วันที่ 18 พฤษภาคม 2024

ในหลวง พระราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข ใช้ป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร รับพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ อาคารกองกิจการในพระองค์ พระที่นั่งอัมพรสถาน และให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวน 7 แสนชุด ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งชุด PPE. มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ทำให้มีความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งขณะให้การดูแลรักษาผู้ป่วย/ ผู้ติดเชื้อ การเก็บตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ซึ่งทำให้การป้องกันควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล 7 แสนชุดที่ได้รับพระราชทาน ประกอบด้วย เสื้อคลุมแขนยาว (Isolation Gown) 4 แสนชุด ชุดสวมคลุมร่างกายชิ้นเดียว มีฮู้ดคลุมคอและศีรษะ (Coverall Gown) 1 แสนชุด และเสื้อคลุมแขนยาวชนิดใช้ซ้ำได้ (Reusable Isolation Gown) 2 แสนชุด โดยกระทรวงสาธารณสุข จะกระจายไปยังโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต รวม 4.9 แสนชุด กรุงเทพมหานคร 7 หมื่นชุด และเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHOSNET) 1.4 แสนชุด

Advertising

เชิญชวนภาครัฐ เอกชน ประดับธงตราสัญลักษณ์ ตลอดปี 2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 ธันวาคม 2566 ทำเนียบ – คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” เชิญชวนภาครัฐ เอกชน ประดับธงตราสัญลักษณ์ ตลอดปี 2567

นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ที่ประชุมรายงานแนวทางการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนให้ทราบถึงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีชื่อพระราชพิธีภาษาไทยว่า “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗” ส่วนภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อ “The Celebration on the Auspicious of His Majesty the King’s 6th Cycle Birthday Anniversary 28th July 2024” และชื่อการจัดงานว่า “การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” กำหนดขอบเขตการจัดงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2567 รวมถึงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาลขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยดำเนินการจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ รวมทั้งประดับธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาส “พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗” ตราสัญลักษณ์ฯ และประดับผ้าระบายสีเหลืองร่วมกับผ้าระบายสีขาว ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงานและบ้านเรือน ตามความเหมาะสม โดยดำเนินการในระยะเวลาขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ตลอดปี 2567

“นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้เตรียมการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางการสื่อสารให้ครอบคลุม รวมถึงการผลิตและเผยแพร่สารคดี ข้อมูล ภาพประกอบ และกิจกรรมต่างๆ ของ “พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗” โดยให้หน่วยงานภาครัฐนำเสนอแผนการจัดกิจกรรมมายังคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อให้กรมประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการ รวบรวมและกำหนดแผนการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถสื่อสารไปยังประชาชนได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีร่วมกันทั้งประเทศ” นางพวงเพ็ชร กล่าว

สำหรับส่วนราชการ องค์กรเอกชน หรือหน่วยงานใดมีความประสงค์ขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ เพื่อประดิษฐานในสิ่งของใด ๆ ก็ตาม ให้แจ้งขออนุญาตไปที่ คณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สอบถาม โทร. 0 2283 4789-91, 0 2283 4775, 0 2283 4787, 0 2283 4780 โทรสาร 0 2283 4809–10 หรือสามารถดาวน์โหลดรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมแบบฟอร์มได้จาก QR Code ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

Advertisement

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

รัฐบาลเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา

People Unity News : รัฐบาลเตรียมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

7 มี.ค.2565 วันนี้ (7 มี.ค. 65) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ครั้งที่ 1/2565 (ผ่านระบบ Video Conference) โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนหน่วยงานในพระองค์ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเนื่องด้วยวันที่ 12 สิงหาคม 2565 เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระชนมพรรษา 90 พรรษา นับเป็นมหามงคลพิเศษอย่างยิ่ง รัฐบาลเห็นควรให้มีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติทุกประการ และขอให้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการต่างๆ และพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาและความผาสุขของประชาชนชาวไทยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และเพื่อให้เยาวชนและประชาชนไทยทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นหลัง ได้ศึกษาหาความรู้จากโครงการต่างๆเหล่านี้ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงออกถึงความจงรักภักดี ทั้งนี้ ให้ช่วยกันจัดทำกิจกรรมและโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ สอดคล้องกับโครงการต่างๆของพระองค์ เพื่อสืบสาน รักษา ต่อยอด ขยายผลให้เจริญเติบโต เกิดผลเป็นรูปธรรม และเห็นสมควรให้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะถวายเป็นพระราชกุศลและถวายพระชัยมงคล

อนึ่ง ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ครบ 6 รอบ และในวันที่ 5 ธันวาคม 2570 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จะมีพระชนมพรรษา 100 พรรษา หรือ 100 ปีชาตกาล ซึ่งเป็นมหามงคลอีกวาระหนึ่ง รัฐบาลจะได้เตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ จึงขอให้ทุกหน่วยงานร่วมกันจัดทำโครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเป็นโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานไว้ ทั้งนี้ การจัดกิจกรรม/โครงการขอให้ดำเนินการตามแบบธรรมเนียมโบราณราชประเพณีที่ได้ดำเนินการเช่นที่ผ่านมา

ที่ประชุมได้มีการพิจารณาและเห็นชอบในประเด็นสำคัญ เช่น

  1. การกำหนดชื่อการจัดงาน กำหนดขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการกำหนดชื่องานว่า “การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565” โดยการกำหนดขอบเขตการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
  2. การแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ จำนวน 3 คณะ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานและเพื่อให้การดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยคณะกรรมการ 3 คณะ ประกอบด้วย

(1) คณะกรรมการฝ่ายพิธีการการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมี รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ จัดงานรัฐพิธี ศาสนพิธี งานพิธีการในนามรัฐบาล ให้ถูกต้องตามโบราณราชประเพณี จัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

(2) คณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจรการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ จัดทำแผนการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

(3) คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีหน้าที่และอำนาจ วางแผนการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทาง การนำเสนอภาพของการจัดกิจกรรม และการถ่ายทอดสดในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้ข้อเสนอแนะควรให้มีการแต่งตั้งผู้ที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยด้านสารธาณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย เพื่อให้การจัดงานและกิจกรรมต่างๆ มีความปลอดภัยและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน พร้อมย้ำการจัดงานให้ดำเนินการภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเป็นไปอย่างเหมาะสมโดยให้นำการจัดกิจกรรมและโครงการเสนอที่ประชุม ศบค. พิจารณาด้วย

Advertising

นายกฯ กำชับ ผบ.ตร. รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 11 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก และ X เผยหารือ ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง เรื่องการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ระบุรัฐบาลมีหน้าที่ถวายการอารักขาและรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรววงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน Facebook และ X ระบุ ผมหารือกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

เรื่องที่ผมเป็นห่วงและขอกำชับคือเรื่องมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ เพื่อไม่ให้ประเด็นนี้กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้โจมตีทางการเมืองของทุกฝ่าย หรือมือที่สามมาฉวยสร้างสถานการณ์ ที่สำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และของผมในฐานะนายกฯ ขอย้ำครับว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐบาลมีหน้าที่ถวายการอารักขาและรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน

ผมเชื่อว่าเราคนไทยเห็นตรงกันในเรื่องนี้ครับ

Advertisement

 

รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พ.ค.

People Unity News : 28 เมษายน 2566 รัฐบาลเตรียมจัดงานสโมสรสันนิบาต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พ.ค.นี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันฉัตรมงคล ในวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม 2566 เวลา 19.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลได้เชิญคณะองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ประธาน รองประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หัวหน้าส่วนราชการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมาธิการสามัญ วุฒิสภา หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานสภากรุงเทพมหานคร ปลัดกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ระดับผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขึ้นไป) ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ (ระดับพลเอกขึ้นไป) เอกอัครราชทูต กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศต่าง ๆ ประจำประเทศไทย และกงสุลอาชีพ องค์การระหว่างประเทศภายใต้องค์การสหประชาชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย พร้อมคู่สมรส เข้าร่วมในงานสโมสรสันนิบาตฯ ด้วย

“สำหรับการจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 จะมีการถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ตั้งแต่เวลา 18.50 น. เป็นต้นไป รัฐบาลจึงขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลขอให้ทรงพระเจริญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 โดยพร้อมเพรียงกัน” นายอนุชา กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเตรียมจัดงานสมพระเกียรติ ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช 

People Unity News : 27 เมษายน 2566 “ธนกร” เผยรัฐบาลเตรียมจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายนนี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ การจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  โดยมีกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ และสื่อมวลชน ร่วมกันพิจารณาและดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การจัดงานพระราชพิธี รัฐพิธี ศาสนพิธี งานพิธี โครงการและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการตามพระดำริ และเชิญชวนประชาชนร่วมฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

นายธนกร กล่าวว่า จะมีการถ่ายทอดสดการเสด็จพระราชดำเนินไปในงานบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 เวลา 17.00 น. ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และเครือข่าย TGN 170 ประเทศทั่วโลก และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

“ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางที่มี เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ซึ่งผมในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ ได้วางแผนและเตรียมความพร้อมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จัดทำช่องทางให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ  ได้ที่เว็บไซต์ :  https://www.prd.go.th/th/page/item/index/id/85 โดยลิงค์เข้าไปที่เว็บไซต์ กรมประชาสัมพันธ์ :  www.prd.go.th และ Facebook 96 พรรษาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่น่าเชื่อถือมาให้ประชาชนรับรู้ และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” นายธนกร กล่าว

Advertisement

พระมหากษัตริย์นักการทหาร จอมทัพไทย

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์นักการทหาร จอมทัพไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์นักการทหาร จอมทัพไทย

People unity news online : post 28 กรกฎาคม 2560 เวลา 08.49 น.

ไปชม! งาน “ใต้ร่มพระบารมี 235 ปีกรุงรัตนโกสินทร์” กิจกรรมมากมายตลอดเดือน เม.ย.นี้

People unity news online :  เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี 235 ปี  กรุงรัตนโกสินทร์” น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์ โดยมี ดร.ฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายปรารพ เหล่าวานิช เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม และผู้แทนหน่วยงานต่างๆเข้าร่วม

นายวีระ กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมจัดงาน 235 ปีกรุงรัตนโกสินทร์ และกิจกรรมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ และกรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพื่อจัดงานดังกล่าวขึ้นภายใต้ชื่องานมหกรรมวัฒนธรรม “ใต้ร่มพระบารมี 235 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิรันดร์ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีที่ได้ทรงนำพาประเทศชาติเป็นปึกแผ่น และเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 235 ปี รวมทั้งเพื่อให้คนรุ่นหลังได้ร่วมรำลึก เรียนรู้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งงานครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 30 เม.ย.2560 ระหว่างเวลา 10.00 – 22.00 น. และจะมีพิธีเปิดงานในวันที่ 5 เม.ย.นี้ที่โรงละครแห่งชาติ หลังจากนั้นจะมีพิธีเปิดนิทรรศการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งนิทรรศการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 30 เม.ย.ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และเปิดกิจกรรมเยี่ยมยลพิพิธภัณฑ์ (Night Museum) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 25 เม.ย.ที่โรงละครแห่งชาติด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยพิธีสำคัญ คือ พิธีบวงสรวงและพิธีสักการะบูรพกษัตริย์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร รวมทั้งมีพิธีสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร โดยทั้ง 3 พิธีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 20 เม.ย. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และตักบาตรพระสงฆ์ 236 รูปที่ลานคนเมืองในวันที่ 21 เม.ย. หลังจากนั้นจะมีพิธีศาสนา 5 ศาสนา มหามงคล ในวันที่ 22 เม.ย.ที่โรงละครแห่งชาติ

ขณะเดียวกันยังได้จัดนิทรรศการจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 1 – 30 เม.ย.ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป นิทรรศการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต้นไม้ปณิธานความดี และรถศูนย์ข้อมูลดนตรี ระหว่างวันที่ 5 – 30 เม.ย.ที่โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) รวมทั้งการเสวนาทางวิชาการ อาทิ ภาพเก่าเล่าขานตำนานรัตนโกสินทร์และ 235 ปี รัตนโกสินทร์คีตการ : ดุริยางค์ราชสำนัก มรดกไทยมรดกโลก ระหว่างวันที่ 22 – 25 เม.ย.ที่โรงละครวังหน้า

รวมถึงจัดกิจกรรม “สวดพระพุทธมนต์ 10 วัด สืบสิริ 10 รัชกาล” ระหว่างวันที่ 6 – 24 เม.ย. อาทิ   วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดอรุณราชวราราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก  วัดวชิรธรรมสาธิต เป็นต้น รวมทั้งกิจกรรม “ไหว้พระเสริมสิริมงคล” ระหว่างวันที่ 21 – 25 เม.ย.ที่วัดรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดราชนัดดารามวรวิหาร วัดสุทัศนเทพวรราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) จัดรถโดยสารปรับอากาศให้บริการรถรับ – ส่ง ประชาชน 10 จุดใน 10 วัด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดต่อสอบถามโทร. 02 422 8812

นายวีระ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังได้จัดงานมหกรรมการแสดงทางวัฒนธรรม ระหว่างวันที่ 20 – 25 เม.ย. มีการแสดงทางวัฒนธรรมที่โรงละครแห่งชาติ การแสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาคที่ลานคนเมือง การแสดงมหกรรมวิทยาลัยนาฏศิลป์ทั่วประเทศที่สวนสันติชัยปราการ และจัดมหกรรมวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 2 โดยมีงานมหกรรมการแสดงหุ่นร่วมสมัยไทย-อาเซียน ที่โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ และสวนสันติชัยปราการ บางลำพู โดยจะเชิญทูตานุทูตจากประเทศต่างๆในอาเซียนเข้าร่วม ขณะเดียวกันได้จัดการแสดงนาฏยศาลาหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ โดยแสดงเรื่อง “พระมหาชนก” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ระหว่างวันที่ 20 – 21 เม.ย. รวมถึงมีนิทรรศการและการแสดงหุ่นร่วมสมัยไทยและอาเซียน ระหว่างวันที่ 20 – 30 เม.ย. ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จัดขึ้นที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนินอีกด้วย

รวมทั้งมีกิจกรรมเยี่ยมยลพิพิธภัณฑ์ ระหว่างวันที่ 20 – 25 เม.ย. โดยเชิญชวนเด็ก เยาวชน และประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มิวเซียมสยาม นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ พิพิธบางลำพูและวังจักรพงษ์ โดยนักเรียน นักศึกษาและประชาชนสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อจะได้เรียนรู้และซึมซับด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของชาติ

นอกจากนี้ มีกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย หัวข้อ “ใต้ร่มพระบารมี 235 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” จัดระหว่างวันที่ 2 – 30 เม.ย. ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน และการจำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรมทั้งของดีบ้านฉัน 76 จังหวัด และของดีรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 20 – 25 เม.ย.ที่ลานคนเมือง และสวนสันติชัยปราการ และจัดงาน “สัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย” ระหว่างวันที่ 2 – 8 เม.ย.ที่โรงละครแห่งชาติ และงาน “เทศกาลวันสงกรานต์” ระหว่างวันที่ 13 – 17 เม.ย.นี้ ที่ลานคนเมือง สยามพารากอน วัดปทุมวนารามราชวรวิหารและสยามสแควร์ด้วย ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร.1765

People unity news online : post 3 เมษายน 2560 เวลา 10.33 น.

 

ประชาชนหลั่งไหลเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9

People Unity News : 14 ตุลาคม 2565 ประชาชนหลั่งไหลเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ประดิษฐานอย่างงามสง่า บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ หรือสนามม้านางเลิ้งเก่า

บรรยากาศบริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หลังจากเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

จากนั้นสำนักพระราชวัง ประกาศแจ้งถึงพี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สามารถเข้าถวายสักการะได้ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม เวลา 08.00- 19.00 น. ก่อนที่จะปิดเพื่อปรับภูมิทัศน์ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แม้อากาศจะร้อนไม่เป็นอุปสรรค พี่น้องประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาในอุทยานฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลือง และใช้โอกาสช่วงวันหยุดยาว เดินทางกันมาพร้อมครอบครัว มาร่วมถวายสักการะและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผู้ที่เข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการดอกกุหลาบสีเหลืองให้ทุกคนสำหรับถวายสักการะ ส่วนใครที่เหนื่อยหรือร้อนจะมีเต็นท์พร้อมพัดลมไอน้ำ รวมถึงมีวงดนตรีขับกล่อมบรรเลงบทเพลง ระหว่างนั่งพักเอาแรงก่อนเดินทางกลับ มีเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยให้บริการบอกเส้นทาง วิธีการสักการะและคอยบริการถ่ายรูปให้ตลอดทั้งวัน

สำหรับอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทางสำนักพระราชวัง เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ เข้าถวายสักการะได้ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ก่อนจะปิดเพื่อปรับภูมิทัศน์ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้สมพระเกียรติ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล จะได้จัดสถานที่จอดรถบริเวณถนนศรีอยุธยา ไว้ให้ประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะ ตามวันเวลาดังกล่าว โดยขอให้แต่งกายสุภาพ

Advertisement

Verified by ExactMetrics