วันที่ 17 มิถุนายน 2025

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแถลงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 62

People Unity : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จัดแถลงข่าวโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 2562

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ณ ศาลาสายลมจอย ตลาดคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร นายธนวรรธน์ พลวิชัย ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวถึงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ปี 2562 ว่า วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพให้กับสมาชิกในชุมชนที่มีสมาชิกหลากหลายทั้งผู้พิการ ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน โดยสำนักงานสลากฯทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ด้วยการนำความรู้ด้านการตลาด และวิชาการต่างๆที่เหมาะสมกับแต่ละชุมชน

สำหรับการดำเนินการนั้น ได้มีการเปิดรับสมัครชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น มีศักยภาพการบริหารจัดการชุมชน การผลิตสินค้าและบริการของชุมชน และมีสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตที่เอื้อต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนใกล้เคียงสำนักงานฯ (สนามบินน้ำ) ชุมชนใกล้เคียงสำนักงาน (สำนักการพิมพ์ เอกมัย) และชุมชนในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมีชุมชนที่สนใจส่งใบสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 31 ชุมชน ได้ทำการคัดเลือกชุมชนที่มีความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการ 7 ชุมชน ได้แก่

⁃ ชุมชนใกล้เคียงสำนักงานฯ (สนามบินน้ำ) ได้แก่ ชุมชนคนบางกรวย (ปลายบาง) จังหวัดนนทบุรี

⁃ ชุมชนใกล้เคียงสำนักงาน (สำนักการพิมพ์ เอกมัย) ได้แก่ ชุมชนชุมกลุ่มคลองพระโขนง กรุงเทพมหานคร

⁃ ชุมชนตลาดบางหลวง ร.ศ. 122 จังหวัดนครปฐม

⁃ ชุมชนย่านเก่าวังกรด จังหวัดพิจิตร

⁃ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ตลาดริมน้ำเมืองแพรก จังหวัดชัยนาท

⁃ ชุมชนพิกุลทองสามัคคี จังหวัดสิงห์บุรี

⁃ ชุมชนพุน้ำร้อน จังหวัดสุพรรณบุรี

หลังจากนี้ จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงไปในพื้นที่เพื่อวิเคราะห์จัดทำแผนการพัฒนาชุมชน ทั้ง 7 ชุมชน และดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยจะจัดทำโลโก้รวมถึงสโลแกนของชุมชน จัดทำป้ายบอกทาง จัดทำป้ายบอกเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน จัดทำแผ่นผับประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวชุมชน ฝึกการประชาสัมพันธ์ข่าวสารของชุมชนผ่านสื่อออนไลน์ อาทิ FACEBOOK และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของสินค้าชุมชน รวมถึงการพัฒนาทักษะคนในชุมชนให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้ง  นำเรื่องราวการพัฒนาชุมชนของทั้ง 7 ชุมชน มาผลิตเป็นรายการโทรทัศน์ชื่อ “รายการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน” และเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00 -14.30 น เริ่มออกอากาศตอนแรกวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562 นี้ และสามารถติดตามความคืบหน้าในการดำเนินโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน ได้ที่ facebook สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน

โฆษกคณะกรรมการสลากฯ กล่าวในตอนท้ายว่า โครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อสังคมนี้ จะสามารถเติมเต็มความรู้ด้านวิชาการระหว่างหน่วยงานของรัฐและชุมชนซึ่งมีทรัพยากร และความมุ่งมั่น ตลอดจนสร้างการรับรู้ในศักยภาพของแต่ละชุมชน และต่อยอดให้ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้สมาชิกมีการงานอาชีพ มีรายได้ มีความสุข จากความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชุมชน สามารถแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติดหรือการเล่นพนันออนไลน์ในเด็กและเยาวชน รวมถึงการพนันอื่นๆ  ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีความแน่วแน่ในการไม่สนับสนุนให้เล่นการพนันทุกประเภทอยู่แล้ว

สังคม : สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแถลงโครงการสลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชนปี 62

People unity : post 9 กรกฎาคม 2562 เวลา 21.00 น.

คกก.นโยบายฯต่างด้าว เห็นชอบให้แรงงาน 3 สัญชาติกว่า 2 ล้านคน ทำงานต่อได้อีก 2 ปี

People Unity : ที่ประชุม คกก.นโยบายฯคนต่างด้าว เห็นชอบให้ต่างด้าว 3 สัญชาติกว่า 2 ล้านคน ที่ใบอนุญาตทำงานจะสิ้นสุดในปี 62 และ 63 และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่หมดอายุ ดำเนินการนำเข้าตามเอ็มโอยู โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อให้สามารถทำงานอยู่ในราชอาณาจักรได้อีก 2 ปี จนถึง 31 มี.ค.65

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ครั้งที่ 1/2562 ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ ซึ่งภายหลังการประชุม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา กลุ่มที่ใบอนุญาตทำงานและการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่หมดอายุ (ไม่รวมถึงกลุ่มที่นำเข้าตามระบบเอ็มโอยู) และกลุ่มที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางที่ยังมีอายุเหลืออยู่ในวันที่ไปยื่นขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว สามารถดำเนินการในลักษณะนำเข้าตามระบบเอ็มโอยู โดยไม่ต้องเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร และอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไม่เกิน 2 ปี โดยประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเพื่อขออยู่ต่อได้ครั้งละไม่เกิน 1 ปี

ส่วนการอนุญาตทำงานจะอนุญาตไม่เกิน 2 ปี โดยแยกเป็น 2 ห้วงเวลา คือ 1.ใบอนุญาตทำงานหมดอายุก่อนวันที่ 31 มี.ค.63 อนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 30 ก.ย.64 และ 2.ใบอนุญาตทำงานหมดอายุตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.62 เป็นต้นไป อนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 31 มี.ค.65 สำหรับแรงงานกลุ่มอื่นหรือแรงงานที่ไม่ประสงค์จะดำเนินการตามแนวทางนี้ เมื่อสิ้นสุดการอนุญาตทำงานแล้วต้องเดินทางกลับประเทศ หากประสงค์จะทำงานในประเทศไทยต้องเดินทางเข้ามาทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมายตามระบบเอ็มโอยูเท่านั้น

นายสุทธิกล่าวต่อว่า มีแรงงานต่างด้าวจำนวน 2,056,467 คน ที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.62 หรือภายใน 15 วัน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินการจนถึงวันที่ 31 มี.ค.62 โดยแรงงานต่างด้าวสามารถยื่นคำขออยู่ต่อในราชอาณาจักรกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ก่อนการอนุญาตสิ้นสุด 90 วัน ณ ที่ตั้งสำนักงานของแต่ละหน่วยงานในลักษณะศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) สำหรับกรุงเทพมหานครมอบหมายให้อธิบดีกรมการจัดหางานเป็นผู้พิจารณา ส่วนภูมิภาคมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา นอกจากนี้ ให้กระทรวงแรงงานนำแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวปี 2562-2563 ตามมติที่ประชุม เสนอ ครม.พิจารณาต่อไป

สังคม : คกก.นโยบายฯต่างด้าว เห็นชอบให้แรงงาน 3 สัญชาติกว่า 2 ล้านคน ทำงานต่อได้อีก 2 ปี

People unity : post 8 กรกฎาคม 2562 เวลา 22.30 น.

 

ศุลกากรเอาจริงส่งดำเนินคดีทุกรายลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-เศษพลาสติก

People Unity : ศุลกากร เผยมาตรการเร่งด่วน แก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก

4 กรกฎาคม 2562 : นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขอนามัย

นายกฤษฎา กล่าวว่า  จากเดิมจีนเป็นประเทศที่นำเข้าเศษขยะรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยเฉพาะเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ (พิกัด 84 และ 85 ที่มีการกำหนดรหัสสถิติเป็น 800 และ 899) และเศษพลาสติก (พิกัด 3915) ต่อมาจีนเริ่มมีนโยบายในการห้ามการนำเข้าเศษขยะหลายชนิด ประกอบกับผลการประชุมสนธิสัญญาบาร์เซล (Basel Convention) ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีมติให้เพิ่มความเข้มงวดของชนิดขยะที่สามารถนำเข้าส่งออกระหว่างกันได้ รวมทั้งต้องได้รับความยินยอมในการนำเข้าจากประเทศปลายทางด้วย ส่งผลให้ประเทศอุตสาหกรรม เช่น ประเทศญี่ปุ่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา และประเทศในทวีปยุโรป เปลี่ยนจุดหมายการส่งออกเศษขยะมายังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แทน ซึ่งทำให้มีการนำเข้าเศษขยะมากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มมีมาตรการตอบโต้การนำเข้าเศษขยะ โดยเฉพาะเศษพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ไปในทิศทางเดียวกัน คือ ห้ามหรือลดการนำเข้าเศษพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับกรณีขยะอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยนั้น ผู้นำเข้าจะต้องได้รับอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนการนำเข้า แต่เนื่องจากคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2561 มีมติให้ระงับการอนุญาตนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จากโรงงานที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามอนุสัญญาบาเซล ทำให้เหลือผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าเพียง 1 รายเท่านั้น นอกจากนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2562 มีมติเห็นชอบมาตรการห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แล้วเข้ามาในประเทศ โดยได้อนุมัติร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดและแหล่งกำเนิดวัตถุดิบที่จะทำมาใช้ในโรงงาน พ.ศ. …. เพื่อกำหนดนิยามและข้อห้ามไม่ให้โรงงานใช้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตของโรงงาน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการออกประกาศห้ามนำเข้าซึ่งสินค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้แล้วที่จะนำมาถอดแยก เพื่อนำโลหะกลับมาใช้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา มีการลดโควตาการนำเข้าของเศษพลาสติกจากหลายแสนตัน เหลือเพียง 70,000 ตัน เท่านั้น จากข้อมูลสถิติการนำเข้าของขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบันของประเทศไทย พบว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เริ่มมีแนวโน้มลดลงในปี พ.ศ. 2562 เนื่องจากมีการควบคุมการนำเข้าอย่างเข้มงวดจากภาครัฐ

อย่างไรก็ดี คาดว่าความต้องการขยะอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศยังคงมีอยู่ และอาจมีการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์อยู่ ซึ่งจากข้อเท็จจริงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย และมีแนวโน้มในการนำเข้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กรมศุลกากรจึงมีมาตรการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้

1.กรมศุลกากรได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ดำเนินการติดตาม กำหนดเป้าหมายต้องสงสัยที่จะกระทำความผิดทางศุลกากร และเข้าตรวจสอบเพื่อติดตามและขยายผลอย่างต่อเนื่อง

2.สั่งการให้ กอง สำนักงาน และด่านศุลกากรทุกแห่ง เข้มงวดในการตรวจสอบของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือของที่มีการสำแดงพิกัด หรือมีรูปลักษณ์ ใกล้เคียงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเพื่อป้องกันการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงทางศุลกากร

3.กรณีที่ตรวจพบการกระทำความผิดทางศุลกากรที่เกี่ยวกับของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก กรมศุลกากรจะดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยไม่เปรียบเทียบงดการฟ้องร้องในชั้นศุลกากร

ทั้งนี้ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ถึง 2562 กรมศุลกากรสามารถจับกุมคดีลักลอบและหลีกเลี่ยงนำเข้าเศษพลาสติกได้ทั้งสิ้น 103 คดี คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 17.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 4,043 ตัน) โดยในปีงบประมาณ 2561 จับกุมได้ถึง 86 คดี คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 14.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 3,664 ตัน) และในปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 – พฤษภาคม 2562) สามารถจับกุมได้แล้วถึง 17 คดี คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 379 ตัน)

สังคม : ศุลกากรเอาจริงส่งดำเนินคดีทุกรายลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์-เศษพลาสติก

People Unity : post 5 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.20 น.

ก.สาธารณสุขชู “อภัยภูเบศร โมเดล” ต้นแบบการใช้กัญชาทางการแพทย์

People Unity : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลอภัยภูเบศร โครงการการผลิตสารสกัดน้ำมันกัญชาภายใต้การรักษาโรคกรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วย “กัญชา อภัยภูเบศร โมเดล” ร่วมกับภาครัฐและเอกชนในการปลูก การผลิต และการใช้รักษาผู้ป่วย เป็นต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ เน้นคุณภาพ ความปลอดภัย ตามมาตรฐานทางการแพทย์ ประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และเหมาะสมกับคนไทยมากที่สุด

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2562 ที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหารกระทรวงฯตรวจเยี่ยมโครงการการผลิตสารสกัดน้ำมันกัญชาภายใต้การรักษาโรคกรณีจำเป็นสำหรับผู้ป่วย “กัญชา อภัยภูเบศร โมเดล” โดยกล่าวว่า การนำสารสกัดกัญชามาใช้นั้น ต้องเน้นมาตรฐาน คุณภาพ ความปลอดภัยครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การผลิต และการใช้ ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจมาตรฐานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า มีความปลอดภัย ไม่มียาฆ่าแมลง โลหะหนัก สารเคมีตกค้าง และการจ่ายสารสกัดกัญชาให้ผู้ป่วยจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ ขณะนี้อยู่ในช่วงการทดลองวิจัย ติดตามผล และวางระบบ เพื่อประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์และเหมาะสมกับคนไทยมากที่สุด

ด้าน นายแพทย์นำพล แดนพิพัฒน์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ดำเนินการ “กัญชา อภัยภูเบศร โมเดล” ครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การผลิต และการใช้ โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดหาสารสกัดกัญชาที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาภายใต้การรักษาที่มีมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งจะมีการคัดกรองผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตามเกณฑ์ที่กำหนด  ตรวจร่างกายและการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆตามความจำเป็น จ่ายยาและให้คำแนะนำแบบเฉพาะราย โดยเภสัชกรผู้ผ่านการอบรม โทรศัพท์ติดตามหลังการใช้ภายใน 24 ชั่วโมง ทุกวันใน 1 สัปดาห์แรก ทุกสัปดาห์ในเดือนแรก และนัดผู้ป่วยกลับมาติดตามทุก 1 เดือน เพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผล

เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภร ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า  ในระยะแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 ได้คัดกรองและรักษาผู้ป่วยจำนวน 10 ราย โดยใช้สารสกัดกัญชาที่ได้รับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในผู้ป่วยพาร์กินสัน โรคลมชัก อัลไซเมอร์  และมะเร็งลำไส้ใหญ่กระจายไปเยื่อบุช่องท้อง จากการติดตามความปลอดภัยและประสิทธิผลเบื้องต้นใน 24 ชั่วโมง ไม่มีรายใดเกิดผลข้างเคียง และผู้ป่วยบางรายเริ่มเห็นผล เช่น อาการลิ้นคับปาก พูดได้ชัดมากขึ้น บางรายเดินได้มากขึ้น สำหรับระยะที่ 2 ช่วงเดือนกันยายน 2562 จะใช้น้ำมันกัญชาที่ได้จากการการสกัดของกลางของ ปปส. ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานไทยและสากล ประมาณ 100,000 ขวด นำมาใช้ในการรักษาอาการปวดปลายประสาทที่ไม่ตอบสนองในการรักษา และเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งระยะที่ 4  โดยจะขยายไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ และในระยะที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2562 จะสกัดน้ำมันกัญชาจากต้นกัญชา 16 ต้นที่ปลูกโดยวิสาหกิจชุมชนสมุนไพร เกษตรอินทรีย์บ้านดงบัง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2562 คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนตุลาคม และได้สารสกัดกัญชาประมาณ 900 ขวดในเดือนพฤศจิกายน 2562 พร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้สถานพยาบาลและวิสาหกิจชุมชนเกษตรที่มีความสนใจต่อไป

เภสัชกรหญิง ดร.สุภาภรกล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เปิดคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ทุกวันจันทร์ที่ 4 ของเดือน เวลา 13.00 น- 16.00 น. ให้บริการผู้ป่วยรักษาแผนปัจจุบันไม่ได้ผล โดยขอให้ผู้ป่วยโทรปรึกษาก่อนเดินทางมารับบริการ ที่หมายเลข 037 211289 หรือ 037 211088 ต่อ 0 ในวันและเวลาราชการ เพื่อนัดหมายวันรับบริการ

สังคม : ก.สาธารณสุขชู “อภัยภูเบศร โมเดล” ต้นแบบการใช้กัญชาทางการแพทย์

People Unity : post 1 กรกฎาคม 2562 เวลา 01.12 น.

 

สมอ.ลุยเชือดร้านค้าออนไลน์ ยึดสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เตรียมส่งขายกว่า 34,000 ชิ้น

People Unity : สมอ. เข้าตรวจสอบแหล่งกระจายสินค้าของร้านค้าออนไลน์ ย่านถนนพระรามที่ 2 บางขุนเทียน กทม. และลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี หลังทราบเบาะแสมีการขายสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบพบสินค้าไม่ได้มาตรฐานกว่า 34,000 ชิ้น มูลค่าร่วม 20 ล้านบาท

25 มิถุนายน 2562 – นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. ส่งทีมเฉพาะกิจเข้าตรวจสอบแหล่งกระจายสินค้าของร้านค้าออนไลน์ 2 แห่ง ในพื้นที่ถนนพระรามที่ 2 บางขุนเทียน กทม. และลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี หลังสืบทราบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบว่า มีสินค้าที่รอการจัดส่งให้ลูกค้าจำนวนมาก และหลายรายการเป็นมาตรฐานบังคับต้องแสดงเครื่องหมายมาตรฐาน ได้แก่ ของเล่น สีเทียน ฝักบัวอาบน้ำ ผงซักฟอก และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตาปิ้งย่าง ไดร์เป่าผม เครื่องม้วนผม เครื่องหนีบผม ปลั๊กพ่วง โคมไฟดักยุง พัดลม หลอดไฟแอลอีดี เป็นต้น แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่แสดงเครื่องหมายมาตรฐานหรือแสดงไม่ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย สมอ. โดยแบ่งเป็น

เครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวนกว่า 14,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 16,300,000 บาท ของเล่น จำนวนกว่า 10,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 2,500,000 บาท สีเทียน 6,400 ชิ้น มูลค่าประมาณ 1,280,000 บาท ผงซักฟอก 3,000 ชิ้น มูลค่าประมาณ 300,000 บาท ฝักบัวอาบน้ำ จำนวนกว่า 700 ชิ้น มูลค่าประมาณ 70,000 บาท รวมจำนวนสินค้าทั้งหมดกว่า 34,000 ชิ้น มูลค่าร่วม 20 ล้านบาท จึงดำเนินการยึดอายัดไว้ทั้งหมดเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป พร้อมกับแจ้งผู้ครอบครองสินค้าดังกล่าว ห้ามเคลื่อนย้ายสินค้าโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่จะจำหน่ายสินค้าดังกล่าวจะต้องจำหน่ายเฉพาะสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานบังคับเท่านั้น หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเมื่อ พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 ฉบับที่ 8 (พ.ศ.2562) มีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 โทษสำหรับผู้จำหน่ายจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เลขาธิการ สมอ. กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีผู้จำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่เป็นสินค้ามาตรฐานบังคับอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและของเล่น ซึ่งต้องมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค จึงขอแนะนำไปยังผู้บริโภคให้เลือกซื้อสินค้าที่มีเครื่องหมายมาตรฐานทุกครั้ง ที่ผ่านมา สมอ. ได้เชิญร้านค้าออนไลน์กว่า 50 ราย มาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องในการขายสินค้าที่เป็นมาตรฐานบังคับแล้ว ดังนั้น สมอ. จะเข้มงวดในการตรวจการจำหน่ายของร้านค้าออนไลน์ให้เป็นไปตามกฎหมาย หากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีกับร้านค้าทุกรายอย่างเข้มงวดต่อไป

สังคม : สมอ.ลุยเชือดร้านค้าออนไลน์ ยึดอายัดสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เตรียมส่งขายกว่า 34,000 ชิ้น

People Unity : post 25 มิถุนายน 2562 เวลา 12.20 น.

รัฐบาลยืนยันไม่ยกเลิกโครงการอาหารกลางวัน ร.ร.ประถม และจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

People Unity : รัฐบาลยืนยันไม่มีคำสั่งยกเลิกโครงการอาหารกลางวัน ร.ร.ประถม สั่งทุกหน่วยเร่งชี้แจงประชาชน

12 มิถุนายน 2562 – พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข่าวรัฐบาลมีคำสั่งยกเลิกโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ มีผลนับตั้งแต่ 30 มิ.ย. เป็นต้นไป ว่า รัฐบาลขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าทุกอย่างยังคงดำเนินการตามปกติ เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญและจำเป็นต้องมี ไม่เพียงเท่านั้นรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยตั้งใจจะปรับปรุงโครงการอาหารกลางวันและโครงการนมโรงเรียนให้ดีขึ้น เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาการเด็กให้เจริญเติบโตสมบูรณ์แข็งแรง

“นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อไม่ให้หลงเชื่อข่าวโคมลอย พร้อมทั้งได้รับรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการด้วยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนทั่วประเทศส่งเสริมและสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุนอาหารเช้าให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน หรือนักเรียนที่ไม่ได้กินอาหารเช้ามา เพื่อให้ทุกคนเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”

สังคม : รัฐบาลยืนยันไม่ยกเลิกโครงการอาหารกลางวัน ร.ร.ประถม และจะปรับปรุงให้ดีขึ้น

People Unity : post 13 มิถุนายน 2562 เวลา 09.50 น.

สธ.เตือนประชาชน!! กินหมูดิบเสี่ยงโรคไข้หูดับ เสียชีวิต!!

People Unity : กระทรวงสาธารณสุขห่วงประชาชนบริโภคแหนมหมู หมูดิบ เสี่ยงโรคไข้หูดับ อาจเสียชีวิตได้ ให้สาธารณสุขจังหวัดเร่งลงพื้นที่สอบสวนโรค และแนะนำประชาชนบริโภคอาหารถูกสุขลักษณะ

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีที่มีข่าวประชาชนในจังหวัดแพร่และน่าน เกิดอาการผิดปกติเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และมีบางรายเสียชีวิต หลังจากรับประทานแหนมหมูดิบ หมูป่าดิบ จึงให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเร่งลงพื้นที่สอบสวนโรค และให้ความรู้ประชาชนในการบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะ เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ผู้ป่วยเป็นโรคไข้หูดับ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) มักพบใน เนื้อหมู เครื่องในและเลือดหมูที่เป็นโรค จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ตั้งแต่ 1 ม.ค. 62 – 10 พ.ค. 62 มีผู้ป่วยแล้วจำนวน 113 ราย จาก 22 จังหวัด และเสียชีวิต 15 ราย

นายแพทย์สุขุม กล่าวต่อว่า การรับประทานเนื้อหมูดิบ หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เสี่ยงต่อการการเกิดโรคไข้หูดับได้ แนะนำให้ปรุงเนื้อหมูให้สุกด้วยความร้อนจนเนื้อไม่มีสีแดง รวมถึงเลือกซื้อวัตถุดิบมาจากแหล่งที่ได้มาตรฐาน สะอาด ผ่านการตรวจจากโรงฆ่าสัตว์หรือจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ หรือมีลักษณะเป็นเม็ดสาคู หลังจากสัมผัสกับเนื้อหมูควรรีบล้างมือทันที ส่วนการใช้มะนาวหรือไข่มดแดงนั้นไม่สามารถทำให้สุกหรือฆ่าเชื้อโรคได้

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคไข้หูดับจะมีอาการหลังรับประทานเนื้อหมูดิบ 3-5 วัน  มักมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากปล่อยไว้เชื้อจะเข้าไปทำลายอวัยวะภายในและระบบประสาท ทำให้เยื่อหุ้มสมอง เยื่อบุหัวใจอักเสบ ประสาทหูทั้ง 2 ข้างอักเสบและเสื่อมอย่างรุนแรง ทำให้หูหนวกตลอดชีวิต รวมถึงพบเลือดออกใต้ผิวหนังได้ เมื่อพบอาการผิดปกติหลังรับประทานเนื้อหมูดิบขอให้รีบพบแพทย์ทันทีและบอกประวัติการกินหมูดิบให้ทราบ เนื่องจากหากวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการหูหนวกและการเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ กลุ่มที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการป่วยรุนแรง ได้แก่ ผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1.การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ รวมทั้งเนื้อหมู เครื่องในและเลือดหมูที่เป็นโรค โดยติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา 2.เกิดจากการบริโภคเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ ที่มีเชื้ออยู่

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

สังคม : สธ.เตือนประชาชน!! กินหมูดิบเสี่ยงโรคไข้หูดับ เสียชีวิต!!

People Unity : post 21 พฤษภาคม 2562 เวลา 11.00 น.

นายกฯห่วงเด็กติดโทรศัพท์มือถือ แนะพ่อแม่-ครู-โรงเรียนควบคุมดูแล

People Unity : นายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหาเด็กติดโทรศัพท์ แนะพ่อแม่-ครูช่วยวางแผนการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ป้องกันสมาธิสั้น ใช้อารมณ์รุนแรง

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงปัญหาเด็กไทยติดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพบได้ตั้งแต่นักเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงวัยรุ่น โดยกว่าร้อยละ 50 ของกลุ่มเป้าหมายที่มีการสำรวจ หยิบโทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งแรกหลังตื่นนอน และยังใช้โทรศัพท์เป็นกิจกรรมสุดท้ายก่อนเข้านอน ส่งผลให้เกิดอาการสมาธิสั้น การใช้สมองในส่วนความทรงจำลดลง และอารมณ์มีแนวโน้มรุนแรงฉุนเฉียวง่ายขึ้น

“พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะระมัดระวังป้องกันอันตรายภายนอกบ้านไม่ให้เกิดขึ้นกับบุตรหลานของตน แต่อาจมองข้ามภัยจากโทรศัพท์มือถือที่คืบคลานเข้ามาถึงในบ้านแม้กระทั่งในห้องนอน ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือกำหนดเวลาให้เด็กเล่นโทรศัพท์ไม่เกินวันละ 1-2 ชม. พาเด็กออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น และหมั่นเอาใจใส่ดูแลสอดส่องพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด หากพบมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยา”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าสัปดาห์นี้โรงเรียนจะเปิดเทอมแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองและครูจึงต้องตระหนักในเรื่องนี้และช่วยเด็กวางแผนการใช้ชีวิตทั้งเรื่องเรียนและการพัฒนาทักษะอื่นๆ โดยปัญหาเด็กติดโทรศัพท์นั้นมีให้เห็นจริงรอบตัวเรา และยังสะท้อนออกมาในรูปแบบของละครสอนใจ เช่น วัยแสบสาแหรกขาด ซึ่งทุกคนสามารถศึกษาเรียนรู้และใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี

สังคม : นายกฯห่วงเด็กติดโทรศัพท์มือถือ แนะพ่อแม่-ครู-โรงเรียนควบคุมดูแล

People Unity : post 16 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.30 น.

สธ.ส่งแพทย์จบใหม่เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในชนบทห่างไกล ดูแลสุขภาพประชาชน

People Unity : กระทรวงสาธารณสุขส่งแพทย์จบใหม่ เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในพื้นที่ชนบทห่างไกลทั่วประเทศตามภูมิลำเนา ดูแลสุขภาพประชาชน แก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ รองรับการขยายบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข

เมื่อวานนี้ (14 พฤษภาคม 2562) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบสัมฤทธิบัตรบัณฑิตแพทย์โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ประจำปีการศึกษา 2561 โดยมีบัณฑิตแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยคู่ความร่วมมือ จำนวน 14 แห่ง และศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก จำนวน 37 แห่ง เข้ารับสัมฤทธิบัตร จำนวนทั้งสิ้น 961 คน

 

นายแพทย์สุขุม กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการผลิตแพทย์แพทย์เพื่อชาวชนบท แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ของประเทศใน 10 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2561 – 2570) และการกระจายแพทย์ที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ชนบทที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพื่อเติมเต็มในระบบบริการสุขภาพของไทย นำไปสู่ความเสมอภาคการบริการทางสังคม รองรับการขยายการให้บริการทางด้านการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศไทยโดยได้รับความร่วมมือจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ คัดเลือกเด็กนักเรียนในเขตพื้นที่ชนบท รับทุนกระทรวงสาธารณสุข ศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตระยะเวลา 6 ปี  เป้าหมายการรับนักศึกษา แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2561-2564) จำนวน 4,784 คน และระยะที่ 2 (พ.ศ.2565 – 2570) จำนวน 7,798 คน รวม 12,582 คน

โดยนักศึกษาแพทย์ในโครงการฯนี้ ชั้นคลินิกปีที่ 1-3 เรียนที่คณะแพทยศาสตร์คู่ความร่วมมือ ส่วนชั้นคลินิกปีที่ 4-6 เรียนที่ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังสำเร็จการศึกษา บัณฑิตแพทย์ทุกคนมีพันธะสัญญาผูกพันทุนรัฐบาลต้องกลับไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนในพื้นที่ภูมิลำเนา ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขส่วนภูมิภาค ตามเขตบริการสุขภาพ 12 แห่ง โครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ระยะเวลาการใช้ทุน 3 ปี ปัจจุบันมีแพทย์ในโครงการฯนี้อยู่ในระบบร้อยละ 77 ในขณะที่แพทย์ทั่วไปยังคงอยู่ในระบบร้อยละ 26 (ข้อมูลจากโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทปี 2560)

สำหรับในปี 2561 นี้ มีผู้สำเร็จการศึกษาจากโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จำนวนทั้งสิ้น 961 คน จะต้องกลับไปปฏิบัติงานในภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคเหนือ จำนวน 111 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 333 คน ภาคกลาง 197 คน ภาคตะวันออก 73 ภาคตะวันตกจำนวน 39 คน และภาคใต้จำนวน 208 คน ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มโครงการฯในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาทั้งสิ้น 18 รุ่น จำนวน 8,923 คน และปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ 6 รุ่น

สังคม : สธ.ส่งแพทย์จบใหม่เกือบ 1,000 คน กระจายทำงานในชนบทห่างไกล ดูแลสุขภาพประชาชน

People Unity : post 15 พฤษภาคม 2562 เวลา 10.30 น.

พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกคลอด สธ.พร้อมผลิตพยาบาล-บุคลากรด้านสุขภาพเอง

People Unity : สถาบันพระบรมราชชนก พร้อมเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านการพยาบาล สาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาสถาบันพระบรมราชชนก ว่า  ขณะนี้ พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ.2562 ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2562 โดยได้กำหนดให้จัดตั้งสถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีสถานะเป็นสถานศึกษาของรัฐ เป็นนิติบุคคล จัดการการศึกษาระดับปริญญา สามารถประสาทปริญญาบัตรได้เอง พัฒนาระบบบริหารและการจัดการ และวิชาการที่มีความคล่องตัว โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสภาสถานศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภารกิจหลักเพื่อผลิตกำลังคนด้านสาธารณสุขให้มีความสอดคล้องกับแผนของกระทรวงฯ และภาพรวมของประเทศ ดำเนินการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ รวมถึงมาตรฐานการศึกษาและวิชาการ การจัดการ และฝึกอบรมบุคลากรด้านสุขภาพ การพยาบาล สาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ให้มีคุณภาพและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศ

ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนและบุคคลกรในระยะสั้น ได้มีการวางแผนให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นสำนักงานอธิการบดีก่อน ส่วนระยะกลางคือหาพื้นที่เพื่อจัดสร้างสำนักงานอธิการบดีและศูนย์การศึกษาครบวงจร และระยะยาวพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้ครบทุกมิติตามรูปแบบมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันการดำเนินงานอยู่ระหว่างจัดตั้งคณะกรรมการด้านต่างๆ เช่น คณะกรรมการบริหารงานบุคคล คณะกรรมการสภาวิชาการ คณะกรรมการถ่ายโอนกิจการและทรัพย์สิน คณะกรรมการบริหารการเงินและพัสดุ คณะกรรมการกลั่นกรองร่างกฎหมาย เป็นต้น

ทั้งนี้ สถาบันพระบรมราชชนกมีวิทยาลัยในสังกัดกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศจำนวน 39 แห่ง สามารถผลิตบุคลากรด้านสุขภาพแบ่งเป็น ด้านการพยาบาล 2 หลักสูตร คือ พยาบาลศาสตร์บัณฑิต จำนวน 4,000 คนต่อปี และผู้ช่วยพยาบาล จำนวน 1,800 คนต่อปี ด้านสหเวชศาสตร์ จำนวน 8 หลักสูตร เป็นระดับปริญญาตรี จำนวน 970 คนต่อปี และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 730 คนต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการจัดการพัฒนาบุคลากรด้านการบริการสุขภาพ จำนวน 45 หลักสูตร ผู้เข้ารับการพัฒนา 52,000 คนต่อปี ที่ผ่านมาสถาบันพระบรมราชชนกผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 220,000 คน

สังคม : พ.ร.บ.สถาบันพระบรมราชชนกคลอด สธ.พร้อมผลิตพยาบาล-บุคลากรด้านสุขภาพเอง

People Unity : post 12 พฤษภาคม 2562 เวลา 08.30 น.

Verified by ExactMetrics