นเรื่องสำคัญ ตนได้ดูนิทรรศการและวิธีการที่เขาเสนอ ซึ่งการลงทุนน่าจะนำไปใช้ได้ในการต้องทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในแง่เมกะโปรเจกต์ที่เราจะทำที่เมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าหรือแลนด์บริดจ์

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ได้คุยกับภาคเอกชน 4 บริษัท บริษัทแรกคือ SALIC เป็นบริษัทที่ครบวงจรด้านการเกษตรและปศุสัตว์ มีการลงทุนไปทั่วโลก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร เรารู้สึกแปลกใจอย่างมาก ขนาดประเทศเขามีแต่ทะเลทราย แต่มีบริษัทใหญ่ระดับโลกในการค้าขายสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ ที่อเมริกาใต้ ยุโรป และในเอเชีย วันนี้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง ทางด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ เรื่องของวัว ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ว่าจะสามารถผลักดันไปด้วยกันหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้จะให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำภาคเอกชนมาพูดคุยกับทางบริษัท SALIC ซึ่งเขาก็ยินดีและตื่นเต้นที่เราจะมีการทำอะไรร่วมกันในมิติใหม่ๆ และมิติใหญ่ๆ รวมถึงได้เจอกับกลุ่มกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่มาก ลงทุนทั้งในซาอุดีอาระเบียและต่างประเทศ เช่น สหรัฐ และจีน แต่ยังไม่มีการลงทุนที่เมืองไทย แต่ต้องการลงทุนด้านเมกะโปรเจกต์ เพราะฉะนั้นไทยเองมีโครงการขนาดใหญ่เยอะ จึงจะมีการพูดคุยกันต่อ

ทั้งนี้ ทางบริษัทดังกล่าวยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทปิโตรเคมีและน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีการค้าขายกับเราเยอะอยู่แล้ว และพยายามหาโอกาสร่วมมือทำธุรกิจกับไทยในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาโรงกลั่น ซึ่งเขาเข้าใจว่าโรงกลั่นเรามีสภาพที่เก่าและต้องการอัพเกรด ซึ่งต้องการเงินลงทุนหลายแสนล้านบาท จึงมีการพูดคุย และตนจะส่งเจ้าหน้าที่มาประสานงานต่อ และรายสุดท้ายคือ บริษัท SABIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ของซาอุดีอาระเบีย หนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ถือหุ้นคนเดียวกัน นั่นคือ PIF ซึ่งมีการลงทุนเยอะมากอยู่แล้ว และเรื่องของปุ๋ย ที่ส่งให้เราเป็นรายใหญ่ที่สุด เอกชนไทยที่ทำเกษตรกรรมก็ซื้อจากบริษัทนี้เยอะมาก รวมถึงหัวเชื้อปุ๋ย ที่เรามีอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็จะมีการพูดคุยเพื่อหาความร่วมมือกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า และสิ่งที่น่ายินดีอย่างหนึ่งที่ตนถามเขาว่าบริษัท SABIC มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ปตท. และหลายบริษัทเอกชน ทางเขาติดขัดอะไรหรือไม่เกี่ยวกับการลงทุน การทำธุรกิจกับไทย ซึ่งเขาบอกไม่มีเลย ทุกอย่างได้รับการสนับสนุนที่ดีมาก และอยากให้การสัมพันธ์เดินต่อไป ตนต้องขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมงานกับทางบริษัท SABIC ที่ทำให้เขาชื่นชมเราได้ตรงนี้ หวังว่าการลงทุนจะพัฒนาต่อไปในทุกมิติ

Advertisement

ข่าวดี!! การรถไฟฯ จัดโปรลดค่าขนส่งพัสดุรายย่อยไม่เกิน 2 กก. เหมาจ่าย ชิ้นละ 30 บาท

People Unity News : 17 ตุลาคม 2566 ทำเนียบฯ – การรถไฟฯ จัดโปรโมชั่นลดค่าบริการขนส่งพิเศษ พัสดุรายย่อยไม่เกิน 2 กก. เหมาจ่าย ชิ้นละ 30 บาท ช่วยลดค่าครองชีพ ถึง 31 มีนาคม 67

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ดำเนินการปรับลดค่าบริการขนส่งพิเศษสำหรับพัสดุประเภทหีบห่อวัตถุมีน้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม เหลือเพียงชิ้นละ 30 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อช่วยลดต้นทุนและรายจ่ายแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าขนาดเล็ก ร้านออนไลน์ รวมถึงเอสเอ็มอี ให้มีต้นทุนการขนส่งที่ถูกลงกว่าปกติถึง 50-70% เริ่มเปิดให้บริการได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มีนาคม 2567

สำหรับสินค้าใช้บริการขนส่งดังกล่าว นายคารมกล่าวว่า จะต้องบรรจุในกล่องหรือซองที่ปิดมิดชิด แข็งแรง เป็นสินค้าที่ไม่เน่าเสียง่าย และมีน้ำหนักต่อชิ้นไม่เกิน 2 กิโลกรัม เช่น อะไหล่ เสื้อผ้า อาหารแห้ง โดยคิดอัตราค่าบริการแบบเหมาจ่ายชิ้นละ 30 บาท ตลอดระยะทางที่มีการขนส่งสินค้าของขบวนรถสินค้าและขบวนรถโดยสาร นอกจากนี้ ผู้ใช้บริการสามารถรวมส่งสินค้าในครั้งเดียวกันได้ถึง 10 ชิ้น ซึ่งจะคิดค่าบริการเป็นรายชิ้นโดยไม่คิดค่าบริการยกขึ้นลง ตลอดจนมีการรับประกันความเสียหายของสินค้าที่เกิดจากการขนส่งตามระเบียบของการรถไฟฯ อีกด้วย

“ขอเชิญชวนประชาชนใช้บริการโปรโมชั่นพิเศษนี้ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุดข้าราชการ และสามารถใช้บริการได้ทุกสถานีที่มีการรับ-ส่งสินค้าของการรถไฟฯ ซึ่งแต่ละครั้งจะใช้เวลาขนส่งจากต้นทางถึงปลายทางที่รวดเร็วภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากการรถไฟแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.railway.co.th หรือ Call Center 1690” นายคารม กล่าว

Advertisement

กรมการค้าภายในออกตรวจเข้ม จับตาราคาสินค้าช่วงเทศกาลกินเจ โก่งราคาเจอแน่

People Unity News : 11 ตุลาคม 2566 รองอธิบดีกรมการค้าภายในออกตรวจทุกพื้นที่ โดยเฉพาะราคาสินค้าช่วงเทศกาลกินเจอย่างใกล้ชิด ขู่หากพบร้านค้าใดขายเกินราคาเอาเปรียบผู้บริโภคจะใช้กฎหมายทั้งจำทั้งปรับแน่นอน ฝากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมและไม่ติดป้ายแสดงราคาร้องเรียนสายด่วน 1569 ได้ทันที

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ด้วยใกล้เทศกาลกินเจ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 จึงทำให้ช่วงดังกล่าวจะมีผู้นิยมรับประทานอาหารเจเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบการอาหารนำวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบเป็นอาหารเจ  มาจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากกว่าปกติ จึงได้มอบหมายเจ้าหน้าที่สายตรวจกรมการค้าภายใน ออกตรวจสอบแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารเจอย่างใกล้ชิด เพื่อกำกับดูแลพฤติกรรมทางการค้า สถานการณ์ด้านราคาและปริมาณ ตลอดจนการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณตลาดเวิลด์มาร์เก็ต เขตทวีวัฒนา ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบเป็นอาหารเจที่สำคัญ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือด้วยดีในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง มีการแสดงราคาจำหน่ายชัดเจน เปิดเผย ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อ ยังไม่พบพฤติกรรมการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาจำหน่าย โดยภาพรวมราคาจำหน่ายถือว่าไม่ได้แตกต่างไปจากปีที่แล้วมากนัก ถือว่าราคาค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ เป็นการปรับขึ้นในระยะเวลาสั้นจากความต้องการของตลาดที่สูงกว่าปกติในช่วงวันสำคัญ อาทิ โปรตีนเกษตร ราคา 170-180 บาท/กก.หน่อไม้จีน ราคา 350 บาท/กก. เห็ดหอมจีน ขนาดกลาง ราคา 350-420 บาท/กก.

“ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายอุดมกล่าว

Advertisement

รมช.คลัง แจง “เงินดิจิทัลวอลเล็ต” เปรียบเสมือนคูปองที่เทียบเท่ากับเงินบาท 10,000 บาท

People Unity News : 10 ตุลาคม 2566 พรรคเพื่อไทย – ส.ส.เพื่อไทย แจงที่ประชุมพรรค ประชาชนต้องการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ด้าน รมช.คลัง ย้ำเดินหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่ “แพทองธาร” เชื่อหากนโยบายสำเร็จ ต่างชาติจะดูเป็นตัวอย่าง

พรรคเพื่อไทยมีการประชุม ส.ส.พรรค ประจำสัปดาห์ โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธาน ส.ส.พรรค, นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เข้าร่วมการประชุม

ช่วงหนึ่งที่ประชุมเปิดให้ ส.ส. อาทิ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์, นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ส.ส.กาญจนบุรี, น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย, น.ส.ศรีโสภา โกฏคําลือ ส.ส.เชียงใหม่ ได้สอบถามเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมสะท้อนความเห็นว่าประชาชนทุกคนต่างเฝ้ารอนโยบายดังกล่าว อยากให้เริ่มโครงการได้โดยเร็วที่สุด และต้องการให้ขยายรัศมีในการใช้เงินมากกว่า 4 กิโลเมตร เพราะในบางพื้นที่ลำบากในการเดินทางใช้จ่าย เช่น พื้นที่บนเขาบนดอย รวมทั้งผู้สูงอายุที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรืออินเทอร์เน็ต จะสามารถใช้เงินในโครงการนี้ได้หรือไม่

นายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า วันนี้มารับฟังตัวแทนของประชาชนในการสะท้อนปัญหานโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อรับฟังแล้วก็ดีใจที่เห็นตรงกันว่านโยบายนี้มีความจำเป็น เบื้องต้นขอชี้แจงว่ารัฐบาลรับฟังทุกเสียงทั้งเห็นด้วยและคัดค้าน ขณะนี้เสียงในสังคมเป็นสองส่วน ทั้งเห็นด้วยอยากให้เดินหน้าโครงการให้เรียบร้อย และอีกส่วนหนึ่งขอให้ยับยั้งได้หรือไม่ ในฐานะรัฐบาลเรารับฟังทั้งหมด แต่ในภาคเอกชนที่รับฟังมาอยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายนี้ ส่วนประชาชนได้สะท้อนเป็นเสียงเดียวกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าให้เดินหน้าโครงการเพื่อให้เงินตัวนี้ต่อยอดชีวิตของเขา

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์ในประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เข้มแข็ง มุมมองที่เสนอออกมาหลายมุมมอง แม้จะเป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เป็นในมุมมองรักษาเสถียรภาพ แต่กลไกที่เป็นเครื่องมือในการบริหารเศรษฐกิจคือ กลไกทางการเงินและกลไกทางการคลัง ซึ่งกลไกทางการเงินอยู่ในมือ ธปท. เป็นหลักในการรักษาเสถียรภาพระบบเศรษฐกิจ แต่กลไกในการคลังอยู่ในกระทรวงการคลังและรัฐบาล เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต ขณะนี้ทุกคนรู้ว่าประเทศไทยอยู่ในสถานะของสังคมผู้สูงอายุ และมีความเสี่ยงต่อระบบการเงินการคลังของประเทศ ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไปประเทศไทยเติบโตเหมือนกับ 10 ปีที่ผ่านมาโตไม่ถึง 2% จะถึงจุดที่แตกหัก คือรายรับของรัฐและงบประมาณของรัฐไม่สามารถเติบโตไปกับสวัสดิการที่จะให้กับประชาชนทั้งผู้สูงอายุหรือใครก็ตาม ซึ่งเป็นความเสี่ยง ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลมองเราเห็นแล้วว่าการเติบโตของประเทศไทยใน 10 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถโตได้เต็มศักยภาพ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน บ้านเรายังโตเพียงแค่ปีละ 3% กว่าๆ ซึ่งต่ำกว่าภูมิภาคมากมาย

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องดึงประเทศไทยให้กลับมาเติบโตเหมาะสมกับศักยภาพและคนในประเทศเอง รัฐบาลจึงมองว่าการเติบโตในระดับ 5% เป็นระดับที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างต่ำ กลไกที่จะใช้หนึ่งในนั้นคือ ตัวนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท แต่ไม่ได้มีในปีกเดียว แต่รัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความครอบคลุมหลายมิติ ซึ่งเมื่อไปเปิดดูนโยบายเร่งด่วนที่เราแถลงนโยบายไปเมื่อเดือนกว่าๆ เราทำไปเกือบหมดแล้ว และปีหน้าคิดอยู่ว่าทำอะไรเพราะเราทำไปหมดเล่มแล้ว นี่คือสิ่งที่เราต้องรีบแก้ไขให้กับประชาชน

ทั้งนี้ สิ่งที่เราทำนอกจากการเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลคือ การลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาไฟฟ้าที่เหลือ 3.99 ราคาน้ำมันดีเซล วีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวบางประเทศ ตอนนี้ยอดการจอง ยอดการเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นโยบายที่เราไปกิโยตินกฎหมายที่เป็นข้อกำจัดต่างๆ ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพของประชาชน เราเดินหน้าหมด ซึ่งเวลาเราดูเราต้องดูเป็นแพ็กเกจใหญ่ และยืนยันว่านโยบายนี้จะทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนดีขึ้น

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สิ่งที่เรากำลังเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ตอบคำถามได้หลายประเด็น แต่ขณะนี้มีความเข้าใจค่อนข้างสับสน บางส่วนอาจจะเป็นเรื่องของมุมมองทางการเมืองที่ต้องการโจมตีในตัวนโยบายหรือบุคคลของเราก็ตาม จึงขอฝาก ส.ส. ที่สัมผัสกับประชาชนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดในการที่จะช่วยรัฐบาลชี้แจงเพื่อความเข้าใจในหลายประเด็น เรื่องแรกคือความจำเป็นของนโยบาย ซึ่งตนชี้แจงไปแล้วว่าประเทศไทยไม่ได้โตตามศักยภาพ มีความจำเป็นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินเฟ้อถามว่าห่วงหรือไม่ ยืนยันว่าไม่กระทบมาก เพราะเงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เป็น 2.50% เพิ่มมา 5 จุด ซึ่งสามารถหยุดยั้งสถานการณ์เงินเฟ้อในระดับที่น่าพึงพอใจ เป็นนโยบายของ ธปท. เงินเฟ้อจาก 5% ขณะนี้เหลือ 0.3% ต่อให้มีนโยบายนี้เข้ามา เราก็มีกลไกควบคุมดูแลให้ความเหมาะสม แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องขยายฐานขยายเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

ส่วนเรื่องที่สองกรณีที่มีกล่าวหาว่านโยบายนี้จะไปซื้อคริปโทฯ จากต่างประเทศมาแจกประชาชน นี่เป็นความเข้าใจผิด เราไม่ได้แจกเงินเหรียญคริปโทฯ เงินนี้คือเงินบาทเดิม เพราะเงินบาทที่ไปอยู่ในรูปแบบของดิจิทัลวอลเล็ตทุกบาท จะต้องถูกแบ็กด้วยเงินบาทของไทยจริงๆ มันจะไม่มีการเปลี่ยนค่าหรือเก็งกำไรได้ มันคือเงินบาทในรูปแบบดิจิทัล คิดง่ายๆ คือเปรียบเสมือนเป็นคูปองที่เทียบเท่ากับเงินบาทจำนวนเงิน 10,000 บาท แต่มีการเขียนเงื่อนไขลงไปในคูปองด้วย การอธิบายแบบนี้จะเข้าใจให้ประชาชนเข้าใจเพราะเราต้องการให้เงินนี้กระตุ้นและเกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจจริงๆ ถึงได้กำหนดว่าต้องใช้ภายใน 6 เดือน ต้องใช้กรอบระยะทางที่กำหนด และห้ามเอาไปใช้ในบางประเภท

“นโยบายนี้จะเป็นนโยบายแรกที่จะหมุนเวียนเศรษฐกิจมากกว่านโยบายใดๆ ก็ตามที่ประเทศไทยเคยใช้มา โดยไม่กล้าไปเทียบกับในโลก แต่อาจจะมากที่สุดในโลกก็ได้ เพราะในโลกไม่เคยมีกลไกนี้ ในการส่งเม็ดเงินไปยังประชาชนแล้วให้เขียนกลไกให้มันเกิดการหมุนเวียนลงทุนและการใช้จ่าย ซึ่งเมื่อจะมีการใช้จ่าย เราก็เห็นประชาชนในหลายจังหวัดเตรียมรอรับนโยบายนี้ ด้วยการเตรียมการลงทุนในภาคการผลิต ไปจ้างงาน ไปซื้อสินค้าประเภททุนมารองรับ เมื่อเงินมาถึงก็สามารถนำเงินส่วนนี้มาลงทุนในการประกอบอาชีพ” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะไม่ได้ลงเพียงแค่นี้ เพราะเราได้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่ง เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน สิ่งที่เขาต้องการทำคือเมื่อประชาชนจะนำเม็ดเงินที่บอกว่ามาจากดิจิทัลวอลเล็ต หากสามารถรวมกลุ่มกันได้หรืออาจจะไปคนเดียวก็ตามแล้วมีแผนลงทุนในการประกอบอาชีพที่ชัดเจน แล้วไปคุยกับธนาคารของรัฐก็พร้อมที่จะให้กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อไปประกอบอาชีพ นี่คือการสร้างเม็ดเงินมหาศาลในกระบวนการลงทุนและเม็ดเงินในประเทศไทย

“สิ่งที่เราเดินหน้ามาขณะนี้เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เราเห็นโอกาส เห็นความหวังของประชาชนว่าเขาจะสามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปต่ออายุ ไปยื้อชีวิต ไปประกอบอาชีพสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ” นายจุลพันธ์ กล่าว

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวว่า เราพร้อมที่จะผ่อนปรนในเรื่องพื้นที่ โดยอนุกรรมการขับเคลื่อนเรารับฟังและมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ เพื่อที่จะนำสิ่งที่ทุกท่านแสดงความเห็นและประชาชนส่งสัญญาณมาเข้าพิจารณาและพร้อมที่จะผ่อนปรนเพื่อให้มันเกิดประโยชน์สูงสุดกับการใช้เม็ดเงินตัวนี้ โดยอาจจะขยับเพิ่มจาก 4 กิโลเมตรเป็นตำบลเป็นอำเภอก็ได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงตนเชื่อว่ากลไกทางใช้เม็ดเงินจะเกิดการสะดวก และคล่องตัวและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจจะมีเพิ่มมากขึ้น

ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้แคปวงเงินว่าคนรวยอาจจะไม่ได้ประโยชน์นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กลไกทำนโยบายต้องมีการยืนยันตัวตนระดับหนึ่ง ถ้าใครไม่ยืนยันตัวตนถือว่าสละสิทธิ์ ถ้าใครไม่ต้องการเข้าโครงการก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชน แต่เรากำลังดูอยู่และขอข้อมูลแล้วว่าถ้าเราจะหาเกณฑ์ในบอกว่าใครรวย ใครจนจะใช้เกณฑ์อย่างไร เช่น รายได้ที่ไปยื่นแบบต่อสรรพากรหรือบัญชีเงินฝากว่ามีเงินเท่าไร แต่เราต้องหาตัวเลขที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมันเป็นตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ชัดได้ว่าเราจะทำด้วยความยุติธรรม

ส่วนคำถามเรื่องผู้สูงอายุและผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้นั้นจะแก้ไขอย่างไร เบื้องต้นตอนที่เราคิดโครงการ เราคิดว่าจะให้เขาต้องไปเดินยืนยันตัวตนที่ธนาคารของรัฐ เมื่อยืนยันตัวตนแล้วอาจจะมีกระดาษมาหนึ่งใบ และมีคิวอาร์โค้ดให้ไปซื้อของแลกเปลี่ยนกับคนที่มีแอปพลิเคชัน หรือคนที่มีสมาร์ทโฟนได้เลย แต่เรากำลังหาหนทางที่จะทำให้ดีกว่านี้ คือเมื่อยืนยันตัวตนแล้วจะบันทึกในบัตรประชาชน แล้วนำใช้บัตรประชาชนกับแอปพลิเคชันของอีกคนหนึ่ง เพื่อทำการแลกเปลี่ยนได้ แต่ต้องมีการยืนยันใบหน้า เพื่อไม่ให้สามารถให้ใครไปแอบอ้างหรือใช้บัตรประชาชนของท่านไปขึ้นเงินได้ ก็ขอให้สภาผู้แทนราษฎรไปทำความเข้าใจกับประชาชนว่า นโยบายนี้เป็นนโยบายหลักและเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่กับประชาชน แต่หากให้พูดตรงๆ คือการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้ประชาชนเป็นกลไกมาช่วยรัฐบาลเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมันเกิดขึ้น

ขณะที่นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ส.ส. ได้ลงพื้นที่และพูดคุยกับประชาชน ไม่ได้มีข้อที่บอกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ แต่ถามมากกว่าว่าจะได้เมื่อไร ฉะนั้นประชาชนในพื้นที่กำลังรอคอยนโยบายนี้อย่างใจจดใจจ่อ เราเห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ถูกกระตุ้นในภาพรวมและภาพใหญ่แบบนี้มานานแล้ว จึงหวังว่านโยบายนี้จะช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้ครั้งใหญ่ ถามว่าใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่เท่าที่ว่าหากเราทำสำเร็จต่างชาติจะดูเราเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำว่าเราทำได้อย่างไร ทั้งนี้ ตอนที่เราหาเสียงต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและทั่วถึง ทั้งประชาชนที่อยู่ไกลอาจจะมีรายละเอียดต่างๆ ให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ยังยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญอย่างมาก และแน่นอนว่ารัฐบาลนี้เรามีนโยบายอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไปด้วยและเริ่มคิกออฟไปแล้ว เราจะเริ่มเห็นผลสำเร็จค่อยๆ ตามมาในแต่ละนโยบาย อย่างไรก็ตาม นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะนำไปสู่การจ้างงานและเกิดการสร้างอาชีพ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จะได้รับผลประโยชน์ทั่วกัน อีกทั้งรัฐบาลจะได้ผลตอบแทนมาในรูปแบบของภาษี ซึ่งภาษีที่ได้กลับมาจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการพัฒนานโยบายอื่นๆ ต่อยอดอีก เพื่อพัฒนาประเทศและช่วยเหลือและเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้

“วันนี้ที่เราได้ประชุมกันรับฟังความคิดเห็นจาก ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง และมาคุยกับรัฐมนตรีแล้ว ขอฝากรัฐบาลไว้ด้วยว่าให้ทำนโยบายนี้ให้สำเร็จอย่างที่เราได้บอกกับประชาชนไว้ เพื่อรัฐบาลเข้มแข็งและประชาชนทุกคนจะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกัน” นางสาวแพทองธาร กล่าว

Advertisement

ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง-ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI มาเลเซีย

People Unity News : 9 ตุลาคม 2566 กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ผลักดัน “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิ ทุ่งกุลาร้องไห้” ขึ้นทะเบียน GI ในประเทศมาเลเซีย สร้างโอกาสส่งออกข้าวไทย สร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้ชาวนาไทย พร้อมหนุนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล เดินหน้าสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของโลก

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายสำคัญในการยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้เข้มแข็ง ซึ่งสินค้า GI เป็นหนึ่งในสินค้าที่มีอัตลักษณ์และมีศักยภาพแข่งขันในเวทีโลก กระทรวงพาณิชย์จึงมอบหมายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาเร่งเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะการยื่นขอรับความคุ้มครองในต่างประเทศ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้า ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญามาเลเซีย (MyIPO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน GI “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ในประเทศมาเลเซียเรียบร้อยแล้ว

ปัจจุบันมีสินค้า GI ไทยได้รับการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศ รวม 8 รายการ ครอบคลุมกว่า 30 ประเทศ ได้แก่   1) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ในสหภาพยุโรป จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 2) ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 3) กาแฟดอยช้าง ในสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น 4) กาแฟดอยตุง ในสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และกัมพูชา 5) เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม 6) ผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินเดีย และอินโดนีเซีย 7) มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในจีน และเวียดนาม และ 8) ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ในเวียดนาม โดยยังมีส้มโอทับทิมสยามปากพนัง อีก 1 สินค้าที่มาเลเซียอยู่ระหว่างพิจารณา

ทั้งนี้ ชาวมาเลเซียบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก โดยนิยมรับประทานเมนูนาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) ซึ่งเป็นข้าวที่หุงกับกะทิและใบเตย รับประทานคู่กับแกงและเครื่องเคียงต่างๆ มาเลเซียจึงนำเข้าข้าวจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 30 ตามความต้องการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งข้าวไทยได้รับความนิยมในประเทศมาเลเซีย โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวไปประเทศมาเลเซีย มูลค่ากว่า 3,200 ล้านบาท

“ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ปลูกในฤดูนาปีบนพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ด้วยสภาพพื้นที่เป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ดินเป็นดินร่วนปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ความแห้งแล้ง และความเค็มในดิน ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียดและหลั่งสารหอม ข้าวจึงมีความหอมตามธรรมชาติมากกว่าข้าวจากแหล่งอื่น โดยมีเมล็ดข้าวยาว เรียว ข้าวสารมีเมล็ดใสและแกร่งเมื่อหุงสุกจะหอมและนุ่ม มีผลผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ รวม 5 จังหวัดกว่า 24,500 ตัน/ปี ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 55 บาท สร้างรายได้กว่า 266 ล้านบาท/ปี

สำหรับ “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” ปลูกในจังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นที่ราบกว้าง เหมาะสำหรับปลูกข้าว มีแหล่งน้ำจากทะเลสาบสงขลาหนุน และมีการทับถมของตะกอน ทำให้ข้าวสังข์หยดมีคุณภาพดี เมล็ดข้าวเรียวเล็ก อ่อนนุ่มข้าวกล้องมีสีแดงจนถึงแดงเข้ม ข้าวสารมีสีขาวปนแดงแกมชมพูเป็นเอกลักษณ์ มีผลผลิตข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง 8,000 ตัน/ปี สร้างรายได้กว่า 104 ล้านบาท/ปี กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังคงเดินหน้าส่งเสริมสินค้า GI ไทยขึ้นทะเบียน GI ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ GI  สร้างรายได้ให้กับชุมชนและรายได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป

Advertisement

ไฟฟ้านครหลวง-ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ประสานเสียง ลดค่า Ft ตามนโยบายรัฐบาล

People Unity News : 8 ตุลาคม 2566 PEA-MEA ย้ำคืนเงิน ก.ย. หลังลดค่า Ft รอบ 3/66 (ก.ย.-ธ.ค.) ราว 46 สต./หน่วย ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน

การไฟฟ้านครหลวง (MEA)​ แจ้งว่า จากการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ครั้งที่ 45/2566 วันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ตามที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเสนอมาในอัตรา 20.48 สตางค์/หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมทั้งประเทศอยู่ที่ประมาณ 3.99 บาท/หน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน 2566 ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวในรอบบิลเดือนตุลาคมนี้ต่อไป

ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) บรรเทาภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน ตามมติคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบปรับลดค่า Ft ในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 จาก 0.6689 บาท/หน่วย เป็น 0.2048 บาท/หน่วย ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายน 2566 ที่แสดงค่า Ft เดิม (0.6689 บาท/หน่วย) PEA มีมาตรการดำเนินการ ดังนี้

กรณีที่ยังไม่ได้ชำระค่าไฟฟ้า

PEA จะปรับยอดชำระด้วยค่า Ft ใหม่ โดยสามารถใช้ใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดิมชำระเงินผ่านทางช่องทางต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

กรณีที่ได้ชำระค่าไฟฟ้าด้วยค่า Ft เดิมไปแล้ว

PEA จะคืนเงินส่วนต่างค่า Ft โดยนำไปหักลดจากค่าไฟฟ้าประจำเดือนถัดไป

กรณีหักบัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต

PEA จะหักเงินค่าไฟฟ้าด้วยค่า Ft 0.2048 บาท/หน่วย เฉพาะรอบวันที่ 19 ตุลาคม 2566 สำหรับรอบอื่นๆ PEA จะคืนเงินส่วนต่างค่า Ft โดยนำไปหักลดค่าไฟฟ้าเดือนถัดไป

สามารถตรวจสอบยอดค่าไฟฟ้าผ่านทาง www.pea.co.th / PEA Smart Plus / 1129 PEA Contact Center / สำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ถือบัตรสวัสดิการของรัฐและลงทะเบียนลดค่าไฟกับ PEA- MEAก่อนหน้านี้ จะได้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน แยกเป็น

ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน จะได้รับสิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย/เดือน แต่ไม่เกิน 315 บาท จะได้รับการสนับสนุนค่าไฟฟ้าในวงเงินไม่เกิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน

สำหรับการลดค่าไฟฟ้ารอบนี้ได้ประโยชน์ทุกกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย โดยในส่วนกลุ่มใช้ไฟฟ้าบ้านของไทยนั้น โครงสร้างครัวเรือนที่อยู่อาศัย ประกอบไปด้วย กลุ่มเปราะบาง 0-150 หน่วย/เดือน 14.7 ล้านครัวเรือน, กลุ่มใช้ 151-300 หน่วย/เดือน จำนวน 4.9 ล้านครัวเรือน และกลุ่มที่ใช้ตั้งแต่ 301-500 หน่วย จำนวน 2.1 ล้านครัวเรือน

Advertisement

กระทรวงการคลังจับมือกองทัพบก บริหารจัดการที่ราชพัสดุในความดูแลของกองทัพบก

People Unity News : 7 ตุลาคม 2566 กระทรวงการคลังโดยกรมธนารักษ์ จับมือกองทัพบก บริหารจัดการที่ราชพัสดุในความครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ของกองทัพบก สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล

กระทรวงการคลังโดยกรมธนารักษ์ และกองทัพบก เดินหน้านำที่ราชพัสดุในความครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ของกองทัพบก สนับสนุนนโยบายของกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ขับเคลื่อนภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่และสังคม โดยมีโครงการนำร่องที่จังหวัดอุดรธานี

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารกรมธนารักษ์เข้าร่วมประชุมหารือกับกองทัพบก โดยมี พลเอก สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะนายทหารเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ สาระสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างสองหน่วยงานดังกล่าว เป็นไปเพื่อขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ของกองทัพบก มาดำเนินการจัดสรรพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน โดยกำหนดพื้นที่แยกออกเป็นแต่ละประเภทพื้นที่ (Zoning) เพื่อศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ในการกำหนดขอบเขต หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการใช้ประโยชน์จากที่ดินให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งกรมธนารักษ์ และกองทัพบกได้ดำเนินการวางแผนให้เป็นภาพรวม โดยพิจารณาถึงศักยภาพของที่ดินทั้งประโยชน์ในทางตรงและทางอ้อม รวมถึงกำหนดทิศทางความเหมาะสมที่จะนำพื้นที่ดังกล่าว ไปใช้ประโยชน์ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายเบื้องต้นที่พร้อมต่อการดำเนินโครงการ ณ สนามฝึกยิงปืนใหญ่ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 ก่อนจะขยายการดำเนินโครงการในพื้นที่อื่นต่อไป

นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริหารของหน่วยงานภาครัฐต่างก็เป็นไปเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ที่กองทัพบกได้เปิดโอกาสให้กรมธนารักษ์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ กรมธนารักษ์ยินดีที่จะมีส่วนช่วยในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นอกจากนี้ เมื่อรัฐจัดสรรที่ดิน และรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนจะสามารถใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการเกษตร หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะเป็นส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐได้อีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

เฮ! ลดค่าไฟ งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 เหลือ 3.99 บาท

People Unity News : 6 ตุลาคม 2566 บอร์ด กกพ.เห็นชอบลดค่าไฟฟ้าเอฟทีงวด ก.ย.-ธ.ค.66 ลงเหลือ 20.48 สต./หน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวม 3.99 บาท/หน่วย โดยการงดจ่ายค่าหนี้ กฟผ.และชะลอจ่ายค่าก๊าซ ปตท. 9 พันล้านบาท ย้ำผู้จ่ายค่าไฟบิล ก.ย.ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดคืนรอบบิล ต.ค.

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566 มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าที่ประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 ในอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย ลงเหลือในอัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย โดยให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง รอบคอบ เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น

ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 45/2566 (ครั้งที่ 873) วันที่ 5 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีเรียกเก็บในงวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 ตามที่ผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเสนอมาในอัตรา 20.48 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามมติ ครม. (จากเดิม กกพ.มีมติเรียกเก็บเอฟที่ 66.89 สตางค์/หน่วย และเมื่อรวมค่าไฟฐานทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 4.45 บาท/หน่วย)

ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. อยู่ระหว่างดำเนินการส่งหนังสือแจ้งการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟผ. กฟน. และ กฟภ.) เพื่อประกาศค่าเอฟทีค่าใหม่ในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2566 โดยผู้ใช้ไฟฟ้าที่จ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนกันยายน 2566 ไปแล้ว จะได้รับการหักส่วนลดค่าไฟฟ้าดังกล่าวในรอบบิลเดือนตุลาคมนี้ต่อไป

Advertisement

“เศรษฐา” ปลื้มนักท่องเที่ยวจีนตอบรับวีซ่าฟรี

People Unity News : 30 กันยายน 2566 นายกฯ ปลื้มนักท่องเที่ยวจีนตอบรับวีซ่าฟรี แห่จองมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 20 เท่า เผยประเทศไทยยินดีต้อนรับพี่น้องชาวจีนทุกคน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @Thavisin ว่าอ่านรายงานของ CNN ล่าสุดเรื่องที่พี่น้องชาวจีนตอบรับนโยบายฟรีวีซ่าชั่วคราวของรัฐบาลไทยแล้ว รู้สึกดีใจแทนพี่ประชาชนและผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างยิ่งเพราะชาวจีนตัดสินใจมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ให้บริการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีน (CTrip) รายงานว่ามียอดจองทริปมาไทย สูงกว่าเทศกาลวันชาติจีนปีที่แล้วถึง 20 เท่า และยอดจองโรงแรมในไทยมากขึ้นถึง 6,220% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ประเทศไทยยินดีมากที่ได้ต้อนรับพี่น้องชาวจีนทุกคนครับ ประเทศเรามีทะเลที่สวยงาม อาหารไทยที่หลายหลาก หวังว่าทุกท่านจะท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและประทับใจ

Advertisement

Verified by ExactMetrics