วันที่ 4 กรกฎาคม 2025

เช็คด่วน!! ครม.ไฟเขียวอัตราค่าจ้างฝีมือ 3 ระดับ 17 สาขา ถ้านายจ้างไม่จ่ายโทษทั้งจำทั้งปรับ

People Unity News : 31 มกราคม 66 ครม.เห็นชอบอัตราค่าจ้างฝีมือ 3 ระดับ รวม 17 สาขา มีผล 90 วันหลังประกาศราชกิจจาฯ ถ้านายจ้างไม่จ่ายตามที่กำหนด มีโทษจำคุก ปรับเป็นแสน หรือทั้งจำทั้งปรับ

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 สาขาอาชีพ รวม 17 สาขา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 ครั้งที่ 11/2565 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 17 สาขา ดังนี้ กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย 1.สาขาช่างระบบส่งถ่ายกำลัง ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 495 บาทต่อวัน 2.สาขาช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาทต่อวัน 3.สาขาช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาทต่อวัน 4.สาขาช่างปรับ 500 บาทต่อวัน 5.สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก – แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ 520 บาทต่อวัน และ 6.สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 545 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 635 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 715 บาทต่อวัน

“กลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล ประกอบด้วย 1.สาขาช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 465 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 535 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 620 บาทต่อวัน 2.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาทต่อวัน 3.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาทต่อวัน 4.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาทต่อวัน (โดยปรับขึ้นจากเดิม 550 บาทต่อวัน) และ 5.สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตัก 520 บาทต่อวัน” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

น.ส.รัชดา กล่าวว่า กลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ ประกอบด้วย 1.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบำบัด) ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 2.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (วารีบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 3.สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบำบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน 4.สาขาพนักงานผสมเครื่องดื่ม  (ระดับ 1) 475 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 525 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 600 บาทต่อวัน 5.สาขาการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 530 บาทต่อวัน และ 6.สาขาช่างเครื่องช่วยคนพิการ (ระดับ 1) 520 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน ทั้งนี้ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

“เมื่อประกาศกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กำหนด หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเผยสถานการณโควิดปี 66 ผู้ติดเชื้อลดลง

People Unity News : 27 มกราคม 66 รองโฆษกรัฐบาล เผยสถานการณ์โควิด-19 ปี 66 ผู้ติดเชื้อใหม่ยังลดลง สวนทางจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยเพิ่มต่อเนื่อง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดแนวทางรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภายหลังทางการประเทศจีนประกาศอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้มีการติดตามโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อมีข้อมูลนำไปสู่การบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 15–21 ม.ค. 66 ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 3 ของปี 66 ในรายงานสถานการณ์โควิด-19 พบว่า มีรายงานผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า (8-14 ม.ค.) ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 ราย

ซึ่งชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 ม.ค. 2566 พบผู้ติดเชื้อ 8 คน โดยมีอาการต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 คน และที่เหลือส่วนใหญ่ไม่มีอาการ สัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษและเกาหลีใต้ ประเทศละ 1 คน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์ของโควิด-19 ก็รายงานว่าสายพันธุ์ที่พบในไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือสายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือเป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด19 และผู้เสียชีวิตจะลดลง รัฐบาลยังคงสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยและเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้น และยังคงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค

Advertisement

นายกฯ ร่วมรำลึก “หมอกระต่าย” ในวันความปลอดภัยผู้ใช้ถนน

People Unity News : 21 มกราคม 66 นายกรัฐมนตรีร่วมรำลึกถึง “หมอกระต่าย” เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม กระตุ้นเตือนให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญชวนคนไทยร่วมรำลึกถึง พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 มกราคม ของทุกปี ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นเตือน สร้างความตระหนักให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน ทุกเพศ ทุกวัย และผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ตลอดจนส่งเสริมและสร้างการรับรู้ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัย มีระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนขึ้นอีก

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลเน้นย้ำให้มีการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ 4 ห้าม 2 ต้อง ได้แก่ ห้ามขับเร็ว ห้ามดื่ม-เมาขับ ห้ามง่วงขับ ห้ามโทรขับ และต้องคาดเข็มขัด ต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่จักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเพิ่มการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ นำไปสู่เป้าหมายแห่งการสร้างถนนปลอดภัย มุ่งเน้นให้ทุกคนในประเทศมีจิตสำนึก ปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน

“นายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่กวดขันบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างจริงจังและเข้มงวด เน้นย้ำขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนน ร่วมกันรับผิดชอบต่อสังคม” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

นายกฯมอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 “ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต”

People Unity News : 10 มกราคม 2566 ทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ รับมอบดอกกล้วยไม้สัญลักษณ์วันครู ชื่นชมบทบาทครูไทย พลังสำคัญพัฒนา สร้างเด็กให้เป็นอนาคตชาติ หวังเด็กไทยเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ พร้อมขอให้เด็กเป็นคนดี ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและนักเรียน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ. 2566 โดยนายกรัฐมนตรีรับมอบดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วันครูและชิปการ์ดในรูปแบบสมาร์ทการ์ดจากนักเรียนโรงเรียนอนุบาลสามเสน และนักเรียนโรงเรียนประถมสาธิต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร โดยข้อมูลที่บรรจุอยู่ในชิปการ์ด ประกอบด้วย 1. เพลงวันครู จำนวน 19 บทเพลง 2. สปอตวิทยุวันครู จำนวน 31 สปอต และ 3. ป้ายประชาสัมพันธ์งานวันครู ครั้งที่ 67 พ.ศ 2566

นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมครูไทยทุกคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาท และมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก เป็นผู้กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มความรู้และพัฒนาเด็กอย่างรอบด้าน ส่งเสริมและสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ทั้งในด้านการศึกษาและการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต

“ขอให้เด็ก ๆ เป็นคนดี เดินหน้าไปสู่ความฝันด้วยความมุมานะและความเพียร ตั้งใจเรียนหนังสือ ตอบแทนพระคุณพ่อแม่และร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง ขอชื่นชมและขอบคุณครูทุกคนที่เสียสละและมีความตั้งใจแน่วแน่ในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กไทยมาโดยตลอด และนายกฯ เป็นกำลังใจให้ครูไทยทุกคนในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อร่วมกันสร้างและพัฒนาอนาคตของประเทศชาติให้เติบโต เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพ และมีศักยภาพสืบไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

สำหรับงานวันครูประจำปี 2566 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังครู คือ หัวใจของการพลิกโฉมคุณภาพการศึกษา” Teacher’s Power is the Heart of Transforming the Educational Quality มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดี หรือทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบคำขวัญวันครู ประจำปี 2566 ว่า ครูดี ศิษย์ดี มีอนาคต

ทั้งนี้ ในส่วนกลางกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2566 ณ หอประชุมคุรุสภาและสนามหญ้าหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ส่วนภูมิภาคพิจารณาการจัดกิจกรรมตามความเหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ และการจัดงานในรูปแบบ Online ผ่านทาง Platform วันครู (www.วันครู.com)

Advertisement

ไทยติดอันดับ 9 ประเทศน่าอาศัยอยู่หลังเกษียณ

People Unity News : 7 มกราคม 66 นายกฯ ยินดีนิตยสาร Forbes จัดประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 9 ของประเทศที่น่าอาศัยอยู่หลังเกษียณในปี 2566 และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบผลการสำรวจของเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ซึ่งเปิดเผย Annual Global Retirement Index 2023 ซึ่งจัดอันดับประเทศที่ค่าครองชีพถูกและเหมาะสำหรับอาศัยอยู่หลังเกษียณ ในปี 2566 โดยได้จัดอันดับให้ประเทศไทย อยู่ในอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย (https://www1.internationalliving.com/sem/retirement/retirement-index/report/ppc.html?utm_source=blueshift)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การจัดอันดับนี้ ทาง Annual Global Retirement Index ได้ประเมินจากหลายๆ ปัจจัยร่วมกัน ทั้งค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต คุณภาพชีวิตที่ดี เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รวมถึงสภาพอากาศ วีซ่า ค่าอาหาร ที่พัก และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ซึ่งสำหรับประเทศไทยนั้น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดันต้น ๆ ของโลก เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ มีวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมที่เป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ทำให้สามารถรักษาเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างดี จึงทำให้ประเทศไทยได้กลายเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญในการพำนักของชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศหลังเกษียณ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส และ สวิตเซอร์แลนด์

“นายกรัฐมนตรียินดีที่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดมุ่งหมายของชาวต่างชาติทั้งจากการมาท่องเที่ยว และการมาอาศัยอยู่หลังเกษียณ โดยไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม และมีมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ซึ่งเป็นที่น่าสนใจในหมู่ชาวต่างชาติ โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว และแรงจูงใจสำหรับชาวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังขอบคุณไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวของ และขอบคุณประชาชนทุกคนที่มีส่วนในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของชาวต่างชาติ และได้รับความสนใจจากทั่วโลกเรื่อยมา” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

“อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัยไทย

People Unity News : 30 ธันวาคม 2565 “อนุทิน” ประกาศปี 66 เป็นปีสุขภาพสูงวัย คิกออฟนโยบายผ่านของขวัญปีใหม่เชิญชวนผู้สูงอายุติดต่อรับ ผ่าน อสม. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน คัดกรองสุขภาพ เข้ารับบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล มอบแว่นสายตา 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม 36,000 ราย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เนื่องจากในปี 2566 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ด้วยจำนวนประชากรผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) จำนวน 12 ล้านคน รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินนโยบายเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่ง “สุขภาพสูงวัยไทย” และเริ่มขับเคลื่อนโยบายจากการมอบของขวัญปีใหม่ตลอดปีหลายรายการ

รัฐบาลจึงขอเชิญชวนผู้สูงอายุทั่วประเทศเข้ารับของขวัญ โดยติดต่อผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือหน่วยบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน อาทิ การคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ การจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ มอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ แว่นสายตาจำนวน 1 ล้านชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม จำนวน 36,000 ราย

ทั้งนี้ การดำเนินการเพื่อส่งมอบของขวัญปีใหม่แก่ผู้สูงอายุนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านการมอบหมายให้ อสม. และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งโดยเจ้าหน้าที่และแอปพลิเคชั่น Blue Book Application จากนั้นจะส่งต่อผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้ารับบริการในคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่จะประเมินความจำเป็นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จากนั้นจะจัดหาอุปกรณ์ซึ่งสนับสนุนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนแว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ แผ่นเสริมซึมซับการขับถ่าย ฟันเทียมและรากฟันเทียม ด้วยงบประมาณกองทุนต่างๆ มอบแก่ผู้สูงอายุต่อไป

Advertisement

นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา

People Unity News : 27 ธันวาคม 2565 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายกฯ สั่ง สตช.เร่งจับเครือข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมรายงานความคืบหน้าทุก 15 วัน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในกรณีการตรวจและจับกุมเครือข่ายกลุ่มทุนต่างชาติที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมายที่เรียกว่า คดีเครือข่ายธุรกิจกลุ่มทุนจีนสีเทา โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับกลุ่มทุนจีนตู้ห่าวและคณะ ซึ่งมีพฤติกรรมความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ ได้ให้หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายรายงานผลความคืบหน้าและอุปสรรคให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก 15 วันด้วย

Advertisement

เชิญชวนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

People Unity News : 25 ธันวาคม 2565 รัฐบาลเชิญชวนประชาชนบริจาคโลหิตสภาชาดไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พร้อมรับของที่ระลึก

วันที่ 25 ธันวาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ รัฐบาลเชิญชวนประชาชนผู้มีสุขภาพดีส่งต่อโลหิตเป็นของขวัญให้กับผู้ป่วย ผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งหากบริจาคระหว่างวันที่ 26 – 31 ธันวาคม 2565 ผู้บริจาคจะได้รับของขวัญที่ระลึก ปีใหม่ 2566 เป็นปฏิทินหนูแดง ปี 2566 ชุด คำถามยอดฮิตบริจาคโลหิต และเสื้อยืดลาย “Make a Wish New Year New Life”

ผู้สนใจสามารถ บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตห่งชาติ สภากาชาดไทย ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) 7 แห่ง สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์ (บางแค) ชั้น P เดอะมอลล์ (บางกะปิ) ชั้น 3 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ (งามวงศ์วาน) ชั้น 5 เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ สาขาท่าพระ ชั้น 1 ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม สุขุมวิท ชั้น M บ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)

ทั้งนี้ สามารถเช็กสถานที่บริจาคโลหิตที่ร่วมโครงการได้ที่ https://shorturl.asia/heHyn

Advertisement

บอร์ดมรดกภูมิปัญญาฯ มีมติเห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” ขึ้นทะเบียนยูเนสโก

People Unity News : 20 ธันวาคม 2565 บอร์ดมรดกภูมิปัญญาฯ (ICH) มีมติเห็นชอบเสนอ “ผ้าขาวม้า” และรายการมรดกร่วม 4 ประเทศ “เคบายา” ขึ้นทะเบียนยูเนสโก

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธานกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาฯ ครั้งที่ 1/2565 ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเสนอ “สงกรานต์ในประเทศไทย” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (The Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity) ต่อองค์การยูเนสโก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 และกรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการเสนอเอกสารต่อองค์การยูเนสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการพิจารณาในปลายปี พ.ศ.2566 และจะมี “ต้มยำกุ้ง” ที่ ครม.ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของยูเนสโกในปี 2568 ต่อไป

นายอิทธิพล เปิดเผยต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ICH ครั้งนี้ ยังพิจารณาเห็นชอบให้ “ผ้าขาวม้า” เป็นรายการมรดกภูมิปัญญาฯ ที่เตรียมเสนอขึ้นบัญชีกับยูเนสโกลำดับถัดไป ด้วยเห็นว่าผ้าขาวม้าขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติไปแล้วเมื่อ พ.ศ.2556 ในสาขางานช่างฝีมือดั้งเดิม ประเภทผ้าและผลิตภัณฑ์จากผ้า ผ้าขาวม้าเป็นผ้าทอพื้นเมือง มีลวดลายโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น พบได้ทุกภาคของประเทศ มีความผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทยในหลายมิติ สารพัดประโยชน์ในการใช้สอย เช่น เครื่องนุ่งห่ม ใช้ทำความสะอาดเช็ดถู หรือมอบเป็นของขวัญให้แก่ผู้ใหญ่ และใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน ผ้าขาวม้า ถูกนำมาต่อยอดพัฒนาคุณภาพ แปรรูปให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย จึงเห็นชอบให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจัดทำข้อมูลตามหลักเกณฑ์ เพื่อเสนอรายการ “ผ้าขาวม้า” ต่อองค์การยูเนสโกต่อไป

และที่ประชุมคณะกรรมการ ICH ยังเห็นชอบให้เสนอรายการมรดกร่วม “เคบายา” ต่อองค์การยูเนสโก จากการที่รัฐบาลของประเทศมาเลเซียมีหนังสือขอเชิญประเทศไทยขึ้นทะเบียนร่วม (multi-national nomination) รายการ “เคบายา” (Kebaya) โดยมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม และสิงคโปร์ พิจารณาเข้าร่วมในการเสนอรายการเคบายา เพื่อขอขึ้นทะเบียนมรดกร่วมต่อยูเนสโกด้วย ซึ่งมีกำหนดยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566

ความเกี่ยวข้องกับประเทศไทย “เคบายา” คือ เสื้อพื้นเมืองชนิดหนึ่งของผู้หญิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน ดารุสซาลาม สิงคโปร์ และทางภาคใต้ของไทย ผลิตโดยผ้าที่มีน้ำหนักเบา เช่น ผ้าฝ้าย ฝ้าโปร่ง ผ้าลูกไม้ ประดับด้วยดิ้น ด้านหน้าติดกระดุมหรือเข็มกลัด มีการออกแบบ การเย็บปักถักร้อยที่ประณีตงดงาม สอดคล้องกับการแต่งกายบาบ๋า-เพอรานากัน ภาคใต้ของไทย ที่ได้รับการขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เมื่อปี 2555 ถือเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมของคนหลายชนชาติ เคบายา (Kebaya) เป็นเสื้อสตรีที่เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งกายบาบ๋า-เพอรานากัน ซึ่งสมาคมเพอนารากันประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต พร้อมให้ความร่วมมือจัดทำข้อมูลเอกสาร เพื่อนำเสนอยูเนสโกต่อไป

Advertisement

กทม.เตรียมเพิ่มจุดผ่อนผันหาบเร่แผงลอย รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

People Unity News : 20 ธันวาคม 2565 กรุงเทพมหานครเดินหน้าจัดระเบียบจุดผ่อนผันต่อเนื่อง รถพ่วงข้างขึ้นทางเท้าจับปรับเหมือนรถจักรยานยนต์

วานนี้ (19 ธันวาคม 2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 27/2565 ว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศ ก็จะเห็นหาบเร่แผงลอยเพิ่มมากขึ้นในจุดต่างๆ ช่วงแรกจะดูเรื่องจุดผ่อนผันก่อน ซึ่งในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ดูทั้งหมด 16 จุด ส่วนเดือน ก.พ. 66 จะเพิ่มอีก 29 จุด และเดือน พ.ค. 66 จะทำอีก 50 จุด โดยเป็นจุดที่มีอยู่แล้วแต่ปรับให้มีระเบียบเข้มข้นขึ้น ซึ่งมีเคสตัวอย่างเป็นต้นแบบ 8 จุด เช่น ถนนข้าวสาร แถวบางนา เป็นต้น

นอกจากนี้จะเห็นรถพ่วงข้างเพิ่มมากขึ้นด้วย ได้กำชับห้ามรถพ่วงข้างขึ้นมาขายของบนทางเท้าเด็ดขาด ถ้ามีให้ปรับสูงสุดตามระเบียบเหมือนนำรถจักรยานยนต์ขึ้นบนทางเท้า รวมถึงใช้กล้อง CCTV เข้ามาช่วยในการจับปรับผู้กระทำผิดภายใน 20 นาที แต่จริงๆ ในเรื่องนี้มี 2 มิติ ด้านหนึ่งเป็นความยากลำบากของคน แต่อีกด้านเป็นความระเบียบเรียบร้อยของเมือง ก็จะหาจุดที่สมดุลให้ได้ แต่ไม่มีนโยบายที่ผ่อนปรนเรื่องนี้ จุดผ่อนผันที่มีอยู่ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนว่าจะมีจุดไหนเพิ่มขึ้นไหม อาจหาจุดที่เหมาะสมรองรับผู้ละเมิดที่มีจำนวนมาก

Advertisement

Verified by ExactMetrics