วันที่ 10 พฤษภาคม 2024

โผ ครม.ล่าสุด! ยื้อแย่งกันไปมา เขย่ากันหลายรอบ แทนที่จะยี้ กลับหน้าตาดีกว่าเดิม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

People Unity :  ยื้อแย่งกันไปยื้อแย่งกันมา จนต้องเขย่ากันหลายรอบ แทนที่จะออกมายี้อย่างที่หลายคนคาด กลับออกมาหน้าตาดีกว่าเก่า สำหรับโผล่าสุดของ ครม.ประยุทธ์ 2

เพราะหนึ่งในโผล่าสุดนั้นได้ กอบศักดิ์ ภูตระกูล มานั่งเก้าอี้ รมว.ดิจิทัล เหมาะสมด้วยประการทั้งพวง ไม่ผิดฝาไม่ผิดตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เก้าอี้ตัวนี้เป็นของ อัครา พรหมเผ่า น้องชายของ ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำ ส.ส.ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ แต่ล่าสุด อัครา พรหมเผ่า ขอถอนตัวไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี โดยที่ธรรมนัสไฟเขียว เพื่อรักษาพรรคไม่ให้แตก หลังจากที่กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ และภาคอีสาน ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือของธรรมนัสจึงแสดงความเสียสละไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกับภาคอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นสปิริตที่ยิ่งใหญ่มากของสองพี่น้องตระกูลพรหมเผ่า เพราะธรรมนัสเองก็สละไม่เอาเก้าอี้รัฐมนตรีมาแล้ว คราวนี้น้องชายก็มาสละเก้าอี้รัฐมนตรีอีกคน โดยอัคราให้เหตุผลว่าเพื่อให้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่าตนมาเป็น รมว.ดิจิทัล ส่วนตนจะมุ่งไปพัฒนาจังหวัดพะเยา โดยจะลงสมัครนายก อบจ.พะเยา ทำให้หวยมาออกที่กอบศักดิ์ได้นั่งเก้าอี้ รมว.ดิจิทัล สำหรับกอบศักดิ์นั้นก่อนหน้านี้ ไม่มีชื่อในโผ ครม. เนื่องจากตำแหน่งรัฐมนตรีที่พรรคได้เก้าอี้ มีไม่พอที่จะจัดสรรให้ทั่วถึงในพรรค

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
ธรรมนัส พรหมเผ่า
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ดอน ปรมัตถ์วินัย

อีกตำแหน่งหนึ่งที่โผล่าสุดออกมาดีมาก คือ ตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ  แต่เดิมเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ ตกไปเป็นโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทยของ กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ และได้มีการวางตัว “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ให้นั่งตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แต่โผล่าสุดสลับโควตาของพรรคกำนันสุเทพไปเป็น รมว.แรงงาน และดึงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศกลับมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ และให้ ดอน ปรมัตถ์วินัย นั่งเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศต่อไป ซึ่งการได้เก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ กลับมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นเรื่องเหมาะสมและถูกต้อง เพราะตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกับนายกฯ เช่นเดียวกับตำแหน่ง รมว.คลัง เพราะต้องทำงานคู่กับนายกฯ และรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ แบบคอหอยกับลูกกระเดือก ไม่ควรอยู่ต่างพรรค ขณะที่การวางตัวดอนเป็น รมว.ต่างประเทศต่อ ก็นับว่าเหมาะสมมากเพราะที่ผ่านมาดอนมีผลงาน และเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ การนำดอนมาทำงานต่อทำให้งานเดินต่อเนื่องไม่มีสะดุด

อีกสองตำแหน่งที่มีความสำคัญมากในด้านเศรษฐกิจ และมีการสลับตำแหน่งกันในโผล่าสุดคือ ตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม กับตำแหน่ง รมว.พลังงาน โดยก่อนหน้านี้มีชื่อ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร เป็น รมว.พลังงาน ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมมีชื่อ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็น รมว.อุตสาหกรรม แต่โผล่าสุดมีการสลับตำแหน่งกัน โดยสุริยะมาเป็น รมว.อุตสาหกรรม ส่วนสนธิรัตน์ไปเป็น รมว.พลังงาน ซึ่งก็ถือว่ามีความเหมาะสมกับตำแหน่งทั้งสองคน เพียงแต่ว่าการสลับตำแหน่งในโผล่าสุดซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้พิจารณาตัดสินใจ อาจทำให้ทั้งสองคนไม่ทันตั้งตัว โดยสุริยะถึงกับออกอาการไม่พอใจอย่างแรง เพราะคิดว่าตำแหน่ง รมว.พลังงานของตนนิ่งแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรมกับสุริยะนั้นก็ถือว่าเหมาะสมมาก เพราะสุริยะเคยเป็นนักอุตสาหกรรมรายใหญ่ของประเทศ และยังเคยเป็น รมว.อุตสาหกรรมมาแล้ว ขณะที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ก็อาจจะผิดหวังเล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่มีโผว่าจะนั่งเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม จึงเตรียมนโยบายด้านเกษตรอุตสาหกรรมไว้เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อทำให้ราคาสินค้าเกษตรทั่วไทยสูงขึ้น พร้อมกับสร้างรายได้ด้านการส่งออกให้กับประเทศโดยใช้สินค้าเกษตรอุตสาหกรรมเป็นหัวหอกลุยตลาดโลก เมื่อไม่ได้นั่งเก้าอี้ รมว.อุตสาหกรรม ก็เลยทำให้แผนต่างๆที่คิดไว้ไม่ได้ทำ

ทั้งหมดคือโผ ครม.ประยุทธ์ 2 ที่มีการเขย่าใหม่ในตำแหน่งสำคัญบางตำแหน่งจนหน้าตา ครม.ดีขึ้น ก็หวังว่าโผนี้จะไม่ถูกเขย่าหรือเปลี่ยนแปลงอะไรอีก ขืนเปลี่ยนอีก ยุ่งและวุ่นแน่นอน??!!

วิเคราะห์การเมือง : โผ ครม.ล่าสุด! ยื้อแย่งกันไปมา เขย่ากันหลายรอบ แทนที่จะยี้ กลับหน้าตาดีกว่าเดิม

โดย : พูลเดช กรรณิการ์ นักวิชาการอิสระด้านการเมือง

People Unity : post 28 มิถุนายน 2562 เวลา 22.00 น.

 

กรณี “เสธ.นิมิตติ์” กับกรณีบทบาทของทหารในพรรคพลังประชารัฐ

People Unity : เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวว่า “เสธ.นิมิตติ์” พล.ต.นิมิตติ์ สุวรรณรัฐ นายทหารคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากราชการทหาร เพื่อไปช่วยงานการเมืองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มตัว พล.ต.นิมิตต์ ถือเป็น เสธ.ทหารคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไว้วางใจมาก ว่ากันว่าเป็น “ลูกรัก” ของ พล.อ.ประยุทธ์ เลยทีเดียว ทำหน้าที่ประสานงานด้านการเมืองและติดตาม พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการมาโดยตลอด

ข่าว พล.ต.นิมิตต์ ลาออกจากทหาร เกิดขึ้นไล่หลังจากที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงทำให้คาดกันว่า พล.ต.นิมิตต์ จะเข้าไปทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐตาม พล.อ.ประยุทธ์

แต่ทว่าล่าสุด มีข่าวว่า พล.ต.นิมิตต์ ได้เปลี่ยนใจไม่ลาออกจากทหารแล้ว ซึ่งนั่นอาจหมายถึงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจตัดสินใจไม่เข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว

ผมเห็นว่า พล.ต.นิมิตต์ ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่ไม่ลาออกจากทหาร และคงไม่ลงไปเล่นการเมืองเต็มตัว เพราะหาก พล.ต.นิมิตต์ ประสงค์จะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป ก็สามารถทำได้โดยการมาช่วยราชการหรือมาติดตามนายกฯดังเช่นที่ผ่านมา ไม่จำเป็นต้องลาออกจากราชการ แต่หาก พล.ต.นิมิตต์ ตัดสินใจลาออกจากทหารเพื่อไปเล่นการเมืองหรือไปทำการเมืองเต็มตัว ก็ถือว่าตัดสินใจผิดมหันต์ในแง่ส่วนตัว และมีผลเสียกระทบต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อกองทัพ ต่อรัฐบาลใหม่ และต่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ พล.ต.นิมิตต์ เท่านั้นที่ไม่ควรเปิดตัวเข้าไปทำการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ทหารคนอื่นๆในสายของ คสช. ทั้งที่ยังรับราชการอยู่หรือเกษียณไปแล้ว ก็ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ควรปล่อยให้นักการเมือง นักวิชาการและบุคคลอื่นที่มิใช่ทหารเป็นผู้ดำเนินการพรรคและขับเคลื่อนพรรค ทั้งนี้เพื่อลบภาพพรรคของ คสช.ออกไป เพราะภาพลบของพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ก่อตั้งคือ ถูกโจมตีว่าเป็นพรรคทหาร หรือเป็นพรรคสืบทอดอำนาจของ คสช.

พล.ต.นิมิตต์ ซึ่งเป็นนายทหารที่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่สมควรเข้าไปเล่นหรือไปทำการเมืองเต็มตัวเปิดเผย เพราะจะทำให้ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเป็นนายกฯรอบสองครั้งนี้ ถูกมองว่ามีทหารสนับสนุนหรือมีทหารทำการเมืองให้ ซึ่งภาพแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งต่อกองทัพหรือทหาร และต่อรัฐบาลใหม่ โดยจะเป็นจุดอ่อนให้พรรคฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีได้ต่อไป และจะทำให้ประชาชนอีกส่วนหนึ่งของประเทศที่ไม่ชอบ คสช.และทหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มีทัศนคติที่เป็นลบและต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งกองทัพหรือทหาร และรัฐบาลใหม่มากยิ่งขึ้น ส่วนพรรคพลังประชารัฐนั้น ขนาดวันนี้ไม่มีทหารเป็นผู้บริหารพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคแม้แต่คนเดียว ก็ยังถูกโจมตีเป็นพรรคทหารหรือพรรคของ คสช. หากมีทหารเข้าไปเปิดตัวทำงานกับพรรคหรือเป็นผู้บริหารพรรค ก็จะกลายเป็นพรรคทหารขึ้นมาทันทีอย่างปฏิเสธไม่ได้  และภาพของพรรคจะเป็นพรรคเฉพาะกิจ ซึ่งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถเติบโตไปได้มากกว่านี้ และอาจมีนักการเมือง นักวิชาการ หรือนักธุรกิจในพรรคถอยออกไป เพราะรับแรงเสียดทานหรือแรงกระทบจากการเป็นพรรคทหารไม่ไหว ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น พรรคพลังประชารัฐจบเห่แน่นอนในการเลือกตั้งครั้งหน้า

อีกด้านหนึ่ง ปัญหาภายในของพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้คือ ทหารบางกลุ่มเข้าไปมีบทบาทในการบริหารจัดการและการตัดสินใจทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐมากเกินไป ส่งผลทำให้กลุ่มการเมือง กลุ่มนักวิชาการ กลุ่มนักธุรกิจผู้สนับสนุนพรรค และกลุ่มภาคประชาสังคมในพรรค รู้สึกอึดอัด เพราะไม่สามารถเสนอแนะความคิดเห็นต่อพรรคได้ และหลายกรณีไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทหาร นอกจากนี้ยังเห็นว่าปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลที่วุ่นมาตลอดและไม่สามารถลงตัวกับพรรคร่วมได้อย่างราบรื่นนั้น และส่งผลทำให้เกิดปัญหาคุกรุ่นไม่พอใจและปริแยกภายในพรรคพลังประชารัฐ ในกรณีโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีที่ต้องเสียกระทรวงสำคัญไปให้กับพรรคร่วมหลายกระทรวง จนพรรคพลังประชารัฐเหลือกระทรวงสำคัญดูแลไม่กี่กระทรวง และเสียการดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งระบบไป ก็เพราะความผิดพลาดของทหารในพรรคที่ไปรีบร้อนดีลกับพรรคร่วมโดยไม่หารือกับแกนนำพรรคหรือกลุ่มต่างๆในพรรคให้ดีเสียก่อน

นอกจากนี้ อีกประการหนึ่ง ขณะนี้ต่างชาติก็มองว่ารัฐบาลใหม่ของไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่เป็น “รัฐบาลทหารแปลงร่าง” ซึ่งตรงนี้จะทำให้ต่างชาติใช้ประเด็นนี้เป็นเงื่อนไขกดดันประเทศไทยต่อไป หรือเรียกร้องเอาผลประโยชน์จากประเทศไทย ซึ่งจะทำให้รัฐบาลใหม่ทำงานด้วยความยากลำบาก

ผมเห็นว่า นาทีนี้ เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรเป็นเวลาของประชาธิปไตย ควรหมดเวลาของ คสช. และทหาร ไม่ควรที่ทหารจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอีก ทั้งโดยเปิดเผยหรือโดยลับหลัง ยิ่งโดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นนายกฯโดยการเสนอชื่อของพรรค  ไม่ควรที่ทหารจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรรค เพื่อทำให้ภาพของพรรค ของนายกฯ และของรัฐบาล สลัดพ้นจากภาพของทหารและ คสช.  เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ไทยจะต้องแสดงให้โลกเห็นว่า ไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มตัวแล้ว เพื่อที่ไทยจะได้ยืนอยู่ในเวทีโลกอย่างมีสง่าราศี และมีอำนาจที่จะพูดจาเต็มปากเต็มคำกับต่างชาติ ไม่ถูกกดดันหรือตกเป็นเบี้ยล่างดังเช่น 5 ปีที่ผ่านมาในยุคของ คสช.

สำหรับในแง่ส่วนตัวของ พล.ต.นิมิตต์ ผมเห็นว่า การเป็นทหารอาชีพย่อมดีกว่าเข้าไปเล่นการเมือง เพราะอนาคตทางทหารของ พล.ต.นิมิตต์ นั้นน่าจะไปได้อีกไกลและสดใส ส่วนการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน มีขึ้นมีลง หากลาออกจากราชการไปเล่นการเมืองแล้ว วันหน้า พล.อ.ประยุทธ์ วางมือการเมือง พล.ต.นิมิตต์ คิดจะกลับเข้ารับราชการต่อ ก็แทบหมดโอกาสเจริญก้าวหน้าในราชการ เพราะเพื่อนร่วมรุ่นไปไกลแล้ว ขณะที่รุ่นน้องก็ไล่หลังขึ้นมาเบียดเส้นทางเติบโตของ พล.ต.นิมิตต์

วิเคราะห์การเมือง : กรณี “เสธ.นิมิตติ์” กับกรณีบทบาทของทหารในพรรคพลังประชารัฐ

โดย : พูลเดช กรรณิการ์ นักวิชาการอิสระด้านการเมือง

ขอบคุณภาพจากมติชน

People Unity : post 28 มิถุนายน 2562 เวลา 12.00 น.

“บิ๊กป้อม” กลับมาแล้ว หลังหายตัวไปหลายวัน

People Unity : หลังจากที่ในช่วงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม หายตัวไป ซึ่งบางกระแสข่าวบอกว่าแอบเดินทางไปต่างประเทศเพื่อรักษาตัวจากปัญหาสุขภาพ แต่ไม่รู้จุดหมายว่าไปที่ไหน ขณะที่บางกระแสข่าวบอกว่า พล.อ.ประวิตร ไปยาว โดยจะไม่รับตำแหน่งใน ครม.ชุดใหม่

ล่าสุด วันนี้ 19 มิถุนายน 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กลับมาปรากฏตัวเป็นประธานประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษาวิชาการทหาร ณ ศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งที่ประชุมวันนี้ เห็นชอบปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนนายร้อยเหล่าทัพ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการศึกษา โดยเน้นภาวะผู้นำที่ต้องมีองค์ความรู้ ควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้สอดรับกับพลวัตทางการศึกษาที่เป็นสากล โดย พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำขอให้เสริมการศึกษาภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารในอนาคต

การเมือง : บิ๊กป้อม กลับมาแล้ว หลังหายตัวไปหลายวัน

People Unity : post 19 มิถุนายน 2562 เวลา 21.40 น.

 

“ประยุทธ์” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

People Unity : นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายลงคะแนนโหวตนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบผลการเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกรัฐสภา โดยได้ขอบคุณประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และสมาชิกของทั้ง 2 สภา ที่ให้การสนับสนุน และทำให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย รวมทั้งขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ทำให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีจนถึงวันนี้

“นายกฯ ย้ำว่า คะแนนเสียงที่มากกว่านั้นได้มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อน แล้วค่อยรวมกับเสียงของสมาชิกวุฒิสภา เป็น 500 คะแนนซึ่งก็เป็นไปตามกติกาเดิม พร้อมทั้งยืนยันจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน”

นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนแม้จะไม่สนับสนุน แต่ก็ได้ทำหน้าที่ของผู้แทนประชาชนอย่างเต็มที่ โดยจากนี้ไปอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทำงานด้วยเจตนารมณ์ที่คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชน ซึ่งยังมีปัญหาอีกมายมายที่รอการแก้ไข รวมทั้งนำบทเรียนในอดีตมาเป็นแนวทางในปัจจุบัน ส่วนพี่น้องประชาชนนั้นขอให้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2562 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงเหตุผลในการปฏิเสธไม่ไปแสดงวิสัยทัศน์ในวันโหวตนายกรัฐมนตรี 5 มิ.ย. นี้ว่า เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์ ตนเองได้ตอบไปแล้ว ที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่โดยพยายามทำให้ดีที่สุด พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของตนคือมั่นคง มั่นคั่ง ยั่งยืน ภายในหลักการสามัญคือการมองอนาคตไปข้างหน้า และมีแผนปฏิบัติราชการมาโดยตลอด ซึ่งได้จัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ เพิ่มความเชื่อมโยงในทุกมิติ ทั้งกายภาพและในส่วนของดิจิทัล ต้องปรับตัวเองให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกในวันนี้ด้วย

สำหรับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอให้มองในทางที่ดี อย่าไปมองในทางที่ไม่ดี โดยเชื่อในวุฒิภาวะของ ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติ รวมถึงขีดความสามารถ ประสบการณ์ของประธานรัฐสภาทั้งสองคน น่าจะทำให้การประชุมในวาระการเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไปได้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ต้องการให้พูดกันเฉพาะวาระที่กำหนดไว้ในการประชุมเท่านั้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า วันนี้คนไทยทุกคน มุ่งหวัง คาดหวัง และรอฟังการประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ ต้องการให้ทุกคนมั่นใจนักการเมือง ส.ส.ต่างๆ ที่ได้คัดเลือกจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่ผู้ทรงเกียรติ และทุกคนทราบดีถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในระยะเวลากว่า 10 ปี ทุกคนต้องนำมาเป็นบทเรียนว่าทำอย่างไรจะไม่เกิดขึ้นอีก ทำอย่างไรให้ประชาชนไม่เบื่อหน่าย ทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อมั่น ทำอย่างไรสิ่งที่ได้หาเสียงไว้ทำตามขั้นตอนตามความเหมาะสม ตามสถานการณ์ ซึ่งทุกอย่างไม่มีอะไรจะได้โดยเร็วทั้งหมด เพราะทั้งหมดจะต้องคำนึงถึงภาระงบประมาณของรัฐด้วย ถ้ายังเป็นแบบเดิมๆ ประเทศไทยจะเสียโอกาสอีกมากมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหา สงครามการค้ายังไม่จบ สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกับประเทศไทยและอาเซียนและทุกภูมิภาคของโลกใบนี้ หลายคนบอกว่าอยากให้มีการปฏิรูป ซึ่งได้เริ่มต้นปฏิรูปมาระยะหนึ่งแล้ว จากนี้เป็นการปฏิรูปการเมืองในระบบรัฐสภา โดย ส.ส. และ ส.ว. ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย ต้องช่วยให้การปฏิรูปการเมืองเดินหน้าไปด้วยดี ไม่กลับไปสู่ปัญหาเดิมๆอีก ดังนั้น ควรเริ่มจากการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แสดงให้ประชาชนมั่นใจว่าเลือกมาแล้วไม่ผิด ไม่ใช่ของพรรคใดพรรคหนึ่ง

การเมือง : “ประยุทธ์” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แนะคนไทยร่วมมือพาประเทศก้าวหน้า

People Unity : post 6 มิถุนายน 2562 เวลา 22.00 น.

“ประยุทธ์” ระบุตำแหน่งรัฐมนตรีรัฐบาลใหม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯคนต่อไป

People Unity : นายกรัฐมนตรีระบุตำแหน่งรัฐมนตรีรัฐบาลใหม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 เวลา 12.50 น. ณ บริเวณห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่ หน้าที่จัดตั้งตำเเหน่งรัฐมนตรีเป็นของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ว่า ยังไม่คิด วันนี้ทุกพรรคเขาก็หารือกันเอง อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตนยังไม่ไปก้าวล่วงในตรงนี้ เป็นเรื่องของคนที่คาดว่าจะเป็นรัฐบาลคุยกันมา ตนคิดว่าทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยให้เข้าใจว่าบ้านเมืองต้องการอะไรในขณะนี้ ถ้าทำล่าช้าก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ การค้าการลงทุนชะงัก ทำให้เกิดสงครามการค้า ทั้งนี้ เราต้องสร้างความเชื่อใจให้ต่างชาติ เพราะมีผลกับการลงทุน ขณะเดียวกันก็ต้องดูเเลคนภายในประเทศของเรา ส่วนความขัดเเย้ง ตนเองเคยบอกเเล้วว่าถ้าทุกคนคิดไปซ้าย ขวา ยังหาทางตรงกลางไม่ได้ มันไปไม่ได้ทุกเรื่อง ทุกรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอก ประยุทธ์ จะยังคงนั่งตำเเหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เเละมีการหารือกันหรือยัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน ถ้าเขาคุยกัน เลือกได้เเล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตนยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็น วันนี้บางพรรคเพิ่งเริ่มคุยกัน มันยังไม่ได้ข้อยุติหรอก ส่วนประเด็นมุมมองถึงบรรยากาศจับขั้วของพรรคพลังประชารัฐที่มีกว่า 11 พรรค ตนก็ขอให้มองในมุมดี ถ้ามันมีหลายพรรค นโยบายต่างๆที่เขียนมา ก็จะได้รับการปฏิบัติ แต่ปฏิบัติอย่างไรก็ต้องร่วมมือกัน ถ้าไม่ร่วมมือ ไม่ต้องมีถึง 10 พรรคหรอก มันไปไม่ได้

“ถ้าทุกคนมุ่งเน้นจะเอาเเต่ของตัวเองมันไม่ได้ ทั้งหมด ถ้ามาอยู่ในนโยบายของรัฐ เเล้วไปดูว่าทำได้อย่างไรเเค่ไหน อย่างหลายประเทศ ถ้าเขาจะทำอะไรให้ประชาชนเห็นชอบ อยากได้ทั้งหมด มันไปไม่ได้ เพราะจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา มันจึงต้องเดินเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งหลายพรรคที่เขาหาเสียง มีนโยบายมันดีเเล้ว เเต่ต้องดูว่ามันทำได้มากน้อยเเค่ไหน อย่างรัฐบาลใหม่ ไม่ได้ทำงานง่ายนะ เพราะมีกฎหมายหลายตัว อย่างที่ผ่านมาผมมีอำนาจพอสมควร เเต่บางเรื่องผมยังไม่ดันทุรังทำเลย มันทำไม่ได้ เเต่คิดกำหนดเป็นเเนวทางได้ในวันข้างหน้า ผมหวังว่ารัฐบาลใหม่จะทำต่อเนื่อง อะไรที่ดีก็ทำไป อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ทำ ตำเเหน่งทางการเมือง มันไม่ใช่ตำเเหน่งขายของนะ ทุกคนมองเหมือนเป็นเรื่องขายของ พอพูดมากๆ เขาจะเชื่อมั่นรัฐบาลเราหรอ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

การเมือง : “ประยุทธ์” ระบุตำแหน่งรัฐมนตรีรัฐบาลใหม่ เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกฯคนต่อไป

People Unity : post 22 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.30 น.

“ปนัดดา”ชี้บ้านเมืองเผชิญภัยจากผู้ทะเยอทะยานการเมืองสุดโต่งที่ใช้การแบ่งแยกแล้วปกครอง

People unity : ม.ล.ปนัดดา บรรยายพิเศษเรื่อง “การแบ่งแยกแล้วปกครอง” (divide and rule) ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ๑ เมษายน ๒๕๖๒

เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๒ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการกระทรวงยุติธรรม ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี ๒๕๓๒ และผู้บริหารราชการพลเรือนดีเด่นครุฑทองคำ ประจำปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ บรรยายพิเศษเรื่อง “การแบ่งแยกแล้วปกครอง” (divide and rule) ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ๑ เมษายน ๒๕๖๒ แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงานราชการ ครูอาจารย์ นักสังคมสงเคราะห์ ฝ่ายปกครอง บุคลากรในสังกัดกระทรวงยุติธรรม และลูกหลานเยาวชน ณ ห้องประชุม บ้านกรุณา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ม.ล.ปนัดดา กล่าวตอนหนึ่งว่า  “ตั้งแต่จำความได้ บุพการีสอนเรามาตั้งแต่เด็กให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความเพียร เคารพบุพการีชน และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยสักเวลาเดียวที่คำสอนอันเป็นตรรกะแห่งชีวิตคนไทยประการนี้ จะขาดหายไปจากความสำนึกของลูกหลานไทย มีแต่จะสถิตเสถียรอยู่ในดวงใจของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นใคร อาชีพอะไร ครอบครัวของใครผู้ใด หรืออายุในวัยไหน สิ่งที่บรรดาเหล่าข้าราชการยึดมั่น อันถือเป็นหลักแห่งมโนสุจริตของข้าราชการย่อมไม่ต่างไปจากที่ได้กล่าวแล้ว อันหมายรวมถึงพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่ต่างอบรมลูกหลานและศิษย์เพื่อให้เป็นคนดีของชาติบ้านเมือง

นับเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปีที่ผ่านพ้น บุคคลผู้นำความคิดอันก่อให้เกิดความแบ่งแยกจนกระทั่งกลับกลายเป็นความแตกแยกของคนไทย กลายเป็นเกิดขึ้นจากกลุ่มบุคคลที่แสวงหาอำนาจทางการเมืองอย่างปราศจากคุณธรรมจริยธรรม แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ข้าราชการประจำ แต่กลายเป็นกลุ่มบุคคลผู้มีความทะเยอทะยานทางการเมืองชนิดสุดโต่ง กระทั่งลืมรากเหง้าในความเป็นชาติ พระคุณใหญ่หลวงแห่งบรรพชนที่ได้ร่วมกันดำรงรักษาแผ่นดินไทยให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขมาได้ตราบทุกวันนี้ กลุ่มบุคคลดังกล่าวแม้มีจำนวนไม่มาก แต่อาศัยความมั่งคั่งทางฐานะของครอบครัว ผสานเข้ากับความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องและหลงทางจากการไปศึกษาในต่างประเทศ กับอีกเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ขาดการพิจารณาเลือกเฟ้นที่เหมาะสมกับสังคมหนึ่งๆ ที่ทำให้สังคมเกิดขึ้นซึ่งสิ่งที่เรียกว่าภาพลวงตา บ้างเรียกว่าสร้างภาพในการหลอกลวงผู้คน ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากความตั้งใจก็ดีหรือความรู้เท่าไมถึงการ และการสุ่มเสี่ยงในการให้ทัศนคติที่เป็นเท็จ ให้ร้ายว่ากล่าวบรรพชนและบุคคลอื่นที่มีความเห็นไม่ตรงกับตน ชนิดที่อารยประเทศใดๆจะไม่กระทำอะไรเช่นนี้ กลับกลายเป็นความอับอายขายหน้าต่อการกระทำในสิ่งดังกล่าวของผู้ใดก็ตามอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป และหลักคุณธรรมจริยธรรมของประเทศ

มองในเชิงผลลัพธ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากต้นเหตุและที่มาของปัญหา ย่อมมีคำตอบได้โดยไม่ยากประมาณ ๒-๓ ข้อที่สมควรได้รับการปรับปรุงแก้ไขเสียที่ต้นเหตุอย่างไม่ชักช้า เพราะการที่จะไม่ให้เกิดการให้ร้ายแก่บุคคล ใช้วาจาเพื่อสร้างความแตกแยกชนิดยากที่จะหันหน้าเข้าหากัน และการใช้ทรัพย์สินอันมหาศาลเพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงบุคคลและเพิ่มพูนปัญหาให้กับสังคมของคนในชาติ เข้าลักษณะความมุ่งมั่นให้เกิดการแบ่งแยกแล้วปกครอง (divide and rule) อย่างแยบยล ที่ถือเป็นภยันตรายอันดับแรกของการบ่อนทำลายประเทศ ที่ภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ไขให้แล้วเสร็จเป็นอันดับแรกในระบบรัฐปัจจุบัน ก่อนที่จะลงมือทำเรื่องอื่นๆต่อไป”

การเมือง : ม.ล.ปนัดดาชี้บ้านเมืองเผชิญภัยจากผู้ทะเยอทะยานการเมืองสุดโต่งที่ใช้การแบ่งแยกแล้วปกครอง

People unity : post 2 เมษายน 2562 เวลา 18.00 น.

“บิ๊กตู่” ออกสารเบรกนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก

People unity : นายกรัฐมนตรี ย้ำมาตรการต่างๆของพรรคการเมือง ขอให้คำนึงถึงหลักคุณธรรม และระเบียบกฎหมายงบประมาณ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกสาร ลงวันที่ 15 มีนาคม 2562 ถึง การหาเสียงของทุกพรรคการเมือง กรณีการชูนโยบายว่า จะดำเนินการเรื่องใดๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณรัฐจำนวนมาก บางเรื่องก็อาจกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน รวมถึงภาครัฐ เช่น ด้านการศึกษา สวัสดิการ การขึ้นค่าแรง ฯลฯ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ วิธีการ กฎหมายด้านงบประมาณ การเงิน การคลัง และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้ และสัดส่วนงบประมาณโดยรวมของรัฐ  มีทางเดียวที่จะทำได้ตามที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงกันไว้คือ รัฐต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรง ทางอ้อม กำไรและรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยให้มากขึ้น และหากงบประมาณไม่เพียงพอก็ต้องกู้เงินซึ่งจะต้องคำนึงถึงหนี้สาธารณะที่จะเพิ่มขึ้นด้วย  การขึ้นค่าแรงก็ต้องไม่กระทบต่อการลงทุน การย้ายฐานการผลิต การลงทุน ในขณะที่เรากำลังเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐ เพิ่มงานเพิ่มอาชีพ และเพิ่มการดูแลสวัสดิการให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย

หากเรายังหารายได้ให้รัฐมากขึ้นไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถทำตามนโยบายที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ได้ ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะเป็นใครพรรคใด จะต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน อันได้แก่หลักคุณธรรม ความโปร่งใส ความมีส่วนร่วม ความรับผิดชอบ ความคุ้มค่า เราควรต้องได้นายกรัฐมนตรีแบบนี้ที่มีธรรมาภิบาล บริหาร ราชการอยู่ในกฎ ระเบียบ กติกา กฎหมาย การจะดำเนินโครงการ และงบประมาณ จะต้องชี้แจง ได้ว่าเราจะหางบประมาณมาจากไหน อยู่ในวินัยการเงินการคลังหรือไม่  รัฐบาลจะต้องดูแล ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ

“บิ๊กตู่” ออกสารเบรกนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก

People unity : post 15 มีนาคม 2562 เวลา 14.40 น.

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : 1 มีนาคม 2562 : นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ….” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิทัลหนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยหลักการสำคัญที่ต้องมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญต่างๆใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที กฎหมายนี้จึงมีการกําหนดหน่วยโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII ) ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชน ตลอดจนกําหนดให้มีมาตรฐานและแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ ได้กำหนดไว้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการของรัฐที่สำคัญ เช่น ระบบการเบิกจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น ด้านการเงิน ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และด้านสารธารณสุข ทั้งนี้สามารถเพิ่มด้านอื่นๆได้อีกในอนาคต

“กฎหมายนี้จึงมิได้ส่งผลกระทบและมิได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ ซึ่งกฎหมายได้ระบุประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ (1) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับไม่ร้ายแรง (2) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และ (3) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ”

โดยภัยคุกคามในระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานนั้นๆและหน่วยงานกำกับดูแลต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่วนภัยในระดับร้ายแรงซึ่งทำให้บริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา โดยในการเข้าไปในสถานที่หรือเข้าไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะต้องขอหมายศาล ขณะที่ภัยระดับวิกฤติต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริการที่สำคัญถูกโจมตีจนล่มไม่สามารถให้บริการได้เป็นวงกว้าง หรือมีประชาชนเสียชีวิตและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงให้ใช้อำนาจตามกฎหมายด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนพร้อมกับแจ้งศาลโดยเร็ว

สำหรับความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศต่างๆได้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว และบังคับใช้แก่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในไทยซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนประเทศนั้นๆด้วย จึงต้องกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลในการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นมาตรฐานสากล

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. 2. ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…. 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล)  และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ……

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคามซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

การเมือง : ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น.

รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิด พ.ร.บ.ข้าว ระบุนำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่ ชี้เป็นเรื่องของ สนช.

People unity : รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิดกรณี พ.ร.บ.ข้าว นำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณี พ.ร.บ. ข้าว ที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคมว่า มีการเอาข้อมูลที่ค่อนข้างสับสนที่ยังไม่ได้แก้ไข ไม่เป็นปัจจุบันมาเสนอกับสังคมผ่านสื่อต่างๆ และเอาความเห็นของตนที่เคยถูกถามในร่างเดิมก่อนมีการปรับแก้เมื่อปลายปีที่แล้ว มากล่าวถึงในสื่อต่างๆ ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า มีความเห็นตรงข้ามกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้เสนอความเห็นประกอบร่างฯ ฉบับที่ สนช. ส่งมาให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น และเสนอความเห็นที่ควรปรับแก้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งในร่างฉบับที่จะเสนอ สนช. พิจารณาในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ได้มีการแก้ไขตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอขอแก้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

น.ส.ชุติมา กล่าวย้ำว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นร่างของ สนช. ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีผู้แทน 1 คนในกรรมาธิการวิสามัญที่ขอปรับแก้ เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองก็พยายามจะชี้ให้เห็นว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ร่างที่ได้แก้ไขแล้ว ต่างจากร่างเดิมที่ สนช. เคยเสนอมา โดยเฉพาะในเรื่องเมล็ดพันธุ์ชาวนาจะไม่ได้รับผลกระทบแบบที่อยู่ในกระแสที่เข้าใจผิด ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามขั้นตอนใน สนช. ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถไปชี้นำได้และขอให้อย่าหลงเชื่อข่าวสับสนที่สร้างความเข้าใจผิดอยู่ในขณะนี้

การเมือง : รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิด พ.ร.บ.ข้าว ระบุนำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่ ชี้เป็นเรื่องของ สนช.

People unity : post 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 12.50 น.

ทำไมพลังประชารัฐเสนอชื่อ ประยุทธ์-สมคิด-อุตตม เป็นนายกฯ

People unity : เมื่อวาน (30 มกราคม 2562) ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ มีมติเสนอชื่อ 3 ชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 3.นายอุตตม สาวนายน โดยหลังจากนี้ ผู้บริหารพรรคจะเข้าไปเชิญอย่างเป็นทางการต่อไป

ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นไปตามคาดของคนทั่วไป เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปตั้งแต่ตั้งพรรคพลังประชารัฐแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง

ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กับชื่อพรรคพลังประชารัฐ จึงคู่กันมาตลอด โดยชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเสมือนแบรนด์ของพรรคพลังประชารัฐ

ทว่า เหตุผลสำคัญมากไปกว่านั้นที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นชื่อแรกในบัญชีนายกฯของพรรค หรือเป็นชื่อแรกที่พรรคจะเสนอชื่อในสภาเป็นนายกฯ ก็เพราะ ตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา จากการสำรวจของโพลล์สำนักต่างๆ คะแนนความนิยมจากประชาชนในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ครองอันดับ 1 ตลอดมา พล.อ.ประยุทธ์ จึงเป็นจุดขายที่สำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ ตั้งแต่พรรคยังมีแต่ชื่อ ยังไม่มีการจัดตั้ง และยังไม่มีนโยบายใดๆ แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ พล.อ.ประยุทธ์ แข็งแกร่งและยอดนิยมจริงๆ จึงไม่แปลกที่แกนนำกลุ่มสามมิตรแสดงความวิตกว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบรับเข้ามาเป็นบัญชีนายกฯของพรรค ก็ไม่รู้ว่าจะหาเสียงอย่างไร หรือเอาอะไรไปหาเสียง

ชื่อที่สองที่พรรคพลังประชารัฐเสนออยู่ในบัญชีนายกฯของพรรค คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

ชื่อของนายสมคิด เป็นชื่อที่คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่คาดคิดมาก่อน การที่จู่ๆมีชื่อนายสมคิดโผล่มาด้วย จึงสร้างความแปลกใจให้คนทั่วไปไม่น้อย

แต่สำหรับคนที่อยู่ในวงในรัฐบาล หรืออยู่ในวงการเมือง รวมทั้งสื่อ ไม่แปลกใจที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสมคิดเป็นนายกฯของพรรคด้วย เพราะในวงในหรือในวงการเมืองรู้ดีว่า คนที่เป็นต้นคิดและเป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐคือนายสมคิดนั่นเอง เพียงแต่นายสมคิดไม่ออกหน้า และมอบหมายให้เด็กในคาถาของตน 4 คน คือ 4 กุมารการเมือง เป็นผู้ขับเคลื่อนพรรคพลังประชารัฐแทน

ชื่อของนายสมคิดถูกเสนอขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร

1.แน่นอนว่าเพื่อตอบแทนนายสมคิดในฐานะผู้ต้นคิดก่อตั้งพรรค จาก 4 กุมารการเมือง

2.เพื่อเป็นจุดขายด้านโยบายเศรษฐกิจของพรรคว่าจะเป็นนโยบายที่สืบต่อจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักธุรกิจและนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ

3.เพื่อเป็นรายชื่อนายกฯสำรองของพรรค กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเป็นนายกฯได้ หรือตัดสินใจไม่เป็นนายกฯต่อไป

อย่างไรก็ดี ถ้าจะพูดกันตรงๆ ชื่อของนายสมคิดในเวลานี้ไม่สามารถเป็นจุดขายทางด้านความนิยมจากประชาชนได้เหมือนกับชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เนื่องจากประชาชนทั่วไปยังไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหาภาวะเศรษฐกิจให้พ้นจากความฝืดเคือง การที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสมคิดจึงเหมือนดาบสองคม คือ ได้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนนักธุรกิจรายใหญ่ทั้งไทยและต่างชาติ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่พอใจกับปัญหาเศรษฐกิจ พาลไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งตรงนี้แกนนำพรรคพลังประชารัฐและตัวนายสมคิดเองจะต้องคิดให้ดีๆว่าได้หรือเสีย คุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะในตอนนี้ทุกพรรคล้วนพุ่งเป้าโจมตีไปที่ปํญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง ดังนั้น ถ้าจะเอาชื่อนายสมคิดไปแปะไว้เฉยๆในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค ก็จะมีแต่ผลเสีย แต่ควรจะต้องหาวิธีการทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในตัวนายสมคิดและให้โอกาสนายสมคิดทำงานต่อไป ด้วยการลงคะแนนเลือกพรรคพลังประชารัฐ

ชื่อที่สามที่พรรคพลังประชารัฐเสนออยู่ในบัญชีนายกฯของพรรค คือ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค

การมีชื่อของนายอุตตม เป็นเรื่องปกติ เพราะนายอุตตมรับบทเป็นหัวหน้าพรรค จึงต้องได้รับเกียรติให้เป็นบัญชีนายกฯของพรรค

แต่หากมองในแง่ชื่อชั้น จะพบว่านายอุตตม ยังห่างไกลทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิดอยู่หลายขุม ดังนั้น ชื่อของนายอุตตมจึงไม่มีความหมายในสนามเลือกตั้ง เพราะยังไม่เป็นแม่เหล็กแรงสูงพอที่จะดูดความนิยมจากประชาชนได้

ถ้าจะให้ดี นายอุตตมควรถอนตัว ไม่รับเป็นบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค แล้วปล่อยให้บิ๊กเนมสองคน คือ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสมคิด เป็นจุดขายคู่หูดูโอ จะเป็นการดีกว่า

โดย : พูลเดช กรรณิการ์

นักวิชาการอิสระด้านการเมือง

31 มกราคม 2562

การเมือง : ทำไมพลังประชารัฐเสนอชื่อ ประยุทธ์-สมคิด-อุตตม เป็นนายกฯ

People unity : post 31 มกราคม 2562 เวลา 02.10 น.

Verified by ExactMetrics