วันที่ 20 เมษายน 2024

“นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง

People Unity News : “นิพนธ์”ส่ง 517 จนท.ที่ดิน ออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ 85,000 แปลง โวกรมที่ดินยุค 4.0 ยุติข้อขัดแย้งสู่สังคมอุดมสุข

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่อาคารรังวัดและทำแผนที่ กรมที่ดิน จังหวัดนนทบุรี นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.2)เป็นประธานในพิธีส่งตัวเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จำนวน 517 คน เพื่อออกไปปฏิบัติงานตามโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียม RTK GNSS Network ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อดำเนินการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดิน ตามมาตรา 54 ทวิ และมาตรา 69 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ 28 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ , ลำพูน , เชียงราย , ลำปาง , แพร่ , น่าน พิษณุโลก , กำแพงเพชร , สุโขทัย ตาก อุดรธานี , หนองบัวลำภู , หนองคาย , บึงกาฬ ชัยภูมิ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา , นครพนม , มุกดาหาร , กระบี่ , พังงา , ตรัง , สงขลา , นครศรีธรรมราช ปัตตานี , ยะลา และนราธิวาส มีเป้าหมายจำนวน 85,000แปลง เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดให้สูงขึ้น

นายนิพนธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า กรมที่ดินมีโครงการพัฒนามาตรฐานรูปแปลงที่ดินโดยจัดให้มีโครงการเดินสำรวจสอบเขตที่ดินด้วยระบบโครงข่ายดาวเทียมRTK GNSS Network เพื่อยกมาตรฐานการรังวัดที่สูงขึ้น และได้นำเทคโนโลยีการรังวัดสมัยใหม่มาใช้ในการรังวัดทำแผนที่เพื่อให้รูปแปลงที่ดินมีค่าพิกัดภูมิศาสตร์ที่ถูกต้องแม่นยำสูง สามารถตรวจสอบตำแหน่งของหลักเขต หรือแนวเขตที่ดินในกรณีสูญหายถูกทำลายหรือถูกเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วมีความละเอียดถูกต้องตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อแก้ปัญหาความทับซ้อนของที่ดิน และที่ดินที่ได้มีการรังวัดไว้นานแล้ว ทั้งนี้ การรังวัดด้วยระบบ RTK GNSS Network ถือเป็นการให้บริการสาธารณะในเชิงรุกของกรมที่ดิน และเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสำรวจและทำแผนที่สามารถเขื่อมโยงกับเทคโนโลยีสาขาต่างๆ เช่น การคมนาคมขนส่ง การสำรวจเพื่อการก่อสร้างการเกษตรอัจฉริยะการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ การโยธาธิการและผังเมืองการตรวจวัดสภาพอากาศ เพื่อส่งผลให้มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยที่ดินถือได้ว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำเนินงานประกอบการทุกๆอย่าง นอกจากนี้การรู้แนวเขตที่ดิน ที่เจ้าของที่ดินครอบครองชัดเจนจะเป็นการลดปัญหากรณีข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดจากเรื่องที่ดิน ซึ่งจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในเรื่องการดูแลการจัดการกรรมสิทธิ์ในที่ดินและให้สิ่งที่มีคุณค่าแก่สังคมในการยกระดับมาตรฐานการรังวัดสู่สากลเพื่อยุติขัดแย้งเกี่ยวกับที่ดิน สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินของประชาชนสู่สังคมอุดมสุข และมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดิน

นายนิพนธ์ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินซึ่งเป็นตัวแทนของกรมที่ดินปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและระมัดระวังพื้นที่ป่าไม้ ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่ดินของรัฐประเภทอื่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้าม จะต้องตรวจสอบให้ดี อย่าให้มีการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่นี้เป็นอันขาด การปฏิบัติงานขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ ทำงานด้วยความโปร่งใส อย่าให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชน เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของกรมที่ดินเสียหาย ต้องช่วยกันทำให้กรมที่ดินไปสู่บริการดีไม่มีทุจริต ตามภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”

“เทวัญ”รับข้อเสนอเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน

People Unity News : “เทวัญ”รับข้อเสนอเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ขอให้มีมาตรการจัดการผู้กระทำผิดอย่างเข้มงวด และช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออย่างจริงจัง

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (ตึก ก.พ.เดิม) ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปพบปะผู้แทนเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน กว่า 30 คน นำโดยนางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และนายเจษฎา แย้มสบาย ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ กทม. ที่เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในเดือนรณรงค์ “วันเหยื่อโลกไ เพื่อขอให้รัฐบาลยกระดับความเข้มข้นในการป้องกันและแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างจริงจัง โดยเครือข่ายฯ ได้นำรองเท้า 60 คู่ มาจัดวางเป็นอักษรภาษาอังกฤษ “STOP VICTIM” เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่มีมากถึง 60 คนต่อวันในประเทศไทย

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แทนรัฐบาลรับมอบหนังสือจากเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเหยื่อผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุบนท้องถนน นางสาวเครือมาศฯ กล่าวว่า โอกาสที่สหประชาชาติได้กำหนดให้วันอาทิตย์ที่สวามของเดือนพฤศจิกายนของทุกปีเป็นวันเหยื่อโลก “World Victims Day” ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 17 พฤศจิกายน และยังเป็นปีที่ครบรอบทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน เครือข่ายฯ จึงเสนอแนวทางการแก้ปัญหาแก่รัฐบาล 4 ข้อ ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม เข้มงวดกวดขันการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างวินัยการจราจรและลดอุบัติเหตุ

2. กรณีอุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มแล้วขับ ขอให้มีการปรับปรุงบทลงโทษให้ถึงขั้นมีโทษจำคุก 15-20 ปี รวมถึงมีนโยบายเอาผิดไปถึงผู้ขายแอลกอฮอร์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี และขายแก่คนเมาที่ครองสติไม่ได้

3. ขอให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย ทั้งในด้านงบประมาณตลอดจนการฟิ้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัว

4. ขอให้เร่งศึกษาปัญหาความล่าช้าและความยากลำบากของผู้เสียหายจากอุบัติเหตุในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม นำไปสู่ความเท่าเทียมกันในสังคม

“รัฐบาลมีความใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะการเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งเท่ากับเป็นการสูญเสียบุคลากรของประเทศ สูญเสียทรัพยากร สูญเสียความสามารถในการดำรงชีพ และยังสูญเสียทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ย 60 รายต่อวัน หรือกว่า 20,000 รายต่อปี ผู้พิการประมาณ 40,000 รายต่อปี อีกทั้งสถิติระบุว่าประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนที่มีการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ผมเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องที่เสนอมาทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และการฟื้นฟูเยียวยา และขอรณรงค์ให้ทุกท่านร่วมกัน เมาไม่ขับ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ใกล้เข้ามา” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

“ประวิตร”ห่วงใยภัยแล้งแล้ว! สั่งเร่งสร้างแก้มลิงติดตามใกล้ชิด

People Unity News : “ประวิตร”ห่วงใยภัยแล้งแล้ว! สั่งเร่งสร้างแก้มลิง พร้อมติดตามการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เน้นประสิทธิภาพและต้องไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 09.30 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเนื่องจากขณะนี้เข้าสู่ฤดูแล้ง มีปริมาณฝนตกน้อย ยกเว้นภาคใต้จึงต้องมีการติดตามผลการดำเนินงานตามมติครม. และการบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้งปี 2562/63 อย่างใกล้ชิดโดยที่ประชุมได้เห็นชอบโครงการนำร่องพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำเป็นพื้นที่นำร่องเก็บกักน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในฤดูแล้งจำนวน 3 แห่งได้แก่ ทุ่งบางพลวง จังหวัดปราจีนบุรี,ลำน้ำยัง จังหวัดร้อยเอ็ด และทุ่งบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

และเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งบริเวณพื้นที่เสี่ยงขาดแคนน้ำอุปโภคบริโภคในเขต 22 จังหวัดและนอกเขต 31 จังหวัด รวมถึงพื้นที่เสี่ยงขาดแคนน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทานที่ใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แต่ไม่มีน้ำเพียงพอเพื่อการเพาะปลูกจำนวน 8 จังหวัด สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนตก และต้องเฝ้าระวังโดยมีมาตรการรองรับสถานการณ์พื้นที่เสี่ยงภัย และน้ำล้นตลิ่งภาคใต้จำนวน 7 จังหวัด 37 อำเภอ

“พล.อ.ประวิตร ยังได้รับทราบสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง รวมถึงมาตรการรองรับผลกระทบของประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำโขง โดยสถานการณ์ระดับน้ำโขงมีแนวโน้มต่ำกว่าปกติอันเนื่องมาจากภาวะเอลนีโญและการจัดการน้ำของเขื่อนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ โดยกำชับให้คณะอนุกรรมการติดตามการดำเนินงานและสั่งการ กระทรวงต่างๆ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งปฏิบัติงานจริงจังตามแผนงานที่ได้ผ่านความเห็นชอบแล้วในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มุ่งเน้นประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำโดยเฉพาะการสร้างแก้มลิงให้ครอบคลุมพื้นที่โดยเร็วและต้องมีการสร้างการรับรู้ความเข้าใจ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนโดยเด็ดขาด” ผู้ช่วยโฆษกรองนายกรัฐมนตรี กล่าว

“บิ๊กตู่” เมิน “เสรีพิศุทธ์”ขู่ฟ้องเบี้ยวแจงรอบ 4 “ปธ.กทม.ป.ป.ช.” ลั่นไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้

People Unity News : “ประยุทธ์” เมิน “เสรีพิศุทธ์” เรียกแจงกมธ.ป.ป.ช.รอบ 4 ขู่เบี้ยวเจอฟ้องอาญา ด้านประธานกทม.ป.ป.ช.ถาม “สิระ” เป็นคนแบบไหน ในห้องประชุมเป็นอีกแบบหนึ่งพอหลังประชุมเป็นอีกแบบ ยันไม่สามารถเปลี่ยนประธานได้ ลุยสอบ “ปารีณา” ถือที่ดิน ภบ.ท.5

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หารือร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวไทย โดยไม่เปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังแต่อย่างใด ทั้งนี้ก่อนการประชุมเมื่อผู้สื่อข่าวถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(กมธ.ป.ป.ช.) ยังคงเดินหน้าเชิญนายกรัฐมนตรีไปชี้แจงในรอบที่ 4 ปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ในวันที่ 20 พ.ย.และขู่ว่าหากไม่เข้าชี้แจงในรอบนี้เตรียมดำเนินคดีอาญา โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า “ปล่อยเขา ก็แล้วแต่”

ขณะที่พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอให้มีการปลดประธาน กมธ. ป.ป.ช. ในวันพุธหน้าว่า ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นโควตาฝ่ายค้าน ยืนยันตนเองทำตามหน้าที่กรณีเชิญนายกรัฐมนตรีแลรองนายกรัฐมนตรีมาชี้แจง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า เห็นในที่ประชุมสำหรับนายสิระก็เรียบร้อยดีเวลาโหวตกันจะเชิญนายรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมาให้ถ้อยคำครั้งต่อไปหรือไม่อย่างไร ก็โหวตให้มา 6ไม่มา 3 ก็ยังพูดคุยว่า เป็นธรรมดีพอออกห้องประชุม จะเสนอปลดประธานคนแบบนี้เป็นคนประเภทอะไรมีอะไรจะมาปลดมีอะไรจะมาเปลี่ยน นี่เป็นกระบวนการทางการเมือง ที่ทางฝ่ายรัฐบาลเอามาเล่นเอามาใช้ในสภาฯกรรมาธิการต่างๆ ไม่เห็มีอะไรเลย ใครเข้ามาใครเป็นคนกำหนดในที่ประชุมใครเป็นประธานในที่ประชุม

“ผมทำตามหน้าที่ ผมเสียงเดียวในกรรมาธิการ มันจะตายเหรอ เป็นก็เป็นไม่เป็นก็ไม่เป็น เพราะผมเสียงเดียว คณะกรรมาธิการโหวตให้ผมเป็นประธาน ผมไม่ได้ขอเป็น ส.ส.10 สมัยก็มี ทำไมให้ ส.ส.สมัยแรกเป็นก็พราะคุณวุฒิความรู้ความสามารถเป็นแล้วทำงานถูกใจนักข่าว ถูกใจพี่น้องประชาชนหรือไม่ จะเรียกนายกฯและรองนายกฯมาสอบถามข้อเท็จจริงในกรรมาธิการชุดนี้มันผิดตรงไหน ทำไมไม่ยอมมา ไหนบอกชายชาติทหาร”พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ลุยสอบ”ปารีณา”ถือที่ดิน ภบ.ท.5

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้า กมธ.จะมีการพิจารณาตรวจสอบกรณีการถือครองที่ดินตามเอกสารภาษีบำรุงท้องที่ (ภบ.ท.5) กว่า 1,700 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ รวมถึงประเด็นการถือครองที่ดิน และการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยจะเชิญเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาให้ข้อมูลการยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ของ น.ส.ปารีณา รวมถึงจะขอความเห็นจากที่ประชุมว่าจะเชิญหน่วยงานใดมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก เพราะไม่มั่นใจการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจากฝ่ายรัฐบาล เห็นได้จากที่ น.ส.ปารีณา ลงพื้นที่ไปต้อนรับนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดราชบุรี

“มท.1” เผยที่ดิน “ปารีณา” ว่ากันตามขั้นตอนกม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนเพียงอ่านข่าว และยังไม่ได้รับเรื่อง ยังไม่ทราบว่าเป็นที่ดินของสำนักงานที่ดินปฎิรูปเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) หรืออะไร เพราะเรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ กำลังดูอยู่ ก็ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

“เราจะไปพูดอย่างไรได้ และไม่ว่าใครทั้งสิ้น ประชาชนนายดำนายแดง ก็เหมือนกัน ใครมาเป็นรัฐบาล ใครมาเป็น ส.ส. ก็ต้องอยู่ในจุดเดียวกัน เพราะถ้าไม่อยู่มันจะไม่ได้ ก็ต้องรับไปตามนั้นตรวจสอบกัน เป็นอย่างไรก็ว่าไปตามกฏหมาย” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว

พท.ป้อง”เสรีพิศุทธ์”ฉะ”สิระ” มือไม่พายอย่าเอาเท้าราน้ำ

นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอเปลี่ยนตัวประธาน กมธ. เนื่องจาก กมธ.หลายคนไม่สบายใจกับทำหน้าที่ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เสรีเตมียเวช ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ซึ่งไม่ได้สนใจเรื่องการทุจริตของข้าราชการที่ร้องเรียนเข้ามาว่า ไม่เป็นความจริง คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ปัจจุบันมีเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่กว่า 135 คดี และได้มีการเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้องมาชี้แจงเพื่อสอบสวนอยู่ทุกสัปดาห์ หากนายสิระ และนางสาวปารีณา ที่เพิ่งเข้ามาประชุมเพียงสัปดาห์แรก ให้ความสนใจในการประชุม ไม่ใช่เข้ามาเพื่อสร้างความปั่นป่วน หรือถ่ายคลิปวีดีโอ จะเข้าใจว่าคณะนี้ทำงานอยู่ตลอดและเที่ยงตรง ไม่ว่าผู้ถูกร้องจะเป็นข้าราชการปกติ หรือ นายกรัฐมนตรี เราก็ต้องทำตามเอกสารข้อเท็จจริง ไม่ใช่การพูดลอยๆ

“ขอตั้งข้อสังเกตว่า นายสิระ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมาธิการ ประชุมไปแค่นัดเดียว และอยู่ในห้องประชุมแค่แป๊ปเดียว เสมือนนักเรียนมาเซ็นชื่อแล้วก็โดดเรียน จะไปรู้เรื่องอะไรว่า กมธ. นี้เขาทำงานไปถึงไหน เอกสารวาระการประชุมตรงหน้าได้เปิดดูบ้างหรือเปล่า หรือจะเข้าห้องประชุมเพียงแค่เวลามีผู้สื่อข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวออกจากห้อง ก็ออกไป มือไม่พาย อย่าเอาเท้าราน้ำ” เลขานุการประจำกมธ.ป.ป.ช. ระบุ

“พุทธิพงษ์” เผยนายกฯ จะนัดหารือพรรคร่วมรัฐบาลเร็วๆนี้

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.พัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมนัดคุยกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเร็วๆนี้ โดยกำลังหาวันและเวลาอยู่ และหลังจากนั้นจะมีการพบปะกับ ส.ส.รัฐบาล

“อนุสรณ์”ชี้อภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ข่าวคราวความระหองระแหงในการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุ ยังอยู่อีกนาน ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยหลักแล้วการใช้กลไกรัฐสภาตรวจสอบถ่วงดุลย์ฝ่ายบริหาร เป็นการทำหน้าที่เพื่อประชาชน แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ มีพรรคร่วมรัฐบาลได้ประโยชน์ ในการใช้เป็นเหตุผลหลักกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้รัฐมนตรีแล้วมาเกลี่ยโควต้ากันใหม่ ดังนั้นข้อมูลที่ไหลมาสู่พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้าน จึงไหลมาจากทุกที่รวมถึงจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองด้วย

“การโอดโอยว่ารัฐบาลเพิ่งอยู่มา 4 เดือน จะอภิปรายไม่ไว้วางใจอะไร เป็นการพูดแบบร้องขอชีวิต เพราะรัฐบาลทหารของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่มา 5 ปี ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้งอีก 4 เดือน มีเรื่องไม่ชอบมาพากลมากมาย ไม่เชื่อลองสอบถามพรรคร่วมรัฐบาลดูก็ได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

ไม่ฟ้องกันแล้ว! “สมศักดิ์”สวมบทกาวใจ”สิระ-เทพไท” ฉุนยกสุนัขเปรียบ

People Unity News : “สมศักดิ์”สวมบทกาวใจ”สิระ-เทพไท” ด้าน”สิระ”ลั่นจับมือ “เทพไท” แล้ว เลิกฟ้อง พร้อมร่วมงานด้วยหากมีโอกาส

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.เวลา 09.00 น.นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงที่ในวันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายนนี้จะไปฟ้องนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีกล่าวพาดพิงและเปรียบเทียบว่า “ถ้าเล่นกับหมา หมาจะเลียปาก จึงไม่ยอมเล่นกับหมาอีกต่อไป” ซึ่งเป็นคำกล่าว ที่ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ดูแคลนว่า วานนี้ตนได้เจอกับนานเทพไทที่รัฐสภา ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นกาวใจให้ตนกับนายเทพไทได้พูดคุย ปรับความเข้าใจกัน

“ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ กล่าวกับตนว่า อย่าให้ต้องถึงขั้นมีการฟ้องร้องกันเลย คนกันเองทั้งนั้น ยังต้องทำงานร่วมกันในสภาอีกนาน ก็อยากจะให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า จากนั้นตนและนายเทพไทก็ต่างให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งตนตัดสินใจที่จะไม่ฟ้องนายเทพไทแล้ว และขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ที่มาเป็นกาวใจให้ โดยส่วนตัวตนก็เคารพท่านมาก และเข้าใจในความปรารถนาดีของท่าน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันข้างหน้าหากมีโอกาสยังสามารถร่วมงานกับนายเทพไทได้หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ตนกับนายเทพไทไม่มีอะไรติดค้างใจกันแล้ว ลูกผู้ชาย จนแล้วก็คือจบ จากนี้หากได้มีโอกาสร่วมงานกับนายเทพไท ตนก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่

“พิชัย”ชี้”บิ๊กตู่”ออก”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 เบี่ยงเศรษฐกิจทรุด

People Unity News : “พิชัย”ชี้”บิ๊กตู่”ออก”ชิมช้อปใช้”เฟส 3 เพื่อเบี่ยงประเด็นเศรษฐกิจทรุด ห่วงไทยล้าหลังเร็ว ประชาชนจะยิ่งลำบาก แนะ ต้องรู้ตัวถูกหลอกมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจต้องรีบเปลี่ยนหาคนเก่งแทน

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 จะยังคงขยายตัวได้ในระดับต่ำมาก ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวกว่า 3% และ ไม่มีทางเป็นไปตามที่นายอุตตม สาวนายน รมว. คลัง เคยยืนยันไว้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและชิมช้อปใช้จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 3.5% ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชิมช้อปใช้ ประสพความล้มเหลว ไม่เกิดประโยชน์เหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ทั้งๆที่ไอเอ็มเอฟได้เตือนแล้วว่า รัฐบาลไม่ควรแจกเงินสะเปะสะปะ เพราะไม่ได้พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่รัฐบาลก็ยังคงทำต่อไม่หยุด โดยคาดว่าอาจจะต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของคนให้มาวิจารณ์ชิมช้อปใช้ ที่น่าจะมีคนชอบอยู่บ้างเพราะได้เงินฟรี แต่จะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศเลย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ทุกคนหันไปรุมด่าฝีมือการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ล้มเหลวมากว่า 5 ปีแล้ว จนเศรษฐกิจปัจจุบันย่ำแย่สุดๆ และยังมีแนวโน้มที่จะแย่ลงไปอีก

ทั้งนี้ ทั้งสภาพัฒน์ฯ และรวมถึงนักวิชาการจำนวนมาก ต่างพากังวลว่าเศรษฐกิจไทยจะล้าหลังเร็วมาก และไทยจะโตต่ำกว่าศักยภาพไปอีกนาน ซึ่งจะทำให้ไทยปรับตัวแข่งขันในเศรษฐกิจยุคใหม่ได้ลำบาก ซึ่งหากจำกันได้ ตนได้เตือนมาตลอดว่าประเทศไทยมีปัญหาทางการเมืองภายในประเทศในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดที่โลกกำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ไทยตกยุคเร็วมาก แล้วก็เริ่มเป็นจริงขึ้นเรื่อยๆ และ ถ้าหากไทยยังไม่เร่งแก้ไขปรับปรุงประเทศไทยจะยิ่งล้าหลังเร็วขึ้นไปอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก คนรุ่นใหม่จะไม่มีงานทำ และจะไม่สามารถหารายได้เพียงพอเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ถ้าเปรียบเทียบตามทฤษฏีกบต้ม ก็น่าจะเป็นช่วงที่น้ำยังเพิ่งจะเริ่มร้อน แต่ได้มีโรงงานปิดตัวและเลิกจ้างงานกันเป็นจำนวนมากแล้ว หากสถานการณ์แย่ลงอีก ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำในหม้อเริ่มเดือด ประชาชนจะยิ่งลำบากกันเพิ่มขึ้นอีกมาก

ดังนั้น จึงอยากขอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม และยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้พิจารณาตัวเองว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอจะบริหารเศรษฐกิจในภาวะเช่นนี้หรือไม่ ถ้าหากคิดเพียงจะใช้กูเกิ้ลบริหาร คิดจะเป็นแค่มดจากเดิมที่เคยจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย หรือ คิดได้แค่ให้นำวัวไปรีดนมในโรงเรียนให้นักเรียนดื่มเพื่อป้องกันนมบูด พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องสำนึกตัวได้หรือยังว่าถูกหลอกให้มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังจะหักหัวลง เศรษฐกิจไม่ได้กำลังฟื้นตัวเหมือนที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พยายามจะขายฝัน ซึ่งได้ขายฝันมา 5 ปีแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่เคยดีขึ้นแถมยังแย่ลงไปอีก

นอกจากนี้ นายสมคิดยังได้ปัดความรับผิดชอบเรื่องจีดีพีที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีว่า นายสมคิดไม่ได้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว เท่ากับโยนความผิดให้พลเอกประยุทธ์รับไปเต็มๆ อีกทั้ง ยังโยนเรื่องค่าเงินบาทแข็ง ส่งออกลดไปที่แบงค์ชาติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่เก่ง แค่เป็นผู้ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจก็ต้องรู้แล้วว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ย่ำแย่แน่ การโดดเข้าไปรับเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจโดยไม่ได้ศึกษาหรืออาจจะไม่มีความรู้ ได้กลายเป็นความล้มเหลวที่นายสมคิดโยนมาให้พลเอกประยุทธ์รับไปทั้งหมด แถมยังพูดปัดความรับผิดชอบยิ่งเป็นการตอกย้ำ และน่าจะทำให้พลเอกประยุทธ์สำนักได้หรือยังว่าน่าจะถูกหลอกให้มาเป็น และควรจะต้องรีบลาออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้แล้ว โดยควรต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง และก้าวทันโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทันให้เข้ามาช่วยบริหารเศรษฐกิจแทน พวกที่บริหารมา 5 ปีแล้วยังล้มเหลวควรต้องปรับออกไปทั้งหมด เพื่อทำให้ไทยสามารถกลับมาแข่งขันได้

ความล้าหลังของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นเร็วมาก และ จะทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก หากรัฐบาลไม่รีบแก้ไขปรับตัว อีกไม่นานไทยจะตกยุคแบบกู่ไม่กลับ ตอนนี้ยังไม่สายไปนักหากไทยจะรีบปรับตัว แต่หากปล่อยไปเรื่อยๆ อีกไม่นานไทยจะยิ่งเสียหายจนยากจะฟื้นหรืออาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับมาก้าวทันโลกได้

บินโลคอร์สยื่นคลังทบทวนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบิน

People Unity News : สายการบินโลคอร์ส ยื่นหนังสือถึงกระทรวงการคลังทบทวน ภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่น รับปีหน้ากระทบหนัก หลายสายการบินเตรียมลดต้นทุน หลังแบกรับภาระต้นทุนน้ำมัน คาดอาจปรับลดเที่ยวบินในเส้นทางหลัก

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า วันนี้ (13 พ.ย.62) ตนได้รับหนังสือจากนายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย ในฐานะตัวแทนสายการบินต้นทุนต่ำ 5 แห่ง เพื่อเสนอ “การทบทวนเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่นลดลง” หลังจากรัฐบาลได้ปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่นตั้งแต่ ก.ย.62 ที่ผ่านมา จัดเก็บภาษีในอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับการใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน

นายชาญกฤช กล่าวภายหลังหารือร่วมกันว่า ตนนำเรื่องของสายการบินต้นทุนต่ำ เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน พิจารณาข้อเสนอในการขอลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่น จากปัจจุบัน 4.726 บาทต่อลิตร เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าค่อยทะยอยตัดสินใจจัดเก็บภาษีเหมือนเดิม หรือเลือกแนวทางเทียบเคียงกับค่าเงินบาทแบบขั้นบันได เช่น หากค่าเงินบาทเคลื่อนไหว 30-32 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ จัดเก็บในอัตราหนึ่ง และเคลื่อนไหวในระดับราคา 33-34 บาทต่อดอลาร์สหรัฐ จัดเก็บในอัตราหนึ่ง กระทรวงการคลัง จึงรับข้อเสนอมาพิจารณาแนวทางดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกช่องทางหนึ่ง

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า สายการบินต้นทุนต่ำได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผลของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ได้กระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศ จำนวนผู้โดยสารจากเดิมเกือบเต็มเครื่องร้อยละ 80-100 ต่อเที่ยวบิน ได้ลดลงเหลือร้อยละ 70-80 และยังได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง กระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติ รวมไปถึงการแบกระรับภาระต้นทุนจากการสตอกน้ำมันของสายการบิน

“เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางยอดนิยม แอร์เอเชียยอมแบกรับภาระภาษีแทนผู้โดยสาร 150 บาทต่อลิตร จากค่าตั๋ว 1,200 บาทต่อเที่ยวบิน โดยขณะนี้เริ่มแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว และไม่สามารถผลักภาระเพิ่มค่าโดยสารได้ โดยสายการบินต้นทุนต่ำทั้ง 5 ราย ต่างประสบปัญหาขาดทุนมากขึ้น เพราะยอดผู้โดยสารลดลงร้อยละ 4-5 ในต้นปีหน้าอาจเห็นหลายแห่งมีปัญหามากขึ้น จึงต้องขอให้รัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว ขณะที่หลายสายการบินปรับกลยุทธ์ด้วยการลดเที่ยวบินร้อยละ 15 ในเส้นทางหลักทั้งเชียงใหม่ กระบี่ ภูเก็ต รวมทั้งชะลอการซื้อเครื่องบินเพิ่มในปี 63 และขอประเมินการท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลเปิดทางให้โครงการชิมช้อปใช้เฟส 3 ได้นำค่าตั๋วเครื่องบินรวมอยู่แพ็กเกจทัวร์ สำหรับการท่องเที่ยวผ่านชิมช้อปใช้ เพื่อส่งเสริมการคนไทยท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ยังต้องช่วยเหลือผ่านอีกหลายมาตรการ เพื่อให้สายการบินดีขึ้นจากผลขาดทุนในปัจจุบัน” นายธรรศพลฐ์ กล่าว

“สิระ”เตรียมเสนอปลด”เสรีพิศุทธ์”พ้นประธานป.ป.ช. 20 พ.ย.นี้

People Unity News : “สิระ”เตรียมเสนอปลด”เสรีพิศุทธ์”พ้นประธานป.ป.ช. 20 พ.ย.นี้ มั่นใจเสียงหนุนเกินครึ่ง เผยคุยผู้ใหญ่พปชร.แล้ว

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรรพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ(ป.ป.ช.) แถลงว่า หลังจากการประชุมกมธ.ป.ป.ช. มีกมธ.หลายคนไม่สบายใจและไม่ไว้วางใจต่อการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. และหากประธานพิจารณาแต่เรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และเรื่องของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องอื่นๆ เช่น การทุจริตของข้าราชการที่มีการร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก

“ทุกสัปดาห์กมธ.ฯเสียเวลากับเรื่องที่จบไปแล้ว และนักวิชาการและนักกฎหมายก็ท้วงติงแล้วว่าผิดกฎหมาย แต่ประธานก็ยังทำอยู่ ดังนั้นจึงเห็นว่าการประชุมกมธ.ครั้งต่อไปในวันที่ 20 พ.ย. จะมีการเสนอให้เปลี่ยนตัวประธานกมธ. โดยตนจะเป็นผู้เสนอ และมั่นใจว่ามีเสียงจากกมธ.เกินครึ่งที่จะสับสนุน เราได้คุยกันเบื้องต้นแล้วว่าหากประธานยังมีพฤติกรรมแบบนี้ต้องเปลี่ยน จึงมั่นใจเสียงจากกมธ.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลที่มี 15 เสียง เราจะได้ 8 เสียง ตามระเบียบการประชุมประธานสามารถออกเสียงได้แต่ตามมารยาทแล้วควรงดออกเสียง”

เมื่อถามว่าจะเสนอใครเป็นประธานกมธ.แทน นายสิระ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้คุยกับผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐแล้วตนจึงได้ออกมาแถลง โดยจะเลือกคนที่กรรมาธิการเห็นว่ามีความเหมาะสมกว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นแทน

กระทรวงการคลังนำดิจิทัลสร้างเศรษฐกิจสู่ชุมชน

People Unity News : กระทรวงการคลังนำดิจิทัลสร้างเศรษฐกิจสู่ชุมชน “กมธ.ดีอีเอส” เชิญ”กสทช.-ทีโอที” แจงโครงการ “เน็ตประชารัฐ” หลังไม่เสร็จตามกำหนด

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ร่วมเป็นประธานในพิธี ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงานของกระทรวงการคลัง คือ กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง และ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ในการดำเนินงานโครงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เพื่อการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในระบบงานของหน่วยงาน ใน 3 โครงการ ด้วยการใช้ Digital Platform อย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับ โครงการแรก คือ การคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้นักท่องเที่ยว (VAT Refunds for Tourists) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร กรมศุลกากร และธนาคารกรุงไทย โดยจะเป็นการคืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยว ผ่านแอพพลิเคชั่น

ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม ประมาณปีละ 2 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 2 แสนราย มีมูลค่าการซื้อสินค้าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยเป็นนักท่องเที่ยวจีนถึงประมาณร้อยละ 70 ซึ่งชาวจีนมักไม่นิยมใช้เงินสดในการท่องเที่ยว แต่นิยมใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นแทน

ทั้งนี้การคืนภาษีผ่านแอพฯ จะช่วยให้การทำงานของหน่วยงาน มีประสิทธิภาพ โปร่งใส สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะมีผลพวงในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน โดยโครงการนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พ.ย.นี้

โครงการที่ 2 ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Government Procurement : e-GP) ซึ่งประกอบด้วย 2 โครงการย่อย คือ 1) e-LG การออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการในระบบ e-GP ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนและการตรวจสอบหลักประกันของผู้ประกอบการ 2) e-Credit Confirmation การรวบรวมข้อมูลประวัติของผู้ประกอบการนิติบุคคล รวมถึงระบบ Rating ของผู้ประกอบการตามผลงานในการทำงานกับภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการลดระยะเวลา และภาระในการจัดเตรียมเอกสาร ในการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและการยื่นเสนอราคา

จากข้อมูล ปี2562 ภาครัฐมีการจัดซื้อจัดจ้างกว่า 3.6 ล้านโครงการ วงเงินรวมกว่า1.4 ล้านล้านบาท ดังนั้นโครงการนี้จะลดภาระให้ผู้ประกอบการกว่า 270,000 ราย สร้างความโปร่งใสของระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ช่วยผลักดันให้การใช้งบประมาณในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่รากหญ้าให้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในเดือน ธ.ค. 62 ผู้ประกอบการสามารถขอหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่อ ของธนาคารกรุงไทยผ่านระบบ e–GP ได้ในทันที

โครงการที่ 3 การออมผ่านพันธบัตรรัฐบาล (DLT Scripless Bond) จะช่วยให้การออกพันธบัตรรัฐบาล การจำหน่าย รวมถึงการรับฝากหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนทุกระดับสามารถเข้าถึงการออมได้อย่างทั่วถึง มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ด้วยระบบจองก่อนได้ก่อน (First Come First Serve) ในการจัดจำหน่าย และช่วยลดขั้นตอนต่างๆ ลดระยะเวลาในกระบวนการออกใบพันธบัตร จาก 15 วันเหลือไม่ถึง 2 วัน โดยจะเริ่มออกพันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาลผ่านระบบบล็อกเชนในช่วงเดือน พ.ค. 2563

สำหรับทั้ง 3 โครงการที่ผมกล่าวมานี้ ถือเป็นการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีบล็อกเชน เข้ามาเป็นพื้นฐานในการสร้างเศรษฐกิจสู่ชุมชน นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศ ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและประเทศชาติ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด (Cashless society) ซึ่งภาครัฐจำเป็นที่จะต้องปรับตัวเป็นหัวหอกสำคัญ ก่อนที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีเหล่านี้ไปสู่พี่น้องประชาชนในลำดับต่อไป

“กมธ.ดีอีเอส” เชิญ”กสทช.-ทีโอที” แจงโครงการ “เน็ตประชารัฐ” หลังไม่เสร็จตามกำหนด

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ กมธ.ดีอีเอส โดยได้เชิญตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มาชี้แจงกรณีการดำเนินโครงการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ทุรกันดาร (เน็ตประชารัฐ) หลังจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 62 เป็นวันสิ้นสุดตามกรอบเวลาที่บริษัททีโอทีขอขยายเวลามาจาก 27 ก.ย.61 ที่ผ่านมา แต่ยังมีหลายพื้นที่ติดตั้งไม่เสร็จ และกสทช. ได้มีการยกเลิกสัญญากับบริษัททีโอทีฯ ไปแล้ว

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ประธานกรรมาธิการ ดีอีเอส แถลงว่า ทางตัวแทนของ กสทช. ได้มาชี้แจงถึงโครงการเน็ตประชารัฐว่าจะมีแนวทางดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากที่ยกเลิกสัญญากับบริษัท ทีโอทีฯ ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอตรวจรับงานที่ บ.ทีโอที ทำไว้ว่ามีความคืบหน้าแค่ไหนอย่างไร เหลืองานอีกมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจะมีการเปิดประมูลรับผู้ดำเนินการรายใหม่ ซึ่งกสทช. คาดว่าภายในเดือนเมษายนปี 2563 จะสามารถเปิดประมูลได้ ทั้งนี้ทางกรรมาธิการฯ เรามีความาห่วงใยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกลต้องเสียโอกาส การได้ใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่จะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้น โดยเฉพาะการเข้าถึงตลาดโลกด้วยการทำธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมอร์ซ บริการทางการแพทย์ที่เชื่อมโยงกับนโยบาย Telemedicine หรือการแพทย์ทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และจะเป็นประโยชน์ด้านการศึกษาที่เด็กๆ สามารถหาความรู้หรือเรียนออนไลน์ได้ ที่สำคัญคือมีผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ที่จะพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต

ประธานกมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า ทางกรรมาธิการฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะการดำเนินโครงการไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนดมีผลกระทบต่อประชาชนผู้รอใช้บริการ ดังนั้นทางกมธ.ดีอีเอส จึงได้กำชับไปยัง กสทช. และฝากไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส เร่งดำเนินการให้โครงการเน็ตประชารัฐสำเร็จโดยเร็ว เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้ ซึ่งทางกรรมาธิการฯ จะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด โดยมีพ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานกมธ.อีดีเอส ในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ จะได้ทำหน้าที่ในการติดตามและรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ทราบต่อไป

อย่างไรก็ตามทางกมธ.ดีอีเอส มีแผนที่จะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบ ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย และหนองบัวลำภู ทั้งนี้กรรมธิการฯ​ ต้องการที่จะไปสัมผัสพื้นที่จริงที่มีการติดตั้งจุดปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต ว่าสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ ความเร็วเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ ตอบโจทย์ของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการดำเนินโครงการดังกล่าวในอนาคตอย่างมาก

รัฐบาลเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร

People Unity News : รัฐบาลเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร นายกรัฐมนตรีหวังให้ “เกษตรกร” เป็นอาชีพที่มั่นคง

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 ศาสตราจารย์ นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดตามการแก้ปัญหาพี่น้องเกษตรกร เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือพี่น้องเกษตรกรโดยเร็ว หลังหลายมาตรการได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รายงานว่าภายในวันที่ 15 พ.ย.62 นี้ ธ.ก.ส. คาดว่าจะจ่ายเงินในส่วนของการประกันรายได้ครบงวดแรกให้กับเกษตรกร ตามรายชื่อที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) แจ้ง โดยงวดที่ 2 และ3 กำหนดให้มีการจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 1-15 มกราคม และตั้งแต่ 1-15 มีนาคม 2563 โดยตั้งเป้าเกษตรกร 1.71 ล้านราย ภายในวงเงิน 2.34 หมื่นล้านบาท

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้น คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 9,400 ล้านบาท ในการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 349,000 ครัวเรือน ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 / 2563 รอบที่ 1 โดยต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนวันที่ 16 ตุลาคม 2562 นอกจากนี้ ที่ประชุมครม. วานนี้ยังได้อนุมัติวงเงินรวม 9,671,582,800 บาท สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/63 และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ที่มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย อัตราผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเกิดความเป็นธรรมระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน

โฆษกรัฐบาลยังเปิดเผยด้วยว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จ. กาญจนบุรี นายกรัฐมนตรีย้ำให้รัฐมนตรีทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนปัญหาเกษตรกรทั้งผู้ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ยางพาราและพืชเกษตรอื่นๆ เพราะรัฐบาลถือเป็นงานสำคัญเร่งด่วน โดยรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ได้นำเอานโยบายของทุกคนทุกพรรคมาบูรณาการ เพื่อกำหนดเป็นแผนงาน โครงการและงบประมาณ อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การวิธีผลิตตลอดจนดูแลราคาที่เหมาะสมกับสภาพตลาด เป้าหมายสำคัญคือการสร้างความมั่นคงในอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกร

Verified by ExactMetrics