วันที่ 12 พฤษภาคม 2025

“บิ๊กตู่”ต้อนรับนายกฯจีน เป็นมงคลนกนางแอ่นบินว่อน

People Unity News : “บิ๊กตู่”ต้อนรับนายกฯจีน เป็นมงคลนกนางแอ่นบินว่อน ขณะตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ผลหารือ ไทย-จีนสานสัมพันธ์จับมือเป็นหุ้นส่วนร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรับมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเปนทางการในฐานะแขกของรัฐบาล โดยจัดพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต้อนรับอย่างสมเกียรติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พล.อ.ประยุทธ์ และนายหลี่ เค่อเฉียง เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ที่สนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ปรากฎว่าเหนือท้องฟ้าได้มีฝูงนกนางแอ่นจำนวนมากบินวนเวียนไปมา จนกระทั่งนายกฯได้นำคณะของนายกฯจีนเข้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือข้อราชการ แต่นกนางแอ่นฝูงดังกล่าวก็ยังคงบินวนเวียนอยู่เหนือตึกไทยคู่ฟ้า ทั้งนี้ โดยปกติในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีเพียงนกอีกา และนกพิราบ ที่มาบินให้เห็นเท่านั้น ไม่เคยมีนกนางแอ่นมาบินเช่นนี้

ทั้งนี้นกนางแอ่น ตามความเชื่อของชาวม้งในตอนใต้ของจีน เชื่อว่านกนางแอ่นเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมงคล และคู่นกนางแอ่นจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนวันตาย และนำมาซึ่งความสุข เข้ามาสู่ชีวิต ขณะที่ การหารือทั้งสองฝ่ายในวันนี้ จะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน ในด้านต่างๆ

พล.อ.ประยุทธ์ และนายหลี่ เค่อเฉียงจะมีการหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์ จากนั้น ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-จีนหลายฉบับ อาทิ บันทึกความเข้าใจ ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และนวัตกรรม บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนข่าวและข้อมูลข่าวสารระหว่าง กรมประชาสัมพันธ์ กับ สำนักข่าวซินหัว และ บันทึกความเข้าใจ ระหว่าง บริษัท SCG จำกัด มหาชน กับ ศูนย์ความร่วมมือทางนวัตกรรมแห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ก่อนเปิดแถลงข่าวร่วมตามลำดับ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีจีนและคณะด้วย

ผลหารือ ไทย-จีนสานสัมพันธ์จับมือเป็นหุ้นส่วนร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ได้ว่าการกระทรวงกลาโหม หารือเต็มคณะกับนายหลี่ เค่อเฉียง (H.E. Mr. Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสการเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้นำทั้ง 2 ได้ร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนลงนามสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนหารือข้าราชการเต็มคณะ

ผู้นำทั้งสองได้ร่วมกันหารือข้อราชการเต็มคณะ ณ ตึกภักดีบดินทร์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีโดยฝ่ายไทยประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์และนวัตกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สำหรับคณะรัฐมนตรีฝ่ายจีน ประกอบด้วย นายเซียว เจี๋ย มนตรีแห่งรัฐและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายหลิว คุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายจาง หย่ง รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ นายเล่อ ยู่เฉิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายหลี่ว เจี้ยน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และนายหยู เจี้ยนหัว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรองผู้แทนการค้าระหว่างประเทศ

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการเต็มคณะ ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ฉบับ และร่วมกันแถลงข่าว ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 6 ปีของนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน พร้อมขอบคุณรัฐบาลจีนที่สนับสนุนการทำหน้าที่ประธานอาเซียนของไทย

ทั้งสองฝ่ายยินดีกับพัฒนาการความความร่วมมืออย่างรอบด้านระหว่างกัน ซึ่งมีพลวัต และมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก โดยทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมกันรับมือกับการผันแปรของเศรษฐกิจโลก ด้านเศรษฐกิจ ไทยและจีนเห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการผสานความร่วมมือกันอย่างไร้รอย โดยเฉพาะนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Made in China 2025 และการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย กับกรอบความร่วมมือเขตอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง มาเก๊า (GBA) รวมถึงข้อริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) ของจีน เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวฝากให้นายกรัฐมนตรีจีนช่วยดูแลและอำนวยความสะดวกภาคเอกชนไทยที่ลงทุนในจีน และดูแลเรื่องสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและยางพารา

นอกจากนี้ ไทยและจีนต่างให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลจีนที่ยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความสำเร็จในการขจัดความยากจน โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนการศึกษา ในประเด็นที่ฝ่ายไทยประสงค์จะเรียนรู้จากจีน

ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เมืองอัจฉริยะและอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นายกรัฐมนตรีหวังที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาหมอกควัน/PM 2.5 จากจีนด้วย ส่วนด้านการเมืองและความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันอย่างสม่ำเสมอ

ต้องให้”IMF”แนะ!ใช้เศรษฐกิจพอเพียงหนุนปฏิรูปประเทศ

People Unity News : “อุตตม”เผยผลหารือ “กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ” แนะนำให้ไทยใช้เครื่องมือการเงินปละการคลังดูแลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พร้อมหนุนไทยใช้เศรษฐกิจพอเพียงหนุนการปฏิรูปประเทศ

วันที่ 5 พ.ย.2562 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการเข้าพบของนางคริสตาลินา จอร์จิวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พร้อมคณะ โดยไอเอ็มเอฟเห็นว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความท้าทายจากสงครามการค้าและปัญหาการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทย ได้ผลกระทบจากหลากหลายปัจจัยที่ไอเอ็มเอฟว่า Synchronized Slowdown

อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟยังระบุถึงประเทศไทยว่ามีความโชคดีจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งทำให้ไทยสามารถใช้เครื่องมืองทางการเงินและการคลังในการดูแลเศรษฐกิจ แต่ไอเอ็มเอฟได้ให้คำแนะนำและเน้นว่าประเทศไทยยังต้องดูแลเศรษฐกิจในข่วงนี้อย่างใกล้ชิด รลโดยพิจารณาถึงการใช้ทั้งเครื่องมือทางการเงินและการคลังต่อไป เนื่องจากไทยมีความสามารถและมีความแข็งแกร่งที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวนี้ได้ทันการณ์

นอกจากนี้ รัฐมนตนลรีว่าการกระทรวงการคลังยังกล่าวด้วยว่า ตนได้เล่าให้ไอเอฟได้รับทราบถึงช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่มาตรการทางการเงินนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เคยประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบสยไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยไอเอ็มเอฟยังเห็นว่าสำหรับประเทศไทยแล้วยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทางการยังสามารถที่จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ได้อีกช่วงหนึ่ง รวมทั้ง ไอเอ็มเอฟยังให้ความสนใจกับการนำทฤษฏีเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศด้วย

นายอุตตม ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงการคลังเตรียมพร้อมที่จะนำเครื่องมือต่างๆ ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศมาใช้อยู่แล้ว เพียงแต่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาตามภาวะเศรษฐกิจ โดยตนมองว่าแนวโน้มในไตรมาส 4 ของปี 62 นั้น เศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาการทำสงครามหารค้าสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ตนเห็นจะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันยังคงไม่สามารถขยายตัวได้เต็มตามศักยภาพที่เคยคาดหวังไว้ที่ระดับ 4% แต่ก็ยังไม่มีคำตอบว่าประเทศไทยควรต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษกิจระยะสั้นออกมาใช้เพิ่มเติมอีกหรือไม่

ส่วนประเด็นการหารือในประชุมระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนซัมมิท) นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สหรัฐฯ สนใจที่จะร่วมปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงเทคโนโลยี แต่จะไม่มีวาระการหารือประเด็นสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์พิเศษทางภาษีศุลกากรที่ให้กับประเทศไทยในการประชุมครั้งนี้

“จิราพร”เพื่อไทยเตือนสติแก้ปัญหาปากท้องต้องดูสภาพความจริง

People Unity News : “จิราพร”เพื่อไทยอัดรัฐบาลถนัดแค่แจกเงิน เตือนสติแก้ปัญหาปากท้องต้องดูสภาพความจริง แนะฟังฝ่ายที่เห็นต่าง

วันที่ 5 พ.ย.2562 นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 5 ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลปลื้มใจกับผลสำรวจความคิดเห็นที่ระบุว่าประชาชนชื่นชอบโครงการ ‘ชิมช้อปใช้’ และ ‘บัตรคนจน’ โดยอ้างว่าเป็นตัวชี้วัดผลงานและความสำเร็จของโครงการว่า รัฐบาลควรตั้งสติและดูสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประเทศตอนนี้ หากวัตถุประสงค์ของโครงการเป็นไปเพื่อต้องการให้ประชาชนชื่นชอบพอใจ ก็ไม่จำเป็นต้องสำรวจให้เสียเวลาเพราะการได้รับเงินฟรีคงไม่มีใครที่ไม่ชอบ

นางสาวจิราพรกล่าวอีกด้วยว่า ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการที่แท้จริงนั้น รัฐบาลต้องดูผลสัมฤทธิ์ว่า สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ ที่สำคัญ รัฐบาลควรคิดให้ได้ว่าอยู่ในอำนาจมา 5 ปี ทำได้เพียงแค่แจกเงินให้ประชาชนพอใจควรจะนำมาอ้างเป็นความสำเร็จหรือไม่ เพราะนโยบายแบบนี้คือการให้ยาแก้ปวดไม่ใช่รักษาโรคให้หายขาด ยิ่งเพิ่ม ‘ชิมช้อปใช้’ เฟสต่อๆไป ยิ่งสะท้อนว่ารัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการแจกเงิน

อย่างไรก็ดี การที่ฝ่ายค้านออกมาท้วงติงหรือตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลไม่ได้ต้องการเล่นเกมการเมือง แต่เป็น ‘การทำงานทางเมือง’ ตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ยึดประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งทั่วโลกก็ปฏิบัติเช่นนี้

“เข้าใจว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ คงเคยชินกับการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไร้การตรวจสอบมาตลอด 5 ปี แต่ตอนนี้มีสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงแนะนำให้รัฐบาลกลับไปทำความเข้าใจระบอบประชาธิปไตยให้มากขึ้น เปิดใจให้กว้าง เลิกมีอคติกับฝ่ายที่เห็นต่าง” นางสาวจิราพรกล่าว

“ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ

People Unity News : “ปารีณา”ติง”วัฒนา”อย่านำนักโทษมาเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติ มั่นใจทั่วโลกรู้ดีถึงพฤติกรรม”ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 5 พ.ย.เวลา 09.00 น.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อความระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความสำคัญในการบริหารประเทศ มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีว่า ตนเห็นเรื่องนี้จากการอ่านข่าว ก็ไม่มั่นใจว่านายวัฒนาเป็นผู้เขียนเองหรือไม่ หรือมีใครสั่งให้เขียนหรือเปล่า ตนเชื่อว่าทุกประเทศต่างก็มีทูตอยู่ในประเทศไทย ซึ่งจะรู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทย และพฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้กระทำความผิดข้อหาอะไรบ้างในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การที่จะเอาผู้ต้องหาหนีคดีอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มาเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะสมควรเพราะเหมือนกับการนำนักโทษไปเปรียบเทียบกับทหารที่มีเกียรติที่ทำประโยชน์เพื่อนประเทศชาติ เห็นได้จากเวลาที่พล.อ.ประยุทธ์ไปต่างประเทศ ทุกคนก็อยากจะจับมือ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่มีใครอยากจับมือด้วย”น.ส.ปารีณา กล่าว

น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่า พฤติกรรมคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาท เพื่อให้ไปทำเครือข่ายโทรศัพท์ แล้วอุปกรณ์ที่ซื้อก็ซื้อจากบริษัทของตนเอง นำไปสู่การทุจริตเชิงนโยบาย แต่ก็คงจะอดชื่นชมนายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ไม่ได้ ที่ท่านได้ไปให้ข้อมูลต่อกรรมการ คตส.และต่อศาลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีมาก ท่านเป็นรัฐมนตรีน้ำดี ทำเพื่อความถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศ ต่างกับรัฐมนตรีหลายๆคนในยุคนายกทักษิณที่มีคดีทุจริตติดตัวเต็มไปหมด

“IMF”เข้าพบ”บิ๊กตู่” อาสาเผยแพร่ ศก.พอเพียง ให้ทั่วโลกได้รับรู้

People Unity News : “IMF”เข้าพบ”บิ๊กตู่”ที่ทำเนียบฯ อาสาเผยแพร่ ศก.พอเพียงให้ทั่วโลกได้รับรู้ เหตุสอดคล้องกับหลักการของ ยูเอ็น

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้การต้อนรับนางคริสตาลินา กอร์เกียวา (Mrs. Kristalina Georgieva)  กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังจากนั้นได้พาเดินชมทัศนียภาพโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนางคริสลินา กล่าวชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมของทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับทักทายบรรดาสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีของไอเอ็มเอฟที่มีต่อประเทศไทยว่า นางคริสตาลินาระบุว่าก่อนเดินทางมาประเทศไทย เพิ่งได้อ่านหนังสือและได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และคิดว่าเป็นหลักปรัชญาที่ทางไอเอ็มเอฟจะนำไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รับรู้ เพราะสอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ต้องการให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางคริสตาลินาได้เล่าให้นายกรัฐมนตรีฟังว่าการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาร่วมประชุมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งความจริงได้พบกับนายกรัฐมนตรีระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 อยู่แล้ว และได้มีการพูดคุยกันเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ

นางนฤมล กล่าวว่า ส่วนสภาพเศรษฐกิจโลก นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าในหลายข้อเสนอแนะ เราพร้อมที่จะรับมาดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนโยบายด้านการเงินที่ทางไอเอ็มเอฟระบุว่า ไทยยังสามารถจะปรับได้อีก ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของระยะยาว คือการปรับโครงสร้างขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษาจะพัฒนาอย่างไรให้มีคุณภาพ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการพัฒนาทักษะแรงงาน

นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า สิ่งเหล่านี้ได้อยู่ในแผนพัฒนาและแผนยุทธศาสตร์ชาติอยู่แล้ว ที่จะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี ทั้งนี้ ทางธปท.คงได้มีการหารือตัวแทนไอเอ็มเอฟอีกครั้งหนึ่ง และไอเอ็มเอฟมองประเทศไทยว่า ยังมีจุดที่สามารถพัฒนาได้อีกมากตามศักยภาพที่มี พร้อมชื่นชมการจัดประชุมอาเซียนซัมมิท

“อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำและดำเนินการในทุกมิติ โดยมอบหมายให้ทางธปท.เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่า ธปท.เป็นองค์กรอิสระ ในฐานะฝ่ายบริหารจะไปก้าวล่วง หรือสั่งการอะไรไม่ได้” นางนฤมล กล่าวและว่า

นอกจากนี้ ทางไอเอ็มเอฟ แม้ไม่ได้มีการพูดคุยถึงภาพรวมภายหลังการเลือกตั้ง แต่ก็มองว่าในปัจจุบันประเทศไทยยังมีเสถียรภาพ ซึ่งหลังการเลือกตั้งน่าจะมีการปฎิรูปในหลายด้าน

เมื่อถามว่าทางไอเอ็มเอฟต้องการให้ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยตามเฟดใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ไม่ได้พูดชัดเจนขนาดนั้น เพียงแต่บอกว่ายังมีช่องทางที่สามารถปรับได้อีก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนได้มากขึ้น

“อนุทิน”โพสต์”สตีฟ จ็อบส์”แนะ “สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด”

People Unity News : “อนุทิน”โพสต์”สตีฟ จ็อบส์”แนะ “สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด” พร้อมเสริม”ไม่มีใครดูแลสุขภาพของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง”

วันที่ 5 พ.ย.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความว่า

“สุขภาพ คือสิ่งสำคัญที่สุด”คำแนะนำจากอัจฉริยะคนหนึ่งของโลก
……….

ผมประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านธุรกิจ หรืออาจกล่าวว่าชีวิตผมเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของความสำเร็จ แต่นอกจากการทำงานแล้ว ผมไม่ได้มีความสุขนัก เพราะในที่สุด ความร่ำรวยก็กลายเป็นสิ่งเดียวที่ผมมี

ในขณะนี้ ผมกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงและพยามยามรำลึกถึงชีวิตของผมที่ผ่านมา ผมพบว่าความร่ำรวยที่ผมเคยภูมิใจ กลับไม่มีค่าอะไรเลยในช่วงสุดท้ายที่ผมกำลังจะตาย

ในความมืด ผมมองเห็นเพียงแสงสีเขียวและเสียงของเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าความตายใกล้เข้ามาแล้ว

ตอนนี้ผมเพิ่งตระหนักว่า เมื่อเราร่ำรวยพอแล้ว เราควรหันไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆ บ้าง
ซึ่งอาจเป็นสิ่งอื่นๆที่สำคัญ เช่น งานศิลป ที่เราเคยใฝ่ฝันในตอนเด็กๆ

การไม่ยอมหยุดสร้างความร่ำรวย จะทำให้ต้องมีชีวิตเหมือนที่ผมเป็น

พระเจ้าได้มอบความรักไว้ในหัวใจของมนุษย์ทุกคน ซึ่งไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน

เมื่อผมตาย ผมเอาความร่ำรวยไปด้วยไม่ได้ สิ่งที่ผมจะนำติดตัวไปคือความทรงจำเกี่ยวกับความรักเท่านั้น ซึ่งเป็นความร่ำรวยที่แท้จริงและจะเป็นแสงนำทางให้กับเราต่อไป

ความรักจะติดตามเราไปได้ทุกที่ เพราะมันอยู่ในหัวใจและในมือของเราเอง

เตียงที่แพงที่สุดในโลกก็คือเตียงผู้ป่วย
คุณสามารถจ้างคนมาขับรถให้ มาทำงานหาเงินให้ แต่ไม่มีใครมาป่วยแทนคุณได้

สิ่งของใดๆ ที่หายไป เราอาจหาพบได้ แต่เราเอาชีวิตที่เสียไปกลับคืนมาไม่ได้

เมื่อเราเข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัด เราจะตระหนักได้ว่า เราใส่ใจสุขภาพของตัวเองน้อยเกินไป
แต่เรามักจะรู้ตัวเมื่อสายเกินไปเสมอ

จงให้ความรักกับครอบครัว กับคนรัก และเพื่อนๆ หมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองและใส่ใจคนรอบข้างให้มากๆ

สิ่งที่พิสูจน์แล้ว เงิน เวลา สุขภาพ
สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด
เวลา และเงิน คือสิ่งสำคัญรองลงมา

สตีฟ จ็อบส์
……..
ไม่มีใครดูแลสุขภาพของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง
สิ่งที่ต้องทุ่มเทแสวงหายิ่งกว่าสิ่งใด คือ สุขภาพ
สิ่งที่ต้องรักษายิ่งกว่าสิ่งใด คือ สุขภาพ
เตียงผู้ป่วย ไม่น่านอนเท่าพื้นกระดานที่บ้านท่าน

ปิดฉากประชุมผู้นำอาเซียน “บิ๊กตู่”ส่งต่อปธ.ให้เวียดนาม

People Unity News : ปิดฉากประชุมผู้นำอาเซียนส่งต่อประธานให้เวียดนาม “บิ๊กตู่”แถลงความสำเร็จ พร้อมเน้นย้ำการสร้างความยั่งยืนของอาเซียนโดยใช้หลัก 3Cs

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.62 เวลา 19.30 น. ณ ห้อง Grand Diamond Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถ้อยแถลงในพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ ภายใต้แนวคิดหลักคือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” ซึ่งมุ่งหวังให้อาเซียนก้าวสู่อนาคตอย่างมีพลวัต ใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค ตลอดจนสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ ความร่วมมือของอาเซียนจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 4 ประการ

ประการที่หนึ่ง ประชาชนจะมีความมั่นคงที่ยั่งยืนมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการแข่งขันและความไม่แน่นอนสูง อาเซียนได้วางรากฐานความไว้เนื้อเชื่อใจในเชิงยุทธศาสตร์ที่ยั่งยืน เป็นพื้นฐานสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยได้นำหลักการภายใต้สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (TAC) มาใช้ในบริบทที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ ผู้นำอาเซียนได้รับรองเอกสารมุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก และจัดตั้งกลไกแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่ เพื่อช่วยเหลือในเรื่องการส่งกลับผู้พลัดถิ่น

ประการที่สอง ความร่วมมือของอาเซียนในปีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าและลดผลกระทบจากความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน โดยการสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตามแถลงการณ์ร่วมของผู้นำเกี่ยวกับอาร์เซ็ป เป็นการผนึกกำลังของกลุ่มประเทศซึ่งมี GDP รวมกันร้อยละ 32 ของโลก มีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรโลก และมีมูลค่าการค้ารวมกันสูงถึงร้อยละ 30 ของการค้าโลก โดยอาเซียนจะได้ประโยชน์จากการที่ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเชื่อมโยง ASEAN Single Window ให้ครบทั้ง 10 ประเทศในปีนี้ การริเริ่มการจัดตั้งเครือข่ายอาเซียนเพื่อต่อต้านการประมง IUU และการจัดทำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดทุนอาเซียน จะทำให้ผู้ประกอบการในอาเซียนได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการผลักดันยุทธศาสตร์เชื่อมโยงความเชื่อมโยง ซึ่งอาเซียนได้ประกาศโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของอาเซียน 19 โครงการ ที่ธนาคารโลกได้พิจารณาเห็นว่ามีศักยภาพที่ภาครัฐและเอกชนน่าจะมีความสนใจร่วมลงทุน

ประการที่สาม อาเซียนให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะร่วมมือในประเด็นด้านสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ การต่อต้านขยะทะเล, การรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การส่งเสริมสิทธิต่าง ๆ ของเด็กและเยาวชน, การเสริมสร้างอัตลักษณ์ของอาเซียน และการสนับสนุนให้อาเซียนร่วมกันเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ในปี 2577 ทั้งนี้ เพื่อให้ชาวอาเซียนมีความภาคภูมิใจต่อความเป็นอาเซียนร่วมกัน

ประการที่สี่ ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทั้งภายในอาเซียนและระหว่างภาคีภายนอกของอาเซียนจะช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในภูมิภาค โดยผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันรับรองเอกสารวิสัยทัศน์ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนสำหรับเป็นแนวทางการสานต่อความยั่งยืนในทุกมิติ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า เวียดนามจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมเน้นย้ำถึงการสร้างความยั่งยืนในอาเซียนต่อจากนี้ ซึ่งจำเป็นต้องมี 3Cs ได้แก่ 1) Continuity 2) Complementarity และ 3) Creativity ทั้งนี้ เป้าหมายในหลาย ๆ ด้านไม่สามารถบรรลุผลได้ภายในปีเดียว จึงต้องมี C ตัวแรก คือ Continuity กับข้อริเริ่มที่สำคัญจากปีก่อน ๆ เพื่อให้สามารถเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยอาศัย C ตัวที่สอง คือ Complementarity ความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ภายใต้ข้อริเริ่มที่เกื้อกูลกันในอาเซียน สุดท้ายต้องใช้ C ตัวที่สาม คือ Creativity ในการแก้ปัญหาที่คั่งค้างและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตอย่างสร้างสรรค์ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีอวยพรให้เวียดนามและอาเซียนประสบความสำเร็จต่อไปในปีหน้า

 

เลขาฯยูเอ็นเยี่ยมชมวัดบวรฯ เปรียบโอเอซิสทำสมาธิกลางกรุง

People Unity News : เลขาฯยูเอ็นหลังเข้าร่วมประชุมผู้นำอาเซียน เยี่ยมชมวัดบวรฯ เปรียบโอเอซิสทำสมาธิกลางกรุง ทวิตความประทับใจทั้งด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศไทย

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทย และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 10 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2562

หลังจากนั้นเพจ United Nations in Thailand ได้รายงานว่าเลขาธิการสหประชาชาติได้เดินทางไปที่วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานครเพื่อ เยี่ยมชม โดยมีสมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะเจ้าอาวาสให้การต้อนรับ และมีพระศากยวงศ์วิสุทธิ์, ดร. เป็นผู้บรรยายถึงประวัติศาสตร์ของวัดที่มีความสำคัญต่อราชวงศ์จักรีและประเทศไทย และพาเยี่ยมชม

ทั้งนี้นายอันโตนิอูได้ทวีตหลังการชมวัดว่า ขอบคุณ ดร. พระศากยวงศ์วิสุทธิ์ สำหรับการพาชมวัดบวรนิเวศวิหาร ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าประทับใจ วัดบวรฯเปรียบเสมือนโอเอซิสในการตั้งจิตทำสมาธิใจกลางกรุงเทพฯ และมีความสำคัญยิ่งต่อประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของประเทศไทย

“IMF”ร่วมถก”บิ๊กตู่-ผู้นำอาเซียน” แนะไทยดูแลศก.ช่วงนี้อย่ากระพริบตา

People Unity News : “บิ๊กตู่”เลี้ยงอาหารกลางวันผู้นำอาเซียนรวมถึงภาคีภายนอกและยูเอ็น IMF ถกแนวพัฒนาที่ยั่งยืน เตรียมต้อนรับ “หลี่ เค่อเฉียง” ยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบฯ ขณะที่”อุตตม”เผย IMF แนะไทยใช้ทุกเครื่องมือทั้งการเงิน-การคลังดูแลเศรษฐกิจช่วงนี้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ห้อง Grand Diamond Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน (Special Lunch on Sustainable Development) ภายหลังเสร็จสิ้น ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

งานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน และกรรมการผู้จัดการองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้กล่าวถ้อยแถลงสะท้อน “เสียงของอาเซียน” ที่นครนิวยอร์ก เพื่อบรรลุ SDGs อย่างไรก็ดี อาเซียนยังคงเผชิญกับความท้าทายในอีกหลายเป้าหมาย โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาเซียนได้ประกาศเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 และการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นร้อยละ 23 ภายในปี ค.ศ. 2025 และในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งอาเซียนได้มีข้อริเริ่มมากมายที่จะลดช่องว่างการพัฒนา ทั้งในประเทศและในภูมิภาคเพื่อไม่ให้ประชาคมอาเซียนทิ้งใครไว้ข้างหลัง

โดยในการหารือ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ประการที่หนึ่ง อาเซียนควรเสริมสร้างแรงกระตุ้นในการดำเนินการด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค และต่อยอดจากการดำเนินกิจกรรมของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนการดำเนินการตามโรดแมปความเกื้อกูลฯ

ประการที่สอง การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในระดับรากหญ้า

ประการที่สาม การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียนจะต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีภายนอก

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าความร่วมมือและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน และความเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดกับประเทศคู่เจรจาและภาคีภายนอกของอาเซียน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้การขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนประจักษ์ผลเป็นรูปธรรม

ทางด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังจากหารือร่วมกับผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่า ประเทศไทยยังมีความสามารถในการใช้เครื่องมือทางการเงินและการคลัง ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของโลกชะลอลงอย่างพร้อมเพียงกัน ซึ่งไม่ใช่เพียงเหตุการณ์สงครามการค้าของสหรัฐกับจีนเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นที่ผสมผสาน ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบและชะลอตัวลงไปด้วย

“ไทยยังโชคดี ที่เศรษฐกิจระดับมหภาคแข็งแกร่ง ทำให้ประเทศไทยมีความสามารถในการใช้เครื่องมือ ทั้งด้านการเงินและการคลังในการดูแลเศรษฐกิจช่วงเวลานี้ ซึ่ง IMF มีมุมมองว่า ให้พิจารณาใช้ทุกเครื่องมือที่มี เพื่อดูแลเศรษฐกิจตอนนี้ ทั้งการเงินและการคลัง หากมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ เพื่อที่จะสามารถผ่านสถานการณ์ต่างๆ ไปได้” นายอุตตม กล่าวและว่า

อย่างไรก็ดี IMF ย้ำว่าเศรษฐกิจไทยในภาวะตอนนี้นั้น 1.มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลเศรษฐกิจขณะนี้ให้ผ่านพ้นไป 2.พิจารณาเครื่องมือที่มีโดยเน้นเครื่องมือทางการเงินและการคลัง เนื่องจากมีความสารถในการใช้ให้ทันการ ขณะที่เครื่องมือทางการเงินนั้น ก็เห็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงที่ผ่านมา แล้ว 1 ครั้ง และมองว่าสามารถทำได้อีก 3. เน้นความสำคัญในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเรื่องที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาบุคลากรของประเทศให้มีทักษะ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น

นายอุตตม กล่าวว่า กรณีที่จะไปร่วมประชุมหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐในวันนี้ (4 พ.ย.62) เบื้องต้น จะมีการหารือเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการลงทุน ในการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน เป็นต้น รวมถึงมีการหารือเรื่องของขบวนการการมีส่วนร่วมในการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง และความสะดวกในการทำธุรกิจ

“ทั้งนี้ ไม่ได้มีการตั้งใจที่จะไปเจรจาอย่างเป็นทางการ ในเรื่องของการตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล ยังมีแนวทางในการหารือเรื่องของ GSP เนื่องจากยังมีเวลาในการเจรจาร่วมกันอีก 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีกับทั้ง 2 ประเทศ” นายอุตตม กล่าว

เตรียมต้อนรับ “หลี่ เค่อเฉียง” ยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 5 พฤศจิกายน รัฐบาลไทยโดย พลเอกประยุทธ์ จะให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง (H.E. Mr. Li Keqiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยในเวลา 10.10 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะให้การต้อนรับเชิญนายกรัฐมนตรีจีน โดยมีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนที่จะมีการหารือข้อราชการเต็มคณะที่ตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ จะเชิญนายกรัฐมนตรีจีนไปยังตึกสันติไมตรีหลังใน เพื่อเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างไทย-จีน และจะมีการแถลงข่าวร่วมกัน จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน ให้แก่นายกรัฐมนตรีจีนและคณะ ทั้งนี้ ในเวลา 08.00 น.ของวันเดียวกัน นาง Kristalina Georgieva กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเข้าเยี่ยมคารวะและพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับรอง ตึกบัญชาการ 1

พช.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชู “3 Rsโมเดล”

People Unity News : พช.ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชู “3 Rsโมเดล” โชว์โครงการ “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน-บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ในงานประชุมสิ่งแวดล้อมศึกษาโลกครั้งที่ 10 ที่ไบเทคบางนาระหว่างวันที่ 3-7 พ.ย.นี้

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมรับเสด็จฯสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จเป็นองค์ประธานการประชุมสิ่งแวดล้อมศึกษาโลกครั้งที่ 10 : The 10th World Environmental Education Congress (10th WEEC 2019) ที่เป็นการประชุมระดับนานาชาติระหว่างประเทศที่เน้นการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้หัวข้อ “Local Knowledge, Communication and Global Connectivity” (ภูมิปัญญาท้องถิ่น, การสื่อสารสิ่งแวดล้อมศึกษา และการเชื่อมโยงไปทั่วโลก)

เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการของผู้เข้าร่วมประชุม นักวิชาการจากทั่วโลก และปราชญ์ท้องถิ่น ตลอดจนเยาวชนในประเทศที่กำลังพัฒนาได้มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปันผลงาน เรียนรู้จากกันและกัน และร่วมกันกำหนดวิธีการที่จะจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต โดยใช้องค์ความรู้ วิชาการ รวมถึงเทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการพัฒนาด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ในระหว่างวันที่ 3 – 7 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย จัดโดยสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา โดยโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเอกชน อาทิ คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันโลกร้อนศึกษาโดยมูลนิธินภามิตร สำนักงานเครือข่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาโลก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

โดยปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ รวมถึงภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับโลก ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจึงถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ทุกภาคส่วน ที่ต้องมีจิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์ และอยู่กับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยไม่ทำลาย และในการประชุมครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการจุดประกายให้เกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาต่อยอดความรู้ในอนาคต

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ในส่วนของกรมการพัฒนาชุมชนเอง ก็ได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมปฏิบัติเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เจ้าหน้าที่ฯ ในสังกัดทุกระดับ รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน ได้มีการรณรงค์เรื่องการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี ตามแนวทาง 3 Rs คือ Reduce ใช้น้อย Reuse ใช้ซ้ำ และ Recycle นำกลับมาใช้ใหม่ ผ่านกระบวนการประชารัฐ ปลูกฝังให้ทุกคนเริ่มต้นจัดการขยะตั้งแต่ตัวเราเอง เริ่มจากการพกแก้วน้ำส่วนตัว พกถุงผ้าแทนถุงพลาสติก และ พกกล่องข้าวส่วนตัวแทนการใช้กล่องโฟม นอกจากนี้ได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้ซ้ำแทนการทิ้ง การคัดแยกขยะแต่และประเภท และการลดการใช้หลอดพลาสติก เป็นต้น

ในระดับชุมชนได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทั้วประเทศ จัดให้มีการรณรงค์หมู่บ้าน ตำบล หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยยึด “โกงธนูโมเดล” เป็นต้นแบบ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลโกงธนู อำเภอเมืองฯ จังหวัดลพบุรี ถือเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการขยะที่ประสบผลสำเร็จ เห็นผลเป็นรูปธรรม มีการส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนมีการจัดการคัดแยกขยะ เรียนรู้ร่วมกันในหมู่บ้าน เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการคัดแยกขยะอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นทางมีการทำธนาคารขยะประชารัฐ และนำเงินที่ได้มาจัดตั้งสวัสดิการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” สวัสดิการที่ช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของสมาชิกทุกครัวเรือนในชุมชนในยามเสียชีวิต ถ้าเสียชีวิตจะได้ครอบครัวละไม่น้อยกว่า 85,000 บาท ส่วนขยะเปียก มีการทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์จากขยะเพื่อลดต้นทุนด้านการผลิต “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน” ประจำครัวเรือน ซึ่งเป็นสารบำรุงดินที่หมักในถังขยะเปียกครัวเรือน นำไปใช้ประโยชน์ในแปลงผักตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” รวมถึงมีการทำนวัตกรรมพวงหรีดจักสานลดปริมาณขยะ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย

นอกจากนี้ พช. ยังได้กำหนดเป้าหมายของปีนี้ด้วยว่า ให้พัฒนากรทุกคนเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนช่วยกันปฏิบัติตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดูแลรักษาบ้านเรือนให้สะอาด มีการคัดแยกขยะ พร้อมทั้งจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนที่นอกจากจะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยให้มีสารบำรุงดิน และปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ที่ปลอดสารพิษ อันเป็นการทำอาหารให้เป็นยาบำรุงร่างกายและลดรายจ่ายที่ง่ายที่สุด รวมทั้งยังได้มีการรณรงค์ให้คนไทย ทุกเพศ ทุกวัย หันมาสวมใส่ผ้าไทยให้มากขึ้น เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ ฝีมือ ภูมิปัญญาของความเป็นไทย และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ที่ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ชุมชนก็จะมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ด้วย

Verified by ExactMetrics