วันที่ 3 พฤษภาคม 2024

ผู้ว่าฯ ธปท.คาด GDP ปี 66 โต 3.6% ชี้นโยบายหาเสียงกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น

People Unity News : 24 เมษายน 2566 ผู้ว่าฯ ธปท.คาดจีดีพีปี 2566 โต 3.6% ชี้นักท่องเที่ยวต่างชาติ-การบริโภคภาคเอกชน ยังหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เสถียรภาพเข้มแข็ง แต่ยังกังวลหนี้ครัวเรือน มองนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้o

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยเจอวิกฤตจากหลายปัจจัย เริ่มจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงัก ขณะที่จีดีพีของไทยปี 2563 หดตัวอยูที่ 6.1%, ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้เงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นสูงสุด 7.9% ในเดือน ส.ค.2565 ขณะที่ธนาคารกลางหลักพร้อมใจกันขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี อยู่ที่ 38.40 บาท เมื่อ 28 ก.ย.2565 และปัญหาภาคธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งระบบการเงินไทยได้รับผลกระทบในวงจำกัด ทั้งนี้ ธปท.ยังจับตาความผันผวนของตลาดการเงินโลกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 มองว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีจะเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก  โดยคาดว่าครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ที่ 2.9% และครึ่งปีหลังอยู่ที่ 4.3%  ภาพรวมทั้งปีอยู่ที่ 3.6%  โดยปัจจัยหลักที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าตลอดทั้งปีจะแตะ 28 ล้านคน และการบริโภคภาคเอกชน  แต่ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าครึ่งปีแรกคาดว่าจะติดลบ และกลับมาเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง  ขณะที่รายได้เกษตรกรในช่วงครึ่งปีหลังจะติดลบเนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้นสูงมาก จึงเข้าสู่ช่วงปรับลดลง ขณะที่เงินเฟ้อ คาดอยู่ที่ 2.9%  อย่างไรก็ตาม ยังกังวลหนี้ครัวเรือนมองว่าปีนี้จะอยูที่ 86.9% ซึ่งยังอยู่ในระดับสูง แต่ยังมั่นใจว่าจะไม่ลุกลามถึงระบบเสถียรภาพการเงินโดยรวม

ส่วนการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือน พ.ค.2565 ที่หลายพรรคการเมืองประกาศนโยบายหาเสียง ลดแลกแจกแถมนั้น หากได้รับเลือกตั้งและมีการนำมาใช้จริง มองว่าเป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น  ได้ผลเพียงชั่วคราว  และจะเกิดผลกระทบตามมา ตัวเลขหนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้น และยังมีค่าเสียโอกาส  อยากเสนอทางเลือกเพิ่มเติมว่าควรนำทรัพยากรที่มีไปบริหารจัดการในภารกิจที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจของประเทศ

Advertisement

ชายหาดไทย 5 แห่ง ติดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก เกาะกระดาน ติดอันดับ 1

People Unity News : 6 เมษายน 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี ชายหาดไทย 5 แห่ง ติดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 โดยเว็บไซต์ World beach guide จัดอันดับให้เกาะกระดาน จ.ตรัง เป็นอันดับ 1 ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ชื่นชมทุกหน่วยงานต่อยอดความนิยม ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ชายหาดไทยถึง 5 แห่ง ติดอันดับชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566 (Top 100 beaches on Earth 2023) จากเว็บไซต์ World beach guide ปลื้มเกาะกระดาน จังหวัดตรัง ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก สะท้อนความนิยมต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวไทย ผ่านการส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวชายหาด World Beach Guide ของประเทศอังกฤษ เผยแพร่ผลการจัดอันดับในหัวข้อ “100 อันดับ ชายหาดที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2566” (Top 100 beaches on Earth 2023) (https://www.worldbeachguide.com/top-100-beaches-earth.htm) ซึ่งชายหาดจากประเทศไทยติดอันดับถึง 5 แห่ง ได้แก่

อันดับ 1 เกาะกระดาน จังหวัดตรัง

อันดับ 9 หาดไร่เลย์ จังหวัดกระบี่

อันดับ 18 หาดฟรีด้อม (Freedom beach) จังหวัดภูเก็ต

อันดับ 21 แหลมหาด เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา และ

อันดับ 44 อ่าวโตนด เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี

โดยได้ระบุว่าประเทศไทยเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี มีชายหาดที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียดที่ทอดยาวตลอดแนวชายหาดเปรียบเหมือนสวรรค์ของนักท่องเที่ยว ซึ่งเกาะกระดาน จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม โดยเกาะกระดาน ถือเป็นสถานที่ที่มีเกาะที่สวยงามที่สุดและส่วนใหญ่ยังคงสภาพสมบูรณ์ อยู่ห่างจากทางใต้ของจังหวัดภูเก็ตและใกล้เกาะพีพีเพียง 2 – 3 ชั่วโมง จึงล้อมรอบไปด้วยความงดงามตามธรรมชาติ ซึ่งไม่มีผู้คนพลุกพล่านและเสียงรบกวน

“นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการจัดอันดับดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความนิยมและความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีต่อแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของไทย ซึ่งเป็นอีกทรัพยากรทางธรรมชาติของประเทศที่สำคัญและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สามารถต่อยอด สร้างกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลได้อีกมาก พร้อมขอบคุณหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชน ที่พร้อมใจกันสานต่อความนิยมของไทย เป็นไปตามกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจ ซึ่งแต่ละจังหวัดสามารถนำเสนอรูปแบบ แนวทาง กิจกรรม อาหารการกิน ประเพณีและวัฒนธรรม เป็นไปตามแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ต่อไป” นายอนุชา กล่าว

อนึ่ง หนึ่งในแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยปี 2566 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กำหนด ได้แก่ “Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters” ซึ่งเน้นการสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมายและทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว (Meaningful Travel) โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible tourism) ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

Advertisement

นายกฯ ยินดี ร้านอาหารไทยคว้าอันดับ 1 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย

People Unity News : 1 เมษายน 2566 โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ร่วมแสดงความยินดี ร้านอาหารไทยคว้าอันดับ 1 การจัดอันดับ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย Asia’s 50 Best Restaurants 2023 ร้านอาหารไทยติดอันดับรวม 9 ร้าน ตอกย้ำเอกลักษณ์ soft power ของไทยในระดับสากล

วันนี้ (1 เม.ย. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและร่วมแสดงความยินดีกับ 9 ร้านอาหารไทยติดอันดับต้นๆ ในการจัดอันดับ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 เชื่อมั่นอาหารไทยเป็นอาหารที่มีเสน่ห์ ครบรส สวยงาม เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทย สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมากให้กับประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า Asia’s 50 Best Restaurants Academy ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคคลสำคัญวงการอาหารกว่า 300 คน ประกอบด้วยนักเขียนบทความอาหาร นักวิจารณ์ เชฟ ผู้ประกอบการร้านอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารในระดับภูมิภาค ได้ร่วมกันจัดอันดับร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 (Asia’s 50 Best Restaurants 2023) โดยร้าน Le Du ของไทยได้รับอันดับ 1 ร้านอาหารยอดเยี่ยม (https://www.theworlds50best.com/asia/en/list/1-50) โดยขึ้นมาจากลำดับที่ 4 จากปีก่อน และยังได้รับอันดับ 1 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งประเทศไทย (The Best Restaurant in Thailand) ควบอีก 1 รางวัลด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในการจัดอันดับดังกล่าว ร้านอาหารไทยรวม 9 อันดับ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และเป็นเมืองที่ได้รับรางวัลมากที่สุดอีกด้วย ได้แก่ ร้าน Le Du อันดับ 1 ร้าน Nusara อันดับ 3 ร้าน Gaggan Anand อันดับ 5 ร้าน Sorn อันดับ 9 ร้าน Suhring อันดับ 22 ร้าน Ms. Maria & Mr. Singh อันดับ 33 ร้าน Potong อันดับ 35 Raan Jay Fai (เจ๊ไฝ) อันดับ 38 ร้าน Baan Tepa อันดับ 46 และแม้ว่าผู้ชนะส่วนใหญ่ในการจัดอันดับจะเป็นร้านอาหารรสเลิศ แต่ร้านอาหารริมทางอย่าง ร้านเจ๊ไฝ ก็ได้รับการจัดให้ติดใน 1 ใน 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2566 ด้วย

“รัฐบาลชื่นชมและตระหนักถึงศักยภาพหลายๆ ด้านของไทย โดยอาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติ ใช้วัตถุดิบที่หลากหลาย ครบเครื่อง โดดเด่นในการนำเสนอวัฒนธรรม นำความเป็นไทยเผยแพร่ไปสู่สากล สู่การเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลยินดีผลักดัน และสนับสนุนศักยภาพในด้านนี้เสมอมา และพร้อมผลักดันให้อาหารไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว” นายอนุชา กล่าว

 Advertisement

นายกฯ ยันไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพงาน EXPO 2028 Phuket Thailand

People Unity News : 29 มีนาคม 2566 นายกฯ ประชุมความคืบหน้าเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน EXPO 2028 Phuket Thailand ยันไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ เชื่อได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน EXPO 2028 Phuket Thailand ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ว่าได้มีการหารือกับคณะทำงานทั้งหมด พร้อมฝากไปยังประชาชนว่า นี่คืออนาคตของประเทศในปี 2028 นี้ ที่ไทยจะมีโอกาสในการจัดงาน expo ระดับโลก ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการหาเสียงในประเทศสมาชิก 171 ประเทศ ซึ่งการตัดสินจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะนี้ ประเทศไทยได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายประเทศแล้ว แต่ยังต้องหาเสียงต่อไป เพื่อให้ผ่านการคัดเลือก หากไทยได้เป็นเจ้าภาพ ถือเป็นโอกาสดีของประเทศที่จะได้ผลประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อม เช่น ผลประโยชน์โดยตรง ส่งเสริมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น ช่วยสร้างรายได้ในพื้นที่ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และเรื่องอื่นๆ เช่น ประเทศไทยกำลังส่งเสริมด้าน Health and Wellness ซึ่งตนเองได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่แล้ว และเป็นที่น่าพอใจ มีพื้นที่สวยงาม และยังมีธรรมชาติอีกมาก ซึ่งงบประมาณได้มีการจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกัน และเป็นเจ้าภาพที่ดี เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ และกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง จึงขอให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพราะจะส่งผลให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดี ซึ่งหลายอย่างรัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ยอมรับว่า ยังกังวลกับผู้ที่มีรายได้น้อย จึงมุ่งหวังว่าจะทำให้ดีขึ้นในระยะต่อไปตามงบประมาณที่มีอยู่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการจัดงานครั้งนี้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของตนเองที่ได้วางไว้ ให้ประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นการตอบโจทย์ BCG ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ตนเองยังมีวิสัยทัศน์ที่จะเชื่อมเศรษฐกิจฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน หรือ “ไทยแลนด์ริเวียร่า” ให้เกิดความเชื่อมโยงกัน เพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนใครจะมาสานต่อ ตนเองไม่ทราบ

พร้อมกันนี้ รัฐบาลจะแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ภาคใต้ไม่ให้เกิดการแออัด ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในอนาคตอยากฝากการสร้างเส้นทางสายใต้ใหม่อีกเส้น หากมีความเป็นไปได้ก็จะมีเส้นทางในพื้นที่ภาคใต้เพิ่มขึ้น แต่บางอย่างติดปัญหาเรื่องประชาชนและคุณภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมย้ำรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการเรื่องต่างๆ มากพอสมควร จึงอยากให้ทุกคนมองไปข้างหน้าด้วยกัน แต่สิ่งสำคัญต้องเคารพความคิดเห็นของประชาชนเป็นหลัก ขณะนี้ประเทศก้าวมาไกลแล้ว ดังนั้นจึงต้องก้าวต่อไป ให้ประเทศชาติมีความมั่นคงปลอดภัย นั่นคือสิ่งที่ไทยมีความพร้อมในด้านศักยภาพอยู่แล้ว และเป็นประเทศที่หมายหลักของหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศที่จะร่วมมือกับเรา และอยากให้ประเทศไทยเป็นเมดิคัลฮับ ในเรื่องการรักษาพยาบาล ซึ่งประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก

ดังนั้น ขออย่าทำลายโอกาสนี้ด้วยความไม่เรียบร้อย ทะเลาะเบาะแว้งกัน สิ่งไหนที่ไม่ดีก็อย่าทำในช่วงนี้ เพราะประเทศชาติกำลังเดินไปและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบใหม่ ซึ่งมีความซับซ้อน มีความไม่แน่นอนผันผวนอยู่ ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องปรับตัวให้ทันโลกด้วย เพราะเรายังมีโอกาส

Advertisement

10 ธนาคารร่วมมือรัฐบาล ตัดวงจรหลอกโอนเงิน ยกเลิกส่ง SMS – แนบลิงก์

People Unity News : 25 มีนาคม 2566 รองโฆษกรัฐบาลเผย 10 ธนาคารพาณิชย์ร่วมมือรัฐบาลตัดวงจรหลอกโอนเงิน ยกเลิกส่ง SMS แบบแนบลิงก์ ถ้าเจอเป็นมิจฉาชีพแน่นอน ที่เหลือกำลังดำเนินการ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่มุ่งปราบปรามและป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยทุกภาคส่วนได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง และล่าสุด ธนาคารพาณิชย์บางส่วนได้ออกมาตรการยกเลิกการส่ง SMS และแบบแนบลิงก์แล้ว 10 แห่ง (ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารทหารไทยธนชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์) และธนาคารที่ยกเลิกการส่งอีเมลแบบแนบลิงก์อีก 2 แห่ง (ธนาคารกรุงเทพและธนาคารอาคารสงเคราะห์) ที่เหลือกำลังดำเนินการ (ข้อมูล ณ 24 มีนาคม 2566) ดังนั้น หากประชาชนได้รับ SMS หรืออีเมลที่แนบลิงก์ส่งมาให้ โดยอ้างว่ามาจากธนาคารดังกล่าว ขออย่าคลิกเด็ดขาด เพราะนั้นเป็นการส่งจากมิจฉาชีพแน่นอน

นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า ขณะนี้กฏหมายลงโทษผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งผู้กระทำผิดจะได้รับโทษอาญาหนัก จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้ที่ได้เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนหมายเลขโทรศัพท์ ก็มีโทษอาญาหนักเช่นกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนประชาชนที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ไปปิดบัญชีให้หมด และสำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้ตรวจความเคลื่อนไหวของบัญชีเป็นประจำ เมื่อพบความผิดปกติให้แจ้งธนาคารทันที

Advertisement

ปตท.คว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2565

People Unity News : 24 มีนาคม 2566 สคร. จัดงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2565“รัฐวิสาหกิจไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน GROW GREEN BALANCE”

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จัดงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2565 ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (GROW GREEN BALANCE)” โดยมีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในงาน พร้อมทั้งให้เกียรติมอบรางวัลและมอบนโยบายให้แก่รัฐวิสาหกิจ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยการจัดงานในปีนี้มีการมอบรางวัลทั้งสิ้น 11 ประเภทรางวัล

นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการ สคร. เปิดเผยว่า สคร. ได้มีการจัดงานมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น หรือ SOE Awards อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพและนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งได้รับการตอบรับในการเข้าร่วมงานจากรัฐวิสาหกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีตลอดมา โดยการจัดงานในปีนี้ ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (GROW GREEN BALANCE)” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนรัฐวิสาหกิจในการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือ BCG Model เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล ผ่านการใช้ทรัพยากรอย่างสมดุล ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

สำหรับผลรางวัล SOE Award ประจำปี 2566 ทั้ง 11 ประเภทรางวัล มีดังนี้

1.​รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น

​(1) ประเภทเกียรติยศ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

​(2) ประเภทดีเด่น ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และธนาคารอาคารสงเคราะห์

2.รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น

​(1) ประเภทเกียรติยศ ได้แก่ ธนาคารออมสิน

​(2) ประเภทดีเด่น ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และธนาคารอาคารสงเคราะห์

3.รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม

4.รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น – ไม่มีผู้ที่ได้รับรางวัล –

5.รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

6.รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน

7.รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น

​​(1) ประเภทดีเด่น ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และธนาคารอาคารสงเคราะห์

​​(2) ประเภทชมเชย ได้แก่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และธนาคารออมสิน

8.รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น แบ่งรางวัลเป็น 2 ด้าน ประกอบด้วย

​8.1 ด้านความคิดสร้างสรรค์

​​(1) ประเภทดีเด่น ได้แก่ การประปานครหลวง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน

​​(2) ประเภทชมเชย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

​8.2 ด้านนวัตกรรม

​​(1) ประเภทดีเด่น ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และธนาคารอาคารสงเคราะห์

​(2) ประเภทชมเชย ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และธนาคารออมสิน การยาสูบแห่งประเทศไทย องค์การเภสัชกรรม องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ

9.รางวัลความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาดีเด่น

​(1) ประเภทดีเด่น จำนวน 1 คู่ความร่วมมือ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

​(2) ประเภทเชิดชูเกียรติ จำนวน 1 คู่ความร่วมมือ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

10.รางวัลบริการดีเด่น ได้แก่ ธนาคารออมสิน การประปานครหลวง และธนาคารอาคารสงเคราะห์

11.รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2565 ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

Advertisement

จ่อส่งออกน้ำมันปาล์ม  ลดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ

People Unity News : 10 มีนาคม 2566 “พล.อ.ประวิตร” ห่วงใยชาวสวนปาล์ม จ่อดันส่งออกน้ำมันปาล์ม ลดสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ กระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นย้ำให้ดูแลกลไกราคา ให้เกิดความเป็นธรรมต่อชาวสวนปาล์ม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการปาล์มแห่งชาติ (กนป.) มีความห่วงใยพี่น้องเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันของประเทศ สืบเนื่องจากมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 66 ได้เห็นชอบการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลอยู่ที่ 7% หรือ บี7 ไปจนถึงเดือน กันยายน 66   ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจกระทบต่อราคาปาล์มน้ำมันทะลายของเกษตรกรในอนาคต  รองนายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเตรียมรับกับสถานการณ์ที่จะเข้าสู่ฤดูกาลที่ผลปาล์มมีผลผลิตมากในช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ โดยรองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ดูแลกลไกราคา ให้เกิดความเป็นธรรมต่อชาวสวนปาล์ม

พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ได้เชิญผู้แทนกระทรวงการคลัง สำนักงานงบประมาณ กรมการค้าภายใน สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนป. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาหารือการผลักดันส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ปี 2566 เป้าหมาย 150,000 ตัน ระยะเวลาส่งออกตั้งแต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ถึง กันยายน 2566 โดยรัฐบาลจะพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสำหรับการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil : CPO) ในอัตราไม่เกิน 2.00 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ทั้งนี้ เพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน และรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศรวมถึงอาจพิจารณาอุดหนุนการส่งออกเพิ่มเติมในอนาคตตามสถานการณ์ผลผลิตที่คาดว่าจะมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้นอีกใน ปี 2566

ทั้งนี้ จะได้นำข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ เกี่ยวข้องกับเหตุผลความจำเป็นในการดำเนินโครงการและรายละเอียดด้านงบประมาณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นำมาพิจารณาทบทวน โดยจะต้องคำนึงถึงแนวทางปฏิบัติที่ได้มีประกาศ กกต. ตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลานี้อีกด้วย

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกหน่วยงานให้คำนึงถึงเกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ไม่ไห้ได้ผลกระทบ หรือ ได้ผลกระทบน้อยที่สุด และขอให้ดำเนินมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์โลก ทั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงมาตรการระยะยาว ได้แก่ หลักการการเกษตรอัจฉริยะ Smart Farming การขับเคลื่อนการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันในรูปแบบของศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อการพัฒนาจังหวัด Center of Excellence for Provincial Development หรือ COE-PD) ด้านการเกษตร ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร เสริมสร้างรายได้ให้ “กินดีอยู่ดี” อย่างยั่งยืน

Advertisement

ข่าวดีชาวไร่อ้อย! ครม. เคาะราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูผลิตปี 64/65 ตันละ 1,106.40 บาท

People Unity News : 7 มีนาคม 2566 ที่ประชุม ครม. (7 มี.ค. 66) เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 64/65 เป็นรายเขต 9 เขต โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้

1.ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 64/65 เฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา ตันอ้อยละ 1,106.40 บาท ณ ระดับความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส.

2.อัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อย เฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ 66.38 บาท ต่อ 1 หน่วย ซี.ซี.เอส.

3.ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิต ปี 2564/2565 เฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ 474.17 บาทต่อตันอ้อย

ซึ่งราคาอ้อยขั้นสุดท้ายฤดูการผลิตปี 64/65 อยู่ในระดับสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้น ดังนั้น กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย จึงไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่โรงงาน

ส่วนรายได้สุทธิจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายสูงกว่าราคาอ้อยขั้นสุดท้าย โรงงานน้ำตาลต้องนำส่งเงินส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้ายให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตันอ้อยละ 10 บาท ตามมาตรา 57 พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527

Advertisement

นายกฯเตรียมบูรณะโบราณสถานในอยุธยา

People Unity News : 3 มีนาคม 2566 นายกฯตรวจเยี่ยมสภาพโบราณสถานวิหารพระมงคลบพิตร และวัดพระศรีสรรเพชญ์ เพื่อเตรียมการบูรณะ  อารมณ์ดีทักทาย-ถ่ายรูป นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น แซววันหน้าต้องมากินอาหารญี่ปุ่นในไทย

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ตรวจเยี่ยมสภาพวิหารพระมงคลบพิตร และวัดพระศรีสรรเพชญ์ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเตรียมการบูรณะให้เป็นแหล่งการเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเข้ากราบสักการะพระมงคลบพิตร ถวายพวงมาลัย ผ้าห่มพระมงคลบพิตรและรับฟังประวัติและสถานที่สําคัญภายในวัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยในอดีตวัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดสำคัญในสมัยอยุธยา มีสถานะเป็นวัดประจำพระราชวังหลวง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ภายในวัดยังใช้เป็นสถานที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยอยุธยา จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินชมโดยรอบของวัดศรีสรรเพชญ์  พร้อมกับสอบถามประวัติการอนุรักษ์วัดพระศรีสรรเพชญ์ โดยในปี พ.ศ. 2560 สํานักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา กรมศิลปากร ดําเนินการบูรณะวิหารป่าเลไลย์และป้อมมุมด้านทิศตะวันตก เฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ นอกจากนี้เมื่อ พ.ศ. 2562 กรมศิลปากรดําเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบวัดพระศรีสรรเพชญ์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดูแลรักษาโบราณสถานในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวสําคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเพื่ออํานวยความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยว เช่น ปรับปรุงทางเดินและประตูภายในวัด ติดตั้งทางลาด ปรับปรุงระบบไฟส่องสว่างโบราณสถาน ติดตั้งระบบน้ำเพื่อรดน้ำและปรับปรุงสนามหญ้าให้เกิดความสวยงามแก่โบราณสถานมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเปิดเป็นแหล่งการเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์

นายกรัฐมนตรี ชื่นชมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันดูแลรักษาโบราณสถานประวัติศาสตร์สำคัญของประเทศไทย และยังสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ ชื่อเสียงให้กับจังหวัดและประเทศ ซึ่งในวันข้างหน้าจะต้องมีการคิดไอเดียใหม่ๆ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ภายในพื้นที่นำมาเพิ่มมูลค่าจึงจะยั่งยืน ถ้าหากคิดโปรเจ็กต์ที่ใหญ่ ใช้งบประมาณมาก ทรัพยากรมาก โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็จะไม่แน่นอน โดยวันนี้อาจเพิ่มกิจกรรมที่น่าสนใจ เสริมผลิตภัณฑ์ในชุมชนเข้าไปในสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาเที่ยวในจังหวัด ทำให้การท่องเที่ยวคึกคักมากขึ้น ต้องไม่ลืมว่าแหล่งท่องเที่ยวของไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทักทายและร่วมถ่ายภาพกับประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกับรับมอบดอกไม้และพูดคุย สอบถามด้วยความเป็นกันเอง และได้กล่าวติดตลกกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น เกี่ยวกับการที่คนไทยนิยมอาหารญี่ประเภทปลา ว่า “วันหน้าปลาจะไม่เหลือแล้วนะ คนไทยกินหมด ทำให้วันหน้าจะต้องมากินอาหารญี่ปุ่นที่ประเทศไทย” เรียกเสียงหัวเราะ ให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นอย่างครื้นเครง นอกจากนี้ยังมีบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติคนอื่นๆได้ มาขอถ่ายรูปกับพล.อ.ประยุทธ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวบางคนเห็นพล.อ.ประยุทธ์แสดงอาการร้อน จึงนำพัดมาพัดเพื่อแก้ร้อนให้ โดยพลเอกประยุทธ์ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ

Advertisement

ก.คลังเพิ่มทุนโครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียน 90 ล้าน

People Unity News : 1 มีนาคม 2566 คลังงัดงบกลางเพิ่มทุนโครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียน 90 ล้านบาท  คงสัดส่วนผู้ถือหุ้นตามข้อตกลงโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ครม.เห็นชอบการเพิ่มทุนในโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน โดยเพิ่มทุนเพื่อชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนแรกในสัดส่วนของกระทรวงการคลัง จำนวน 90 ล้านบาท สำหรับบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาลเจ้าของโครงการเป็นไปตามข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement) และให้โครงการสามารถดำเนินงานต่อไปได้ มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาใช้จ่ายงบกลาง ปีงบประมาณ 2566  ชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในส่วนแรกตามขั้นตอนของกฎหมาย

โครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน เป็นโครงการภายใต้ข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement) โดยไทยเป็นสมาชิกร่วมกับประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และบูรไน ซึ่งข้อตกลงกำหนดให้ประเทศเจ้าของโครงการต้องร่วมลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของยอดลงทุนทั้งหมด และรัฐบาลเจ้าของโครงการต้องลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของยอดเงินลงทุนนั้น โดยอีกร้อยละ 40 ประเทศสมาชิกอาเซียนจะเป็นผู้ลงทุน โครงการนี้ มีบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินโครงการ มีทุนจดทะเบียน 2,805.8 ล้านบาท และกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ร้อยละ 20 เป็นเงิน 516.16 ล้านบาท ลักษณะของโครงการ เป็นการทำเหมืองใต้ดิน  มีแร่โพแทชและเกลือหินเป็นผลผลิตสำคัญ ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ มีมูลค่าแหล่งแร่รวม 200,000 ล้านบาท และได้เริ่มพัฒนาเหมืองขั้นต้นเพื่อการผลิตแร่โพแทชไว้แล้ว เช่น การขุดเจาะอุโมงค์เข้าสู่เหมืองใต้ดินเพื่อการขนส่ง การสร้างห้องใต้ดินเพื่อทดลองผลิตแร่โพแทช ซึ่งไม่พบปัญหาด้านวิศวกรรม

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทไม่สามารถหาทุนเพื่อดำเนินธุรกิจได้ แม้ภาครัฐโดยกระทรวงการคลังได้พยายามเพิ่มทุนแก่บริษัทหลายครั้ง เช่น ขยายนิยามผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของรัฐบาลไทยให้ครอบคลุมรัฐวิสาหกิจไทย รวมถึงบริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจไทย แต่ไม่มีหน่วยงานใดให้ความสนใจ  จึงไม่สามารถผลิตแร่ได้ตามเป้าหมาย  อีกทั้ง มีภาคเอกชนรายใหม่ให้ความสนใจ เข้ามาลงทุนในโครงการ  อาจจะส่งผลต่อสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทเปลี่ยนแปลง กระทรวงการคลังจึงต้องเพิ่มทุนในครั้งนี้ ให้เป็นไปตามข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement)

Advertisement

Verified by ExactMetrics