วันที่ 27 เมษายน 2024

ทร.วางมาตรการคุมเข้มคลังอาวุธ

People Unity News : 20 กรกฎาคม 2566 กองทัพเรือวางมาตรการคุมเข้มคลังอาวุธ เรียกสอบผู้เกี่ยวข้อง หลังกระสุนลอตใหญ่หาย เตรียมปลดออก และออกหมายจับกำลังพลผู้ก่อเหตุ หลังหลบหนี ขาดราชการ เกิน 15 วัน

พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่กระสุนปืนกลแบบ M855 และ M856 ที่เป็นกระสุนของปืนเล็กยาว ไรเฟิลจู่โจม ขนาด 5.56 มม. หายนับหมื่นนัด และกระสุนหัวระเบิดแบบ 40 มม. สำหรับปืนยิงเครื่องยิงลูกระเบิด นับพันหาย จาก คลังสรรพาวุธของนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่า ขณะนี้ได้เข้าตรวจสอบ และได้ดำเนินการใน 3 ด้าน คือ 1.ในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยคลังอาวุธ 2. ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน   และ 3. ติดตามตัวเจ้าหน้าที่คลังคนที่เป็น ต้นเหตุซึ่งเป็นคนขโมยกระสุนปืนออกไป

โดยวานนี้ (19 ก.ค.) ได้เข้าทำการตรวจค้นบ้านซึ่งตรวจพบกระสุนปืนอยู่บางส่วนที่ยังมีตกค้างอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้มีการลักลอบขโมยกระสุนปืนออกมาจากคลังจริง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวยังหลบหนีอยู่ โดยปิดเครื่องมือสื่อสารทั้งหมด ซึ่งได้ให้ส่วนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปในพื้นที่ที่คาดว่าจะหลบซ้อนตัวอยู่ ซึ่งคาดว่ายังอยู่ในประเทศ ยังไม่หลบหนีออกนอกประเทศ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่ากระสุนปืนที่หาย เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในช่วงนี้แต่อย่างไร เพราะได้ติดตามดูในสเตทเม้นท์ บุ๊คแบงค์ธนาคาร ของตัวผู้ต้องหา พบว่าได้มีการดำเนินการลักลอบนำกระสุนปืนออกจากคลังมานานพอสมควร มีการโอนเงินผ่านเข้า ออกในบัญชีมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นทำมานานแล้ว ไม่ได้ใช่เพิ่งเริ่มทำเป็นครั้งแรก นั่นก็หมายความว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงนี้   โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ขาดราชการตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.66 ถึงวันนี้ 20 ก.ค.66  เป็นเวลา 15 วัน ซึ่งถือว่าขาดราชการทางต้นสังกัดจะได้ทำเรื่องถึงกระทรวงกลาโหมให้ปลดออกจากราชการ และให้นายทหารพระธรรมนูญ ไปขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับ ซึ่งทางกองทัพเรือได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ด้วยอีกทาง

“ยืนยันว่ากองทัพเรือ ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะตามผู้กระทำผิด มาลงโทษทั้งวินัย และอาญา ให้ได้โดยเร็ว กองทัพเรือ โดยผู้บัญชาการทหารเรือ มีนโยบายชัดเจน ที่ไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน” โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

Advertisement

“ประวิตร” สั่ง ก.แรงงานเร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกด้านโดยเร็ว

People Unity News : รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกระทรวงแรงงานและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง ในวันแรงงานแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนมาตรการในการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19)

วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เวลา 10.00 น. วันแรงงานแห่งชาติ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมกระทรวงแรงงานและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูง เพื่อขับเคลื่อนมาตรการในการให้ ความช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) โดยมี หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน คณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมฯ ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทูร  ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 รัฐบาลได้ระดมสรรพกำลังในการดูแลช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน ซึ่งแรงงานเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ และขอขอบคุณกระทรวงแรงงานที่ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการในการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแรงงานผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งแรงงานในระบบ นอกระบบ และแรงงานต่างด้าว รวมถึงขอเน้นย้ำการทำงานเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ได้แก่

(1) การรักษาพยาบาลผู้ที่ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ขอให้สนับสนุนบริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคไวรัสโควิด – 19 ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว

(2) มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ว่างงาน ขอให้เร่งรัดการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานให้แก่ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบให้ครบถ้วน ไม่ตกหล่น รวมทั้งให้มีมาตรการช่วยเหลือในเรื่องของการฝึกอาชีพเพื่อยกระดับทักษะฝีมือและหางานให้ทำอย่างรวดเร็วที่สุด

(3) การเฝ้าระวังและการป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ขอให้ดำเนินการให้ครอบคลุมและรอบคอบ รวมทั้งขอให้ชะลอการนำเข้าแรงงานต่างด้าวทุกขั้นตอน จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยให้ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงแรงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ จะต้องมีแผนรองรับหลังจากที่สถานการณ์ผ่อนคลายลง

(4) แรงงานในภาคประมง ขอให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานประมง  รวมทั้งการดูแลไม่ให้มีการละเมิดสิทธิแรงงานเกิดขึ้น โดยขอให้บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและติดตามข่าวสารในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหน่วยงานภาคประชาสังคม

(5) ในส่วนของการร่างพระราชบัญญัติธนาคารประกันสังคมและพระราชบัญญัติแรงงานนอกระบบ ขอให้เป็นไปด้วยความรอบคอบ รับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มและคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ขอให้กำหนดมาตรการส่งเสริมการจ้างงาน การพัฒนาทักษะ และการประกอบอาชีพในรูปแบบที่เหมาะสมกับกลุ่มแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ รวมทั้งส่งเสริมการรับงานไปทำงานที่บ้าน เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ รวมถึงบรรเทาภาระหนี้สินและค่าครองชีพของประชาชน

พลเอก ประวิตร กล่าวต่ออีกว่า ขอเป็นกำลังใจในการร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ขอให้กลุ่มแรงงาน และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานปลอดภัยจากไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) เพื่อพัฒนาประเทศตามนโยบายของรัฐบาล “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” พลเอก ประวิตร กล่าวตอนท้าย

โฆษณา

เกาหลีใต้เตรียมยกเลิกกฎคุมโควิดเกือบทั้งหมดสัปดาห์หน้า

People Unity News : เกาหลีใต้เล็งยกเลิกกฎคุมโควิดเกือบทั้งหมดในสัปดาห์หน้า และจะทบทวนการยกเลิกกฎการใส่หน้ากากในที่กลางแจ้งภายในสองสัปดาห์นี้ โดยจะพิจารณาจากสถานการณ์ไวรัส

17 เม.ย. 65 เมื่อวันศุกร์ เกาหลีใต้ระบุว่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เกือบทั้งหมดในสัปดาห์หน้าเนื่องจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนทุเลาลง แม้รัฐบาลจะยังคงกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากต่อไป ตามรายงานของรอยเตอร์

นายกรัฐมนตรี คิม บู-คยุม ของเกาหลีใต้ ระบุว่า จะมีการยกเลิกเคอร์ฟิวที่เคยกำหนดให้ร้านอาหารและสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ต้องปิดภายในเที่ยงคืน เช่นเดียวกับการยกเลิกการรรวมกลุ่มกันเป็นการส่วนตัวไม่เกิน 10 คน

นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้จะอนุญาตให้มีการเดินขบวนรวมถึงการจัดงานที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 300 ขึ้นไป และจะยกเลิกการกำหนดให้ศาสนสถานรับผู้คนได้ไม่เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ของความจุทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นายกฯ เกาหลีใต้ระบุต่อว่า เกาหลีใต้จะยังคงกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากภายในอาคารต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากการสวมหน้ากากเป็นวิธีสำคัญต่อการป้องกันโรคโควิด-19 และจะทบทวนการยกเลิกกฎการใส่หน้ากากในที่กลางแจ้งภายในสองสัปดาห์นี้ โดยจะพิจารณาจากสถานการณ์ไวรัส

ควอน ดึก-ชอล รัฐมนตรีสาธารณสุขเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางรัฐบาลจะยกเลิกมาตรการกักตัวของผู้ป่วยโรคโควิด-19 เป็นเวลาเจ็ดวัน โดยจะเริ่มยกเลิกตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม

ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในเกาหลีใต้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วหลังจากมียอดผู้ติดเชื้อกว่า 620,000 คนเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม โดยเมื่อวันศุกร์ มียอดผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่า 130,000 คน

เกาหลีใต้ใช้มาตรการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงเพื่อจำกัดยอดผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยหนัก ในขณะเดียวกันก็ลดความเข้มข้นของมาตรการสืบสัมผัสผู้ติดเชื้อและการควบคุมการแพร่ระบาดลง

ข้อมูลจากหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีระบุว่า เกือบ 87 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเกาหลีใต้ 52 ล้านคน ฉีดวัคซีนครบแล้ว และมี 64 เปอร์เซ็นต์ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์แล้ว โดยเมื่อวันพุธ รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศแผนให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็มสองได้

ที่มา: รอยเตอร์

Advertisement

ระวัง 5 บัญชีโซเชียล อย่ารับแชท ไม่แอด ไม่คุย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 มีนาคม 2567 รองโฆษกรัฐบาล ย้ำเตือน ปชช. ระวัง 5 บัญชีโซเชียลอันตราย แนะอย่ารับแชท ไม่แอด ไม่คุย ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพยังคงมีการพัฒนารูปแบบในการหลอกลวงประชาชนปรับเปลี่ยนรูปแบบอย่างแยบยลมีการนำหลักจิตวิทยามาปรับใช้ในการหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ซึ่งจากข้อมูลพบว่า มิจฉาชีพมักสร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงเหยื่อ รูปแบบของบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่ต้องระวังเพราะอาจเป็นมิจฉาชีพมี 5 รูปแบบดังต่อไปนี้

1.หนุ่มหล่อสาวสวยแอดเป็นเพื่อน โดยที่ไม่รู้จักกันมาก่อนพยายามสานสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว ซึ่งจะนำไปสู่การหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือหลอกให้ส่งภาพลามก

2.อวดร่ำอวดรวย โดยมักจะมีการโพสต์ในทำนองว่า ได้เงินจากการลงทุน หรือทำธุรกิจบางอย่าง ซึ่งได้ผลตอบแทนสูงจะนำไปสู่การหลอกลวงชวนลงทุนหรือ Hybrid Scam

3.ต่างชาติวัยเกษียณส่งข้อความมาหา หรือแอดเป็นเพื่อนเพื่อสานสัมพันธ์เชิงชู้สาว อ้างว่า จะย้ายมาอยู่ไทยและจะส่งทรัพย์สินมาให้ แต่ติดอยู่ที่ศุลกากรหลอกลวงให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพ

4.หน่วยงานรัฐรับช่วยเหลือ โดยลงโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ อ้างหน่วยงานของรัฐเปิดบริการรับแจ้งความ หรือให้ความช่วยเหลือในการติดตามทรัพย์สินจากคนร้าย จากนั้นจะหลอกลวงให้โอนเงินอ้างว่า เป็นขั้นตอนในการติดตามเงินคืนหรือค่าใช้จ่ายในการติดตามคดี

5.แอคหลุมแอคปลอม แชร์แต่ข่าวร้านอร่อย ที่เที่ยวสวย ๆ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครแอดมาเป็นเพื่อน ต้องระวังเพราะอาจเป็นมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสเข้ามาส่องบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของท่าน หรือนำภาพของท่านไปใช้ในการสร้างบัญชีปลอม

“แนะนำประชาชนไม่รับแอด ไม่คุยแชท ไม่โอนเงินให้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะดังกล่าว เพื่อลดโอกาสที่ท่านจะตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่สร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ขึ้นมาเพื่อใช้หลอกลวง” นายคารม ระบุ

Advertisement

โฆษก ศบค. เผยคลินิกเสริมความงาม ผับ บาร์ ยังคงปิดบริการต่อไป

People Unity News : โฆษก ศบค. เผยคลินิกเสริมความงาม ผับ บาร์ ยังคงปิดบริการ เนื่องจากใช้เวลาทำกิจกรรมในสถานที่ดังกล่าวนาน วอนประชาชนยังคงเน้นการควบคุมโรคเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย

4 พ.ค. 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ตอบคำถามสื่อมวลชนผ่านโซเซียลมีเดียช่วงการแถลงข่าวของศูนย์ข่าวโควิด-19 ดังนี้

โฆษก ศบค. ย้ำการให้บริการของสถานเสริมความงาม แม้บางแห่งได้มีการจดทะเบียนเวชรกรรมถูกต้อง ตามราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดฉบับที่ 5 (6) ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 63 ว่า คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม เป็นหนึ่งในกิจการที่ต้องมีคำสั่งปิดสถานที่เพราะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากอธิบดีกรมควบคุมโรคมีความเห็นว่า กิจการ/กิจกรรมที่ทำในคลินิกเวชกรรมเสริมความงามนั้นใช้เวลานาน และถือว่ามีความจำเป็นน้อย จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ โรงมหรสพ สถานบริการ ผับ บาร์ เป็นต้น ยืนยันว่ายังไม่สามารถให้กลับมาให้บริการได้

โฆษก ศบค. ยังชี้แจงถึงข้อมูลและความแม่นยำผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 18 รายที่จังหวัดสงขลาว่า หลักการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น หากมีการตรวจในคนหมู่มาก ย่อมมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงเพิ่มศักยภาพในการตรวจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับทุกคนจะเป็นการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก เช่น กรณีจังหวัดยะลาที่ตรวจไป 3,000 กว่าคน แต่บางอำเภอไม่พบผู้ป่วยเลย โฆษก ศบค. ยืนยันการใช้ชุดข้อมูล สถิติ เพื่อระบุกลุ่มเสี่ยงในการตรวจเป็นวิธีที่ยอมรับระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนนี้

โฆษก ศบค. ยังแสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนที่ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีความแออัด ขอให้เข้าใจว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน จะต้องสร้างความปลอดภัยได้ เช่นเดียวกับการปฏิบัติตนตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา  หากร่วมมือกัน ยึดหลักมาตรการป้องกันโรคตามประกาศ ทั้งการเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือด้วยสบู่ แอลกอฮอล์ เจลหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค การเว้นระยะห่าง และลดความแออัด มาตรการดังกล่าวเหล่านี้จะทำให้ประสบสำเร็จได้  ซึ่งยังต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ได้ร้อยละ 100 เพื่อทำให้จำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อกลายเป็นศูนย์ ติดต่อกันอย่างน้อย 14 วัน จึงจะมั่นใจว่าจะไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ เพื่อเราจะเข้าสู่ระยะต่อไปได้และมีอิสระในการดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น

โฆษก ศบค. ยังตอบหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะมีมาตรการเข้มงวดขึ้นหรือไม่นั้น โดยชี้แจงว่า ศบค. มีการจัดเก็บชุดข้อมูลในรูปแบบของสถิติ ข้อมูลชุดพฤติกรรมที่มีการผ่อนปรนจะสอดคล้องกับชุดข้อมูลยืนยันผู้ติดเชื้อจากห้องปฏิบัติการ เมื่อปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนแล้ว หากพบจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง ก็สามารถขยับมาตรการผ่อนปรนต่อไปได้ แต่หากจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น จะต้องทบทวนมาตรการต่างๆอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ผู้รับบริการและผู้กำกับติดตามของภาครัฐ ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน จะสร้างความปลอดภัยให้แก่เราได้

โฆษณา

ตำรวจเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ปลอม

People Unity News : ระวัง! มิจฉาชีพรับทำเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนปลอม ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

15 ธ.ค.64 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำเอกสารรับรองปลอมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมประสานผู้ประกอบการ – ร้านค้า เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึง QR Code ให้สอดคล้องกับข้อมูลในแอปฯ “หมอพร้อม”

ผู้กระทำความผิดโดยการทำเอกสารรับรองปลอมจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งความผิดฐานปลอมเอกสาร แก้ไขข้อความ หรือการประทับตรา – ลงลายมือชื่อปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท เป็นต้น

จึงขอให้ประชาชนลงทะเบียนทำเอกสารตามระบบและช่องทางต่างๆที่ภาครัฐกำหนด เพื่อให้ได้รับเอกสารที่ถูกต้อง และหากพบเบาะแสหรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม.

Advertising

รัฐเตรียมปล่อยน้ำลง 12 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 10 จว. ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้ ทำให้เพาะปลูกเร็วขึ้น

People unity news online : รัฐเตรียมปล่อยน้ำลง 12 ทุ่งเจ้าพระยาตอนล่าง 10 จว. ดีเดย์ 1 พ.ค.นี้ สานต่อแนวทางเลื่อนเพาะปลูกเร็วขึ้น ลดความเสียหายผลผลิต พร้อมใช้พื้นที่ช่วยชะลอน้ำท่วม ชี้เกษตรกรพึงพอใจ

ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ รัฐบาลจะเริ่มส่งน้ำเข้าพื้นที่ 12 ทุ่งลุ่มต่ำ ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ครอบคลุม 10 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ได้แก่ จ.นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี รวมพื้นที่ 1.15 ล้านไร่ เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้เตรียมการเพาะปลูกข้าวเร็วขึ้น 1 เดือน ซึ่งประสบผลสำเร็จมากในปีที่แล้ว

“รัฐบาลออกมาตรการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมทุกปี โดยเลื่อนปฏิทินการเพาะปลูก และใช้พื้นที่ 12 ทุ่งเป็นแก้มลิงธรรมชาติชั่วคราวสำหรับพักชะลอน้ำรองรับน้ำหลากหลังเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จช่วงเดือน ก.ย. โดยปีที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่ได้รับประโยชน์และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทั้งๆที่มีปริมาณฝนตกสะสมใกล้เคียงกับปี 2554 แต่ไม่เกิดความเสียหายเท่ากับปี 2554”

สำหรับมาตรการครั้งนี้ถือเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยสามารถรองรับน้ำไว้ได้มากถึง 1.5 พันล้าน ลบ.ม. ซึ่งเท่ากับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 2 เขื่อน ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขตเศรษฐกิจตอนล่าง กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยดำเนินการควบคู่กับการปรับปรุงเสริมคันกั้นน้ำให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการสัญจร

นอกจากนี้ พื้นที่แก้มลิงก่อให้เกิดอาชีพประมง เป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เสริม รวมทั้งทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยตัดวงจรการแพร่ระบาดโรคพืชและแมลงต่างๆได้ดี โดยพบว่าชาวนาที่ปลูกข้าวนาปรังได้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์สูง

ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร โดยรับทราบปัญหาผลผลิตทางการเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นประจำ จึงได้สั่งการให้แก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยได้ออกมาตรการเลื่อนเวลาการปลูกข้าวจากเดือน มิ.ย. เป็นเดือน พ.ค ซึ่งช่วยลดความเสียหายได้มาก พร้อมทั้งกำชับให้ขยายผลไปยังพื้นที่ลุ่มน้ำอื่นทั้งในภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วย

นายกฯ เน้นย้ำอยากให้พี่น้องเกษตรกรมีความสามัคคีและร่วมมือกัน เพาะปลูกหรือทำการเกษตรอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อถึงเวลาเปิดปิดน้ำ ซึ่งนอกจากจะเกิดผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรโดยตรงแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางอีกด้วย

People unity news online : post 29 เมษายน 2561 เวลา 15.10 น.

นายกฯ โพสต์ข่าวดี ตัวประกันคนไทย 12 คน ถูกฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 ด่วน!! นายกฯ โพสต์ข่าวดี ตัวประกันคนไทย 12 คน ถูกฮามาสปล่อยตัวออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทูตฯ กำลังไปรับ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า ได้รับการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงต่างประเทศ ว่ามีตัวประกันชาวไทย 12 คน ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตกำลังไปรับตัว อีก 1 ชั่วโมง น่าจะทราบชื่อและรายละเอียดต่างๆ ครับ กรุณาคอยติดตาม

Advertisement

สธ.เผยฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส แต่ป้องกันการติดเชื้อโควิด19ไม่ได้

People Unity News : กระทรวงสาธารณสุข เผยผลการศึกษาประสิทธิผลของสารสกัดฟ้าทะลายโจร และสารแอนโดรกราโฟไลด์ในฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง พบมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสโควิด-19 ได้ และศึกษานำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด- 19 ระดับความรุนแรงน้อย เดือนเมษายน – กรกฎาคมนี้ แนะกินทันทีเมื่อมีไข้ ไม่ควรกินเพื่อป้องกันโรค

19 เมษายน 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย ดร.สุภาพร  ภูมิอมร ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงผลการวิจัยฟ้าทะลายโจรกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นความร่วมมือของกรมการแพทย์แผนไทยฯ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม

นพ.ปราโมทย์กล่าวว่า ผลการศึกษาสรุปได้ว่า ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการป้องกันเซลล์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค โดยที่ยังไม่มีอาการเพราะไม่มีผลในการป้องกัน แต่ให้รับประทานทันทีเมื่อเริ่มมีอาการคล้ายอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ (flu-like symptoms) ได้แก่ มีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคไข้หวัดใหญ่ หรือไวรัสก่อโรคทางเดินหายใจอื่น รับประทานครั้งละ 4 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง (ครั้งละประมาณ 1,500 มิลลิกรัม) หลังอาหารและก่อนนอน ส่วนสารสกัดฟ้าทะลายโจร ครั้งละ 1 หรือ 2 แคปซูล เพื่อให้ได้รับสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ประมาณ 20 มิลลิกรัม/ครั้ง วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร การรับประทานยาทั้งสองแบบในขนาดที่แนะนำ จะให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ประมาณ 60 มิลลิกรัม/วัน แนะนำให้มียาฟ้าทะลายโจรเป็นยาประจำตัว/ประจำบ้าน อาจใช้ร่วมกับยาพาราเซตามอลได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบพบแพทย์

นพ.ปราโมทย์กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าการทดลองในคน กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม ศึกษานำร่องผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด- 19 ระดับความรุนแรงน้อย ในระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2563 รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมให้เพียงพอกับความต้องการ โดยร่วมกับกรมวิชาการเกษตร ให้เกษตรกรปลูกในพื้นที่ 65 ไร่ ให้ได้วัตถุดิบ 50,000 กิโลกรัม สำรองไว้ 1 ล้านแคปซูลสำหรับบุคลากรสาธารณสุขที่ดูแลรักษาผู้ป่วย และประสานภาคธุรกิจเตรียมการผลิตเพิ่ม

ทั้งนี้ ห้ามใช้ยาฟ้าทะลายโจรในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร และผู้ป่วยที่มีอาการไข้เจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีตุ่มหนองในคอ มีไข้สูง หนาวสั่น หากมีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร เช่น เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ริมฝีปากบวม หายใจลำบาก ให้หยุดใช้ยาทันทีและไม่ใช้อีก รวมทั้งควรระวังในผู้ที่ใช้ยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต และการใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้แขนขาชา หรืออ่อนแรง สอบถามรายละเอียดที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ โทร. 0 2149 5678 หรือเว็บไซต์ www.dtam.moph.go.th

ด้าน ดร.สุภาพร ภูมิอมร  ผู้อำนวยการสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการศึกษาศึกษาฤทธิ์ต้านไวรัสโควิด-19 ของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในหลอดทดลอง โดยทำการศึกษาจากสารสกัดหยาบเทียบกับแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่เป็นสารสำคัญ พบว่า กลไกต้านไวรัสโควิด-19 สามารถทำลายไวรัสโดยตรง และต้านไม่ให้ไวรัสเพิ่มจำนวนเซลล์ได้ แต่ไม่มีฤทธิ์ในการชักนำให้เซลล์หลั่งสารที่ช่วยยับยั้งไวรัสโควิด-19 จึงไม่แนะนำให้รับประทานเพื่อการป้องกันโรค และจำเป็นต้องทำการศึกษาวิจัยในคนต่อไป

โฆษณา

องค์การอนามัยโลกเผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งสูงเกือบ 6 ล้านคนแล้ว

People Unity News 6 มี.ค. 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลกพุ่งสูงเกือบ 6 ล้านรายแล้ว

กระดานข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 5,978,096 ราย และจำนวนผู้ป่วยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 440,807,756 ราย เมื่อนับถึงวันศุกร์ (4 มี.ค.)

ภูมิภาคยุโรปมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมมากที่สุดในโลกด้วยจำนวน 181,275,264 ราย ตามด้วยอเมริกาที่มีผู้ป่วยสะสม 147,655,931 ราย

สหรัฐฯ อินเดีย และบราซิล เป็นประเทศสามอันดับแรกที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมมากที่สุดในโลก

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกเสริมว่าทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกือบ 1.06 หมื่นล้านโดสแล้ว เมื่อนับถึงวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา

Advertising

Verified by ExactMetrics