วันที่ 18 พฤษภาคม 2024

“รัฐบาล”เดินหน้านโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ลดภาระค่าครองชีพ

People Unity News : รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย “รัฐบาล” เดินหน้านโยบายลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า ลดภาระค่าครองชีพประชาชน

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง บรรเทาความเดือนร้อนของผู้โดยสาร ลดภาระค่าครองชีพที่ใช้จ่ายประจำวัน ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด รฟม. พิจารณาลดภาระค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อประชาชน

ทั้งนี้ บอร์ด รฟม. จะพิจารณาใน 2 มาตรการ 1.เปิดจำหน่ายตั๋วโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง คิดอัตราค่าโดยสารต่อเที่ยวถูกลง 2.ลดอัตราค่าโดยสารในช่วงนอกเวลาเร่งด่วน (Off Peak) ระหว่าง 9.00-15.30 น. และช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ของรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยปัจจุบันเก็บอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ 14-42 บาทต่อเที่ยว ส่วนมาตรการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าทั้งระบบนั้น ขณะนี้ กรมการขนส่งทางราง กำลังเร่งหาแนวทางอยู่ โดยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ได้กระทบต่อสัญญา และให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

“การลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าลง จะทำให้ประชาชนหันมาเดินทางโดยรถไฟฟ้ามากขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คาดหวังจะให้นโยบายนี้ แล้วเสร็จก่อนสิ้นปี เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนชาวไทย และคาดหวังว่าจะเป็นที่น่าพอใจต่อประชาชน สามารถช่วยเหลือประชาชนในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางได้เป็นอย่างดี” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้

People Unity News : สภาฯล่มอีกแล้ว! องค์ประชุมไม่ครบ โหวตญัตติศึกษาผลกระทบม.44ไม่ได้ “เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.หลังสภาล่ม “เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 พ.ย. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจาณณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานในการประชุม โดยจะมีการลงคะแนนอีกครั้งตามการเสนอของวิปรัฐบาลเนื่องจากการประชุมลงคะแนนในวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตแต่องค์ประชุมไม่ครบจึงทำให้นายชวนสั่งให้มีการประชุมในครั้งนี้ แต่เมื่อถึงเวลาโหวต กลับมี ส.ส. อยู่ในที่ประชุมเพียง 240 คน ไม่ถึงครึ่งหนึ่งเป็นเหตุให้นายชวนต้องสั่งปิดประชุม ทำให้กลายเป็นสภาล่มครั้งที่ 2 ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กตู่”ปัดตอบรัฐบาลแพ้โหวต

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม เมื่อลงจากรถ นายกรัฐมนตรีมีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่เมื่อถูกถามถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วานนี้ (27 พ.ย.) ที่รัฐบาลแพ้โหวตในญัตติตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของ คสช. และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 นายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถามขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

“เทวัญ”รอถกปธ.วิปรบ.

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ระบุถึงกรณีสภาผู้แทนราษฏรล่ม เมื่อวานที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลแพ้โหวตในการตั้ง เพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 โดยขอให้นับคะแนนใหม่ ว่า ซึ่งก็ได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ และทราบว่ามีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคไม่ได้ร่วมโหวต ถือเป็นเอกสิทธิ์และไม่ได้ออกความเห็นใดๆ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสภาฯ วันนี้คงต้องไปดูบรรยากาศในสภาฯ กันอีกครั้ง และคงต้องมีการพูดคุยกับประธานวิปรัฐบาล เพื่อปรับท่าทีการทำงาน ว่าจะทำอย่างไรสำหรับการประชุมสภาฯ ในวันต่อๆไปด้วย

นายเทวัญ กล่าวยังถึงบุคคลที่มาทำหน้าที่คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ในสัดส่วนของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รายชื่อบุคคลเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็ส่งไปที่ประธานวิปแล้ว ทั้งนี้ มี ส.ส.หลายคนที่ต้องการเข้ามาเป็นกรรมาธิการฯ ดังกล่าว แต่โควต้ากลับเต็ม จึงได้ดำเนินการตามที่เห็นสมควรตามสัดส่วนของพรรค ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายท้วงติงชื่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งที่มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตประธาน กมธ. นั้น ตำแหน่งดังกล่าวจะต้องไปโหวตในกรรมาธิการฯ ขณะนี้ยังไม่ทราบได้ว่าใครจะมาเป็นหรือไม่เป็นประธานอย่างไร ส่วนรายชื่อเอกชนที่มีเข้ามาคือ คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน นั้น ก็ไม่มีการท้วงติงจากใครแต่อย่างใด เพราะท่านเคยทำงานภาคธุรกิจและภาคสตรีมาก่อน จึงมีความหลากหลายในตัวเองอยู่มาก อีกทั้ง เป็นคนที่อยู่ในแวดวงสังคม และทำงานเป็นที่ยอมรับของสังคมอีกด้วย

“เทพไท”ยัน 6 ส.ส.ปชป.หนุนตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบ ม.44 ตามญัตติพรรค

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน ลงมติสนับสนุนตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ว่า ไม่ได้เป็นการโหวตสวนมติของพรรคประชาธิปัตย์ หรือเห็นด้วยกับญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่เป็นการโหวตสนับสนุนญัตติของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเนื้อหาแตกต่างจากญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากนายสาทิตย์ ต้องการให้คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาผลกระทบของคณะปฏิวัติทุกคณะ ไม่ใช่เพียงแค่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเท่านั้น โดยวันนี้จะมีการโหวตอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ยังยืนยันในจุดยืนเดิม คือสนับสนุนให้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีการคาดโทษใดๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะได้หารือกันแล้ว

“ลุงป้อม” ยิ้ม “น้องกันยา” รอพบ

People Unity News : 11 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล – “พล.อ.ประวิตร” ยิ้มหลัง “น้องกันยา” ที่มาร่วมงานคณะเยาวชนเข้าพบนายกฯแล้ว แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูป พร้อมบอกเป็นกำลังใจให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับทูตต่างประเทศ  ก่อนเดินทางกลับได้เปิดโอกาสให้ ด.ญ.กันยกร พลบวรเดชสกุล หรือ น้องกันยา อายุ 8 ขวบ เด็กคณิตศาสตร์โอลิมปิคของสถาบัน WIMO ซึ่งได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของฮ่องกง ได้รับรางวัลคณิตศาสตร์โอลิมปิกสองปีซ้อน ซึ่งมาร่วมกิจกรรมเด็กและเยาวชนดีเด่นและเด็กที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ และได้รับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แต่ยังอยู่ต่อรอขอถ่ายรูปกับ พล.อ.ประวิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พล.อ.ประวิตรพบน้องกันยา ก็มีท่าทียิ้มแย้มเป็นกันเองและเปิดโอกาสให้น้องกันยา พร้อมกับครอบครัวได้ถ่ายรูปร่วมกัน ขณะที่น้องกันยา กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรว่า “หนูขอเป็นกำลังใจให้นะคะ” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรยิ้มและจับศีรษะน้องกันยาอย่างเอ็นดู และมีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา จนผู้สื่อข่าวกระเซ้า พล.อ.ประวิตรว่าขอถ่ายรูปได้ไหม เพราะเป็นเด็กเหมือนกัน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวติดตลกกับผู้สื่อข่าวว่า “เด็กอะไรกันแก่จะตายห่าอยู่แล้ว” พร้อมกับอมยิ้ม แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์และออกจากทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

ครม.ไฟเขียวส่ง “ชุดไทย-มวยไทย” เป็นมรดกวัฒนธรรมต่อยูเนสโก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 มีนาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุม ครม.เห็นชอบเสนอ “ชุดไทย-มวยไทย” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบการเสนอรายการ “ชุดไทย : ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ” (Chud Thai : The Knowledge, Craftsmanship and Practices of The Thai National Costume) และ “มวยไทย” (Muay Thai : Thai Traditional Boxing) เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกตามที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เสนอ พร้อมเห็นชอบให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการชุดไทยและมวยไทย เสนอขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก

“เนื่องจากทั้งชุดไทยและมวยไทยมีคุณค่าและความสำคัญในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งเสริมเพื่อต่อยอด รวมทั้งสามารถสะท้อนอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทยได้อย่างชัดเจน โดยชุดไทยถือเป็นมรดกวัฒนธรรมการแต่งกายของไทยที่แสดงถึงคุณค่าของงานช่างฝีมือ ลวดลายบนผืนผ้า เทคนิคการทอ การออกแบบ และการตัดเย็บเครื่องประดับที่งดงาม” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า ส่วนมวยไทยถือเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้รับสืบทอดมาไม่ต่ำกว่า 300 ปี ที่สามารถฝึกฝนและปฏิบัติได้จริงทั้งในแง่ของศิลปะการป้องกันตัวและการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรง การเสนอชุดไทยและมวยไทยเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโกจะช่วยสร้างความระหนักรับรู้และภาคภูมิใจของคนไทยให้เห็นคุณค่าความสำคัญของมรดกวัฒนธรรมที่มีร่วมกันในประเทศ กระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนและผู้ประกอบอาชีพนำวัตถุดิบทางวัฒนธรรมของไทยที่มีอยู่แล้วไปต่อยอด เพิ่มมูลค่าให้เกิดการกระจายรายได้สู่ทุกภาคส่วนของสังคม ควบคู่ไปกับอนุรักษ์อย่างยั่งยืน

“ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยเสนอรายการตัวแทนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติแล้ว 7 รายการ ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 4 รายการ ได้แก่ โขน นวดไทย โนรา และสงกรานต์ในประเทศไทย ส่วนอีก 3 รายการ ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ผ้าขาวม้า และเคบายา (kebaya) อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของยูเนสโก” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

นายกฯตอบเอง “หม่อมอุ๋ย” หน.ทีมเศรษฐกิจ พปชร.??

People Unity News : 21 ตุลาคม 65 ตามที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเตรียมผลักดัน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐนั้น

ในวันนี้ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเสร็จ ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่ล่าสุดมีชื่อ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ โดยนายกรัฐมนตรีส่ายหน้าและตอบว่า ไม่มี

Advertisement

พช.ดึงนวดแผนไทยวัดโพธิ์ติวสตรีฯเสริมแกร่ง OTOP นวัตวิถี

People Unity News : อธิบดี พช.ไอเดียกระฉูด จับมือโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดโพธิ์ ติวเข้มหลักสูตรนวดตำหรับวัดโพธิ์กว่า 230 ปีให้กลุ่มสตรีในชุมชน เสริมความเข้มแข็ง OTOP นวัตวิถีทั่วประเทศ มุ่งนำความรู้ไปสร้างงานสร้างอาชีพครอบครัว สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) โดยมี พระราชรัตนสุนทร รองเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ นายโชคชัย แก้วป่อง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน คณะผู้บริหารโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตามที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้สตรีไทยในชุมชนได้มีอาชีพ มีรายได้ สามารถทำงานอยู่ในหมู่บ้าน ตลอดจนสามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ จึงทำให้เกิดการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการนวดแผนไทยในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีครั้งนี้ขึ้น ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กับ โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ เพื่อจะสร้างความเข้มแข็งให้สตรี โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มสตรีในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้รับการฝึกอาชีพนวดแผนไทยต้นตำรับจากวัดโพธิ์ จะช่วยให้สตรีที่ผ่านการฝึกอบรมแล้ว สามารถนำความรู้ไปดูแลตนเอง ครอบครัว และคนในชุมชนสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นทั้งในครัวเรือน และในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี รวมถึงสามารถขยายผลการประกอบอาชีพออกไปในพื้นที่ระดับจังหวัด ระดับประเทศ และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ขอบเขตของความร่วมมือจะเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมศักยภาพของชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ มีการจัดทำหลักสูตรการนวดแผนโบราณ ประกอบไปด้วยหลักสูตรระยะยาว เช่น หลักสูตรสปาผิวกาย หลักสูตรวิชาชีพนวดไทยเพื่อสุขภาพ หลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตรนวดน้ำมัน หลักสูตรนวดฝ่าเท้า หลักสูตรนวดประคบและอบสมุนไพร หลักสูตรฤาษีดัดตน หลักสูตรนวดหน้า เป็นต้น โดยจะการจัดส่งหมอนวดวัดโพธิ์มือดีไปสอนกลุ่มสตรีถึงในชุมชนทั่วประเทศ กลุ่มสตรีใดสนใจติดต่อผ่านพัฒนากรของกรมพัฒนาชุมชนได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนั้น มีการฝึกอบรมให้ความรู้ การจัดนิทรรศการแสดงสินค้าและผลงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนา แลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และพัฒนาฐานข้อมูล การนวดแผนโบราณของวัดโพธิ์ที่จะเป็นประโยชน์ในการส่งเสริมและยกระดับชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี อีกทั้งร่วมกันประชาสัมพันธ์การพัฒนาชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ยกระดับการท่องเที่ยวตามกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ผ่านภูมิปัญญาการนวดแผนโบราณ ให้เป็นที่รู้จัก ผ่านช่องทางและเครือข่ายความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย โดยร่วมกันส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นการขายสินค้าและบริการ และการเข้าไปจัดกิจกรรมการนวดแผนโบราณ ในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี 3 ส่วนหลัก

“การบูรณาการความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์องค์ความรู้สำหรับการพัฒนาและประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งได้รับการยกระดับมาตรฐานด้วยนวัตกรรม เน้นสร้างความยั่งยืน และมุ่งให้ชุมชนพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนในชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ได้อย่างแท้จริง” อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าว

พระราชรัตนสุทร กล่าวว่า โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมแน่นอน เพราะว่ากรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายซึ่งต้องคลุกคลีอยู่กับชุมชน จึงรู้ความต้องการของแต่ละพื้นที่ การเข้ามาดำเนินการจะขับเคลื่อนงานให้เดินไปข้างหน้าได้แน่นอน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก

ด้านนายปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) เปิดเผยว่า การเข้ามาทำงานครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้กับคนรุ่นหลัง เพื่อให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป การมีหน่วยงานเข้ามาสานต่อและเผยแพร่ศาสตร์การนวดแผนไทยอย่างจริงจังถือเป็นความหวังที่ตั้งใจมา 30 กว่าปี การที่กรมการพัฒนาชุมชนเข้ามาให้ความสำคัญในครั้งนี้ ถือว่าความฝันที่ตั้งใจมา 30 ปีเริ่มจะประสบความสำเร็จเนื่องจากกรมการพัฒนาชุมชนมีเครือข่ายและทำงานอยู่กับชาวบ้าน การถ่ายทอดศาสตร์การนวดแผนไทยให้ถึงกลุ่มสตรีหรือผู้ที่สนใจจริงๆในชุมชนต่างๆทั่วประเทศก็จะทำได้ง่ายขึ้น หวังว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม เพื่อจะได้จะมีโอกาสถ่ายทอดวิชาให้คนได้มีโอกาสดูแลสุขภาพและสร้างอาชีพมีรายได้อย่างแท้จริง

นายกฯ ปราศรัยวันขึ้นปีใหม่ ขอจับมือทุกภาคส่วนเริ่มต้นศักราชด้วยความสุข ฟันฝ่าแก้ปัญหาให้ประเทศต่อไป

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 31 ธันวาคม 2566 นายกฯ ปราศรัย วันขึ้นปีใหม่ 2567 ขอบคุณทุกภาคส่วน ร่วมมือผลักดันนโยบายเพื่อประชาชน ขอจับมือเริ่มต้นศักราชด้วยความสุข ฟันฝ่าแก้ปัญหาให้ประเทศต่อไป

เมื่อเวลา 20.10 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกวีดิทัศน์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2567 ผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย คลื่น FM.92.50 MHz และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ว่า สวัสดีปีใหม่ 2567 พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน ในปีพุทธศักราช 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและสังคม เตรียมตัวที่จะก้าวเข้าสู่ยุค เพื่อชดเชย9ปีที่ประเทศไทยเราสูญเสียโอกาสไปหลากหลายอย่าง ตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งเห็นใจและเข้าใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลายหลายเรื่อง จึงได้เร่งรัดออกมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ลดรายจ่าย ขยายโอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน มีคุณภาพและชีวิตความเป็นอยู่ ที่ดี มีความสุขมากยิ่ง นี่คือโจทย์สำคัญที่พวกเราทุกคน ทั้งข้าราชการ บุคลากรหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนทุกคน ล้วนหวังที่จะทำให้สำเร็จพัฒนาประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง

เราเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในหลากหลายส่วน โดยเฉพาะในช่วง3เดือนหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง ได้เร่งผลักดันนโยบายเร่งด่วนต่างๆออกมา และลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อไปพบ ไปรับฟังปัญหาความอึดอัดของพี่น้องประชาชนในทุกภาค ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเสมอ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาต้อนรับมาให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์และจะตั้งใจแก้ปัญหาทำงานเพื่อประชาชนต่อไป

แต่นอกจากนโยบายเร่งด่วนที่กล่าวไปแล้ว จะดำเนินนโยบายที่จะวางรากฐานระยะกลางและระยะยาว เพื่อสร้างรากฐานให้กับอนาคตที่ดีกว่าให้ลูกหลานของพวกเราทุกคนต้องขอให้ทุกภาคส่วน ที่มีส่วนร่วมทำนโยบายให้เห็นผลได้จริงในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากขาดความช่วยเหลือจากภาคประชาสังคมบุคลากรภาครัฐ ข้าราชการ เอกชน ที่ช่วยกันทำนโยบายให้เห็นผลได้จริง แม้ว่าในบางครั้งการที่ได้เร่งดำเนินการเป็นงานที่เพิ่มเติมเข้ามาจากงานที่ท่านทำอยู่แล้ว และทุกท่านก็ช่วยกันทำงานหนักเพื่อประชาชน

ผมขอเป็นตัวแทนประชาชน ขอขอบคุณทุกท่านที่ทำให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริงในระยะเวลาอันรวดเร็วขอบคุณและขอให้ทุกภาคส่วนทุกคนยังคงทำงานอย่างตั้งมั่นดำรงไว้ซึ่งขวัญและกำลังใจที่ดีต่อไป เพื่อสร้างรอยยิ้มสร้างความสุขให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครทุกคน ที่ปฎิบัติภารกิจอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งดูแลและช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องชาวไทยผ่านพ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา เราจะก้าวเข้าสู่ปี 2567 ที่นับได้ว่าเป็นปีแห่งความก้าวหน้าอย่างแท้จริง ด้วยพลังกาย พลังใจ ที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ความสุข เป็นก้าวแห่งความสำเร็จ และความมั่นคงในชีวิตของพี่น้องชาวไทยทุกคน ขอให้ทุกคนเริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยจิตใจที่อิ่มเอมไปด้วยความสุขความสดชื่นใช้ช่วงเวลาอันมีค่านี้เฉลิมฉลองกับครอบครัวอย่างอบอุ่นและมีความสุขและขอส่งความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนและขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกให้ กับพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลแห่งการฉลองปี 2567

นายเศรษฐา กล่าวว่า เนื่องในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2567 ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดล ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดั่งพระหฤทัยปรารถนา สถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้า แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนาน สวัสดีปีใหม่ 2567

Advertisement

นายกฯปลื้ม “ชาไทยเย็น” คะแนนโหวตติดอันดับโลก ต่อยอดท่องเที่ยว

People Unity News : 25 กุมภาพันธ์ 2566 โฆษกรัฐบาล เผย TasteAtlas จัดอันดับ “ชาไทยเย็น” ติด 1 ใน 10 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World)

วันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า TasteAtlas ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความและข้อมูลอาหารยอดนิยมทั่วโลกได้จัด 10 อันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 (10 Best Rated Non-Alcoholic Beverages in the World) (https://www.tasteatlas.com/best-rated-non-alcoholic-beverages-in-the-world#!#modal) โดย “ชาไทยเย็น” ได้รับการจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ของโลกสะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมอาหารของไทยที่โดดเด่น ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2018 ชาเย็นไทย ก็ได้รับการจัดอันดับที่ 27 ใน 50 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก (World’s 50 most delicious drinks) จากเว็บไซต์ CNN Travel เช่นเดียวกัน (https://edition.cnn.com/travel/article/most-delicious-drinks-world/index.html)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ผลการจัดอันดับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดว่า ชาไทยเย็น ได้รับคะแนนโหวต 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยถือเป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสานเข้ากันได้ดีระหว่างชาดำเข้มข้น นมข้นหวาน/จืด น้ำตาล และสมุนไพรเครื่องเทศต่าง ๆ ซึ่งเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง โดยปัจจุบันจะพบชาไทยเย็นได้ ทั้งใน Street Food และร้านอาหารทั่วไป

ทั้งนี้ การจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. Hong Kong-Style Milk Tea จากฮ่องกง 2. Aguas Frescas จากเม็กซิโก 3. Chai masala จากอินเดีย 4. Maghrebi Mint Tea จากเมืองอัลมัฆริบ (Maghreb) และโมร็อกโก 5. Horchata จากเม็กซิโก 6. Salep จากตุรกี 7. ชาไทยเย็น จากไทย 8. El submarino จากอาร์เจนตินา 9. Ristretto จากอิตาลี และ 10. Darjeeling จากอินเดีย

“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการส่งเสริม Soft power ประเภทต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ซึ่งเอกลักษณ์ของอาหารไทยถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการตอกย้ำเป้าหมายของไทยในการขับเคลื่อนนโยบายครัวไทย สู่ครัวโลก ชูจุดเด่นด้านอาหารของไทยที่มีความหลากหลาย รสชาติอร่อย ซึ่งเป็นสิ่งนานาชาติให้การชื่นชมและยอมรับมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังสามารถต่อยอดไปสู่การส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการบริโภคได้เพิ่มเติมในอนาคต” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

“สนธิรัตน์”ปลื้มประชาชนชูยืนหนึ่งมือบริหาร

People Unity News :  “สนธิรัตน์”ปลื้มประชาชนชูยืนหนึ่งมือบริหาร มั่นใจ “พปชร.”พร้อมรับมือเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นซุปเปอร์โพลที่ยกให้เป็นนักบริหารและเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ว่า ขอขอบคุณประชาชนที่ให้ความเชื่อมั่นตนในการร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐบริหารประเทศ โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานก็จะยังมีแผนการยกระดับความมั่นคงทางพลังงานตามแนวนโยบาย พลังงานเพื่อทุกคน (energy for all) ต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในการบริหารการะทรวงพลังงานยุคตนนั้น ได้ให้ความสำคัญกับภาคประชาชนยิ่งกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา มีการเปิดเวทีรับฟังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งให้เกิดการแก้ปัญหาและผลักดันให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงพลังงานอย่างเป็นธรรมมากที่สุด โดยการประชุมคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม ครั้งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานในฐานะเจ้าภาพก็รับฟังเสียงสะท้อนข้อเสนอหลายข้อจากภาคประชาชน เพื่อนำมาพิจารณาศึกษารายละเอียดและประเมินความเป็นไปได้ต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานก็ยังคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคม ด้วยการผลักดัน B10 ให้เป็นน้ำมันเกรดมาตรฐาน โดยในปี 2563 ที่จะเริ่มรณรงค์ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน ด้วยการปรับให้ประชาชนหันมาใช้น้ำมันดีเซล B10 แทน B7 ซึ่งนอกจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมลดสาเหตุหนึ่งของค่าฝุ่น pm 2.5 แล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ สามารถดูดซับน้ำปาล์มในตลาดที่คงค้างออกมาได้หลักล้านตันต่อปี ซึ่งจะส่งผลให้ราคาปาล์มให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดอยู่ที่ 4.30 บาทต่อกิโลกรัม และจะสูงขึ้นอีก ส่วนของขวัญปีใหม่จากกระทรวงพลังงานนั้น ยังไม่ขอเปิดเผย แต่ยืนยันว่า จะถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ สร้างความสุขให้คนไทยช่วงเทศกาลอย่างแน่นอน

ส่วนความพร้อมต่อการเลือกตั้งซ่อม เขต 7 จ.ขอนแก่น ช่วงปลายปี นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า มีความพร้อมและมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้สมัครส.ส. จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากคะแนนเสียง ห่างกับผู้ได้รับเลือกตั้งส.ส. เพียง 3,000 คะแนน เท่านั้น โดยยืนยันว่า พปชร. ไม่ได้มีการใช้กลไกรัฐในการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ ตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานส.ส.พปชร.ให้สัมภาษณ์อย่างแน่นอน ซึ่งตลอด 6 เดือน ที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานที่จับต้องได้ จึงเชื่อว่า ชาวจังหวัดขอนแก่นจะเลือกพปชร. ทำให้ได้ส.ส.เพิ่มอีก 1 คน ส่งผลให้รัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 256 เสียง มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศมากยิ่งขึ้

“พิธา” ประกาศยุทธศาสตร์ “ก้าวไกล” ชนะทั้งกว้าง-ชนะทั้งลึก เตรียมยึด อบจ.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 พฤศจิกายน 2566 “พิธา” ประกาศ “ก้าวไกล” พร้อมชนะกว้าง-ชนะลึก เตรียมสู้ศึก อบจ. ชู 3ข “ขยับ-ขยาย-แข่ง” ภูมิใจคะแนนเลือกตั้งอุดรธานี เพิ่มขึ้นมีนัยสำคัญ หวังเก็บชัยเลือกตั้ง อบจ.อุดรฯ รอบนี้ ชี้ประเทศไทยต้องกระจายอำนาจ งบประมาณ-บุคลากร-ภารกิจ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเยือนจังหวัดอุดรธานี ร่วมเวทีบรรยาย “ก้าวต่อไป อุดรท้องถิ่น” จัดขึ้น ณ โรงแรมสยามแกรนด์ โดยมีนายณัฐพงษ์ พิพัฒน์ไชยศิริ ส.ส.อุดรธานี เขต 1 พร้อมด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกล จังหวัดอุดรธานี และมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการบรรยายกว่า 400 คน

ช่วงต้นของการบรรยาย นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลไม่เสียกำลังใจและมีสมาธิพร้อมทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน คะแนนเลือกตั้งที่พี่น้องชาวอุดรธานีมอบให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เริ่มต้นที่ 140,000 คะแนน จนมาถึงพรรคก้าวไกล ช่วงเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2563 เพิ่มเป็น 180,000 คะแนน และ 220,000 คะแนน จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เชื่อว่าเลือกตั้ง อบจ. รอบนี้จะเก็บคะแนนเพิ่มและคว้าชัยชนะแน่นอน

ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึง “3ข” ได้แก่ “ขยับ” เนื่องจากพรรคก้าวไกลมี ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานกรรมาธิการที่ดินฯ ก็เป็นของก้าวไกล จึงพร้อมเดินหน้าผลักดันและขยับเพื่อชาวอุดรธานี ต่อมาคือ “ขยาย” พรรคต้องขยายฐานสมาชิกให้มากขึ้น ขยายอาสาสมัครและแนวร่วมให้มากขึ้น เมื่อขยายแล้วจึงพร้อม “แข่ง” โดยไม่ต้องรอถึง 4 ปี ในการเลือกตั้งใหญ่ เพราะยังมีการเลือกตั้ง อบจ. ที่ต้องแข่งขันในระดับท้องถิ่น

นายพิธา กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ที่จะมาถึงว่า พรรคก้าวไกลต้องการชนะในหลายจังหวัด เพื่อขยายผลจากการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา จากข้อมูลจะพบว่ามีประมาณ 40 จังหวัดทั่วประเทศ ที่คะแนนของพรรคก้าวไกลมาเป็นอันดับ 1 แต่ยังเหลืออีก 20-30 จังหวัด ที่คะแนนพรรคมาเป็นอันดับ 2 ดังนั้น ต้องเดินหน้ารณรงค์เต็มที่ โดยในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งตัวแทนผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทุกจังหวัด แต่อุดรธานีเป็นหนึ่งในจังหวัดที่เราส่ง และตนจะเดินทางมาหาเสียงที่อุดรธานีด้วยตัวเองอย่างแน่นอน มั่นใจว่าจะปักธงที่อุดรธานีได้ เนื่องจากมีคนทำงานท้องถิ่นอยู่แล้ว มี ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ทำงานอย่างแข็งขัน และคะแนนของพรรคก็โตขึ้นโดยตลอด ภายในระยะเวลา 1 ปี ตนมั่นใจว่าจะสามารถชนะได้

นายพิธา ยังได้ยกตัวอย่างการเมืองแนวกว้างที่พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งที่ผ่านมา ที่ชนะทั้งในกลุ่มวัยรุ่นและผู้สูงอายุ ชนะในทุกจังหวัด สิ่งเหล่านี้คือชัยชนะในแนวกว้าง แต่ขณะเดียวกันต้องชนะในแนวลึกต่อไป นั่นคือสนามท้องถิ่น เพราะปัญหาของคนอุดรฯ ต้องแก้ไขด้วยคนอุดรฯ ปัญหาของคนท้องถิ่นต้องแก้ไขด้วยท้องถิ่นเอง ขณะที่หน้าที่ของผู้แทนฯ คือพูดแทนประชาชนในสภาฯ และผ่านกฎหมาย แต่หน้าที่ของนักการเมืองท้องถิ่น คือแก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่น

ประเทศไทยต้องมีการกระจายอำนาจ และให้ท้องถิ่นแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ยกตัวอย่างปัญหาของคนอุดรธานี เช่น ปัญหาขยะ 1,400 ตันต่อวัน แต่กลับมีงบประมาณในการจัดการ 10 ล้านบาทต่อปี เพราะวิธีคิดคือเก็บภาษีและส่งไปยังส่วนกลางแล้วคิดตัวเลขกลับมา หรือปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย แต่กลับมีงบประมาณในการแก้ไขเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นได้รับงบประมาณน้อย เราไม่สามารถปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปได้

ใน 4 ปีข้างหน้า หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล และทำเรื่องการกระจายอำนาจแบบค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มงบปีละ 2 แสนล้านบาททั่วประเทศ และได้นายก อบจ. เป็นของก้าวไกล รวมถึงมี ส.ส. ของก้าวไกลในสภาฯ เป็นแบบนี้ประเทศต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนไม่อยากให้เก็บภาษีแล้วส่งเข้ากรุงเทพฯ หากอยากให้ผู้ว่าฯ มาจากการเลือกตั้ง และทำงานเพื่อพี่น้องชาวอุดรธานี ขอให้ยึดแนวทางแบบพรรคก้าวไกล ประเทศไทยต้องมีการกระจาย 4 ด้าน ได้แก่ กระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ กระจายบุคลากร และกระจายภารกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาของคนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

Advertisement

Verified by ExactMetrics