วันที่ 19 พฤษภาคม 2024

สธ. ยืนยัน! ยังไม่พบ “ฟลูโรนา” ในไทย และเชื้อไข้หวัดใหญ่กับโควิดผสมเกิดเป็นไฮบริดไม่ได้

People Unity News : สธ. ยืนยัน! ยังไม่พบ “ฟลูโรนา” ในไทย และเชื้อไข้หวัดใหญ่กับโควิดผสมเกิดเป็นไฮบริดไม่ได้

8 ม.ค. 65 กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันยังไม่พบ “ฟลูโรนา” (การติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และเชิ้อไวรัสโคโรนาในคนเดียวกัน) ในประเทศไทย ขณะที่เชื้อไข้หวัดใหญ่กับเชื้อโควิดผสมพันธุ์เกิดเป็นไฮบริดไม่ได้ ขอประชาชนอย่ากังวล

อาการของฟลูโรนานั้นไม่แตกต่างจากโรคโควิด-19 และโอกาสในการติดเชื้อทั้ง 2 ตัวพร้อมกันค่อนข้างน้อย แต่สิ่งที่ควรรู้ คือ ทั้งเชื้อไข้หวัดใหญ่และโควิดแพร่กระจายจากทางเดินหายใจในลักษณะที่เป็นฝอยละอองเหมือนกัน ดังนั้น การใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง สามารถป้องกันทั้งสองโรคในเวลาเดียวกันได้

และหากต้องการสร้างภูมิคุ้มกันให้มากขึ้นควรฉีดวัคซีนป้องกัน โดยการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ควรเว้นระยะจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นเวลา 1 – 2 สัปดาห์

Advertising

ศบค.ปรับ 69 จว. เป็นพื้นที่ควบคุมสีส้ม สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดในรูปแบบร้านอาหาร

People Unity News : ศบค. ปรับ 69 จว. เป็นพื้นที่ควบคุมสีส้ม และ 8 จว. นำร่องท่องเที่ยว ให้สถานบันเทิงเปิดในรูปแบบร้านอาหาร ที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus

7 ม.ค. 65 ที่ประชุม ศบค. (7 ม.ค. 65) มีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร มีผลตั้งแต่ 9 ม.ค. 65 เป็นต้นไป ดังนี้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด และพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด 0 จว./ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 39 จว. เพิ่มเป็น 69 จว./ และพื้นที่สีฟ้า (นำร่องท่องเที่ยว) คงเดิม 8 จว.

ให้ขยายระยะเวลาทำงานที่บ้าน work from home จนถึงวันที่ 31 ม.ค. 65 แต่ต้องไม่กระทบต่อบริการประชาชน และการดำเนินงานขององค์กร

สำหรับมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้เปิดในรูปแบบร้านอาหาร ซึ่งให้ผู้ประกอบการต้องได้รับอนุญาตจาก คกก.โรคติดต่อจังหวัดก่อนวันที่ 15 ม.ค. 65 และเริ่มเปิดบริการได้ตังแต่วันที่ 16 ม.ค. 65

พร้อมปรับมาตรการในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว 8 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา และภูเก็ต ให้บริโภคสุราในร้านอาหารได้ไม่เกิน 21.00 น. และต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น

Advertising

ด่วน ประกาศยกระดับเตือนภัยโควิดเป็น ระดับ 4 แนะ WFH – ชะลอเดินทาง – ปิดสถานที่เสี่ยง

People Unity News : สธ. ประกาศยกระดับเตือนภัยโควิดเป็น ระดับ 4 แนะ WFH – ชะลอเดินทาง – ปิดสถานที่เสี่ยง

6 ม.ค. 65 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศในขณะนี้มีการระบาดอย่างรวดเร็วและเริ่มพบสัญญาณการเพิ่มขึ้นจากการสัมผัสใกล้ชิดคนในครอบครัว ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขจึงเพิ่มระดับเตือนภัยโควิด-19 จากเดิมระดับ 3 ปรับขึ้นเป็นระดับ 4 ซึ่งอาจมีมาตรการเพิ่มเติมที่เคร่งครัดมากขึ้น มีการชะลอการเดินทาง เช่น ทำงานที่บ้าน หรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด และลดการรวมตัวกัน เพื่อช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อ

ประชาชนต้องปฏิบัติตามมาตรการ V-U-C-A อย่างเคร่งครัด คือ รับการฉีดวัคซีนตามที่กำหนด ป้องกันตนเองครอบจักรวาล ทุกที่ ทุกเวลา สถานประกอบการมีระบบ COVID-19 Free Settings และตรวจ ATK สม่ำเสมอ

สำหรับการประเมินความเสี่ยง 5 ระดับ จะมีมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตามที่กรมควบคุมโรคกำหนด

  • ระดับ 1 ใช้ชีวิตได้ปกติ แบบ COVID-19 Free Setting การเดินทางข้ามประเทศได้ปกติ
  • ระดับ 2 เร่งเฝ้าระวัง คัดกรอง เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่ม 1,000 คนขึ้นไป จำกัดเข้าพื้นที่ปิด เริ่มระบบ Test & Go
  • ระดับ 3 จำกัดการรวมกลุ่ม ทำงานจากที่บ้าน 20 – 50% คัดกรองก่อนเดินทาง เลี่ยงกิจกรรมรวมกลุ่ม 200 คนขึ้นไป และเปิดระบบแซนด์บ็อกซ์
  • ระดับ 4 ปิดสถานที่เสี่ยง ทำงานจากที่บ้าน 50 – 80% ชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่ ใช้ระบบกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ
  • ระดับ 5 จำกัดการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเคอร์ฟิว และใช้ระบบกักตัวผู้เดินทางทุกราย

Advertising

 

สธ. แนะผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ก่อน พ.ย. 64 รีบรับบูสเตอร์โดส ป้องกันโอมิครอน

People Unity News : สธ. แนะผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็ม 2 ก่อน พ.ย. 64 รีบรับบูสเตอร์โดส ป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน

5 ม.ค. 65 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 1 ล้านคน สายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่ คือ เดลต้า และโอมิครอน ซึ่งประเทศไทยได้ระงับการตรวจหาเชื้อแบบ Test&Go จึงช่วยชะลอผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามาในประเทศไทย สอดคล้องกับแนวโน้มของโรคที่ลดน้อยลงเพราะการฉีดวัคซีนให้กับคนในประเทศ

เดือน ม.ค. 65 ถือเป็นเดือนแรกของการรับมือโควิด-19 เข้าปีที่ 3 สิ่งที่คาดหวังในปีนี้ คือ การปรับระบบให้กลายเป็นโรคประจำถิ่นเพื่อให้สามารถประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงความปกติมากที่สุด  ด้วย 3 ปัจจัยหลัก

1.ต้องทำให้เชื้อโควิด-19 อ่อนแรงลง ไม่ทำให้คนที่ติดเชื้อถึงขั้นเสียชีวิต แต่แพร่กระจายได้มากขึ้น

2.ทุกคนจะต้องมีภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 และ 4 ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว

3.จัดการสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยง การรักษาดีขึ้น ทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับได้และมียามากขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังเน้นย้ำผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ก่อนวันที่ 1 พ.ย. 64 ให้ไปรับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือเข็ม 3 ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ฉีดเข็ม 3 แล้วเกิน 3 เดือน ให้เข้ารับเข็ม 4 ได้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันรองรับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน

Advertising

กยศ. ขยายเวลามาตรการลดหย่อนหนี้สู้ภัยโควิด ถึง 30 มิ.ย. 65 เป็นของขวัญปีใหม่ผู้กู้ยืม

People Unity News : กยศ. ขยายเวลามาตรการลดหย่อนหนี้สู้ภัยโควิด ถึง 30 มิ.ย. 65 เป็นของขวัญปีใหม่ผู้กู้ยืม

1 มกราคม 2565 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. มอบของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับผู้กู้ยืมเงินกองทุน ด้วยการขยายเวลามาตรการลดหย่อนหนี้เพื่อช่วยเหลือและให้โอกาสผู้กู้ยืมเงินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 64 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 65

  • ลดดอกเบี้ย 100% กรณีผู้กู้ยืมเงินทุกกลุ่มชำระหนี้ปิดบัญชี
  • ลดดอกเบี้ย 80% กรณีผู้กู้ยืมเงินกลุ่มก่อนฟ้องคดีที่มาชำระหนี้ให้มีสถานะปกติ
  • ลดออกเบี้ยปรับเหลือ 0.5% กรณีผู้กู้ยืมที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีและไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนด
  • ลดเงินต้น 5% กรณีผู้ไม่เคยเป็นผู้ผิดนัดชำระและปิดบัญชีคราวเดียว
  • ลดดอกเบี้ยจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการชำระและไม่ผิดนัด

ผู้กู้ยืมเงินสามารถดูรายละเอียดช่องทางการชำระหนี้เพื่อรับสิทธิตามมาตรการดังกล่าวได้ที่ www.studentloan.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ กยศ. Call Center โทร. 0 2016 4888

Advertising

ม.ออกซ์ฟอร์ดชี้วัคซีนแอสตร้าฯใช้เป็นเข็มกระตุ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้

People Unity News : งานศึกษามหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชี้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าใช้เป็นเข็มกระตุ้น เพิ่มภูมิคุ้มกันป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้ ตอกย้ำรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขตัดสินใจถูกต้องเลือกเป็นวัคซีนหลักฉีดให้ประชาชน

วันนี้ 23 ธ.ค.64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ได้รับรายงานว่า วันนี้ (23 ธ.ค. 64) บริษัท แอสตร้าเซนเนก้าได้เผยแพร่ข้อมูลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด บ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 สามารถเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 สายพันธุ์โฮมิครอนได้ ทั้งนี้ งานศึกษาของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ยังระบุว่าการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเข็มกระตุ้นนั้น ได้สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ได้รับวัคซีนในระดับที่สูงกว่าผู้ที่เคยติดเชื้อและหายป่วยได้เอง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีงานศึกษาหลายชิ้นยืนยันถึงประสิทธิภาพของวัคซีนแอสต้าเซนเนก้า โดยการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 โดส ก็สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่แพร่ไปทั่วโลกในช่วงก่อนหน้านี้ได้ดี

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ยินดีที่วัคซีนที่ได้ตัดสินใจเลือกเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทยตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสามารถป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่ารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้ศึกษาและทำงานอย่างหนักเพื่อเลือกวัคซีนที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ซึ่งการที่ขณะนี้แอสตร้าเซนเนก้าอยู่ระหว่างการพัฒนาประสิทธิภาพของวัคซีนให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนี้ รัฐบาลได้มีข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตว่า สำหรับวัคซีนที่จัดส่งให้แก่ประเทศไทยนั้น จะต้องเป็นวัคซีน Generation ใหม่ที่ผ่านการวิจัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

“รัฐบาลโดยกระทรวงสาธาราณสุขยังคงเดินหน้าจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพสำหรับประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งตามแผนการจัดหาในปี 2565 ที่ 120 ล้านโดส โดยมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลัก จำนวน 60 ล้านโดส ซึ่งมีข้อตกลงว่าจะเปลี่ยนเป็นวัคซีน Generation ใหม่ที่รองรับการกลายพันธุ์ของไวรัสทันทีที่งานวิจัยต่างๆเสร็จสิ้น รัฐบาลจึงขอเชิญชวนประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ตนเอง ครอบครัวและสังคมและขอให้มั่นใจว่าวัคซีนโควิด-19 ที่รัฐบาลจัดหาเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

Advertising

ด่วน! ศบค.ระงับการลงทะเบียนเข้าประเทศไทยแบบ Test & Go ชั่วคราว 21 ธ.ค. 64 – 4 ม.ค. 65

People Unity News : ศบค. ระงับการลงทะเบียนเข้าประเทศไทยแบบ Test & Go ชั่วคราว ส่วนผู้ลงทะเบียนแล้วสามารถเดินทางได้ถึง 10 ม.ค. 65

21 ธ.ค.64 วันนี้ ที่ประชุม ศบค. เร่งหารือการปรับมาตรการเข้าราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ “โอมิครอน” (Omicron) โดยมีมติเห็นชอบปรับมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 64 – 4 ม.ค. 65 ดังนี้

1.ระงับการลงทะเบียนชั่วคราวประเภท Test & Go และ Sandbox สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ยกเว้นภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

2.ปรับมาตรการตรวจหาเชื้อเป็น RT-PCR 2 ครั้ง และต้องมีการติดตามอาการ การเดินทางในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว รวมถึงการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ให้ได้ 100%

3.ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่จะเดินทางต่างประเทศชะลอหรือยกเลิกการเดินทางที่ไม่จำเป็น แต่หากจำเป็นขอให้ตรวจ ATK ด้วยตัวเองเป็นระยะ

4.ส่งเสริมให้มีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง รวมทั้งจุดฉีดวัคซีนในสถานีขนส่ง ท่าเรือ หรือท่าอากาศยาน

แต่ผู้ที่ลงทะเบียนในระบบ Test & Go ไว้แล้ว ยังสามารถเดินทางเข้าประเทศได้ถึงวันที่ 10 ม.ค. 65 แต่จะมีมาตรการติดตามที่เข้มขึ้น เช่น การตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง คือ วันแรกที่เดินทางเข้าประเทศ และวันที่ 7 โดยการตรวจครั้งที่ 2 รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย และหลังจากนี้ ศบค. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพี่อพิจารณามาตรการหลัง 4 ม.ค. 65 อีกครั้ง

Advertising

อย. อนุมัติวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5 – 11 ปีแล้ว

People Unity News : อย. อนุมัติวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 5 – 11 ปีแล้ว

วันนี้ 20 ธันวาคม 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติการใช้วัคซีนโคเมอร์เนตี (COMIRNATY VACCINE) ของ บ.ไฟเซอร์ จำกัด สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5 – 11 ปี เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว หลังก่อนหน้านี้อนุญาตให้ใช้วัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิในเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5 – 11 ปี จะใช้ปริมาณวัคซีน 1 ใน 3 (10 ไมโครกรัม) ของเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อจำนวน 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน ซึ่ง “ไฟเซอร์” นับเป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวแรกที่ทาง อย. อนุมัติให้ใช้ในกลุ่มเด็กอายุดังกล่าว

Advertising

ตำรวจเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ปลอม

People Unity News : ระวัง! มิจฉาชีพรับทำเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนปลอม ผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

15 ธ.ค.64 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อประกาศรับจ้างทำเอกสารรับรองปลอมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมประสานผู้ประกอบการ – ร้านค้า เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน รวมถึง QR Code ให้สอดคล้องกับข้อมูลในแอปฯ “หมอพร้อม”

ผู้กระทำความผิดโดยการทำเอกสารรับรองปลอมจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งความผิดฐานปลอมเอกสาร แก้ไขข้อความ หรือการประทับตรา – ลงลายมือชื่อปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท เป็นต้น

จึงขอให้ประชาชนลงทะเบียนทำเอกสารตามระบบและช่องทางต่างๆที่ภาครัฐกำหนด เพื่อให้ได้รับเอกสารที่ถูกต้อง และหากพบเบาะแสหรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม.

Advertising

เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

People Unity News : เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

11 ธ.ค.64 สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ออกคำเตือนประชาชน ว่า ช่วงฤดูหนาวของทุกปี ประชาชนบางกลุ่มมีความเชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น คลายหนาวได้ จึงนิยมดื่มแอลกอฮอล์ในฤดูหนาว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด!

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายในระยะแรกหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ ร่างกายจะเริ่มระบายความร้อนโดยไม่รู้ตัว และทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง ซึ่งส่งผลเกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย

หากมีเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ร่างกายอาจโดนอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้ขาดน้ำ หัวใจทำงานผิดปกติ ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี แนะว่าหากต้องการคลายความหนาวเย็น ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นจากภายใน รวมถึงดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ สวมเสื้อผ้ากันหนาว จะช่วยบรรเทาความหนาวได้เช่นกัน และเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง

Advertising

Verified by ExactMetrics