วันที่ 27 กรกฎาคม 2024

คนกรุงพอใจผลงาน 2 ปี ‘ชัชชาติ’ ผู้ว่าฯ กทม. 40% ยังจะเลือกให้ทำงานต่อ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 มิถุนายน 2567 นิด้าโพล เผยคนกรุงพอใจผลงาน 2 ปี ‘ชัชชาติ’ ผลสำรวจชี้เกิน 40% ยังจะเลือกทำหน้าที่ต่อ จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ ต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าฯ กทม. “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”

การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ไม่ดีเลย การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ร้อยละ 45.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ดีเลย

การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ร้อยละ 46.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย การสนับสนุนการกีฬา ร้อยละ 41.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ดีมาก

การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่างร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ร้อยละ 46.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ร้อยละ 43.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 22.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี

การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่างร้อยละ 43.35 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.15 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย

การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ร้อยละ 37.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยดี การจัดระเบียบการชุมนุม ร้อยละ 41.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.90 ระบุว่า ไม่ค่อยดี การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ร้อยละ 41.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ร้อยละ 41.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี

Advertisement

นายกฯสั่ง บช.น.คิกออฟตลาดนัดแก้หนี้ทั่วกรุง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 30 พฤษภาคม 2567 ทำเนียบฯ – นายกฯ เรียกถกแก้หนี้นอกระบบ สั่ง บช.น.คิกออฟตลาดนัดแก้หนี้ทั่วกรุง ใน 2 สัปดาห์ รับห่วงปัญหายาเสพติดในชุมชนแออัด ระบาดไม่แพ้ต่างจังหวัด

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายชาดา  ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ปรึกษาของคณะกรรมการแก้ไขหนี้นอกระบบ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย  และสำนักงานตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองเดินทางไปที่ตลาดนัดแก้หนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีการทำอะไรที่เป็นกิจลักษณะ หรือเผยแพร่เป็นวงกว้าง โดยในวันนี้จะถือว่าเป็นการคิกออฟ เพราะปัญหานี้ครัวเรือน หรือปัญหาหนี้นอกระบบ ไม่ได้อยู่แค่ที่ต่างจังหวัดอย่างเดียว แต่ในกรุงเทพฯ ยังมีคนที่เดือดร้อน ซึ่งตอนนี้ต้องมีการประสานงานอย่างชัดเจนระหว่างฝ่ายการปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ตนเองเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข็นครกขึ้นภูเขา แต่เชื่อว่าเป็นสารตั้งต้นของหลาย ๆ อย่าง อะไรที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ถ้าเกิดทำงานใช้หนี้ดอกเบี้ยไม่พอ ก็หันไปพึ่งยาเสพติด และหันไปเป็นขโมย กับโจร จึงเป็นเรื่องที่อยากให้เรากลับมาเน้นย้ำกันใหม่อีกรอบ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันนี้นายกิตติรัตน์ และนายชาดา ก็ทำงานนอกกรุงเทพฯ เยอะแล้ว ทั้งประสานให้มีการพบกันระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ผ่านตลาดนัดแก้หนี้ และนำสถาบันการเงินของรัฐ เข้ามามีส่วนช่วย ซึ่งอยากให้มีการคิกออฟ ในการจัดตลาดนัดทั่วกรุงเทพฯ และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปดูว่าแต่ละจุดจะพร้อมเมื่อไหร่ ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องยาเสพติด และเรื่องพนันออนไลน์

นายกิตติรัตน์ กล่าวรายงานว่า ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยไม่กล้าเข้ามาลงทะเบียน เพราะรู้สึกไม่สบายใจ กังวลว่าจะไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มั่นใจ ถ้าเอาจะชัดเลย คือเรื่องผู้มีอิทธิพล หรือเจ้าหนี้ ซึ่งต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงให้เข้ามาตอกย้ำในส่วนนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เช็ตอัพกัน จากนี้ไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์ น่าจะเช็ตอัพการประชุมตลาดนัดแก้หนี้ในสถานีตำรวจทั้งหลายได้ และตนเองจะไปตรวจด้วย ซึ่งดูตามความเหมาะสมว่าจะจัดที่สถานีตำรวจ หรือสำนักงานเขต

ส่วนปัญหาเรื่องออนไลน์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ไปตรวจเยี่ยมที่ สน. พบว่าส่วนมากเข้ามาแจ้งความเรื่องการหลอกลวงออนไลน์ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์   ซึ่งมีคนเดือดร้อนเยอะมาก จะทำอย่างไรเพื่อเป็นการประสานเร่งรัดกับปัญหานี้ให้หมดไปโดยเร็ว ไม่ใช่ไปแจ้งความ ลงบันทึกประจำวัน แล้วปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการไม่มีความคืบหน้า

ในเรื่องของยาเสพติดถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ วันนี้การดำเนินการสามาถจับกุมทั้งประเทศได้ 4 เท่า ถือเป็นข่าวดีแต่ถ้ามองในส่วนที่เป็นข่าวไม่ดีคือราคาของยาบ้าไม่ขึ้นเลย ซึ่งหมายความว่าปริมาณยังคงอยู่ แม้จะจับได้มากกว่าเดิมสี่เท่า แต่ก็ยังมีความต้องการอยู่เหมือนกับว่าเรายังไม่ทำอะไรที่เป็นรูปธรรม ถ้าราคาของยาบ้าสูงขึ้นเยอะแสดงว่าเราทำงานได้ดี วันนี้แม้เราจะทำงานได้ดีแล้ว แต่มันไม่พอ ไม่อยากให้ฝ่ายความมั่นคงเสียกำลังใจ แต่ไม่อยากให้ดูจำนวนที่จับได้ อยากให้ดูที่ราคาที่ยังไม่สูงขึ้น

“ผมอยากจะขอให้เจ้าหน้าที่ให้เข้มแข็งมากขึ้นอีกนิดนึง ขอให้ไปโฟกัสที่ชุมชนแออัด เพราะเป็นภาคส่วนที่เดือดร้อนมาก ขอฝากด้วย เชื่อว่าการที่ทำทุกอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ทั้งการแก้ปัญหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของปัญหาผู้มีรายได้น้อย ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอทำให้หมดขวัญและกำลังใจ หันไปเสพยา ปล้น ขโมย เรื่องนี้จึงต้องฝากกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความมั่นคงทำงานให้มากขึ้น แม้ตอนนี้เราจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจก็ดี แต่เราส่วนของฝ่ายความมั่นคงก็ต้องทำงานให้เร็ว ฝากด้วยแล้วกันนะครับ” นายกฯ ระบุ

Advertisement

“เศรษฐา” แจงความเห็นที่แตกต่างกันกับ “วิษณุ” เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 พฤษภาคม 2567 นายกฯ มั่นใจทำงานร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ ความไม่เห็นด้วย เป็นแค่บางประเด็น เป็นเรื่องของความไม่ใช่เรื่องของคนสามารถทำงานร่วมกันได้

วันนี้ (29 พฤษภาคม 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเดินทางกลับจากการเข้าร่วมงาน UBS AIC 2024 ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง

นายกรัฐมนตรีตอบคำถามเกี่ยวกับความเห็นกฤษฎีกา กรณีการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ข้าราชการตำรวจ (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.) ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ โดยขอใช้คำว่ายังไม่สมบูรณ์ เชื่อว่าหากเป็นการทักท้วงมาต้องรับฟัง และให้ดำเนินการต่อไป อย่างรอบคอบ ดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้อง ทั้งนี้ นายกกล่าวว่ากังวลใจต่อทุกเรื่อง เนื่องจากต้องการทำให้ถูกต้อง และแต่ละเรื่องมีรายละเอียดปลีกย่อย มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับฟังความคิดเห็นให้ครบถ้วน และมีลำดับขั้นตอนก่อนหลัง

ส่วนกรณีการแต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะส่วนตัวมีความเห็นที่แตกต่างกันบ้าง และมีความชื่นชมในตัวของนายวิษณุหลายเรื่อง  ซึ่งอาจจะไม่เห็นด้วยบางเรื่องเหมือนกับการดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม ในครอบครัว สิ่งที่มีความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องของความ ไม่ใช่เรื่องของคน  และถือว่าเป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย นายวิษณุเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเชื่อว่าสามารถสื่อสารกันได้ ทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติได้

ทั้งนี้ ในส่วนหน้าที่ของนายวิษณุขอดูที่ตัวเอกสารอีกครั้งโดยเป็นการแต่งตั้งเพื่อให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีมีงานในอำนาจหน้าที่หลากหลายเรื่อง ไม่ได้เป็นการแต่งตั้งเพื่อนำมาช่วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

กรณี ดำเนินคดีนายทักษิณฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าให้ความเคารพต่อศาลยุติธรรมในเรื่องของรายละเอียด ขอให้เคารพระบบตุลาการ ซึ่งอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง ส่วนการลงพื้นที่ร่วมกัน ยังไม่เคยมีการพูดคุยว่าจะลงพื้นที่พร้อมกัน และไม่ทราบว่ามีความประสงค์ว่าจะลงพื้นที่หรือไม่ ไม่เคยมีการพูดคุยกันเรื่องนี้ และได้ตอบคำถามเกี่ยวกับการกระทบภาพลักษณ์หรือไม่อย่างไร นายกรัฐมนตรีได้ตอบว่าในส่วนของรัฐบาลมีการแยกแยะการทำงานอย่างชัดเจน

Advertisment

นายกฯ เผย ไม่อยากอ้างเรื่องงบประมาณ หลังผลโพลระบุคะแนนนิยมยังตามหลังก้าวไกล

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 พฤษภาคม 2567 ​นายกฯ ชี้ เคารพผลโพลสำรวจความเห็น ปชช. หลังคะแนนนิยมยังตามหลังก้าวไกล บอกไม่อยากอ้างเรื่องงบประมาณ

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 09.40 น. ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ภายหลังเป็นประธานเปิดงาน EARTH JUMP 2024 : The EDGE of Action และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน EARTH JUMP 2024 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีผลโพลของสถาบันพระปกเกล้าสำรวจความเห็นประชาชนที่ความนิยมทั้งของพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีต่ำกว่าพรรคก้าวไกล จะต้องมีการเร่งโปรโมทหรือไม่เนื่องจากจะครบ 1 ปีแล้วแต่คะแนนนิยมยังตามพรรคก้าวไกลอยู่ ว่า เรื่องนี้เป็นการสะท้อนความเห็นของประชาชน เราต้องให้ความเคารพกับข้อมูลที่ได้มา อย่างที่บอกว่าไม่อยากอ้างเรื่องงบประมาณที่เพิ่งได้นำออกมาใช้ ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

Advertisment

“เศรษฐา” ยอมรับ ไปพบ “วิษณุ” ที่บ้าน ปรึกษาข้อกฎหมาย เชื่อ 15 วัน รวบรวมข้อมูลเพียงพอ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 พฤษภาคม 2567 นายกฯ เผย พบ “วิษณุ” ที่บ้าน ปรึกษาข้อกฎหมาย มั่นใจชี้แจงศาล รธน. ได้ เชื่อ 15 วัน รวบรวมข้อมูลเพียงพอ

วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) เวลา 09.40 น. ณ สามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ภายหลังเป็นประธานเปิดงาน EARTH JUMP 2024 : The EDGE of Action และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน EARTH JUMP 2024 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงยอมรับว่า ได้ไปพบ นายวิษณุ เครืองาม ที่บ้านเมื่อวานนี้ (26 พ.ค.)  แต่ไม่ได้เชิญมาพูดคุย และเรื่องที่คุยขอรู้กันเพียงสองคน ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ขณะนี้รายละเอียดยังไม่เสร็จ แต่มั่นใจว่าชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญได้ และ 15 วันเพียงพอ ส่วนตัวไม่ขอตอบว่าไม่กังวล เพราะกังวลทุกเรื่อง

Advertisment

นายกฯเชื่อมั่นผลงานจะสำเร็จ บางผลงานสำเร็จแล้ว ไม่ยาวนานเท่าสร้างกรุงโรม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 พฤษภาคม 2567 นายกตอบคำถามเกี่ยวกับการเมือง เชื่อมั่นผลงานจะสำเร็จ และมีบางผลงานสำเร็จแล้วไม่ยาวนานเท่ากับการสร้างกรุงโรม

วันนี้ (21 พฤษภาคม 2567) เวลา 11.20 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโรม ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 5 ชั่วโมง) ณ โรงแรม Six Senses นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสุภาษิต Rome wasn’t built in one day แต่เชื่อว่าผลงานจะไม่ยาวนานแบบการสร้างกรุงโรม หลาย ๆ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้ไปติดต่อ พูดคุยมา ก็อยากให้สำเร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ หลาย ๆ เรื่องก็ทำต่อมาจากรัฐบาลที่แล้ว นำมาสานต่อ และทำเพิ่ม ซึ่งหลาย ๆ เรื่องก็สามารถทำได้ทันที แต่บางเรื่องก็ต้องมีการรอบ้าง เป็นธรรมดา การจะลงทุนเป็นจำนวนมาก ต้องให้ความสำคัญในเรื่องความรอบคอบ ดูหลาย ๆ มิติ นายกรัฐมนตรีมีการติดตาม ผลักดันเต็มที่ ถ้าตรงไหนทำได้ทำก่อน แต่เรื่องลงทุนเป็นหมื่นล้านก็อาจต้องรอก่อน ตอนนี้ก็เริ่มเห็นบ้างแล้ว เช่น Microsoft ประกาศว่าจะลงทุน ต่อไปก็จะบอกว่าลงทุนเท่าไร AWS ก็เริ่มลงทุนแล้ว หลาย ๆ บริษัทก็จะมีการลงทุนกันอย่างสูงต่อไป ยืนยันได้ทำทุกอย่างครบแล้วตามที่ตั้งใจไว้ เรื่องของผล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีความทะเยอทะยาน อยากได้เยอะเช่น อยากให้เขามาสร้างโรงงานผลิต เขาก็ต้องดูจำนวนก่อน หรือเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท Leonardo ปัจจุบันมี 30 เครื่อง ถ้าถึงจุด ๆ หนึ่ง เขาถึงจะมาสร้าง Regional Training Center ได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีก็เสนอให้มาสร้าง Regional Office ก่อน

สำหรับประเด็นนายพิชิต ชื่นบาน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบฝ่ายบริหาร ต้องน้อมรับคำติชม กระบวนการของฝ่ายตุลาการหรือฝ่ายนิติบัญญัติที่ตรวจสอบ สำหรับนายพิชิต ชื่นบาน เพิ่งยื่นลาออกเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งคุณพิชิตเป็นผู้ที่เห็นแก่บ้านเมืองเป็นหลัก อยากให้คณะรัฐมนตรีเดินไปข้างหน้า เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง เมื่อวานสภาพัฒน์เพิ่งแถลงตัวเลข GDP 1.5 ซึ่งมีการพูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ ซึ่งท่านบอกว่าภาคบริการ หรือการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลทำมาตลอดมีการเติบโต double-digit ถ้าไม่มีภาคบริการมาช่วย เราจะตกไปอยู่ใน technical recession ซึ่งหลาย ๆ เรื่องเราต้องเดินหน้าต่อไป เข้าใจว่าคุณพิชิต อยากให้รัฐบาลเดินหน้าได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย ซึ่งขอขอบคุณคุณพิชิตใน spirit ที่แสดงออกมา เดี๋ยวจะโทรไปให้กำลังใจท่าน และขอคุยกับท่านก่อน

สำหรับประเด็นกรณีครบกำหนดเวลา 60 วันที่โยกย้าย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ซึ่งนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ได้ทำหนังสือแจ้งขอขยายเวลาเพิ่มเติมมา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คงต้องดำเนินการต่อไป เพื่อให้การพิจารณารอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย อยากให้พิจารณาสอบสวน ไตร่ตรองให้ถูกต้อง หากตัดสินใจอะไรไปแล้ว เกรงว่าจะไม่ยุติธรรมกับทั้งสองฝ่าย

Advertisement

วันแรก มีผู้สนใจขอรับใบสมัคร สว. 1,933 คน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 พฤษภาคม 2567 วันแรก มีผู้สนใจขอรับใบสมัคร สว. 1,933 คน

กกต. – วานนี้ 10 พ.ค.เป็นวันแรก ที่สำนักงาน กกต.เปิดให้ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) สามารถขอรับใบสมัครได้ โดยต้องไปติดต่อขอรับใบสมัคร (สว. 2) พร้อมแบบข้อมูลแนะนำตัว (สว.3) และแบบหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว.4) ด้วยตนเอง จากนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น สำหรับกรุงเทพมหานครหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต โดยมีรายงานว่า มีผู้สนใจมารับใบสมัคร สว. วันแรก จำนวน 1,933 คน

สำหรับผู้ที่จะขอรับใบสมัคร ติดต่อขอรับเอกสารการสมัครจากนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นสำหรับกรุงเทพมหานคร

Advertisement

กกต. แจ้ง ผู้ประสงค์สมัคร สว. ขอรับใบสมัครได้ตั้งแต่ 10 พ.ค.นี้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 พฤษภาคม 2567 กกต. แจ้งผู้ประสงค์สมัครรับเลือกเป็น สว. ขอรับใบสมัครได้ตั้งแต่ 10 พ.ค.นี้ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งว่าผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา สามารถขอรับใบสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.2567 เป็นต้นไป โดยต้องไปติดต่อขอรับใบสมัคร หรือ ใบ สว. 2 พร้อมแบบข้อมูลแนะนำตัว หรือ ใบ สว. 3 และแบบหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในกลุ่มที่สมัครด้วยตนเอง จากนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขต โดยต้องแสดงหลักฐานแสดงตนอย่างใดอย่างหนึ่ง ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน หรือ บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร หรือ หลักฐานภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันของหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์

การที่กำหนดให้ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือกเป็น สว. ต้องติดต่อรับเอกสารการสมัครจากนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นสำหรับกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ข้อมูลผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อมูลในส่วนที่สำคัญมีความถูกต้อง ตลอดจนเพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการรับสมัคร เนื่องจากต้องมีการจัดเก็บข้อมูลของผู้สมัครไว้ในระบบบริหารจัดการเลือก โดยเอกสารที่นายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น มอบให้ผู้ประสงค์จะสมัครรับเลือก ได้แก่ 1. แบบใบสมัคร (สว. 2) 2. แบบข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว. 3) 3. แบบหนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว. 4) และ4. คู่มือสำหรับผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา

Advertisement

นายกฯ ขอ สธ. แก้กฎกระทรวง ยาบ้า 1 เม็ดก็ผิด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 พฤษภาคม 2567 ทำเนียบ – นายกฯ เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สางปัญหายาเสพติด ขอ สธ. แก้ไขกฎกระทรวง กําหนดปริมาณครอบครองเพื่อเสพ เป็น 1 เม็ด แทนปริมาณเล็กน้อย ชี้ต้องทำงานหนักขึ้น ขีดเส้นคืบหน้าภายใน 90 วัน ฝากตำรวจแจง “จะมีกี่เม็ด ก็ผิด” หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ ถูกแจ้งข้อหา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือภายในห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และหน่วยงานความมั่นคง

โดยนายสมศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมว่า เสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปพูดคุยกับประธานศาลฎีกา เพื่อให้ศาลเป็นผู้กำหนดในคำพิพากษาให้ชัดเจน ว่า จะต้องมีคำสั่งให้ต้อง “บำบัด” ซึ่งหากไม่มีคำสั่งบำบัด แล้วกระทำผิดซ้ำ ถูกจับอีกครั้ง ก็จะต้องถูกจำคุก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นด้วยที่จะมีการกำหนดให้ชัดเจน แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือผู้ที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วกว่า 3 แสนคดี จะต้องทำอย่างไร เช่น อาจใช้วิธีการคุมประพฤติ ให้กรมคุมประพฤติส่งหนังสือไปยังศาล เพื่อขอให้มีคำสั่งนำตัวไปบำบัด ส่งต่อให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยดูเเล 45 วัน ก็เชื่อว่าจะเห็นผล

นายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า ขอให้นายสมศักดิ์ และพันตำรวจเอกทวี ไปคุยกับประธานศาลฎีกาให้เรียบร้อย พร้อมเเนะว่า ให้ใช้สถานที่ราชการ หรือ ค่ายทหาร เป็นสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยอาจนำร่องในค่ายทหารสักหนึ่งแห่ง และให้คณะกรรมการบำบัดยาเสพติดเข้าไปดูแลด้วย และเมื่อไปแล้ว 3-6 เดือน ได้ผลอย่างไร ก็จะนำไปเป็นตัวอย่างให้กับค่ายทหารอื่น

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการสอบถามถึงความพร้อมของกระทรวงสาธารณสุข ในการรองรับผู้ติดยาเสพติด จำนวนกว่า 2 แสนคน ที่กระทรวงยุติธรรมจะต้องส่งต่อไปให้ดูแลประมาน 45 วัน ในอีก 4 เดือนข้างหน้า

โดยนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรักษาผู้ติดยาเสพติดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยประเภทเเรก คือการรักษาทางการแพทย์ โดยมีแพทย์เป็นผู้ดูแล ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยจิตเวช จะถูกส่งไปอยู่ในชุมชน ซึ่งได้รับการดูแลร่วมกับฝ่ายปกครอง ดังนั้น ในส่วนของกระทรวงจึงไม่มีความกังวล และรับประกันว่าจะดูแลอย่างเต็มที่

ขณะที่นายอนุทิน เห็นด้วย เพราะเคยมีการนำร่องใช้ค่ายทหารเป็นสถานที่รักษาพยาบาลในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 มาแล้ว ดังนั้นเห็นควรที่จะใช้โมเดลนี้ มาใช้กับการบำบัดผู้ติดยาเสพติด และเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขมีศักยภาพ ทำโรงพยาบาลสนาม และอุปกรณ์มีความพร้อม

ด้านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่าปัญหายาเสพติดถือว่ามีความสำคัญ ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขเพราะเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติ เยาวชน ติดยาเสพติดจำนวนมาก ขอให้ทุกคนทำงานให้หนักขึ้นทั้งการปราบปราม ยึดทรัพย์ และบำบัดให้ทั่วถึง ขอให้มีความคืบหน้าให้ชัดเจนภายใน 90 วัน

ในช่วงท้ายของการประชุมนายอนุทิน ได้ข้อหารือ นายกรัฐมนตรี หลังรับทราบปัญหา ขบวนการขนย้ายยาเสพติด ไม่ได้พบแค่เพียงบริเวณแนวชายแดนเท่านั้น จึงต้องการที่จะต้องมีเครื่องสแกนยาเสพติดขนาดใหญ่ ขณะที่รถขับผ่าน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ เวลาที่รถขับผ่านจะได้ตรวจได้เลย ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการสะท้อนปัญหาจากในพื้นที่ ทำให้นายสมศักดิ์ ได้กล่าวว่า สำหรับการจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ปปง.มีเส้นทางการเงิน ที่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องขอให้ ปปง. ช่วยในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีจึงได้เน้นย้ำ ให้ มีการตรวจสอบและรายงานความคืบหน้ากลับมา เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “ปัญหายาเสพติดคือวาระแห่งชาติที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้ยาเสพติดหมดไปให้ได้ และภายใน 90 วันต้องเห็นผลชัดเจนครับ

ในเรื่องการปราบปราม ขอให้กระทรวงยุติธรรม ปปส. และตํารวจ ร่วมกันตรวจ จับ ปราบปราม ยึดทรัพย์ให้มากขึ้นอีก ทั้งรายใหญ่ รายย่อย และเพื่อความชัดเจนในการบังคับใช้กฎหมาย แยกผู้เสพจากผู้ค้า ผมได้ขอกระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฏกระทรวง กําหนดปริมาณที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เป็น 1 เม็ด แทนการระบุว่า ปริมาณเล็กน้อย

ฝากทางสํานักงานตํารวจแห่งชาติสื่อสารกับผู้ฏิบัติงานให้ชัดเจนว่า “ไม่ว่าจะมีกี่เม็ด ก็ผิด” หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ จะถูกแจ้งข้อหา ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอแรงพนักงานสอบสวนทํางานให้หนักขึ้นเพื่อดูเจตนาอีกครั้งว่าเป็น ผู้เสพ หรือ ผู้ค้า ส่วนเรื่องกัญชา ผมขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึง กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวง อนุญาต ให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น

และในเรื่องการบําบัด ขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ยกระดับประสิทธิภาพงานบําบัดยาเสพติด ทั้งในศูนย์บำบัด ในเรือนจํา และในระบบคุมประพฤติ พร้อมฝากให้ร่วมกันจับผู้ที่หลบหนีการบําบัด หรือบําบัดไม่ผ่านมาดําเนินคดี ยาเสพติดเป็นปัญหาที่บ่อนทําลายอนาคตของชาติ เยาวชนติดกันเต็มไปหมด ทุกคนต้องเร่งทํางาน ต้องปราบปรามยึดทรัพย์ และบําบัดให้ทั่วถึง และผมขอให้มีความคืบหน้าชัดเจนรายงานกลับมาภายใน 90 วันด้วยครับ”

Advertisement

แบ่งงาน รองนายกฯ – รมต.สำนักฯ “จักรพงษ์” คุมสำนักงบฯ ”จิราพร“ คุมสื่อ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 พฤษภาคม 2567 ทำเนียบรัฐบาล – นายกฯ ตั้ง 6 รองนายกฯ รักษาการแทนกรณีไม่อยู่ “พีระพันธุ์” ดูกฤษฎีกา พร้อมแบ่งงาน 3 รมต.สร. “จักรพงษ์” คุมสำนักงบฯ ”จิราพร“ คุมสื่อ

นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มอบหมายงานให้รองนายกฯรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง โดยมีคำสั่งนายกรัฐมนตรี ดังนี้ กรณีที่นายกรัฐมนตรี ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ มีรักษาการนายกรัฐมนตรีลำดับดังต่อไปนี้  1.นายภูมิธรรม เวชยชัย 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นายพิชัย ชุนหวชิร 4.นายอนุทิน ชาญวีรกูล 5.พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ 6.นายพีระพันธุ์ สาลีรีรัฐวิภาค

“ระหว่างรักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จะสั่งการใดผู้รักษาราชการแทน จะสั่งการใดที่เกี่ยวกับการบริหาร บริหารงานบุคคล และการอนุมัติเงินงบประมาณ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น มาตรา 41 และ 48” นางรัดเกล้า กล่าว

ด้าน น.ส.เกณิกา อุ่นจิตต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่าง ๆ ว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย กำกับดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กำกับดูแล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

“นายพิชัย ชุนหวชิร กำกับดูแลกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กำกับดูแลกระทรวงการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ  กำกับดูแลกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพีระพันธุ์ สาลีรีรัฐวิภาค  กำกับดูแลกระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา” น.ส.เกณิกา กล่าว

น.ส.เกณิกา กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจักรพงษ์ แสงมณี ได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงบประมาณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานรัฐบาลพัฒนาดิจิทัล นายพิชิต ชื่นบาน  กำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา น.ส.จิราพร สินธุไพร  กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) กองทุนหมู่บ้าน

Advertisement

Verified by ExactMetrics