วันที่ 30 เมษายน 2024

“ประยุทธ์” ชูโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันของพระเทพต่อที่ประชุมอาหารโลกสหประชาชาติ

People Unity News : “ประยุทธ์” กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยระบบอาหารโลก (Food Systems Summit 2021) ย้ำเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร พลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืน เป็นธรรม

24 กันยายน 2564 เวลา 03.15 น. (ซึ่งตรงกับวันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 16.15 น. ณ นครนิวยอร์ก) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดผู้นำว่าด้วยระบบอาหารโลก (Food Systems Summit 2021) ณ สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดย นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

ไทยในฐานะประเทศที่มีภาคเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ตระหนักถึงความสำคัญของระบบอาหารต่อความอยู่รอดของทุกชีวิต โดยสถานการณ์โควิด-19 ช่วงที่ผ่านมาได้เผยให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมและความเปราะบางของระบบอาหาร ไทยจึงขอผลักดันให้ประชาคมโลกร่วมมือกันพลิกโฉมระบบอาหารให้ยั่งยืนและสมดุลในทุกมิติ สร้างความมั่นคงทางอาหารที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

หนึ่งในโครงการที่สำเร็จด้านการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนอาหารและภาวะทุพโภชนาการในพื้นที่ทุรกันดาร คือ โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ การพลิกโฉมระบบอาหารทั้ง 5 ด้าน ตามข้อเสนอของสหประชาชาติ สอดคล้องกับแนวทางของไทย นโยบายเกษตรและอาหาร “3S” ประกอบด้วย 1. ความปลอดภัยทางอาหาร (Safety) 2. ความมั่นคง (Security) และ 3. ความยั่งยืนของทรัพยากรและนิเวศการเกษตร (Sustainability)

ประเทศไทยอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อการพัฒนาอย่างสมดุล ยั่งยืนและครอบคลุม ตลอดจนให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ ผ่านการร่วมมือกับสหประชาชาติจัดตั้ง “วันดินโลก” และร่วมกับองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) มอบรางวัลให้แก่ ประเทศ องค์กร หรือบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาหรือจัดการทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคีเครือข่ายภายในและระหว่างประเทศ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบอาหารโลก นำไปสู่การพลิกโฉมระบบอาหารเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ FoodSystems4SDGs ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

อนึ่ง การเข้าร่วมการประชุมฯ ร่วมกับประมุขของรัฐ ผู้นำรัฐบาล และหัวหน้าคณะตัวแทนจากประเทศต่างๆ เป็นโอกาสให้ไทยที่ได้นำเสนอแนวคิดในการเปลี่ยนผ่านระบบอาหารให้มีความยั่งยืน เป็นธรรม และดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น ตั้งแต่การผลิตจนถึงการบริโภค และแสดงความมุ่งมั่นในการเป็น “ครัวของโลก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ร่วมกับนานาประเทศขับเคลื่อนไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในปี ค.ศ.2030

Advertising

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : นายกรัฐมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง ร.10 ทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ ย้ำรัฐร่วมเอกชนเร่งบรรเทาความเดือดร้อนเต็มที่

วันนี้ (3 เมษายน 2562)  พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละ โดยรัฐบาลจะบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อเร่งลดพื้นที่ที่มีจุดความร้อน หรือ Hot spot ภายใน 7 วัน พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเข้าใจปัญหาและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“นายกฯเน้นย้ำว่าพระราชวงศ์ทรงติดตามความทุกข์ร้อนของพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา และทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและไฟป่าเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดทางกองทัพบกเตรียมขยายผลเรื่องการฝึกผจญเพลิงและดับไฟป่าตามแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม ส่วนของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆร่วมกับภาคเอกชนขณะนี้กำลังช่วยกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด”

ใต้ร่มพระบารมี : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : post 3 เมษายน 2562 เวลา 22.00 น.

นายกฯ ลั่นความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 12 กุมภาพันธ์ 2567 นายกฯ ลั่นความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ไม่ควรมีใครให้ท้ายหรือมีขบวนการอยู่ข้างหลัง ย้ำฝ่ายมั่นคงดูแลไม่ให้เกิดปะทะ ใช้ความรุนแรงทำร้ายกัน  ชี้เห็นต่างได้ แต่ควรใช้เวทีสภาฯ –วิชาการพูดคุย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่เรียกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหารือเกี่ยวกับการรับอารักขาขบวนเสด็จ ว่า เรียกมาเพื่อย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ  เป็นเรื่องที่เราต้องให้การดูแลบุคคลสำคัญ และกำชับให้สำนักข่าวกรองดูแลเรื่องนี้ให้ดีๆ เพราะไม่อยากให้เกิดการปะทะกันขึ้น อยากให้อยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี หากเห็นต่างควรใช้เวทีที่เหมาะสม เช่น สภาฯ หรือเวทีวิชาการ พูดคุยกัน

เมื่อถามว่าตอนนี้มีหลายฝ่ายรวมถึงกองทัพออกมาแสดงพลังเพื่อปกป้องสถาบัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาทำกันปกติอยู่แล้ว ทุกฝ่ายรวมถึงกองทัพก็รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรายงานเรื่องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ขอวิงวอนเรื่องการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เห็นด้วย และทุกสถาบันไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือตำรวจอยากเห็นความสมัครสมานสามัคคี

“แน่นอนว่าเรื่องความเห็นต่าง มีอยู่ในสังคมอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยและใช้เวทีที่ปลอดภัย ไม่คุกคามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยากจะอ้อนวอนและวิงวอนให้ทุกฝ่ายเห็นถึงจุดนี้ ตอนนี้ประเทศเดินหน้าไปได้ด้วยดี ความวุ่นวายไม่มีมานานแล้ว ไม่อยากให้มีประเด็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเกิดขึ้น เป็นเรื่องของฝ่ายความรักษาความปลอดภัยและฝ่ายความมั่นคงที่ต้องดูแล” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลจะเป็นเหตุลุกลามบานปลายหรือไม่ เพราะล่าสุดปะทะกันและขู่ทำร้ายกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้สองฝ่ายลดทอนเรื่องการใช้กำลังหรือการใช้ Hate Speech ลงไป อยากให้ใช้เวทีสาธารณะดี ๆ ทั้งสภาฯ เวทีวิชาการพูดคุยกัน เพื่อให้ปลอดภัยกันทั้งสองฝ่าย เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศชาติมีความปรองดองสมัครสมานสามัคคีกัน เป็นบรรยากาศที่พูดคุยกันได้ คิดว่าทุกฝ่ายให้ความสำคัญเรื่องนี้ และตนก็ได้เน้นย้ำกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเรื่องนี้ด้วย ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกระทั่งกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความปลอดภัยของราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ

ส่วนที่พรรคก้าวไกลมองเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นทางการเมืองที่ควรได้รับการนิรโทษกรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่เคยมองไปไกลขนาดนั้น มองว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ต้องดูแลบุคคลสำคัญของประเทศให้ดีที่สุด ไม่ให้ถูกคุกคามหรือใช้กำลัง ไม่อยากให้เอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องของการเมืองด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เราต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่ากลุ่มเยาวชนที่ออกมาทำกิจกรรมยังพูดเรื่องของขบวนเสด็จ จึงทำให้เกิดการปะทะกัน ควรจะหยุดพฤติกรรมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการพูดคุยควรมีเวทีที่เหมาะสม เรามีตัวแทนของพี่น้องประชาชนอยู่แล้วในรัฐสภา ควรจะใช้เวทีสภาจะดีกว่าหรือไม่ เพราะเป็นเวทีที่ปลอดภัย และถูกต้องตามครรลองคลองธรรมในระบบประชาธิปไตยอยู่แล้ว ทุกฝ่ายทุกพรรคและคนที่เรารักก็ผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว

“ทุกฝ่ายก็มีตัวแทนอยู่แล้วในรัฐสภา ควรจะใช้เวทีนี้เป็นเวทีพูดคุย ถ้าใช้เวทีอื่น เป็นพื้นที่สาธารณะที่มีคนเยอะ อาจจะกระทบกระทั่งกัน ผมไม่เห็นด้วย เพราะความจริงแล้วมันก็มีคนเดือดร้อน ผมไม่อยากให้เกิดบรรยากาศเหมือนวันที่ 10 ก.พ.ที่เกิดปะทะกลางห้าง เพราะมันไปสู่สายตาของชาวโลก ทุกประเทศก็มีการค้มครอบผู้นำ เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญสูงสุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีผู้ใหญ่ให้ท้าย อยากจะขอความร่วมมืออย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ที่ไหนให้ท้าย แต่ถ้าจะให้พูด ไม่ควรมีใครให้ท้ายไม่ควรมีขบวนการอยู่ข้างหลัง เพราะขบวนเสด็จ ท่านเองก็มีภารกิจ พระองค์ท่านมีภารกิจตลอดเวลา

“พระองค์ท่านทรงงานหนักทุกพระองค์ เพราะฉะนั้นในการเดินทางของทุกพระองค์เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญสูงสุด และฝ่ายที่เห็นต่าง อย่างที่ผมบอกผมใช้คำไปหลายหนแล้ว ให้ใช้เวทีที่ปลอดภัย เรามีสภาฯ เรามีนักวิชาการ เราก็ต้องพูดคุยในเวทีที่ถูกต้อง ไม่อยากให้เป็นเวทีที่ใช้คำว่าท้าทาย เช่น ตามศูนย์การค้าต่าง ๆ ไม่เหมาะสม เพราะผมเชื่อว่ามันไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้อง สถานที่ชอปปิ้งต่าง ๆ ก็มีคนที่เขาไปพักผ่อน แล้วเห็นบรรยากาศแบบนั้น อีกทั้งยังมีนักท่องเที่ยว ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่หวังดีต่อประเทศชาติ ไม่อยากให้เกิดบรรยากาศ​นี้แน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Advertisement

รัฐบาลเดินหน้า “โครงการหลวง” สนองพระราชปณิธาน ร.10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด”

People Unity News : รัฐบาลต่อยอด “โครงการหลวง” สนองพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 10 “สืบสาน รักษา ต่อยอด”

วันนี้ (15 ก.ค. 63) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2563 โดยมี นายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง  พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี ที่ปรึกษาพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และกรรมการ ร่วมประชุม

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2562-2563 ของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. โดยโครงการหลวงได้รับการรับรองทะเบียนพันธุ์พืชใหม่กับกรมวิชาการเกษตรแล้ว 15 พันธุ์ และกำลังขอขึ้นทะเบียนพันธุ์ไม้ดอกมาลีรัตน์ วงศ์ขิง รวมทั้ง ฟักทองญี่ปุ่น คะน้าฮ่องกง และมะเขือเทศผลเล็ก ผลงานวิจัยที่นำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดถั่งเช่า โยเกิร์ตนมกระบือ และผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด คือ กาแฟอราบิกาเฉพาะถิ่น กาแฟแคบซูลซิงเกิลออริจิน น้ำมันลินินสกัดเย็น ผลิตภัณฑ์คีนัวกรอบ คีนัวบาร์ และขนมปังคีนัวผสมสตรอว์เบอร์รี  โดยเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง 13,645 ครัวเรือน ได้รับการส่งเสริมให้ปลูกพืชเขตหนาวและกึ่งหนาว 381 ชนิด ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัย จำหน่ายภายใต้ตรา “โครงการหลวง” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562 มูลค่ารวม 1,328 ล้านบาท

ที่ประชุมยังได้พิจารณาอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ณ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศูนย์รวมการปฏิบัติงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูง เกิดประโยชน์โดยรวมแก่ประเทศ พร้อมรับทราบผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่สูงตามแนวทางของโครงการหลวง โดยขณะนี้กรมป่าไม้ได้รับการอนุมัติขอบเขตการใช้พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ เนื้อที่รวม 2,508,958 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา เพื่อให้หน่วยงานต่างๆเข้าปฏิบัติงานในขอบเขตพื้นที่อย่างคล่องตัว และเตรียมดำเนินการขอใช้ประโยชน์พื้นที่ตั้งศูนย์/สถานีฯ และพื้นที่เกษตร รวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสำหรับการแก้ปัญหาในพื้นที่นำร่อง คือ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง  ได้ฟื้นฟูพื้นที่กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนในพื้นที่ เป็นแบบอย่างของการดำเนินการต่อไปบนพื้นที่สูงอื่นในจังหวัดเชียงใหม่ และตาก รวมทั้งต่อยอดไปในพื้นที่สูงของจังหวัดเชียงราย ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับฟังผลการประชุมวิชาการนานาชาติด้านการพัฒนาเกษตรที่สูงอย่างยั่งยืน ตามพระราชปณิธานสืบสาน รักษา ต่อยอดงานโครงการหลวง จัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ มีผู้เข้าร่วมประชุมจาก 17 ประเทศ 675 คน ความสำเร็จของโครงการหลวง ถือเป็นต้นแบบการพัฒนาทางเลือกที่เป็นแนวปฏิบัติบนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยหลักการทำงาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เน้นการบูรณาการของทุกภาคส่วน และเตรียมต่อยอดสู่การจัดตั้งสถาบันเรียนรู้การพัฒนาที่สูงอย่างยั่งยืน เพื่อขยายแนวทางและองค์ความรู้ ให้เกิดประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อไป

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติกรอบงบประมาณของหน่วยงานบูรณาการและสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ 6 ปี (พ.ศ. 2560-2565)  โดยให้ความสำคัญกับการจัดการปัจจัยพื้นฐาน น้ำ พื้นที่ป่าต้นน้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตชุมชนบนพื้นที่สูง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป

Advertising

ในหลวง พระราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข

People Unity News : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานชุด PPE. 7 แสนชุดแก่บุคลากรการแพทย์ และสาธารณสุข ใช้ป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร รับพระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉายร่วมกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ อาคารกองกิจการในพระองค์ พระที่นั่งอัมพรสถาน และให้สัมภาษณ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) จำนวน 7 แสนชุด ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งชุด PPE. มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก ทำให้มีความปลอดภัยขณะปฏิบัติหน้าที่ ทั้งขณะให้การดูแลรักษาผู้ป่วย/ ผู้ติดเชื้อ การเก็บตัวอย่างเพื่อเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ซึ่งทำให้การป้องกันควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล 7 แสนชุดที่ได้รับพระราชทาน ประกอบด้วย เสื้อคลุมแขนยาว (Isolation Gown) 4 แสนชุด ชุดสวมคลุมร่างกายชิ้นเดียว มีฮู้ดคลุมคอและศีรษะ (Coverall Gown) 1 แสนชุด และเสื้อคลุมแขนยาวชนิดใช้ซ้ำได้ (Reusable Isolation Gown) 2 แสนชุด โดยกระทรวงสาธารณสุข จะกระจายไปยังโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต รวม 4.9 แสนชุด กรุงเทพมหานคร 7 หมื่นชุด และเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHOSNET) 1.4 แสนชุด

Advertising

รัฐบาลเตรียมจัดงานสมพระเกียรติ ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช 

People Unity News : 27 เมษายน 2566 “ธนกร” เผยรัฐบาลเตรียมจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก 26 มิถุนายนนี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ การจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  โดยมีกรรมการจากหน่วยงานภาครัฐ และสื่อมวลชน ร่วมกันพิจารณาและดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ การจัดงานพระราชพิธี รัฐพิธี ศาสนพิธี งานพิธี โครงการและกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการตามพระดำริ และเชิญชวนประชาชนร่วมฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

นายธนกร กล่าวว่า จะมีการถ่ายทอดสดการเสด็จพระราชดำเนินไปในงานบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 เวลา 17.00 น. ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และเครือข่าย TGN 170 ประเทศทั่วโลก และทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

“ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางที่มี เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน ซึ่งผมในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฯ ได้วางแผนและเตรียมความพร้อมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จัดทำช่องทางให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ  ได้ที่เว็บไซต์ :  https://www.prd.go.th/th/page/item/index/id/85 โดยลิงค์เข้าไปที่เว็บไซต์ กรมประชาสัมพันธ์ :  www.prd.go.th และ Facebook 96 พรรษาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งจะรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่น่าเชื่อถือมาให้ประชาชนรับรู้ และเชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก” นายธนกร กล่าว

Advertisement

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 9 มกราคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2567

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติปี 2567 ดังนี้

“ความสุขความสบายทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานและทำความดี เด็กทุกคนจึงต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และฝึกฝนอบรมตนให้เต็มที่ จะได้สามารถประกอบอาชีพการงาน และปฏิบัติบำเพ็ญความดี เพื่อสร้างสรรค์ความสุขความเจริญทั้งของตนเองและส่วนรวมได้ในอนาคต”

พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

วันที่ 3 มกราคม พุทธศักราช 2567

“หมอชลน่าน” สุดปิติเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในหลวงพระราชทานกำลังใจ ทรงชมนายกฯ เป็นคนเก่ง

People Unity News : 5 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล – รมว.สธ.สุดปิติเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในหลวงพระราชทานกำลังใจ ทรงชมนายกฯ เป็นคนเก่ง พร้อมสานต่องานเดิมที่ดีอยู่แล้ว ยึดประชาชนเป็นหลักทำงาน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้า ฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ว่า ครั้งนี้เป็นการเข้าถวายสัตย์เป็นครั้งที่ 2 ของตน ต้องเรียนด้วยความเคารพว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารที่ทำให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจอย่างมาก ทรงมีพระราชกระแสตรัสให้กำลังใจ หลังจากถวายสัตย์เสร็จสิ้นพระองค์ได้เดินเข้ามาหานายกรัฐมนตรีด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้ม และพูดให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ได้ดี พระองค์ท่านยังทรงชมนายกรัฐมนตรีว่าเชื่อมั่นว่าเป็นคนเก่งอยู่แล้ว และทรงมีพระสรวล เราเองก็มีความปิติ ตามที่เราได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง และปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข ว่า มั่นใจในการทำงาน เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายชัดเจนว่าเราคือรัฐบาลของประชาชน เราคำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้น กลไกในการบริหารราชการแผ่นดินของกระทรวงสาธารณสุข อะไรที่ยึดโยงกับประชาชนดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อไป อะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองของประชาชนได้ดีขึ้นก็ต้องดำเนินการ เข็มจึงมุ่งอยู่ที่ประชาชน ทั้งสุขภาวะร่างกายจิตใจ รวมถึงสติปัญญา

“ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขร่วมมือถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะกระทรวงสาธารณสุขมีความเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง โดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกระทรวงเพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล เราตั้งใจมุ่งมั่นที่จะใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ รวมถึงต้องวางโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอที จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” นพ.ชลน่าน กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics