วันที่ 28 เมษายน 2024

ถกงบฯปี63เสร็จ! ‘ชวน’ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดเข้ารพ.

People Unity : ถกงบฯปี63เสร็จ! ‘ชวน’ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดเข้ารพ. ใจเด็ดถอดสายน้ำเกลือไปงานหมั้นตามที่รับปากไว้

วันที่ 21 ต.ค.2562 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอาการไข้และเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมาภายหลังการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ได้เดินทางไปร่วมงานหมั้นบุตรชายของนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่โรงแรมปาร์คนายเลิศ พร้อมเข็มให้ยาที่ยังติดอยู่ที่แขน

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า นายชวนมีอาการไข้และเข้ารักษาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 19 ตุลาคม ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าติดเชื้อในกระแสเลือดและคาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากการเดินทางไปราชการที่ประเทศเซอร์เบีย แพทย์ได้ให้ยาและน้ำเกลือ ขอให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ด้วยมีภารกิจที่รับปากเอาไว้ เมื่อรับยาฆ่าเชื้อเสร็จแล้ว วันนี้จึงเดินทางไปร่วมงานหมั้น และเวลา 14.00 น จะกลับไปให้ยาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีอีกครั้ง

“ผมรู้สึกเป็นห่วง เนื่องจากแพทย์ขอให้พักผ่อนและให้เฝ้าระวัง เพราะค่าเลือดยังไม่ค่อยดี ซึ่งแพทย์ย้ำว่าหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพากลับไปโรงพยาบาลทันที” นายสมบูรณ์ กล่าว

“สิระ”วิจิกิจฉา!”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้

People Unity : “สิระ”ข้องใจปม”ธนาธร”นั่ง กมธ.ฐานะคนนอกแต่ลงมติไม่ได้ ถือว่าได้ปฎิบัติหน้าที่ กมธ.หรือไม่ หวั่น ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2563 เป็นโฆษะ พร้อมแนะสภาฯสร้างบรรทัดฐาน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ต.ค.2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเป็นหนึ่งใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ในสัดส่วนของพรรคอนาคตใหม่ว่า ตนเข้าใจว่ากรรมาธิการวิสามัญอนุญาตให้เป็นได้ทั้งส.ส. และคนนอก แต่ในกรณีนี้นายธนาธร ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.แต่ไปเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนคนนอก แต่ลงมติไม่ได้ สามารถเป็นไปได้ทำจริงหรือไม่ เพราะถือว่าการลงมติเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการทุกคน

“หากยังให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่กรรมาธิการในฐานะคนนอก อะไรคือเครื่องมือยืนยันว่านายธนาธรจะไม่ลงมติในที่ประชุม ใครจะมีอำนาจสั่งห้ามนายธนาธรไม่ให้ลงมติได้ และคำถามต่อว่าหากนายธนาธรลงมติดังกล่าว ผลการทำงานของกรรมาธิการชุดนี้จะทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 เป็นโฆษะในอนาคตหรือไม่ กรรมาธิการควรหาข้อสรุปในเรื่องนี้”นายสิระ กล่าว

นายสิระ กล่าวต่อว่า ประเด็นของนายธนาธรยังสร้างความข้องใจให้สังคมว่าจริงๆแล้ว บรรทัดฐานในเรื่องนี้ควรข้อสรุปอย่างไร สภาฯชุดนี้ควรไตร่ตรองและสร้างมาตรฐานสำหรับกรณีเช่นนี้ เพื่อนำไปใช้ในอนาคตจะได้ไม่เป็นข้อถกเถียงกันในอนาคตต่อไป

นายสิระ ยังกล่าวต่อว่า ในขณะนี้นายธนาธรจะเป็นผู้ช่วย สส ยังทำไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นหากจะให้เรื่องนี้กระจ่างนายธนาธรควรที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส.ดีที่สุด

“องอาจ”พอใจ ส.ส. ปชป. อภิปรายงบฯปี63สร้างสรรค์

People Unity : “องอาจ”พอใจ ส.ส. ปชป. อภิปรายงบประมาณสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์กับประชาชน

วันที่ 20 ต.ค.2562 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้กล่าวถึงภาพรวมของการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมาว่า ส.ส. ปชป. ได้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มุ่งชี้ให้เห็นถึงจุดที่ควรปรับเพิ่มลดงบประมาณให้สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ พร้อมนำเสนอข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง และต้องทำให้งบประมาณของประเทศสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนได้

ถึงแม้การอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ ส่วนมากจะเน้นเรื่องรายจ่าย แต่การจะมีงบประมาณไปใช้จ่ายได้ จำเป็นต้องมีรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายด้วย ส.ส. ปชป. จึงได้อภิปรายเสนอแนวทางการปฏิรูประบบภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพิ่มรายได้ให้รัฐมีงบประมาณไปใช้จ่ายให้เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ

การอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มุ่งเน้นให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนดังนี้
1. เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
2. เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
3. เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก
4. เพื่อกระจายงบประมาณไปสู่ท้องถิ่นให้งบประมาณถึงมือประชาชนในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

นายองอาจกล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อมั่นว่าคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ จะได้นำข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ไปเป็นข้อมูลในการพิจารณางบประมาณเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต่อไป

“ปิยบุตร”แถลงสองทุ่ม! คะแนน”อนค.” ไม่น่าพอใจ-“เผดิมชัย”ประกาศชัยแล้ว

People Unity :  “ปิยบุตร”แถลงสองทุ่ม! คะแนน”อนค.”ไม่น่าพอใจ มองเกิดจากเลือกตั้งวันพุธไม่ใช่วันอาทิตย์ ด้าน “เผดิมชัย”ประกาศชัยหลังพบชาติไทยพัฒนาคะแนนนำโด่ง

เมื่อเวลา 20.05น. วันที่ 23 ต.ค.2562 ที่ร้านเตี๋ยวชามโต จ.นครปฐม ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครปฐม เขต 5 ของพรรคอนาคตใหม่ชั่วคราว นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยส.ส.ของพรรคอนาคใหม่แถลงข่าวภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งนับคะแนนเลือกตั้งส.ส.เขต 5 จังหวัดนครปฐมเสร็จสิ้นแล้วว่า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ เรามีข้อสังเกตว่าเป็นที่คาดหมายว่าผู้มาใช้สิทธิน้อยกว่าครั้งก่อน เพราะฐานคะแนนของเราที่ขาดหายไปคือผู้ใช้แรงงาน เพราะไม่ได้หยุดงานเพื่อมาเลือกตั้งในวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่เลือกเรา และขอบคุณสมาชิกพรรคและอาสาสมัครรณรงค์หาเสียงร่วมกัน

“คะแนนอาจไม่น่าพอใจ แต่การทำงานของเราก็เป็นเอกภาพ เราไม่มีเงินไม่มีอำนาจมีแต่หัวใจที่จะทำงาน ขอยืนยันต่อประชาชนว่าพรรคอนาคตใหม่จะเดินหน้าต่อสู้ต่อไป ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนจะนำมาปรับปรุงต่อไป ไม่มีคำว่าท้อถอยและเดินหน้าต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ทั้งนี้ เท่าที่เราเช็คผลการเลือกตั้งพบว่าไม่เป็นที่น่าพอใจ ส่วนเรื่องความผิดปกติที่อาสาสมัครรายงานเข้ามาก็จะพิจารณาต่อไปตามกฎหมาย ด้านหนึ่งยอมรับว่าเราคาดหวังว่าจะได้ที่นั่งกลับมาและเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะเดินหน้าในสภาฯ แต่ทุกคนทำเต็มที่ถึงที่สุดแล้ว

“ประเด็นหนึ่งที่ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคที่วิเคราะห์ คือ การเลือกตั้งในวันพุธ ทำให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นฐานไม่ได้ออกมาเลือกตั้ง หรือ บางคนมีอุปสรรคในการเดินทางกลับมาเลือกตั้งที่ภูมิลำเนาของตัวเอง แต่ทั้งหมดต้องรอตัวเลขผู้มาใช้สิทธิอย่างเป็นทางการอีกครั้งถึงจะบอกได้ว่าการเลือกตั้งในวันพุธที่ไม่ใช่วันอาทิตย์จะมีนัยสำคัญหรือไม่อย่างไร “นายปิยบุตร กล่าว

“เผดิมชัย”ปลื้มลุ้นคะแนนหลังพบชาติไทยพัฒนาคะแนนนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการปิดหีบลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.เขต 5 จังหวัด จ.นครปฐม แทนตำแหน่งที่ว่างและเริ่มมีการนับคะแนน แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ประกอบด้วย นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค, นายธีระ วงศ์สมุทร ที่ปรึกษาพรรค, นายอนุรักษ์ จุรีมาศและนายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรค, นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค และนายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมให้กำลังใจนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ และลุ้นการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครปฐมเขต 5 ที่ปั้มน้ำมันประเสริฐชัยปิโตร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

จนกระทั่งเวลา 19.30 น. เริ่มคึกคักและมีเสียงปรบมือเฮสลับกับเสียงปรมมือ หลังแกนนำได้ติดตามการรายงานผลทางโทรทัศน์ ที่พบว่าผู้สมัครของพรรคมีคะแนนนำ แต่แกนนำยังใหม่ให้สัมภาษณ์หรือแถลงใดๆ เพราะต้องการรอผลที่ชัดเจน โดยนายเผดิมชัย กล่าวเล็กน้อยว่า “วันนี้รู้สึกดีใจที่ทำให้ทุกคนสมหวัง มีหัวหน้าพรรค มีเพื่อนร่วมพรรค เดินทางไกลมาเพื่อให้กำลังใจ ดังนั้นการที่ทำให้พวกเขาสมหวังนั่นคือความสุขของผมแล้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการนับคะแนนผ่านพ้นไป 2 ชั่วโมง สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเริ่มทยอยเดินทางมาสมทบเพื่อแสดงความยินดีกับแกนนำ

ประกาศชัยหลังพบชาติไทยพัฒนาคะแนนนำโด่ง

จนกระทั่งเวลา 19.30 น. เริ่มคึกคักและมีเสียงปรบมือเฮสลับกับเสียงปรมมือ หลังแกนนำได้ติดตามการรายงานผลทางโทรทัศน์ ที่พบว่าผู้สมัครของพรรคมีคะแนนนำ แต่แกนนำยังใหม่ให้สัมภาษณ์หรือแถลงใดๆ เพราะต้องการรอผลที่ชัดเจน โดยนายเผดิมชัย กล่าวเล็กน้อยว่า “วันนี้รู้สึกดีใจที่ทำให้ทุกคนสมหวัง มีหัวหน้าพรรค มีเพื่อนร่วมพรรค เดินทางไกลมาเพื่อให้กำลังใจ ดังนั้นการที่ทำให้พวกเขาสมหวังนั่นคือความสุขของผมแล้ว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังการนับคะแนนผ่านพ้นไป 2 ชั่วโมง สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเริ่มทยอยเดินทางมาสมทบเพื่อแสดงความยินดีกับแกนนำ จนกระทั้งเวลา 20.45 น. น.ส. กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้า ชทพ. และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ร่วมแถลงประกาศชัยชนะในศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส. นครปฐม เขต 5 พร้อมเปิดเผยผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า นายเผดิมชัยได้คะแนน 38,000 คะแนน ขณะที่นายไพรัฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้ 28,000 คะแนน

นายเผดิมชัยกล่าวว่า อาจารย์ปิยบุตร โทรมาหาหัวหน้าพรรคผมแล้ว มาแสดงความยินดี ก็หวังว่าจะได้ไปทำงานร่วมกันในสภา ไม่ว่าอยู่ซีกไหน เวลาไหน เราก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติได้ทั้งนั้น

เพื่อไทยมาแล้ว! แถลงจุดยืน 9 ข้อหนุนแบน 3 สารพิษ!

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

People Unity : เพื่อไทยมาแล้ว! แถลงจุดยืน 9 ข้อหนุนแบน 3 สารพิษ! จี้ควักงบฯมั่นคงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แนะนายกฯตัดสินใจให้ดี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม แถลงถึงการแบนสารพิษทางการเกษตร โดยนายปลอดประสพ แถลงว่า พรรค พท.ในฐานะเป็นผู้เสนอญัตติต่อสภาให้ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเรื่องนี้ขึ้นมา จึงขอประกาศจุดยืนว่า

1.พรรค พท.มองว่าเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน ที่ดินอีกว่า 100 ล้านไร่ เป็นความมั่นคงของชาติ 2.การเกษตรก็ดี ธุรกิจการเกษตรก็ดี หากทำอย่างถูกต้องจะทำให้ประเทศรุ่งเรืองขึ้นได้ 3.พรรคพท.เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรที่สะอาด และปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องเป็นเป้าหมายในการพัฒนาการเกษตรของไทย
4.ทางการศึกษาสารคลอร์ไพริฟอส-พาราควอต-ไกลโฟเซต เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม 5.ควรระงับสารทั้ง 3 ไว้ในครอบครองโดยทันที 6.เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการหาทางออกเรื่องการทดแทนผู้เกี่ยวข้องให้ไวที่สุด 7.พรรคพท.เสนอว่า ควรใช้งบฯ จากหมวดความมั่นคงมาบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจากเกษตรกร และผู้ประกอบการ 8.ขอวิงวอน และแสดงความเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้อง เราต้องพร้อมใจเปลี่ยนประเทศไปในทางที่ดี ต้องกัดฟันเดินหน้าเสียสละ และ 9.ขอให้กำลังใจคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขอให้ท่านคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และประเทศเป็นหลัก

“ไม่เชื่อว่าจะมีคนไหนที่ไม่หารือกับรัฐมนตรีของท่าน การตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ ผมไม่ถือว่าเป็นการตัดสินใจของกรม หรือใครท่านใดท่านหนึ่ง แต่จะถือว่าเป็นการตัดสินใจของรัฐมนตรี และรัฐบาล” นายปลอดประสพ กล่าว

ด้านนายชวลิต กล่าวว่า กมธ.ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า กมธ.ไม่สนับสนุนในการหาสารเคมีชนิดอื่นมาทดแทน ไม่เอื้อกลุ่มทุนกลุ่มใดในด้านสารเคมี พรรค และ กมธ.จะสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด นายกฯจะทราบเรื่องนี้ดีที่สุด ก็อยู่ที่การตัดสินใจของท่าน หากท่านตัดสินใจพลาดในทางนโยบาย ท่านจะต้องรับผิดชอบในทางนโยบายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อยากฝากรัฐบาลว่า เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ ควรจัดงบฯจากความมั่นคงไปตั้งห้องแล็บตรวจสอบที่ด่านเชียงของซึ่งเป็นต้นทาง เห็นว่าใช้งบฯเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้าที่ขนมาหลายร้อยล้านบาท

“อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย

People Unity : “อนุทิน” ย้ำจุดยืน “บัตรทอง” ไม่ต้องร่วมจ่าย พร้อมหนุนขยายสิทธิ์ครอบคลุมรักษา “ทุกโรค”

วันที่ 21 ต.ค.2562 ที่ศูนย์ประชุมวายุภักดิ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์รการ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ในงานประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การเำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กับทิศทางในอนาคต ความตอนหนึ่งว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่อายใครในโลก บางที่จัดให้อยู่อันดับ 6 แต่ตนขอจัดให้อยู่อันดับ 1 เพราะบุคลากรในกระทรวงสาธารณสุขมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างน่าชื่นชม ส่วนใครจะวิพากษ์วิจารณ์ให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่สามารถเอาใจทุกคนได้หมด แต่ถ้าทำเต็มที่แล้ว ก็ขอให้สบายใจ ปัจจุบัน ระบบประกันสุขภาพของไทยมีพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง เราพยายามขยายสิทธิ์การรักษาโรคให้มากที่สุด วันนี้ โรคที่พบยาก ก็อยู่ในการครอบคลุมแล้ว เรื่องงบประมาณ ถ้าเป็นไปเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น จะไม่เสียดาย

ในอนาคตอันใกล้ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข จะไม่หยุดแค่การรักษา แต่ต้องสร้างชุดความคิด ให้คนไทยดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกาย รับประทานอาหารสะอาด ถูกสุขลักษณะ และไม่พาตัวเองไปอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพ วันนี้ เรามีหน่วยงานด้านสุขภาพมากมาย เราให้งบ ขอให้นำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค คนไทยต้องตระหนักรู้ถึงการดูแลตนเอง อาทิ เรื่องการใช้ช้อนกลาง ถ้าทำให้คนไทยทำเป็นเรื่องปกติ จะลดความเจ็บป่วยไปได้มาก

เป็นที่ชัดเจนว่า ประเทศไทย กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขคือ ทำให้สังคมผู้สูงอายุของไทยเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เป็นผู้สูงอายุ ที่มีพลังผลักดันประเทศ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ภายใต้กองทุนบัตรทอง คนไทยทุกคนต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างดี รับบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ไม่ต้องร่วมจ่าย บนหลักการคือ “ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” ภายใต้ 5 นโยบายสำคัญ ดังนี้

1. กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของดูแลสุขภาพตนเอง อาทิ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สร้างเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วย ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งกับประชาชนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ

2. จัดระบบการคลังด้านสุขภาพที่ยั่งยืน (Sustainability) มี 2 ตัวชี้วัดที่สำคัญ คือ รายจ่ายสุขภาพทั้งหมดต้องไม่เกินร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4.2 และรายจ่ายรัฐบาลด้านสุขภาพต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 16.7แม้ว่าขณะนี้ตัวชี้วัดของประเทศจะยังไม่เกินเป้าหมาย แต่ควรเร่งรัดหามาตรการรองรับ โดยเฉพาะการทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ซึ่งจะเป็นหนทางที่ช่วยทำให้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีความยั่งยืน

3. การจัดบริการให้เพียงพอด้วยการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน อาทิ การดำเนินนโยบายลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้านที่ช่วยลดการรอคอย เพิ่มการให้คำปรึกษาโดยเภสัชกรเพื่อการใช้ยาอย่างเหมาะสม เป็นต้น การใช้ดิจิตอลเทคโนโลยีเพื่อนัดตรวจ การเชื่อมโยงระบบข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิให้เข้มแข็ง

4. การลดความเหลื่อมล้ำในสิทธิประโยชน์และคุณภาพการบริการของ 3 กองทุน เปิดรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา อาทิ การร่วมจ่าย ณ จุดบริการที่ยังขาดความชัดเจน การกระจายบริการสุขภาพสู่ในพื้นที่ชนบทและเขตเมืองที่เหมาะสม และดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น

5. เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการกองทุนและจัดการทรัพยากรที่จำกัดอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ กำลังคน พร้อมสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพ ให้กับประชาชน เช่น การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นต้น

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเช้าร่วม เป็นจำนวนทาก อาทิ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. เป็นต้น

แก้แรงงานเหลว! “ทรัมป์” ยกเลิกจีเอสพี เพื่อไทยถาม “บิ๊กตู่” จะรับผิดชอบอย่างไร

People Unity : แก้แรงงานเหลว! “ทรัมป์”ยกเลิกจีเอสพีสินค้าไทย 60 รายการ “อนุสรณ์”ถามหาความรับผิดชอบจาก”บิ๊กตู่” ก.พาณิชย์เตรียมแถลงวันจันทร์ ส.อ.ท.โอดไทยเจ้อ 2 เด้ง บาทแข็งสุดของโลกด้วย

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกการให้สิทธิจีเอสพีสินค้าไทยเกือบ 60 รายการ เฉียด 40,000 ล้านบาทว่า สาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐตัดสิทธิ เนื่องจากรัฐบาลไทยล้มเหลวการยกระดับสิทธิแรงงานให้เท่าเทียมมาตรฐานโลก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลมา 5 ปี จะโยนความผิดไปใส่รัฐบาลไหนคงไม่ได้

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ คุยมาตลอดว่า ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ สามารถออกกฎหมายได้มากที่สุด วันนี้ คงถึงบางอ้อแล้วว่า ประสิทธิภาพของการออกกฎหมาย ขึ้นอยู่กับเนื้อหา รายละเอียด ความเป็นสากล ไม่ใช่ปริมาณ โจทย์ใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คือเรื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางข้อจำกัดทางการคลัง ความล่าช้าของงบปี 63 อย่างน้อย 3 เดือน การหดตัวของการส่งออก การซบเซาของการท่องเที่ยวที่ต้องเผชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบว่าจะรับผิดชอบปมสหรัฐ ตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทย อย่างไร

“ชิมช้อปใช้ เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ใดๆ นอกจากการตลาดสร้างภาพรัฐบาลแจกเงิน ขยายภาพรวยกระจุก จนกระจายไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้อนตอของปัญหา” นายอนุสรณ์ กล่าว

ทั้งนี้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ(ยูเอสทีอาร์) ประกาศว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี กับสินค้าไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 39,650 ล้านบาท โดยระบุว่าไทยล้มเหลวในการจัดสิทธิที่เหมาะสมให้กับแรงงานตามหลักสากลนั้น โดยสินค้าไทยที่อยู่ในรายการที่จะถูกตัดสิทธิจีเอสพีตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2563 มีมากถึง 573 รายการ ครอบคลุมทั้งของกินและของใช้ ตั้งแต่อาหารทะเลหลากชนิด ผักและผลไม้ เมล็ดพันธุ์ น้ำเชื่อมและน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง น้ำผักและน้ำผลไม้ ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องครัว ประตูหน้าต่าง ไม้อัดและไม้แปรรูป ตะกร้า ดอกไม้ประดิษฐ์ จานชาม เครื่องประดับ เหล็กแผ่น สแตนเลส ฯลฯ นั้น

โดยนายกีรติ รัชโน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จะแถลงข่าว เรื่อง กรณีสหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ไทย ในวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคมนี้ ที่กรมการค้าต่างประเทศ ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ส.อ.ท.โอดไทยเจ้อ2เด้ง ถูกตัดจีเอสพี-บาทแข็งสุดของโลก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ที่ภาครัฐในการกำหนดท่าทีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะจะมีผลวันที่ 25 เมษายน 2563 ยังพอมีเวลารับมือ แต่อย่างไรก็ตามในมุมของเอกชนกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะด้านการส่งออก แต่เชื่อว่าสินค้าไทยกลุ่มดังกล่าวยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพราะเป็นสินค้าในชีวิตประจำวัน และไทยผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและหลากหลาย แต่ผลกระทบที่กังวลมากกว่าคือ ตัวผู้ประกอบการส่งออกของไทย ที่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในโลก เท่ากับว่าไทยโดน 2 เด้ง ดังนั้นอยากให้หน่วยงานอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เข้ามาดูแลเรื่องเงินบาทโดยด่วน

“อุตตม”ชง ครม.ไฟเขียว”ชิมช็อปใช้”เฟส 2 พ่วงช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์

People Unity : “อุตตม”ชง ครม.ไฟเขียว”ชิมช็อปใช้”เฟส 2 พ่วงช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัดหารือททท.ลดภาษีนำเข้าแบรนด์เนม

เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 22 ต.ค.2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ตนจะเสนอให้ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบใน 2 ประเด็น คือ 1.โครงการชิมช็อปใช้ เฟส 2 และ 2.มาตราการในการช่วยดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นตอนต่อในการดูแลเศรษฐกิจในในภาวะที่เศรษฐกิจภายนอกไม่ดี ส่งผลต่อรายได้ ทำให้เราต้องดูแลตัวเอง ทั้งนี้โครงการในเฟสที่ 2 จะไม่เหมือนเฟสแรก และหาก ครม.เห็นชอบก็จะดำเนินการได้

ช่วงบ่ายวันนี้จะมีการแถลงข่าวที่กระทรวงการคลังรูปแบบในเฟสที่ 2 เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ส่วนกรณีที่มีปัญหาห้างร้านที่มีการรับบาร์โค้ดมาหักหัวคิวนั้น เราได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว และพบว่าเป็นส่วนน้อย พร้อมได้เตือนไปแล้วว่าอย่าทำแบบนี้เพราะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ ซึ่งหากขัดกฎหมายก็จะต้องดำเนินการ โดยทางกระทรวงมีคณะกรรมการประเมินผลการทำงาน มีปลัดกระทรวงเป็นประธานในการดำเนินการตรวจสอบต่อไป ซึ่งหากมีใครกระทำผิดก็ต้องดูเป็นรายกรณีไป

ปัดหารือททท.ลดภาษีนำเข้าแบรนด์เนม

นายอุตตม เปิดเผยถึงกรณีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมจาก 30% เหลือ 5% ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่มีหนังสือข้อเสนอให้ปรับลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม รวมทั้งยังไม่มีเคยมีการหารือกับทาง ททท.แต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังขอรอดูในรายละเอียดก่อนว่าเป็นอย่างไร ถึงจะสามารถบอกได้ว่าควรจะมีการปรับลดภาษีดังกล่าวหรือไม่

“ยังไม่มีหนังสือส่งมาถึง เลยยังบอกอะไรไม่ได้ ทุกอย่างต้องขอรอดูก่อน รอข้อเสนอก่อน ขอเวลาพิจารณาก่อน แล้วค่อยมาว่ากันว่ากระทรวงการคลังจะเอายังไง” นายอุตตม กล่าว

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า นายอุตตม ยังไม่ได้สั่งการให้สศค.ศึกษาเรื่องดังกล่าว แต่หากต้องมีการศึกษาเพื่อเสนอแนวทางการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวจริง ก็จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เนื่องจากในทางภาษีสินค้าที่นำเข้าทุกประเภทไม่ได้ระบุว่ายี่ห้อใดหรือแบบใดเป็นสินค้าแบรนด์เนม ดังนั้นจะต้องดูความเหมาะสมหากต้องปรับลด ว่าจะกระทบกับผู้ประกอบการในไทยหรือไม่ด้วย

“ที่ผ่านมาก็เคยมีการเสนอแบบนี้มาแล้ว แต่ทำได้ยาก เพราะผลกระทบที่มีต่อผู้ประกอบการไทยก็มีเช่นกัน เช่น เครื่องหนัง ไม่ได้มีการระบุว่ายี่ห้อใดหรือประเภทใดเป็นสินค้าแบรนด์เนม ดังนั้นหากจะลดภาษีจาก 30% เหลือ 5% ก็จะต้องลดทั้งหมด ซึ่งมันจะเหมาะสมหรือไม่ ก็ต้องดูด้วย จะขอลดเลยอย่างเดียวไม่ได้”นายลวรณ กล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท.ระบุว่า ได้หารือกับกระทรวงการคลังถึงกรณีการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าแบรนด์เนม ซึ่งหากปรับลดได้ จะสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวให้สูงขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยในช่วงปีใหม่ และตรุษจีนในปีหน้า

“พิชัย”เฮ!อัยการสั่งไม่ฟ้องคดีโพสต์ปกนิตยสาร TIME พิงพลังดูด

People Unity News : อัยการสั่งไม่ฟ้อง “พิชัย นริพทะพันธุ์” อดีตรมว.พลังงาน โพสต์ปกนิตยสาร TIME ร่วมเสวนาปราบคอรัปชั่นยุค คสช.พลังดูด รอ ผบ.ตร.ทำความเห็น เเย้งหรือไม่นัดอีกที 3 ธ.ค. เจ้าตัวเผยเป็นการปิดปากให้หยุดวิจารณ์เศรษฐกิจย่ำเเย่

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 นัดฟังคำสั่งในคดีที่พนักงานสอบสวน กก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมพยานหลักฐานและความเห็นควรสั่งฟ้องนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และอดีตรมว.พลังงาน ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้ต้องหาคดีผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.61 นายพิชัย โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ในการร่วมวงเสวนาของคณะกรรมการญาติวีรชน พฤษภา 35 ในประเด็นเศรษฐกิจ การปราบทุจริตคอรัปชั่นในยุค คสช.และพลังดูด 4.0 กับโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. บนนิตยสาร TIME (ไทม์) กับลงข้อความห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

วันนี้นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความนายพิชัยเเละนายยอดชาย ศีลนำสุข ผู้รับมอบอำนาจเดินทางมารับทราบคำสั่ง

นายนรินท์พงศ์กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการว่า เนื่องจากสำนวนคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้สรุปสำนวนคดีเเล้วมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตามขั้นตอนกฎหมายจะตัองส่งไปให้ ผบ.ตร.ทำความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการหรือไม่ถ้าหาก ผบ.ตร.ทำความเห็นแย้งมาว่ายังยืนยันที่จะควรสั่งฟ้อง คดีก็จะถูกส่งไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดว่าฟ้องหรือไม่ เเต่หาก ผบ.ตร.เห็นด้วยตามอัยการสำนักงานคดีอาญาที่สั่งไม่ฟ้องคดีก็จะยุติ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของผบ.ตร.ยังไม่แล้วเสร็จจึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. 62 เวลา 10.00 น.

ด้านนายพิชัย กล่าวว่า อยากให้ประชาชนพิจารณาว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อปิดปากตนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้เรียกตนไปปรับทัศนคติแล้ว 8 ครั้ง เพื่อบังคับให้ตนอย่าวิพากษ์วิจารณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การที่ รัฐบาล และ คสช. ในขณะนั้น ไม่รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อีกทั้งยังพยายามปิดปากไม่ให้วิจารณ์ แล้วปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดไหน หากรัฐบาลและคสช. จะได้รับฟังและพิจารณาแก้ไข เศรษฐกิจไทยคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ ประชาชนคงไม่ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นกันแบบนี้ และที่น่าห่วงคือเศรษฐกิจยังจะแย่ลงไปอีก หากรัฐบาลยังมีกรอบคิดเหมือนกันในปัจจุบัน ซึ่งเวลาได้พิสูจน์มากว่า 5 ปีแล้ว

Verified by ExactMetrics