วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (พระนามเดิม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี; ประสูติ: 5 เมษายน 2494) เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเป็นพระเชษฐภคินีพระองค์เดียวในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ทรงประกาศลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน เพื่อเข้าพระพิธีเสกสมรสกับปีเตอร์ แลดด์ เจนเซน ในพระบรมหาราชวังตามพระราชประเพณี แล้วเสด็จไปประทับด้วยพระสวามี ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2515 ก่อนจะเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544 โดยหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทรงช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ทั้งยังทรงแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง และทรงเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

พระประวัติ

ประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 เวลา 23.28 น. ณ โรงพยาบาลมองชัวซีส์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้เสด็จนิวัตพระนคร แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเมื่อถึงงานพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอิสริยยศเมื่อประสูติ คือ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี” โดยพระนามของพระองค์มาจากพระนามและนามของพระประยูรญาติหลายพระองค์ อันได้แก่

สร้อยพระนาม “สิริ” มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

สร้อยพระนาม “วัฒนา” มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ สว่างวัฒนา ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนก

พระนาม “อุบลรัตน์” มีความหมายว่า บัวแก้ว มาจากนามของหม่อมหลวงบัว กิติยากร พระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนนี

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสเรียกว่า “เป้” อันเป็นคำลดรูปของคำว่า ลาปูเป (ฝรั่งเศส: La Poupée) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ตุ๊กตา ส่วนพระราชวงศ์และบุคคลอื่นๆจะเรียกพระองค์ว่า “ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงใหญ่” ส่วนพระอนุชาและพระขนิษฐาจะเรียกพระองค์ว่า “พี่หญิง”

การศึกษา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นจนสำเร็จจากโรงเรียนจิตรลดา ครั้นทรงสำเร็จมัธยมศึกษา ได้เสด็จไปประทับ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทรงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจนสำเร็จ ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ชีวเคมี (Bachelor of Science Degree in Bio-Chemistry) จากนั้น ทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ (Statistics and Public Health) จนสำเร็จในการศึกษา

การอภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2515 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เพื่อทรงอภิเษกสมรสกับปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ในพระบรมหาราชวังตามราชประเพณี และเสด็จประทับอยู่สหรัฐอเมริกา ทั้งทรงเปลี่ยนพระนามเป็น จูลี เจนเซน (อังกฤษ: Julie Jensen) ทั้งสองมีโอรส-ธิดา 3 คน ทั้งหมดเกิดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่

คุณพลอยไพลิน เจนเซน (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2524)

คุณพุ่ม เจนเซน (นามเดิม: ภูมิ เจนเซน; เกิด 16 สิงหาคม พ.ศ.2526 ต่อมา 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิอันเกิดจากแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2547)

คุณสิริกิติยา เจนเซน (นามเดิม: ใหม่ เจนเซน; เกิด 18 มีนาคม พ.ศ.2528)

ในปี พ.ศ.2541 ได้ทรงหย่ากับปีเตอร์ เจนเซน กลับมาใช้นามเดิมคือ อุบลรัตน์ มหิดล

การเสด็จนิวัตประเทศไทย เมื่อทรงหย่ากับปีเตอร์ แลด เจนเซน เมื่อ พ.ศ.2541 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จนิวัตประเทศไทยและประทับอยู่เป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544

ภายหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ยังทรงให้การช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ โดยมีพระดำริให้จัดตั้งมูลนิธิต่างๆขึ้นในการช่วยเหลือและให้โอกาสประชาชน อีกทั้งยังทรงพระปรีชาสามารถในแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง เป็นต้นว่า หนึ่งใจ… เดียวกัน (พ.ศ.2551), มายเบสต์บอดีการ์ด (พ.ศ.2552) โดยนำรายได้ทั้งหมดในการจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศไปช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆทั่วประเทศ และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย

พระกรณียกิจ

ด้านสังคมสงเคราะห์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการช่วยเหลือราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยทรงตั้งมูลนิธิชีวิตสดใสเป็นองค์การสาธารณกุศล

นอกจากนี้ ยังทรงตั้งมูลนิธิ Miracle of Life เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการช่วยเหลือ ด้านการศาสนา โดยได้เสด็จหรือทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ไปดูความคืบหน้าของโครงการอยู่เป็นประจำ

ด้านเทคโนโลยี พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าสมัยใหม่ มีช่องทางสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ผ่านแอปพลิเคชัน โซเชี่ยลมีเดีย ชื่อว่า อินสตาแกรม โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า Nichax เพื่อโพสต์พระรูปส่วนพระองค์ในพระอิริยาบถต่างๆให้ประชาชนเข้าไปชื่นชม และพูดคุยจนเป็นที่ชื่นชมจากพสกนิกร

ด้านการรณรงค์การแก้ไขปัญหายาเสพติด ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระดำริให้มีและทรงรับเป็นองค์ประธานโครงการ “TO BE NUMBER ONE” เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงาน องค์กร ชุมชนต่างๆ ตามพระปณิธาน “ทุกคนเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด” มุ่งหมายให้เยาชนใช้เวลาว่างมาร่วมกิจกรรมอันเปิดโอกาสให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก นอกจากนี้ ยังมี “ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น” ซึ่งให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาต่างๆของเยาวชน เช่น ปัญหาครอบครัว และปัญหายาเสพติด มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่มากถึง 31 ล้านคน หรือครึ่งประเทศ

นอกจากนี้ ยังทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นทั่วประเทศ และเสด็จมาเยี่ยมชมกับพระราชทานรางวัลในการประกวดของชมรมทูบีนัมเบอร์วันและงานรวมพลคนทูบีครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วย

ต่อมา รัฐบาลเม็กซิโกได้กราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานประชุมเยาวชนโลก (World Youth Conference) ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยเม็กซิโกให้ความสนใจโครงการทูบีนัมเบอร์วันและให้การยกย่องว่า เป็นต้นแบบในการป้องกันเยาวชนติดยาเสพติดเป็นผลสำเร็จ และต่างชื่นชมในความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ด้านเด็กออทิสติก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเห็นว่า เด็กออทิสติกไม่ได้เรียนหนังสือ จนทำให้เป็นคนไม่ปกติ จึงทรงตั้งมูลนิธิคุณพุ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.2548 ภายหลังจากที่ คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสซึ่งเป็นโรคออทิสติกด้วยนั้น ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2548 บางปียังพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้แก่เด็กออทิสติกนำไปใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาและเพื่อให้เด็กออทิสติกได้พัฒนาตนเอง

ด้านการกีฬา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระปรีชาในกีฬาเรือใบ และเคยทรงลงแข่งกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อแปรพระราชฐานยังพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ทรงเคยเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ ที่งานกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2510 และทรงทำคะแนนรวมได้เป็นที่ 1 เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงร่วมการแข่งขันเช่นกัน จึงได้รับพระราชทานเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ผลงานในวงการบันเทิง

ด้านการแสดงละคร เมื่อปี พ.ศ.2546 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงละครสองเรื่องแรก คือ กษัตริยา และ มหาราชกู้แผ่นดิน ตามคำกราบทูลเชิญของบริษัทกันตนา ละครทั้งสองออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 19:30 นาฬิกา

ต่อมาในปี พ.ศ.2549 ได้ทรงแสดงนำในละครเรื่อง อนันตาลัย ซึ่งทรงประพันธ์เค้าโครงเรื่องด้วยพระองค์เองโดยใช้พระนามแฝงว่า “พลอยแกมเพชร” ละครดังกล่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

ต่อมาในปี พ.ศ.2559 พระองค์ได้ทรงร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คู่ขนานกับ ช่อง 3 HD ช่อง 33 เรื่อง ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ทรงรับบทเป็น “อัมราภาชินี”

การออกรายการโทรทัศน์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาทรงถ่ายรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับพระองค์เป็นประจำ ตามคำกราบทูลเชิญคณะบุคคลต่างๆ เพื่อออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ โดยเฉพาะรายการที่พระองค์ทรงออกรายการทางโทรทัศน์อยู่เป็นประจำเป็นรายการที่มีความรู้และสาระต่างๆ ที่ประชาชนได้รับชมอยู่จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 2 รายการ มีดังนี้

ทูบีนัมเบอร์วัน วาไรตี้ เมื่อ พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อห่างไกลยาเสพติด ผลิตโดย โครงการทูบีนัมเบอร์วันและกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พระองค์จะออกช่วง Talk to the Princess ตอบจดหมายจากผู้ชม จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20:30–21:30 นาฬิกา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

พรินเซสไดอารี (Princess Diary) เมื่อ พ.ศ.2551 เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของต่างประเทศ ปัจจุบัน เปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นการสัมภาษณ์ดารารับเชิญในห้องส่ง โดยเล่าประวัติและผลงานของดารารับเชิญ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23:05–24:00 นาฬิกา ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

การแสดงภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ.2551 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจเดียวกัน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในพระองค์ จากบทพระนิพนธ์ เรื่องสั้นที่…ฉันคิด ทำรายได้ 50 ล้านบาท ต่อมา ยังทรงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง มายเบสต์บอดีการ์ด และ พระนางจามเทวี ภาพยนตร์ทั้งสามได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยเสด็จมาทรงร่วมในพิธีเมื่อ พ.ศ.2551, 2552 และ 2553

ใน พ.ศ.2555 ทรงร่วมแสดงภาพยนตร์อีกสองเรื่อง คือ เรื่อง ว่ายน้ำข้ามทะเลดาว ร่วมกับ โทนี่ รากแก่น เทิดพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555 เข้าฉายในวันที่ 1–23 ธันวาคม พ.ศ.2555 และเรื่อง ทูเก็ตเตอร์ วันที่รัก ร่วมกับ สหรัถ สังคปรีชา และ ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ เข้าฉายวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2555

ด้านการร้องเพลง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีผลงานเพลงหลายผลงานในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เช่น เพลงประจำโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจ…เดียวกัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง มาย เบส บอดี้การ์ด เพลง “ทางของฉัน” และเพลง “ผู้ชายคนนั้น” นอกจากนี้ ยังทรงได้รับเชิญเข้าร่วมร้องเพลง “ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” เมื่อปี 2547 ด้วย

ใต้ร่มพระบารมี : ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : post 5 เมษายน 2562 เวลา 12.00 น.

กำหนดให้วันที่ 13 ต.ค. เป็นวันนวมินทรมหาราช

People Unity News : 26 กันยายน 2566 ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุม ครม.เห็นสมควรกำหนดให้วันที่ 13 ต.ค.ของทุกปี เป็นวัน “นวมินทรมหาราช” น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9

นายชัย วัชรงค์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบและนำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องพระราชทานชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการเสด็จสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า “สัตตมวรรษ” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “วันนวมินทรมหาราช” ตามที่รัฐบาลขอพระราชทานพระมหากรุณา จึงเห็นสมควรกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันนวมินทรมหาราช” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าว

Advertisement

ธ.ออมสินจัดงานครบรอบ 104 ปี 1 เมษายน 2560 สนองพระมหากรุณาธิคุณ ส่งเสริมการออมของประชาชน

People unity news online : นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า วันที่ 1 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันมงคลยิ่งของธนาคารออมสิน ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์จัดตั้ง “คลังออมสิน” ขึ้นเมื่อปี 2450 ด้วยทรงเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของการออมทรัพย์ และให้ประชาชนมีสถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย ก่อนที่จะทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกาศใช้พระราชบัญญัติคลังออมสิน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2456 ความแข็งแกร่งและมั่นคงของคลังออมสิน ซึ่งใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวในช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน จนได้รับพระราชทานการจัดตั้งเป็น “ธนาคารออมสิน” เมื่อปี พ.ศ.2489 จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และสถาบันเพื่อการออมแห่งนี้ได้ดำเนินการมาจนมีวาระครบรอบ 104 ปีแล้ว นับว่าเป็นวาระมงคลยิ่งของธนาคารที่ก่อตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 1 ศตวรรษแล้ว

ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงความเป็นสถาบันเพื่อการออมมาอย่างยาวนาน 104 ปี อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ให้ความไว้วางใจในการฝากทรัพย์กับธนาคารออมสิน ธนาคารฯจึงได้เปิดให้บริการรับฝากเงินเป็นกรณีพิเศษในวันคล้ายวันสถาปนาธนาคารออมสิน วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 ระหว่างเวลา 8.30 – 12.00 น. ได้แก่ สำนักพหลโยธิน (สำนักงานใหญ่) สำนักราชดำเนิน ธนาคารออมสินสาขา และหน่วยให้บริการที่เปิดทำการ 5 วันต่อสัปดาห์ พร้อมกับจัดกิจกรรมพิเศษ ด้วยการแจก “กระปุกเรือออมสิน” เป็นที่ระลึก 1 ใบ ต่อ 1 บัญชี (ของมีจำนวนจำกัด) เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์ให้แก่ผู้เปิดบัญชีเงินฝากใหม่หรือฝากเงินประเภทใดก็ได้ ซึ่งต้องฝากด้วยตัวเองไม่ต่ำกว่าบัญชีละ 500 บาท โดยสามารถฝากต่างสาขาได้ แต่กรณีบัญชีเพื่อผู้เยาว์ ผู้มาฝากเงินจะเป็นผู้ฝากหรือผู้เยาว์ก็ได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกกิจกรรมที่ธนาคารออมสินมอบให้มาช้านาน แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบมากนัก คือ ธนาคารออมสินมอบเงินทุนประเดิม (เงินขวัญถุง) ให้แก่เด็กแรกเกิดในวันออมสิน ในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เพื่อเป็นการสร้างนิสัยการออมให้แก่เด็กจำนวน 500 บาทต่อราย และพิเศษสำหรับเด็กแรกเกิดที่บิดามารดาตั้งชื่อว่า “ออมสิน” ธนาคารฯมอบให้เป็น 5,000 บาท เพียงนำสูติบัตรของเด็กพร้อมด้วยทะเบียนบ้านที่มีชื่อบิดา-มารดา มาแสดงที่สาขาธนาคารออมสินใกล้บ้าน ธนาคารฯจะนำเงินทุนประเดิมฝากเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ และจะเก็บเงินทุนประเดิมนี้ไว้จนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ โดยขอรับทุนประเดิมนี้ได้ไม่เกินเดือนธันวาคม 2560

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115.

People unity news online : post 24 มีนาคม 2560 เวลา 00.01 น.

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง “เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา” ทรงพระประชวร ฉบับที่ 2

People Unity News : 19 ธันวาคม 2565 แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ 2

วันที่ 19 ธันวาคม พุทธศักราช 2565 เวลา 07.00 น. สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชราชธิดา ทรงพระประชวร ฉบับที่ 2

ตามที่สำนักพระราชวัง ได้มีแถลงการณ์ เรื่อง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชราชธิดา ทรงพระประชวรหมดพระสติ ด้วยพระอาการทางพระหทัย และทรงเข้ารับการรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พุทธศักราช 2565 ความทราบทั่วกันแล้วนั้น

คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชราชธิดา ได้รายงานว่า พระอาการโดยรวมคงที่ในระดับหนึ่ง จังหวะการเต้นของพระหทัยควบคุมได้ด้วยพระโอสถ ผลการตรวจพระหทัย พบว่าพระหทัยยังบีบตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผลการฉีดสีของหลอดเลือดพระหทัยไม่พบความผิดปกติ คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถและเครื่องมือเพื่อช่วยการทำงานของพระหทัย พระปัปผาสะ พระวักกะ และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป

จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักพระราชวัง

19 ธันวาคม พุทธศักราช 2565

Advertisement

“บิ๊กตู่” นำ ครม.ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เฉลิมพระเกียรติในหลวง

People unity news online : นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม. นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายและประชาชน ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.10 น. ณ บริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้มีจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อแสดงน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ว่า การปฏิบัติการจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆด้าน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง หลอมรวมดวงใจของทุกคนให้เป็นพลังหนึ่งเดียวกัน และผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ กลายเป็นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนในประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ด้วยพลังของจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” มาสืบสาน ขยายผลออกไปในวงกว้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมไปถึงกลุ่มคนไทยในต่างประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตอาสาทุกคนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยได้จัดให้มีกิจกรรมจิตอาสานี้อีกหลายๆกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2561

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการผังเมืองของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับผิดชอบขยะของตนเอง ซึ่งต้องแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องรู้วิธีจัดการขยะว่านำไปจัดการอย่างไร เช่น นำไปทำปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า หรือเป็นพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ พร้อมกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เอื้อต่อประโยชน์แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ คือ ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อจะลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บ พร้อมกล่าวกับประชาชนจิตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมว่าให้เรียนรู้และทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลแก้ไขข้อกฎหมายด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างศาลพระภูมิ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ได้ปลูกต้นทองอุไร บริเวณถนนนครปฐมด้านติดคลองเปรมประชากร ก่อนนำคณะรัฐมนตรี จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ได้แก่  การฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล ทาสีรั้วบริเวณสะพานอรทัยและแนวขอบริมทางเดินเท้า ชมการสาธิตเรือลอกตะกอนและเครื่องกลเติมอากาศใต้น้ำ รวมทั้งเยี่ยมชมให้กำลังใจจิตอาสา บริเวณจุดบริการอาหารแก่จิตอาสาเชิงสะพานอรทัย และบริเวณถนนพระรามที่ 5 จนถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมชมการขุดลอกคลองบริเวณริมกำแพงโรงเรียนราชวินิต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบอาหารเป็นห่อข้าวเหนียวไก่และน้ำดื่มให้แก่ผู้มาร่วมปฏิบัติการจิตอาสาครั้งนี้ด้วย

People unity news online : post 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

“บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

วันนี้ (17 เมษายน 2562) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้า  ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เข้ารับพระราชทานต้นไม้มงคล เพื่อเชิญไปปลูกเป็นปฐมฤกษ์ บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 โดยแต่ละจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะเลือกถนนที่มีความสำคัญหรือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เพื่อดำเนินการปลูกต้นไม้ ให้ร่มรื่นสวยงามตลอดสองข้างทาง ปรับภูมิทัศน์ถนนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามและปลอดภัย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานต้นรวงผึ้ง อันเป็นต้นไม้มงคลประจำรัชกาล อีกทั้งต้นไม้ยังเป็นสัญญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเย็นเฉกเช่นเดียวกับพระบารมีแผ่ไพศาลแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงปกปักษ์รักษาอาณาประชาราษฎร์ ให้ได้รับความผาสุกร่มเย็นทั่วกัน”

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานปลูกต้นรวงผึ้ง ปฐมฤกษ์ ณ บริเวณสนามหญ้าด้านหน้า ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีป้ายประกอบข้อความว่า  ต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี ในโครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ปลูกโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันพุธที่ 17 เมษายน 2562

ใต้ร่มพระบารมี : “บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : post 17 เมษายน 2562 เวลา 11.30 น.

ในหลวง พระราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข ใช้ป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร รับพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ อาคารกองกิจการในพระองค์ พระที่นั่งอัมพรสถาน และให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวน 7 แสนชุด ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งชุด PPE. มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ทำให้มีความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งขณะให้การดูแลรักษาผู้ป่วย/ ผู้ติดเชื้อ การเก็บตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ซึ่งทำให้การป้องกันควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล 7 แสนชุดที่ได้รับพระราชทาน ประกอบด้วย เสื้อคลุมแขนยาว (Isolation Gown) 4 แสนชุด ชุดสวมคลุมร่างกายชิ้นเดียว มีฮู้ดคลุมคอและศีรษะ (Coverall Gown) 1 แสนชุด และเสื้อคลุมแขนยาวชนิดใช้ซ้ำได้ (Reusable Isolation Gown) 2 แสนชุด โดยกระทรวงสาธารณสุข จะกระจายไปยังโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต รวม 4.9 แสนชุด กรุงเทพมหานคร 7 หมื่นชุด และเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHOSNET) 1.4 แสนชุด

Advertising

เชิญชวนร่วมกิจกรรม “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร”

People Unity News : 21 เมษายน 2566 รัฐบาลเชิญชวนร่วมกิจกรรม “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” เรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม บนแผ่นดินไทย ถึง 25 เม.ย.นี้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน ร่วมกิจกรรม “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” ประจำปี 2566 จัดโดยศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน กระทรวงวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 21 – 25 เม.ย. 2566 ณ ศูนย์วัฒนธรรมอาเซียน หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ นำเสนอความหลากหลายทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ผ่านประวัติความเป็นมาของชุมชนต่างๆ โดยเผยแพร่องค์ความรู้การตั้งถิ่นฐานของชุมชนอาเซียนดั้งเดิมในกรุงเทพฯ 6 กลุ่ม ได้แก่ เขมร ญวน พม่า มอญ ลาว และมุสลิม พร้อมนำเสนออัตลักษณ์ ขนบประเพณีของชุมชนอาเซียนที่อยู่อาศัยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร อย่างร่มเย็นเป็นสุขตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ความพิเศษของกิจกรรม “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” ประจำปี 2566 คือการลงไปสัมผัสกับชุมชนเก่าแก่ อย่างเช่น กิจกรรมนั่งรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าไปยังชุมชนมุสลิม ย่านบางลำพู เพื่อเรียนรู้เรื่องราวชุมชนมุสลิมผ่านอาคารสถาปัตยกรรม ทั้งบ้านตึกดิน ถนนสิบสามห้าง มัสยิดจักรพงษ์ และสีสันของอาหารในย่านบางลำพู พร้อมรับฟังการบรรยาย “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” จากวิทยากร ผศ.ดร. สิงหนาท แสงสีหนาท ผู้อำนวยการศูนย์เชื่อมโยงอาเซียนด้านการออกแบบเมืองและสรรค์สร้าง คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร , ดร.นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมอาหาร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กิจกรรม “ชุมชนอาเซียนใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร” จะทำให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม เชื้อสาย วิถีการดำรงชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี ในแผ่นดินไทยนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคี และความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พร้อมกันนี้ ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้วย

Advertisement

ธ.ออมสินประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

People unity news online : ธนาคารออมสินจัดประกวดวาดภาพแนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 1.77 ล้านบาท พร้อมเปิดศูนย์รับผลงาน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เปิดรับสมัครและรับผลงานพร้อมกันในเดือนกันยายน

5 กรกฎาคม 2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน เพื่อให้มีเวทีแสดงความสามารถทั้งทางด้านดนตรี กีฬา วิชาการ และด้านศิลปะการวาดภาพ ภายใต้โครงการ GSB Generation กิจกรรมการประกวดวาดภาพครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เพื่อเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในฐานะทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” ทรงพระปรีชาสามารถล้ำเลิศทุกแขนง ทรงตระหนักในคุณค่าความงดงามของศิลปะ ทรงทุ่มเทพละกำลังทั้งปวงในการทำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติศิลป์แห่งแผ่นดินไทย ทรงฟื้นฟูงานศิลปะที่แทบจะสูญสิ้นให้กลับมาสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย ทรงเล็งเห็นศักยภาพของราษฎรที่มีความสามารถทางด้านศิลปหัตถกรรม จึงทรงอนุรักษ์ ทำนุบำรุง ส่งเสริม และฟื้นฟูศิลปะทุกแขนงของประเทศไทย ทั้งงานด้านหัตถศิลป์ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ศิลปะพื้นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดกันมาช้านาน ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นล้วนเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ให้ได้กลับมาโด่งดังเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงแผ่ไพศาลไปยังนานาประเทศ และนำพาความผาสุก ความเจริญมาสู่อาณาประชาราษฎร์

“การจัดการประกวดวาดภาพในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือ ธนาคารได้แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 4 ประเภทตามช่วงอายุ เพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางทั้ง 4 ภูมิภาค และมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับมุมมองศิลปะ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษา หรือผู้สนใจทั่วไป ได้รับฟังแนวคิดและประสบการณ์ที่หาฟังได้ยากยิ่งจากวิทยากรและศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์รับผลงานทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ภาคเหนือ-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และภาคใต้-มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าประกวดให้สามารถเลือกจุดรับส่งผลงานใกล้ภูมิลำเนาของตนเอง สำหรับคณะกรรมการตัดสินยังคงเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดเดิมนำทีมโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณอิทธิพล ตั้งโฉลก และศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

ด้าน ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้แนะนำให้ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ว่า ทุกคนต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองให้เต็มที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและตีโจทย์ให้แตก ซึ่งงานศิลปะต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจนออกมาให้โดดเด่นเป็นที่สะดุดตาต้องมีความหมาย และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชื่นชมผลงานศิลปะเหล่านั้น

การประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” มีหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ เจ้าของผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย และสร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง ที่สำคัญก่อนส่งผลงานเข้าประกวด ต้องสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ gsbgen.com สำหรับประเภทการประกวดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 บุคคลทั่วไป ประเภทที่ 2 เยาวชน อายุ 15-18 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2543-2546) ประเภทที่ 3 เยาวชน อายุ 11-14 ปี (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2547-2550) และประเภทที่ 4  เยาวชน อายุ 7-10 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2551-2554) โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พร้อมเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 1.77 ล้านบาท

สำหรับผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องเป็นงานศิลปะมีลักษณะโดยรวมเป็น 2 มิติ ทั้งนี้ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะต้องไม่เคยถูกตีพิมพ์หรือเข้าประกวดที่ใดมาก่อน และไม่ติดลิขสิทธิ์ของบุคคลหรือบริษัทอื่นใด ระยะเวลาในการส่งผลงาน คือกลางเดือนกันยายน 2561 โดยคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกและตัดสินในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคม ส่วนพิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากนั้นผลงานที่ได้รับรางวัลทุกชิ้นจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC) ในช่วงเดือนธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการส่งผลงานเข้าประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ได้ทางเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ www.gsbgen.com  รวมถึง Facebook Fanpage “ประกวดวาดภาพ ธนาคารออมสิน” ผู้สนใจสามารถกดติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอีเมลที่ gsbgen.art@gmail.com

People unity news online : post 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.30 น.

นายกฯ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศล วันคล้ายวันสวรรคต รัชกาลที่ 9

People Unity News : 13 ตุลาคม 2565 นายกรัฐมนตรีและภริยา เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ ทำเนียบรัฐบาล

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลและพิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมีคณะรัฐมนตรีและคู่สมรส ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ข้าราชการ และสื่อมวลชนเข้าร่วมพิธี

เมื่อนายกรัฐมนตรีและภริยาเดินทางถึงบริเวณตึกสันติไมตรี (หลังนอก) พระสงฆ์ในพิธี จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสนะสงฆ์ นายกรัฐมนตรีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีลและเจริญพระพุทธมนต์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีถวายผ้าไตรพระสงฆ์ จำนวน 10 รูป นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ถวายเครื่องไทยธรรม พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระสงฆ์สวดอนุโมทนา นายกรัฐมนตรีกรวดน้ำรับพร แล้วกราบลาพระรัตนตรัย และถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยา นำผู้ร่วมงานใส่บาตรพระสงฆ์ ณ บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี เป็นอันเสร็จพิธี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเป็นประธานในพิธีตักบาตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนนทบุรี ณ วัดเขมาภิรตารามราชวรมหาวิหาร ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เวลา 10.40 น. นายกรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดนนทบุรี ณ วัดแสงสิริธรรม ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

ส่วนในช่วงเย็นเวลา 17.00น. นายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต กรุงเทพฯ

Advertisement

Verified by ExactMetrics