วันที่ 1 พฤษภาคม 2025

“อนค.” เดือดโต้ “สิระ”! ฉุนเปรียบ “ธนาธร” เป็นไส้เดือน

People Unity : “อนค.” เดือดโต้ “สิระ”! ฉุนเปรียบ “ธนาธร” เป็นไส้เดือน เหตุนั่ง กมธ.งบฯ63 แนะทำหน้าที่ให้สมกับกินภาษีของประชาชน

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายคารม​ พลพรกลาง​ ส.ส.บัญชื่อรายชื่อพรรคอนาคตใหม่​ ตั้งคำถามไปยังนาย​สิระ​ เจนจาคะ​ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่เดินหน้าเรียกร้องให้นายธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษากรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี2563 ว่า “ผมถามไปยังคุณ​สิระว่าในเมื่อประธานสภาฯ ออกมาให้แนวทางเกี่ยวกับการเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการของคุณธนาธรแล้ว​ คุณสิระยังไม่หยุดเรียกร้องให้คุณธนาธรลาออก​ แล้วแบบนี้คุณสิระจะใช้แนวทางใดในการยึดปฏิบัติ

ส่วนกรณีที่เป็นห่วงว่าจะสิ้นเปลืองภาษีประชาชนที่ต้องนำมาจ่ายเบี้ยประชุมให้คุณธนาธรนั้น​ ประเด็นนี้ผมเป็นคนอ่านยังรู้สึกอาย​ แล้วคุณสิระเป็นคนพูดไม่รู้สึกละอายเลยหรือ​ ประชาชน​และสังคม​ทราบนี้ว่าใครที่อยู่ในตำแหน่งส.ส.แล้วเปลืองภาษี​ ประชาชนจ่ายภาษีให้นักการเมืองไร้ศักยภาพมาตลอด 5 ปี​หากคุณสิระตระหนักประเด็นนี้จริงผมแนะนำให้ไปทำงานที่เป็นชิ้นเป็นอันจะดีกว่า​

อีกประเด็นที่อยากถามคือ​ คุณสิระว่ากลัวคุณธนาธรทำงานได้เต็มศักยภาพหรือกลัวคุณธนาธรเป็นอุปสรรคในการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินที่ไม่สมเหตุสมผลกันแน่​

สุดท้ายผมเรียกร้องให้คุณสิระสำนึกในภาษีประชาชนอย่างที่ปากพูดและหยุดพฤติกรรมที่ไร้วุฒิภาวะแบบนี้​เสียที ที่ผ่านมาประชาชนคงเห็นผลงานความกร่างกันดีแล้ว  ควรจบประเด็นนี้ได้แล้ว​ และหากกลัวว่าการทำหน้าที่คุณธนาธรจะเปลืองภาษีประชาชน​ คุณสิระลาออกเลยครับรับรองคุ้มค่าภาษีประชาชนและกอบกู้ภาพลักษณ์นักการเมืองได้มากขึ้นอีกด้วย”

ก่อนหน้านี้นายสิระ ได้แสดงความเห็นว่า วันนี้สถานะของนายธนาธรไม่ต่างจากไส้เดือนที่มี 2 เพศ ซึ่งถ้านายธนาธนยังอยากเรียกตัวเองว่ามนุษย์ มีเกรียติและศักดิ์ศรี ก็ควรจะยุติปัญหาที่ตนเองได้ อย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงในการพัฒนาประเทศ จะเอาอย่างไรเลือกเอาสักทางหนึ่ง หากยังยืนยันที่จะเป็นกรรมาธิการก็ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ไป

นายสิระ กล่าวต่อว่า หากตนอยู่ในสถานะเดียวกับนายธนาธร ที่เป็นถึงหัวหน้าพรรค ตนจะยอมเสียสละลาออกจากกรรมาธิการและเปิดโอกาสให้ ส.ส.ที่มีคุณภาพในพรรคอนาคตใหม่ได้ทำงานแทน เรื่องนี้มองได้ 2 ข้อ 1.คือในพรรคของนายธนาธรไม่มีผู้ที่ทีความรู้ความสามารถอีกแล้ว หรือ 2 นายธนาธรกำลังเอาเก้าอี้กรรมาธิการไปเล่นเกมการเมือง

“นิติม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี-กขป.เขต 11-ภาคีพลเมืองอาสา”บำบัดทุกข์ประชาชนไม่มีบัตรประจำตัว

People Unity : “นิติม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานี-กขป.เขต 11-ภาคีพลเมืองอาสา”บำบัดทุกข์ประชาชนไม่มีบัตรประจำตัว อำเภอพระแสง-บ้านตาขุน

วันที่ 18 ตุลาคม 2562 สืบเนื่องจาก ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ร่วมกับคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) เขต 11 และภาคีพลเมืองอาสาในพื้นที่ ได้ร่วมกันช่วยเหลือผู้ยากลำบากในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น คณะนิติศาสตร์ได้มอบหมายให้ อาจารย์และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น พบว่า มีผู้ยากลำบากจากเหตุที่ไม่มีบัตรประชาชน จำนวน 43 ราย และเพื่อให้บุคคลเหล่านี้ได้มีบัตรประจำตัวประชาชนได้เข้าถึงสิทธิของรัฐอย่างเท่าเทียม จึงต้องลงพื้นที่เพื่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป

เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย บุญคงมาก ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูภณัชรัตนชัย บรรณาธิการวารสารนิติศาสตร์และสังคมท้องถิ่นพร้อมด้วยนางสาวรุ่งฤทัย เต็มไป หัวหน้าสำนักงานกองบรรณาธิการ และว่าที่ร้อยตรีหญิง เจนจิรา แซ่เตี่ยว เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ได้ลงพื้นที่พบ นายชัยพัทธ์ ช่วยชู ปลัดอำเภอพระแสง และนางวิภา พงศ์พิสุทธา ผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี

เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจำนวน 4 ราย และ 1 รายในจำนวนดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือ โดยการสืบค้นข้อมูลทะเบียนราษฎรและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจนแล้วเสร็จ เกิดความหวังที่จะได้รับบัตรประจำตัวประชาชนในโอกาสต่อไป สร้างความปิติยินดีแก่ชาวบ้านรายนี้และญาติ ๆ เป็นอย่างยิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 3 รายก็จะทยอยให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนายทะเบียนอำเภอพระแสงต่อไป

ในวันเดียวกันนี้ คณะทำงาน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีได้เดินทางไปยัง ที่ว่าการอำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบ นางสาวศริญดา ปาลคะเชนทร์ ปลัดอำเภอชำนาญการพิเศษ และนายศรัญญู ยอดสุรางค์ ปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนและบัตร ซึ่งในพื้นที่มีประชาชนที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 2 ราย เบื้องต้นทางอำเภอได้ประสานไปยังชาวบ้านทั้ง 2 ราย เพื่อขอข้อมูลและหลักฐานเกี่ยวกับการร้องขอเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎรไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ถัดจากนี้ก็จะเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่อย่างเต็มกำลังสามารถ ต่อไป

การลงพื้นที่ครั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภูภณัชรัตนชัย กล่าวว่า การทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน แม้จะยากลำบากที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคสักแค่ไหน แต่ก็มีความสุข และขอขอบคุณปลัดอำเภอพระแสง และผู้ช่วยนายทะเบียนอำเภอพระแสง ที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ ขอขอบคุณปลัดอำเภอบ้านตาขุนทั้ง 2 ท่าน ที่ให้การแนะนำและให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้อย่างดียิ่ง

ฝ่ายผู้ช่วยศาสตราจารย์สมชาย บุญคงมาก ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ได้กล่าวขอบคุณปลัดอำเภอพระแสงและปลัดอำเภอบ้านตาขุน ที่ปฏิบัติภารกิจให้ความช่วยเหลือและบริการประชาชนให้เกิดสิทธิตามที่รัฐได้มอบให้ เป็นการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”แก่พี่น้องชาวบ้านอย่างแท้จริง

ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก

People Unity : ภูมิใจไทยตื่น! “อนุทิน-ศักดิ์สยาม”ยันพร้อมแจงศึกซักฟอก ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ ขณะที่ รมว.ศธ. ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน เผย 1 ธันวาฯ ดีเดย์พัฒนาศักยภาพโรงพยาบาล

วันที่ 28 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่น่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนธันวาคมนี้ ว่า รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกท่านมีความมั่นใจ ได้คุยกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการคมนาคมและเลขาธิการพรรค มั่นใจว่ารัฐมนตรีของพรรคทุกท่านมีความพร้อม เพราะต้องเตรียมตัวอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นการทำงานในระบอบประชาธิปไตย มันต้องมีการตรวจสอบ คนเป็นรัฐมนตรีต้องตอบคำถามให้ได้

เมื่อถามว่าเป็นการอภิปรายที่เร็วไปหรือไม่ เพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน นายอนุทิน กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ทำงาน ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ ต่างคนต่างหน้าที่ ถ้าหากเขาไม่ทำหน้าที่ ก็เหมือนเขาละเลยงาน ส่วนในฝ่ายที่ทำงาน ถ้าทำถูกต้อง ทำอย่าซื่อสัตย์ มันต้องมีตัวเลข ข้อมูลมาชี้แจง

“รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องการอภิปรายที่จะเกิดขึ้น เพราะถ้าไม่โกงเสียอย่าง ก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไร”

ขอ กมธ.งบประมาณ กรุณาอย่าตัดงบดูแลสุขภาพประชาชน

นายอนุทิน ได้โพสต์เฟซบุ๊ค “อนุทิน ชาญวีรกูล” ถึงแนวทางการพัฒนา และปัญหาในระบบให้บริการด้านสุขภาพ ว่า บริการประชาชน คือ งานของเรา ประชุม ระดมสมองหาแนวทางพัฒนาห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล สร้างมาตรการ และมาตรฐานบริการประชาชน จาก ประสบการณ์ทุกๆ ฝ่าย ที่เกี่ยวข้อง แพทย์ บุคลากรสาธารณสุข ผู้ป่วย และ ญาติผู้ป่วย เริ่มต้นวันที่ 1 ธันวาคม นี้ ปรับปรุงศักยภาพ 21 โรงพยาบาล ก่อน ตามงบประมาณที่มี แล้วรองบประมาณปี 2563 ออกมา เพื่อจะพัฒนาให้ได้มากที่สุด

ปัญหาสำคัญ ประการหนึ่ง ของห้องฉุกเฉิน คือ ประชาชนผู้ใช้บริการ ยังแยกแยะไม่ได้ เพราะไม่เข้าใจคำว่า ฉุกเฉิน เกือบทุกคนรู้สึกฉุกเฉินกันทั้งหมด แต่บางราย ทางการแพทย์ ยังไม่จัดว่าฉุกเฉิน ส่งผลให้คนไข้ไม่ฉุกเฉิน ล้นห้องฉุกเฉิน และกระทบกระทั่งกันระหว่างญาติผู้ป่วย กับ เจ้าหน้าที่ อยู่บ่อยครั้ง

ปัญหาสำคัญที่สุด คือ งบประมาณยังไม่เพียงพอ ทั้งบุคลากร อาคารสถานที่ เครื่องมือ และ ระบบการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย ทั้ง รถพยาบาล และ Telemed
ต้องขอความกรุณาท่านกรรมาธิการพิจารณาแปรญัตติร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ได้โปรดเห็นใจ และ เข้าใจความจำเป็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีหน้าที่ช่วยชีวิตของพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ ดูแลสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศ โปรดอย่าตัด และ อยากจะขอเพิ่ม ด้วย ขอขอบคุณล่วงหน้า มา ณ ที่นี้

รมว.คมนาคม พร้อมแจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ชี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงผลงานที่ทำ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตอนนี้รอฟังข้อมูล เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องใด ขณะนี้ยังเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนตัวพร้อมตอบทุกประเด็น ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเหมือนกันว่า มีเรื่องอะไรที่ตนเองทำเพื่อเอื้อประโยชน์กับใคร

“ก็ดี ผมจะได้ชี้แจงให้หมดว่าทำอะไรไปบ้างแล้วถ้ามองในแง่ดี ผมก็จะได้พูดเพราะที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้พูดถึงภาพรวมเป็นฝั่งชี้แจงเสียมากกว่า หรือไม่แน่ ฝ่ายค้านอาจจะมองว่าผมทำงานมากเกินไป” นายศักดิ์สยาม กล่าว

“ธนาธร”มาแล้ว! ฝ่ายค้านงดออกเสียง234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251เสียง

People Unity : ฝ่ายค้านงดออกเสียง 234! งบฯปี2563″บิ๊กตู่”ผ่านฉลุย 251 เสียง ตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณาปรับปรุงแก้ไข “อนาคตใหม่” เผยเหตุงดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร”มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

วันที่ 19 ต.ค.2562 ที่รัฐสภา หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลุกขึ้นชี้แจงก่อนลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านบาทว่า การจัดทำร่างดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่แสดงต่อสภาผู้แทนราษฎร และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างศักยภาพการแข่งขันและศักยภาพคน ให้ความสำคัญกับการบูรณาการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน และมีการกระจายผลประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กรทุกภาคส่วน มุ่งหวังให้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

ส่วนข้อสังเกตที่สมาชิกอภิปรายไว้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาแห่งนี้แต่งตั้งขึ้น นำมาประกอบการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่ทุกคนมุ่งหวังไว้ทุกประการ

ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เห็นชอบ 251 งดออกเสียง 234

อนาคตใหม่”เผยเหตุ”งดออกเสียงหวังให้โอกาสชั้น กมธ.ลงรายละเอียด “ธนาธร” มาแล้ว! ร่วมทีม กมธ. โควต้าพรรค

ขณะที่น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึง กรณีพรรคอนาคตใหม่มีมติงดออกเสียง ในการรับหรือไม่รับร่าง พ.ร.บ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยระบุว่าในเรื่องของวงเงิน 3.2 ล้านล้าน นั้นเป็นกรอบที่พรรครับได้ ไม่มีปัญหา แต่สิ่งที่เรามีปัญหาคือเรื่องของรายละเอียดในการจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น มติของพรรคจึงเป็นการงดออกเสียงในชั้นรับหลักการ เพื่อจะไปดูรายละเอียดในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งเราจะทำอย่างเต็มที่ ภายใต้ 4 หลักคิดได้เสนอไปแล้วในการอภิปราย คือ 1.ลดงบดำเนินการแล้วเพิ่มงบการลงทุน 2. เปลี่ยนจากงบประมาณและการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลาง ไปเป็นงบประมาณและการตัดสินใจที่ท้องถิ่น 3. ปรับการลงทุนเมกะโปรเจคเป็นการลงทุนเพื่อคนทุกคน และ 4. ลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์โดยสร้างสวัสดิการสำหรับทุกคน โดยในชั้น กมธ. จะนำทีมโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งจะทำงานเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หากในรายละเอียดไม่มีการปรับปรุงตามที่เราพยายามผลักดันให้เหมาะสมการพัฒนาประเทศ ก็พร้อมที่จะโหวตคว่ำในวาระสุดท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับรายชื่อ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงษ์วุฒิ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ นายณธีภัทร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ และ นายวีรศักดิ์ เครือเทพ

“อ้น”รองโฆษก”พปชร.”ตามจิก! ติง”อนค.”อย่าขี้แพ้ชวนตี

People Unity : “อ้น”ติงอนาคตใหม่อย่าขี้แพ้ชวนตี เข้าใจกำลัง “เสียขวัญอย่างหนัก” ย้อน “ช่อ”เคลมผลการเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครปฐมเปรียบประชามติประชาชนยังหนุน “รัฐบาลประยุทธ์”

วันที่ 24 ต.ค.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งในการเลือกตั้งส.ส.นครปฐม เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคชาติไทยพัฒนา ได้คะแนน 37,675 คะแนน ชนะนายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ผู้สมัครส.ส.หมายเลข 6 จากพรรคอนาคตใหม่ ได้รับ 28,216คะแนนว่า ขอแสดงความยินดีกับนายเผดิมชัยและพรรคชาติไทยพัฒนาสำหรับชัยชนะในครั้งนี้ ซึ่งทุกฝ่ายต้องมีสปิริตยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ซึ่งคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่า พรรคอนาคตใหม่ซึ่งไม่สามารถรักษาที่นั่งส.ส.เอาไว้ได้ จะต้องหยิบยกเหตุผลเรื่องของกำหนดวันเลือกตั้งมาเป็นอุปสรรค กล่าวอ้างถึงเหตุผลต่างๆนานาที่แพ้การเลือกตั้ง ซึ่งการกระทำเช่นนั้น อาจทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกมองว่าเป็นพวก “ขี้แพ้ชวนตี”  แต่ควรนำผลการเลือกตั้งที่ปรากกฎออกมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนจุดแข็งของพรรค ทบทวนว่าเหตุใดจึงพ่ายแพ้มากกว่า

“เข้าใจว่าช่วงนี้ พรรคอนาคตใหม่คงเสียขวัญอย่างหนัก เพราะหลายประเด็นที่เข้ามาเป็นลบกับพรรค ไม่ว่าจะเป็นอนาคตของพรรคและอนาคตของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เอง คือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยชี้ขาดสมาชิกภาพในวันที่ 20พ.ย.นี้ ยิ่งมาแพ้การเลือกตั้งอีก ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เกิดความหวั่นไหว” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวด้วยว่า  ก่อนหน้านี้น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ “ช่อ” โฆษกพรรคอนาคตใหม่เคยระบุว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เหมือนเป็นการออกเสียงประชามติว่าเอาหรือไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเป็นเช่นนี้ ผู้สมัครส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลได้รับการเลือกตั้ง นั่นย่อมสะท้อนว่าประชาชนยังสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารประเทศต่อไป

รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน! “อนุทิน”ยันยึดสัญญาเดิม

People Unity : “อนุทิน” ยันสร้างรถไฟ 3 สนามบิน ยึดสัญญาเดิม พร้อมชดเชยเอกชนด้วยการขยายเวลาเท่านั้น

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2562 จากกรณที่มีกระแสข่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ ภาครัฐและกลุ่มกิจการร่วมค้า บริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่ม CPH ผู้ชนะการประมูล ได้ตกลงแก้ไขสัญญาเดิม จากที่ภาครัฐ ต้องชำระค่าก่อสร้างในปีที่ 6 หรือหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นภาครัฐชำระค่าก่อสร้าง ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนั้น ภาครัฐพร้อมจะจ่ายเงินชดเชย กรณีการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ซึ่งไม่ใช่ความบกพร่องของเอกชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภาครัฐยังยึดสัญญาฉบับเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง RFP ว่าอย่างไร ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนเรื่องการส่งมอบพื้นที่ ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่าจะไม่ทันใน 2 ปี เนื่องจากยังมีคนอาศัยอยู่ มีท่อ มีสายไฟ มีสาธารณูปโภคขวางอยู่ ตนไม่เป็นห่วง เพราะเคยประชุมร่วมกับกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางนั้นบอกว่าจัดการได้แน่นอน บางหน่วยงานเปิดเผยว่า จะใช้เวลาน้อยกว่า 2 ปีด้วย ก็ต้องเชื่อ

“แต่ถ้าครบ 2 ปีแล้ว มันยังติดขัด ต้องไปดูว่าเพราะอะไร หากเกิดจากภาครัฐ เพิกเฉิย ไม่ยอมทำอะไรเลย มันก็ต้องจัดการแบบหนึ่ง แต่ถ้าภาครัฐทำเต็มที่ แต่ไม่ทันจริงๆ ก็ต้องหารือกับเอกชน หาทางออกร่วมกัน แต่ขอให้ย้อนดูกฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของทางภาครัฐ ที่กำหนดให้ชดเชยด้วบการขยายเวลา ตามหลักก็ต้องเป็นไปตามนั้น” นายอนุทิน กล่าวและว่า

ระหว่างการส่งมอบพื้นที่ ไปจนถึงการก่อสร้าง มีโอกาสที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ฝนตก น้ำท่วม มันไม่ใช่ความผิดของใคร แต่มันทำให้การดำเนินงานล่าช้า ตรงนี้ ก็ชดเชยด้วยการขยายเวลาไป แต่ไม่มีทางที่รัฐจะไปจ่ายเงินชดเชยให้เอกชน และถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา เอกชนมีสิทธิ์ฟ้องเอาเงิน แต่โอกาสชนะยาก ส่วนการยกเลิกสัญญา จะทำโดยฝ่ายเดียวไม่ได้ แม้เอกชนจะยกเลิกสัญญาไปแล้ว แต่ก็ต้องทำงานต่อ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ดูเหมือนว่ารัฐจะได้เปรียบทุกประตู แต่กว่าจะถึงวันนี้ รัฐก็ต้องทำตามสัญญา และทำมากด้วย การที่เอกชนมาทำงานกับรัฐ สิ่งที่มั่นใจได้ คือ เมื่อทำงานเสร็จ รัฐจ่ายแน่นอน

“ราคาที่ผู้ชนะประมูลเสนอมา เป็นราคาที่ดีมากๆ ดังนั้นภาครัฐประคบประหงมอย่างเต็มที่ อะไรที่ทำได้ ไม่ขัดกับกฎหมาย ไม่ขัดกับสัญญา รัฐทำเต็มที่ เพราะเปิดประมูลใหม่ หรือทำอย่างไร ก็ไม่มีทางได้ราคานี้ ล่าสุด ได้ยินข่าวว่าทางกลุ่ม CPH มาเซ็นดำเนินงานแน่นอน แต่ขอดูฤกษ์ดูยาม ซึ่งทางรัฐไม่ขัดข้อง ขออย่าให้ถึงวันที่ 7พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดวันยืนสัญญาก็พอ”

เพื่อไทยมาแล้ว! แถลงจุดยืน 9 ข้อหนุนแบน 3 สารพิษ!

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

People Unity : เพื่อไทยมาแล้ว! แถลงจุดยืน 9 ข้อหนุนแบน 3 สารพิษ! จี้ควักงบฯมั่นคงเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แนะนายกฯตัดสินใจให้ดี

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 21 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองหัวหน้าพรรค พท. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคอุตสาหกรรม แถลงถึงการแบนสารพิษทางการเกษตร โดยนายปลอดประสพ แถลงว่า พรรค พท.ในฐานะเป็นผู้เสนอญัตติต่อสภาให้ตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเรื่องนี้ขึ้นมา จึงขอประกาศจุดยืนว่า

1.พรรค พท.มองว่าเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน ที่ดินอีกว่า 100 ล้านไร่ เป็นความมั่นคงของชาติ 2.การเกษตรก็ดี ธุรกิจการเกษตรก็ดี หากทำอย่างถูกต้องจะทำให้ประเทศรุ่งเรืองขึ้นได้ 3.พรรคพท.เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรที่สะอาด และปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องเป็นเป้าหมายในการพัฒนาการเกษตรของไทย
4.ทางการศึกษาสารคลอร์ไพริฟอส-พาราควอต-ไกลโฟเซต เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม 5.ควรระงับสารทั้ง 3 ไว้ในครอบครองโดยทันที 6.เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการหาทางออกเรื่องการทดแทนผู้เกี่ยวข้องให้ไวที่สุด 7.พรรคพท.เสนอว่า ควรใช้งบฯ จากหมวดความมั่นคงมาบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจากเกษตรกร และผู้ประกอบการ 8.ขอวิงวอน และแสดงความเห็นใจผู้ที่เกี่ยวข้อง เราต้องพร้อมใจเปลี่ยนประเทศไปในทางที่ดี ต้องกัดฟันเดินหน้าเสียสละ และ 9.ขอให้กำลังใจคณะกรรมการวัตถุอันตราย ขอให้ท่านคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และประเทศเป็นหลัก

“ไม่เชื่อว่าจะมีคนไหนที่ไม่หารือกับรัฐมนตรีของท่าน การตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ ผมไม่ถือว่าเป็นการตัดสินใจของกรม หรือใครท่านใดท่านหนึ่ง แต่จะถือว่าเป็นการตัดสินใจของรัฐมนตรี และรัฐบาล” นายปลอดประสพ กล่าว

ด้านนายชวลิต กล่าวว่า กมธ.ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า กมธ.ไม่สนับสนุนในการหาสารเคมีชนิดอื่นมาทดแทน ไม่เอื้อกลุ่มทุนกลุ่มใดในด้านสารเคมี พรรค และ กมธ.จะสนับสนุนการเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ นายกฯ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด นายกฯจะทราบเรื่องนี้ดีที่สุด ก็อยู่ที่การตัดสินใจของท่าน หากท่านตัดสินใจพลาดในทางนโยบาย ท่านจะต้องรับผิดชอบในทางนโยบายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อยากฝากรัฐบาลว่า เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ ควรจัดงบฯจากความมั่นคงไปตั้งห้องแล็บตรวจสอบที่ด่านเชียงของซึ่งเป็นต้นทาง เห็นว่าใช้งบฯเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้าที่ขนมาหลายร้อยล้านบาท

ส.ส.แรงงาน”อคน.”แนะ 6 มาตรการแก้สหรัฐตัด”จีเอสพี”

People Unity News : “อนาคตใหม่” เผย 3 ปัญหาหลักละเมิดสิทธิแรงงาน เหตุสหรัฐตัด “จีเอสพี” แนะ 6 มาตรการแก้ อัด “หม่อมเต่า” ใช้ทัศนอภิสิทธิ์ชนมองไม่เห็นนายทุนเอาเปรียบ

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะกรรมธิการแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (GSP) ของไทยในวันที่ 25 เมษายน 2563 โดยให้เหตุผลว่า ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาแรงงานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยหลังจากที่ ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมาให้สัมภาษณ์ ที่นอกจากจะไม่ได้ตอบคำถามข้อสงสัยว่า สิทธิแรงงานข้อไหนที่เป็นปัญหาจนนำมาสู่การ ตัดสิทธิพิเศษนี้ อีกทั้งยังไปพาดพิงประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องเช่นเรื่อง นิสัยส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ นั้น

นายสุเทพ กล่าวว่า ปีกแรงงานพรรคอนาคตใหม่อยากจะสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย รัฐบาลไทยล้มเหลวในการคุ้มครองสิทธิแรงงาน กฎหมายแรงงานไทยยังล้าหลังกว่ามาตรฐานแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล แรงงานจำนวนมากไม่สามารถรวมตัวกันเพื่อต่อรองได้อย่างเสรี ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญา ILO ที่ 87และ98 เพื่อรับรองสิทธิการรวมตัวว่าเป็นสิทธิพื้นฐาน แม้จะมีการรณรงค์มาอย่างยาวนานโดยขบวนการแรงงาน รวมถึงรณรงค์ให้กฎหมายไทยสอดคล้องกับอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่กดทับแรงงานมาโดยตลอด อนุสัญญา ILO ที่ 87 คือเรื่องของการให้สิทธิและเสรีภาพในการรวมตัวกัน และ 98คือการเจรจาต่อรองของแรงงาน การนิ่งเฉยของรัฐบาลไทยที่รับฟังแต่กลุ่มนายทุนขนาดใหญ่ในประเทศ และเมินเฉยต่อผู้ใช้แรงงาน ผลก็คือ ไทยมีอัตราการรวมตัวของแรงงานอยู่ที่ 1.6% ต่ำที่สุดในอาเซียน ซึ่งตัวอย่างการละเมิดสิทธิแรงงานแต่ละรูปแบบคือ

1.แรงงานขาดเสรีภาพในการรวมตัวต่อรอง กล่าวคือกฎหมายไทยและการตีความของศาล (court interpretation) จำกัดสิทธิการรวมตัวของแรงงานชั่วคราวหรือแรงงานสัญญาจ้าง(subcontracted workers) แรงงานสัญญาจ้างไม่นับเป็นลูกจ้างของบริษัทที่ทำงานให้ แต่นับเป็นลูกจ้างของบริษัทที่จัดหางานมาให้แรงงานเหล่านี้ ทำให้แรงงานสัญญาจ้างไม่สามารถเข้าร่วมสหภาพแรงงานได้ อีกทั้งนายจ้างนิยมเพิ่มจำนวนแรงงานสัญญาจ้าง เพื่อลดกิจกรรมในสหภาพแรงงาน

2.สิทธิในการรวมตัวหยุดงานและเสรีภาพในการแสดงออก ตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ห้ามลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจในการรวมตัวหยุดงาน มาตรา 77 กำหนดโทษอย่างรุนแรงแก่ผู้ฝ่าฝืน และสมาชิกสหภาพแรงงาน,นักสิทธิมนุษยชนมักถูกฟ้องอาญา เมื่อเปิดเผยข้อมูลการละเมิดแรงงาน ทั้ง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์และแรงงานวิสาหกิจสัมพันธ์ ระบุข้อยกเว้นอย่างกว้างๆไว้ ให้นายจ้างสามารถฟ้องได้ หากการกระทำนั้นเป็นการทำให้ชื่อเสียงของนายจ้างเสื่อมเสีย

3.การเลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติและแรงงานบังคับ กล่าวคือการละเมิดสิทธิแรงงานและการบังคับใช้แรงงานถูกเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง มีแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอกประเทศให้รัฐบาลออกกฎหมายและรับสนธิสัญญาเพื่อคุ้มครองแรงงานข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยยกเลิกการให้สัตยาบันสนธิสัญญา ILO C188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง และ ILO 98 ว่าด้วยสิทธิการรวมตัวต่อรอง อีกทั้งยกเลิกการแก้ไข พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ เพื่อให้แรงงานข้ามชาติไม่สามารถต่อรองกับนายจ้าง

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในฐานะตัวแทนของชนชั้นแรงงานเสนอว่า การแก้ปัญหาด้านสิทธิแรงงานข้างต้นอย่างเป็นระบบเท่านั้นจึงจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงานให้มีชีวิตที่มั่นคงปลอดภัยได้ ซึ่งพรรคอนาคตใหม่เสนอกฎหมายคุ้มครองแรงงาน 6 ข้อ เพื่อแก้ระยะแรก

1.รัฐต้องรับ อนุสัญญา ILO 87 , 98 ว่าด้วยเรื่องการรวมตัวเจรจาต่อรอง เพื่อสนับสนุนเพิ่มอำนาจให้คนทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนสามารถต่อรองกับนายจ้างได้ จะไม่นำมาสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการจ้างงานในที่ทำงานเดียวกัน

2.การต้องปรับเปลี่ยนพนักงานรายวันสู่การเป็นพนักงานรายเดือนเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับชีวิตของคนทำงาน ที่ปัจจุบันในสายการผลิตเดียวกันทำงานเดียวกัน แต่คนนึงเป็นพนักงานรายเดือนที่ได้เงินที่มั่นคงทุกเดือน อีกคนเป็นพนักงานรายวันที่หากวันไหนเกิดป่วยหรือวันหยุดที่ไม่ได้มาทำงานก็จะขาดรายได้ไปชีวิตไม่มั่นคงรายได้ไม่แน่นอน เหตุการณ์เช่นนี้เกิดมาเป็นทศวรรษ

3. ต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรืออัตราเงินเฟ้อตามแต่ค่าใดสูงกว่า เพื่อให้รายได้ของผู้ใช้แรงงานสอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

4. ต้องลดชั่วโมงการทำงานรายสัปดาห์ เป็น 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อเพิ่มเวลาพักผ่อนให้กับคนทำงานให้คนทำงานได้มีเวลาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เพิ่มวันหยุดพักร้อนเป็น 10 วันต่อปีและสามารถสะสมได้

5. การเพิ่มสิทธิการลาคลอดและการเลี้ยงดูบุตรโดยได้รับค่าจ้างเป็น 180 วัน เพื่อให้สอดรับกับสังคมผู้สูงอายุที่มีประชากรรุ่นใหม่จำนวนน้อยลง

6. การกำหนดค่าจ้างตามประสบการณ์และมาตรฐานแรงงานเพื่อป้องกันการที่ผู้ใช้แรงงาน ต้องอยู่กับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตลอดชีวิต

“สิ่งต่างๆเหล่านี้พรรคอนาคตใหม่มีความพยายามเป็นอย่างยิ่ง เพราะสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรส่วนหนึ่งของพรรคมาจากคนงาน มาจากผู้ใช้แรงงาน เพื่อสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และอยากให้ภาคสังคมรวมไปถึงผู้บริหารประเทศ เข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง มิเช่นนั้นจะโดนบิดเบือนอยู่อย่างนี้ ซึ่งเรื่องของวัฒนธรรมไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม และยกระดับมาตรฐานสากล ประชาชนต้องตื่นตัวกับปัญหา GSP นี้ ที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน โดยอาจจะส่งผลต่อไปกับภาคธุรกิจ และพี่น้องผู้ใช้แรงงาน” นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า คำให้สัมภาษณ์ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สะท้อนถึงการไม่ทำความเข้าใจปัญหารากลึกของการละเมิดสิทธิแรงงาน อันเป็นทัศนะของอภิสิทธิ์ชนที่ไม่มองว่การละเมิดสิทธิโดยนายทุนไทยถูกละเลยจากรัฐบาลอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมาธิการแรงงานภายใต้การนำของนายสุเทพได้ผลักดันให้รัฐบาลยกระดับการบังคับใช้กฎหมายแรงงานให้ครอบคลุมกำลังแรงงานทั้งระบบอย่างไม่เลือกปฏิบัติ ยกระดับประกันสังคมสำหรับแรงงานนอกระบบ รวมถึงการขึ้นบัญชีดำบริษัทที่มีการละเมิดสิทธิแรงงาน การยกระดับกฎหมายแรงงานและรับอนุสัญญา ILO 87-98 คือทางรอดของทุกคน

เตือนผู้ที่มีภาวะไขมันส่วนเกินสะสมมากกว่าปกติเสี่ยงเป็นโรคหอบหืด

People Unity : กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก เตือนผู้ที่มีภาวะไขมันส่วนเกินสะสมมากกว่าปกติ หรือโรคอ้วนลงพุง ทำให้ระบบหายใจทำงานติดขัด ก่อให้เกิดโรคหอบหืดตามมา

วันที่ 25 ต.ค.2562 นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การรับประทานอาหารเกินความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดภาวะที่มีไขมันสะสมมากผิดปกติหรือมากเกินกว่าที่ร่างกาย จะเผาผลาญออกไป ส่งผลให้พุงยื่นออกมาอย่างชัดเจน เรียกว่า โรคอ้วนลงพุง ซึ่งผลแทรกซ้อนของ โรคดังกล่าว อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา คือ เสี่ยงกับภาวะไขมันอุดตันหลอดเลือดและหัวใจ อาทิ โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง ไตวาย มะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว อีกทั้งไขมันส่วนเกินนั้นยังสามารถเข้าไปสะสมในปอดจนเบียดทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมตีบลง เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบากซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหอบหืดได้ ทั้งนี้ผู้ที่เข้าเกณฑ์เสี่ยงโรคอ้วนลงพุงจะมีลักษณะต่างๆ อย่างน้อย 3 ข้อ ดังนี้ คือ 1. ภาวะอ้วนลงพุง 2. ความดันโลหิตสูง 130/85 มม.ปรอทขึ้นไป 3. น้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารสูงกว่า 100 มิลลิกรัม ต่อเดซิลิตรขึ้นไป 4. ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร 5. มีไขมันดี ชนิด HDL ต่ำ โดยเพศชายน้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และเพศหญิงน้อยกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากพบว่าร่างกายมีลักษณะดังกล่าว ต้องรีบหาแนวทางการรักษาและป้องกันโรคอ้วนลงพุง เพื่อห่างไกลโรคร้ายแทรกซ้อนที่จะตามมาอย่างทันท่วงที

นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคอ้วนลงพุง เป็นกระบวนการหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลม ทำให้มีอาการโรคหอบหืดตามมา อาการในผู้ป่วยโรคหอบหืดมักจะเหนื่อยหอบเวลาออกแรง ไอ เสมหะเหนียวข้น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก และมีเสียงดังวี๊ดๆ หรือมีอาการในช่วงกลางคืน และมีค่าความเร็วของลมหายใจออกสูงสุดอยู่ระหว่าง 50 – 80 % ของค่าที่ดีที่สุด ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค ผู้ป่วยต้องปฏิบัติตนด้วยการคุมอาหารและลดน้ำหนักในรายที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วัน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป หลีกเลี่ยงอาหารประเภททอด มัน กะทิ ดื่มน้ำเปล่าหลีกเลี่ยงน้ำหวานและน้ำอัดลม หากสามารถปฏิบัติตนตามคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ ได้อย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ จะทำให้หลีกหนีโรคอ้วนลงพุง ส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลโรคร้ายที่แทรกซ้อนตามมาอีกด้วย

ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด

People Unity : ไม่พลาด! “พิชัย”ห่วงสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ทำส่งออกไทยยิ่งทรุด ติงรัฐบาลอย่านำเรื่องน่าอายมาเป็นผลงาน

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากในกรณีที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า (จีเอสพี) จากไทย มีผลกระทบกับสินค้ากว่า 573 รายการ มูลค่ากว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผล 6 เดือนหลังประกาศเมื่อ 25 ตุลาคม โดยอ้างเหตุเรื่องสิทธิแรงงาน ทั้งนี้เพราะจากประสบการณ์ที่เคยค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ทราบดีว่าสิทธิจีเอสพี ทำให้ราคาสินค้าของไทยสามารถแข่งขันราคากับสินค้าจากประเทศคู่แข่งได้ หากสินค้าไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพี สินค้าจากไทยก็จะต้องเสียภาษีเต็มตามอัตราที่กำหนดซึ่งจะทำให้แข่งขันกับราคาสินค้าจากประเทศคู่แข่งที่ได้รับสิทธิจีเอสพีได้ยาก

อีกทั้งยังต้องเจอกับค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากและยังจะแข็งค่าขึ้นอีกด้วย มิเช่นนั้นผู้ผลิตและผู้ส่งออกก็จะต้องเฉือนเนื้อตัดจากกำไรเพื่อนำไปจ่ายภาษีศุลกากร และหากเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นต่ำ เช่น สินค้าเกษตร อาหารทะเล ก็จะไม่สามารถเฉือนกำไรเพื่อจ่ายภาษีให้เพียงพอได้ โดยเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของไทยที่ทรุดต่ำอยู่แล้วให้ทรุดต่ำลงไปอีก นอกจากนี้ การถูกตัดสิทธิจีเอสพี จะทำให้การลงทุนในสินค้าหมวดหมู่ดังกล่าวลดลง หรือ จะมีการย้ายฐานการผลิตออกจากไทย เพื่อไปลงทุนในประเทศที่ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ ซึ่งจะทำให้การลงทุนของไทยที่ลดต่ำอยู่แล้วลดต่ำลงไปอีก แถมอาจจะมีการโยกย้ายฐานการผลิตและการส่งออกซ้ำเติมด้วย

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ผลของการที่ไทยถูกสหรัฐอเมริกาตัดสิทธิจีเอสพี ก็เหมือนกับผลของการที่ไทยไม่สามารถเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงที่มีรัฐบาลจากการปฏิวัติได้ ซึ่งการเจรจาการค้ากับอียูก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหา และ เร่งเจรจากับสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งในอดีตประเทศไทยก็เคยโดนสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพี ในบางรายการมาก่อน แต่สุดท้ายก็สามารถเจรจาแก้ไขได้ ถ้ารัฐบาลมีความสามารถและมีทักษะในการเจรจาเพียงพอ รัฐบาลควรจะต้องใส่ใจเรื่องการเจรจาการค้ากับประเทศคู่ค้าหลักอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาการส่งออกทรุดและการลงทุนที่หายไป มากกว่าจะนำเรื่องที่น่าอับอายแต่กลับนำมาหาเสียง อย่างเช่น เรื่องอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยที่พึ่งฟื้นกลับมาได้อันดับที่ 21 หลังจาก 6 ปีของการปฏิวัติ โดยก่อนการปฏิวัติ ไทยเคยอยู่อันดับที่ 18 และ ตั้งแต่มีการจัดอันดับมาประเทศไทยไม่เคยได้อันดับต่ำกว่าอันดับที่ 19 เลย จนมาเกิดการปฏิวัติทำให้อันดับความสะดวกทำธุรกิจของไทยทรุดลงไปต่ำสุดที่อันดับ 49 ในปี 2558 และ อันดับ 46 ในปี 2559 และพึ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็ยังกลับไม่ถึงที่เก่าที่อันดับ 18 ก่อนการปฏิวัติ ควรจะเป็นความน่าละอายที่ 6 ปี ที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำให้อันดับความสะดวกในการทำธุรกิจของไทยทรุดต่ำและยังไม่กลับมาที่เดิมมากกว่า

อีกทั้งอันดับที่ดีขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการลงทุนที่มากขึ้น เพราะประเทศเวียดนามที่อยู่อันดับที่ 70 แต่การลงทุนจากต่างประเทศของเวียดนามมีมากกว่าไทยหลายเท่า โดยประเทศเวียดนามได้เซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศคู่ค้าหลักตัดหน้าไทยที่ไทยยังไม่สามารถเซ็นได้และก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถเซ็นได้เมื่อไหร่ จึงทำให้การส่งออกของเวียดนามได้แซงหน้าการส่งออกของไทยครั้งแรกในปีนี้และน่าจะแซงแล้วแซงเลย เพราะการลงทุนในเวียดนามมีมากกว่าการลงทุนในไทยมาตลอดหลายปีนี้

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวอีกว่า อีกประเด็นหนึ่ง ถ้าหากใครได้ฟังสุนทรพจน์ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ที่พูดที่ฮ่องกง นอกจากจะให้กำลังใจแก่ นางแคร๋รี่ แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงแล้ว นายสมคิดในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ของไทยยังได้แสดงจุดยืนเข้าข้างประเทศจีนอย่างเต็มที่ ซึ่งในภาวะสงครามการค้าและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน การถือข้างใดข้างหนึ่งจนออกนอกหน้ามากเกินไป ก็อาจจะทำให้อีกประเทศหนึ่งไม่พอใจ ถึงกับตัดสิทธิจีเอสพีก็เป็นได้ จึงอยากให้ประเทศไทยวางตัวให้เหมาะสม ถ่วงดุลอำนาจระหว่างสองประเทศมหาอำนาจให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย ในภาวะความผันผวนของโลก ประเทศไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ความสามารถและความรอบรู้เพียงพอที่จะเข้าใจพลวัตรของโลก หากผู้นำไม่สามารถก้าวตามการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ทัน ประเทศไทยจะเสียหายและเสียโอกาสอย่างมาก เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

Verified by ExactMetrics