วันที่ 27 กรกฎาคม 2024

นายกฯ ย้ำผ่านรายการ “คุยกับเศรษฐา” เป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 มิถุนายน 2567 “นายกฯ” ย้ำผ่านรายการ “คุยกับเศรษฐา” เป็นนายกฯ ของคนไทยทั้งประเทศ มีหน้าที่ดูแลคนไทยทุกคน ยึดปัญหาของ ปชช.เป็นสำคัญ เผยจัดรายการฯ ต้องการสื่อสารโดยตรง

วันนี้ (22 มิถุนายน 2567)  นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (22 มิถุนายน 2567) เวลา 08.00 – 08.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายกฯ กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการจัดรายการว่า รัฐบาลปัจจุบัน ทุก ๆ กระทรวง ทบวง กรม รัฐมนตรีทุกคนได้ทำงานกันหนักมาก และยังไม่มีช่องทางที่นอกเหนือจากมีผู้สื่อข่าวมาสัมภาษณ์ ไม่มีช่องทางที่จะสื่อสารถึงพี่น้องประชาชนโดยตรง เพื่ออธิบายให้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรกันไปแล้วบ้าง และแผนงานระยะยาวคืออะไรบ้าง อย่างน้อยก็จะได้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่

นายกฯ กล่าวถึงการทำงานแบบไม่เหน็ดเหนื่อยว่า ถ้าจะบอกว่าไม่เหนื่อยก็คงจะโกหก ตนเองว่านายกรัฐมนตรีทุกท่านก็ทำงานกันหนัก มีทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และเชื่อว่าทุกท่านแบกภาระหนักหน่วงนี้อยู่เยอะ ซึ่งตนเองคงพูดแทนท่านอื่น ๆ ไม่ได้ ถ้าถามตนเองว่าเหนื่อยนอนคืนเดียวก็หาย แต่เราเสนอตัวเข้ามาทำงานทางด้านสาธารณชนแล้ว ถือว่าเรื่องที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เราเหนื่อยเท่าไร ตนเชื่อว่าหลาย ๆ คน ที่อยู่ที่ฐานรากของสังคมเขาเหนื่อยเยอะกว่าเยอะ ชีวิตของตนเองที่ทำมาเกือบสี่สิบปีตลอดระยะเวลาทำงานมา ตนเองยึดมั่นในสองวินัยนี้ คือมีวินัยในการทำงานและทำงานให้หนัก แต่แน่นอนว่าเรื่องของการดูแลสุขภาพ การพักผ่อนให้เพียงพอ พักผ่อนคือเรื่องของการหลับนอนก็ต้องให้เพียงพอ

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคหลัก และเป็นพรรคที่สนับสนุนตนเองมาตลอด ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพรรคพลังประชารัฐ ของพรรคภูมิใจไทย ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าทุกคนคือประชาชนคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บริหารสูงสุดของประเทศ มีหน้าที่ต้องดูแล อันนี้ชัดเจน ตนเองเชื่อว่าการทำงานที่ผ่านมาโดยตลอด ให้ความมั่นใจได้ว่าไม่ได้เลือกจังหวัดลงพื้นที่ ส่วนเรื่องแนวทางในการลงพื้นที่ต่างจังหวัด จริง ๆ ต้องยอมรับว่า ตนเองมีต้นทุนที่เป็นรองนักการเมืองหลาย ๆ ท่าน ที่ท่านเติบโตมาจากการเมืองตั้งแต่อายุสามสิบกว่า ซึ่งตนเองพึ่งเข้าสู่สนามการเมืองจริง ๆ เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับมือใหม่อย่างตนเอง เพราะว่าไม่ได้ไปคลุกคลีกับประชาชน เท่ากับนักการเมืองที่อยู่ในการเมืองมานาน เพราะฉะนั้นการที่ต้องลงพื้นที่เยอะ เพราะต้องการเข้าใจถึงปัญหาจริง ๆ ไม่ใช่ฟังแต่รายงานที่มาจากกระดาษ

Advertisement

นายกฯ เปรียบ ประเทศไทยเหมือนรถ Ferrari แต่ยังวิ่งไม่เต็มสูบ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 มิถุนายน 2567 นายกฯ ย้ำ ประเทศไทยมีศักยภาพ เปรียบเหมือน Ferrari 12 สูบ แต่ยังวิ่งแค่ 6 – 7 สูบ ค่อย ๆ เดินหน้า เชื่อประเทศไทยจะดีขึ้น

วันนี้ (22 มิถุนายน 2567)  นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (22 มิถุนายน 2567) เวลา 08.00 – 08.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ “คุยกับเศรษฐา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถึงการปูพื้นฐานอีก 3 ปีจากนี้ประเทศไทยจะเป็นอย่างไรว่า ประเทศไทยจริง ๆ แล้ว เหมือนกับเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก เหมือนรถที่ยังไม่วิ่งเต็มสูบ เหมือน Ferrari 12 สูบ แต่วิ่งอยู่แค่ 6 – 7 สูบเท่านั้น แล้ว 6 – 7 สูบเราก็เดินหน้ากันเต็มที่ แต่เราก็ต้องค่อย ๆ ทำกันไป เพราะอย่างที่บอกมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ทำเองได้ ตัดสินใจภายในคนเดียวได้ มีทั้งพรรคร่วมรัฐบาล มีฝ่ายตรวจสอบ มีทั้งรัฐสภา มีทั้งข้าราชการ มีทั้งเอ็นจีโอ ซึ่งในหลาย ๆ Initiatives ก็เป็น Initiatives ที่อาจจะมีคนแย้งบ้าง ก็ต้องทำเรื่องของประชาพิจารณ์ เป็นอะไรที่มีคนมีข้อกังขาเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ทุกคนบ่นเรื่องค่าไฟแพง ค่าไฟที่ถูกที่สุดคือพลังงานนิวเคลียร์ พูดมาตรงนี้ทุกคนก็บอกว่าอยากได้หมด แต่ว่าอย่ามาอยู่บ้านฉันนะ ไปอยู่บ้านคนอื่นก็แล้วกัน อย่างนี้เป็นต้น ตนเองก็เริ่มต้นทำการค้นคว้าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับประชาชน ว่านี่คือเรื่องที่เรากำลังดูอยู่ และก็มีหลาย ๆ เรื่อง เช่น Entertainment complex ซึ่งเป็นธุรกิจสีเทาดำ อยู่ใต้ดินเป็นล้านล้าน เราจะยอมให้มีธุรกิจแบบนี้อยู่ต่อไปหรือ หรือเราจะยกมาบนดิน ก็ยอมรับไปแล้วก็เก็บภาษีให้ถูกต้อง และควบคุมด้วยความประพฤติ ควบคุมเรื่องอาชญากรรมได้ ตนเองคิดว่าถึงเวลาหรือยังที่ประเทศต้องยอมรับเรื่องพวกนี้ ประเทศอื่นเขาก็มีแล้ว

Advertisement

18 มิ.ย. ​นายกฯ เปิดทำเนียบจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองกฎหมายสมรสเท่าเทียม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 17 มิถุนายน 2567 ​นายกฯ เปิดทำเนียบจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ร่วมเฉลิมฉลองและแสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียม

วันนี้ (17 มิถุนายน 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (18 มิถุนายน 2567) ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดทำเนียบจัดงานเลี้ยงรับรองเพื่อแสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียม

โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อเรื่องความเท่าเทียม ถือเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่าจะผลักดัน และสนับสนุน เพื่อส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพสำหรับทุกคนในสังคมไทย ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …. หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และร่างกฎหมายฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้วก็ได้ถูกบรรจุเป็น 1 ในระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภา (สมัยวิสามัญ) ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 นี้ด้วย

การผ่านร่างกฎหมายนี้จะทำให้ไทยเป็นแห่งที่ 3 ในเอเชีย (ถัดจากไต้หวันและเนปาล) และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตลอดจน รัฐบาลไทยซึ่งได้นำเสนอความสำเร็จด้านความเท่าเทียมมาอย่างต่อเนื่อง ประชาสัมพันธ์ถึงภาพลักษณ์ ประเทศไทย Pride Friendly Destination จุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรในทุกด้าน สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดกว้างโอบรับถึงความแตกต่างหลากหลายทางเพศของสังคมไทย

ทั้งนี้ งานเลี้ยงรับรองจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียมโดยในเวลาประมาณ 16.30 น. ภาคประชาชนจะเริ่มเดินขบวน (Pride Caravan) พร้อมแสดงสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียม จากรัฐสภามายังสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งบริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้าจะจัดเป็นถนนสายรุ้งแห่งความเท่าเทียม และมีกิจกรรมมากมายภายในงาน ทั้ง workshop เพ้นท์สีแห่งความเท่าเทียม ตู้สติ๊กเกอร์ (Sticker Photo Booth) ซุ้มดอกไม้ จุดถ่ายภาพแสดงสัญลักษณ์แห่งความเท่าเทียมทั่วทั้งงาน พร้อมของที่ระลึก โดยเมื่อเสร็จสิ้นงาน จะมีการส่งขบวนสมรสเท่าเทียมภาคประชาชน เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลไปยังหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

Advertisement

“เศรษฐา” ปลื้มข้าวเหนียวมะม่วง ได้อันดับ 2 จาก 26 เมนูมะม่วงที่ดีที่สุดในโลก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 มิถุนายน 2567 ​นายกฯ ปลื้มข้าวเหนียวมะม่วง อันดับ 2 จาก 26 เมนูมะม่วงที่ดีที่สุดในโลก (26 Best Rated Dishes with Mango) ได้รับการยอมรับระดับโลก ย้ำรัฐบาลพร้อมผลักดันวัฒนธรรมด้านอาหารของไทย

วันนี้ (13 มิถุนายน 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นและผลักดันวัฒนธรรมอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ชื่นชมผลการจัดอันดับ 26 เมนูมะม่วงที่ดีที่สุดในโลก (26 Best Rated Dishes with Mango) จาก TasteAtlas เว็บไซต์ชั้นนำ ที่จัดให้เมนูข้าวเหนียวมะม่วงของไทยอยู่ในอันดับ 2 แสดงถึงความนิยม และความชื่นชอบต่ออาหารไทยที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า TasteAtlas เว็บไซต์ที่รวบรวมสูตรอาหาร การจัดอันดับอาหารในประเภทต่าง ๆ และรีวิวจากนักวิจารณ์อาหารทั่วโลก ได้ทำการจัดอันดับในประเภท 26 เมนูมะม่วงที่ดีที่สุดในโลก (26 Best Rated Dished with Mango) ซึ่งผลของการจัดอันดับ เมนูมะม่วงของไทย ติดอันดับถึง 5 เมนู

โดยใน 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 2. ข้าวเหนียวมะม่วง เมนูข้าวพุดดิ้งแบบดั้งเดิม ที่กินกับมะม่วงสุกฝาน เป็นเมนูของหวานที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการกินปิดท้ายมื้ออาหาร และอันดับที่ 10. มะม่วงน้ำปลาหวานไทย ทำจากมะม่วงมันของไทย ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ฉ่ำน้ำ และเนื้อกรอบ กินกับน้ำปลาหวาน น้ำจิ้มที่มีรสชาติหวานเค็มและมีความเหนียว ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะฤดูร้อน

นอกจากนี้ยังมีเมนูมะม่วงของไทย อีก 3 ชนิดที่ติดอันดับอื่นๆ ได้แก่ อันดับที่ 11. ตำมะม่วง เมนูสลัดแบบดั้งเดิมของไทย ที่ผสมผสานระหว่าง มะม่วงเขียว กุ้งแห้ง หอมแดง พริก ถั่วลิสง น้ำปลา น้ำมะขาม น้ำมะนาว น้ำตาล และ ผักชี ผสมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นเมนูสุดพิเศษ อันดับที่ 16. น้ำปลาหวาน เมนูน้ำจิ้มที่นิยมกินกับผลไม้หลากหลายชนิด ทำมาจากน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ หอมแดง พริก กะปิ และ กุ้งแห้ง อันดับที่ 23. มะม่วงดอง เมนูผลไม้ดองของไทย ที่ทำมาจาก มะม่วงเปรี้ยวฝาน เกลือ น้ำตาล น้ำส้มสายชู ไวน์ข้าว ไวน์หวาน นำมาทำการหมักดองจนมีรสชาติ

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในอาหารและขนมของไทยซึ่งล้วนมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จากความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบในประเทศ ความพิถีพิถันในการตระเตรียมอาหารแต่ละเมนู และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับระดับโลก โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำการประชาสัมพันธ์อาหารไทย นำเสนอให้เป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ด้านอาหารมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเมนูที่ได้รับความนิยม และเมนูใหม่ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพื่อให้เกิดการรับรู้อย่างกว้างขวางถึงวัฒนธรรมอาหารของไทย ในระดับโลก” นายชัย กล่าว

Advertisement

รัฐบาลชวนประชาชน ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างแผน PDP 2024 และ Gas Plan 2024 เพื่อเดินหน้าแผนพลังงานแห่งชาติ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 มิถุนายน 2567 “รัดเกล้า” เผย รัฐบาลชวนประชาชนทุกภาคส่วน ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างแผน PDP 2024 และ Gas Plan 2024 ตั้งแต่ 19 – 23 มิ.ย.67 ผ่านช่องทางออนไลน์ของ สนพ. เดินหน้าแผนพลังงานแห่งชาติให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

วันนี้ (12 มิถุนายน 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับมาตรการด้านพลังงานของประเทศ โดยได้มอบหมายกระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนในหลายมาตรการด้านพลังงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการผลักดันการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับบริษัทเอกชนชั้นนำระดับโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าแผน PDP ฉบับใหม่ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำร่างแผน ให้มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ที่ได้มีการปรับแผนให้สอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลกตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2065 ซึ่งเป็นแนวทางที่สำคัญในการวางแผนพลังงานของประเทศไทย ให้มีความยั่งยืนทางพลังงาน อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุด รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567 – 2580 (PDP 2024) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567 – 2580 (Gas Plan 2024)  จากภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นการผลิตไฟฟ้า โดยร่างแผน PDP 2024 ที่กำลังจัดทำอยู่นั้น จะให้ความสำคัญใน 3 ประเด็น คือ 1. ความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ (Security) 2. ต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม (Economy) และ 3. ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) ส่วน Gas Plan 2024 มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอกับความต้องการใช้ของประเทศ และบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนดังกล่าว สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน จะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป

“การเปิดรับฟังความคิดเห็นกรอบแผนพลังงานในครั้งนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อการนำไปจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยในวันที่ 12 – 13 มิถุนายน 2567 เป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นในกลุ่มภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพ และเปิดรับฟังความคิดเห็นรูปแบบออนไลน์ใน 4 ภูมิภาค ในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้า สำหรับประชาชนภาคกลาง ช่วงบ่าย สำหรับประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้า สำหรับประชาชนภาคใต้ ช่วงบ่ายสำหรับประชาชนภาคเหนือ อีกทั้ง ตั้งแต่วันที่ 19 – 23 มิถุนายน 2567 จะเปิดรับให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้ามาแสดงความเห็นผ่านช่องทาง Facebook : EPPO Thailand และเว็บไซต์ www.eppo.go.th ซึ่งข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็น สนพ. จะนำไปประกอบการปรับปรุงแผน PDP 2024 และแผน Gas Plan 2024 ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น” รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าว

Advertisement

นายกฯ สั่งยกระดับมาตรการป้องกันลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มเถื่อนภาคใต้

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 มิถุนายน 2567 นายกฯ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการป้องกันการลักลอบน้ำมันปาล์มเถื่อนเข้ามาทางภาคใต้ของไทย รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นเฝ้าระวังการลักลอบของเถื่อนทุกชนิด

วันนี้ (10 มิถุนายน 2567) เวลา 15.15 น. ณ ห้องโดมทอง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล รองเสนาธิการทหารเรือ (สายงานยุทธการ) และนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร หารือประเด็นการลักลอบน้ำเข้าน้ำมันปาล์มเถื่อนทางภาคใต้ของประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า มีการลักลอบนำน้ำมันปาล์มเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางภาคใต้ของประเทศไทย ส่งผลให้ราคาปาล์มในประเทศถูกลง โดยนายกฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการการป้องกันการลักลอบน้ำมันปาล์มเถื่อนมายังประเทศไทย รวมถึงของเถื่อนทุกชนิด ขอให้เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง รวมถึงจับกุมผู้ร่วมขบวนการนำมาขยายผลต่อไป

Advertisement

นายกฯ ขอให้ก้าวข้ามดราม่าหวยเกษียณ เผยนโยบายโดนใจ ปชช. จะต้องทำอย่างเต็มที่ ทำให้เร็วขึ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 มิถุนายน 2567 นายกฯ ขอให้ก้าวข้ามดราม่าหวยเกษียณ ย้ำชัด ตั้งรัฐบาลได้แล้ว ขอทำประโยชน์เพื่อประชาชน เผยนโยบายโดนใจประชาชน จะต้องทำอย่างเต็มที่ ทำให้เร็วขึ้น

วันนี้ (8 มิถุนายน 2567) เวลา 10.05 น. ณ ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา  ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีดราม่าว่านโยบายหวยเกษียณของรัฐบาลลอกนโยบายมาจากพรรคไทยสร้างไทย ว่า ก็ไปดูเรื่องของโซเชียลมีเดียฟุตปริ้นท์ก็แล้วกัน ตนเองไม่อยากมาเถียงเป็นวาทกรรม

“ผมว่าเราก้าวข้ามตรงนั้นไปดีกว่า รัฐบาลผมจัดตั้งได้แล้ว ตรงนี้เป็นอะไรถ้าพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ เรามาโฟกัสตรงนี้ดีกว่า นโยบายหลักอย่างที่บอกไปมันมีรายละเอียดเยอะแยะที่ต้องทำ ผมคิดว่าไปโฟกัสและเอาพลังงาน พลังงานของพวกเราทุกคน ว่ารายละเอียดที่จะออกมา ทำอย่างไรถึงจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้ดีที่สุดตรงนั้นดีกว่า” นายกฯ ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายหวยเกษียณค่อนข้างโดนใจประชาชนและอยากให้ทำเร็วขึ้น มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน  นายกฯ กล่าวว่า การทำให้เร็วขึ้นในส่วนนี้ยังไม่ได้ไปดู แต่วันนี้นายจุลพันธ์  อมรวิวัฒน์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน หวังว่าคงจะได้ยินคำถามนี้  แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็มีเรื่องต้องเรียงลำดับความสำคัญมากมาย  และก็ถูกกดดันซึ่งตนเองก็เข้าใจและเชื่อว่าท่านเองก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่และทำให้เร็วขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังเป็นไปตามกรอบกำหนดการเดิมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ใช่ครับ”

Advertisment

ครม.รับข้อเสนอแนะ กมธ.แลนด์บริดจ์ มอบคมนาคม หารือ 10 กระทรวงเดินหน้าโครงการ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 มิถุนายน 2567 “รัดเกล้า” เผย คมนาคม รับข้อเสนอแนะ หารือกับ 10 กระทรวง/หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนโครงการแลนด์บริดจ์ให้ตรงเป้า ย้ำโครงการนี้จะสร้างประโยชน์ต่อผู้ลงทุนและประเทศไทย โรดโชว์จบแล้ว เป้าหมายประมูลหาผู้รับเหมาปลายปี 2568 เพื่อคิ๊กออฟการก่อสร้าง

วันนี้ (7 มิถุนายน 2567) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (4 มิถุนายน 2567) รับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง การศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) สภาผู้แทนราษฎร

โดยรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า คณะกรรมาธิการได้พิจารณารายงานดังกล่าว เพื่อศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ ทั้งนิยามโครงการ รูปแบบโครงการ รูปแบบการลงทุน แนวทางการพัฒนาโครงการ เหตุผลที่มีโครงการ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และโครงการแลนด์บริดจ์ในมิติต่าง ๆ และได้มีข้อเสนอแนะและข้อสังเกต สรุปสาระสำคัญข้อเสนอแนะ/ข้อสังเกตได้ 6 ด้านดังนี้

-ข้อเสนอแนะด้านการศึกษา อาทิ ควรกำหนดรูปแบบและวัตถุประสงค์ในการดำเนินการให้ชัดเจน ก่อนจะนำไปสู่การดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และการตราพระราชบัญญัติต่อไป

-ข้อเสนอแนะด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม และเวนคืนที่ดิน เช่น ต้องสร้างการมีส่วนร่วมในพื้นที่และให้ข้อมูลในการดำเนินโครงการที่ชัดเจน และเป็นข้อมูลที่ประชาชนสามารถใช้ในการสนับสนุนโครงการได้ เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้งในพื้นที่

-ข้อเสนอแนะด้านการขับเคลื่อนโครงการ เช่น ต้องมีการจัดตั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ และกำกับดูแลการดำเนินโครงการและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรมต่อไป

-ข้อสังเกตเกี่ยวกับกฎหมาย อาทิ ควรขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้ถอดบทเรียนจากการบังคับใช้ พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกฯ ว่ามีอุปสรรคหรือไม่ และแนวทางแก้ไขอย่างไร

-ข้อสังเกตเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น ควรมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน รวมถึงควรจัดให้มีตัวแทนหน่วยงานที่ทราบข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลแก่ประชาชน และ

-ข้อสังเกตด้านเศรษฐกิจ เช่น ควรสรุปแนวทางการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดึงดูดนักลงทุน เป็นต้น

โดย ครม. ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลัก ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 10 หน่วยงานเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะและข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอ ครม. ต่อไป

“เมื่ออังคารที่ผ่านมา ครม. รับทราบการศึกษาโครงการฯ อีกทั้ง รู้สึกยินดีที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเป็นอย่างมากจากกระแสการตอบรับหลังเดินสายโรดโชว์ มอบให้กระทรวงคมนาคมร่วมหารือกระทรวง/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป ซึ่งวานนี้เอง (6 มิถุนายน 2567) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้ออกมาย้ำความมั่นใจว่า โครงการแลนด์บริดจ์นี้จะสร้างประโยชน์ต่อผู้ลงทุนและประเทศไทย ซึ่งบริษัทเอกชนที่เราชักชวน เช่นที่ เมืองดูไบ และเมืองปักกิ่ง ก็สนใจเป็นอย่างมาก  ตอนนี้ กระบวนการโรดโชว์จบแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเสนอร่างกฎหมาย เป้าหมายคือเปิดการประมูลหาผู้รับเหมาปลายปี 2568 เพื่อคิ๊กออฟการก่อสร้างต่อไป โครงการแลนด์บริดจ์เป็นโครงการที่สร้างเงิน สร้างอาชีพ สร้างโอกาส ให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก เป็นความน่าชื่นใจของคนไทยที่รัฐบาลไทยมีการทำงานกันอย่างต่อเนื่องไร้รอยต่อ โดยรัฐบาลชุดนี้มุ่งหน้าผลักดันโครงการนี้สู่ความสำเร็จอย่างเข้มแข็ง” นางรัดเกล้าฯ กล่าว

Advertisment

นายกฯ ยันเร่งเดินหน้าสะสางทุกปัญหา ย้ำทุกเรื่องสำคัญ ยอมรับมีนโยบายที่พอใจ และมีนโยบายต้องแก้ไข

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 4 มิถุนายน 2567 นายกฯ เร่งเดินหน้าสะสางทุกปัญหา ย้ำทุกเรื่องสำคัญเป็นเรื่องสำคัญ ยอมรับมีนโยบายที่พอใจ และมีนโยบายต้องเดินหน้าแก้ไข

วันนี้ (4 มิถุนายน 2567) เวลา 11.20 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ผลงานของรัฐบาลในรอบ 6 เดือน และนโยบายของรัฐบาลที่ต้องปรับปรุงและดำเนินการต่อว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกษตร  ราคาพืชผล  การพักหนี้เกษตร การแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งมีการจับกุมได้มากถึง 4 เท่า แต่ต้องยอมรับตรง ๆ ว่ายังไม่ดีพอ ต้องทำอีก เพราะราคายาบ้าต่อเม็ดก็ยังไม่ขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า ยังมีเรื่องที่ตนเองช่วยประสานไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดดอกเบี้ยจากธนาคารหลัก ร้อยละ 2.5 ก็ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระพี่น้องประชาชนได้ ยังมีการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ที่มีการอายัดทรัพย์ไปแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท เป็นเรื่องที่รัฐบาลพอใจ แต่ต้องทำอีกเยอะ  พร้อมกล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มที่มีความหลากหลาย และผลักดัน พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม รวมถึงการที่บีโอไอ และผู้แทนการค้าไทยได้ไปเจรจา พานักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศ ก็ยังคงทำกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องกระตุ้นการผลิตเพื่อให้มีการจ้างงาน ซึ่งจะมีการเปิดตลาดใหม่ ๆ ในเวทีโลก  ส่วนเรื่องของการศึกษา ที่เป็นปัญหาหลักของประเทศไทยต้องพัฒนาและทำอย่างต่อเนื่อง  ส่วนเรื่องหนี้ครัวเรือนก็หาทางกันต่อไป และยอมรับว่าเป็นภาระหลัก โดยทุกเรื่องถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

Advertisment

โพล สนง.สถิติแห่งชาติ เผย ปชช.เชื่อมั่นการแก้ปัญหาประเทศของ รบ. 41.9 พึงพอใจการบริหารงาน 44.3

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 มิถุนายน 2567 ทำเนียบรัฐบาล – สำนักงานสถิติแห่งชาติ แถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ครบ 6 เดือน เชื่อมั่นการแก้ปัญหาประเทศร้อยละ 41.9 พึงพอใจต่อการบริหารงานร้อยละ 44.3 ชี้นโยบายที่ประชาชนพึงพอใจ อันดับเเรก 30 บาทรักษาทุกที่ 68.4% เรื่องเร่งด่วน คุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค 75.3%

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ นางสาวสุวรรณี วังกานต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล 2561 ครบ 6 เดือน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล โดยวิธีการสัมภาษณ์ประชาชนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 6,970 คน ระหว่างวันที่ 22 เมษายน – 15 พฤษภาคม 2567

สรุปผลการสำรวจของประชาชน ดังนี้

1.ประชาชนติดตามรับข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์มากที่สุด ประชาชนร้อยละ 83.9 ติดตาม/รับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลด้วยแหล่งข้อมูลที่ติดตามรับรู้มากที่สุด คือ โทรทัศน์ ร้อยละ 69.6 รองลงมาได้แก่ facebook ร้อยละ 46.2 เว็บไซต์ร้อยละ 23.8 ญาติคนรู้จักร้อยละ 16.0 ไลน์ร้อยละ 15.5 เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 16.1 ไม่ติดตาม/ไม่รับรู้ เนื่องจากไม่สนใจไม่มีเวลาว่าง ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุมากติดตาม/รับรู้ จากโทรทัศน์ ขณะที่ผู้มีอายุน้อยติดตาม/รับรู้ จากสื่อออนไลน์ เช่น facebook เว็บไซต์ เป็นต้น ส่วนผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป มีการติดตาม/รับรู้ จากสื่อออนไลน์ เช่นเดียวกัน

2.ประชาชนร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุดต่อการดำเนินงานของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ 44.3 มีความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลในระดับมาก-มากที่สุด มากที่สุดร้อยละ 5.6 เเละมากร้อยละ 38.7 ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 14.1 น้อยร้อยละ 11.1 เเละน้อยที่สุดร้อยละ 3.0 ส่วนที่ไม่พึงพอใจเลยร้อยละ 2.0 ประชาชนในภาคใต้ชายแดนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น สำหรับผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ขณะผู้ที่มีรายได้น้อยมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีรายได้มาก

3.ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ต่อนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นอันดับแรก นโยบาย/มาตรการ/โครงการของรัฐบาลที่ประชาชนมีความพึงพอใจมาก-มากที่สุดใน 5 อันดับแรก ได้แก่ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ร้อย 68.4 / มาตรการพักนี้เกษตรกรร้อยละ 38.9 / มาตรการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ร้อยละ 33.1 / มาตรการลดค่าไฟร้อยละ 32.8 และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบร้อยละ 29.3

4.ประชาชนร้อยละ 41.9 มีความเชื่อมั่นมากที่สุดต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหาของประเทศ

ประชาชนร้อยละ 41.9 มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด มากที่สุดร้อยละ 5.2 เเละร้อยละ 36.7 ปานกลางร้อยละ 39.6 ขณะที่น้อย-น้อยที่สุดร้อยละ 15.8 น้อยร้อยละ 12.4 และน้อยที่สุดร้อยละ 3.4 ส่วนที่ไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 2.7 ประชาชนในชายแดนภาคใต้มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น สำหรับผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด ในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีรายได้มาก

5.ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค เป็นอันดับแรก เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วน 5 อันดับแรก ได้แก่ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคร้อยละ 75.3 ลดค่าไฟฟ้าร้อยละ 46.6 แก้ปัญหาราคาน้ำมันแพงร้อยละ 29.5 แก้ปัญหายาเสพติดร้อยละ 26.3 และแก้ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำร้อยละ 16.9

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแถลงข่าวในวันนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อประชาชน ควรที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารโดยเร็ว อีกทั้งในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) จะมีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ และวันอังคารจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีข้อมูลข่าวสารมากมาย เกรงว่าอาจจะไม่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวที่แถลงได้ครบถ้วน

Advertisment

Verified by ExactMetrics