วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

ครม.รับทราบผลดำเนินงานโครงการจิตอาสาฯ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.64 มีจิตอาสาฯกว่า 6.8 ล้านคน

People Unity News : ครม.รับทราบผลดำเนินงานโครงการจิตอาสาพระราชทาน

15 มี.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 มี.ค. 2565 ได้รับทราบการการรายงานผลดำเนินงานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ระหว่างเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2564  โดย ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2564 มีประชาชนลงทะเบียนเป็นจิตอาสาพระราชทานแล้ว 6,896,296 คน จำแนกเป็นกรุงเทพมหานคร 455,861 คน และส่วนภูมิภาค 6,440,408 คน

ทั้งนี้  มีการจัดกิจกรรมจิตอาสาของส่วนราชการต่างๆ 17 หน่วยงาน ที่มีผู้เข้าร่วม 963,925 คน รวมกิจกรรมจิตอาสา 10,163 ครั้ง ประกอบด้วย 1) จิตอาสาพัฒนา เช่น การปรับปรุงภูมิทัศน์สถานที่ทำงานและบริเวณโดยรอบ การอำนวยความสะดวกให้ประชาชน การบริจาคโลหิต หรือสิ่งของ การปลูกต้นไม้ พัฒนาแหล่งน้ำ การบริจาควัคซีนแก่ประชาชน รวม 9,217 ครั้ง 2) จิตอาสาภัยพิบัติ เช่น การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ การอบรมภัยพิบัติให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 885 ครั้ง 3) จิตอาสาเฉพาะกิจ เช่น การจัดเตรียมสถานที่และร่วมพิธีเนื่องในวันสำคัญ การบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล รวม 43 ครั้ง และ 4) วิทยากรจิตอาสา เช่น การบรรยายความรู้ในเรื่องการขับเคลื่อนงานจิตอาสาภาคประชาชน การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองและโครงการจิตอาสาพระราชทานตามพระราชดำริ  รวม 18 ครั้ง

ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้บูรณาการงานจิตอาสาภาครัฐและติดตามโครงการจิตอาสาพระราชทานโดยต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการหลายโครงการ เช่น โครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์”  โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร การดำเนินการคลองเปรมประชากร คลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว การพัฒนาคูคลองในพื้นที่เขตหลักสี่ การจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชน และศูนย์พักพิงร่วมใจอุ่นไอรัก

นอกจากนี้ สปน. ได้รายงานว่าหน่วยงานภาครัฐได้มีการดำเนินกิจกรรมจิตอาสาเพื่อให้เกิดความรู้รัก สามัคคี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ชุมชน สังคมและประเทศชาติโดยรวมอย่างต่อเนื่อง

Advertising

ประชาชนหลั่งไหลเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.9

People Unity News : 14 ตุลาคม 2565 ประชาชนหลั่งไหลเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ประดิษฐานอย่างงามสง่า บริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ หรือสนามม้านางเลิ้งเก่า

บรรยากาศบริเวณอุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร หลังจากเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

จากนั้นสำนักพระราชวัง ประกาศแจ้งถึงพี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สามารถเข้าถวายสักการะได้ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม เวลา 08.00- 19.00 น. ก่อนที่จะปิดเพื่อปรับภูมิทัศน์ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แม้อากาศจะร้อนไม่เป็นอุปสรรค พี่น้องประชาชนจากทั่วทุกสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาในอุทยานฯ อย่างต่อเนื่อง พร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลือง และใช้โอกาสช่วงวันหยุดยาว เดินทางกันมาพร้อมครอบครัว มาร่วมถวายสักการะและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ผู้ที่เข้ามาจะมีเจ้าหน้าที่คอยบริการดอกกุหลาบสีเหลืองให้ทุกคนสำหรับถวายสักการะ ส่วนใครที่เหนื่อยหรือร้อนจะมีเต็นท์พร้อมพัดลมไอน้ำ รวมถึงมีวงดนตรีขับกล่อมบรรเลงบทเพลง ระหว่างนั่งพักเอาแรงก่อนเดินทางกลับ มีเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยให้บริการบอกเส้นทาง วิธีการสักการะและคอยบริการถ่ายรูปให้ตลอดทั้งวัน

สำหรับอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทางสำนักพระราชวัง เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่มีความประสงค์จะเข้าถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ เข้าถวายสักการะได้ในระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ก่อนจะปิดเพื่อปรับภูมิทัศน์ของอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้สมพระเกียรติ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล จะได้จัดสถานที่จอดรถบริเวณถนนศรีอยุธยา ไว้ให้ประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะ ตามวันเวลาดังกล่าว โดยขอให้แต่งกายสุภาพ

Advertisement

นายกฯนำข้าราชการถวายสัตย์ฯเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน วันเฉลิมพระชนมพรรษา

People Unity : นายกรัฐมนตรีนำข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปีพุทธศักราช 2562

เมื่อวานนี้ (28 กรกฎาคม 2562) เวลา 07.50 น. ณ ท้องสนามหลวง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปีพุทธศักราช  2562 โดยมี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน

นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และกล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณฯ  ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน มีความซื่อสัตย์สุจริต เจริญรอยตามพระยุคลบาท มุ่งมั่นแน่วแน่แก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน สร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่แผ่นดิน และดำเนินชีวิตโดยยึดมั่นในหลักธรรมคำสอนแห่งศาสนาตามแนวทางในพระบรมราโชวาทตลอดไป”

จากนั้น ประธานและผู้เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีจอมราชา ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันแล้ว เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

ใต้ร่มพระบารมี : นายกฯนำข้าราชการถวายสัตย์ฯเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

People Unity : post 29 กรกฎาคม 2562 เวลา 05.30 น.

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 มกราคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2567 ดังนี้

“ความสุขความสบายทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานและทำความดี เด็กทุกคนจึงต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และฝึกฝนอบรมตนให้เต็มที่ จะได้สามารถประกอบอาชีพการงาน และปฏิบัติบำเพ็ญความดี เพื่อสร้างสรรค์ความสุขความเจริญทั้งของตนเองและส่วนรวมได้ในอนาคต”

พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

วันที่ 3 มกราคม พุทธศักราช 2567

กระทรวงเกษตรฯประชุมวางกรอบการดำเนินงานโครงการพระราชดำริของ 9 พระองค์

People Unity News : 23 เมษายน 65 นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบการประชุมทางไกลออนไลน์ (Zoom Meeting) โดยที่ประชุมได้รับทราบแนวทาง/กรอบเวลาการจัดทำฐานข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบ ให้มีความครอบคลุมทั้งในมิติพระราชดำริ (ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์) ครอบคลุมพระราชดำริของ 9 พระองค์ คือ

1) พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

2) สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

3) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

4) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

5) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

6) สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี

7) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา

8) ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

และ 9) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

มิติโครงการ ครอบคลุม 4 ลักษณะโครงการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กำหนด ประกอบด้วย 1) โครงการตามพระราชประสงค์ 2) โครงการหลวง 3) โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ และ 4) โครงการตามพระราชดำริ หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และมิติงบประมาณ ครอบคลุมโครงการที่ดำเนินการโดยใช้งบประมาณจากแหล่งงบประมาณต่างๆ ได้แก่ 1) งบประมาณปกติหรืองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของหน่วยงาน/ส่วนราชการ 2) งบประมาณของสำนักงาน กปร. และ 3) งบประมาณสนับสนุนจากแหล่งงบประมาณอื่น โดยแบ่งกรอบระยะเวลาการดำเนินการ ออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก (ระยะเร่งด่วน) ให้ดำเนินการจัดทำรูปแบบที่กำหนด (Platform) ให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 และรายงานผลโครงการในระบบได้ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 ระยะกลาง ให้ดำเนินการจัดทำรูปแบบที่กำหนด (Platform) ให้แล้วเสร็จ และรายงานผลโครงการ ในระบบได้ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (วันที่ 30 กันยายน 2566) และระยะยาว ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกมิติ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (วันที่ 30 กันยายน 2567)

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบรูปแบบการจัดทำระบบฐานข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมอบหมายให้ทุกหน่วยงานทบทวน/ปรับปรุงฐานข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ภายใต้มิติโครงการ ๔ ลักษณะโครงการ ตามที่สำนักงาน กปร. กำหนด ประกอบด้วย 1) โครงการตามพระราชประสงค์ 2) โครงการหลวง 3) โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ และ 4) โครงการตามพระราชดำริ หรือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกันและสามารถนำฐานข้อมูลที่พัฒนามาบริหารจัดการโครงการพระราชดำริของกระทรวง ลดความซ้ำซ้อน และสามารถบูรณาการและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว

Advertisement

กำหนดให้วันที่ 13 ต.ค. เป็นวันนวมินทรมหาราช

People Unity News : 26 กันยายน 2566 ทำเนียบรัฐบาล – ที่ประชุม ครม.เห็นสมควรกำหนดให้วันที่ 13 ต.ค.ของทุกปี เป็นวัน “นวมินทรมหาราช” น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9

นายชัย วัชรงค์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมรับทราบและนำประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องพระราชทานชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการเสด็จสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า “สัตตมวรรษ” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ว่า “วันนวมินทรมหาราช” ตามที่รัฐบาลขอพระราชทานพระมหากรุณา จึงเห็นสมควรกำหนดให้วันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันนวมินทรมหาราช” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าว

Advertisement

นายกฯยินดีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จพัฒนายาชีววัตถุรักษามะเร็งเต้านม

People unity news online : นายกรัฐมนตรียินดีกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2561) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งเป็น Monoclonal antibody ชนิดแรก ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่มีการค้นคว้าวิจัยจนประสบความสำเร็จ และถือว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อหรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

People unity news online : post 3 กรกฎาคม 2561เวลา 20.20 น.

เชิญเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2561 จัดย้อนยุค 125 ปี 23 พ.ย.–1 ธ.ค. ที่สวนลุมพินี

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วย นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย นำคณะจัดงานกาชาด คณะกุลบุตร กุลธิดากาชาด และ พิธีกร ผู้ประกาศ นักแสดง เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานกาชาด ประจำปี 2561 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 เวลา 10.30 – 22.00 น. ณ สวนลุมพินี ถนนพระรามที่ 4  โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ร่วมหยอดตู้บริจาคเงินที่จัดทำเป็นพิเศษ เพื่อแสดงถึงภารกิจของสภากาชาดไทยทั้ง 4 ด้าน

ทั้งนี้ การจัดงานกาชาด เป็นการระดมทุนเพื่อหารายได้ให้แก่สภากาชาดไทย โดยมีกิจกรรมพิเศษภายในงานต่างๆ เพื่อบอกเล่าที่มากว่า 125 ปี สภากาชาดไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจไมตรีจากประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อคนไทยทั้งประเทศ

สำหรับ “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ในปี พ.ศ. 2561 นี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 125 ปี สภากาชาดไทย ในบรรยากาศงานแฟร์ในสวน พบกับกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ

1.นิทรรศการพระบรมราชูปถัมภก 6 แผ่นดิน 125ปี สภากาชาดไทย จัดแสดงเพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบรมราชูปถัมภก องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย

2.ผลิตภัณฑ์จากร้านโครงการส่วนพระองค์ อาทิ ร้านจิตอาสา 904, ร้านโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เป็นต้น

3.กระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ เชิญทุกท่านร่วมย้อนวันวาน ระลึกถึงความงดงามตระการตาของริ้วกระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ

4.การจัดแสดงนิทรรศการว่าวไทยโบราณที่หาชมได้ยาก พร้อมจัดแสดงว่าวของหน่วยงานที่ร่วมประกวดตามแนวคิด “125 ปี สภากาชาดไทย ร้อยดวงใจส่งต่อการให้ที่งดงาม” อาทิ ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวงู ว่าวควาย เป็นต้น

5.การประกวดขวัญใจงานกาชาด ประจำปี 2561 จำลองรูปแบบการประกวดธิดากาชาด ครั้งแรกในปี พ.ศ.2504

6.การประกวดร้านงานกาชาด ประจำปี 2561 ซึ่งมีหน่วยงานแบ่งเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ อาทิ กรุงเทพมหานคร กองทัพอากาศ กองทัพเรือ กระทรวงต่าง ๆ กรมพัฒนาชุมชน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) เป็นต้น

7.การแสดงมอเตอร์ไซค์ไต่ถังเหล็ก โซนสวนสนุก ที่หาชมได้ยาก ย้อนวันวานจากปี พ.ศ.2472

8.การแสดงสารพัน แสง สี บนเวทีกลาง ตลอด 9 วัน อาทิ แหล่ 125 ปี สภากาชาดไทยจาก ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง การแสดงลำตัด การแสดง Bangkok Dance การแสดงคอนเสิร์ต พร้อมความบันเทิงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปิน นักแสดง ที่ร่วมใจกันมาสร้างความสนุกสนานและความสุข ตลอด 9 วัน ณ เวทีกลางงานกาชาด

9.การสอยดาว เสี่ยงโชค ชิงรางวัล กับสารพันเกม สุดพิเศษ จากหน่วยงาน ที่ร่วมออกร้านในงานกาชาดประจำปี 2561 กว่า 50 หน่วยงาน

10.มหกรรมสินค้าราคาถูก จากร้านค้าชื่อดัง อาทิ ร้านจุฬาโอสถ เหล่ากาชาดจังหวัด สินค้าโอทอป OTOP ร้านอาหารสภากาชาดไทยกับเมนูสุดพิเศษ “ทองพลุเสวย” และร้านค้าเอกชนกว่า 70 ร้าน

11.ตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ เนื่องจากการจัดงานกาชาดประจำปี 2561 นี้ สภากาชาดไทยไม่เก็บบัตรผ่านประตู จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นผู้ให้กับสภากาชาดไทย ด้วยการบริจาคเงินผ่านตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ ที่ออกแบบด้วยการบอกเล่าภารกิจของสภากาชาดไทย ภารกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการบริการโลหิต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมบริจาคสมทบทุนที่ตู้บริจาค “ทำดีพี่ขอแชร์” และบริจาคสมทบทุนกับ “น้องกล่องบุญและน้องอิ่มใจ” สัญลักษณ์ประจำงานดังกล่าว พร้อมกล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมงานในครั้งนี้ และเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศลที่จะนำไปบรรเทาทุกข์ในยามเกิดภัยพิบัติเหมือนที่ผ่านมา จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เซ็นชื่อที่เสื้องานกาชาดเพื่อนำไปประมูลสมทบทุนบริจาคในงานอีกด้วย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการรถขนส่งมวลชนสาธารณะในการมาเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถลงที่สถานีศาลาแดง ประตูทางออกที่ 6 รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสวนลุมพินี ประตูทางออกที่ 3 หรือ ลงที่สถานีสีลม ประตูทางออกที่ 1 นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางที่ผ่านสวนลุมพินีทั้ง 4 ด้าน คือด้านพระรามที่ 4 ถนนราชดำริ ถนนวิทยุ และถนนสารสิน ให้บริการแก่ประชาชนที่จะมาเทียวงานกาชาดอีกด้วย

People unity news online : post 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13.30 น.

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา

People Unity News : วันนี้ (29 กรกฎาคม 2565) สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2565 ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

เวลา 19.00 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งถึงทำเนียบรัฐบาล วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี รถยนต์พระที่นั่งจอดเทียบหน้าตึกสันติไมตรีกองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ รับเสด็จ ณ รถยนต์พระที่นั่ง จากนั้น นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ตามลาดพระบาท ผ่านแถวผู้รอเฝ้าฯ รับเสด็จ ไปจนถึงที่ประทับ

นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใจความว่า

ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทรงทราบฝ่าละอองพระบาท

เนื่องในศุภมงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 กรกฎาคม  ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการและพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาในงานสโมสรสันนิบาต ที่รัฐบาลได้จัดขึ้นเพื่อน้อมถวายความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันนี้

ด้วยน้ำพระราชหฤทัยและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมุ่งมั่นที่จะบำรุงอาณาราษฎรใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารให้ได้พำนักอาศัยด้วยความสุขสวัสดิ์ และความวัฒนาสถาพรแก่ราชอาณาจักร ทั้งยังได้พระราชทานโครงการพระราชดำริน้อยใหญ่อันเป็นประโยชน์อเนกอนันต์ ตลอดจนพระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเพื่อดับความทุกข์ร้อนและบรรเทาเภทภัยนานา  พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ได้ประจักษ์ชัดแจ้งแก่ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และได้สถิตอยู่ในดวงใจของพสกนิกรชาวไทยทั้งปวง

ในมหามงคลสมัยนี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราชทานพระราชานุญาต ตั้งจิตอธิษฐานร่วมกันถวายพระพรชัยมงคล ขออาราธนาแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล อีกทั้ง พระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลรักษาให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระบรมเดชานุภาพและพระบารมีแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ขอจงสฤษดิ์ดั่งพระราชหฤทัยปรารถนา สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้าและเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบจิรัฐิติกาล

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

วงดุริยางค์กรมศิลปากรบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จบแล้ว นายกรัฐมนตรีนำผู้ร่วมงานกล่าว “ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการแสดงเฉลิมพระเกียรติชุด “อาศิรวาทราชสดุดี” โดยสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นการแสดงถึงความงดงามประณีตในรูปแบบนาฏศิลป์จารีตประเพณี (ราชสำนัก) ที่ได้รับการสืบทอดกระบวนท่ารำ การขับร้องและท่วงทำนองเพลงเป็นแบบแผนมาแต่โบราณสืบมาจนปัจจุบัน การแสดงนำมาเรียงร้อยปรับแต่งขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะ โดยเริ่มจากพระอิศวรเทพเจ้า พร้อมพระอุมาภัควดี นำขบวนพราหมณ์และพราหมณี ซึ่งเป็นผู้ทรงศีล สะอาด บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ ออกมาร่ายรำเพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ด้วยเพลงหน้าพาทย์ดำเนินพราหมณ์ จากนั้น ขับร้องบทประพันธ์ด้วยเพลงขับไม้บัณเฑาะว์ ต่อด้วยเพลงหน้าพาทย์ตระนิมิตล้วนเป็นเพลงหน้าพาทย์ที่มีกระบวนท่ารำสืบทอดมาตั้งแต่่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จบแล้ววงดุริยางค์กรมศิลปากร บรรเลงเพลงสดุดีจอมราชา 2 จบ โดยผู้ร่วมงานได้ร่วมขับร้องเพลงสดุดีจอมราชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อได้เวลาอันสมควร นายกรัฐมนตรีและภริยา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เฝ้าฯ ส่งเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ รถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เชิญพระราชวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ประธาน/รองประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หัวหน้าส่วนราชการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประธานคณะกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานคณะกรรมาธิการสามัญ วุฒิสภา หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ คณะบดีคณะทูต เอกอัครราชทูตอาวุโสประจำภูมิภาคต่าง ๆ เลขาธิการ ESCAP ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ พร้อมคู่สมรส เข้าร่วมในงานสโมสรสันนิบาตฯ ด้วย

Advertisement

Verified by ExactMetrics