วันที่ 10 พฤษภาคม 2024

นำร่องจังหวัดอุดรธานี! สภาสตรีฯผนึกพลัง”พช.” รณรงค์ใส่ผ้าไทยทั่วประเทศ หนุนเศรษฐกิจชุมชนกว่า 9 พันล้าน

People Unity : สภาสตรีฯผนึกพลังกับ กรมพัฒนาชุมชน รณรงค์ใส่ผ้าไทยทั่วประเทศหนุนเศรษฐกิจชุมชนกว่า 9 พันล้านบาท ลงพื้นที่นำร่องจังหวัดอุดรธานี

วันที่ 19 ต.ค.2562 เวลา 09.49 น. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้การต้อนรับ ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และ นางรชตพร โตดิลกเวชช์ ประธานคณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์และที่ปรึกษาประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน และคณะกรรมการจากสภาสตรีแห่งชาติ ฯ

เพื่อร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ “โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ระหว่าง นายนิรัตน์ ดร.วันดี และองค์กรสตรีในจังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยนางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง จ.อุดรธานี ดร. ประกายแก้ว รัตนะนาคะ นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนจังหวัดอุดรธานี แพทย์หญิงเฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจหญิง และวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี นายหมวดตรี ดร. ยงฤดี พูลทรัพย์ นายกสมาคมสตรีอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี รศ. ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติอุดรธานี โดยมีนายอิทธพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุดรธานี นำสตรีในองค์กรมาร่วมงาน 50 คน และหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมด้วยองค์สตรี ในจังหวัดอุดรธานี จากอำเภอต่างๆ จำนวน ๒๕๐ คน เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ ห้อง ประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล

โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) และดร.วันดี ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือ โครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน ร่วมกันระหว่างสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีองค์กรสมาชิก จำนวน ๒๑๒ องค์กร กระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ กับ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุมพระกรุณานิวาสน์ 1 สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยการอนุรักษ์ ส่งเสริมและเผยแพร่ผ้าไทยศิลปะอันล้ำค่าของชาติให้ดำรงคงอยู่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ให้ชาวโลกได้ชื่นชม อีกทั้งเพื่อเชิดชูอัตลักษณ์คุณค่าผ้าท้องถิ่นให้เกิดกระแสความนิยมการแต่งกายผ้าไทยแก่ประชาชนทั่วไปทั่วประเทศ และยังสนับสนุนส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพและเสริมสร้างรายได้ให้กับกลุ่มสตรีในท้องถิ่นสภาสตรีแห่งชาติฯจึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า เพื่อรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าทอไทย ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพื่อช่วยกันสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งนี้ การใส่ผ้าทอไทยทุกผืน ก่อให้เกิดรายได้กระจายไปยังชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีกว่า 90% รายได้ที่เกิดจากการทอผ้าออกจำหน่ายจะสามารถช่วยสตรียกระดับคุณภาพชีวิต ส่งบุตรหลานให้มีโอกาสเล่าเรียน ดูแลครอบครัวได้เมื่อยามเจ็บป่วย สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

ดร.วันดี กล่าวว่า”หากคนไทยทั้งประเทศพร้อมใจกันสวมใส่ผ้าไทยในทุกวันทั้งประเทศ จะช่วยเป็นการส่งเสริมการทอผ้าในชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ ถ้าคนไทยร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าไทย เพียง 30 ล้านคน จะมีความต้องการใช้ผ้าไทยถึง 300 ล้านเมตร/ปี เฉลี่ยราคาเมตรละ 300 บาทจะมีมูลค่ากว่าปีละ 9,000 ล้านบาท” ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯกล่าวเชิญชวน

“พช.”ยกขบวนอาหารถิ่นรสไทยแท้เสิร์ฟคนกรุง

People Unity : “พช.”ยกขบวนอาหารถิ่นรสไทยแท้เสิร์ฟคนกรุง ในงาน “กรุงเทพธารา ไทยเท่ เสน่ห์นคร @ central World” ณ ลานสแควร์ B ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิลด์

นายอนุชิต โอชัยกุล ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมการตลาด สำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน ผู้แทนกรมการพัฒนาชุมชน(พช.) เข้าร่วมพิธีเปิดงาน “กรุงเทพธารา ไทยเท่ เสน่ห์นคร @ central World” ณ ลานสแควร์ B ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิลด์ โดยการจัดงานครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมกันหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อประชาสัมพันธ์อาหารถิ่นรสไทยแท้ จากสี่ภาคอาหารฟิวชั่น และอาหารขึ้นชื่อทั่วกรุง ให้คนกรุงได้เลือกซื้ออย่างสะดวกสบาย ง่าย ๆ กลางใจเมือง พร้อมถ่ายภาพกับฉากสวย ๆ เก๋เก๋ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมจากสี่ภาค โดยมีคุณพีช พชร จิราธิวัฒน์ และคุณพีชญา วัฒนามนตรี ดารานักแสดง ร่วมโปรโมทงานฯ

ห้ามพลาดชิมความอร่อยอาหารถิ่นรสไทยแท้ต้นตำรับจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 19 ร้าน ระหว่างวันที่ 25 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 ณ ลานสแควร์ B ศูนย์การค้าเซนทรัลเวิลด์

“ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี บอกรอขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน

People Unity : “ธรรมนัส”เป็นปธ.ทอดกฐินพะเยาสามัคคี ขอรอฟังเสียงนกหวีดขายข้าวหอมมะลิ 18,000 บาทต่อตัน ตามโครงการพะเยาโมเดล

วันที่ 27 ต.ค.2562 ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคี ที่วัดปัวใหม่ ต. ฝายกวาง อ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยมีอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กรมฝนหลวง สำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยตัวแทนราชการส่วนท้องถิ่น ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยมีประชาชนในพื้นที่มาร่วมในงานทอดกฐินสามัคคีเป็นจำนวนมาก โดยยอดทำบุญกฐินมีจำนวนทั้งสิ้น 4, 200, 870 บาท( สี่ล้านสองแสนแปดร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน )

ร.อ.ธรรมนัส ยังได้ร่วมในประเพณีทำบุญสลากภัตที่วัดทุ่งกิ่ว อ.เมือง จ.พะเยา และได้กล่าวกับประชาชนที่มาร่วมงานว่า ช่วงที่ยังไม่ได้เป็น ส.ส. ตนได้หาเสียงกับพี่น้องชาวพะเยาว่า ในฐานะที่ตนเป็นลูกชาวนา มีเป้าหมายพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้ชาวนาพะเยามีรายได้มากขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แถลงข่าวโครงการพะเยาโมเดล โดยเบื้องต้นได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการซื้อขายข้าวหอมมะลิ ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่จังหวัดพะเยา กับ บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด ภายใต้พะเยาโมเดล โดยให้ ซีพี รับซื้อข้าวหอมมะลิ ความชื้น 15 % ได้ในราคาที่ 18,000 บาทต่อตัน จำนวน 40,000 ตัน จากชาวนาในจังหวัดพะเยา ซึ่งสูงกว่าราคาประกันข้าวหอมมะลิของรัฐบาล 3,000 บาทต่อตัน หรือราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิต 5,000-6,000 บาทต่อตัน

นอกจากนี้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 บริษัท ข้าว ซี.พี. จำกัด มีกำหนดจัดงาน “วันเก็บเกี่ยวข้าวหอมมะลิโลก” ณ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา และในเร็ว ๆ นี้ จังหวัดพะเยาเตรียมจัดงานเจรจาซื้อขายข้าวหอมมะลิระหว่างคู่ค้าเอกชนรายอื่น ๆ ดังนั้น ตนขอให้พี่น้องชาวพะเยา รอฟังเสียงนกหวีดเพื่อประกาศวันรับซื้อข้าวหอมมะลิ ในราคาดังกล่าว ระหว่างนี้ขอให้รอหลังเก็บเกี่ยวอย่าเพิ่งนำไปขาย อย่าให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอีก

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวว่า พะเยาโมเดล ยังจะขยายโครงการไปยังพืชอื่น อาทิ ยางพารา ลำใย ลิ้นจี่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ ไข่ไก่ เป็นต้น โดยเฉพาะราคายางพาราจะมีเป้าหมายร่วมเอกชนรับซื้อที่ราคา 65 บาทต่อกิโลกรัมด้วย เมื่อทำสำเร็จจะนำเป็นตัวอย่างขยายไปจังหวัดอื่นต่อไป

“ชวลิต”แนะผู้ว่าฯกลุ่มจังหวัดภาคกลางมีวิสัยทัศน์ผลิตผักปลอดภัยแทนนำเข้าจีน

People Unity : “ชวลิต”เสนอผู้ว่าฯกลุ่มจังหวัดภาคกลางแสดงวิสัยทัศน์ผลิตผักปลอดภัยทดแทนการนำเข้าจากจีน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นหลังจากเรียกร้องให้รัฐบาลติดตั้งห้องแล็บสำหรับสุ่มตรวจผัก ผลไม้ ที่นำเข้าจากจีนผ่านด่านเชียงของ จ.เชียงราย โดยไทยนำเข้าผักจากจีนผ่านด่านเชียงของ มีมูลค่าถึงปีละกว่า 3,000 ล้านบาทนั้น ตนเห็นว่า ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมแท้ ๆ แต่กลับนำเข้าผักจากจีน ส่งผลให้เงินตราออกนอกประเทศไปอย่างไม่ควรจะเป็น

ช่วงนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญงบประมาณ 25863 จึงขอฝากข้อสังเกตไปยังอนุกรรมาธิการจังหวัดและท้องถิ่นที่กำลังจะตั้งขึ้น ควรเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดกลุ่มจังหวัดภาคกลางและเกษตรจังหวัด มาแสดงวิสัยทัศน์ในการผลิตผักปลอดภัยป้อนตลาดสี่มุมเมืองเพื่อขอรับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด สนับสนุนเกษตรกรต่อไป

ผู้ว่าราชการจังหวัดควรได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์วางแผนหารายได้เข้าจังหวัดของตนเองผ่านการพิจารณาของ กมธ.วิ.งบประมาณ ซึ่งผมมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถทำได้แม้ว่าในชั้นนี้ อาจจะปรับงบประมาณไม่ทันในปีนี้ แต่ปีหน้าน่าจะวางแผนได้ทัน ซึ่งก็เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนก็จะพิจารณางบประมาณ ปี 2564 แล้ว

“ผมเสียดายเงินปีละกว่า3,000 ล้านบาท ที่จะออกไปยังต่างประเทศ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นประเทศเกษตรกรรมแท้ ๆ น่าจะวางแผนผลิตผักปลอดภัยป้อนผู้บริโภคภายในประเทศเองได้ และถ้าสามารถควบคุมการผลิตให้ถึงขั้นตรวจสอบย้อนกลับไปยังแปลงผักได้ ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ใคร ๆ ก็ต้องการบริโภคผักปลอดภัย ส่วนคำถามที่ว่า เมื่อคณะกรรมการวัตถุอันตรายแบนสารพิษอันตราย 3 ตัวไปแล้ว ควรจะมีทางเลือกอะไรทดแทนหรือเยียวยาเกษตรกรอย่างไร นั้น กมธ.ติดตามความเห็นของรัฐบาลอยู่ ขณะเดียวกัน กมธ.ก็ทำงานคู่ขนาน ทั้งไปศึกษา ดูงานยังพื้นที่ที่ทำโครงการเกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่ประสบความสำเร็จ ทั้งเชิญอาจารย์ นักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยที่มีองค์ความรู้เกษตรอินทรีย์ เครื่องจักรกลการเกษตร มาให้ความรู้แก่ กมธ.ที่สภา ฯ

นอกจากนี้ กมธ.ยินดีรับข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่มีความเห็นร่วมกันในการพัฒนาด้านการเกษตรให้ปลอดภัยทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ทั้งหมดทั้งมวลนั้น กมธ. กำลังรวบรวมจัดทำเป็นรายงานของ กมธ.เพื่อรายงานต่อสภา ฯ เป็นข้อเสนอแนะ ข้อสังเกตของสภา ฯ แจ้งไปยังรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ กมธ.มีเวลาทำงานถึงวันที่ 12 พ.ย.62 นี้ ครบเวลา 60 วัน ตามที่สภา ฯ มอบหมาย ซึ่งคาดว่างานจะสำเร็จตามภารกิจที่ได้รับมาอย่างทันการณ์

“สนธิรัตน์” มอง “กวินนาถ” โหวตหนุนงบฯปี63 ไม่น่าถึงขั้นถูกขับ

People Unity : “สนธิรัตน์” มอง “กวินนาถ” โหวตหนุนงบฯปี63 ไม่น่าถึงขั้นถูกขับ ย้ายซบ”พปชร.” คงแค่พูดเล่นกลุ่ม ส.ส.

วันที่ 22 ต.ค. 2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ นางสาวกวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี เขต 7 พรรคอนาคตใหม่ ยกมือโหวตให้กับฝ่ายรัฐบาลในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ไม่ทราบเหตุผลในการลงมติเห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้แทนราษฎร ส่วนหาก นางสาวกวินนาถ ทำผิดวินัยจนถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะรับเข้าเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่นั้น มองว่าคงไม่ถึงขนาดถูกขับออกจากพรรค

ส่วนที่นางสาวกวินนาถระบุว่า มีหลายพรรคการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามติดต่อทาบทามนั้น ส่วนตัวไม่ทราบเรื่องนี้ อาจจะมี ส.ส.ที่มีการพูดคุยเล่นกันบ้าง แต่หากจะย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐจะส่งผลให้คะแนนของฝั่งรัฐบาลดีขึ้น หรือพรรคจะพร้อมอ้าแขนรับหรือไม่ นายสนธิรัตน์ ระบุว่า ยังไม่มีการพูดเรื่องนี้และเป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะบริหารจัดการ

“เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ

People Unity : “เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ ย้ำตรวจเข้มทุกคำขอเชื่อปรับลดไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้าน

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณในปีนี้ทางคณะกรรมาธิการจะมีการพิจารณาคำขอการใช้งบประมาณอย่างเข้มงวด ในทุกๆหน่วยงานที่มีคำขอมาว่ามีการใช้งบประมาณ คุ้มค่าหรือไม่ เพราะด้วยงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ดังนั้นในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย และเงินที่นำมาจัดทำงบประมาณเป็นภาษีพี่น้องประชาชน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทุกโครงการ

นอกจากนี้ในส่วนของการประชุมรัฐบาลให้เวลาในการพิจารณาเพียง 226 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเวลามีจำกัดต้องเร่งพิจารณา ทั้งนี้ทางกรรมาธิการซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมขอขยายเวลาในการพิจารณางบประมาณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมจากฝ่ายรัฐบาลในการพิจารณางบประมาณ

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพิจารณาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง กลาโหม และงบกลาง หากผู้ชี้แจงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าของบไปทำอะไรหรือทำไมต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นงบก่อสร้าง งบซื้ออาวุธ หรืองบก่อหนี้ผูกพันทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอม คาดว่าในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะมีการปรับลดงบประมาณลงไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

สำหรับงบกลางที่มีการกันงบประมาณไว้กว่า 96,000 ล้านบาท เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติงบ หากมีการกันงบประมาณไว้จ่ายค่าเสียหาย กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่ง คสช. ระงับการสำรวจและประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ในประเทศออสเตรเลีย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)

หากไทยแพ้ต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท ทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อหัวหน้าคสช.สั่งปิดหัวหน้าคสช.จะต้องรับผิดชอบจะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการนำเงินประชาชนไปใช้จ่ายโดยไม่เหมาะอย่างแน่นอน

“จุรินทร์”ยกจีนเป็นต้นแบบแก้จน บุกตลาดขายสินค้าเกษตร

People Unity :  “จุรินทร์”เชื่อมจีนบุกตลาดขายสินค้าเกษตร ทำความสัมพันธ์ให้ความสำคัญ เป็นต้นแบบแก้ความยากจนในไทย

วันที่ 28 ต.ค.2562 เวลา 09.10-9.40 น. ณ ห้องบอลรูม 1 โรงแรมดิเอมเมอรัล-รัชดา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “7 ทศวรรษจีนใหม่  ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” โดยใช้เวลาร่วมชั่วโมงปาฐกถาพิเศษการพัฒนาจีน แบบอย่างที่โลกเรียนรู้ โดยมีผู้เข้าร่วมฟังจากทั้งสมาคม สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. สถานทูตจีน และผู้สนใจเกี่ยวข้อง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งกับการที่สื่อมวลชนไทยและจีนได้ร่วมกันจัดการสัมมนานี้ขึ้นมาในวันนี้  เมื่อพูดถึงความเจริญก้าวหน้า 70 ปีที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกๆด้าน ในระดับที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นความมหัศจรรย์ โดยความมหัศจรรย์ที่ผมอยากจะพูดถึงในวันนี้คือความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ ที่จีนได้แสดงให้ชาวโลกเห็น ในห้วง 70 ปีที่ผ่านมา พัฒนาการทางเศรษฐกิจที่มั่นคงของจีนส่งผลให้ชาวจีนมีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้นราว 60 เท่า โดยเมื่อ 70 ปีที่แล้ว รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวจีนอยู่ที่เพียง 49.7 หยวน หรือราว 250 บาท ในขณะที่เมื่อปี 2561 มีจำนวน 28,200 หยวน หรือราว 1.41 แสนบาท และการเติบโตอย่างมั่นคงของรายได้ส่งผลให้อัตราการใช้จ่ายเติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงกำลังซื้ออันมหาศาล และความต้องการวัตถุดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน การค้า และการลงทุนอันมหาศาล ที่ช่วยสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก

และที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คือการลดความยากจน ซึ่งตอนนี้ จีนมีคนจนประมาณต่ำกว่าร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด นั่นหมายถึงประชากรประมาณ 700 ล้านคนของจีนได้ถูกยกออกจากความยากจน ตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ในวันนี้ประเทศจีนคือขุมพลังทางอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของมูลค่าสินค้าอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เหล็ก ปูนซีเมนต์ ถ่านหิน ยานยนต์ เรือ รถไฟความเร็วสูง หุ่นยนต์ สะพาน อุโมงค์ ถนน เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญคือจีนมีสถิติการสมัครเพื่อจดทะเบียนสิทธิบัตรมากที่สุดในโลก ซึ่งมากกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 1.5 เท่า และปัจจุบันนี้ จีนได้กลายเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ของโลก ทั้งด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การชำระเงินออนไลน์ อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of things) ปัญญาประดิษฐ์ และบล็อกเชน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้จีนจะยังคงรักษาบทบาทการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกต่อไปในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือประเทศจีนทำอย่างไรในการเปลี่ยนแปลงประเทศ จากประเทศยากจนที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียงหนึ่งในสามของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศในแถบทวีปแอฟริกา ให้กลายเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลก และที่สำคัญคือประเทศนี้มีประชากรถึง 1.4 พันล้านคน

1.จีนให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางการเมือง 2.การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก 3.เน้นการปฏิรูปจากล่างสู่บน 4.ส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงสร้างต่างๆ ในท้องถิ่น การส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะอยู่อาศัยและทำงานในท้องถิ่น การลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลในด้านโครงสร้างพื้นฐาน 5.ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับเอกชน 6.ในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ นักลงทุนจีนได้ก้าวออกไปลงทุนทั่วโลก ทั้งนี้ เห็นว่าจีนเน้นเพื่อส่งเสริมการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ รับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีคุณภาพ ที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเดินหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หวังยุติความขัดแย้งสงครามการค้า

สำหรับไทยพวกเราย่อมให้ความสำคัญเรียนรู้จากประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศของจีน และสามารถก้าวและเติบโตไปพร้อมกับจีนได้ เราเป็นเอเชียด้วยกัน กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับตลาดจีนเป็นอย่างมาก เพราะจีนเองก็เป็นประเทศคู่ค้าลำดับ 1 ของไทย โดยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ระหว่างปี 2552 – 2561 มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนขยายตัวสูงมาก ถึงร้อยละ 10.3 โดยเฉลี่ยต่อปี โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทย ครองสัดส่วนการค้าร้อยละ 16 ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 14 ของจีน ครองสัดส่วนการค้าราวร้อยละ 2.1

ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีน มี 2-3 รูปแบบกลไกแรกคือ JC คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจไทย-จีน, กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation – MLC) , ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) ใน 3 กรอบความร่วมมือสำคัญเราทำงานร่วมกัน และอีกอันคือ กรอบ FTA อาเซียน-จีน ระหว่างประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจนี้ตนก็เป็นประธานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ในระหว่างนี้ ก็ได้มีแนวทางและดำเนินการประชุมจะได้จาต่อเนื่อง

ตนได้จัดคณะเดินทางไปเยือนนครหนานหนิง ระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน 2562 และได้พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรี หาน เจิ้ง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (นายลู่ ซิน เซ่อ) ในประเด็นความร่วมมือรอบด้าน โดยเน้นสินค้าเกษตร และมีการลงนาม MOU สินค้ามันสำปะหลังด้วย รวมถึงได้พบหารือกับผู้แทนภาครัฐ/เอกชนไทย-จีน ในกลุ่มยางพารา มันสำปะหลัง และผลไม้ และเร็วๆนี้ ผมจะพาคณะเดินทางไปยังนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อเข้าร่วมงาน China International Import Expo 2019 หรือ CIIE 2019 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดี ประเทศไทยให้ความสำคัญกับจีน และสานต่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีน ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ที่มีมาอย่างยาวนานในอดีตให้พัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในอนาคต

ในช่วงหนึ่งนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในสินค้าเกษตรและสินค้าเกษตรแปรรูปไทยเรามีเอ็มโอยูหรือข้อตกลง อยู่กับจีนในเรื่องของข้าวกับยางพาราซึ่งในเรื่องของข้าวนั้นเราได้ทำเอ็มโออยู่กับจีนที่จะจีนช่วยเราซื้อข้าวเราประมาณ 2,000,000 ตันซึ่งขณะนี้เข้าใจว่ายังขาดอยู่อีก 1,300,000 ตัน รวมทั้งยาพาราเรามีเอ็มโออยู่กับจีนอีก 2 แสนตันจีนซื้อแล้ว 16,800 ตันยังขาดอยู่ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้เรื่องนี้ตนก็ได้ประสานงานผ่านท่านทูตจีนไปแล้วรวมทั้งได้ฝากท่านรองฯหานเจิ้งของจีนไปด้วย ตนในฐานะเซลล์แมนประเทศก็จึงขอทำหน้าที่ไปด้วย

และ ในฐานะกำกับกระทรวงพาณิชย์ ไทยเรายังให้ความสำคัญกับการใช้กลไกทูตพาณิชย์ทั่วโลกในการทำหน้าที่เซลล์แมนประเทศ หรือในการเจาะลึกรายบุคคลต้องยอมรับว่าประเทศจีนมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกระจายไปทั่วทุกมณฑลมีความต้องการใช้สินค้าเกษตรอาหารอะไรรูปและสินค้าจากประเทศไทย จึงเป็นจุดสำคัญในการที่ทูตพาณิชย์ไทยต้องทำงานหนักในการร่วมมือแต่ละมณฑลเพื่อส่งสินค้าไปจีนมากขึ้นลดการขาดดุลการค้าลงมาให้แคบลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผมรับหน้าที่สิ่งที่ผมตั้งเป็นนวัตกรรมใหม่ในทางเศรษฐกิจของกระทรวงก็คือเราจะตั้ง กรอ.พาณิชย์เพื่อเป็นเวทีสำหรับความร่วมมือระหว่างรัฐกับเอกชนระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับผู้ส่งออกและพ่อค้าเช่นเดียวกันที่จีนทำอยู่และประสบความสำเร็จคือการให้ความสำคัญทำงานร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน

อย่างไรก็ตามการทำงานนั้น ตนเพิ่งประกาศไปว่าเราต้องทำงานเชิงรุกไปทุกตลาดทั่วโลก ก็เพิ่งประกาศไป เรากับจีนต่างกันที่รูปแบบการปกครองแต่เงื่อนไขความสำเร็จคือหลักใหญ่ต้องใช้หลักการบริหารรัฐกิจที่ชัดเจนจะทำให้เดินหน้าไปได้ เช่นที่ประธานาธิบดีสีได้ทำก็เป็นแบบอย่างก็เป็นเรื่องดี

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า เวลา 70 ปี เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีของอาณาจักรจีนที่มีเรื่องราวมากมาย  แต่ 70 ปีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนก็เป็นกรณีศึกษาของโลกยุคปัจจุบัน  และปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อโลกในอนาคต  ดังนั้นการสัมมนาเรื่อง “ 7 ทศวรรษจีนใหม่ ก้าวต่อไปที่โลกเฝ้ามอง” ที่ สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับ อสมท. จัดในวันนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านในการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆในอนาคต

กกต.สรุปผล! “เผดิมชัย”เข้าวินที่ 37,675 คะแนน เลือกตั้งนครปฐม

People Unity : กกต.สรุปผล! “เผดิมชัย”เข้าวินที่ 37,675 คะแนน เลือกตั้งนครปฐม ใช้สิทธิ์กว่า 9 หมื่นราย

วันที่ 24 ต.ค.2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง จังหวัดนครปฐม เปิดเผย ผลคะแนนเลือกตั้งส.ส.เขต 5 นครปฐม อย่างไม่เป็นทางการ โดยการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวน 143,542 คน มาใช้สิทธิ 91,043 คน บัตรดี 87,424 บัตรเสีย 1,623 บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,996 บัตร โดยผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้คะแนนมากที่สุด 37,675 คะแนน

อันดับ 2 พรรคอนาคตใหม่ 28,216 คะแนน อันดับ 3 พรรคประชาธิปัตย์ 18,425 คะแนน อันดับ 4 พรรคเสรีรวมไทย 2,261 คะแนน อันดับ 5 พรรคไทยศรีวิไลย์ 467 คะแนน อันดับ 6 พรรคเพื่อชีวิตใหม่ 226 คะแนน อันดับ 7 พรรคพลังสังคม 154 คะแนน

“บิ๊กป้อม”ยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

People Unity : โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีเปิดเผย “บิ๊กป้อม” เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ยืนยันความพร้อมรับมือการประชุมสุดยอดอาเซียน

วันที่ 24 ตุลาคม 2562 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ที่ศาลาว่าการกลาโหมเพื่อรับทราบการเตรียมการและการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ในการรักษาความปลอดภัยการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่าง วันที่ 4 -5 พ.ย.2562 ซึ่งโดยสรุปภาพรวม ทุกหน่วยงานความมั่นคงมีความพร้อม รองรับการประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะมีขึ้น

พล.อ.ประวิตร กำชับหน่วยงานด้านการข่าว เกาะติดทุกเป้าหมายที่อาจเป็นปัญหา และให้พิสูจน์ทราบด้วยความรอบคอบรัดกุม ไม่ประมาท เน้นการทำงานร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวัง เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้นำทุกประเทศ พร้อมทั้งย้ำ ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลัก วางแผนจัดการดูแลรักษาความปลอดภัย ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในทุกพื้นที่ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและแก้ปัญหา โดยให้สำรวจความพร้อมของ กำลังพล ยานพาหนะและเครื่องมือทุกชนิด และให้มีการซักซ้อมแผนการปฏิบัติและพร้อมเผชิญเหตุในทุกสถานการณ์ โดยให้พัฒนาแผนอย่างต่อเนื่องให้มีความสมบูรณ์ เน้นประสิทธิภาพและความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักสากล เพื่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นและการยอมรับร่วมกัน

สำหรับการบริหารจัดการและการอำนวยความสะดวกการจราจร ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ ความสำคัญกับการวางแผนการเดินทางของผู้เข้าร่วมประชุมและการดูแลทางการแพทย์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยให้อำนวยความสะดวกการสัญจรให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด พร้อมทั้งต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับประชาชน ร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพที่ดี แม้วันดังกล่าวจะเป็นวันหยุดราชการก็ตาม

กมธ.งบฯ63 เตรียมถกปม”ธนาธร”ไทยโดนตัดสิทธิ์ GSP

People Unity : “วิรัช”เผยกมธ.งบฯ63 เตรียมถกประเด็นสถานะ “ธนาธร” เย็นนี้ เตรียมคุยปัญหาตัดสิทธิ์ GSP กับกระทรวงพาณิชย์

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 กล่าวถึงการประชุมวันนี้ว่า เป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณแล้ว ก็จะมีการสอบถามกรณีประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง

สำหรับสถานะของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการ ที่ศาลสั่งไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. นายวิรัชกล่าวว่า ถ้าดูเบื้องต้น นายธนาธรสามารถลงชื่อและร่วมออกความเห็นในที่ประชุมได้ ส่วนบทบาทอื่นๆ ต้องรอความชัดเจน โดยหลังจากการพิจารณางบประมาณกระทรวงพาณิชย์แล้ว ในช่วงเย็น นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมาธิการฯ ก็จะเดินทางมาเป็นประธานที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ร่วมกัน และเป็นหน้าที่ของประธานกรรมาธิการที่จะทำหนังสือหารือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร หากต้องการให้มีการวินิจฉัยสถานะของนายธนาธร แต่ไม่สามารถตอบแทนนายอุตตมได้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะต้องมีการหารือกันในที่ประชุม

นายวิรัช เปิดเผยด้วยว่า นอกจากการพิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์แล้ว กรรมาธิการยังต้องมีการหารือกันถึงกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ เพื่อให้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด พิจารณาไม่น้อยกว่า 280 ชั่วโมง โดยสิ้นสุดภายในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

Verified by ExactMetrics