วันที่ 7 พฤษภาคม 2024

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ไทยพบโอไมครอน BA.4/BA.5 เพิ่ม กทม.มากสุด แพร่จากเมืองไปชนบท

People Unity News : 11 กรกฎาคม 2565 อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ชี้ ไทยพบ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้น กทม.มากสุด คาดแนวโน้มแพร่จากเมืองไปชนบท ส่วนการติดเชื้อไวรัส พบ BA.4 และ BA.5 แพร่เร็ว ยังไม่ฟันรุนแรงกว่า BA.2 หรือไม่ แต่น่าจะรุนแรงกว่า เตรียมให้ รพ.ทุกสังกัด เร่งเก็บข้อมูล

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงสถานการณ์ความคืบหน้าการติดตามสายพันธุ์เชื้อโควิด-19 ว่า ในกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ พบติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 เป็นส่วนใหญ่ ประมาณ 3 ใน 4 ของผู้เดินทาง ส่วนการติดเชื้อในไทย พบติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย กทม.พบถึง 72% ส่วนในภูมิภาค พบ 34.7% เรียกว่าพบ BA.4 และ BA.5 เพิ่มมากขึ้น ยกเว้นเขตสุขภาพที่ 3 ที่ยังไม่ค่อยพบ ซึ่งคาดว่าการติดเชื้อและการแพร่ก็จะเป็นในลักษณะจากเมืองสู่ชนบท ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 จะทำให้ป่วยหนัก หรือมีอาการรุนแรงหรือไม่นั้น จากการติดตามพบว่าในพื้นที่ กทม. พบคนติดเชื้อมีอาการไม่รุนแรง 72% แต่พบว่ามีผู้ที่มีอาการรุนแรง ปอดอักเสบ นอน รพ. ใส่ท่อหายใจ และเสียชีวิต พบถึง 13 คน หรือคิดเป็น 77% ส่วนในระดับภูมิภาค พบในจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ มีอาการไม่รุนแรง 309 คน ส่วนคนที่มีอาการรุนแรงพบ 45 คน หรือคิดเป็น 46.67% ดังนั้น ในส่วนของความรุนแรงของ BA.4 และ BA.5 น่าจะมากกว่า BA.2

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สถานการณ์ทั่วโลกพบว่า สัดส่วนของ BA.5 เพิ่มขึ้น จาก 37% เป็น 52% และเมื่อมีการติดตามว่า มีการแพร่เร็วแค่ไหน หรือหลบภูมิคุ้มกันหรือไม่ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก คาดว่า ในส่วนของความรุนแรงไม่ได้แตกต่าง ส่วนการแพร่เร็วนั้น แพร่เร็วกว่าแน่นอน ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสาตร์ของญี่ปุ่น พบว่าการกลายพันธุ์มีผลต่อการเพิ่มจำนวนไวรัส และดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ซึ่งหมายความว่าใครที่เคยติดเชื้อ BA.1 และ BA.2 สามารถติดเชื้อ BA.4 และ BA.5 ได้ และพบว่าเชื้อไวรัส BA.4 และ BA.5 สามารถแพร่ได้เร็วในเซลล์ปอดมนุษย์ มากกว่า BA.2

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ขอย้ำว่า BA.4 และ BA.5 ยังไม่สรุปว่ารุนแรง แต่เบื้องต้นน่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้เตรียมขอความร่วมมือ รพ.ทุกสังกัด มหาวิทยาลัย สังกัด กทม. ฯลฯ เก็บตัวอย่างคนปอดอักเสบ จนนอน รพ. หรือใส่ท่อช่วยหายใจ รวมทั้งผู้เสียชีวิต ส่งตรวจเพิ่มขึ้น เพื่อให้ข้อมูลชัดเจนและมั่นใจมากขึ้น และในสัปดาห์หน้าจะมีการเปิดเผยข้อมูลตรวจภูมิคุ้มกันผู้รับวัคซีนต่อเชื้อ BA.4 และ BA.5 ว่าเป็นอย่างไร

Advertisement

ศกพ.ประกาศแจ้งเตือน PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐาน งดกิจกรรมกลางแจ้ง 9 – 11 เมษายน

People Unity News : ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) รายงานคุณภาพอากาศวันที่ 9 เมษายน 2565 สรุปสถานการณ์ PM2.5 พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ สรุปได้ดังนี้

  • ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 43 – 114 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 43 – 94 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 49 – 78 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 43 – 54 มคก./ลบ.ม.
  • ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 10 – 17 มคก./ลบ.ม.
  • กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 38 – 105 มคก./ลบ.ม.

โดยการเพิ่มสูงขึ้นนี้มีสาเหตุจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่ รวมถึงพบจุดความร้อนที่กระจายตัวอยู่ทั้งในประเทศและประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ สภาพอากาศที่นิ่ง ลมอ่อน

ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พบว่าในช่วงวันที่ 9 – 11 เมษายน 2565 ควรมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง การยกตัวของมวลอากาศต่ำ หากจุดความร้อนมีจำนวนมากอาจส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นละอองสูงขึ้น ทั้งนี้หลังวันที่ 11 เมษายน 2565 สถานการณ์ฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งลดลงรวมถึงการยกตัวของมวลอากาศสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการควบคุมจุดความร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศควบคู่ไปด้วยกัน

ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 9 – 11 เมษายน 2565 ศกพ. ขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด งดกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ โดยท่านสามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com แอปพลิเคชัน Air4Thai และ AirBKK

Advertisement

ขนส่งฯ ชี้แจงข่าวเว็บพนัน ประมูลเลขสวย

People Unity News : 13 ธันวาคม 2565 ขนส่งทางบก ไม่หวั่น! หลังมีกระแสข่าวเจ้าของเว็บพนันหันมาประมูลทะเบียนเลขสวยเก็บเข้ากรุ ลั่นพร้อมให้ความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ปปง.ในรายละเอียด

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก สายไหมต้องรอด โพสต์ข้อความโดยระบุว่าเดี๋ยวนี้เจ้าของเว็บพนันหันมาเก็บสะสมป้ายทะเบียนเลขสวยแทนเงินสด แล้วมีการเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ประมูลเลขว่า ในเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินดังกล่าวนั้น เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และ ปปง. ส่วนกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นผู้จัดประมูลก็มีระเบียบหลักเกณฑ์ในการเปิดประมูล หากผู้ที่สนใจเข้ามาประมูลเลขสวยดำเนินการตามขั้นตอนข้อกำหนด ก็จะมีสิทธิที่จะเข้าประมูลเลขทะเบียนเลขสวยได้ทุกคน

อย่างไรก็ตามทางขนส่งทางบก พร้อมให้ความร่วมมือกับทาง ตำรวจ และ ปปง. หากประสานขอความร่วมมือมา

ส่วนขั้นตอนการจ่ายเงินภายหลังจากที่มีการประมูเลขสวยนั้นก็มีระเบียบตามขั้นตอน หากฝ่ายตำรวจตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติทางการเงินของผู้ประมูลหมายเลขใดเลขหนึ่ง ก็เป็นหน้าที่ของ ตำรวจ และ ปปง. ที่จะอายัดเส้นทางการเงิน ซึ่งขนส่งทางบกมั่นใจว่า จะไม่กระทบต่อการประมูลในครั้งต่อๆไปแน่นอน

นายจิรุตม์​ กล่าวต่อว่า  ส่วนประเด็นที่ว่า การประมูลทะเบียนเลขสวย หมวด 9 กก 9999  มีผู้ประมูลได้ราคาสูงสุดกว่า 45 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ที่เคยประมูลมานั้นว่า ในเรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่า ก่อนหน้านั้นกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน หรือ กปถ. ได้เปิดประมูลเลขสวยหมวด 8 กก 8888 ก็มีผู้สนใจเข้ามาประมูลมากและมีราคาสูงถึง 28 ล้านบาท ดังนั้นหากเลขทะเบียนหมวด 9 กก 9999  เมื่อเปิดประมูล ทางขนส่งก็เคยมีการประมาณการณ์แล้วว่า หมวดดังกล่าวต้องราคาสูงกว่า 30 ล้านแน่นอน เนื่องจาก เป็นเลข 9 และ หมวดอักษร กก

Advertisement

เจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติช่วงสงกรานต์ เข้าได้ทุก รพ.ที่อยู่ใกล้

People Unity News : 9 เมษายน 2566 รองโฆษกรัฐบาล แจง “เทศกาลหยุดยาวสงกรานต์” หากเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ เข้ารักษาได้ทุก รพ.ที่อยู่ใกล้ ตามนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่” ของรัฐบาล

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 มีวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน 2566 ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางต่างจังหวัด เพื่อกลับบ้าน เยี่ยมเยียน เฉลิมฉลองกับครอบครัว รวมถึงทำกิจกรรมต่าง ๆ และรดน้ำดำหัวขอพรจากญาติผู้ใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก และมักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำ จากข้อมูลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2565 ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน เกิดอุบัติเหตุรวม 1,917 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 1,869 คน ผู้เสียชีวิต 278 ราย รัฐบาลจึงมีความห่วงใยประชาชน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย สามารถใช้สิทธิ์ Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP ได้ ดังนี้

1.กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินระดับวิกฤติ หากไม่รักษาทันทีมีโอกาสเสียชีวิตสูง สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ที่สถานพยาบาลทุกแห่งที่อยู่ใกล้สุดโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิ์ทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients : UCEP) ของรัฐบาล โดยให้สถานพยาบาลที่ให้การรักษาเบิกค่าใช้จ่ายค่ารักษาจาก สปสช. ตามอัตราที่กำหนด

2.กรณีเจ็บป่วยที่ไม่ใช่ฉุกเฉินระดับวิกฤติ หรือกรณีผู้มีสิทธิบัตรทองที่เดินทางไปต่างถิ่นแล้วมีความจำเป็นต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล เช่น มีความดันโลหิตขึ้นสูง ปวดศีรษะมาก เกิดภาวะท้องเสียรุนแรง เป็นต้น กรณีนี้ให้เป็นไปตามข้อบังคับ สปสช. ว่าด้วยการใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขกรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ระบุว่าผู้ป่วยสิทธิบัตรทองหากมีเหตุสมควร หรือกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉิน หรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่นที่ไม่ได้ลงทะเบียนหน่วยบริการประจำและสถานพยาบาลที่ไม่ได้เข้าร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545

“ขอให้ประชาชนเตรียมบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ ในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้เพื่อความสะดวก พร้อมทั้งศึกษาข้อมูลหน่วยบริการที่อยู่ในพื้นที่ระหว่างเดินทางและจุดหมายปลายทาง เพื่อเป็นข้อมูลในการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้โดยเร็ว ส่วนประชาชนที่เจ็บป่วยด้วยโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ควรเตรียมพร้อมยารักษาโรคเพื่อให้เพียงพอสำหรับการเดินทาง สิ่งที่สำคัญต้องไม่ประมาท พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง และมีสติอยู่ตลอดเวลา ” นางสาวรัชดา กล่าว

Advertisement

ด่วน!! กรมอุตุฯออกประกาศเตือนฉบับที่ 3 พายุฤดูร้อนถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ-อีสาน-กลาง 3-7 พ.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 พฤษภาคม 2567 กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือน พายุฤดูร้อนบริเวณไทยตอนบน ฉบับที่ 3 มีผลกระทบ 3-7 พ.ค.67 โดยมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 3 มีผลกระทบในช่วงวันที่ 3-7 พฤษภาคม 2567

ในช่วงวันที่ 3–5 พ.ค. 67 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้

วันที่ 3 – 4 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี และกาญจนบุรี

วันที่ 5 – 6 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด

Advertisement

กระทรวงต่างประเทศชี้แจง เหตุผู้แทนไทยไปประชุม Belt and Road Forum ที่จีนจำนวนมาก

People Unity : ด่วน! กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจง ตามที่มีการสอบถามว่า ทำไมคณะผู้แทนไทยไปเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum ครั้งที่ 2 ที่จีนเป็นจำนวนมาก

วันนี้ (27 เมษายน 2562) อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า การประชุมข้อริเริ่มสายแถบหนึ่งเส้นทาง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 เม.ย.2562 ตั้งแต่การประชุมระดับผู้เชี่ยวชาญ/ระดับสูง จำนวน 12 เวที ในลักษณะเวทีการหารือกลุ่มย่อย (Thematic Forum) ครอบคลุมประเด็นความเชื่อมโยงในทุกมิติ ตั้งแต่ด้านนโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน การค้าการลงทุน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิทัล จนถึงด้านการศึกษาและประชาชน โดยมีผู้แทนจาก 150 ประเทศ องค์การระหว่างประเทศ 29 องค์การ และภาควิชาการเอกชนจำนวนมาก ชาวต่างประเทศที่มาเข้าร่วมกว่า 5,000 คน สำหรับประเทศไทย ฝ่ายจีนได้เชิญรัฐมนตรีของไทยเข้าร่วมในเวทีต่างๆด้วย ได้แก่ รมว. กต. (เข้าร่วมเวที ความเชื่อมโยงด้านนโยบาย) รมว. คค. (เข้าร่วมเวทีการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน) รมว. ดศ. (เข้าร่วมเวทีดิจิทัล) เลขาธิการ ป.ป.ช. (เข้าร่วมเวทีเกี่ยวกับการต่อต้านคอรัปชั่น) เลขาธิการ BOI (เข้าร่วมเวทีส่งเสริมการค้าการลงทุน) รวมทั้งผู้แทนหน่วยงานอื่นๆ ที่ได้รับเชิญเข้าร่วม อาทิ เวทีความเชื่อมโยงด้านนวัตกรรม การศึกษาและด้านประชาชน นอกจากนี้ ยังมีผู้แทนภาคประชาสังคมและภาคเอกชนไทยจำนวนมากได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมด้วย

ในการประชุมระดับผู้นำ นรม. ได้รับเชิญจาก ปธน. สี จิ้นผิง (สปป. จีน) เข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำระหว่างวันที่ 26 – 27 เมษายน 2562 ประกอบด้วยการประชุมระดับสูง (High Level) และการประชุมผู้นำโต๊ะกลม (Roundtable) โดยในการประชุมครั้งนี้ มีผู้นำเข้าร่วมทั้งหมด 38 ประเทศ จากทุกทวีป รวมทั้งอาเซียน 10 ประเทศ เพื่อติดตามความคืบหน้าของความร่วมมือและโครงการต่างๆ ภายใต้ข้อริเริ่มฯ และเพื่อหารือถึงทิศทางความร่วมมือในอนาคต

ไทยให้ความสำคัญกับข้อริเริ่มฯ โดยถือเป็นยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนา โดยเฉพาะความเชื่อมโยง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และการเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาของไทยที่ไทยผลักดันมาโดยตลอด โดยจีนถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในทุกระดับ และในการเข้าร่วมครั้งนี้ นอกเหนือจากการแสดงถึงบทบาทของไทยในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างภูมิภาครวมถึง BRI แล้ว ยังแสดงถึงบทบาทไทยในฐานะประธานอาเซียนด้วย

ข่าวด่วน : กระทรวงต่างประเทศชี้แจง เหตุผู้แทนไทยไปประชุม Belt and Road Forum ที่จีนจำนวนมาก

People Unity : post 27 เมษายน 2562 เวลา 19.50 น.

3 การไฟฟ้า เตือนระวังมิจฉาชีพ แอบอ้างชื่อ ชักชวนลงทุน!!!

People Unity News : 9 มิถุนายน 2566 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เตือนภัย อย่าหลงเชื่อ! ผู้แอบอ้างชื่อหน่วยงาน หรือแอบอ้างเป็นพนักงาน ชักชวนลงทุน ระวังเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ!

3 การไฟฟ้าย้ำว่า จากกรณีที่มีการคนแอบอ้างใช้ชื่อหน่วยงาน และ พนักงาน ของ 3 การไฟฟ้า ในการชักชวนลงทุนหรือทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทาง Facebook / เว็บไซต์ /แอปพลิเคชัน / ข้อความ SMS / LINE หรือ Social Media ใดๆ

ขอชี้แจงว่า กฟผ. กฟน. และ กฟภ. เป็นรัฐวิสาหกิจ ไม่ได้ดำเนินการในรูปแบบบริษัท และไม่มีการชักชวนให้ลงทุนใดๆทั้งสิ้น

Advertisement

ล่าสุดคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย รวมเสียชีวิต 24 ราย บาดเจ็บ 16 ราย ถูกจับตัวไป 16 ราย

People Unity News : 14 ตุลาคม 2566 นายกฯ เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลพรุ่งนี้ เพื่อประสานสายการบินอพยพให้ได้ 400 คน/วันตามเป้า ด้าน “โฆษก ก.ต่างประเทศ” ยันแรงงานไทยไม่ใช่เป้าหมายกลุ่มฮามาส รับนำร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยล่าช้า เพราะต้องใช้เวลานานพิสูจน์อัตลักษณ์

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ในอิสราเอล โดยระบุว่าสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรง เรามีความห่วงกังวลเรื่องการเข้าพื้นที่ภาคพื้นดินของอิสราเอล หลังจากที่อิสราเอลมีการประกาศอพยพพลเรือนออกจากภาคเหนือของฉนวนกาซาภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งคนที่อพยพออกมาก็มีจำนวนน้อยมาก ขณะที่ฝ่ายฮามาสประกาศว่านี่เป็นสงครามจิตวิทยา ขอให้ผู้คนอยู่ที่เดิม เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจับตา และจากสถานการณ์ พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายสูญเสียกำลังพลและพลเรือนจำนวนมาก จึงขอแสดงความเสียใจ

ขณะที่ล่าสุด กองทัพอิสราเอล เปิดเผยว่าได้ส่งกำลังพลเข้าไปในเขตฉนวนกาซา ใกล้เคียงกับชายแดนอิสราเอล เพื่อพยายามค้นหาตัวประกัน โดยทางผู้ประสานงานค้นหาตัวประกันและผู้สูญหายของรัฐบาลอิสราเอลก็ได้ออกมาเปิดเผยว่าขณะนี้รัฐบาลอิสราเอลได้พยายามทางการทูตเพื่อที่จะนำตัวประกันออกมา แต่ขณะนี้อยู่ในภาวะสงครามการดำเนินการใดๆ ย่อมทำได้ยาก และใช้เวลา รวมทั้งมีรายงานว่าอิสราเอลอยู่ในระหว่างการเจรจาส่งสิ่งของให้ตัวประกัน แต่ยังไม่สามารถรับประกันว่ากลุ่มฮามาสจะยอมรับหรือไม่

ส่วนความคืบหน้าผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่ ต้องขอแสดงความเสียใจ เนื่องจากเช้าวันนี้ได้รับแจ้งจากทางการอิสราเอลว่ามีคนไทยเสียชีวิตอีก 3 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 24 ราย มีผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมอีก 2 ราย รวมเป็น 16 ราย และผู้ที่ถูกจับตัวไป 16 ราย

ในเรื่องของการนำร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา ทางการอิสราเอลยังยืนยันว่าต้องใช้เวลา โดยทางสถานทูตได้ติดต่อผู้จัดการบริษัทที่ทางการอิสราเอล มอบหมายให้จัดการร่างผู้เสียชีวิตชาวต่างชาติ เพื่อขอให้เร่งรัดกระบวนการต่างๆ เพื่อจัดส่งศพกลับภูมิลำเนา ซึ่งทางผู้จัดการก็ได้แจ้งว่าตระหนักดีถึงความสำคัญที่ต้องเร่งกระบวนการ แต่ทั้งนี้มีศพชาวต่างชาติจำนวนมาก แต่รับปากว่าจะพยายามดำเนินการให้โดยเร็วที่สุด และทางการอิสราเอลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับภูมิลำเนา จึงขอแจ้งญาติผู้เสียชีวิตว่าต้องมีกระบวนการโดยเฉพาะการพิสูจน์อัตลักษณ์ ซึ่งโดยปกติทางการของอิสราเอลใช้เวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์ถึง 7 วันในภาวะปกติ แต่ในภาวะสงครามก็จะใช้เวลามากขึ้นไปอีก

ส่วนการอพยพ ขณะนี้เป็นช่วงที่เครื่องบิน สายการบิน Fly Dubai กำลังจะขึ้นเพื่อนำคนไทยมาส่งที่สนามบินอู่ตะเภา โดยจะจอดแวะเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ และจะมาถึงอู่ตะเภาในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) เวลาประมาณ 07.25 น. ซึ่งจะมีผู้ว่าราชการจังหวัดระยองและผู้แทนกองทัพเรือไปรอให้การต้อนรับ โดยแรงงานที่มาถึงจะเดินทางต่อมายัง โรงแรม SC PARK กรุงเทพมหานคร คาดว่าจะถึงในเวลา 10.00 น. ญาติสามารถไปรอรับที่นั่นได้

สำหรับจำนวนคนที่ตั้งเป้าว่าเดินทางกลับในเที่ยวบินนี้ มีจำนวน 100 ราย โดยก่อนถึงเวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง มีผู้เดินทางมารอขึ้นเครื่อง 91 ราย โดยจะต้องรอดูต่อไปว่าจะเดินทางมาเพิ่มหรือไม่ แต่เบื้องต้นมี 2 รายเปลี่ยนใจ แจ้งความประสงค์จะอยู่ต่อ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางไปที่สนามบิน

นางกาญจนา ยังเปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (15 ต.ค.) สถานทูตจะอพยพคนไทยด้วยเครื่องบินของกองทัพอากาศ โดยจะออกจากกรุงเทลอาวีฟ ในเวลา 13.00 น. และเดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 (บน.6) ในวันที่ 16 ตุลาคม เวลา 04.40 น. จำนวน 137 ราย

ทั้งนี้ยังมีความพยายามที่จะหาเที่ยวบินพิเศษ อีกจำนวนมาก เพื่อพยายามอพยพคนไทยให้ได้วันละ 400 คน และในการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินวันนี้ ได้หารือถึงแผนการหาเครื่องบินสายต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถอพยพแรงงานไทยได้ตามเป้าหมาย โดยวันถัดไป จะมีแรงงานไทยเดินทางกลับมากับสายการบินอิสราเอล แอร์ไลน์ คาดว่ามีจำนวน 250 คน และทางรัฐบาลจะจัดเที่ยวบินพิเศษของกองทัพไทยและการบินไทยบินไปรับอย่างต่อเนื่อง

ส่วนศูนย์พักพิงชั่วคราวในอิสราเอล ทางสถานทูตไทยในอิสราเอลได้จองโรงแรมใหม่ เพื่อเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว คือที่ โรงแรมเดวิด อินเตอร์คอนติเนนทอล เทลอาวีฟ เบื้องต้นจองไว้ 100 ห้อง และมีคนไทยส่วนหนึ่งที่สถานทูตช่วยเหลือในการอพยพ เข้าไปพักในศูนย์นี้แล้ว

สำหรับผู้ที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ จำนวน 56 คน กลับถึงภูมิลำเนาโดยปลอดภัย ขณะที่ภาพรวมคนที่ประสงค์กลับตอนนี้มี 7,058 คน สถานทูตอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะบางส่วนกรอกข้อมูลซ้ำ บางส่วนประสงค์จะอยู่ต่อ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลา 16.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเป็นประธานในการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามการทำงานของทุกหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและติดตามสถานการณ์การดำเนินการช่วยเหลือคนไทยอย่างใกล้ชิด

ส่วนกรณีแรงงานไทยส่วนหนึ่ง เปิดเผยว่ากลุ่มฮามาสพูดภาษาไทย เพื่อลวงให้ออกจากที่ซ่อน และเข้าใจว่าคนไทยอาจจะเป็นเป้าหมายนั้น นางกาญจนา ยืนยันว่าคนไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายพิเศษ แต่เนื่องจากเป็นสถานการณ์สงคราม ก็จะมีการจับกุมคนอิสราเอล หรือคนชาติต่างๆ ขอย้ำว่าคนไทยไม่ใช่เป้าหมาย และจากการรับฟังข้อมูล คนต่างชาติไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักในการทำร้าย

ส่วนกรณีกลุ่มฮามาสเปิดเผยว่ามีตัวประกันเสียชีวิต 13 รายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล มีคนไทยเสียชีวิตรวมอยู่ด้วยหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่า จากติดตามข่าวยังไม่มีการเปิดรายชื่อ จึงยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง หวังว่าจะไม่มีคนไทย แต่ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย

ส่วนกรณีที่อิสราเอลจะปฏิบัติการภาคพื้นเพิ่มเติมจะมีผลกระทบต่อคนไทยและผู้ที่ถูกจับตัวไปหรือไม่นั้น นางกาญจนา ระบุว่าในแง่การดำเนินการยุทธการทางทหารทางภาคพื้น จะกระทบต่อทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมีการคาดเดาว่ามีตัวประกันถูกจับและกระจายตัวตามอุโมงค์ใต้ดินต่างๆ ทุกคนมีความกังวล ซึ่งจากการติดตามข่าวทราบว่าทางการสหรัฐและสหประชาชาติ ก็พยายามขอให้อิสราเอลชะลอการปฏิบัติการ เนื่องจากการอพยพคนเป็นล้านในเวลา 24 ชั่วโมง เป็นไปไม่ได้ และคนที่อพยพออกมาจริงก็น้อยมาก

Advertisement

ด่วน!สธ.เผยพบผู้ป่วยไข้เลือดออกกว่าหมื่นคนเป็นเด็กนักเรียน แนะ รร.รีบป้องกันช่วงเปิดเทอม

People Unity : กระทรวงสาธารณสุข เผย 5 เดือนของปี 2562 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้วกว่า 20,000 คน เกินครึ่งเป็นเด็กนักเรียน ขอความร่วมมือผู้ปกครอง ครู กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบ้านและโรงเรียนเพื่อป้องกันไข้เลือดออกช่วงเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ อาจมีน้ำขังในภาชนะที่ถูกทิ้งไว้บริเวณบ้าน โรงเรียน ศาสนสถาน กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก โดยในปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 13 พ.ค. ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข ระบุพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเป็นเด็กนักเรียนถึงร้อยละ 52 จากผู้ป่วยทั้งหมด 20,733 คน เสียชีวิต 25 ราย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ปกครอง ครู พี่เลี้ยงเด็ก เข้มงวดเรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อให้ลูกหลานปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต้อนรับเปิดเทอมใหม่ เพราะเด็กนักเรียนมีโอกาสได้รับเชื้อโรคไข้เลือดออกจากยุงลายที่บ้านและโรงเรียน

“ขอให้ทุกบ้าน ทุกโรงเรียนสำรวจจุดเสี่ยงที่เป็นแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายที่พบบ่อย เช่น ภาชนะที่ถูกทิ้งรอบๆบ้าน จานรองกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์เก่า ที่อาจพบไข่ยุงลายติดอยู่และอยู่ได้นานถึง 1 ปี เมื่อมีน้ำขัง ไข่ยุงจะเติบโตเป็นลูกน้ำยุงลายได้ภายใน 1-2 วัน ส่วนในบ้านพบได้ตามภาชนะรองน้ำทิ้งด้านหลังตู้เย็น แก้วน้ำหิ้งพระ แจกันที่ศาลพระภูมิ  ขอให้ล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์  ซึ่งหากทุกคนร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย จะช่วยลดจำนวนลูกน้ำยุงลายและโอกาสการเกิดโรคไข้เลือดออกลงได้” นายแพทย์สุขุมกล่าว

นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ วิธีการป้องกันการเกิดไข้เลือดออกที่ดีที่สุด คือการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ใช้มาตรการ “3 เก็บ 3 โรค” คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันดอกไม้ทุกสัปดาห์  2.เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำต้องปิดฝามิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย

ข่าวด่วน : ด่วน!สธ.เผยพบผู้ป่วยไข้เลือดออกกว่าหมื่นคนเป็นเด็กนักเรียน แนะ รร.รีบป้องกันช่วงเปิดเทอม

People Unity : post 21 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.30 น.

ส.ป.ก. ท้าชนกรมอุทยานฯ ออกแถลงการณ์ยันแนวเขตพิพาทเขาใหญ่ อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน อ้างทำตามมติ ครม. ลั่นจะปกป้องสิทธิเกษตรกร

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 มีนาคม 2567 เลขาธิการ ส.ป.ก. ยันแนวเขตพื้นที่พิพาทบริเวณบ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินแน่นอน โดย ส.ป.ก. ได้รับมอบพื้นที่มาตามกระบวนการจำแนกป่า จากนั้นมี พ.ร.ก.กำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534 หาก ครม. มีนโนบายให้ ส.ป.ก. ส่งมอบพื้นที่พิพาทไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ จะต้องปรับปรุงกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า ส.ป.ก. ออกแถลงการณ์เรื่อง กรณีพิพาทระหว่างแนวเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมากับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อยืนยันว่า พื้นที่พิพาทบริเวณบ้านเหวปลากั้ง หมู่ที่ 10 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินอย่างแน่นอน โดยไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แต่อย่างใด

ในแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้เข้ารื้อถอนหมุดหลักฐานซึ่งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบริเวณดังกล่าว อันอาจก่อให้เกิดเป็นประเด็นพิพาทในระหว่างส่วนราชการด้วยกันนั้น

ส.ป.ก. ยืนยันว่า ที่ดินในบริเวณพิพาทเป็นที่ดินที่ ส.ป.ก. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามมาตรา 26 (3) และมาตรา 36 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนินและอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534

ทั้งนี้กรมแผนที่ทหารได้ตรวจสอบข้อมูล Field book ซึ่งเป็นการบันทึกการรังวัดขอบเขตของกรมอุทยานฯ เอง ตามมาตรฐานแผนที่และการรังวัดสากลแล้ว ยืนยันว่า พื้นที่ข้อพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

สำหรับพื้นที่บริเวณดังกล่าว ส.ป.ก. ได้รับมาจากการนำที่ดินที่จำแนกออกจากป่าเขาใหญ่เฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติและเขตป่าสงวน (พื้นที่อยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตามพระราชกฤษฎีกาที่ประกาศในราชกิจจานุบกษา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2505) เนื้อที่ประมาณ 33,896 ไร่ ตามที่คณะรัฐนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530 มอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาที่ดินครั้งที่ 6/2527 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2527 ที่มีกรมป่าไม้ (ผู้รับผิดชอบงานอุทยานแห่งชาติในขณะนั้น) และ ส.ป.ก. ร่วมเป็นกรรมการ โดยได้สำรวจจนเป็นที่ยุติแล้วว่า พื้นที่ที่ส่งมอบให้ ส.ป.ก. ข้างต้นมีสภาพการใช้ประโยชน์โดยการประกอบเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 86.25 %

ดังนั้น ส.ป.ก. จึงมีอำนาจหน้าที่นำที่ดินเนื้อที่ประมาณ 33,896 ไร่ที่ได้รับมอบซึ่งที่ดินบริเวณพิพาทรวมอยู่ในส่วนนี้ด้วย มาจัดให้แก่เกษตรกรตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 โดยไม่มีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการทับซ้อนของแผนที่แสดงแนวเขตในบริเวณพื้นที่พิพาทระหว่าง ส.ป.ก. กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

หากคณะรัฐมนตรีมีนโยบายให้ปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐตามโครงการ One Map เพื่อให้ที่ดินที่ ส.ป.ก. ได้รับมาในบริเวณพิพาทไปอยู่ในแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับปรุงกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ รวมถึงช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้สุจริตซึ่งเสียสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจากผลกระทบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ 10 ข้อ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป

เลขาธิการ ส.ป.ก. ระบุว่า ได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยยึดมั่นในหลักการว่า หากปรากฎข้อเท็จจริงใดๆ ว่า มีเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. รังวัดจัดที่ดินในพื้นที่ที่ยังมีสภาพป่า ย่อมเป็นกรณีที่ไม่ชอบด้วยระเบียบและข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบ โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตลอดจนย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายด้วยแล้ว หากพบว่า เจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. ผู้ใดได้กระทำความผิดหรือจัดที่ดินโตยฝ่าฝืนเจตนารมณ์แห่งกฎหมายหรือกระทำการใดๆ ที่ไม่ถูกต้องอันก่อให้เกิดความเสียหายกับการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส.ป.ก. จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งทางวินัย ทางแพ่ง และทางอาญาให้ถึงที่สุด ในทางกลับกัน หากตรวจสอบแล้วพบว่า ส.ป.ก. จัดที่ดินที่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย ก็เป็นกรณีสมควรที่เกษตรกรจะต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิกฎหมายและมีความชอบธรรมในการถือครองที่ดินของ ส.ป.ก. ต่อไป โดยไม่ควรที่จะมีหน่วยงานใดก็ตามรบกวนหรือรอนสิทธิของประชาชนเหล่านี้

พร้อมกันนี้ยืนยันว่า ส.ป.ก. จะยืนหยัดในการปฏิบัติหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายทุกประการและจะตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. ที่ปฏิบัติหน้าที่มิชอบเพื่อพิสูจน์ทราบ หากพบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป

Advertisement

Verified by ExactMetrics