วันที่ 11 พฤษภาคม 2024

“วราวุธ”ลั่น!ขยะพลาสติกจะต้องหายไปจากเมืองไทย

People Unity : “วราวุธ”ลุยตลาดสามชุกร้อยปี นับถอยหลังยกเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว เล็งผลักดันสุพรรณบุรีสู่เมืองไร้ขยะ ลั่น!ขยะพลาสติกจะต้องหายไปจากเมืองไทย

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 น.นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายสรชัด สุจิตต์ ส.ส.สุพรรณบุรี ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัด ทส. ลงพื้นที่ตลาดสามชุก จ.สุพรรณบุรี ทำกิจกรรมรณรงค์ “ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรับทราบ วัน D-Day ยกเลิกใช้ถุงพลาสติก 1 ม.ค. 2563 ที่ 46 ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ทั่วประเทศ จะยกเลิกแจกถุงพลาสติกหูหิ้วให้แก่ลูกค้า โดยเป้าหมายต่อไปจะมุ่งเน้นการหยุดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว ในกลุ่มตลาดสด ตลาดชุมชน และร้านค้าปลีกรายย่อย เพราะเป็นแหล่งที่มาของขยะถุงพลาสติกหูหิ้วกว่า ปีละ 18,000 ล้านใบ โดยกระทรวง ทส.จ่อผ่านกฏหมายแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง 4 ประเภท ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้ว หลอดพลาสติก แก้วพลาสติก และกล่องโฟม ภายในปี 2564 ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์พลาสติกทั้ง 4 ประเภทเป็นสิ่งผิดกฏหมายและหายไปจากประเทศไทยในที่สุด

นายวราวุธกล่าวว่า เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนนิดๆเท่านั้น ก็จะถึงวัน D-Day ที่ 46 ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศจะยกเลิกแจกถุงพลาสติกหูหิ้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 ถือว่าเป็นครึ่งทางของการยกเลิกใช้ถุงพลาสติก อีกครึ่งทางคือการยกเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในตลาดสด ตลาดชุมชน และร้านค้าปลีกรายย่อย ให้ได้ ก่อนที่จะผลักดันการแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง 4 ประเภท ได้แก่ ถุงพลาสติกหูหิ้ว หลอดพลาสติก แก้วพลาสติก และกล่องโฟม ภายในปี 2564

“วันนี้กลับบ้าน มารณรงค์ยกเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วที่ตลาดสามชุกร้อยปี ในฐานะที่ จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นจังหวัดที่มี ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา ครบทุกเขต ทั้งจังหวัด และมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นคนสุพรรณ เป็นลูกชายนายบรรหาร ผมมีความตั้งใจที่จะผลักดันสุพรรณบุรี ให้เป็นเมืองตัวอย่างในการลดปัญหาขยะพลาสติก จากนี้ขอให้พ่อแม่พี่น้องชาวสุพรรณ ช่วยกันพกถุงผ้า ปฏิเสธถุงพลาสติกหูหิ้ว เพื่อเป็นตัวอย่างให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศด้วยนะครับ ขอให้สุพรรณบุรีของเราเป็นจังหวัดแรกๆที่ยกเลิกใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วได้สำเร็จ 100% ครับ ” นายวราวุธ กล่าวผ่านเฟซบุคแฟนเพจ ‘Top Varawut ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา’ พร้อมภาพบรรยากาศการลงพื้นที่ตลาดสามชุกอย่างอบอุ่น

“อนุทิน”ปลื้มหมอประกิตแนะ! สหรัฐฯไม่มีความชอบธรรมทางจริยธรรมที่จะกดดันรบ.ไทย

People Unity : “อนุทิน”ปลื้มหมอประกิตแนะ! สหรัฐฯไม่จริยธรรมที่จะกดดันรบ.ไทย ปมคัดค้านไทยแบน 3 สารพิษทางการเกษตร

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “อนุทิน ชาญวีรกูล” ความว่า สุขภาพของประชาชน ต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ

“เขาไม่มีความชอบธรรมทางจริยธรรมที่จะมากดดันรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดสินใจให้ความสําคัญกับสุขภาพของประชาชน เหนือผลประโยชน์ทางธุรกิจ และที่เราทำไป ก็ไม่ได้ขัดต่อกฏกติกาการค้าระหว่างประเทศใดๆทั้งสิ้น”

นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ
26 ตุลาคม 2562

พร้อมแนบความเห็นของนพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ

“ไพศาล”ชี้ไทยไม่ต้องกลัวสหรัฐตัดสิทธิGSPเข้ากลุ่มเซี่ยงไฮ้จบ

People Unity : “ไพศาล พืชมงคล” กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี ชี้ไทยไม่ต้องกลัวสหรัฐตัดสิทธิGSPเข้ากลุ่มเซี่ยงไฮ้จบ

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรอง นายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก“ Paisal Puechmongkol” ถึงกรณีสหรัฐฯ ตัดสิทธิจีเอสพีไทย ระบุว่า ถ้าไทยเข้ากลุ่มองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่ต้องกลัวได้รับผลกระทบใดๆ จากเรื่องแบบนี้อีกต่อไปมิฉะนั้นระบบเศรษฐกิจไทย และการค้าต่างประเทศไม่มีวันที่จะมีเสถียรภาพและความมั่นคงได้เลย เว้นแต่จะยอมเป็นเมืองขึ้นแบบบางประเทศข้อกล่าวหาแบบนี้จะกล่าวหากันได้ทุกวัน

“ภท.”ชู”มนัญญา”หญิงแกร่งแบน 3 สารพิษจนสำเร็จ

People Unity : “ภท.”ชู”มนัญญา”หญิงแกร่ง ผนึกกำลัง “กษ.-สธ.” แบน 3 สารพิษจนสำเร็จ “อนุทิน” ขอบคุณทุกฝ่ายให้ความร่วมมือช่วยผลักดันนโยบาย “เศรษฐพงค์” ลั่น “ภูมิใจไทย”จะเดินหน้าทำงานหนักต่อไปเพื่อประโยชน์ปชช.

เมื่อวันที่ 26 ต.ค. พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลได้เข้าทำงานมากว่า 4 เดือน เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลเดินหน้าทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ต่างเดินหน้าทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร ก็ได้ผนึกกำลังร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในการผลักดันแบนด์ 3 สารพิษได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งน.ส.มนัญญา ถือเป็นรัฐมนตรีผู้หญิงเพียงคนเดียวของพรรคภูมิใจไทย ที่ทำงานเดินหน้าต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เรียกได้ว่าเป็นหญิงแกร่งแห่งพรรคภูมิใจไทย สู้ไม่ทอยในเรื่องที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของพี่น้องประชาชน

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกระทรวงคมนาคมที่พรรคภูมิใจไทยกำกับดูแล โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ก็ได้มีการเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้า 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ซึ่งเป็นโครงการสำคัญและมีผลต่ออนาคตการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เป็นโครงการที่จะนำการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมาก และเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ประเทศไทย ก้าวไปข้างหน้าได้ ตนจึงอยากให้พี่น้องประชาชาชนได้เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานของพรรคภูมิใจไทย เราสัญญาว่าบุคลากรของพรรคภูมิใจไทยทุกคน จะเดินทำงานหนัก อย่างไม่ย่อท้อ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนต่อไป

“ท่านอนุทิน ฝากขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงาน รวมถึงรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกคน ที่ให้ความร่วมมือในการทำงานผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและประสบความสำเร็จอย่างดี ซึ่งผลงานที่ออกมา ไม่ใช่เป็นของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แต่ถือเป็นผลงานของรัฐบาลด้วย เพราะทุกนโยบายที่จะสำเร็จได้ ลำพังเพียงพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวไม่อาจทำให้สำเร็จได้ ต้องได้แรงสนับสนุนจากรัฐบาลด้วย ดังนั้นผลงานที่ออกมาต้องให้เครดิตกับทุกคนในรัฐบาล” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

“เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ

People Unity : “เพื่อไทย”ชี้ค่าปรับเหมืองทอง คสช.ต้องรับผิดชอบ ย้ำตรวจเข้มทุกคำขอเชื่อปรับลดไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้าน

วันที่ 26 ตุลาคม 2562 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณในปีนี้ทางคณะกรรมาธิการจะมีการพิจารณาคำขอการใช้งบประมาณอย่างเข้มงวด ในทุกๆหน่วยงานที่มีคำขอมาว่ามีการใช้งบประมาณ คุ้มค่าหรือไม่ เพราะด้วยงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ดังนั้นในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย และเงินที่นำมาจัดทำงบประมาณเป็นภาษีพี่น้องประชาชน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดทุกขั้นตอนทุกโครงการ

นอกจากนี้ในส่วนของการประชุมรัฐบาลให้เวลาในการพิจารณาเพียง 226 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเวลามีจำกัดต้องเร่งพิจารณา ทั้งนี้ทางกรรมาธิการซีกพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมขอขยายเวลาในการพิจารณางบประมาณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมจากฝ่ายรัฐบาลในการพิจารณางบประมาณ

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า ในส่วนของการพิจารณาจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของฝ่ายความมั่นคง กลาโหม และงบกลาง หากผู้ชี้แจงไม่สามารถชี้แจงได้ว่าของบไปทำอะไรหรือทำไมต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นงบก่อสร้าง งบซื้ออาวุธ หรืองบก่อหนี้ผูกพันทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอม คาดว่าในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการจะมีการปรับลดงบประมาณลงไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

สำหรับงบกลางที่มีการกันงบประมาณไว้กว่า 96,000 ล้านบาท เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติงบ หากมีการกันงบประมาณไว้จ่ายค่าเสียหาย กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งใช้มาตรา 44 ประกาศคำสั่ง คสช. ระงับการสำรวจและประกอบกิจการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ในประเทศออสเตรเลีย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)

หากไทยแพ้ต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 36,000 ล้านบาท ทางคณะกรรมาธิการคงไม่ยอมให้เอาเงินภาษีประชาชนไปจ่ายค่าปรับ ถือเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เพราะเมื่อหัวหน้าคสช.สั่งปิดหัวหน้าคสช.จะต้องรับผิดชอบจะให้ประชาชนมาร่วมรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการนำเงินประชาชนไปใช้จ่ายโดยไม่เหมาะอย่างแน่นอน

“ลดาวัลลิ์”ลุ้นได้7กรรมการสิทธิฯก่อนสิ้นปีเป็นของขวัญปีใหม่

People Unity : “ลดาวัลลิ์”ลุ้นได้ 7 กรรมการสิทธิฯก่อนสิ้นปีเป็นของขวัญปีใหม่ วอนวุฒิสภารีบตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติฯแล้วนำเข้าประชุมลับขอความเห็นชอบโดยเร็ว ชี้งานใหญ่ กสม.ต้องจัดทำงบฯปี2564ช่วงมกราคมปีหน้า

วันที่ 26 ต.ค.2562 นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดีที่การสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการสรรหาได้ครบแล้วทั้ง5คน ตามขั้นตอนนับจากนี้วุฒิสภาจะต้องตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ผ่านการสรรหา หากทั้ง5คนได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงเกินครึ่งก็จะนำไปสบทบกับอีก 2 คน ที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เมื่อปลายปี 2561 รวมเป็น กสม. 7 คน จากนั้นประธานวุฒิฯจะได้ทูลเกล้าฯรายชื่อต่อพระมหากษัตริย์เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากมี กสม.เกิดขึ้นครบ7คน ก็ถือเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน หลังจากรอการสรรหามาเกือบ2ปี แต่ทั้งนี้ วุฒิสภาต้องกระชับเวลา แทนที่คณะกรรมาธิการจะตรวจสอบประวัติฯ 60 วัน ก็ย่นเวลาให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้นำเข้าประชุมลับในวุฒิสภาก่อนจะลงมติเป็นรายบุคคลต่อไปได้เร็วขึ้น

นางลดาวัลลิ์กล่าวว่างานใหญ่และสำคัญมีหลายเรื่อง เช่น การจัดทำงบประมาณปี2564ของสำนักงาน กสม. ซึ่ง กสม.ชุดใหม่ต้องเร่งจัดทำในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์2563 แล้วเสนอสำนักงบฯ หากยังเสนอไม่ได้จะเกิดปัญหาต่อการบริหารงานของกสม.

“การสรรหา กสม.ชุดใหม่นี้ช่างยากเย็นเหลือเกิน ใช้เวลาถึงปีครึ่งก็ยังไม่แล้วเสร็จ กสม.ชุดปัจจุบันเหลือแค่3คนเท่านั้น ทำให้ขาดองค์กรอิสระที่ครบสมบูรณ์มาคุ้มครองสิทธิฯพี่น้องคนไทย” นางลดาวัลลิ์กล่าวทิ้งท้าย

แก้แรงงานเหลว! “ทรัมป์” ยกเลิกจีเอสพี เพื่อไทยถาม “บิ๊กตู่” จะรับผิดชอบอย่างไร

People Unity : แก้แรงงานเหลว! “ทรัมป์”ยกเลิกจีเอสพีสินค้าไทย 60 รายการ “อนุสรณ์”ถามหาความรับผิดชอบจาก”บิ๊กตู่” ก.พาณิชย์เตรียมแถลงวันจันทร์ ส.อ.ท.โอดไทยเจ้อ 2 เด้ง บาทแข็งสุดของโลกด้วย

วันที่ 26 ต.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกการให้สิทธิจีเอสพีสินค้าไทยเกือบ 60 รายการ เฉียด 40,000 ล้านบาทว่า สาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐตัดสิทธิ เนื่องจากรัฐบาลไทยล้มเหลวการยกระดับสิทธิแรงงานให้เท่าเทียมมาตรฐานโลก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลมา 5 ปี จะโยนความผิดไปใส่รัฐบาลไหนคงไม่ได้

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ คุยมาตลอดว่า ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ สามารถออกกฎหมายได้มากที่สุด วันนี้ คงถึงบางอ้อแล้วว่า ประสิทธิภาพของการออกกฎหมาย ขึ้นอยู่กับเนื้อหา รายละเอียด ความเป็นสากล ไม่ใช่ปริมาณ โจทย์ใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คือเรื่องเศรษฐกิจ ท่ามกลางข้อจำกัดทางการคลัง ความล่าช้าของงบปี 63 อย่างน้อย 3 เดือน การหดตัวของการส่งออก การซบเซาของการท่องเที่ยวที่ต้องเผชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตอบว่าจะรับผิดชอบปมสหรัฐ ตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทย อย่างไร

“ชิมช้อปใช้ เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ใดๆ นอกจากการตลาดสร้างภาพรัฐบาลแจกเงิน ขยายภาพรวยกระจุก จนกระจายไม่มีที่สิ้นสุด และไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้อนตอของปัญหา” นายอนุสรณ์ กล่าว

ทั้งนี้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ(ยูเอสทีอาร์) ประกาศว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี กับสินค้าไทยคิดเป็นมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 39,650 ล้านบาท โดยระบุว่าไทยล้มเหลวในการจัดสิทธิที่เหมาะสมให้กับแรงงานตามหลักสากลนั้น โดยสินค้าไทยที่อยู่ในรายการที่จะถูกตัดสิทธิจีเอสพีตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2563 มีมากถึง 573 รายการ ครอบคลุมทั้งของกินและของใช้ ตั้งแต่อาหารทะเลหลากชนิด ผักและผลไม้ เมล็ดพันธุ์ น้ำเชื่อมและน้ำตาล ซอสถั่วเหลือง น้ำผักและน้ำผลไม้ ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องครัว ประตูหน้าต่าง ไม้อัดและไม้แปรรูป ตะกร้า ดอกไม้ประดิษฐ์ จานชาม เครื่องประดับ เหล็กแผ่น สแตนเลส ฯลฯ นั้น

โดยนายกีรติ รัชโน ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จะแถลงข่าว เรื่อง กรณีสหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ไทย ในวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคมนี้ ที่กรมการค้าต่างประเทศ ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ส.อ.ท.โอดไทยเจ้อ2เด้ง ถูกตัดจีเอสพี-บาทแข็งสุดของโลก

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องอยู่ที่ภาครัฐในการกำหนดท่าทีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะจะมีผลวันที่ 25 เมษายน 2563 ยังพอมีเวลารับมือ แต่อย่างไรก็ตามในมุมของเอกชนกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะด้านการส่งออก แต่เชื่อว่าสินค้าไทยกลุ่มดังกล่าวยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพราะเป็นสินค้าในชีวิตประจำวัน และไทยผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและหลากหลาย แต่ผลกระทบที่กังวลมากกว่าคือ ตัวผู้ประกอบการส่งออกของไทย ที่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าที่สุดในโลก เท่ากับว่าไทยโดน 2 เด้ง ดังนั้นอยากให้หน่วยงานอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เข้ามาดูแลเรื่องเงินบาทโดยด่วน

พปชร.ซัดพท.ถล่มชิมช้อปใช้เฟส2แจกเงินย้ำกระตุ้นศก.

People Unity : รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐโต้ฝ่ายค้านหยุดปั่นกระแสดิสเครดิต “ชิม ช้อป ใช้”เฟส 2 บัตรสวัสดิการฯ ยันลงพื้นที่ชาวบ้านนิยมและต้องการให้เดินหน้าต่อ ซัดนั่งวิจารณ์แต่ในห้องแอร์

วันที่ 26 ต.ค.2562 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ หรือ “อ้น” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 2 ของรัฐบาลว่าเป็นการแจกเงินแล้วหมดไป ไม่ได้สร้างการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนว่า รู้สึกท้อใจกับการทำงานของฝ่ายค้าน ที่ไม่เข้าใจหรือไม่ยอมเข้าใจหลักการ ว่ามาตรการดังกล่าวไม่ใช่การแจกเงินไปเที่ยวเท่านั้น หากแต่เป็นการอาศัยกลไกให้ประชาชนช่วยกันกระจายเม็ดเงินออกไปเพื่อหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในชุมชนต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว เพราะการเดินทางไปท่องเที่ยวจะไม่ใช่การเที่ยวอย่างเดียว แต่ต้องกิน ต้องใช้ ซึ่งเงินเหล่านั้นก็จะหมุนไปในชุมชน เข้าสู่กระเป๋าของผู้ค้า ผู้ประกอบการต่างๆ และลงไปยังลูกจ้าง พนักงาน ทำให้ฟันเฟืองต่างๆทางเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้ โดยชิมช้อปใช้ รอบนี้ไม่จำกัดจังหวัดที่จะใช้จ่ายแต่จะยกเว้นจังหวัดตามบัตรประชาชนเท่านั้น ซึ่งจะช่วยกระจายเม็ดเงินไปได้ทั่วถึงมากขึ้น

ส่วนการเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ก็เป็นการช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมทั้งยังมีมาตรการอื่นๆ เช่น การขยายเวลาช่วยจ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไปอีก 1 ปีพร้อมทั้งคืนภาษี VAT ให้กับผู้มีรายได้น้อยที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5 เปอร์เซ็นต์โดยรัฐจะเก็บภาษี VATจากผู้มีรายได้น้อยเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ถึงกันยายน 2563 เป็นระยะเวลา 10 เดือน มาตรการต่างๆ มีส่วนช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพในครัวเรือนให้กับประชาชน ช่วยแก้ปัญหาปากท้องได้อีกทางหนึ่ง

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนจากจังหวัดต่างๆสะท้อนความต้องการอยากให้ช่วยแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะการจัดเวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้เลย ซึ่งไปมาแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา จ.กำแพงเพชร และจ.ราชบุรี พบว่าประชาชนส่วนใหญ่พึงพอใจกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น เรื่องราวของนางหนูพิน มุ่งลา ชาวบ้านวัดบ้านตะบอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หนึ่งในผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่อยากให้รัฐบาลดำเนินนโยบายนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ เนื่องจากไม่มีงานทำ ขณะที่สามีรับจ้างได้วันละ 300 บาท พอมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็นำเงินไปซื้อข้าวสาร กะปิ น้ำปลา และสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นได้ กินและใช้ได้ทั้งเดือน

“พรรคพลังประชารัฐ มีเป้าหมายให้ประชาชนยืนได้ด้วยตนเอง แต่ก่อนอื่นต้องช่วยเหลือคนที่ไม่มีกำลังและประคองให้เขาลุกขึ้นได้ก่อน เราลงพื้นที่ไปสัมผัสกับประชาชนในพื้นที่ รับรู้ปัญหาและนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อสะท้อนไปยังรัฐบาลให้ออกมาตรการและนโยบายออกมาแก้ไขปัญหา ไม่ได้มัวแต่นั่งวิจารณ์อยู่แต่ในห้องแอร์” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่ชุมชนวัดมงคลวราราม และชุมชนใกล้เคียง แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กทม. โดยจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบรายละเอียดในการลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ เฟส 2 ขณะที่บางส่วนคิดว่าโครงการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ และโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคือโครงการเดียวกัน หากจะใช้บัตรสวัสดิการต้องเดินทางไปใช้ที่ต่างจังหวัด ซึ่งตนได้ชี้แจงทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนแล้วว่าเป็นคนละโครงการกัน พร้อมกันนี้ชาวบ้านแจ้งว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปอำนวยความสะดวกในเรื่องของการทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นอกจากนี้ยังอยากให้หน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของที่อยู่อาศัยเนื่องจากที่อยู่อาศัยมีลักษณะทรุดโทรม ซึ่งตนยิ่งลงพื้นที่ยิ่งเห็นความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งน่าเห็นใจอย่างมาก ที่น่าเสียดาย คือ ส.ส. ฝ่ายค้าน อาจจะหลงลืมไปว่า ปัญหาเร่งด่วนคือความกินดีอยู่ดีของประชาชน ควรช่วยกันลงมือทำเพื่อประโยชน์ประชาชนมากกว่า

“พรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมรับฟังปัญหา ให้การใส่ใจดูและความเป็นอยู่ ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งตนจะได้นำข้อมูลต่างๆที่ได้รับลงพื้นที่สำรวจอยู่เป็นประจำ ไปรายงานพร้อมหารือต่อพรรคและประสานงานไปยังรัฐบาลเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

เหล่ากูรูตัวจริง! ชี้ EEC เป็นทั้งโอกาสและความท้าทายยกระดับรายได้คนไทย

เหล่ากูรูตัวจริง! ชี้ EEC เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย ในการพัฒนาประเทศและยกระดับรายได้คนไทย แนะไทยเร่งปรับตัว รองรับโลกเปลี่ยน ก่อนตามไม่ทัน!

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ทีมเศรษฐกิจพรรคประชธิปัตย์ ร่วมกับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้จัดงานสัมมนาและระดมสมองโดยเหล่าวิทยากรตัวจริงที่รู้จริงและเข้าใจจริงเรื่อง EEC ในหัวข้อ “แปลง EEC ให้เป็นโอกาส เข้าใจศักยภาพ EEC ในการพัฒนาประเทศและยกระดับรายได้คนไทย” โดยมีคุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก คุณวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน รวมถึงบรรดาแขกผู้มีเกียรติที่มาในงานที่ได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์อีกเป็นจำนวนมาก

โดย ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้กล่าวว่าทุกวันนี้เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แน่นมาก สนามบินสุวรรณภูมิก็โอเวอร์โหลดเพราะความแออัดมากเกินไป จึงจำเป็นต้องขยายเมืองออกไป ปัจจุบันกำลังจะมีฮับแห่งใหม่คือสนามบินอู่ตะเภาซึ่งมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังก่อสร้างถือเป็นการพัฒนามหานครการบินของภาคตะวันออก และหากสร้างเสร็จจะช่วยให้การเดินทางจากสถานีมักกะสัน (กรุงเทพฯ) ไปยังสถานีอู่ตะเภา (ระยอง) ใช้เวลาเดินทางเพียง 45 นาที นอกจากนี้รัฐบาลยังได้วางนโยบายการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ EEC ซึ่งปัจจุบันได้ผลดีกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วงเริ่มต้นมีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมลงทุนรวมกันประมาณ 300,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมามีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 600,000 ล้านบาท

“ผมเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าถ้ากระบวนการวางแผนในพื้นที่นี้สามารถทำได้ในพื้นที่เป้าหมายอื่น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ภูเก็ต พังงา โดยการลงทุนในเขตพื้นที่ EEC มีเม็ดเงินประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งบอกเลยว่าเป็นการใช้เงินลงทุนจากภาครัฐไม่ถึง 20% เพราะส่วนที่เหลือเป็นเม็ดเงินที่มาจากนักลงทุน”

ด้านคุณวิกรม กรมดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งและ CEO บมจ.อมตะ คอร์เปอเรชัน ได้บรรยายให้หัวข้อ “EEC โอกาสและความท้าทาย วิสัยทัศน์เรื่อง EEC ไทยและจีน” โดยได้กล่าวว่า วันนี้ทวีปเอเชียมีบทบาทการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจในเวทีโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจแซงหน้าสหรัฐอเมริกาเพียงช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี ความน่าสนใจของจีนคือการมีเงินคงคลังภายในประเทศมหาศาล ซึ่งเราจะทำอย่างไรเพื่อให้เม็ดเงินเหล่านี้หันกลับมาลงทุนในประเทศไทย ยกตัวอย่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ ที่วันนี้ต้องยอมรับว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุด มั่นคงที่สุด เพราะสิงคโปร์ขายนโยบายเพื่อเชิญชวนให้นักลงทุนหันมาทุนในประเทศของเขา

“สิ่งที่ผมมองว่าจะขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นอย่างมากก็คือนโยบาย “Belt & Road Initiative (BRI)” ของประเทศจีน เพราะมันสามารถเชื่อมโยงการคมนาคม การสื่อสาร และการค้าขายได้ถึงกันหมด ดังนั้น Belt & Road Initiative จึงไม่ใช่ความฝัน ทรัพย์สินของเราคือภูมิศาสตร์ ส่วนจีนก็พร้อมที่จะเอาเงินมาลงทุนถ้านโยบายด้านการลงทุนของเรามีความน่าสนใจ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นวันนี้คือ “รถไฟ” ที่สามารถเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนได้ถึงกัน ซึ่งในอนาคตภูมิภาคแห่งนี้จะมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจในเวทีโลกเป็นอย่างมาก เพราะเรามีทั้งทรัพยากร และแรงงานการผลิตที่ได้เปรียบ น่าเสียดายว่าที่ผ่านมาประเทศเรามีความขัดแย้ง “กีฬาสี” ทำให้ส่งผลกระทบถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง”

ขณะที่ คุณปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพัฒนาประเทศจำเป็นจะต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับมหภาค การขับเคลื่อนนโยบายบางเรื่องไม่จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หรือต้องใช้สิ่งใหม่เสมอไป หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวันนี้คือ ก. หรือ กฎหมายที่ชัดเจน และ ข. คือการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผมมองว่าการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจของจีน ณ เวลานี้ไม่ได้มาแบบธรรมดา เขาพร้อมที่จะขนเม็ดเงินมหาศาลเพื่อกระจายการลงทุนไปยังภูมิภาคที่สำคัญ ๆ ของโลก ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมและปรับตัวเข้าสู่การแข่งขันทางเศรษฐกิจในเวทีโลกอย่างเต็มตัว เราจะต้องเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ศึกษาองค์ความรู้มาอย่างดีและมีความมั่นใจในการลงสนามอย่างเต็มที่”

ในช่วงท้ายของการสัมมนาได้รับเกียรติจาก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ขึ้นมาร่วมแชร์ประสบการณ์และความรู้ร่วมกับเหล่าวิทยากรบนเวที โดยได้กล่าวถึงประเด็นการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาว่าส่วนตัวเห็นด้วยและสนับสนุน และอยากให้คณะทำงานขับเคลื่อนเรื่องรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมต่อระหว่างสนามบินอย่างเต็มที่ เพราะรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยไม่ได้ทำให้เกิดประโยน์เฉพาะต่อประชาชนในพื้นที่ EEC เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนตลอดเส้นทาง ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์มากมายมหาศาลให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติได้อีกด้วย

ทั้งนี้ วิทยากรทุกคนยังเชื่อว่าวันนี้คนไทยกำลังเฝ้ารอโอกาสอย่างมีความหวังเพื่อที่จะให้การขับเคลื่อนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เติบโตขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมด้วยนโยบายการบริหารและจัดการของภาครัฐที่ชัดเจน โดยใช้องค์ความรู้ของผู้เชี่ยวชาญในหลาย ๆ ด้านมาร่วมกันทำงานอย่างบูรณาการ เพื่อให้พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจจุดนี้เกิดเป็น “แหล่งเงินแหล่งทอง” ในการยกระดับอาชีพและรายได้ของคนไทย นำประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงเรียนรู้จากการพัฒนาในเฟสแรก โดยเฉพาะการจัดการเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการจัดการเรื่องสาธารณูปโภค เพื่อนำมาแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น โดยนายปริญญ์ได้สรุปปิดท้ายว่า EEC จะไม่ใช่เป็นแค่การสร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างสมาร์ตซิตี้ สร้างสนามบินหรือท่าเรือใหม่เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นมิติใหม่ของการสร้างคน ยกระดับแรงงานฝีมือ ซึ่งจะเป็นทรัพยากรสำคัญให้กับประเทศได้ในอนาคต

“จุรินทร์”ปลุกสมาชิก”ปชป.”มุ่งหน้าทำงาน ยันแก้ไขรธน.เป็นเงื่อนไขหนึ่งร่วมรัฐบาล

People Unity : “จุรินทร์”ปลุกสมาชิก”ปชป.”มุ่งหน้าทำงาน ยันแก้ไขรธน.เป็นเงื่อนไขหนึ่งร่วมรัฐบาลทำฝันประชาชนสำเร็จ โอนเงินส่วนต่างข้าว-ปาล์มแล้ว พืชอีก 3 ชนิดโอนภายในสิ้นปีนี้ทั้งหมด

วันที่ 26 ต.ค.2562 เวลา 9.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมกรรมการสาขาพรรคและตัวแทนประเทศ ประจำทุกจังหวัดของพรรคประชาธิปัตย์ และได้กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์โดยกลไกกรรมการสาขาและตัวแทนประจำจังหวัดจะต้องดำเนินการจัดตั้งตามกฎหมายให้ครบถ้วน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้แต่เป็นหน้าที่ของพรรคที่จะต้องมีความพร้อม

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ภายหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (24มีนาคม2562) อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เป็นความฝัน ของพรรคที่ว่าอยากเห็นผู้ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้แทนราษฎร ผู้บริหารของพรรค อดีตผู้สมัครของพรรคได้มีโอกาสทำหน้าที่ขณะนี้ก็เป็นจริง คือ ประมาณไม่ต่ำกว่า 80 คนดังกล่าวได้ถูกคัดสรรค์ให้เข้าไปทำหน้าที่ผู้บริหารระดับต้นของประเทศและตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ช่วย ส.ส. ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ และที่ต้องช่วยรัฐมนตรีของพรรค คือ เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นทีมจากพรรคประชาธิปัตย์ นี่เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถทำฝันที่คิดกันมานานลงสู่การปฏิบัติได้แม้ว่าไม่ครบถ้วนทุกคนก็ตาม

และในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ พรรคก็มีเงื่อนไขคือนำนโยบายองพรรคบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันรายได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดหัวข้อที่จะต้องแก้ไข ได้หรือการเปิดกุญแจปลดล็อคให้เดินไปสู่การแก้ไขในวันข้างหน้าได้ และการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งหมดก็บรรจุไว้เป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้

ส่วนนโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ โดยเป็นนโยบาย เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งการประกันรายได้พืช 5 ชิดนั้น คือข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด แต่ไม่ได้หมายความว่าพืชเกษตรตัวอื่นจะไม่ดูแลแต่ใช้ยาคนละขนาน กันเท่านั้น สำหรับพืช 5 ชนิดนี้หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่งมีผลเป็นรูปธรรมโดยปาล์มลงมือปฏิบัติไปแล้วโดยการจ่ายเงินงวดแรกเรียบร้อยถึงมือเกษตรกรแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เราใช้เวลาเพียงแค่60วันฟังการแถลงนโยบาย หรือ 77 วันหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนเรื่องข้าวได้โอนเงินส่วนต่างให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดแรกไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวที่ 3 คือเรื่องยางพาราได้ผ่านคณะรัฐมนตรีแล้วกำลังดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ คือ และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้โดย 1- 15 พย.ใช้เวลา 15 วันเราจะโอนเงินส่วนต่างถึงมือเกษตรกรผู้ปลูกยางทุกคน เพราะกระบวนการเรื่องยางพาราจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นขั้นตอนมากกว่า เมื่อมีการตรวจสอบบัญชีเสร็จเรียบร้อยจึงจะเป็นการโอนเงิน ทันที

สำหรับมันสำปะหลัง วันพรุ่งนี้ 27 ตุลาคม 2562 จะเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อการประชุม 3 ฝ่ายภาครัฐภาคเอกชนและเกษตรกร จะไปเคาะในวันพรุ่งนี้ว่าจะประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละเท่าใดจำนวนเท่าใดต่อครัวเรือน เสร็จแล้วก็จะเข้ากระบวนการคณะรัฐมนตรี ส่วนข้าวโพดจะไปเคาะประกัน 3 ฝ่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะเข้าคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแล้วไปคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป ทั้งหมดนี้คาดว่าจะดูแลส่วนต่างพืช 5 ชนิดได้ครบถ้วนภายในสิ้นปีนี้

นายจุรินทร์ บอกกับสมาชิกพรรคว่า นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจทำเพื่อประชาชนและพิสูจน์ตามที่ประกาศไว้ว่าจะ “ทำได้ไว ทำได้จริง” สุดท้ายนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน จับมือร่วมกันเดินหน้าด้วยกลไกล 3 ประสานทำงานไปด้วยกัน ประชาธิปัตย์ยุคนี้ กลไกที่หนึ่งคือกลไกรัฐบาล หน้าที่ความรับผิดชอบในรัฐบาล กลไกที่สองคือกลไกสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคต้องทำหน้าที่แทนประชาชนอย่างเข้มแข็ง กลไกที่สามคือกลไก ของพรรค ต้องเดินหน้าคู่ขนานกิจกรรมของพรรคต้องทำเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นให้เกิดผลต่อความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปได้

Verified by ExactMetrics