วันที่ 27 เมษายน 2024

ออสเตรเลียปรับท่าที ส่ง รมว.กลาโหมจูบปากไทย

People unity news online : 23 สิงหาคม 2560 พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า วันนี้ 23 ส.ค.60 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. และ รมว.กห. ให้การต้อนรับ นางสาว Marise Payne รมว.กห.เครือรัฐออสเตรเลีย และคณะ ณ ศาลาว่าการกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของ กห. ระหว่าง 22 – 24 ส.ค.60

นางสาว Marise ได้กล่าวแสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้ง ต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งได้แสดงความยินดีกับประชาชนไทย ในการเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและไทย ที่มีพัฒนาการอย่างแน่นแฟ้น โดยเฉพาะ กห.ของทั้งสองประเทศ ที่คงความต่อเนื่องในการสานต่อความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางทหารระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านการฝึก ศึกษา การรักษาสันติภาพ การลาดตระเวนทางทะเล และการแลกเปลี่ยนข่าวสาร พร้อมทั้งเสนอให้มีการฝึกการลาดตระเวนทางทะเลร่วมกันในต้นปี 61 เพื่อพัฒนาศักยภาพความร่วมมือทางทะเล  ขณะเดียวกัน ก็ขอขอบคุณไทยที่ให้การสนับสนุนออสเตรเลียในเวทีการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ( ADMM Plus )  เพื่อร่วมกันรักษาความมั่นคงของภูมิภาค

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ นางสาว Marise ที่แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลที่ 9 พร้อมทั้งขอบคุณออสเตรเลียที่ให้การสนับสนุนความร่วมมือทางทหารกับไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะได้ส่งเรือรบเข้าร่วมพิธีสวนสนามทางเรือที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 50 ปีอาเซียนในเดือน พ.ย.60  และกล่าวว่า การเดินทางเยือนไทยของ รมว.กระทรวงต่างประเทศ และ รมว.กระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย ในระยะเวลาที่ใกล้กันที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด ทั้งนี้ ความร่วมมือทางทหารที่ใกล้ชิดและแน่นแฟ้นระหว่างกัน จะเป็นส่วนสำคัญให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายของภูมิภาคและของโลกร่วมกัน

People unity news online : post 23 สิงหาคม 2560 เวลา 21.20 น.

“หวัง อี้” รมว.ต่างประเทศจีน เข้าพบหารือ “ประยุทธ์”

People unity news online : วันนี้ (24 กรกฎาคม 2560) เวลา 10.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณจีนที่ได้มอบหมายให้ผู้แทนรัฐบาลจีนเดินทางไปสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อถวายความไว้อาลัย และมอบหมายให้ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีจีน เดินทางมาไทยเพื่อถวายสักการะพระบรมศพฯ

ไทยยินดีที่จีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้เจริญก้าวหน้าและมีพลวัตอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยในเวทีต่างๆ โดยในช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือที่เกิดผลเป็นรูปธรรมมากมายทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค พร้อมย้ำว่าจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว อีกทั้งจีนยังเข้าใจสถานการณ์ด้านการเมืองของไทย และเชื่อมั่นในประเทศไทย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดำเนินความสัมพันธ์กับไทยอย่างต่อเนื่อง

ไทยชื่นชมจีนที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสพบกับผู้นำและผู้บริหารระดับสูงของจีนหลายท่านทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศและแนวทางการพัฒนาของจีน ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับไทย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไทยมุ่งมั่นส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับจีน และพร้อมกระชับความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้าน รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน หรือยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนซึ่งเน้นเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และสินค้านวัตกรรม มีความสอดคล้องกับแนวนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย เช่น EEC หรือนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งจะทำให้ EEC กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค เป็นศูนย์กลางในการคมนาคม การสร้างนวัตกรรม และสนับสนุนการวิจัยเพื่ออนาคต และจะทำให้ไทยเป็นประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนยืนยันว่า จีนพร้อมมีส่วนร่วมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนจีนเข้ามาลงทุนใน EEC โดยเห็นว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับเศรษฐกิจของไทยในอนาคต รวมทั้งพร้อมกระชับความร่วมมืออย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม เช่น e-commerce Internet Finance ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญและพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์กับไทย

People unity news online : post 24 กรกฎาคม 2560 เวลา 13.20 น.

จีนส่งผู้นำทางทหารมากระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารกับไทย

People unity news online : เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 เวลา 15.30 น. พลเอก ฝาง เฟิงฮุย ประธานกรมเสนาธิการร่วม คณะกรรมาธิการทหารกลาง สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีสาระสำคัญของการหารือดังนี้

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบกับประธานกรมเสนาธิการร่วมฯ ในโอกาสเยือนไทยในฐานะแขกของกองทัพไทย เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศจะมีช่องทางในการเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือทางทหารระหว่างกัน ทั้งในระดับสูงและกองทัพอย่างดีในอนาคตต่อไป

ประธานกรมเสนาธิการร่วมฯ แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้เข้าพบ และแสดงความชื่นชมการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในทุกด้าน พร้อมกล่าวว่าประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และ นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อ เฉียง ได้ฝากความระลึกถึงมายังนายกรัฐมนตรีด้วย

ทั้งสองฝ่ายยืนยันความสัมพันธ์ใกล้ชิดในทุกมิติมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ความสัมพันธ์ทางการทูตของสองประเทศจะครบรอบ 42 ปีในปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าปัจจุบันไทยและจีนกำลังเดินหน้าแผนพัฒนาเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกันที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ในด้านความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าจีนและไทยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและพิเศษ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับสูง ระดับผู้นำและระดับกองทัพ ความร่วมมือทางทหารระหว่างไทยและจีนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าความร่วมมือทางการทหารจะพัฒนาต่อไปทุกมิติ ได้แก่ ด้านการศึกษา การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การฝึก การต่อต้านการก่อการร้ายและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ

People unity news online : post 31 พฤษภาคม 2560 เวลา 23.23 น.

ลาวตอบรับแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจร่วมสองประเทศ 5 ปีที่ไทยเสนอ

People unity news online : นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ อุตสาหกรรม คมนาคม พลังงาน ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการค้าชายแดน การเงิน การลงทุน และท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชน 3 สถาบัน คณะนักธุรกิจรายใหญ่กว่า 30 ราย  และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร่วมเดินทางเยือน สปป.ลาว อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤษภาคม 2560

โอกาสนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของไทย ได้หารือเต็มคณะเพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับ นายสมดี ดวงดี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป.ลาว พร้อมกับทีมเศรษฐกิจ สปป.ลาว โดยประกาศสนับสนุนการก้าวไปสู่การเป็น Battery of Asia ของ สปป.ลาว และเป็น Land Bridge เชื่อมโยงภายในอาเซียน และอาเซียนสู่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ขณะที่ฝ่ายไทยพร้อมใช้ศักยภาพสนับสนุนความร่วมมือด้านพลังงาน คมนาคม โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม และการพัฒนา SMEs ซึ่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับถึงนโยบายสำคัญในการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือกลุ่มสมาชิก CLMVT เพื่อยกระดับการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ซึ่งในเวทีการประชุมทีมเศรษฐกิจระหว่าง สปป.ลาวและไทยในครั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอแนวทางจัดทำมาสเตอร์แพลนหรือแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสองประเทศระยะ 5 ปี เพื่อให้เกิดการพัฒนา สร้างโอกาส นำไปสู่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทุกด้าน ทั้งการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ทั้งนี้มั่นใจว่าแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระยะ 5 ปี จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งสำคัญ เอื้อประโยชน์ให้ CLMVT และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยและ สปป.ลาว ขึ้นอีกเท่าตัวหรือประมาณ 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะ 5 ปีด้วย

นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว โดยได้กล่าวถึงแนวคิดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทย -สปป.ลาว ระยะ 5 ปี ที่ได้เสนอต่อที่ประชุมทีมเศรษฐกิจสองฝ่าย  ซึ่งนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว  กล่าวเห็นด้วยและพร้อมสนับสนุนความร่วมมือกับไทยจัดทำยุทธศาสตร์การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวดังกล่าว

สำหรับแผนการขับเคลื่อนได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับกระทรวงวางแผนการและการลงทุนของ สปป.ลาว เมื่อได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว จะเสนอ Master Plan ต่อการประชุม ครม.ไทย-สปป.ลาว เพื่อพิจารณาในโอกาสต่อไป

ทั้งนี้ ไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ สปป.ลาว ที่มีความใกล้ชิดกันแบบมิตรสหายที่แน่นแฟ้น ตลอดจนภูมิประเทศ ที่มีความยาวของเส้นเขตแดนประมาณ 1,810 กิโลเมตร มีพื้นที่ติดต่อกับไทย 12 จังหวัด มีขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตและภาษาพูดที่คล้ายคลึงกัน สามารถเข้าใจกันได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ล่ามแปล ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับไทยและ สปป.ลาว ในการต่อยอดความร่วมมือกันในทุกมิติ

People unity news online : post 27 พฤษภาคม 2560 เวลา 23.23 น.

 

ส.ส.สหรัฐฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี

People unity news online : เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 เวลา 19.00 น. นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นำ นาย William L. Johnson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน รัฐโอไฮโอ เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทยระหว่างวันที่ 12 – 13 พฤษภาคม 2560 เพื่อรับทราบถึงนโยบายการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทย – สหรัฐอเมริกา ที่ยึดมั่นความเป็นพันธมิตรมายาวนาน 184 ปี  และจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆนี้ ก็เป็นไปอย่างมิตรไมตรี โดยได้มีการหารือถึงความร่วมมือระหว่างไทย-สหรัฐ ฯในมิติต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโอกาสพบปะกับภาคเอกชนจากสภาธุรกิจธุรกิจไทย-สหรัฐ ฯ รวมทั้งผู้แทนจากภาครัฐสภา หน่วยงานภาครัฐต่างๆ อาทิ  ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก  สะท้อนให้เห็นว่า มิตรภาพและความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯจะยืนยาวและยั่นยืน  สำหรับการพัฒนาการเมืองไทยนั้นขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลยึดมั่นเดินตาม Roadmap เพื่อมุ่งสู่ประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบและยั่งยืน

สำหรับความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกานั้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่า  ไทยให้ความสำคัญกับการดูแลนักธุรกิจสหรัฐอเมริกาซึ่งมีอยู่จำนวนมากในประเทศไทยมาโดยตลอด ความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมธุรกิจไทย-สหรัฐอเมริกาเป็นไปด้วยดี ปัจจุบันมีบริษัทไทยหลายบริษัทเข้าไปลงทุนอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้สร้างงานและรายได้ให้ชาวอเมริกันจำนวนมาก อาทิ บริษัท ปตท.ของไทยมีแผนเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่รัฐโอไฮโอ โดยอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสการลงทุนสร้างศูนย์อุตสาหกรรมปิโตรเคมี (petrochemical complex) ขนาดใหญ่ด้วยเงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา จึงหวังว่า นาย Johnson ในนามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะช่วยดูแลคนไทยและบริษัทไทยที่เข้าไปในลงทุนในพื้นที่ดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากการค้าการลงทุนที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายรวมถึงชุมชนอเมริกันในพื้นที่ด้วย

ด้าน นาย Johnson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครีพับลิกัน รัฐโอไฮโอ ได้กล่าวแสดงความประทับใจในการเดินทางมาเยือนไทยเป็นครั้งแรก และมั่นใจว่าประชาชนสหรัฐอเมริกันและพลเมืองโอไฮโอต่างชื่นชมความสัมพันธ์ 184 ปีระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ ทั้งนี้ สหรัฐฯพร้อมที่จะให้การดูแลนักลงทุนไทยในสหรัฐ ฯ รวมทั้งการลงทุนของไทยในรัฐโอไฮโอเช่นเดียวกัน เพราะเชื่อว่า ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทยจะส่วนอย่างสำคัญในการสร้างความมั่นคงในภูมิภาคด้วย

People unity news online : post 14 พฤษภาคม 2560 เวลา 22.23 น.

ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า “ปธน.ทรัมป์ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับพลเอกประยุทธ์”

People unity news online : ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เรื่อง “ปธน.ทรัมป์โทรศัพท์เชิญพลเอกประยุทธ์เยือนทำเนียบขาว” โดย “ทรัมป์” บอกกับ “พลเอกประยุทธ์” ว่าความสัมพันธ์ไทย – สหรัฐฯสำคัญต่อเอเชียแปซิฟิก

สำนักงานโฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแถลงการณ์ออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน 2560 ระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์พูดคุยหารือกับนายกรัฐมนตรีไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันอาทิตย์

แถลงการณ์ของทำเนียบขาว ชี้แจงว่า ผู้นำทั้งสองประเทศได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่ยาวนานระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญต่อสันติภาพและความมั่นคงในแถบเอเชียแปซิฟิก

ประธานาธิบดีทรัมป์ และพลเอกประยุทธ์ ยังได้แสดงความสนใจร่วมกันอย่างแข็งขัน ให้มีการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ยืนยันถึงภารกิจของสหรัฐฯ ในการมีส่วนร่วมและมีบทบาทนำในเอเชีย ด้วยความร่วมมือกับประเทศพันธมิตร อย่างเช่น ประเทศไทย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวเชิญนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เดินทางมาเยี่ยมเยือนที่ทำเนียบขาวด้วย

THE WHITE HOUSE

Office of the Press Secretary

FOR IMMEDIATE RELEASE

April 30, 2017

Readout of President Donald J. Trump’s Call with Prime Minister Prayut Chan-ocha‎ of Thailand

President Donald J. Trump spoke today with Prime Minister Prayut Chan-ocha‎ of Thailand. The two leaders underscored their commitment to the longstanding alliance between the United States and Thailand, which actively contributes to peace and stability in the Asia-Pacific region. President Trump and Prime Minister Prayut expressed a strong shared interest in strengthening the trade and economic ties between the two countries. President Trump affirmed the commitment of the United States to playing an active and leading role in Asia, in close cooperation with partners and allies like Thailand, and invited Prime Minister Prayut to the White House. (ข่าวจาก voathai.com)

People unity news online : post 1 พฤษภาคม 2560 เวลา 14.43 น.

“ประยุทธ์” เสนอแนวทางพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย–มาเลเซีย–ไทย

People unity news online : เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 เวลาประมาณ 19.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย – มาเลเซีย – ไทย (Indonesia – Malaysia – Thailand Growth Triangle : IMT – GT) ณ ห้อง Summit Hall C, PICC กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น ประเทศสมาชิก IMT-GT ได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาอนุภูมิภาคนี้ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้าง IMT-GT ให้เป็นอนุภูมิภาคที่มีความเชื่อมโยงถึงกันตามแนวระเบียงที่ครอบคลุมทั้งสามพื้นที่อย่างทั่วถึง สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและปัจจัยเอื้ออำนวยให้ IMT-GT มีความเจริญเติบโตก้าวหน้า เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน มีสันติภาพและความมั่นคง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดช่องว่างระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมต่อความสำเร็จในการขับเคลื่อนแผนระยะห้าปีที่ผ่านมา (แผนที่ 2 ปี 2555-2559)

แต่อย่างไรก็ดีก็ยังมีเรื่องที่ต้องเร่งรัดดำเนินการให้สำเร็จในช่วงแผนห้าปีระยะต่อไปอีกหลายเรื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในระยะยาวจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่จะเกิดขึ้นในโลกอนาคต ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นรูปธรรมใน 4 เรื่อง ที่มีกำหนดระยะเวลาการขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จที่ชัดเจน ดังนี้

ประการแรก การพัฒนาด้านความเชื่อมโยงโครงข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ นายกรัฐมนตรีเสนอให้ดำเนินการเชื่อมโยงตามแนวระเบียงต่างๆให้มีความครอบคลุมทั่วถึง ทั้งระเบียงเศรษฐกิจระนอง-ภูเก็ต-ปีนัง- อาเจห์ เร่งพัฒนาความเชื่อมโยงทางทะเลจากแผ่นดินใหญ่ไปยังสุมาตรา ทั้งด้านเรือสินค้าและเรือสำราญ เร่งก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกเชื่อมโยงเศรษฐกิจชายแดนไทย-มาเลเซียด้านตะวันออก และโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของประเทศไทยในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยมีรถไฟทางคู่มาเลเซีย-ไทยและทางหลวงสตูล-ปะลิส เชื่อมโยงทางตะวันตก ไปยังปีนังและเชื่อมโยงทางทะเลไปยังสุมาตรา

สำหรับการเชื่อมโยงทางอากาศ นายกรัฐมนตรีแนะทุกประเทศพัฒนาท่าอากาศยานใหม่หรือขยายท่าอากาศยานนานาชาติเดิมให้เพียงพอรองรับประชาคมอาเซียนและการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระดับโลกสู่ IMT-GT ต่อไป ด้านการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์ พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าอย่างต่อเนื่องและเป็นเครือข่ายซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เป็นโครงข่ายห่วงโซ่คุณค่าเชื่อมโยงข้ามแดน เช่น ระหว่างเขตเศรษฐกิจสงขลา นราธิวาส ปาเสมัส ชูปิงวัลลี ซาบัง บาตัม บินตัน คาริมุน เป็นต้น ด้านการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร ควรเร่งวางยุทธศาสตร์ร่วมเพื่อเป็นฐานรองรับการพัฒนาที่มั่นคงในอนาคต

ประการที่สอง การพัฒนาด้านการอำนวยความสะดวกให้บรรลุความสำเร็จ เพื่อให้การใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและประชาชนอย่างแท้จริง โดยเร่งสร้างความตกลงด้านการขนส่งทางบกข้ามแดนและผ่านแดน ที่มีความเท่าเทียมในทุกวิธีการขนส่ง ทั้งทางถนนและราง ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ รถบริการนักท่องเที่ยว ทุกฝ่ายควรเร่งรัดด้านการอำนวยความสะดวกให้ก้าวหน้าทุกด้าน เพื่อเสนอต่อการประชุมระดับผู้นำครั้งต่อไป โดยหารือระดับทวิภาคีได้ด้วย

ประการที่สาม การพัฒนาด้านนวัตกรรม และการใช้ความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบเพื่อนำ IMT-GT สู่โลกอนาคต เพื่อเป็นปัจจัยปรับเปลี่ยนในทุกมิติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับปัจจุบันโดยใช้นโยบาย Thailand 4.0 จุดกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา การพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่ เทคโนโลยีไอทีและดิจิทัล รวมทั้งสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัพรูปแบบใหม่ๆ นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าทุกประเทศต่างก็เล็งเห็นโอกาสจากการพัฒนาด้านดิจิทัล จึงควรสนับสนุนให้เกิดการต่อยอดศักยภาพด้านการค้าอิเล็กทรอนิกส์ใน IMT-GT โดยเชื่อมโยงโครงข่ายที่มีศักยภาพ เช่น เขตการค้าเสรีดิจิทัลข้ามแดน ฮาลาล อี-คอมเมอร์ส ไอทีเพื่อความมั่นคง และแลกเปลี่ยนการพัฒนาบุคลากรทุกระดับในการใช้นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ในภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว บริการ และการแปรรูปเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าระดับสูง

ประการสุดท้าย ได้แก่ การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ผ่านมาทั้งสามประเทศได้ร่วมมือในการพัฒนาเมืองสีเขียวในเมืองต้นแบบในทั้งสามประเทศ ณ เมืองมะละกา บาตัม เมดาน สงขลา และหาดใหญ่ ประเทศไทยเองได้จัดทำและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเมืองสีเขียวจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่นำร่อง ซึ่งไทยหวังที่จะเห็นเมืองสีเขียวเติบโตเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางใน IMT-GT เพื่อให้ทุกภาคส่วนอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก ร่วมกันดูแลสภาพแวดล้อม มีการประหยัดและทดแทนพลังงานที่เหมาะสม พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดแนวคิดไปสู่เยาวชนรุ่นหลัง โดยมี SDGs เป็นเป้าหมายสำคัญ

People unity news online : post 30 เมษายน 2560 เวลา 14.10 น.

“ลุงตู่” ชู start-ups–เศรษฐกิจดิจิทัล–อุตสาหกรรมใหม่ของไทย เป็นทิศทางเดินของอาเซียน

People unity news online : เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 เวลา 11.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 30 ช่วงการประชุมเต็มคณะ (Plenary) ณ ห้องประชุม Reception Hall, PICC กรุงมะนิลา โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดี โรดรีโก โรอา ดูแตร์เต ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอแสดงความยินดีกับฟิลิปปินส์ในการเป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ซึ่งเป็นวาระอันดีที่อาเซียนก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 จึงเป็นโอกาสดีที่จะมาทบทวนอย่างจริงจังว่า ประชาคมอาเซียนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรให้มั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของประชาชนทั่วทั้งภูมิภาค ท่ามกลางความคาดหวังมากยิ่งขึ้นจากประชาคมอาเซียน และจากบทเรียนของสถานการณ์การแยกตัวของสหราชอาณาจักรในสหภาพยุโรป เพื่อเสริมสร้างอาเซียนให้เป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างเข้มแข็งและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ในการก้าวไปข้างหน้าตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ.2025 ทุกประเทศต้องเร่งปฏิบัติตามพันธกรณีที่มีอยู่ เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การเป็นประชาคมที่ส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ และเชื่อมโยงอย่างสร้างสรรค์กับประชาคมโลก นายกรัฐมนตรีจึงมองว่าอาเซียนควรให้ความสำคัญกับประเด็นดังต่อไปนี้

ประการแรก อาเซียนควรมีพลวัต นวัตกรรม และเชื่อมโยงอย่างสร้างสรรค์กับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและกับโลก อาเซียนควรให้ความสำคัญกับปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมวิสาหกิจเกิดใหม่ (start-ups) การเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งไทยกำลังดำเนินการภายในประเทศตามนโยบาย Thailand 4.0 นอกจากนี้ การพัฒนาและสร้าง ASEAN branding สำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอาเซียน ดังนั้น อาเซียนควรมีระบบและมาตรฐานการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเป็นการเฉพาะให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เพื่อเพิ่มโอกาสสำหรับธุรกิจดังกล่าวในการขอสินเชื่อและการขยายโอกาสในตลาดทั้งภายในและภายนอกภูมิภาค

ประการที่สอง อาเซียนควรเพิ่มความเข้มแข็งภายในและสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยคุกคามต่างๆ โดยเฉพาะจากภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ เป็นที่น่ายินดีที่อาเซียนมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน ซึ่งได้มีการรับรอง Roadmap เมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ (ACTIP) ได้มีผลใช้บังคับแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีอีก 3 เรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป คือ (1) การจัดระบบความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน โดยมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรองอย่างมีประสิทธิภาพ (2) การส่งเสริมศักยภาพของอาเซียนในการเผชิญหน้ากับความท้าทายจากการก่อการร้ายและแนวคิดสุดโต่ง โดยดำเนินมาตรการทางด้านการพัฒนาควบคู่กับการต่อต้านการก่อการร้ายด้วยการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับแนวทางสายกลางความรู้และความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนาและชาติพันธุ์ ตลอดจนการแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหาทั้งความยากจน การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการได้รับความไม่เป็นธรรม อีกทั้งการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์โดยการตั้งศูนย์ไซเบอร์อาเซียนซึ่งไทยพร้อมที่จะจัดการประชุมระดมสมองภายในอาเซียน โดยร่วมมือกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาค (3) การดำเนินการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเป็นระบบ ตามโครงการระบบโลจิสติกส์ของการปฏิบัติการด้านการบรรเทาทุกข์และการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินของอาเซียนโดยใช้ประโยชน์จากศูนย์สำคัญๆในภูมิภาค เช่น ศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียนและศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย

ประการที่สาม อาเซียนควรเน้นการพัฒนาไปสู่ประชาคมที่ส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและได้ประโยชน์จากอาเซียนโดยอาเซียนควรร่วมมือกันในระดับภูมิภาคมากยิ่งขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างหุ้นส่วนกับประเทศนอกภูมิภาคและองค์การระหว่างประเทศ เพื่อจัดทำโครงการที่เป็นรูปธรรม อาทิเช่น การรักษาสิ่งแวดล้อมภายในภูมิภาคและการส่งเสริมการเจริญเติบโตสีเขียว การส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของสตรี เป็นต้น

ประการที่สี่ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าอาเซียนต้องเตรียมความพร้อมในทุกมิติของสังคมสำหรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยของอาเซียนอย่างมีศักยภาพ โดยอาเซียนควรส่งเสริมให้มีศูนย์สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องในลักษณะของ ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation

People unity news online : post 30 เมษายน 2560 เวลา 13.10 น.

ด่วน! “ประยุทธ์” ถึงฟิลิปปินส์แล้ว ขึ้นกล่าวในที่ประชุมสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน

People unity news online : เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ภายหลังจากเดินทางถึงกรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 30 และการประชุมสุดยอดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมและกล่าวในการประชุม Prosperity for All ซึ่งจัดโดยสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ABAC) ณ ห้อง Grand Ballroom, City of Dreams

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเกียรติที่ได้รับเชิญจากสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ซึ่งเป็นองค์กรสำคัญของประชาคมอาเซียน ที่ให้เข้าร่วมเสนอแนวคิดเรื่องการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย หรือ MSMEs (Micro, Small and Medium Enterprises) ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจอาเซียน เนื่องจากมีจำนวนรวมกันถึงมากกว่าร้อยละ 95 ของธุรกิจทั้งหมดในแต่ละประเทศสมาชิก หากธุรกิจเหล่านี้มีความเข้มแข็ง ก็เชื่อได้ว่า เศรษฐกิจของอาเซียนและประชาคมอาเซียนจะมีความแข็งแกร่ง และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนของอาเซียน โดยเฉพาะสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ให้ความสนใจกับการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เพราะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องอาศัยภาคเอกชนทั้งรายใหญ่และวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อยเป็นผู้เล่นหลัก ส่วนภาครัฐเป็นเพียงผู้สนับสนุน

สำหรับประเทศไทยได้ดำเนินการต่างๆที่สอดคล้องกับแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี ค.ศ. 2025 (ASEAN Economic Community Blueprint 2025) และแผนปฏิบัติการในการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ค.ศ. 2016 – 2025 โดยเมื่อต้นปีนี้ ไทยได้ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อ SMEs ในแนวทางประชารัฐ เพื่อพัฒนาช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ทุกกลุ่มจังหวัดในระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษา ให้สามารถกลับไปตั้งต้นเป็นวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อยในภูมิลำเนาได้ และในอนาคตจะเน้นช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ภาคการเกษตร การท่องเที่ยว และภาคบริการที่กาลังเติบโตมากขึ้น

“การดำเนินตามแนวทางที่วางไว้ ในการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน ในเรื่องการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย เกิดขึ้นได้จริง ความสำเร็จที่เราจะมีต่อไป เป็นสิ่งที่ประเทศไทยพร้อมจะร่วมมือและแบ่งปันโมเดลประเทศไทย เพื่อให้ภูมิภาคมีความเจริญเติบโตอย่างมั่นคงตามโครงสร้างเศรษฐกิจที่พวกเรามี”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่ในประชาคมอาเซียนมีจุดเด่น 3 ประการ คือ เป็นแหล่งอาหารของโลก มีศิลปวัฒนธรรมที่หลากหลาย และมีความโดดเด่นด้านภาคบริการ โดยเฉพาะบริการที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ประชากรในอาเซียนซึ่งมีอาชีพเกี่ยวข้องกับธุรกิจการเกษตร การค้า และการให้บริการมีจำนวนหลายร้อยล้านคน ในส่วนของไทยก็ได้พยายามพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เรียกว่า Young and Smart Farmers ให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านการเกษตรที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาช่วยให้สามารถผลิตสินค้าหรือบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น รัฐบาลไทยตระหนักดีว่าวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย มีบทบาทสำคัญ ไม่เพียงแค่มิติเศรษฐกิจ แต่ยังครอบคลุมถึงมิติด้านสังคม เพราะมีจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค หากสามารถดูแลให้ธุรกิจเหล่านี้ มีความมั่นคงแข็งแกร่งได้ ก็เท่ากับช่วยให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของและลูกจ้างมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำ อันเป็นความท้าทายของประเทศไทยและอาเซียนในภาพรวม

อนึ่ง การประชุม Prosperity for all Summit เป็นกิจกรรมที่สภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN Business Advisory Council: ABAC) ได้ริเริ่มขึ้นในปีนี้ภายใต้หัวข้อ “Driving growth through micro and small entrepreneurs in Trade, Services and Agriculture” ซึ่งในด้านสารัตถะมีความสอดคล้องกับหัวข้อหลักของการเป็นประธานอาเซียนของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ คือ “Partnering for Change, Engaging the World” และมีจุดประสงค์เพื่อสร้างการเจริญเติบโตที่ครอบคลุมและความมั่งคั่งให้แก่ประชาชนในอาเซียนโดยเน้นการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดย่อมและรายย่อยในภาคการค้าสินค้า ภาคบริการและภาคการเกษตร ซึ่งจัดคู่ขนานกับการประชุมสุดยอดอาเซียน

People unity news online : post 29 เมษายน 2560 เวลา 00.03 น.

ความสัมพันธ์ทางทหารไทย-รัสเซีย อย่าผลีผลาม!! โดย พูลเดช กรรณิการ์

People unity news online : ผมเคยเสนอแนวความคิดและสนับสนุนให้ คสช. และรัฐบาล ดำเนินนโยบายต่างประเทศกับชาติมหาอำนาจแบบ “balance of power” หรือการถ่วงดุลอำนาจระหว่างชาติมหาอำนาจ โดยผมเสนอตั้งแต่ คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครองใหม่ๆ ซึ่งขณะนั้น คสช.กำลังโดนแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกอย่างหนัก

มหาอำนาจที่ผมเสนอให้ คสช. และรัฐบาล เข้าไปกระชับความสัมพันธ์และนำมาถ่วงดุลกับสหรัฐฯและพันธมิตรตะวันตก ก็ไม่ใช่ใคร คือ จีน และรัสเซียนั่นเอง  ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน คสช. ก็ส่งบุคคลสำคัญของ คสช.ไปเยือนจีน และตามมาด้วยการกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย

จากนโยบายถ่วงดุลดังกล่าว ทำให้สหรัฐฯต้องประเมินไทยใหม่ จากที่เคยอาจคิดว่าไทยเป็นหมูในอวย ไม่มีทางไปไหน ก็คงรู้แล้วว่าไทยไม่ใช่หมู สหรัฐฯจึงเริ่มเปลี่ยนท่าทีแข็งกร้าวที่มีต่อไทยลงเป็นลำดับ

นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคที่โอบาม่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทว่า ในขณะนี้ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ดังนั้น จำเป็นที่ไทยจะต้องประเมินและทบทวนนโยบายถ่วงดุลมหาอำนาจสักครั้ง เพราะนโยบายของสหรัฐฯในยุคทรัมป์มีความแตกต่างจากยุคโอบาม่าอย่างมาก รวมทั้งบุคลิกและความคิดของทรัมป์นั้นมีลักษณะ “บ้าดีเดือด” แตกต่างจากโอบาม่าที่สุขุมนุ่มลึกกว่า นอกจากนี้ ทรัมป์เองก็มีปัญหาในการบริหารงานภายในประเทศที่ถูกต่อต้านจากรัฐสภาและประชาชนอเมริกันหลายเรื่อง ทรัมป์จึงต้องเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาของตนในประเทศออกมา “อาละวาด” นอกประเทศ ดังเช่นที่โจมตีซีเรีย ทิ้งระเบิดอัฟกานิสถาน และจ่อทำสงครามกับเกาหลีเหนือ รวมทั้งยังมีนโยบายด้านต่างๆที่แข็งกร้าวต่อประเทศต่างๆ เช่น นโยบายต่อคนเข้าเมืองสหรัฐฯ นโยบายการขึ้นบัญชีประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ เป็นต้น

ล่าสุด กับการที่รัฐบาลไทย จะเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียยิ่งขึ้น โดยจะมีการประชุมอนุกรรมการการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3 ระหว่างไทย-รัสเซีย ในวันที่ 20-21 เมษายน 2560 ที่กรุงเทพฯ โดยการประชุมในครั้งนี้จะเร่งส่งเสริมการค้าการลงทุนและให้มีการจัดกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนคณะผู้แทนภาคธุรกิจ-ลงทุน ส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่รัสเซียและไทยมีประโยชน์ร่วมกัน นอกจากนี้จะมีการหารือเรื่องการลดอุปสรรคด้านการค้าที่ไม่ใช่ภาษี การพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อการขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว พลังงาน วิทยาศาสตร์ SMEs และการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

และที่สำคัญ จะมีความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร เพื่อให้มีการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง อาวุธยุทโธปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันประเทศ การซ่อมบำรุง อะไหล่ชิ้นส่วน หน่วยฝึกเครื่องมืออุปกรณ์พิเศษการฝึก ผลิตภัณฑ์ทางทหาร การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญ

ผมเห็นว่า ในนาทีนี้ รัฐบาลควรจะต้องชะลอความตกลงด้านการทหารกับรัสเซียเอาไว้ระยะหนึ่งก่อน หรือไม่ก็ลดความร่วมมือทางทหารในบางเรื่องลงไปก่อน เช่น ความร่วมมือด้านการฝึกทางทหาร การรบร่วม ส่วนเรื่องการซื้ออาวุธนั้นสามารถทำได้ เราจะซื้อจากใครก็เป็นสิทธิของเรา เพราะท่าทีของทรัมป์ในตอนนี้ “บ้าดีเดือด” จนไม่น่าวางใจ และอาจกลับมาเล่นงานไทยหนักขึ้นอีกครั้ง หากไม่สบอารมณ์กับการกระชับความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทย-รัสเซีย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจในขณะนี้ก็ไม่สู้ดีและตึงเครียด ทั้งจากกรณีซีเรีย และเกาหลีเหนือ

ส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ วิชาการ วัฒนธรรม นั้นเดินหน้ากระชับกันต่อไปได้

ก็ขอเสนอความเห็นไว้ ณ ที่นี้ครับ

บ้านเมืองก็ของเรา : ความสัมพันธ์ทางทหารไทย-รัสเซีย อย่าผลีผลาม!! โดย พูลเดช กรรณิการ์

People unity news online : post 19 เมษายน 2560 เวลา 12.03 น.

ภาพ – ผู้จัดการ

Verified by ExactMetrics