วันที่ 25 เมษายน 2024

“นิพนธ์”เป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ ชรบ.ผู้เสียชีวิตที่ยะลา

People Unity News : “นิพนธ์”ลงใต้ เป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ ชรบ. ผู้เสียชีวิต เหตุการณ์ 5 พ.ย.ในพื้นที่จังหวัดยะลา และเยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยม เพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว จากเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจุดตรวจ ชรบ.ลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมมอบกระเช้าสุขภาพ และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น ณ โรงพยาบาลยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายนิพนธ์ เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นางสาวกมลวรรณ อุทัยธรรม เจ้าหน้าที่ ชรบ.ที่เสียชีวิต จากเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจุดตรวจ ชรบ.ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ เมรุวัดป่าสวยพัฒนา อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี


เวลา 15.00 น.นายนิพนธ์ เดินทางมาร่วมในพิธีบำเพ็ญกุศล สวดพระอภิธรรมศพ เจ้าหน้าที่ ชรบ. ทั้ง 9 รายที่เสียชีวิต จากเหตุการณ์ดังกล่าว และพบปะพูดคุยให้กำลังใจ มอบเงินเยี่ยวยาให้กับครอบครัวของ ชรบ.ที่เสียขีวิต ทั้ง 9 ครอบครัว ณ วัดสิริปุณณาราม (วัดลำพะยา) อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

จากนั้นเวลา 15.30 น. นายนิพนธ์ เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นายสุพจน์ จันทร์วิมาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลปากล่อ ที่เสียชีวิต จากเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจุดตรวจ ชรบ.ตำบลลำพะยา อำเภอเมือง จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ วัดบ้านไร่พัฒนา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

“พุทธิพงษ์”เยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชนกาญจน์ ขายสินค้าออนไลน์

People Unity News : รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนบริษัท อินทผลัมภาคตะวันตก จำกัด

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการต่างๆ ของกระทรวงฯ และหน่วยงานในสังกัดฯ โดยหนึ่งในนั้น ได้ไปตรวจราชการ ที่วิสาหกิจชุมชนบริษัท อินทผลัมภาคตะวันตก จำกัด ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจบุรี ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมขนที่มีการรวมตัวของเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกอินผลัมในภาคตะวันตกและจากทั่วประเทศราว 150 ราย ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการในเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com โครงการดิจิทัลชุมชนด้าน e-Commerce เมื่อปลายปี 2561 ทำตลาดสินค้าแปรรูปภายใต้แบรนด์ตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์

ที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการร้านค้าดิจิทัลชุมชน ได้ติดตั้งระบบบริหารร้านค้าปลีก (Point of Sale : POS) ในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในชุมชนผ่านการขายสินค้าในรูปแบบออนไลน์ เพื่อศักยภาพในการบริหารจัดการร้านค้าชุมชน และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลและยังขาดความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์

“สิ่งที่จะต้องคำนึงถึง หลัก ๆ คือ การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์นั้น ผู้ซื้อไม่ได้เห็นสินค้าจริง ดังนั้น การนำเสนอสินค้าบนเว็บไซต์ให้น่าสนใจจึงมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งการถ่ายภาพ การเขียนรายละเอียดสินค้าและการเล่าเรื่องราว ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้ในการผลิต และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ผลิตสินค้าชุมชนในพื้นที่ทราบช่องทางการกระจายสินค้าออนไลน์เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจชุมชน และต่อยอดให้พื้นที่ข้างเคียงสามารถร่วมกระจายสินค้าได้ด้วย จะทำให้สามารถสร้างระบบการขายสินค้าออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนได้ สุดท้ายคือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้าของชุมชนให้มีความน่าสนใจ เพื่อเป็นการดึงดูดผู้บริโภคให้ซื้อสินค้า” นายพุทธิพงษ์กล่าว

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ ยังเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ดิจิทัลชุมชนบ้านหนองขุย ต.หนองสาหร่าย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ศูนย์ดิจิทัลชุมชนบ้านหนองขุย ตั้งอยู่อาคารศูนย์เรียนรู้ชุมชน มีสินค้าชุมชนที่โดดเด่น คือ ตะกร้าสาน ไม้กวาด น้ำยาล้างจาน น้ำหมักชีวภาพ ขนมเบเกอรี่ ขนมทองม้วน ข้าวสาร พริกแกง น้ำดื่ม และขนมนางเล็ด ผลการดำเนินงานของศูนย์ดิจิทัลชุมชน ได้ร่วมกับผู้นำชุมชน ส่งเสริมข้อมูลเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตเบื้องต้น เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การใช้งานเฟซบุ๊กเพื่อสร้างเพจสำหรับการประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ การสร้างอีเมล การลงข้อมูลในยูทูบ ให้กับเยาวชนทุกหมู่บ้าน และร่วมมือกับอำเภอพนมทวนในการจัดกิจกรรมอบรมเรื่องการใช้ประโยชน์เน็ตประชารัฐ ให้ความรู้ด้าน ICT การค้นคว้าข้อมูลด้านการเกษตร และการตลาด

ทั้งนี้ รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ ยังได้ร่วมพูดคุยกับคณะเจ้าหน้าที่ดูแลศูนย์ และชาวบ้าน พร้อมให้กำลังใจในการทำงานและขอให้ยังคงทำงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อไป โดยกระทรวงฯ มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการเรียนรู้ ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลระหว่างเมืองและชนบท สร้างช่องทางการเข้าถึงเทคโนโลยีสร้างแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้กับประชาชนในสถานที่ต่างๆ  ส่วนหนึ่งของการทำงานตามนโยบายดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งรัดสร้างความพร้อมให้ภาคประชาชน โดยปรับเปลี่ยนบทบาทของศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน ที่จัดตั้งขึ้นกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ จากการสร้างโอกาส มาเป็นการเพิ่มคุณค่า ภายใต้ชื่อ “ศูนย์ดิจิทัลชุมชน” เพื่อเป็นช่องทางการรับบริการภาครัฐทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย และส่งเสริมการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ

“จุรินทร์”ลุยพบเกษตรกรกาญจนบุรีดันซื้อรถเกี่ยวอ้อยเข้าครม.

People Unity News : “จุรินทร์”ลุยพบเกษตรกรกาญจนบุรี ลั่นเดินหน้าประกันรายได้ช่วยเกษตรกรตามสัญญา  ดันซื้อรถเกี่ยวอ้อยเข้าครม.

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรมการค้าภายใน และ กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับนายฉัตรพันธุ์ เดชกิจสุนทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี อดีต ส.ส.กาญจนบุรี ตามโครงการสัมนาเสริมสร้างความรู้และประชาสัมพันธ์ชี้แจง มาตรการประกันรายได้เกษตรกร โดยนายจุรินทร์ ได้ชี้แจงการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐบาล ทั้งข้าว ปาล์ม ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยจังหวัดกาญจนบุรีมีทั้งผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการในพืช 2 ชนิดเป็นหลัก คือ มันสำปะหลัง และ ข้าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า โดยล่าสุดวันนี้ (11พย.2562) เพิ่งอนุมัติในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง คือจะประกันรายได้ผลผลิตหัวมันสำปะหลังสด เชื้อแป้ง 25% ในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ กก.ละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เกษตรกรจะได้เงินทั้งกระเป๋าซ้ายและกระเป๋าขวา คือการขายปกติตามราคาตลาดแล้วได้ส่วนต่างจากราคาที่ประกันรายได้ไว้นั้นเข้ากระเป๋าอีกข้าง โดยจะนำเข้าครม.วันพรุ่งนี้ในการประชุมครม.สัญจรที่จ.กาญจนบุรี

“นี่ไม่ถึง 100 วันเลยครับ เพิ่งมาร่วมรัฐบาลทำงานเต็มที่เดินหน้านโยบายที่ตัดสินใจมาและนายกฯพลเอกประยุทธ์อนุมัติในครม.ก็จ่ายกันเลยครับ เช่นกันกับนโยบายประกันรายได้พืชชนิดอื่นๆ ซึ่งปาล์มน้ำมันจ่ายไปแล้ว ยางพาราจ่ายแล้วและดำเนินการต่อเนื่องอยู่ วันนี้มันสำปะหลัง และจะเป็นข้าวโพดในครั้งต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว พร้อมรับเสียงปรบมือเกรียวกราว จากเกษตรกร

นอกจากนั้น นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงนโยบายสำหรับชาวไร่อ้อยในการอนุญาตให้นำเข้ารถยนต์มือสองเฉพาะรถยนต์เพื่อทำการเกษตร เพื่อบรรเทาภาระในการซื้อรถเกี่ยวอ้อยของพี่น้องชาวไร่อ้อย ที่ต้องซื้อรถเกี่ยวอ้อยมือหนึ่งที่ราคา 10 ล้านบาท ให้เหลือเพียง 3 ล้านบาทสำหรับรถเกี่ยวอ้อยมือสอง ซึ่งจะช่วยลดภาระเกษตรกรข้าวไร่อ้อยกว่าสามเท่า โดยเรื่องนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.พรุ่งนี้และหากครม.เห็นชอบจะลงนามในประกาศกระทรวงพาณิชย์เพื่ออนุญาตให้นำเข้ารถยนต์เพื่อการเกษตรมือสองได้ทันที

ฉุนถูกเปรียบเป็นสุนัข! “สิระ”จ่อฟ้อง “เทพไท” หมิ่นเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน

People Unity News : “สิระ”จ่อฟ้อง “เทพไท” หมิ่นประมาทศุกร์นี้ หลังถูกเปรียบเป็นหมา เรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน เอาไปพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ถูกส.ส.ทอดทิ้ง 

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าในวันศุกร์ ที่ 15 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00 น. จะไปฟ้องนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหาหมิ่นประมาท ที่ศาลแขวงดอนเมือง จากกรณีกล่าวพาดพิงและเปรียบเทียบว่า “ถ้าเล่นกับหมา หมาจะเลียปาก จึงไม่ยอมเล่นกับหมาอีกต่อไป” ซึ่งเป็นคำกล่าว ที่ทำให้ตนได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ดูแคลน อีกทั้งยังสะท้อนด้วยว่า นายเทพไทไม่เคยเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมเดิม ๆ ที่กล่าวหาคนอื่นแบบคะนองปาก จนกระทั่งเกือบติดคุก กรณีโจมตีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องว. 5 โฟร์ซีซั่น ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้จำคุก 1 ปีปรับ 50,000 บาท เมื่อถึงชั้นศาลฎีกา ก็มีการขอเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ถอนฟ้องแลกกับการขอขมา จึงรอดคุกมาได้

นายสิระ กล่าวด้วยว่า แม้ตนจะเป็นส.ส.สมัยแรก แต่ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ทั้งประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่ รวมถึงทั่วประเทศไทยที่ได้รับความเดือดร้อนนำเรื่องมาร้องเรียนก็ไม่เคยนิ่งเฉยช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทุกกรณี แตกต่างจากนายเทพไท ที่ยกตัวว่าเป็นส.ส.หลายสมัย ถ้าไปถามคนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เขายังคิดไม่ออกว่า นายเทพไททำอะไรให้กับจังหวัดบ้าง ส่วนที่อ้างการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ก็มีแต่การตีฝีปาก เพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น

“ส.ส.สมัยแรกอย่างผม เป็นคนจริงพูดคำไหนคำนั้น เมื่อฟ้องแล้วจะไม่มีการยอมความ โดยจะเรียกค่าเสียหาย 5 ล้าน เพื่อนำเงินไปพัฒนา จังหวัดนครศรีธรรมราช” นายสิระ กล่าว

ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก! “ช่อ”แจงแล้วบริจาคพรรคเงินครอบครัว

People Unity News : ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก! “ช่อ”แจงแล้วบริจาคพรรคเงินครอบครัว พ้อไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก ยังมีคนคบอยู่ และครอบครัวไม่ได้เดือนร้อนเรื่องเงิน พร้อมให้ตรวจสอบกรณีถูกตั้งคำถามนำเงินนายทุนมาบริจาค ยันแคมเปญอยู่ไม่เป็น ไม่ใช่ม็อบกดดันศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนตัดสินสถานะ ส.ส. “ธนาธร”

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ระบุถึงกรณีเหตุคนร้ายยิงจุดตรวจของชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ตำบลลำพะยา อ.เมืองยะลา เสียชีวิต 15 คนว่า เป็นเหตุการณ์ความสูญเสียรุนแรง เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในพื้นที่ซึ่งเมื่อไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และพรรคอนาคตใหม่ยังกังวลกรณีปลุกปั่นข่าวสาร ที่ประชาชนได้รับ เป็นการสร้างความหวัดระแวง แตกแยกเกลียดชังภายในพื้นที่ ยกตัวอย่างหนังสือพิมพ์ลงข่าวออนไลน์กรณีเจอที่ผ้าก็อตทำแผลในพื้นที่ แต่ข่าวออกว่าบ้านนี้ให้ความช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ และยังมีข่าวเท็จที่สร้างความตื่นตระหนกและความเกลียดชัง แตกแยก ระหว่างประชาชนในพื้นที่ของข่าวออนไลน์สำนักหนึ่ง ที่มีภาพการ์ตูนล้อเลียนสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ด้วย พร้อมข้อความที่ระบุว่าข่าวไม่ได้บอก ว่าฝ่ายเราตายกี่คน แต่ในภาพมีสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่อยู่ด้วย ที่พยายามสร้างความเข้าใจว่าพรรคการเมืองการสนับสนุนการสร้างความก่อเหตุในพื้น ย้ำพรรคไม่ได้มีปัญหากับการ์ตูนล้อเลียน แต่สร้างความเสียหายร้ายแรง พร้อมชี้ว่า กรณีนี้ล้ำเส้นจรรยาบรรณสื่อไปมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยขอร้องให้หยุดการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์นี้

น.ส. พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ยังแถลงถึงกิจกรรมการปราศรัย “อยู่ ไม่ เป็น” ที่จัดวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ที่เจเจมอลล์ ว่าเพื่อแสดงผลงานความก้าวหน้าในการทำกิจกรรมของพรรค หลังเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยที่สอง ซึ่งไฮไลต์คือการปราศรัยของ ส.ส.พรรค โดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และรองศาสตราจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนาคตใหม่ โดยเขื่อว่าคอนเซป “อยู่ไม่เป็น” จะเป็นสะท้อนความคิดและนำไปสู่การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ที่ดีเอนเอ ชาวอนาคตใหม่จะมีร่วมกัน และจะไม่ทนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้องพร้อมพยายามแก้ไขและส่งต่อสังคมที่ดีกว่า เพราะหากว่าอยู่เป็นก็จะส่งต่อปัญหาแบบเดิมๆ

พร้อมยืนยันงานอยู่ไม่เป็นเป็นงานของพรรคที่แสดงความคืบหน้าของการของพรรค เป็นคนละเรื่องกับกรณีศาล รัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย สถานะความเป็น ส.ส. ของนายธนาธร กรณีการถือครองหุ้นซื้อหรือไม่ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ไม่มีอำนาจใดจะไปกดดันการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหลังจากนั้นไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นยังไง องคาพยพ กิจกรรมของพรรคก็ยังเดินหน้าต่อไป ตามทิศทางเดิม แต่หากคำวินิจฉัยออกมาในทางลบ นายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจยังคงเป็นสถานะหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีเช่นเดิม และยังคงสามารถดำรงตำแหน่งในกรรมาธิการสภาฯได้ พร้อมย้ำว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้มีเพียงหัวหน้าพรรค แต่ยังมี ส.ส.อีก 80 คน และกรรมการบริหารพรรค 20 คน รวมถึงตัวแทนสาขาพรรคประจำจังหวัดทุกจังหวัด และหาก มีการตั้งคำถามถึงผลคำวินิจฉัยนำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่ โฆษกพรรคอนาคตใหม่เชื่อว่าถ้าจะตีความกฎหมายลึกไปถึงขั้นนั้น ก็จะไม่มีจะไม่มีพรรคไหนเลย มี ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร

นอกจากนี้ยังชี้แจงเรื่องเงินบริจาคให้พรรคอนาคตใหม่ 1 ล้านบาทด้วยว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมกลายเป็นประเด็นเพราะ ยังบริจาคตามกฏหมายทุกประการ และเป็นเงินของครอบครัว โดยยังกล่าวถึงที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนเงินบริจาคสวนทางกับเงินที่มีการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.ว่า การแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นของตัวเองคนเดียว แต่ตัวเองยังมีครอบครัว และการเป็น ส.ส.ก็ตลกดี จนรวยมีปัญหา พร้อมรับการตรวจสอบเส้นทางการเงินและชี้แจงได้ เพราะเป็นเงินของคนในคริบครัวที่ร่วมกันบริจาค ซึ่งย้ำด้วยว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลก ยังมีคนคบอยู่ ยอมรับเป็นคนชนชั้นกลางและไม่ได้เดือนร้อน อยู่ในจำนวนที่ครอบครัวบริจาคได้ พร้อมกันนี้ยืนยันรับการตรวจสอบกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่ารับเงินจากนายทุนเพื่อมาบริจาคให้กับพรรคการเมืองเพราะมีเอกสารทำตามกฎหมาย

“หญิงหน่อย”นำคณะลงแขก เกี่ยวข้าวปลอดสารพิษโชว์ ที่ขอนแก่น

People Unity News : “คุณหญิงสุดารัตน์” ลุยขอนแก่น พบชาวนา ถูกเอาเปรียบ ไร้การเหลียวแล จากภาครัฐ ชวนชาวนาชะลอการขายข้าวเพื่อเพิ่มราคา เรียกร้องรัฐดูแลทันที ก่อนข้าวจะอยู่ในมือพ่อค้า  

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่น สอบถามปัญหาราคาข้าวจากเกษตรกร โดยพบว่าฤดูกาลผลิตนี้ ข้าวสารและข้าวเหนียวขาดตลาด เกษตรกร ควรได้ราคาดี เพราะต้องประสบปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ทำให้ผลผลิตมีน้อย แต่ปรากฏว่าปัจจุบันชาวนากลับถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยไม่มีมาตรการของภาครัฐออกมาช่วยเหลือ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิคุณภาพดีที่สุดของโลก ซึ่งปลูกในพื้นที่ภาคอีสาน ขายได้เพียงกิโลกรัมละ ประมาณ 12 บาทเท่านั้น

ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ในห้วงของการเก็บเกี่ยวรัฐบาลต้องเข้ามาดูแล ตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ไม่ใช่ไปดูแลในช่วงปลายเดือนหรือต้นเดือน ธันวาคม ซึ่งข้าวจะอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางแล้ว โดยเฉพาะข้าวเปลือกจะถูกขาย และเปลี่ยนมือจากชาวนาไปอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง อยู่กับโรงสี ราคาจึงปรับตัวสูงขึ้นไปที่ประมาณกิโลกรัมละ20-25บาท ซึ่งพี่น้องชาวนาไม่ได้รับประโยชน์ ดังนั้นรัฐต้องมีมาตรการออกมาช่วย ชะลอการขายข้าวทันที และในขณะที่ชาวนาถูก กดราคา ขายข้าวได้ราคาไม่เป็นธรรม กลับยังไม่เห็นมาตรการ รวมถึงความช่วยเหลือใดๆจากรัฐบาล อย่างเป็นรูปธรรม

คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยพยายามช่วยเหลือเท่าที่ทำได้โดยเฉพาะการหาช่องทางจัดจำหน่าย พร้อมสื่อสารไปถึงพี่น้องเกษตรกรว่า อย่าเพิ่งรีบขายข้าว ให้เก็บไว้รอราคาที่เหมาะสม จึงทยอยขาย ดังนั้นหากรัฐจริงใจจะช่วยเหลือเกษตรกรต้องช่วยในช่วงเวลานี้ ก่อนที่ข้าวจะไปอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง

ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ ตำบลบ้านโต้น อำเภอ พระยืน จังหวัดขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมคณะส.ส. อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายบัลลังก์ อรรณนพพร นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายพงศกร อรรณนพพร นายอดิศร เพียงเกษ นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายสุรชัย เบ้าจรรยา ร่วมลงพื้นที่

คุณหญิงสุดารัตน์ ได้พบปะกลุ่มเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรอินทรีย์ ให้กำลังใจในการประกอบอาชีพ เยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ข้าวปลอดสารพิษ รวมถึงแนะนำวิธีการปลูกและขายข้าวอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและได้ราคาอย่างเหมาะสม จากนั้นได้ร่วมกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวกับเกษตรกร ด้วยรอยยิ้ม สร้างความอบอุ่นให้กับพี่น้องเกษตรกร ถือเป็นการรักษาวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของไทย โดยเฉพาะเป็นการสืบสาน สิ่งที่พี่น้องชาวนาได้ถือปฏิบัติมาช้านาน กิจกรรมดังกล่าว ถือเป็นการเปิดศักราช ฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเป็นหนึ่งใน ความต่อเนื่อง จากโครงการ”ข้าวสานธรรม” ที่ดำเนินการมาทุกปีด้วย

“ทรงศักดิ์”ตรวจเยี่ยมภารกิจกรมโยธาธิการและผังเมืองกาญจนบุรี

People Unity News : “ทรงศักดิ์”รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยมภารกิจกรมโยธาธิการและผังเมือง ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.3) พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยม “โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 2) บริเวณหลังโรงพยาบาลมะการักษ์ถึงวัดดงสัก หมู่ที่ 3 – หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี”ดำเนินงานโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมทั้งได้พบปะประชาชน “ชุมชนริมน้ำ” บริเวณหลังวัดท่าเรือ อำเภอท่ามะกา เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ โดยมี นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมด้วยนายประหยัด ตะคอนรัมย์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ ร่วมต้อนรับและบรรยายสรุปโครงการ

นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) มีภารกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำภายในประเทศ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็นพื้นที่ประสบปัญหาการกัดเซาะและพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลองอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาและความเสียหายที่เกิดขึ้น จึงมอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าวในพื้นที่ริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 2) บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลมะการักษ์ถึงวัดดงสัก หมู่ที่ 3 – หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี

ด้วยพื้นที่ตำบลท่ามะกา ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง จากการสำรวจแนวริมตลิ่ง พบว่าบริเวณโค้งน้ำเกิดปัญหาน้ำเซาะจนตลิ่งทรุดตัว และการพังทลายของชั้นดิน อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนและที่พักอาศัย รวมไปถึงถนนเลียบริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการสัญจร ถนนบางจุดมีการทรุดตัว ดังนั้นเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับจัดสรรงบประมาณ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 – 2561 ให้ดำเนินการ “ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลมะการักษ์ ถึงวัดดงสัก หมู่ที่ 3 – หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ความยาว 784 เมตร” และ “โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 2) บริเวณด้านหลังโรงพยาบาลมะการักษ์ ถึงวัดดงสัก หมู่ที่ 3 – หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ความยาว 743 เมตร” ประกอบด้วยงานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งชนิดเขื่อนเรียงหินใหญ่ พื้นทางเท้าและทางจักรยาน ราวกันตก
บ่อพัก ท่อระบายน้ำ พร้อมคันหิน คสล. และคันดินถม ตลอดด้านหลังแนวสันเขื่อน และงานก่อสร้างบันได คสล. จำนวน 2 แห่ง ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 2 โครงการ สามารถช่วยลดความเสียหายและป้องกันการพังทลายของพื้นที่ชุมชนริมแม่น้ำแม่กลองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และในปีงบประมาณ 2563 กรมฯ ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำแม่กลอง (ช่วงที่ 3) หมู่ที่ 3 – หมู่ที่ 4 ตำบลท่ามะกา อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ความยาว 550 เมตร เพื่อกันการกัดเซาะริมตลิ่งอย่างถาวร ซึ่งจะสามารถป้องกันอันตรายที่เกิดจากการพังทลายของตลิ่ง รักษาสภาพแวดล้อมระบบนิเวศของตลิ่งให้คงสภาพเดิม อีกทั้งยังสามารถเสริมสร้างภูมิทัศน์ที่ดีให้กับพื้นที่บริเวณโดยรอบ

“สมศักดิ์”ยันสำนวนคดี “บิลลี่” เสร็จก่อนกำหนด 20 วันแน่

People Unity News : รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ราชบุรีมอบเงินเยียวยาเหยื่อคดีอาญา พร้อมเปิดคลินิกให้ความรู้ปชช. เผยสำนวนคดี “บิลลี่” เสร็จก่อนกำหนด 20 วัน ส่งศาลแล้วขอรอฟังอย่างเป็นทางการ พร้อมให้”รองกรวัชร์”คุมคดีต่อหาก กม. ให้ทำได้

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ที่ปรึกษารมว.ยุตธรรม และคณะได้ลงพื้นที่จ.ราชบุรี เปิดโครงการยุติธรรมสร้างสุข ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2563 โดยนายสมศักดิ์ ได้ปฐากถาพิเศษหัวข้อ “ยุติธรรมเชิงรุก สร้างสุขให้ประชาชน” และมอบเงินเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา จากนั้นได้ไปตรวจเยี่ยม เรือนจำกลางเขาบิน และศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชน เขต 2 อ.เมือง จ.ราชบุรี

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่จ.ราชบุรี ว่า กระทรวงยุติธรรมได้มาพบปะและเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา มอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าทดแทนและค่าเสียหายกับจำเลยในคดีอาญาและผู้ด้อยโอกาสหรือคนจนที่อยากให้ช่วยในเรื่องของคดีความ เช่น การหาทนาย เงินค่าประกันตัว ตลอดจนคนที่ต้องการได้ความรู้ในเรื่องของกฎหมายต่างๆ เราได้เปิดคลีนิกและบูธ ในชื่อ ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข รวมทั้งเรื่องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหลังศาลมีคำสั่งแล้ว มีหลายคดีที่มาไกล่เกลี่ย นอกจากนี้ยังมีการมอบประกาศนียบัตร หลักสูตร อบรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562 จำนวน 100 ราย ซึ่งเราได้รับฟังข้อร้องเรียนและปัญหาต่างๆจากประชาชน และจำนำไปประมวลผลเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขต่อไป

เมื่อถามถึงคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้พาภรรยานายบิลลี่มาร้องเรียน พบปะและพูดคุยและขอร้องให้ช่วยดำเนินการ โดยเฉพาะประเด็นนที่ อยากให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดูแลคดีนี้ต่อไป ตนได้บอกว่า คดีนี้พ.ต.ท.กรวัชร์ ขอเวลา 3 เดือน กำหนดวันสุดท้ายคือ 2 ธ.ค. 2562 และวันนี้ได้ยินว่า สำนวนได้ส่งไปที่ศาลแล้วเมื่อเช้า จึงถือว่า พ.ต.ท.กรวัชร์ ได้ทำงภารกิจจบแล้วตามที่ได้รับปากไว้กับประชาชน ส่วนรายละเอียดของสำนวนตนยังไม่ทราบ ว่าจะมีหมายจับ หมายค้นอย่างไร ขอให้รอฟังคำสังศาลอย่างเป็นทางการ คดีนี้เป็นคดีใหญ่ที่ทุกคนสนใจและรอฟัง ศาลคงใช้เวลาพิจารณาเราไม่ทราบว่าจะเวลาขนาดไหน นอกจากนี้นี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ยังดูแลคดีนี้อยู่ เพราะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในคดีมาตั้งแต่แรก และขณะนี้พ.ต.ท.กรวัชร์ยังมีตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงจะขาดจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในช่วงนี้จึงยังดูแลคดีอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้สบายใจได้

“ผมได้บอกกับภรรยานายบิลลี่ไปว่า หากพ.ต.ท.กรวัชร์ ย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ ถ้ากฎหมายให้สามารถมาดูแลคดีนี้ต่อไปได้ จะดำเนินการให้ แต่ตนไม่แน่ใจว่าตามกฎหมายทำได้หรือไม่ เพราะไปเป็นผู้ตรวจ ต้องพ้นจากกรมไปแล้ว”

เมื่อถามว่า คดีนี้ถือว่าจบก่อนกำหนด นายสมศักดิ์ กล่าว่า ถือว่าเร็วกว่ากำหนดถึง 20 วัน ทำให้เราสามารถตอบคำถามของครอบครัวนายบิลลี่และความห่วงกังวลของผู้คนได้ทั้งหมด ตนต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันทำงานจนประสบผลสำเร็จ ส่วนศาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไปคงต้องรอติดตามกัน เชื่อว่าอีกไม่นานคดีนี้จะได้ข้อยุติ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางคณะผู้เข้าพบ ยังขอให้เร่งรัดกฎหมายอุ้มฆ่า ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสภาแล้ว แต่เขากังวลเพราะได้ยินว่ามีเงื่อนไขของข้อเท็จจริงบางประการที่ต้องปรับปรุงและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ทำให้กลัวว่ากฎหมายจะออกมาล้าช้าเกินไป ตนได้รับปากว่าจะทำให้ประหยัดเวลามากที่สุด ไม่ต้องห่วงว่าจะช้า จะทำให้เร็วที่สุดตามที่กฎหมายจะเอื้ออำนวย ขอให้ไม่ต้องกังวล

ทั้งนี้นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ ในฐานะประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกระเหรี่ยงบ้านโป่ง-บางกลอย เข้าพบยื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์หลังดีเอสไอขอศาลออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวกรวม 4 ราย เพื่อขอให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับผิดชอบสอบสวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อ พร้อมเร่งรัดให้ออกพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปราบการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และออกมาตรการในการคุ้มครองปกป้องนักสิทธิมนุษยชน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนขอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ ขอให้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้พ.ต.ท.กรวัชร์ เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนหรือเป็นผู้รับผิดชอบทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อไป แม้ผู้ที่รับช่วงต่อจะมีความสามารถแต่ไม่เคยทำคดีนี้มาก่อนต้องใช้เวลาศึกษา อาจทำให้คดีเกิดความล่าช้าไม่ต่อเนื่อง, ขอให้นำร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย เข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้เร่งตราเป็นกฎหมายโดยเร็ว และขอให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครองนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยจัดทำข้อมูล white list เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพเคยยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่หลังจากมีการเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่เรื่องก็เงียบหายไปจึงอยากให้เร่งดำเนินการ

นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ว่า ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด เพียงแต่เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลที่สงสัยก็ต้องเปิดโอกาสให้เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

ด้านน.ส.พิณนภา กล่าวว่า ดีใจที่พ.ต.ท.กรวัชร์ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น แต่ชาวบ้านบางกลอยต้องการให้พ.ต.ท.กรวัชร์ทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อจนจบ จึงต้องการให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งให้พ.ต.ท.กรวัชร์ รับผิดชอบคดีดังกล่าวจนกว่าคดีความจะถึงที่สุด สำหรับตนหลังจากทราบว่าผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ ดีเอสไอร้องขอให้ศาลอนุมัติหมายจับก็ไม่ได้ติดใจอะไร อยากให้เขารับสารภาพและออกมาขอโทษสังคม กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เพราะเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใคร หากเกิดกับครอบครัวของผู้ต้องหาเองจะรู้สึกอย่างไร คนที่กล้าทำความผิดก็ควรกล้าออกมายอมรับความผิดที่ตนเองทำ

“อยู่ในหมู่บ้านบางครั้งก็กลัว บางครั้งก็ไม่กลัว เมื่อชาวบ้านถามว่าออกมาเรียกร้องสิทธิให้บิลลี่ไม่กลัวถูกอุ้มหายหรือ ถูกถามแบบนี้ก็รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้คดีมีความคืบหน้าก็ไม่กลัวแล้ว และดีใจที่ดีเอสไอทำให้คดีมีความคืบหน้า แตกต่างจากความรู้เมื่อก่อนที่ไม่มีความหมายอะไรเลย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม” น.ส.พิณนภา กล่าว

“บิ๊กตู่”เผยได้รับรายงานออกหมายจับ”ชัยวัฒน์”แล้ว

ที่ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลั๊ก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขออนุมัติหมายจับกุม นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก รวม 4 ราย คดีฆาตกรรม นายพอละจี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ได้รับรายงานแล้ว เรื่องคดีก็ว่ากันไป”

“ถาวร”หนุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ขายบนเครื่องบินไทย

People Unity News : “ถาวร”ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP จำหน่ายบนเครื่องการบินไทย

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบินของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ กลุ่มหัตถกรรมสแตนเลสบ้านห้วยหวาย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายเจือ ราชสีห์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายกมล หมั่นทำ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายวิทวัส ภักดีสันติสกุล รองอธิบดีกรมท่าอากาศยาน โดยมี นายวิบูรณ์ ชัยประเสริฐ นายอำเภอหนองปรือ กล่าวต้อนรับ นายสุธีรัชต์ ศิริพลานนท์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บกท. และนายอดิวิชญ์ สงศิริ อาจารย์ที่ปรึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้า OTOP กรมพัฒนาชุมชน เป็นผู้บรรยายสรุปผลการดำเนินงาน

นายถาวร กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มรายได้ และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชนให้มีอาชีพเสริม เพิ่มรายได้อย่างกว้างขวาง ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เล็งเห็นว่า บกท. กระทรวงคมนาคมในฐานะสายการบินแห่งชาติ มีศักยภาพที่จะเป็นช่องทางหนึ่งในการประชาสัมพันธ์ การจัดจำหน่าย รวมทั้งเป็นช่องทางให้ชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ของไทยได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เนื่องจาก บกท. ทำการบินปีละประมาณ 70,000 เที่ยวบิน รองรับผู้โดยสารทั่วโลกปีละกว่า 18 ล้านคน มีการจัดทำแคตตาล็อกเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP วางไว้ในทุกเที่ยวบินของ บกท. รวมทั้งสำนักงาน บกท. ทั่วโลก เป็นราย 4 เดือน คาดว่าจะช่วยขยายตลาดให้ผลิตภัณฑ์ OTOP ของไทยได้เป็นอย่างดี จากผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ 2559 จนถึงปัจจุบัน สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบินได้จำนวน 1,107 ผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 273 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการเร่งรัดการพัฒนาเพิ่มศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “เล็ก ดี มีคุณภาพ” เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้จำหน่ายบนเครื่องบินได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ กรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีท่าอากาศยานในกำกับ 28 แห่ง ผู้โดยสารประมาณ 30 ล้านคนต่อปี ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ได้ในอนาคต ทั้งนี้ นอกจากช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แล้ว ทางชุมชนยังต้องการการสนับสนุนด้านการเพิ่มพื้นที่ในการผลิต ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้เทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำมาส่งเสริมการผลิตให้มีศักยภาพมากขึ้นต่อไป

การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ จำนวน 2 ครั้ง มีหน่วยงานภาคีร่วมดำเนินงาน จำนวน 8 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน บกท. กระทรวงคมนาคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดย บกท. ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมพิจารณาผลิตภัณฑ์ OTOP โดยมีกรมการพัฒนาชุมชนเป็นผู้คัดเลือกผู้ผลิตระดับ 5 ดาว ที่มีคุณภาพ สวยงาม แสดงออกถึงเอกลักษณ์ไทย ทั้งนี้ บกท. ได้ส่งผู้แทนที่เชี่ยวชาญร่วมเป็นผู้คัดสรรผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีความหลากหลายจากทุกภาคของประเทศไทย และคาดว่าจะเป็นที่สนใจผู้โดยสารที่เดินทางกับ บกท. ให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP นอกจากนี้ บกท. ยังให้การสนับสนุนพื้นที่เพื่อวางผลิตภัณฑ์ OTOP เพื่อจำหน่ายบนเครื่องบิน สั่งซื้อผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหาร และของใช้ เพื่อให้บริการผู้โดยสารบนเครื่องบินและลูกค้าภาคพื้น สนับสนุนการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบต่าง ๆ สนับสนุนบุคลากรของ บกท. เข้าร่วมกิจกรรมการแสดงนิทรรศการผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ได้รับการคัดเลือกให้จำหน่ายบนเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น บกท. ได้สนับสนุนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใด ๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพิ่มรายได้ให้ชุมชน ผู้ประกอบการ OTOP ยกระดับสู่สาก

สื่อจีนปลื้ม 2 ผู้นำ “มาครง-จุรินทร์” ซีนฮอต กอดเด็กกับป้อนปู

People Unity News : สื่อจีนปลื้ม 2 ผู้นำ “มาครง-จุรินทร์” ได้ใจคนจีนสุดๆ ซีนฮอต กอดเด็กกับป้อนปู หลังร่วมงาน China Expo

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 รายงานข่าวกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า หลังการเข้าร่วมงานที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2562 ในพิธีเปิดงาน CIIE 2019 หรือ China International Import Expo 2019 ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน โดยมีประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานในพิธี และมีตัวแทนทั้งจากภาครัฐและเอกชนจาก 64 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ทำให้จีนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีวีไอพีระดับประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี จาก 23 ประเทศเข้าร่วมในพิธี ไม่นับระดับรัฐมนตรี โดยในจำนวนนั้นมีนายแอมมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสและ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากประเทศไทย ร่วมด้วย

ก่อนพิธีเปิดงาน CIIE 2019 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เดินทางไปถ่ายภาพร่วมกับผู้นำวีไอพีกลุ่มดังกล่าวและหลังพิธีเปิดก็มีรายงานข่าวเผยแพร่เรื่องผู้นำจากบางประเทศได้มีกิจกรรมทั้งในงานและในเมืองเซียงไฮ้ โดยสื่อจีนหลายสำนัก เช่น CCTVช่อง4 CCTVช่อง13 และโชเชียลมีเดียของจีนอย่างเว็บ เว่ยป๋อ ได้รายงานกิจกรรมและการสัมภาษณ์ของรองนายกจุรินทร์ ต่อผู้สื่อข่าวของจีน

โดยล่าสุดมีรายงานว่า Shanghai Daily ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษชื่อดังของจีน ได้ลงข่าวเกี่ยวกับงาน CIIE 2019 โดยไฮไลท์ของข่าวระบุว่า มีเพียงผู้นำจาก 2 ประเทศที่เข้าร่วมงานและได้ฝากความประทับใจไว้กับคนจีน ได้แก่ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสซึ่งได้กอดและหอมแก้มเด็กจีนที่เดอะบันด์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำหวงผู่ กับอีกคนคือรองนายกรัฐมนตรี”จุรินทร์” จากประเทศไทย ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภคจีน ขณะเยี่ยมชมซุปเปอร์มาร์เก็ต”เฟรซ ฮิปโป”(เหอหม่า) พร้อมกับได้ live สดให้แฟนเพจผู้ติดตามในประเทศไทยรับทราบ โดยขณะเยี่ยมชมโซนอาหาร นายจุรินทร์ได้ใช้ตะเกียบคีบปู ป้อนให้กับสาวจีนคนหนึ่งที่กำลังทานอาหารอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตดังกล่าวซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามข่าวชาวจีนอย่างมาก จน หนังสือพิมพ์ Shanghai Daily ได้รายงานประเด็นยอดฮิตดังกล่าวและพาดหัวข่าว คนจีนปลื้มผู้นำต่างประเทศที่มาเยือนโดดเด่น 2 คน คือ นายมาครง กับ นายจุรินทร์

Verified by ExactMetrics