วันที่ 27 เมษายน 2024

โชคดีของประชาธิปัตย์!!

People unity : ผมไม่ได้พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์มานาน แต่วันนี้นึกอยากจะพูดถึง ขอพูดนิดเดียว ว่า ผมคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังได้โอกาสอันดีและได้ประโยชน์ จากการที่สงครามเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วม กับพรรคพลังประชารัฐ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องเป็นคู่ขัดแย้งหรือคู่ต่อสู้โดยตรงในสนามเลือกตั้งกับพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วม พรรคประชาธิปัตย์จึงไม่ต้องได้รับแรงบดขยี้โดยตรงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วม และไม่ต้องได้รับการหมายหัว “ไม่เอา” จากประชาชนส่วนหนึ่งของประเทศโดยทันที

ตรงนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถพลิกตัวเองไปหาคะแนนเสียงจากประชาชนทั่วประเทศได้ง่ายขึ้น และสามารถที่จะขายนโยบายล้วนๆของพรรคได้ โดยไม่ถูกภาพความเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองมาบดบังนโยบายของพรรค หรือทำให้คนไม่สนใจนโยบายของพรรค ซึ่งโอกาสแบบนี้เท่านั้นที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถกลับมามีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้ ไม่การเลือกตั้งครั้งนี้ก็ครั้งหน้า แต่ถึงจะยังไม่ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ การที่ประชาธิปัตย์ไม่ถูกบดขยี้และสามารถขายนโยบายได้ ก็จะทำให้ประชาธิปัตย์มีโอกาสคว้าที่นั่ง ส.ส.มากขึ้นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และบางคนในพรรค ต้องเลิกวางตัวประชาธิปัตย์เป็นคู่ขัดแย้งหรือเป็นขั้วขัดแย้งทางการเมือง และคิดว่าการวางตัวเป็นคู่ขัดแย้งจะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เพราะประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะเลือกตั้งได้เลยในความขัดแย้งทางการเมืองยุคใหม่ที่เผชิญหน้ากับทักษิณ และสุดท้ายต้องเลิกหวังลมๆแล้งๆ ส้มหล่น จากความขัดแย้ง เพราะมันมีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว

ประชาธิปัตย์ต้องคิดใหม่ และวางตัวใหม่!!

โดย : พูลเดช กรรณิการ์

นักวิชาการอิสระด้านการเมือง

การเมือง : โชคดีของประชาธิปัตย์!!

People unity : post 30 มกราคม 2562 เวลา 12.10 น.

ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : 1 มีนาคม 2562 : นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ลงมติในวาระที่ 3 เห็นสมควรประกาศใช้ร่าง “พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….” และร่าง “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ….” เป็นกฎหมาย ขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการเตรียมนำทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ความสำคัญของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว จะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป อีกทั้งจะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิทัลหนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน

โดยหลักการสำคัญที่ต้องมี พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญต่างๆใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที กฎหมายนี้จึงมีการกําหนดหน่วยโครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII ) ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานเอกชน ตลอดจนกําหนดให้มีมาตรฐานและแนวทางการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้สามารถบริการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ โครงสร้างพื้นฐานสําคัญทางสารสนเทศ ได้กำหนดไว้ 7 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการของรัฐที่สำคัญ เช่น ระบบการเบิกจ่ายเงินของกรมบัญชีกลาง เป็นต้น ด้านการเงิน ด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ด้านความมั่นคง ด้านพลังงานและสาธารณูปโภค และด้านสารธารณสุข ทั้งนี้สามารถเพิ่มด้านอื่นๆได้อีกในอนาคต

“กฎหมายนี้จึงมิได้ส่งผลกระทบและมิได้ไปคุกคามสิทธิต่อประชาชนโดยทั่วไปแต่อย่างใด แต่จะสามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที เพราะปัจจุบันเกิดปัญหาการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เสมอ ซึ่งกฎหมายได้ระบุประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้ 3 ระดับ (1) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับไม่ร้ายแรง (2) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับร้ายแรง และ (3) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับวิกฤติ”

โดยภัยคุกคามในระดับไม่ร้ายแรง หน่วยงานนั้นๆและหน่วยงานกำกับดูแลต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ส่วนภัยในระดับร้ายแรงซึ่งทำให้บริการที่สำคัญต้องหยุดชะงัก สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติจะให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา โดยในการเข้าไปในสถานที่หรือเข้าไปตรวจค้น เจ้าหน้าที่จะต้องขอหมายศาล ขณะที่ภัยระดับวิกฤติต้องเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่บริการที่สำคัญถูกโจมตีจนล่มไม่สามารถให้บริการได้เป็นวงกว้าง หรือมีประชาชนเสียชีวิตและมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงให้ใช้อำนาจตามกฎหมายด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนพร้อมกับแจ้งศาลโดยเร็ว

สำหรับความจำเป็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. เนื่องจากปัจจุบันมีการล่วงละเมิดสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลเป็นจำนวนมาก จนสร้างความเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประเทศต่างๆได้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิและข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว และบังคับใช้แก่ผู้เก็บรวบรวมข้อมูลที่อยู่ในไทยซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนประเทศนั้นๆด้วย จึงต้องกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลในการเก็บรวบรวม การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นมาตรฐานสากล

นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มี พ.ร.บ.สำคัญเพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทยอีก 4 ฉบับ ซึ่งนำเสนอโดยกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ผ่านการพิจารณารับร่างในวาระ 3 เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมนำทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงพระปรมาภิไธย ประกอบด้วย 1. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่..) พ.ศ. …. 2. ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ…. 3. ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล)  และ 4.ร่างพระราชบัญญัติสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ……

“เป็นสัญญาณที่ดีที่ประเทศไทยจะมีความพร้อมไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในมาตรฐานที่เป็นสากล ทำให้สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและสามารถรับมือกับภัยคุกคามซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกเผชิญหน้าอยู่” ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าว

การเมือง : ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯแจง พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่คุกคามสิทธิประชาชน

People unity : post 1 มีนาคม 2562 เวลา 18.00 น.

“ประยุทธ์” สั่งฝ่ายความมั่นคงทำคดีพายิ่งลักษณ์หนีให้รอบคอบตามพยานหลักฐาน

People unity news online : นายกฯกำชับฝ่ายความมั่นคงทำคดีพา น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีให้รอบคอบพร้อมกับชี้แจงสังคม ยืนยันรัฐบาลเดินหน้าปราบทุจริตอย่างจริงจัง ยกกรณีตรวจค้นบ้านอดีต ผอ.พศ. เป็นตัวอย่าง

วันนี้ (23 กันยายน 2560) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการควบคุมตัวนายตำรวจระดับรองผู้บังคับการพร้อมรถยนต์ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงดำเนินการด้วยความรอบคอบตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และชี้แจงให้สังคมได้รับทราบเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

“ส่วนจะเชื่อมโยงหรือขยายผลไปถึงอดีตนายตำรวจระดับสูงหรือบุคคลใดอีกหรือไม่ ก็จะต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจน โดยรัฐบาลยืนยันถึงความโปร่งใสและไม่เคยเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งขอให้สังคมได้ติดตามตรวจสอบไปพร้อมกันด้วย”

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัดด้วยว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังและไม่เคยนิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าว โดยแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาชาติ (พศ.) แล้ว แต่หน่วยงานของรัฐก็ยังคงเดินหน้าตรวจสอบการทุจริตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากล่าสุดที่มีการบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตผู้บริหารระดับสูงของ พศ. ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี

“นายกฯให้ความสำคัญกับทั้ง 2 เรื่องเป็นอย่างมากโดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและมีความชัดเจนในทุกเรื่อง เพื่อให้สามารถอธิบายแก่สังคมให้เกิดความกระจ่างได้ พร้อมกับเน้นย้ำว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ โดยหากพี่น้องประชาชนมีข้อมูลเบาะแสที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ ไม่เฉพาะแต่ 2 เรื่องดังกล่าวข้างต้น ขอให้ส่งข้อมูลไปยังผู้ที่รับผิดชอบเพื่อให้ดำเนินการโดยเร่งด่วนและเด็ดขาดต่อไป”

People unity news online : post 23 กันยายน 2560 เวลา 23.20 น.

รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิด พ.ร.บ.ข้าว ระบุนำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่ ชี้เป็นเรื่องของ สนช.

People unity : รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิดกรณี พ.ร.บ.ข้าว นำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณี พ.ร.บ. ข้าว ที่กำลังเป็นที่สนใจของสังคมว่า มีการเอาข้อมูลที่ค่อนข้างสับสนที่ยังไม่ได้แก้ไข ไม่เป็นปัจจุบันมาเสนอกับสังคมผ่านสื่อต่างๆ และเอาความเห็นของตนที่เคยถูกถามในร่างเดิมก่อนมีการปรับแก้เมื่อปลายปีที่แล้ว มากล่าวถึงในสื่อต่างๆ ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า มีความเห็นตรงข้ามกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้เสนอความเห็นประกอบร่างฯ ฉบับที่ สนช. ส่งมาให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น และเสนอความเห็นที่ควรปรับแก้ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งในร่างฉบับที่จะเสนอ สนช. พิจารณาในวันที่ 20 ก.พ.นี้ ได้มีการแก้ไขตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอขอแก้เป็นส่วนใหญ่แล้ว

น.ส.ชุติมา กล่าวย้ำว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นร่างของ สนช. ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีผู้แทน 1 คนในกรรมาธิการวิสามัญที่ขอปรับแก้ เพื่อให้กฎหมายที่ออกมาเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองก็พยายามจะชี้ให้เห็นว่า มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ร่างที่ได้แก้ไขแล้ว ต่างจากร่างเดิมที่ สนช. เคยเสนอมา โดยเฉพาะในเรื่องเมล็ดพันธุ์ชาวนาจะไม่ได้รับผลกระทบแบบที่อยู่ในกระแสที่เข้าใจผิด ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตามขั้นตอนใน สนช. ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถไปชี้นำได้และขอให้อย่าหลงเชื่อข่าวสับสนที่สร้างความเข้าใจผิดอยู่ในขณะนี้

การเมือง : รมช.พาณิชย์ แจงสังคมเข้าใจผิด พ.ร.บ.ข้าว ระบุนำข้อมูลเก่ามาเผยแพร่ ชี้เป็นเรื่องของ สนช.

People unity : post 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 12.50 น.

นายกฯประชุม คกก.ไซเบอร์แห่งชาติครั้งแรก เตรียมตั้ง Cyber Security Agency รับมือภัยไซเบอร์ทุกรูปแบบ

People unity news online : นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คกก. เตรียมการไซเบอร์แห่งชาติครั้งแรก ผลักดัน 4 เรื่องใหญ่ หวังหน่วยงานรัฐ เอกชน มีกำลังคนรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ พร้อมเตรียมตั้ง Cyber Security Agency รับมือภัยคุกคามไซเบอร์ทุกรูปแบบ

เมื่อวานนี้ (9 พฤษภาคม 2561) เวลา 14.00 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ Cyber Security ครั้งที่ 1/2561 พร้อมด้วย พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ภายหลังเลิกการประชุม ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงข่าวว่า ตามที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ.2560 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการเตรียมการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการจัดทำนโยบายแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ตลอดจนการเตรียมการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติให้ทันสถานการณ์โลกในปัจจุบันต่อไป

ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ 4 เรื่อง คือ 1. กรอบแนวคิดนโยบายและแผนระดับชาติ เพื่อปกป้อง รับมือ ป้องกัน และลดความเสี่ยงและความสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน 2. แนวทางการกำหนดโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure: CII) ของประเทศ และแนวทางปฏิบัติเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Standard Operating Procedure: SOP) 3. แนวทางการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระยะเร่งด่วน และ 4. แนวทางการจัดตั้ง Cybersecurity Agency (CSA) ทำหน้าที่หน่วยประสานงานกลางและหน่วยงานเผชิญเหตุด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ชั่วคราว เพื่อให้ความปลอดภัยมั่นคงไซเบอร์ของชาติอยู่ในระดับมาตรฐานสากล

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯชุดนี้ คือเตรียมการด้านการพัฒนาและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อม สามารถปกป้อง ป้องกัน และรับมือกับสถานการณ์ด้านภัยคุกคามไซเบอร์ ตลอดจนเตรียมแผนปฏิบัติการและมาตรการตอบสนองด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการดูแลรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของสถานการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในขณะนี้ เกิดจากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ใช้ง่าย และมีราคาถูก ทำให้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด และภัยคุกคามไซเบอร์ที่ตามมา อาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง เช่น การรั่วไหลของข้อมูลที่สำคัญหรือข้อมูลที่มีชั้นความลับ อันอาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ โดยสภาวะภัยคุกคามไซเบอร์ของไทยนั้น เหตุจูงใจไม่เฉพาะเพียงผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น แต่ยังเกิดจากความหละหลวมในการให้ความใส่ใจต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของบุคลากรในองค์กรด้วย

สำหรับดัชนีความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของไทย เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศนั้น ในปี 2560 สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ได้ทำการสำรวจระดับความเอาจริงเอาจัง (Commitment) ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของแต่ละประเทศ โดยพิจารณาจากมาตรการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมาย (Legal) ด้านเทคนิค (Technical) ด้านหน่วยงาน/นโยบาย (Organizational) ด้านการพัฒนาศักยภาพ (Capacity building) และด้านความร่วมมือ (Cooperation) พบว่า Global Cybersecurity Index (GCI) ของประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 22 จาก 194 ประเทศทั่วโลก ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนแล้ว ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันขับเคลื่อนให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 20 อันดับแรกของประเทศที่มีความพร้อมต่อไป

อีกทั้งในส่วนเรื่องของยุทธศาสตร์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการขับเคลื่อนประเทศ โดยคณะกรรมการชุดนี้ ได้กำหนดแผนงานระยะเร่งด่วน 6 เดือน 1 ปี และ 2 ปี ตามลำดับที่หน่วยงานจะร่วมกันทำต่อไปใน 8 ด้าน ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2564 คือ 1. การปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศ (Critical Information Infrastructure Protection: CIIP) 2.การสร้างศักยภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินทางความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Emergency Readiness) 3. การบูรณาการการจัดการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ (Cybersecurity Governance) 4.การประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Public-Private Partnership) 5. การสร้างความตระหนักและรอบรู้ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Capacity Building) 6. การพัฒนากฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Law, Regulation and Standard) 7. การประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (International Cooperation) และ 8. การวิจัยและพัฒนาเพื่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Research & Development)

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการจัดกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศของประเทศ (Critical Information Infrastructure: CII) 6 กลุ่มแรก ได้แก่ 1.กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐ 2. กลุ่มการเงิน 3. กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม 4. กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์ 5. กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค และ 6. กลุ่มสาธารณสุข พร้อมยกระดับแผนการทำงานร่วมกัน เช่น ซ้อมรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงจัดทำแผนปฏิบัติการรับมือไซเบอร์ (National Incident Handling Flow)

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาบุคลากรความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ ASEAN-Japan Cybersecurity Capacity Building Centre ตามมติที่ประชุม TELMIN-Japan หรือการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ณ ประเทศกัมพูชาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดตั้งศูนย์ฯดังกล่าว ขณะนี้ได้มีความพร้อมเป็นอย่างมาก โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือนมิถุนายน 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งกระทรวงดีอี ได้มอบหมายให้ ETDA เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาบุคลากรด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์ฯนี้ได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นทั้งด้านงบประมาณและองค์ความรู้ต่างๆ ทำให้สามารถดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญในการรับถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากประเทศชั้นนำด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งจะผนึกกำลังสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของบุคลากร อันจะส่งผลดีต่อการประเมินความพร้อมด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ในเวทีสากล รวมถึงการปรับปรุงอันดับ ITU GCI ให้ขึ้นสู่ 20 อันดับต้นของโลกได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีความจำเป็นในการดำเนินโครงการเร่งรัดการพัฒนาบุคลากร ด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์กว่า 1,000 คน ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน CII, ภาครัฐ-เอกชน และสถาบันการศึกษาเตรียมพร้อมหน่วยงานประสานงานกลาง ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ ETDA ทำหน้าที่หน่วยประสานงานกลาง เป็นการชั่วคราวก่อนระหว่างจัดตั้ง Cybersecurity Agency (CSA) เพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ และทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีให้รู้เท่าทันสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

People unity news online : post 10 พฤษภาคม 2561 เวลา 09.10 น.

นายกฯระบุร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ต้องไม่กระทบโรดแมป และต้องไม่มีปัญหาภายหลัง

People unity news online : นายกรัฐมนตรียืนยัน ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย โดยรัฐบาลประสานงานใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบโรดแมป

เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2561) เวลา 13.45 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า ได้ส่งหนังสือตอบกลับไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เกี่ยวกับประเด็นการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ภายหลังมีการประสานงานและหารือระหว่างฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลและ สนช. เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนส่งร่างกฎหมายดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยไม่เกิดความขัดแย้งในภายหลัง ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ สนช. เป็นผู้ดำเนินการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามไม่ให้เกิดปัญหาในการเลือกตั้ง โดยมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังดำเนินการไม่ให้กระทบโรดแมป และไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ส่วนการแก้ไขคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 ตามที่พรรคการเมืองทักท้วงว่า มีปัญหาในทางปฏิบัตินั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้หารือกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อนำเสนอประเด็นข้อติดขัดต่างๆมายัง คสช. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องทางธุรการ ดังนั้น คสช. จะพิจารณาแก้ไขในประเด็นที่เป็นปัญหา โดยยังไม่ยกเลิกคำสั่ง คสช. เพื่อลดปัญหาทางธุรการเท่านั้น

People unity news online : post 4 เมษายน 2561 เวลา 07.50 น.

หรือ “บิ๊กป้อม” กำลังจะ “หาเหา” ใส่หัวตัวเองตอนแก่?

People Unity : มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเล่นการเมืองเต็มตัว โดยจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ต่อจากนั้นจะดำรงตำแหน่งเป็นประธานพรรค หรืออาจเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเอง

หากข่าวนี้เป็นจริง พรรคพลังประชารัฐจะหนีไม่พ้นถูกมองเป็น “พรรคทหาร” เต็มตัว จากที่ก่อนหน้านี้ถูกมองอยู่แล้วว่าเป็นพรรคสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งผลที่จะตามมาก็คือ พรรคพลังประชารัฐจะทำงานการเมืองยากขึ้น เพราะมีภาพเป็นพรรคทหาร และเป็นจุดอ่อนให้ 7 พรรคการเมืองฝ่ายค้านใช้ต่อต้านพลังประชารัฐได้ถนัดมือยิ่งขึ้น ส่วนกลุ่มประชาชนหรือมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมีข้ออ้างหรือเงื่อนไขออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง

ขณะที่ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ก็จะเจอกับแรงต้านจากพรรคฝ่ายค้านและกลุ่มประชาชนไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐไปด้วย เพราะพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ก็ต้องจับตาดูว่าอยู่ดีๆไม่ว่าดี “บิ๊กป้อม” จะ “หาเหา” ใส่หัวตัวเองตอนแก่ และ “หาเรื่อง” นำมาสู่รัฐบาลหรือไม่?

การเมือง : หรือ “บิ๊กป้อม” กำลังจะ “หาเหา” ใส่หัวตัวเองตอนแก่?

People Unity : post 22 กรกฎาคม 2562 เวลา 02.31 น.

“ประยุทธ์” เปิด Website และ Facebook “สายตรง ไทยนิยม”

People unity news online : รัฐบาลเปิดสายตรงไทยนิยม ช่องทางการรับฟังปัญหาจากประชาชน 24 ชม. โดยได้เพิ่มช่องทางสื่อสารเปิด Website และ Facebook ชื่อ “สายตรง ไทยนิยม”

เมื่อวานนี้ (3 เมษายน 2561) เวลา 13.45 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการสายตรงไทยนิยม โดยฝากสื่อมวลชนชี้แจงต่อประชาชนถึงช่องทางการสื่อสารของรัฐบาล โดยได้เพิ่มช่องทางสื่อสารเปิด Website และ Facebook ชื่อ “สายตรง ไทยนิยม” เพื่อรับคำร้องเรียน ร้องทุกข์ ข้อเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น และใช้ในการกระจายข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ ข้อมูลสาธารณประโยชน์ ข้อเท็จจริงต่างๆที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เสริมช่องทางเดิมที่มีอยู่ ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม แต่เป็นอีกหนึ่งช่องทางการรับฟังปัญหาจากประชาชน ในขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความต้องการสาธารณูปโภคพื้นฐานมากถึง 50% ทั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การค้าขาย  การคมนาคมได้สะดวก นอกจากนี้ ยังมีด้านสาธารณสุข 8% ด้านการเกษตรประมาณ 10% และด้านอื่นๆ เช่น การบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานต้องทำงานในเชิงโครงสร้างในพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ส่งเสริมผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งการดูแลแรงงานภาคการเกษตรให้กลับสู่ภูมิลำเนา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นในการปฏิรูปการเกษตรทั้งระบบ ซึ่งได้ดำเนินการทบทวนด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานให้มากขึ้น รวมทั้งการเจรจาค้าขายกับต่างประเทศ โดยต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรภายในประเทศ ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนคำนึงถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการให้เป็นแรงงานที่มีฝีมือ เพื่อให้เป็นแรงงานที่มีศักยภาพ และเพิ่มรายได้สูงขึ้น

People unity news online : post 4 เมษายน 2561 เวลา 09.00 น.

นายกฯระบุยุทธศาสตร์ชาติกำหนดทิศทางและแก้ปัญหาประเทศ บอกตนเองเป็นคนเบิร์ด เบิร์ด

People Unity News : นายกรัฐมนตรียืนยันยุทธศาสตร์ชาติกำหนดทิศทาง และแก้ปัญหาของประเทศ ย้ำไม่มีปัญหาไหนแก้ได้ในวันเดียว

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.2563) เวลา 19.30 น. ณ อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมรับฟังการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยืนยันตัวตนที่แท้จริงเป็นคนสบายๆ แบบ “เบิร์ด เบิร์ด” พร้อมชี้แจงประเด็นสำคัญทั้งการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน การปราบปรามยาเสพติด บ่อนการพนัน การป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการบริหารราชการแผ่นดิน

นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีเหตุรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงบ่าย ซึ่งได้มอบหมายรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำหน่วยบัญชาการพิเศษเข้าไปดูแลในพื้นที่แล้ว ซึ่งเป็นการเตรียมการในระยะที่ 2 และวันรุ่งขึ้นแต่เช้าก็ได้รีบเดินทางลงไปเพื่อไปควบคุมการดำเนินการซึ่งเป็นระยะที่ 3 ระหว่างนั้นก็ได้รับรายงานมาว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นไปตามขั้นตอนแผนปฏิบัติการ เมื่อเดินทางถึงก็เข้าไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารีและโรงพยาบาลกรุงเทพนครราชสีมา ตนเองเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นและเมื่อลงมาชั้นล่างของโรงพยาบาลก็มีประชาชนจำนวนมากมาโบกมือให้กำลังใจ ก็ได้ตอบสนองพี่น้องประชาชนที่มารออยู่ โดยโบกมือทำสัญลักษณ์ให้กำลังใจชาวจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมกันผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้น ขณะนี้ก็กำลังสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด หากมีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกองทัพบก กองทัพบกก็พร้อมน้อมรับเพื่อหามาตรการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

นายกรัฐมนตรีได้ตอบข้อซักถามถึงการแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งหนี้นอกระบบ หนี้ครัวเรือน มีการออกกฎหมายทั้งพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา และพระราชบัญญัติคุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย จับกุมผู้กระทำความผิดดำเนินคดีได้ 1,712 คดี มีผู้ต้องหา จำนวน 1,736 ราย พร้อมทั้งจัดพิธีคืนโฉนดไปแล้ว 12 ครั้ง ซึ่งผลการช่วยเหลือทำให้มีลูกหนี้ได้รับคืนทรัพย์สินถึง 25,044 ราย โฉนดที่ดิน 21,304 ฉบับ คิดเป็นเนื้อที่ 59,421 ไร่ 3 งาน 27.42 ตารางวา มูลค่ารวมทั้งสิ้น 30,667 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี “ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” สืบสวน ขุดรากถอนโคนอาชญากรรม ทุกคนสามารถแจ้งเข้ามาได้หากพบใครโกงใครทุจริตก็จะถูกจับกุมลงโทษ ทั้งนี้ ประชาชนต้องมีส่วนร่วมเพราะเราเป็นสังคมใหญ่เดียวกัน  นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “นาโนไฟแนนซ์ และ พิโกไฟแนนซ์” เพื่อปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนเพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบมากขึ้น ล่าสุดมีการปล่อยสินเชื่อแล้ว 500,000 ราย รวมทั้งส่งเสริมให้มีสถาบันการเงินชุมชนหรือธนาคารชุมชนให้เกิดการออมเพื่อสร้างความยั่งยืน มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ปรับโครงสร้างหนี้ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ขยายเงินกู้ พักชำระหนี้ และที่สำคัญคือ การให้ความรู้ทางการเงินผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 4 กลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป SMEs เด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ ด้วย ซึ่งหลังจากนี้ ครม. ก็จะได้มีการออกมาตรการต่างๆทยอยออกมาอีก

สำหรับการดำเนินการในการปราบปรามยาเสพติดนั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่าประเทศไทยไม่ใช่ประเทศฐานการผลิตยาเสพติดและได้ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 5 ประเทศ มีผลงานทั้งการทำลายโรงงานยาเสพติด ทำลายโครงสร้าง สลายเครือข่ายอิทธิพลทั้งแหล่งค้า ทุกวันนี้เครื่องจักรแบบใหม่และหัวเชื้อด้วยสารเคมีทำให้ผลิตยาบ้าได้เป็นจำนวนมาก ราคาถูก แต่ก็ยังดำเนินการจับกุมมาตลอด โดยเฉพาะการสืบหานายทุน แล้วทำการยึดทรัพย์ ซึ่งสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ทำการสำรวจตัวอย่างจำนวน 46,000 ราย ระหว่าง 10 เมษายน ถึง 15 พฤษภาคม 2562 พี่น้องประชาชนร้อยละ 95.2 มีความพึงพอใจในการดำเนินงานและในการป้องกันปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล  ทั้งนี้ จากข้อมูลจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC : Office des Nations unies contre la drogue et le crime)  การจับกุมยาบ้าในภูมิภาคนี้เฉลี่ยแล้วเพิ่มสูงขึ้น 15 เท่า ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 12 เท่า จีน 20 เท่า การจับกุมไอซ์ในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้น 5 เท่า ของไทยเพิ่มขึ้น 112 โดยไทยนั้นได้มีการดูแลลงไปถึงหมู่บ้านชุมชน  ทำให้ตั้งแต่ปี 2558-ปัจจุบัน สัดส่วนหมู่บ้าน ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติดลดลง และในปี 2562 มีหมู่บ้าน/ชุมชนที่มีปัญหายาเสพติด อยู่ที่ร้อยละ 30 ซึ่งก็ยังคงมากอยู่ ปัญหาที่รัฐบาลเข้าไปดูแลต่อไปคือการลดจำนวนนักโทษ ปัจจุบันนักโทษคดียาเสพติดมีจำนวนมาก ล้นคุก ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งแยกผู้เสพและผู้ค้ารายย่อยออกจากรายใหญ่ การฟื้นฟู การหาอาชีพ ดูแลให้งานสาธารณสุขนำหน้าการบำบัดผู้ต้องขัง การฝึกอาชีพ ซึ่งวันนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายบริษัทห้างร้าน สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือผู้ต้องขังเมื่อพ้นโทษมีอาชีพและมีโอกาส

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเตรียมพร้อมการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาว่า รัฐบาลได้มีการเตรียมการล่วงหน้า แต่ไม่ได้มีการประกาศเพราะไม่ต้องการสร้างความตื่นตระหนกตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ตั้งแต่การตรวจสอบที่สนามบิน การให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรค 14 วัน 21 วัน ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่มีมาตรการตรวจคัดกรองที่สนามบิน สำหรับการเดินทางไปรับคนไทยที่เมืองอูฮั่นนั้นได้ประสานกับประเทศต้นทาง แต่จีนเองก็มีมาตรการของเขา ต่อมาเราก็ได้ประสานเครื่องบินพาณิชย์ที่มีเส้นทางบินอยู่เดิมให้ไปรับคนไทยกลับมา สำหรับหน้ากากอนามัยนั้นประสานเพื่อแบ่งจำนวนหนึ่งมาช่วยจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งในส่วนของรัฐบาลก็ได้แจกจ่ายไปกว่าแสนชิ้น ขณะนี้ได้ให้ชุมชนช่วยเย็บหน้ากากผ้าเพื่อแจกอีก โดยจะให้ อปท. ช่วยดูแลจัดการเป็นการส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้าน ชุมชน ซึ่งสามารถป้องกันได้ระดับหนึ่ง ยืนยันว่าราชการไม่มีการปิดบังตัวเลขเพราะสั่งให้มีการชี้แจงทุกวันอยู่แล้ว

สำหรับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง รถไฟเมื่อปี 2557 มีเส้นทางรถไฟทั้งหมด 4,024 กิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นทางเดี่ยวร้อยละ 91.5 ซึ่งวันนี้ได้ดำเนินการอีกหลายโครงการ ทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 6 เส้นทาง รถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ระยะทาง 1,489 กิโลเมตร รถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง 473 กิโลเมตร จะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป และในปี 2569 จะมีโครงข่ายทางรถไฟเพิ่มขึ้นเป็น 6,191 กิโลเมตร ขณะที่ด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางถนน มีการเปิดบริการแล้วหลายเส้นทาง ช่วงศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ทางหลวงระหว่างเมืองพัทยา-มาบตาพุด บางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-กาญจนบุรี ช่วงพระราม 3-ดาวคะนอง หากทำได้แล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2566 จะมีโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นเป็น 525 กิโลเมตรจากในปี 2557 ที่มีเพียง 165 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้มากพอสมควร  ด้านการบริการโครงข่ายรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ 3 เส้นทาง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 เส้นทาง จะแล้วเสร็จในปี 2569 ที่จะมีโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ จากเดิมที่มีอยู่เพียง 72 กิโลเมตร เป็น 415 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 680 ตารางกิโลเมตร รองรับการให้บริการประชาชนได้ประมาณ 5.13 ล้านคน ส่วนรถโดยสารประจำทางอยู่ระหว่างการเร่งปฏิรูปแนวทางเดินรถโดยสารใหม่ การทบทวนรูปแบบการหารถที่เหมาะสมทั้งของภาครัฐและเอกชน

การพัฒนาระบบขนส่งทางอากาศ มีทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 2 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะชี้แจงรายละเอียด รวมทั้งท่าอากาศยานภูเก็ตระยะที่ 1 ท่าอากาศยานแม่สอด จังหวัดตาก ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเป็น 136 ล้านคนต่อปี จากเดิมมี 117 ล้านคนต่อปีในปี 2557 นอกจากนี้มีโครงการใหม่อีก 5 แห่งคือ กระบี่ สุวรรณภูมิเฟส 2 บริการอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ในปีนี้ และทางวิ่งเส้นทางที่ 3 ภายในปี 2565 ท่าอากาศยานานาชาติอู่ตะเภา ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา โดยทั้งหมดจะแล้วเสร็จในปี 2567 จะทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถของท่าอากาศยานในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 169.8 ล้านคนต่อปี สำหรับการขนส่งทางน้ำ มีโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง มาบตาพุด เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถรองรับตู้สินค้าได้เป็น 13.3 ล้านTEU ต่อปีในปี 2566 และจะมีการรองรับการขนถ่าย LNG สินค้าเหลวเพิ่มขึ้นอีก 19 ล้านตันต่อปีในปี 2573

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติว่า การทำงานตามยุทธศาสตร์ชาติตามแผนปฏิรูป สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 เพื่อให้ประเทศมีเส้นทางเดิน แต่ก็ปรับเปลี่ยนได้ทั้งหมด ตนไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ใครได้ เป็นการประมูล ทุกเรื่องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขอให้เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ที่ประเทศอื่นๆให้มากกว่าเรา ขอให้ช่วยกันสร้างการรับรู้ในเรื่องนี้ด้วย  เช่นเดียวกับเหตุผลที่ไทยต้องสร้างรถไฟความเร็วสูงด้วยการลงทุน 1 แสนกว่าล้าน เพราะเราต้องการเป็นเจ้าของเส้นทางเองในเส้นทางรถไฟสายแรก มีสิทธิในการบริหารเศรษฐกิจทั้งหมดบนเส้นทางตลอดเส้นทาง เพียงใช้เทคโนโลยีและวิศวกรต่างประเทศ เป็นการทำตามกติกาด้วยความสัมพันธ์อันดี ไทยเลือกใครไม่ได้ต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ โดยการสร้างทางรถไฟต้องเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหม One  Belt One Road กับต่างประเทศ เพราะเป็นเส้นทางที่ผ่าน 100 กว่าประเทศ เพื่อเป็นการเคลื่อนย้ายคน บุคลากร ที่มีขีดความสามารถและเคลื่อนย้ายเทคโนโลยีด้วย

สำหรับปัญหาขยะพลาสติกนั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว เพราะเป็นวิกฤตสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีการจัดทำโรดแมปปี 2561 – 2573 ที่มีเป้าหมายที่ 1 คือการเลิกใช้ถุงพลาสติก ซึ่งจะต้องหามาตรการเยียวบริษัท ร้านค้า ประชาชน ด้วย ขอให้ทุกคนช่วยกันใช้ถุงผ้า วันนี้กำหนดให้เลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม ไมโครบีดส์จากพลาสติก เลิกใช้พลาสติก 4 ชนิดภายในปี 2565 ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาดน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว หลอดพลาสติก โดยทั้งหมดนี้จะต้องมีมาตรการเปลี่ยนผ่าน สำหรับเป้าหมายที่ 2 คือ การนำขยะพลาสติกเป้าหมายกลับมาใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ภายในปี 2570 นำวัสดุของเก่ามาแปรรูปเป็นวัสดุรีไซเคิล ทั้งนี้ เรื่องการอนุญาตนำเข้าในวันนี้ได้ลดไปแล้วหลายร้อยชนิด มีมาตรการเป็นระยะๆ ถ้ายังพบมีการนำเข้าขยะพิษอยู่ ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

เรื่องแม่วัยใส แม่เลี้ยงเดี่ยว ครอบครัวแหว่งกลาง ปู่ย่าตายายเลี้ยงลูกแทนพ่อแม่ ตนมีข้อมูลเป็น Big Data ทั้งหมด สำรวจแล้วทั้งประเทศ 5 แสนครัวเรือน จะต้องมีมาตรการเชิงป้องกัน มาตรการการเยียวยา พัฒนาให้มีทักษะพึ่งตนเองได้ ให้สภาเด็กและเยาวชน สภานักเรียนทุกตำบล อบรมสื่อสาร มีพี่เลี้ยง โดยกรมอนามัย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน มหาวิทยาลัยในพื้นที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมดำเนินการเชิงรุก บูรณาการร่วมกันหลายกระทรวง รวมทั้งสังคมชุมชนต้องช่วยกัน  และทั้งหมดข้างต้นที่กล่าวมานี้ คือแค่ตัวอย่างงานที่รัฐบาลดำเนินการ และยังมีอีกจำนวนมากซึ่งจะได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนต่อไป โดยการดำเนินการยึดยุทธศาสตร์ชาติเป็นแนวทาง เพื่อเป้าหมายประเทศและประชาชนมีชีวิตและโอกาสที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

โฆษณา

นายกฯเผยกำลังดูข้อกฎหมายกรณีการเคลื่อนไหวของทักษิณในต่างประเทศ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเผยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณาข้อกฎหมายการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 เวลา 13.05 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความเคลื่อนไหวปลุกระดมนักการเมืองในต่างประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้สื่อมวลชนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ขณะนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดตามกฎหมายอะไรหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้เคยเตือนไปแล้ว และเป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณากันต่อไป ส่วนการสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆของคนนอก เรื่องนี้ต้องไปดูกฎหมายอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลา มีการบังคับใช้กฎหมายแล้วกลายเป็นว่า ไม่มีความเป็นธรรมกันขึ้นมาอีก ซึ่งเรื่องนี้มีปัญหากันมาโดยตลอด สื่อมวลชนต้องช่วยกันทำความเข้าใจด้วย แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่เคลื่อนไหวในต่างประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็มีกฎหมายเป็นของตัวเอง แตกต่างกันคนละอย่างสองอย่าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะดำเนินการอะไรได้มากนัก ทั้งนี้ เราต้องทำทุกอย่างให้ครบตามขั้นตอนและกระบวนการ อย่างครั้งที่แล้วก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว แต่ก็กลายเป็นว่ารัฐบาลไปไล่ล่า ถ้าทุกคนอยู่กันแบบสงบเงียบเรียบร้อย ก็ไม่มีปัญหาที่ต้องไปทำอะไรกันต่อเพราะต่างก็มีคดีกันอยู่ทั้งสิ้น

People unity news online : post 16 สิงหาคม 2561 เวลา 10.40 น.

Verified by ExactMetrics