วันที่ 13 พฤษภาคม 2024

เลขาฯประกันสังคมแจงสถานะมั่นคง มีเงินพร้อมจ่ายผู้ประกันตน เผยเงิน 82% เอาไปลงทุน!!

People Unity News :  เลขาฯ สำนักงานประกันสังคม ให้ความมั่นใจกองทุนประกันสังคมมีสถานะมั่นคง พร้อมจ่าย วอนนายจ้างเร่งรับรองลูกจ้าง เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินโดยเร็ว หากมีข้อสงสัยติดต่อ 1506

4 พฤษภาคม 63 เวลา 11.30 น. ณ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) โถงกลาง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม และนายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ ชี้แจงมาตรการช่วยเหลืยผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด 19 จากกองทุนประกันสังคม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม รายงานการจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยว่าตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. – 2 พ.ค. 63 มีผู้ประกันตนมายื่นขอใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 1,177,841 ราย จากการใช้ระบบตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีข้อมูลที่ยื่นซ้ำหรือไม่ใช่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่จะได้สิทธิทั้งสิ้น 219,537 ราย คงเหลือผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งสิ้น 958,304 ราย จะดำเนินการจ่ายได้ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้คือ 17 เม.ย.63 โดยเร่งดำเนินการวินิจฉัยสั่งจ่ายให้กับผู้ที่มีสิทธิ์ ทั้งสิ้นจำนวน 455,717 ราย ตั้งแต่วันที่ 20เม.ย.63 ที่ผ่านมาถึง 2 พ.ค. 63 คงเหลืออีก 207,895 ราย ทั้งนี้ การที่สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินได้นั้น จะต้องมีการยื่นขอใช้สิทธิ์ 2 ทาง คือ ผู้ประกันตนที่ขอใช้สิทธิกับนายจ้างที่จะต้องรับรองสิทธิให้ลูกจ้าง ลูกจ้างจำนวน 294,692 ราย ยังรอการรับรองสิทธิจากนายจ้างประมาณ 50,000 ราย จึงขอให้นายจ้างช่วยรับรองสิทธิให้กับผู้ประกันตนด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้สั่งระดมเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทุกกรม ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ประสานนายจ้างให้ช่วยมารับรองสิทธิ์ เพื่อสำนักงานจะได้ดำเนินการวินิจฉัย หรือนายจ้างอาจได้รับ SMS หรือ e-mail จากเว็บประกันสังคม หนังสือจากสำนักงานประกันสังคม เมื่อได้รับหนังสือแล้ว ขอนายจ้างรีบดำเนินการ ซึ่งจำนวนที่ได้สั่งจ่ายไปแล้ว 455,717 ราย คิดเป็นเงิน 2,354 ล้านบาท ยืนยันว่าสำนักงานประกันสังคมมีเงินเพียงพอ ขณะนี้มีผู้ทยอยยื่นว่างงานเฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน หากมีข้อสงสัยหรือข้อสอบถามสามารถติดต่อสำนักงานประกันสังคมได้ที่เบอร์สายด่วน 1506

โอกาสนี้ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคมกล่าวว่า การสำนักงานประกันสังคมได้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย ให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนจากภัยอันเกิดจากโรคโควิด 19 ซึ่งผู้ประกันตนและนายจ้างสามารถตรวจสอบและยื่นเอกสารเข้ามาทางเว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งมีการพัฒนาการยื่นรับรองระบบ E-service เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องและชัดเจน สามารถนำมาประกอบการวินิจฉัยได้เร็วขึ้น กรณีนายจ้างที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรับ USER และ Password สามารถดำเนินการได้หน้าเว็บไซต์และจะมีการออก USER และ Password ตอบกลับไปยัง Email ของท่านและสามารถยื่นรับรองในวันเดียวกัน

ผู้ตรวจราชการกรมยืนยันว่า สำนักงานประกันสังคมระดมสรรพกำลังติดตามให้นายจ้าง ซึ่งพบปัญหาบางกรณีนายจ้างยังประกอบกิจการอยู่แต่ลูกจ้างยื่นเข้ามา กรณีนี้ไม่สามารถรับเงินเยียวยาได้ เพราะยังมีการประกอบกิจการ อีกกรณีหนึ่ง นายจ้างมีการหยุดงานจริงแต่ยื่นขอใช้มาตรา 75 ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คือ มีการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างร้อยละ 75 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ซึ่งสำนักงานประกันสังคมถือว่า เงินตรงนั้นเป็นค่าจ้างที่จะต้องนำส่งสำนักงานประกันสังคม ลูกจ้างก็จะไม่ได้ใช้สิทธิเยียวยาของสำนักประกันสังคม ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะนำข้อมูลทั้งหลายมาหักออกจากจำนวนลูกจ้างที่ให้นายจ้างยื่นรับรอง เพื่อนำไปบริหารต่อเพื่อจะได้เร่งจ่ายเงินเยียวยา

ผู้ตรวจราชการกรมยังชี้แจงกรณีที่มีการยื่นเข้ามาแล้วเงินเดือนเท่ากันแต่ไม่ได้รับเงินเท่ากันว่า กรณีการวินิจฉัยจ่ายเงินมีการรับรองยื่นว่างงานเข้ามาตั้งแต่ช่วงแรกที่มีเหตุสุดวิสัย อย่างไรก็ตาม กฎกระทรวงของประกันสังคมบังคับใช้วันที่ 17 เมษายน ดังนั้น เรื่องที่ยื่นเข้ามาก่อนได้นำมาวินิจฉัยให้ก่อน ซึ่ง ณ วันวินิจฉัยจะตัดจ่ายเงินให้ลูกจ้างรายนั้นไปก่อน ซึ่งในครั้งถัดไปจะมีการประมวลผลจ่ายเงินให้พร้อมกันในเดือนถัดไป เพราะฉะนั้นเมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะได้รับเงินเท่ากันเดือนที่ 3 จะครบ 90 วัน ตัดจ่ายให้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย จะได้รับเงินเท่ากัน

ผู้ตรวจราชการกรมกล่าวกรณีที่การคำนวณเงินสมทบที่คำนวณเป็นรายวันว่า เนื่องจากว่าเงินสมทบที่นำมาคำนวณสิทธิประโยชน์ให้ใช้ฐานค่าจ้างสูงสุดที่ผู้ประกันตนนำส่งเข้ามา นำมารวมกัน 3 – 5 เดือน หากค่าจ้างไม่เท่ากัน จะนำมารวมกันแล้วหาร 90 วัน เป็นค่าจ้างต่อวัน ถ้าเป็นค่าจ้างเฉลี่ย 3 เดือนสูงสุดและนำไปคูณจำนวน 90 วัน ลูกจ้างที่เงินเดือน 15,000 บาท เท่ากันทุกเดือนสามารถออกมาเท่ากันได้ แต่บางคนได้รับค่าครองชีพหรือเงินอื่นๆที่ถือเป็นเงินค่าจ้างนำส่งเข้ามาด้วย จึงจะดูแต่ฐานเงินเดือนอย่างเดียวไม่ได้ ทั้งนี้ หลังจากสำนักงาน ฯ ที่ได้รับแจ้งจากหน่วยปฏิบัติจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีการนำจำนวนนายจ้างที่รับรองเหล่านั้นนำมาบริหารจัดการวินิจฉัยจ่ายเงินให้โดยเร็ว เพื่อทุกคนจะได้รับเงินครบถ้วน อาจจะมีการล่าช้าบ้าง ซึ่งการใช้มาตรา 75 อาจจะมีระยะเวลารอ เพราะต้องส่งให้สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานตรวจสอบ ก่อนจะมีการส่งกลับมาให้วินิจฉัยจ่ายเงินให้

จากนั้น ผู้อำนวยการสำนักเงินสมทบ อธิบายการลงทุนในส่วนเงินทุนประกันสังคม ในส่วนของการลงทุน 2.03 ล้านล้านบาท ร้อยละ 82 นำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง คือ พันธบัตรรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ พันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย และพันธบัตรของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน อีกร้อยละ 18 ลงทุนในหน่วยลงทุนที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน infrastructure คือ ทองคำ และหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น ผู้ประกันมั่นใจเสถียรภาพและความมั่นคงของกองทุนฯ มีความพร้อมและเพียงพอที่จะจ่ายสิทธิประโยชน์ทุกๆกรณี ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมนั้น มีผลการลงทุนเฉลี่ยย้อนไป 10 ปีอยู่ที่ร้อยละ 3.8 โดยเฉลี่ย ซึ่งคณะกรรมการประกันสังคมกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย ผู้แทนนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ทรงคุณวุฒิ จากหลากหลายองค์กรของประเทศ นอกจากนั้นยังมีคณะอนุกรรมการบริหารการลงทุน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจาก กลต. ธนาคารแห่งประเทศไทย และองค์กรสำคัญของประเทศ

ในส่วนการคืนเงินสมทบนั้น ลดอัตราเงินสมทบให้กับผู้ประกันตนจากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 1 และลดอัตราเงินสมทบให้กับสถานประกอบการ จากร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 4 โดยเงินเดือน 15,000 จะได้คืน 600 บาทต่อเดือน จำนวน 3 เดือน คือ 1,800 บาท กรณีสถานประกอบที่ได้หักเงินสมทบในอัตราเดิมในเดือนเมษายน จะได้คืนให้ผู้ประกันตนที่หักไว้เกิน หากยังไม่ได้ส่งเงินนายจ้างจะนำคืนลูกจ้างเลย หากนำส่งประกันสังคมแล้ว จะคืนให้กับนายจ้างดำเนินการต่อไป มาตรการลดอัตราเงินสมทบนี้ จะทำให้มีเงินกลับเข้าไประบบของผู้ประกันตนทั้งระบบ 17,000 กว่าล้านบาท

ในช่วงท้าย เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลว่า สำนักงานประกันสังคมดูแลผู้ป่วยจากโควิด-19 เทียบเท่ากันกับกองทุนข้าราชการหรือกองทุน สปสช. อย่างเต็มที่ โดยกองทุนประกันสังคมพร้อมดูแลและดำเนินการตามระเบียบในการเยียวยารักษาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการเจ็บป่วย ขอย้ำว่าเงินประกันสังคมเกิดจาก 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล จ่ายตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดบัญญัติ เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะต้องดูแลพี่น้องประกันผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ ขอย้ำให้มั่นใจว่าสำนักงานประกันสังคมมีเงินเพียงพอและอยู่ในสถานะที่มั่นคง

โฆษณา

กองสลากฯ แจงรางวัลโปร่งใสไม่มีล็อก

People Unity News : 1 พฤศจิกายน 2565 สำนักงานสลากฯ แจงรางวัลที่ 1 คล้ายงวดที่ผ่านมา ยันออกรางวัลโปร่งใส ไม่มีล็อก ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ผลการออกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 กระแสสังคม ระบุ เลขซ้ำกับงวดที่ผ่านมา แตกต่างเพียงตำแหน่งเลขเดียว ส่วนรางวัลเลขท้าย มีตัวเลขซ้ำและคล้ายกัน โดยผลออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 รางวัลที่ 1 เลขที่ออก 913106 ขณะที่รางวัลงวดที่ผ่านมา 16 ตุลาคม 2565 ออก 613106 ยืนยันว่า การออกรางวัลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ดำเนินการเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ส่วนตัวเลขที่จะออกนั้น มีโอกาสเท่ากันทุกตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นเลขที่เพิ่งออกไปในงวดที่ผ่านมา หรือเลขที่ซ้ำกันทั้งหกหลัก ดังนั้น จึงไม่มีใครทราบหมายเลข ก่อนออกรางวัลล่วงหน้าได้ ทุกหมายเลขมีโอกาสออกได้หมด

นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ประธานกรรมการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดนี้ กล่าวว่า อุปกรณ์และขั้นตอนกระบวนการออกรางวัลสลาก สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบอุปกรณ์ ที่ให้กรรมการทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจและเชื่อมั่นว่าการออกรางวัลของสำนักงานสลากฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใสทุกประการ

สำหรับการจำหน่าย สลากดิจิทัลผ่านแอป “เป๋าตัง” งวดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 มีประชาชนถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 14 ใบ 84 ล้านบาท มีผู้ถูกรางวัลจำนวน 10 ใบ 1 คน มูลค่า 60 ล้านบาท และถูกรางวัล 2 ใบ 2 คน คนละ 12 ล้านบาท

Advertisement

 

รัฐบาลยืนยันผู้ลงทะเบียน “หมอพร้อม” ที่ยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ได้ฉีดวัคซีนตามนัดทุกคน

People Unity News : โฆษกรัฐบาลแจงผู้ที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว จะได้รับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

26 พ.ค.64 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนหลายสำนัก ได้นำเสนอข่าวเรื่อง นายกรัฐมนตรีสั่งเบรกการลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” นั้น ขอชี้แจงว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.ศบค. ได้แจ้งให้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ประชุมร่วมกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและอธิบดีกรมควบคุมโรค โดยให้พิจารณาการปรับแผนการกระจายวัคซีนใหม่จากเดิมที่มีการจัดสรรวัคซีนตามโควต้าการลงทะเบียนในแต่ละจังหวัด โดยปรับมาเป็นการจัดสรรให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  ซึ่งจำเป็นต้องนำหลักเกณฑ์อื่นมาพิจารณาในเรื่องของการกระจายวัคซีน เช่น การใช้เกณฑ์การติดเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มาจัดสรรวัคซีนให้เหมาะสมกับแผนการกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ โดยมอบให้ทาง ผอ.ศปก.ศบค. หารือเรื่องนี้ในที่ประชุม ศปก.ศบค. ตามความเหมาะสม และดำเนินการในรายละเอียด ซึ่งที่ประชุมฯมีความเห็นพ้องต้องกันว่า ควรมีการปรับแผนการกระจายวัคซีนตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในแต่ละพื้นที่มากกว่าการกระจายวัคซีนตามจำนวนการลงทะเบียน เนื่องจากบางจังหวัดนั้นมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ไม่สูง มีผู้ติดเชื้อน้อย แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนค่อนข้างมาก ในขณะที่บางจังหวัดมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สูง มีผู้ติดเชื้อมาก แต่มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนจำนวนน้อย ดังนั้น ที่ประชุมฯจึงมีความเห็นให้ชะลอการลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” ไปก่อน เพื่อความเหมาะสมในการจัดสรรวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้ลงทะเบียนทาง “หมอพร้อม” และได้รับการยืนยันวันเวลาและสถานที่แล้ว ยังคงสามารถรับการฉีดวัคซีนได้ตามกำหนดเวลานัดเดิมได้ทั้งหมด

Advertising

7 จังหวัดภาคเหนือฝนตกหนัก

People Unity News : 20 กันยายน 2566 กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง โดยภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และเพชรบูรณ์ ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ของพื้นที่

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศรายภาค

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.หนองบัวลำภู อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา และบุรีรัมย์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี สระบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส

Advertisement

ค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก

People Unity News : 4 พฤศจิกายน 2565 นักวิจัยหลายหน่วยงานร่วมกันค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” พรรณไม้ชนิดใหม่ของโลก พบในประเทศไทย ที่สวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง จ.ตรัง เป็นพืชใกล้สูญพันธุ์ ผลรับประทานได้ และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นไม้ประดับ

คณะวิทยาศาสตร์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช และศูนย์วิจัยและพัฒนา นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาปริญญาเอกแห่งสหราชอาณาจักร ร่วมกันค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกในประเทศไทย โดยตั้งชื่อว่า “ส้มแก้วสมคิด” เพื่อเป็นเกียรติแก่รองศาสตราจารย์ ดร.สมคิด สิริพัฒนดิลก ข้าราชการบำนาญ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อาจารย์ผู้สอนด้านวิทยาศาสตร์ป่าไม้ของประเทศไทย ที่มีความตั้งใจและทุ่มเท จึงเป็นที่เคารพ รัก และศรัทธาของลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก

“ส้มแก้วสมคิด” มีลักษณะคล้ายกับมะแปม เป็นไม้พุ่ม สูง 2-4 ม. เส้นรอบวง 7-15 ซม. ส่วนผลมีลักษณะรูปทรงกลมแป้น กว้าง 2.8-4.5 ซม. ยาว 2.7-3.8 ซม. ปลายผลมีลักษณะเป็นแอ่ง เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนจากสีเขียว มาเป็นสีเหลืองสด เกลี้ยง เป็นมัน โดยส้มชนิดนี้มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทยทางภาคใต้ ที่จังหวัดตรัง สตูล และนราธิวาส จะออกดอกเดือนตุลาคม-กรกฎาคม และติดผลเดือนธันวาคม-สิงหาคม

นายประพจน์ สัตถาภรณ์ หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง บอกว่า ประวัติการค้นพบ “ส้มแก้วสมคิด” นั้น เริ่มจากการที่ ดร.อาเธอร์ คาร์ หรือที่คนไทยเรียกว่า “หมอคาร์” ได้พบและเก็บตัวอย่างพรรณไม้ชนิดนี้ครั้งแรก ที่บริเวณคลองทอน จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2471 ต่อมามีนักวิชาการอื่นๆ ได้เก็บตัวอย่างพรรณไม้ชนิดนี้มาจากอีกหลายที่ ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ซึ่งถือเป็นการเก็บตัวอย่างที่มีผลออกมาสมบูรณ์ที่สุด และเมื่อตรวจสอบโดยละเอียดจึงพบว่าเป็นพรรณไม้ชนิดใหม่ของโลกที่พบในประเทศไทย โดยผลของมันทานได้ ส่วนยอดอ่อน ใบ ดอก มีรสเปรี้ยว

Advertisement

รู้ยัง! ก.ดิจิทัลจับมือทีโอที-กสท-เอไอเอส-ทรู ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ Free Wi-Fi ได้ทุกค่าย

People unity news online : กระทรวงดิจิทัลฯ สนับสนุน สดช. ร่วมมือ ทีโอที กสทฯ เอไอเอส และทรู เปิดตัวโครงการ “Smart Sign On” ให้บริการอินเทอร์เน็ต Free Wi-Fi ทั่วประเทศร่วม  50,000 จุดบริการ ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว ใช้ Username และ Password เดียวกันได้กับทุกเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นของขวัญปีใหม่ไทยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวก

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยุทธศาสตร์ “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” เป็นการมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูง ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้แบบทุกที่ทุกเวลา กระทรวงฯจึงได้ดําเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ (โครงการเน็ตประชารัฐ) โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชน โครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ Smart City จังหวัดภูเก็ต และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Free Wi-Fi) เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน ส่งเสริม ให้ประชาชนไม่จํากัดอายุ การศึกษา สถานะทางการเงินและสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเข้าถึงข้อมูลและบริการดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ได้

สําหรับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Free Wi-Fi) เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะผ่านระบบตรวจสอบสิทธิ (Smart Sign On) ทั่วประเทศนั้น กระทรวงดิจิทัลฯโดยสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้รับความร่วมมือในการดำเนินโครงการฯจากบริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) บริษัท ทีโอทีจํากัด (มหาชน) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ ทรูมูฟ ซึ่งได้มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯภายใต้แนวคิด “Thailand Wi-Fi เชื่อมติดชีวิตดิจิทัล” ในวันนี้ (30 มีนาคม 2561)

ด้าน นางสมใจ ประเสริฐจีรังกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ปี 2555 กระทรวงฯได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการต่างๆ ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรีในที่สาธารณะ กระจายอยู่ตามสถานที่ชุมชน อาทิ สถานศึกษา สถานบริการภาครัฐ สถานีขนส่ง รถไฟ รถประจําทาง ท่าอากาศยาน และสถานที่ท่องเที่ยว จากการให้บริการที่ผ่านมาประชาชนได้รับประโยชน์เป็นจํานวนมาก แต่ด้วยผู้ให้บริการแต่ละรายมีการบริหารจัดการแยกกัน ส่งผลให้ประชาชนต้องลงทะเบียนซ้ำซ้อนหลายครั้ง เมื่อต้องการเข้าใช้บริการกับผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน จึงเกิดความไม่สะดวกในการใช้บริการ

ดังนั้น สดช. ในฐานะหน่วยงานหลักซึ่งทําหน้าที่กําหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการทั้ง 5 รายดังกล่าว ดําเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริการอินเทอร์เน็ตไร้สายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Free Wi-Fi) เพื่ออํานวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะ (Free Wi-Fi) โดยจัดให้มีระบบตรวจสอบสิทธิ (Smart Sign On) การเข้าใช้งานบริการ Free Wi-Fi ส่วนกลาง ซึ่งผู้ใช้บริการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้บริการ Free Wi-Fi ด้วยชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) เดียวกันได้กับทุกผู้ให้บริการ (ISP) ที่เข้าร่วมโครงการฯทั่วประเทศ เช่น บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะตามโครงการเน็ตประชารัฐ บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะตามโครงการ Smart City จังหวัดภูเก็ต โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชน บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) (AIS) และบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) เป็นต้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 46,700 จุด ซึ่งปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนประมาณ 120,000 คน และเข้าใช้งานแล้วมากกว่า 1,600,000 ครั้ง

การจัดงานเปิดตัวโครงการฯครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบประโยชน์ของการใช้งานระบบตรวจสอบสิทธิ (Smart Sign On) สําหรับเข้าใช้งาน Free Wi-Fi ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากบริการต่างๆของภาครัฐอย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้งานได้ ณ จุดบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะทั่วประเทศ หรือลงทะเบียนเพื่อขอรับ Username และ Password ล่วงหน้าได้ที่www.th-wifi.net และ Mobile Application ชื่อ ThailandWiFi ทั้งระบบ iOS และ Android และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB : THWi-Fi:Smart Sign On

People unity news online : post 2 เมษายน 2561 เวลา 18.30 น.

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักมากบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

People Unity News : 15 สิงหาคม 2566 กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ส่วนมากช่วงบ่ายถึงค่ำ

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “แลง” (LAN) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 14-15 ส.ค. 66 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าว โปรดตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส

Advertisement

เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

People Unity News : เตือน! ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คลายหนาว เป็นความเชื่อที่ผิด อาจอันตรายถึงตายได้

11 ธ.ค.64 สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ออกคำเตือนประชาชน ว่า ช่วงฤดูหนาวของทุกปี ประชาชนบางกลุ่มมีความเชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น คลายหนาวได้ จึงนิยมดื่มแอลกอฮอล์ในฤดูหนาว ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด!

เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายในระยะแรกหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัว ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ ร่างกายจะเริ่มระบายความร้อนโดยไม่รู้ตัว และทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง ซึ่งส่งผลเกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย

หากมีเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ร่างกายอาจโดนอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้ขาดน้ำ หัวใจทำงานผิดปกติ ระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี แนะว่าหากต้องการคลายความหนาวเย็น ให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายได้รับความอบอุ่นจากภายใน รวมถึงดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอุ่นๆ สวมเสื้อผ้ากันหนาว จะช่วยบรรเทาความหนาวได้เช่นกัน และเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะส่งผลให้มีสุขภาพแข็งแรง

Advertising

ยันภัยแล้งปีนี้ไม่ขยายวงกว้าง ประกาศเขตภัยพิบัติแค่ 4 จังหวัด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 29 เมษายน 2567 เลขาธิการ สทนช. ระบุภัยแล้งปี 67 ถือว่าไม่ขยายวงกว้าง โดยมีพื้นที่ที่ประกาศเขตภัยพิบัติแล้งเพียง 4 จังหวัด ส่วนสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก ได้ประสานงานในการระบายน้ำให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ฤดูแล้งจะสิ้นสุดปลายเดือนเมษายนนี้ โดยสถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวมปัจจุบัน ปริมาณน้ำรวม 55% ของความจุเก็บกักที่ 44,209 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำใช้การ 35% หรือ 20,033 ล้าน ลบ.ม.

ขณะนี้มีอ่างเก็บน้ำเฝ้าระวังน้ำน้อย 4 แห่ง โดยในภาคเหนือคือ เขื่อนสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือ เขื่อนจุฬาภรณ์ ภาคตะวันออกคือ เขื่อนคลองสียัด ภาคกลางคือ เขื่อนกระเสียว ส่วนอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อยมี 85 แห่ง

ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศในปีนี้ น้อยกว่าปีที่แล้วอยู่ 2% ซึ่งนับว่า อยู่ในเกณฑ์ดี แม้ประเทศไทยจะมีฝนตกน้อยกว่าค่าปกติจากอิทธิพลของสภาวะเอลนีโญ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนกักเก็บน้ำในช่วงต้นฤดูแล้งไว้ให้ได้มากที่สุดเพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอตลอดฤดูแล้ง รวมถึงสำรองไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนเนื่องจากมีโอกาสเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงได้ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้ว ยังคงงดปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 โดยให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐที่จะประชาสัมพันธ์ช่วงเวลาส่งเสริมการเพาะปลูก เพื่อป้องกันปัญหาความเสี่ยงขาดแคลนน้ำซึ่งจะสร้างความเสียหายแก่ผลผลิตทางการเกษตร

เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้ ไม่ขยายวงกว้าง ปัจจุบันมีพื้นที่ตามประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพียง 4 จังหวัดได้แก่ จ. กาญจนบุรี จ. ชลบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ และ จ. บุรีรัมย์ โดยปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ การขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภคซึ่งหน่วยงานได้เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สำหรับสถานการณ์ในภาคตะวันออกซึ่งมีเกษตรกรในบางพื้นที่เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ได้หารือร่วมกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ในการบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ จ. จันทบุรี ให้เพิ่มการระบายน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

ทั้งนี้ แนวโน้มของปริมาณฝนจะเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค. เป็นต้นไป โดยกำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในช่วงฤดูฝน ตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 ซึ่งคาดว่า ช่วงปลายฤดู สภาวะลานีญาจะทำให้บางพื้นที่มีฝนตกมากกว่าค่าปกติ

ขณะที่กรมชลประทานเดินหน้าติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ดังนี้

– สำนักงานชลประทานที่ 9 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 14 นิ้ว (เพิ่มเติม) จำนวน 2 เครื่อง บริเวณ หมู่ที่ 7 ตำบลเขาสมิงและหมู่ที่ 8 ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด

– สำนักงานชลประทานที่ 11 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 12 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง บริเวณปลายคลองโซน 19 ตำบลบางตาเถร อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

– สำนักงานชลประทานที่ 15 ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง บริเวณบ้านมะนาวหวาน ตำบลช้างกลาง อำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ส่วนการกำจัดวัชพืชกีดขวางทางน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำมีดังนี้

– สำนักงานชลประทานที่ 10 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ กำจัดวัชพืช บริเวณ ปตร.พระอินทราชา และ ปตร.กลางคลองหนึ่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมถึงรักษาความสะอาดและลดปัญหาน้ำเน่าเสีย บริเวณ คลองระพีพัฒน์แยกตก และคลองระบายน้ำที่ 1 ตำบลพยอม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

นอกจานี้สำนักงานชลประทานที่ 16 สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ จำนวน 1 คัน ขนาด 6,000 ลิตร วันละ 3 เที่ยว เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการอุปโภค ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลควนโพธิ์ อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล

ทั้งนี้ กรมชลประทานดำเนินการกำจัดวัชพืชสิ่งกีดขวางทางน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำและระบายน้ำ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับเน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทานบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ในการเข้าไปช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

Advertisement

เช้านี้ราคาทองพุ่งนิวไฮอีก สมาคมค้าทองระบุ กองทุนเริ่มเทขาย ราคาอาจลดลง

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 7 มีนาคม 2567 ราคาทองคำวันนี้ พุ่งแรงทำนิวไฮอีก หลังประธานเฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยปีนี้

สมาคมค้าทองคำรายงาน ราคาทองคำเปิดเช้านี้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ราคาปรับเปลี่ยน 3 รอบ ปรับเพิ่มขึ้นรวม 400 บาท/บาททองคำ โดยรอบที่ 3 (09.56 น.) ราคาทำนิวไฮ สร้างสถิติสูงสุด โดยราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 36,250 บาท รับซื้อ 36,150 บาท ทองคำรูปพรรณ ขายออก 36,750 บาท รับซื้อ 35,504.72 บาท ตามราคาทองคำเอเชียที่ขยับขึ้นทำนิวไฮที่ 2,150 ดออลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่ 35.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำในประเทศพุ่งแรงตามราคาทองคำโลก หลัง นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรส ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้ยังไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะปรับลดลงเมื่อใด เนื่องจากความคืบหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อนั้นยังคงไม่แน่นอน และระบุด้วยว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด โดยเงินเฟ้อได้ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีในปี 2565 แต่เฟดก็ยังคงต้องการความเชื่อมั่นมากขึ้นกับการลดลงของเงินเฟ้อก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปิดตลาดวานนี้ ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 16.30 ดอลลาร์ หรือ 0.76% ปิดที่ 2,158.20 ดอลลาร์/ออนซ์ นอกจากนี้ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังการเปิดเผยถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

ด้าน นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ปีที่แล้วทองคำโลกขึ้นไปแตะสูงสุด 2,145 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนปีนี้แค่ต้นปีก็ขึ้นมาถึง 2,150 ดอลลาร์/ออนซ์ แล้ว มีการประเมินกันว่าอาจมีโอกาสขึ้นไปแตะถึง 2,200 สหรัฐ/ออนซ์ ส่วนทองไทยประเมินว่าปลายปีนี้อาจมีโอกาสแตะ 38,000 บาท โดยปกติเมื่อราคาทองคำขึ้น คนจะเอาทองมาขาย แต่รอบนี้ผิดคาด ยิ่งราคาทองขยับขึ้น คนที่เพิ่งซื้อทองไปไม่กี่วันก็เอามาขายแล้ว และอีกหลายคนก็ซื้อเพิ่มเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น

“หลายคนเห็นว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ หากเป็นทองที่มีอยู่แล้วจะขายก็ได้หรือรอก็ได้ แต่ถ้าจะซื้อช่วงนี้เพื่อเก็งกำไรก็ขอให้ระวังเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง เนื่องจากขณะนี้มีการซื้อมากเกินไปแล้ว มองว่ากองทุนต่าง ๆ ที่ลงทุนอาจเริ่มเทขายทำกำไรได้ ทองคำที่ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็มีโอกาสที่จะย่อตัวลงไปได้เช่นกัน” นายวรชัย ระบุ

Advertisement

Verified by ExactMetrics