วันที่ 21 พฤษภาคม 2024

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : นายกรัฐมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง ร.10 ทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ ย้ำรัฐร่วมเอกชนเร่งบรรเทาความเดือดร้อนเต็มที่

วันนี้ (3 เมษายน 2562)  พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละ โดยรัฐบาลจะบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อเร่งลดพื้นที่ที่มีจุดความร้อน หรือ Hot spot ภายใน 7 วัน พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเข้าใจปัญหาและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“นายกฯเน้นย้ำว่าพระราชวงศ์ทรงติดตามความทุกข์ร้อนของพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา และทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและไฟป่าเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดทางกองทัพบกเตรียมขยายผลเรื่องการฝึกผจญเพลิงและดับไฟป่าตามแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม ส่วนของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆร่วมกับภาคเอกชนขณะนี้กำลังช่วยกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด”

ใต้ร่มพระบารมี : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : post 3 เมษายน 2562 เวลา 22.00 น.

ประยุทธ์เดินหน้า “โครงการแก้มลิง” ตามพระราโชบาย ร.10 สืบสานโครงการพระราชดำริ ร.9

People Unity News : โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯเดินหน้า “โครงการแก้มลิง” ตามพระราโชบายในหลวงรัชกาลที่ 10 สืบสาน รักษาและต่อยอด โครงการพระราชดำริในหลวงรัชกาล 9 ช่วยบรรเทาวิกฤตน้ำท่วม

9 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญในการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนโดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ รัฐบาลได้เร่งดำเนินการโครงการแก้มลิงทั่วประเทศในพื้นที่ 65 จังหวัด รวม 914 รายการ ปริมาตรน้ำกักเก็บ 606.93  ล้าน ลบ.ม. วงเงิน 23,060.7182 ล้านบาท ด้วยการน้อมนำพระราโชบายพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย “โครงการแก้มลิง” หนึ่งในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริไว้ในการแก้ปัญหาอุทกภัย ปัญหาน้ำท่วมขังในประเทศไทย รัฐบาลนำมาเป็นนโยบายการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ได้แก่ พื้นที่ 12 ทุ่ง ในภาคกลางตอนล่าง และ ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อใช้เป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม/ชะลอน้ำหลาก ได้ถึง 1.41 ล้านไร่ และสามารถรองรับน้ำได้ถึง 1,704 ล้าน ลบ.ม.

นายธนกร กล่าวว่า ล่าสุดการลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยของนายกรัฐมนตรี เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ยังได้ติดตามการเตรียมพื้นที่รับน้ำแก้มลิงบริเวณแม่น้ำยมฝั่งซ้าย เพื่อบรรเทาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยด้วย โครงการแก้มลิงไม่เพียงแต่แก้ปัญหาน้ำท่วมขัง แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งได้ด้วย อีกทั้งสามารถปล่อยน้ำในการผลักดันไม่ให้น้ำเค็มจากทะเลไหลเข้าสู่แม่น้ำลำคลองและพื้นที่การเกษตร และน้ำจืดที่เก็บกักไว้ในแก้มลิง ประชาชนสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค ทำให้คนไทยมีน้ำกินน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี

Advertising

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน 9 แนวทางให้รัฐบาลยึดเป็นหลักปฏิบัติ

People unity news online : เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า เมื่อวาน (7 สิงหาคม) ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งเป็นการถวายรายงานการทำงานของรัฐบาลตามห้วงระยะเวลา โดยได้ถวายงานในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่ง สรุปได้ดังนี้

1.ทรงห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมทั้งภาคเหลือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงรับสั่งให้รัฐบาลช่วยเหลือตามมาตรการต่างๆอย่างรวดเร็ว และทั่วถึง ลดภาระความซ้ำซ้อน สิ่งใดที่สถาบันจะช่วยได้ ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ อย่างที่ทรงพระราชทานอยู่ปัจจุบันนี้ พร้อมทรงรับสั่งให้แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนเป็นพื้นที่ๆไป ถ้าไม่สามารถแก้ไขในภาพรวมได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ทูลถวายถึงโครงการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำภาพรวมของรัฐบาลว่า ติดปัญหาอยู่ที่ประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องที่ดิน และในพื้นที่ส่วนบุคคล โดยไม่สามารถทำได้ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ต่อไป

2.ทรงรับสั่งขอให้ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข ทั้งการช่วยเหลือ การบรรเทา การจัดระเบียบ การสร้างวินัย การสร้างอุดมการณ์ ขอให้ทำในทุกมาตรการอย่างต่อเนื่อง

3.ให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทยแต่โบราณกาลที่เป็นส่วนที่ดีงาม เป็นอัตลักษณ์ของไทย ให้คนมาท่องเที่ยว มาชื่นชม ขอให้รักษาไว้ให้ได้

4.เรื่องภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น ภัยคุกคามรูปในแบบเก่า การรักษาอธิปไตย วันนี้น้อยลง ก็มีแต่การรักษาทรัพยากรบนแผ่นดินและบนพื้นน้ำที่เป็นอาณาของประเทศไทย ที่จำเป็นต้องมีกำลังไว้รักษา และภัยคุกคามรูปแบบใหม่ต้องเตรียมมาตรการรองรับให้ดี ให้เป็นสากล

5.ทรงให้เร่งดูแลระบบการศึกษา ซึ่งปัจจุบันได้มีการปฏิรูปการศึกษา เร่งกระบวนการเรียนรู้ ให้คนไทยมีความรู้ สามารถประกอบอาชีพมั่นคง มีความเข้มแข็ง มีหลักคิดที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง จะได้ลดความขัดแย้ง

6.ทรงขอให้ช่วยกันส่งเสริมกลุ่มงานจิตอาสา ซึ่งตนได้สั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงมหาดไทย จัดตั้งอาสาสมัครในการดูแลพื้นที่ และความมั่นคง ในลักษณะจิตอาสา หรือทำกิจกรรมสาธารณะ

7.การดูแลประชาชน ให้ความเป็นธรรม กระบวนการยุติธรรมทุกอย่างให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ มีหลักฐานที่ชัดเจน ให้ประชาชนเชื่อมั่นไว้วางใจในกระบวนการยุติธรรมให้ได้

8.ข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทรงขอให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่าง เป็นแม่แบบให้กับประชาชนให้เคารพศรัทธาเชื่อมั่นในการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ลดผลกระทบระหว่างกันให้ได้ในการบังคับใช้กฎหมาย

9.ทรงเสียพระทัยในการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 โดยรับสั่งว่าขอให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจ ขยายสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงทำไว้มากมายให้ยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ขอให้สำนึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมขอให้นำทุกอย่างที่ทั้งสองพระองค์ได้ทรงริเริ่มนำไปขับเคลื่อน ส่วนพระองค์จะสนับสนุนส่งเสริมรัฐบาลในการทำเพื่อประชาชน

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และโชคดีที่ประเทศไทยมีพระบาทสมเด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ซึ่งทรงสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถต่อไป ขอให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษา ให้ใช้การสูญเสียในครั้งนี้ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านต่อไป

People unity news online : post 9 สิงหาคม 2560 เวลา 17.00 น.

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

​นายกฯซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงพระราชทานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษเคลื่อนที่

People Unity News : ​นายกฯ ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวงพระราชทานรถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษเคลื่อนที่ต้นแบบ และชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนไทย ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้จากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยประชาชนไทยและได้พระราชทาน รถวิเคราะห์ผลด่วนพิเศษพระราชทาน และ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน โดยได้พระราชทานมาแล้วรวมทั้งสิ้น 20 คัน เพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 และวิเคราะห์ผลได้อย่างรวดเร็วขึ้น จะส่งผลให้ทำการตรวจเชิงรุกได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรียังชื่นชมการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าศูนย์ฯ ที่สนธิกำลังกวดขันและบูรณาการการทำงานของกองกำลังป้องกันชายแดนอย่างเข้มข้น ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ในการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง เพิ่มความถี่การตั้งจุดตรวจ และลาดตระเวนในพื้นที่ชายแดนทุกด้าน เพิ่มการวางเครื่องกีดขวางตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลมและสำคัญในภูมิประเทศ และเครื่องมือพิเศษทุกระบบในการเฝ้าตรวจพื้นที่ เช่น CCTV และการใช้โดรน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการข้ามแดนผิดกฎหมาย ทั้งการลักลอบข้ามแดนของแรงงานผิดกฎหมาย การมั่วสุมผิดกฎหมายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การลักลอบขนย้ายสินค้าผิดกฎหมาย และยาเสพติด

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตนตามกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเพื่อรับผิดชอบต่อตนเอง และรับผิดชอบต่อผู้อื่นในสังคม

Advertising

“บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

วันนี้ (17 เมษายน 2562) เวลา 08.30 น. ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ บริเวณสนามหญ้าหน้า  ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เข้ารับพระราชทานต้นไม้มงคล เพื่อเชิญไปปลูกเป็นปฐมฤกษ์ บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้โครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 โดยแต่ละจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะเลือกถนนที่มีความสำคัญหรือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เพื่อดำเนินการปลูกต้นไม้ ให้ร่มรื่นสวยงามตลอดสองข้างทาง ปรับภูมิทัศน์ถนนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามและปลอดภัย ทั้งในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

พลเอก วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “เพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานต้นรวงผึ้ง อันเป็นต้นไม้มงคลประจำรัชกาล อีกทั้งต้นไม้ยังเป็นสัญญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ และแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเย็นเฉกเช่นเดียวกับพระบารมีแผ่ไพศาลแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงปกปักษ์รักษาอาณาประชาราษฎร์ ให้ได้รับความผาสุกร่มเย็นทั่วกัน”

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานปลูกต้นรวงผึ้ง ปฐมฤกษ์ ณ บริเวณสนามหญ้าด้านหน้า ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีป้ายประกอบข้อความว่า  ต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี ในโครงการ “1 จังหวัด 1 ถนนเฉลิมพระเกียรติ” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ปลูกโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันพุธที่ 17 เมษายน 2562

ใต้ร่มพระบารมี : “บิ๊กตู่” ปลูกต้นรวงผึ้งพระราชทาน ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 ต้นปฐมฤกษ์ ที่ทำเนียบ

People Unity : post 17 เมษายน 2562 เวลา 11.30 น.

ธ.ออมสินจัดงานครบรอบ 104 ปี 1 เมษายน 2560 สนองพระมหากรุณาธิคุณ ส่งเสริมการออมของประชาชน

People unity news online : นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า วันที่ 1 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันมงคลยิ่งของธนาคารออมสิน ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานพระราชทรัพย์จัดตั้ง “คลังออมสิน” ขึ้นเมื่อปี 2450 ด้วยทรงเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของการออมทรัพย์ และให้ประชาชนมีสถานที่เก็บรักษาทรัพย์สินเงินทองให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้าย ก่อนที่จะทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตประกาศใช้พระราชบัญญัติคลังออมสิน เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2456 ความแข็งแกร่งและมั่นคงของคลังออมสิน ซึ่งใช้เวลาก่อร่างสร้างตัวในช่วงเวลาที่ผ่านมาอย่างยาวนาน จนได้รับพระราชทานการจัดตั้งเป็น “ธนาคารออมสิน” เมื่อปี พ.ศ.2489 จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ และสถาบันเพื่อการออมแห่งนี้ได้ดำเนินการมาจนมีวาระครบรอบ 104 ปีแล้ว นับว่าเป็นวาระมงคลยิ่งของธนาคารที่ก่อตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีอายุมากกว่า 1 ศตวรรษแล้ว

ดังนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงความเป็นสถาบันเพื่อการออมมาอย่างยาวนาน 104 ปี อีกทั้งยังเป็นการขอบคุณลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ให้ความไว้วางใจในการฝากทรัพย์กับธนาคารออมสิน ธนาคารฯจึงได้เปิดให้บริการรับฝากเงินเป็นกรณีพิเศษในวันคล้ายวันสถาปนาธนาคารออมสิน วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2560 ระหว่างเวลา 8.30 – 12.00 น. ได้แก่ สำนักพหลโยธิน (สำนักงานใหญ่) สำนักราชดำเนิน ธนาคารออมสินสาขา และหน่วยให้บริการที่เปิดทำการ 5 วันต่อสัปดาห์ พร้อมกับจัดกิจกรรมพิเศษ ด้วยการแจก “กระปุกเรือออมสิน” เป็นที่ระลึก 1 ใบ ต่อ 1 บัญชี (ของมีจำนวนจำกัด) เพื่อเป็นการส่งเสริมการออมทรัพย์ให้แก่ผู้เปิดบัญชีเงินฝากใหม่หรือฝากเงินประเภทใดก็ได้ ซึ่งต้องฝากด้วยตัวเองไม่ต่ำกว่าบัญชีละ 500 บาท โดยสามารถฝากต่างสาขาได้ แต่กรณีบัญชีเพื่อผู้เยาว์ ผู้มาฝากเงินจะเป็นผู้ฝากหรือผู้เยาว์ก็ได้

นอกจากนี้ ยังมีอีกกิจกรรมที่ธนาคารออมสินมอบให้มาช้านาน แต่ประชาชนทั่วไปอาจจะยังไม่ทราบมากนัก คือ ธนาคารออมสินมอบเงินทุนประเดิม (เงินขวัญถุง) ให้แก่เด็กแรกเกิดในวันออมสิน ในวันที่ 1 เมษายน ของทุกปี เพื่อเป็นการสร้างนิสัยการออมให้แก่เด็กจำนวน 500 บาทต่อราย และพิเศษสำหรับเด็กแรกเกิดที่บิดามารดาตั้งชื่อว่า “ออมสิน” ธนาคารฯมอบให้เป็น 5,000 บาท เพียงนำสูติบัตรของเด็กพร้อมด้วยทะเบียนบ้านที่มีชื่อบิดา-มารดา มาแสดงที่สาขาธนาคารออมสินใกล้บ้าน ธนาคารฯจะนำเงินทุนประเดิมฝากเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ และจะเก็บเงินทุนประเดิมนี้ไว้จนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ โดยขอรับทุนประเดิมนี้ได้ไม่เกินเดือนธันวาคม 2560

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ธนาคารออมสิน Call Center โทร.1115.

People unity news online : post 24 มีนาคม 2560 เวลา 00.01 น.

เตรียมเสนอพระนามในหลวง ร.9 ให้ยูเนสโกประกาศยกย่อง

People Unity News : 6 มิถุนายน 2566 ครม. เห็นชอบเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การยูเนสโกประกาศยกย่อง ร่วมเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปี วันพระบรมราชสมภพ ในปี 2570

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบหลักการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ประกาศยกย่อง และร่วมเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปี วันพระบรมราชสมภพ ในปี 2570 โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำร่างเอกสารเสนอพระนามต่อองค์การ UNESCO ต่อไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการประชุมหารือร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น มีมติเห็นชอบการเสนอพระนามพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้องค์การ UNESCO ประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลองในวาระ 100 ปี วันพระบรมราชสมภพ ในปี 2570 เนื่องจากทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นต่อประเทศไทย ทรงอุทิศพระองค์เพื่อปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพสกนิกร

“พระราชกรณียกิจของพระองค์สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และการดำเนินงานขององค์การ UNESCO ทั้ง 5 ด้าน คือ การศึกษา วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน ตลอดจนมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมสันติภาพ ความเท่าเทียม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งนานาชาติและองค์การระหว่างประเทศต่างๆ ให้การยอมรับในฐานะพระมหากษัตริย์นักพัฒนา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้เตรียมการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1.ยกร่างข้อมูลเพื่อเสนอพระนามฯ ให้องค์การ UNESCO โดยจะต้องจัดส่งเอกสารการเสนอพระนามฯ ภายในปี 2567 เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารขององค์การ UNESCO เพื่อพิจารณาภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 ก่อนที่ประชุมสมัยสามัญขององค์การ UNESCO พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในเดือน พฤศจิกายน 2568 2.เตรียมการด้านต่างๆ โดยได้จัดทำร่างแผนการดำเนินงานการเสนอพระนามฯ เพื่อให้การดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่างๆ ด้วยความเรียบร้อยและสอดคล้อง ตามหลักเกณฑ์และกำหนดการขององค์การ UNESCO” นายอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยมีบุคคลสำคัญที่ได้รับการประกาศยกย่องและร่วมเฉลิมฉลอง โดยองค์การ UNESCO เช่น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยรัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี ซึ่งตรงกับวันประสูติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566

Advertisement

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มแก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ 6,400 ราย

People Unity News : “ประยุทธ์” ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการวันแรกสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานฯ แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และชุมชนโดยรอบ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (25 มิ.ย. 2564) เมื่อเวลา 09.30 น. ณ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการวันแรกสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และชุมชนในพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาลเป็นกลุ่มแรก จำนวน 6,400 ราย (วัคซีนจำนวน 6,400 โดส) เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 64 พรรษา 4 กรกฎาคม 2564 และเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม และได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อประเทศชาติ นับเป็นพระกรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้แก่ปวงชนชาวไทย โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และศาสตราจารย์ นายแพทย์นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมตรวจเยี่ยมด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่ในวันนี้มีผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรัฐบาลพยายามจัดหาวัคซีนให้ประชาชนทุกคนตามความเหมาะสม พร้อมย้ำบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลผู้ปฏิบัติงาน ระหว่างดูแลประชาชนขอให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพตนเองไปพร้อมด้วย โดยเฉพาะการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณุข สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือ เว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด

นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการสำหรับการฉีดวัคซีนพระราชทานในศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 64 พรรษา 4 กรกฎาคม 2564 โดยวัคซีนซิโนฟาร์มล็อตแรก จำนวน 1 ล้านโดส ที่ได้จัดส่งถึงประเทศไทยแล้วนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานให้แก่หน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์ รวมทั้งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จำนวนแห่งละ  6,400 โดส รวมทั้งหมด 25,600 โดส ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐบาลที่ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยวันนี้การฉีดวัคซีนจะเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย และผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และจะเร่งดำเนินการกระจายวัคซีนไปในทุกจังหวัด โดยบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการจัดหาวัคซีนก็ยังเป็นไปตามแผนที่กำหนด และจะมีการเร่งเจรจาจัดหาและจัดซื้อเพิ่มเติมอีก เพื่อให้เพียงพอสำหรับประชาชนทุกกลุ่มและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนในประเทศ

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นปัจจุบันนั้น นายกรัฐมนตรีได้หารือกับกระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมที่จะดูแลประชาชน รวมถึงมีการปรับเตียงรองรับผู้ป่วยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจัดหาสถานที่ ห้องความดันลบ และจัดหาเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึงและทันท่วงที ซึ่งคาดว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เร่งรัดดำเนินการสำหรับแรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งได้กำชับและสั่งการให้กระทรวงแรงงานไปตรวจโรงงานที่รับแรงงานที่ผิดกฎหมายซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพราะตราบใดที่มี Demand ก็ยังมี Supply และมีคนแสวงหาประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรียอมไม่ได้ หากพบว่าใครเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกลงโทษ

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขณะนี้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ควบคู่กับการดำเนินการในหลายเรื่อง ทั้งการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมด้วย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโควิด-19 รัฐบาล ศบค. กระทรวงสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญยึดหลักร่วมกัน คือ 1. การดูแลเรื่องการติดเชื้อ การแพร่ระบาด 2. การตรวจสอบคัดกรองเชิงรุก 3. การปิดกั้นพื้นที่ที่แพร่ระบาดด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน 4. การจัดหาวัคซีน ทั้งที่ได้มาแล้วสู่การฉีดให้ได้มากและเร็วที่สุด และการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม 5. การรักษาสมดุลกับการควบคุม เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหลายประเทศให้ความสนใจ ต้องการมาเที่ยวประเทศไทย แต่ต้องมีมาตรการที่รัดกุม เช่น ที่จังหวัดภูเก็ต ที่กำลังจะเปิดในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ก็ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปดูแลแล้ว ซึ่งหากดำเนินการในพื้นที่ภูเก็ตได้ ก็จะมีการพิจารณาขยาย Phuket Sandbox ไปดำเนินการในพื้นที่อื่นด้วย

Advertising

“หมอชลน่าน” สุดปิติเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในหลวงพระราชทานกำลังใจ ทรงชมนายกฯ เป็นคนเก่ง

People Unity News : 5 กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล – รมว.สธ.สุดปิติเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ในหลวงพระราชทานกำลังใจ ทรงชมนายกฯ เป็นคนเก่ง พร้อมสานต่องานเดิมที่ดีอยู่แล้ว ยึดประชาชนเป็นหลักทำงาน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าเฝ้า ฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ว่า ครั้งนี้เป็นการเข้าถวายสัตย์เป็นครั้งที่ 2 ของตน ต้องเรียนด้วยความเคารพว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารที่ทำให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจอย่างมาก ทรงมีพระราชกระแสตรัสให้กำลังใจ หลังจากถวายสัตย์เสร็จสิ้นพระองค์ได้เดินเข้ามาหานายกรัฐมนตรีด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้ม และพูดให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าท่านนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ได้ดี พระองค์ท่านยังทรงชมนายกรัฐมนตรีว่าเชื่อมั่นว่าเป็นคนเก่งอยู่แล้ว และทรงมีพระสรวล เราเองก็มีความปิติ ตามที่เราได้ถวายสัตย์ปฏิญาณ ว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประเทศชาติและบ้านเมือง และปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทุกประการ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข ว่า มั่นใจในการทำงาน เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายชัดเจนว่าเราคือรัฐบาลของประชาชน เราคำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้น กลไกในการบริหารราชการแผ่นดินของกระทรวงสาธารณสุข อะไรที่ยึดโยงกับประชาชนดีอยู่แล้วเราก็ทำต่อไป อะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองของประชาชนได้ดีขึ้นก็ต้องดำเนินการ เข็มจึงมุ่งอยู่ที่ประชาชน ทั้งสุขภาวะร่างกายจิตใจ รวมถึงสติปัญญา

“ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขร่วมมือถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะกระทรวงสาธารณสุขมีความเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง โดยเฉพาะในช่วงแรกที่มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของกระทรวงเพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาล เราตั้งใจมุ่งมั่นที่จะใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ รวมถึงต้องวางโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอที จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง” นพ.ชลน่าน กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics