วันที่ 4 พฤษภาคม 2024

“บิ๊กตู่” นำ ครม.ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เฉลิมพระเกียรติในหลวง

People unity news online : นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม. นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายและประชาชน ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.10 น. ณ บริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้มีจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อแสดงน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ว่า การปฏิบัติการจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆด้าน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง หลอมรวมดวงใจของทุกคนให้เป็นพลังหนึ่งเดียวกัน และผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ กลายเป็นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนในประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ด้วยพลังของจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” มาสืบสาน ขยายผลออกไปในวงกว้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมไปถึงกลุ่มคนไทยในต่างประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตอาสาทุกคนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยได้จัดให้มีกิจกรรมจิตอาสานี้อีกหลายๆกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2561

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการผังเมืองของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับผิดชอบขยะของตนเอง ซึ่งต้องแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องรู้วิธีจัดการขยะว่านำไปจัดการอย่างไร เช่น นำไปทำปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า หรือเป็นพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ พร้อมกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เอื้อต่อประโยชน์แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ คือ ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อจะลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บ พร้อมกล่าวกับประชาชนจิตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมว่าให้เรียนรู้และทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลแก้ไขข้อกฎหมายด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างศาลพระภูมิ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ได้ปลูกต้นทองอุไร บริเวณถนนนครปฐมด้านติดคลองเปรมประชากร ก่อนนำคณะรัฐมนตรี จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ได้แก่  การฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล ทาสีรั้วบริเวณสะพานอรทัยและแนวขอบริมทางเดินเท้า ชมการสาธิตเรือลอกตะกอนและเครื่องกลเติมอากาศใต้น้ำ รวมทั้งเยี่ยมชมให้กำลังใจจิตอาสา บริเวณจุดบริการอาหารแก่จิตอาสาเชิงสะพานอรทัย และบริเวณถนนพระรามที่ 5 จนถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมชมการขุดลอกคลองบริเวณริมกำแพงโรงเรียนราชวินิต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบอาหารเป็นห่อข้าวเหนียวไก่และน้ำดื่มให้แก่ผู้มาร่วมปฏิบัติการจิตอาสาครั้งนี้ด้วย

People unity news online : post 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา-วันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา 22-28 ก.ค.

People unity news online : รัฐบาลจัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 10 – วันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา 22 – 28 ก.ค.นี้ จัด 11 ริ้วขบวน “พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม” อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสมัยทวารวดี – รัตนโกสินทร์ให้พุทธศาสนิกชนกราบสักการะ ณ สนามหลวง

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ที่กระทรวงวัฒนธรรม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร 28 กรกฎาคม 2561 ว่า รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และองค์กรศาสนา เป็นต้น ดำเนินการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในวันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  28 กรกฎาคม 2561 ซึ่งจะจัดงานนี้ขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยที่ยาวนานถึง 1,400 ปี และเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชของไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก และทรงปกครองประเทศและดูแลพสกนิกรชาวไทยด้วยหลักทศพิธราชธรรม

กิจกรรมหลักที่จะจัดขึ้นใช้ชื่อว่า “พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม” โดยมีริ้วขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ พุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม ตั้งแต่สมัยทวารวดีถึงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย 11 ริ้วขบวน ได้แก่ 1.ธรรมจักรยาตรา เป็นรถขบวนอัญเชิญธงธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี และรถขบวนจำลองวงล้อธรรมจักร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา 2. เทียนพรรษาเสริมศาสน์ ขบวนจำลองแห่เทียนพรรษาที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม เป็นประเพณีตั้งแต่โบราณกาลในวันเข้าพรรษา 3. บรมนาถทวารวดี เป็นรถขบวนจำลองโบราณสถานวัดคูบัว จ.ราชบุรี พระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาทศิลปะแบบทวารวดี ใบเสมาที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ 4. เสริมศรีโคตรบูร เป็นรถขบวนจำลองพระธาตุพนม จ.นครพนม หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย 5. เจิดจำรูญศรีวิชัย เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์พระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พระพุทธรูปปางมารวิชัยนาคปรก แบบศิลปะศีวิชัย 6. ไตรภพลพบุรี เป็นรถขบวนจำลองพระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี และพระพุทธรูปทรงเครื่องปางนาคปรก 7. ธรรมวิถีล้านนา เป็นรถขบวนจำลองพระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง และประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์  จ.เชียงใหม่ 8. เชิดบูชาสุโขทัย เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ วัดมหาธาตุ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และประดิษฐานพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก 9. เกษมสมัยอยุธยา เป็นรถขบวนจำลองเจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ พระพุทธรูปทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา 10.ธรรมารัตนโกสินทร์ เป็นรถขบวนจำลองพระศรีศากยะทศพลญาณจากพุทธมณฑล พระศรีรัตนเจดีย์ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และ 11. แผ่นดินศาสนูปถัมภก โดยริ้วขบวนจะมีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุสำคัญทั้งหมด 5 ยุค ได้แก่ ทวารวดี ล้านนา สุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ ซึ่งขบวนเฉลิมพระเกียรติฯมีข้าราชการ ศิลปินดารา ทหารกองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ ตำรวจและพสกนิกร เข้าร่วมขบวน โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปล่อยริ้วขบวน ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561

ทั้งนี้ แต่ละริ้วขบวนมีการแสดงฟ้อนรำและระบำของแต่ละยุคที่ได้รับการฟื้นฟูขึ้น โดยริ้วขบวนจะเคลื่อนจากบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ผ่านถนนราชดำเนินไปยังท้องสนามหลวง เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแต่ละยุคไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบสักการบูชาและเวียนเทียนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และชมนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุแต่ละยุค ตั้งแต่วันที่ 23-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 08.00-20.00 น. ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมงานดังกล่าว และขอความร่วมมือแต่งกายด้วยชุดสีขาว พร้อมตั้งโต๊ะหมู่บูชาเพื่อสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ขณะที่ริ้วขบวนเคลื่อนผ่านจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.00 น.

นายวีระ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้  มีกิจกรรมทางศาสนา ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระบรมธาตุเจดีย์หรือพระพุทธรูปสำคัญของแต่ละจังหวัด วันที่ 15-28 กรกฎาคม 2561 ณ ส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด พิธีเจริญพระพุทธมนต์หล่อเทียนพรรษา 10 ต้น วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และพิธีปล่อยขบวนรถแห่เทียนพรรษา 10 ต้น วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 เพื่อนำไปถวายยังพระอารามหลวง 10 วัด ได้แก่ 1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 2. วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม 3. วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 4. วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 5. วัดบุรณศิริมาตยาราม 6. วัดบวรนิเวศวิหาร 7. วัดสุทัศนเทพวราราม  8. วัดชนะสงคราม 9. วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 10. วัดปรินายก รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม อาทิ ประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ตอบปัญหาธรรมะ การสวดสาธิตโอ้เอ้วิหารราย การแสดงธรรม ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น วันที่ 23-27 กรกฎาคม 2561 ณ ท้องสนามหลวง และกิจกรรมธรรมะสู่คนทั้งมวลโดยปฏิบัติธรรม รักษาศีล เจริญจิตภาวนา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล วันที่ 22-28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดในส่วนภูมิภาค 30 จังหวัด รวมทั้งมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์นวัคคหายุสมธัมม์ วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 เวลา 15.09 น. ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และพิธีสวดมหามงคล 5 ศาสนาถวายพระพร ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล อีกทั้งจัดงานอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาอาเซียนใน 16 จังหวัดตามแนวชายแดนของไทยที่มีพื้นที่ติดกับกลุ่มประเทศอาเซียน

ขณะเดียวกันมีกิจกรรมด้านศิลปะและวัฒนธรรม อาทิ วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 คอนเสิร์ตชุมนุมนักร้องประสานเสียงนานาชาติ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย วันที่ 24-26 กรกฎาคม 2561 การแสดงเฉลิมพระเกียรติ “ใต้ร่มพระมหากรุณา มหาวชิราลงกรณ” ณ โรงละครแห่งชาติ โดยวันที่ 24 กรกฎาคม 2561 การแสดงรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “พัทธวิสัย” มหกรรมกลอง การละเล่นของหลวง “ระเบง” และการแสดงโขน ชุดน้อมพลีกาย ถวายภักดี วันที่ 25 กรกฎาคม การแสดงรำถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร “พัทธวิสัย” การบรรเลง-ขับร้องดนตรีสากล การแสดงบัลเล่ต์มโนราห์ การละเล่นของหลวง “โมงครุ่ม กุลาตีไม้” และการแสดงโขน ชุดศึกวิรุญจำบัง และวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 การแสดงหุ่นละครเล็กเฉลิมพระเกียรติฯ วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 การแสดงดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติฯ ณ เวทีกลางแจ้ง และหอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ Thai PBS จะบันทึกเทปการแสดงดนตรีไทยเฉลิมพระเกียรติ ฯในวันดังกล่าว และจะนำไปออกอากาศในวันที่ 4 สิงหาคม 2561 เวลา 12.05-16.00 น. นอกจากนี้ วันที่ 25 กรกฎาคม 2561 มีกิจกรรมเสวนาวิชาการหัวข้อ “ใต้ร่มพระมหากรุณา มหาวชิราลงกรณ” ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป อีกทั้งจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน และส่วนภูมิภาคจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ จ.อุบลราชธานี อุดรธานี ชลบุรี สงขลาและเชียงใหม่

รวมถึงกิจกรรมจิตอาสาเราทำความดีด้วยหัวใจ โดยจิตอาสาวัฒนธรรมร่วมทำความดีด้วยหัวใจและการทำความสะอาดโบราณสถานอุทยานประวัติศาสตร์และศาสนสถานทั่วประเทศ และชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั่วประเทศบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายเป็นพระราชกุศล อีกทั้ง วธ.ได้จัดทำและเผยแพร่สารคดีเฉลิมพระเกียรติฯ บทเพลงเฉลิมพระเกียรติฯ และภาพยนตร์ข่าวพระราชกรณียกิจที่สำคัญในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทั้งนี้ มีพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลและขับร้องเพลง “สดุดีจอมราชา” ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนวัฒนธรรม โทร.1765

People unity news online : post 19 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.10 น.

ธ.ออมสินประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

People unity news online : ธนาคารออมสินจัดประกวดวาดภาพแนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัลรวม 1.77 ล้านบาท พร้อมเปิดศูนย์รับผลงาน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้รักศิลปะได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม เปิดรับสมัครและรับผลงานพร้อมกันในเดือนกันยายน

5 กรกฎาคม 2561 นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารออมสินได้ให้การสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน เพื่อให้มีเวทีแสดงความสามารถทั้งทางด้านดนตรี กีฬา วิชาการ และด้านศิลปะการวาดภาพ ภายใต้โครงการ GSB Generation กิจกรรมการประกวดวาดภาพครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” เพื่อเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระเกียรติคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ในฐานะทรงเป็น “อัคราภิรักษศิลปิน” ทรงพระปรีชาสามารถล้ำเลิศทุกแขนง ทรงตระหนักในคุณค่าความงดงามของศิลปะ ทรงทุ่มเทพละกำลังทั้งปวงในการทำนุบำรุงงานศิลปะไว้เป็นสมบัติศิลป์แห่งแผ่นดินไทย ทรงฟื้นฟูงานศิลปะที่แทบจะสูญสิ้นให้กลับมาสร้างคุณค่าและความภาคภูมิใจให้แก่ประชาชนชาวไทย ทรงเล็งเห็นศักยภาพของราษฎรที่มีความสามารถทางด้านศิลปหัตถกรรม จึงทรงอนุรักษ์ ทำนุบำรุง ส่งเสริม และฟื้นฟูศิลปะทุกแขนงของประเทศไทย ทั้งงานด้านหัตถศิลป์ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ศิลปะพื้นบ้านที่เป็นมรดกตกทอดกันมาช้านาน ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นล้วนเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง ให้ได้กลับมาโด่งดังเป็นที่ยอมรับมีชื่อเสียงแผ่ไพศาลไปยังนานาประเทศ และนำพาความผาสุก ความเจริญมาสู่อาณาประชาราษฎร์

“การจัดการประกวดวาดภาพในปีนี้มีความพิเศษกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาคือ ธนาคารได้แบ่งประเภทการประกวดออกเป็น 4 ประเภทตามช่วงอายุ เพิ่มกิจกรรมโรดโชว์ไปตามมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางทั้ง 4 ภูมิภาค และมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับมุมมองศิลปะ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษา หรือผู้สนใจทั่วไป ได้รับฟังแนวคิดและประสบการณ์ที่หาฟังได้ยากยิ่งจากวิทยากรและศิลปินที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มศูนย์รับผลงานทั้ง 3 ภูมิภาค ได้แก่ภาคเหนือ-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ-มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และภาคใต้-มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าประกวดให้สามารถเลือกจุดรับส่งผลงานใกล้ภูมิลำเนาของตนเอง สำหรับคณะกรรมการตัดสินยังคงเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ชุดเดิมนำทีมโดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณอิทธิพล ตั้งโฉลก และศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์” ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าว

ด้าน ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ หนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้แนะนำให้ศิลปินที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ว่า ทุกคนต้องแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตนเองให้เต็มที่ต้องศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลและตีโจทย์ให้แตก ซึ่งงานศิลปะต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจนออกมาให้โดดเด่นเป็นที่สะดุดตาต้องมีความหมาย และสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ได้ชื่นชมผลงานศิลปะเหล่านั้น

การประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” มีหลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ เจ้าของผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย และสร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง ที่สำคัญก่อนส่งผลงานเข้าประกวด ต้องสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์ gsbgen.com สำหรับประเภทการประกวดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่ 1 บุคคลทั่วไป ประเภทที่ 2 เยาวชน อายุ 15-18 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2543-2546) ประเภทที่ 3 เยาวชน อายุ 11-14 ปี (ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2547-2550) และประเภทที่ 4  เยาวชน อายุ 7-10 ปี (ผู้ที่เกิดพ.ศ. 2551-2554) โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  พร้อมเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 1.77 ล้านบาท

สำหรับผลงานที่ส่งเข้าประกวด ต้องเป็นงานศิลปะมีลักษณะโดยรวมเป็น 2 มิติ ทั้งนี้ผลงานที่ส่งเข้าประกวดทุกชิ้นจะต้องไม่เคยถูกตีพิมพ์หรือเข้าประกวดที่ใดมาก่อน และไม่ติดลิขสิทธิ์ของบุคคลหรือบริษัทอื่นใด ระยะเวลาในการส่งผลงาน คือกลางเดือนกันยายน 2561 โดยคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกและตัดสินในส่วนภูมิภาคและกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคม ส่วนพิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จากนั้นผลงานที่ได้รับรางวัลทุกชิ้นจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร (BACC) ในช่วงเดือนธันวาคม 2561

ผู้สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดการส่งผลงานเข้าประกวดวาดภาพ “ออมมรดกศิลป์ แผ่นดินแม่” ได้ทางเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ www.gsbgen.com  รวมถึง Facebook Fanpage “ประกวดวาดภาพ ธนาคารออมสิน” ผู้สนใจสามารถกดติดตามข่าวความเคลื่อนไหวได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอีเมลที่ gsbgen.art@gmail.com

People unity news online : post 5 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.30 น.

นายกฯยินดีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จพัฒนายาชีววัตถุรักษามะเร็งเต้านม

People unity news online : นายกรัฐมนตรียินดีกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม

วันนี้ (3 กรกฎาคม 2561) เวลา 15.00 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล  พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ประสบความสำเร็จในการพัฒนายาชีววัตถุ ซึ่งเป็น Monoclonal antibody ชนิดแรก ที่มีบทบาทสำคัญในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่มีการค้นคว้าวิจัยจนประสบความสำเร็จ และถือว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นแรกที่ดำเนินการโดยนักวิจัยในประเทศไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยไม่ต้องอาศัยการซื้อหรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดมีโอกาสได้รับการรักษาโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง

People unity news online : post 3 กรกฎาคม 2561เวลา 20.20 น.

ก.วัฒนธรรมจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปีกรุงรัตนโกสินทร์” 21-25 เม.ย. ชวนออเจ้าแต่งชุดไทยย้อนยุคร่วมริ้วขบวน

People unity news online : กระทรวงวัฒนธรรม จัดงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย.นี้ โชว์ 11 ริ้วขบวนแสดงการสถาปนากรุงเทพฯ – ประวัติศาสตร์สำคัญ 10 รัชกาล นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนร่วมงานใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ มีพิธีเปิด 21 เม.ย. เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพฯ

เมื่อวานนี้ (17 เมษายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ห้องโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และคณะ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมการรณรงค์งานมหกรรมวัฒนธรรมรัตนโกสินทร์ “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์”

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้กล่าวรายงานว่า กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน จัดงานมหกรรมวัฒนธรรมใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2561 รวม 5 วัน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีที่ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีที่ได้ทรงนำพาและพัฒนาประเทศให้เป็นปึกแผ่นและมีความเจริญรุ่งเรืองมาครบรอบ 236 ปี โดยงานครั้งนี้มีพิธีเปิดในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ กรุงเทพมหานคร และมีริ้วขบวนที่แสดงถึงประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์และเหตุการณ์สำคัญสมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 10 ภายใต้แนวคิด “รัตนโกสินทร์เรือนรอง” จำนวน 11 ริ้วขบวน ได้แก่ 1) เฉลิมฉลอง 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์ 2) รัชกาลที่ 1 สร้างบ้านแปงเมือง 3) รัชกาลที่ 2 ฟูเฟื่องวรรณกรรม 4) รัชกาลที่ 3 เลิศล้ำเศรษฐกิจ 5) รัชกาลที่ 4 แนวคิดอารยะ 6) รัชกาลที่ 5 วัฒนะสู่สากล 7) รัชกาลที่ 6 มากล้นการศึกษา 8) รัชกาลที่ 7 ประชาธิปไตย 9) รัชกาลที่ 8 นำไทยสามัคคี 10) รัชกาลที่ 9 พระบารมีเปี่ยมล้น และ 11) รัชกาลที่ 10 ประชาชนเปี่ยมสุข โดยประชาชนสามารถแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยต่างๆ เข้าร่วมริ้วขบวนดังกล่าวได้ โดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ ริ้วขบวนจะเริ่มเคลื่อนจากพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ผ่านถนนราชดำเนินกลางสนามหลวงและถึงโรงละครวังหน้า ส่วนกิจกรรมด้านศาสนามีในวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 07.00 น. มีพิธีบำเพ็ญกุศลถวายแด่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชและพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 237 รูป ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และเวลา 08.30 น. พิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ณ ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร หลักจากนั้น เวลา 10.00 น. มีพิธี 5 ศาสนามหามงคล ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) นอกจากนี้ มีกิจกรรมในพื้นที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และรอบเการัตนโกสินทร์ ได้แก่

1.โรงละครแห่งชาติ (โรงใหญ่) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 16.00-19.00 น. กิจกรรมสุดยอดการแสดงยุครัตนโกสินทร์และการแสดงจากมิตรประเทศ ได้แก่ การแสดงนาฏยหุ่นไทย (ชุมนุมหุ่นไทย) โขนเรื่อง “รามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี” อุปรากรจีน (งิ้ว) เรื่อง รามเกียรติ์ และกิจกรรมในโซน “เสน่ห์ไทยวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน

2.โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) วันที่ 22-24 เมษายน 2561 เวลา 13.00-15.00 น. เสวนาทางวิชาการที่เกี่ยวเนื่องกับกรุงรัตนโกสินทร์

3.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันที่ 21-25 เมษายน 2561 เวลา 14.00-21.00 น. จัดเป็นโซน “เสน่ห์ไทยเมื่อวันวาน” มีการสาธิตภูมิปัญญาและจำหน่ายอาหารไทยโบราณ บริการให้เช่าชุดไทยย้อนยุค แต่งกายย้อนยุคถ่ายภาพย้อนวันวาน และการแสดงทางวัฒนธรรม ประกอบด้วย หุ่นละครเล็กคลองบางหลวง มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ และกิจกรรมยลวังหน้ายามเย็น เยี่ยมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ

4.สวนสันติชัยปราการ (บางลำพู) วันที่ 21-25 เมษายน 2561 จัดเป็นโซน “เสน่ห์บางกอก” สาธิตและจำหน่ายอาหารของดีวิถีชุมชน กรุงเทพมหานคร ร้านค้าของที่ระลึกชุมชนในบางกอก จุดถ่ายภาพ วิถีวัฒนธรรมชุมชนบางลำพู การแสดงทางวัฒนธรรม เวลา 18.00-21.00 น. ประกอบด้วย การแสดงดนตรีไทยจากดุริยประณีตชุมชนบางลำพู ละครนอก โขนสด และมีมัคคุเทศก์น้อยนำชมงาน

5.ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร วันที่ 21-25 เมษายน จัดเป็นโซน “เสน่ห์วิถีถิ่น วิถีไทย” ตลาดประชารัฐร่วมใจ ของดีบ้านฉันจาก 4 ภาค สาธิตวิถีชีวิตชุมชน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น จำหน่ายสินค้าและอาหารพื้นเมือง และกิจกรรมการแสดงพื้นบ้าน เวลา 18.00-21.30 น. ประกอบด้วย มหกรรมการแสดงพื้นบ้าน มหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ คอนเสิร์ตศิลปินแห่งชาติ เป็นต้น

6.รอบเกาะรัตนโกสินทร์ วันที่ 21-25 เมษายน มีกิจกรรม ประกอบด้วย นิทรรศการและการแสดงต่างคล้าย ใช่เลย นิทรรศการและมหกรรมการแสดงพื้นบ้านนานาชาติ ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กิจกรรมไหว้พระเสริมสิริมงคล เยี่ยมยล ชมวัง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และศาสนสถาน เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดสุทัศนเทพวราราม วันบางขุนพรหม วังปารุสกวัน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์บางลำพู เทวสถาน เป็นต้น ประชาชนสามารถเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีรถโดยสารให้บริการฟรี ทั้งนี้จะมีพิธีปล่อยขบวนรถในวันที่ 21 เมษายน เวลา 09.30 น. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผ่านสถานที่ต่างๆรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และสิ้นสุดที่วัดมหาธาตุยุวราชังสฤษฎิ์

7.โรงภาพยนตร์สกาล่า วันที่ 24-27 เมษายน กิจกรรมชมสุดยอดภาพยนตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่ 9 และนิทรรศการ จำนวน 10 เรื่อง นอกจากนี้ จัดประกวดภาพถ่ายวัฒนธรรมไทยในสมัยรัชกาลที่ 10 เมษายนระหว่างเดือนจนถึงพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ติดต่อสอบถามได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร 1765 หรือ www.m-culture.go.th

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรมการจัดงานดังกล่าว เพื่อได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ของราชวงศ์จักรี ซึ่งมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลากว่า 236 ปีที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน พร้อมร่วมแต่งกายด้วยชุดไทยสมัยรัชกาลต่างๆเข้าร่วมริ้วขบวนได้โดยพร้อมเพรียงกัน ในพิธีเปิดวันที่ 21 เมษายน 2561 เวลา 18.15 น. ณ ลานพลับพลาพระมหาเจษฎาบดินทร์ ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ

People unity news online : post 18 เมษายน 2561 เวลา 08.19 น.

ประทับใจงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ต้อนรับประชาชนอบอุ่น เป็นแขกของพระเจ้าอยู่หัว

People unity news online : เหลือเวลาอีก ๑๑ วันเท่านั้น กับการจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจัดงานพระราชทานความสุขให้กับประชาชน และเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่างๆในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร องค์พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักเคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย ภายใต้ชื่องานว่า “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า ระหว่างวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ – ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๑.๐๐ น. วันศุกร์และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๓๐ – ๒๒.๐๐ น.

จึงขอเชิญชวนประชาชนไปร่วมงาน และแต่งกายย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ ๕ หรือสวมใส่ผ้าไทย หรือชุดสุภาพตามสมัยนิยม …อีก ๑๑ วันเท่านั้น

เสียงจากผู้เข้าชมงาน คุณสุภาวดี วงษ์เพชร ผู้อำนวยการ สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ และเป็นภรรยาของ พล.อ.พัชราวุธ วงษ์เพชร ผู้ทรงคุณวุฒิกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความประทับใจของงานอุ่นไอรักฯ ว่า

“ทุกอย่างภายในงานสวยงามมาก พิถีพิถันในการจัดงาน ได้บรรยากาศย้อนยุคจริงๆ และที่ประทับใจที่สุด คือ การต้อนรับ ซึ่งประชาชนทุกคนที่เข้าไปชมงาน จะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆอย่างดีมาก อบอุ่นด้วยความรัก ความสุภาพ ให้เกียรติกับประชาชนทุกคนเสมือนเป็นบุคคลสำคัญ ตั้งแต่ย่างก้าวแรกที่ขึ้นรถรับส่งของงานเพื่อเข้ามาชมงาน ได้ยินมาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับประชาชนที่มาเที่ยวชมงานในฐานะเป็นแขกของพระองค์ ได้ยินแล้วก็ขนลุก ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

People unity news online : post 1 มีนาคม 2561 เวลา 10.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาเนื่องในวันทหารผ่านศึกปี 61

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึกประจำปี 2561 ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ วางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และสดุดีวีรกรรมทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้คงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ และยังเป็นการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย โดยในพิธีมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้แทนแต่ละเหล่าทัพ สมาชิกองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้แทนส่วนราชการต่างๆเข้าร่วมในพิธี

บรรยากาศโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ประดับตกแต่งด้วยดอกป๊อปปี้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันทหารผ่านศึกอย่างสวยงาม ท่ามกลางประชาชนและผู้แทนจากส่วนต่างๆ ร่วมรำลึกถึงความดีของทหาร ตำรวจ พลเรือน ที่เสียสละชีวิตในกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้เสียสละชีวิต 59 นาย โดยปัจจุบันมีแผ่นทองจารึกชื่อผู้เสียชีวิตและผู้เสียสละชีพเพื่อชาติจากสงครามต่างๆ ตั้งแต่ปี 2483 – 2497 รวมทั้งสิ้น 807 นาย โดยในวันนี้ยังเป็นวันเดียวที่กระถางคบเพลิงรอบอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะถูกจุดด้วยไฟจริงๆ ทั้ง 4 ด้านในรอบ 1 ปี เพื่อสักการะดวงวิญญาณของเหล่าทหารผ่านศึก

People unity news online : post 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00 น.

ร.10 รับสั่งให้รัฐบาลสืบสานต่อยอดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งให้สืบสานต่อยอด ยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

วันนี้ (23 มกราคม 2560) เวลา 13.40 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความคืบหน้าโครงการจิตอาสาพระราชทานว่า โครงการดังกล่าวเป็นพระบรมราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงจัดตั้งขึ้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งกับรัฐบาลและประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1.ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานภาครัฐในรูปแบบของคณะกรรมการ  ผู้ประสานงานโครงการ การจัดทำแผนงาน เรื่องการพัฒนา การช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ และกิจกรรมพิเศษอื่นๆตามที่ได้รับมอบหมาย และ 2.เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น การลอกคูคลอง เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงรับสั่งให้สืบสานต่อยอด โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานส่วนพระองค์อยู่อย่างต่อเนื่อง

People unity news online : post 23 มกราคม 2561 เวลา 23.00 น.

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2560

People unity news online : พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” ประจำปี 2560 เชิดชูเกียรติต้นแบบแห่งการแบ่งปันเพื่อผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2560 เวลา 15.00 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติ ประจำปี 2560 แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นแก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากและผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ประพฤติตนดีเด่น โดยมี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. เฝ้ารับเสด็จ ณ ห้องประชุมชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ

พลเอก อนันตพร กราบทูลว่า ด้วย “พระประชาบดี” เทพผู้เป็นที่พึ่งและสงเคราะห์ประชาชน ด้วยพลังแห่งการให้และแบ่งปัน เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากสภาวะยากลำบาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จึงได้นำชื่อ “ประชาบดี” มาเป็นชื่อรางวัลแห่งเกียรติยศ อันเป็นที่สุดแห่งความภาคภูมิใจของต้นแบบความดีเพื่อช่วยเหลือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้ได้รับการยกย่องและเชิดชูคุณความดีให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ซึ่งตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยพระเมตตาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้เสด็จประทานรางวัล “ประชาบดี” เป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง

พลเอก อนันตพร กราบทูลต่อไปว่า การจัดงานประทานรางวัล “ประชาบดี” และเข็มเชิดชูเกียรติฯ เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 โดยมีผู้ได้รับรางวัลแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น 670 ราย ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา มีการมอบรางวัล “ประชาบดี” เพียง 4 ประเภท แต่สำหรับปี 2560 เป็นปีพิเศษที่มีการมอบรางวัลถึง 5 ประเภท โดยเพิ่ม1 รางวัล ประเภทผู้ที่ทำงานร่วมกับกระทรวง พม. มาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ในปีนี้ มีการมอบรางวัลเป็นจำนวนทั้งสิ้น 60 รางวัล ได้แก่ 1) ประเภทบุคคลที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากจำนวน 12 คน เช่น พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต 2) ประเภทองค์กรที่ทำคุณประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 7 องค์กร เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลอู่ตะเภา จังหวัดชัยนาท 3) ประเภทสื่อที่นำเสนอกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน 17 รายการ เช่น รายการ 76 จังหวัด ตามหาคนดี ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) 4) ประเภทบุคคลผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่ทำคุณประโยชน์และดำรงชีวิตเป็นแบบอย่างที่ดี จำนวน 17 คน เช่น นายสุวรรณฉัตร พรหมชาติ ซึ่งให้บริการรถแท็กซี่ ที่ได้รับบริจาค ในการรับ-ส่งผู้ที่อยู่ในสภาวะยากลำบากไปยังโรงพยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นระยะเวลาถึง 22 ปี และ 5) รางวัลเกียรติยศ บุคคลที่เสียสละอุทิศตนทำงานเพื่อสังคมและมีผลงานโดดเด่นสนับสนุนภารกิจกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม. อย่างต่อเนื่อง จำนวน 7 คน เช่น นายมีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มธุรกิจเพื่อสังคม และการสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก เป็นต้น

“กระทรวง พม. ขอแสดงความยินดีและยกย่องเชิดชูเกียรติกับทุกท่านและทุกองค์กรที่ได้รับรางวัลในวันนี้ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในสังคมเป็นกลไกหนุนเสริมภารกิจซึ่งกันและกันในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และพัฒนาสังคมร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวง พม. พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อการพัฒนาสังคม การพิทักษ์คุ้มครองสิทธิประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสหรือผู้อยู่ในสภาวะยากลำบากที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือดูแล เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน” พลเอก อนันตพร กราบทูลในตอนท้าย

People unity news online : post 12 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเลี้ยงแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ

People unity news online : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 เวลา 17.00 น. ณ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน ธนาคารแห่งประเทศไทย  ถนนสามเสน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานเลี้ยงอาหารพระราชทานให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร โดยมี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสังกัดหน่วยราชการในพระองค์ ปลัดกระทรวง ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมถึงภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าร่วม

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางไปถึงบริเวณงาน นายกรัฐมนตรีเดินไปยังเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายคำนับ และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะ จากนั้นชมวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ภาพความอาลัยของประชาชน และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในงานพระราชพิธีฯ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวถวายราชสักการะและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และกล่าวถวายราชสักการะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความว่า

“ขอพระราชทานกราบบังคมทูลพระกรุณา ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และผู้ที่มาร่วมงานอยู่ ณ ที่นี้ มีความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเลี้ยงอาหารแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ฯ ในวันนี้

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 ยังความเศร้าโศกอาลัยให้แก่พสกนิกรชาวไทยอย่างใหญ่หลวงและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระมหากรุณาพระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลและประชาชนชาวไทย จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  เพื่อถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามขัตติยโบราณราชประเพณี

โดยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ได้สำเร็จลุล่วงอย่างเรียบร้อย สมบูรณ์ สมพระเกียรติ ด้วยเดชะพระบารมีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและการรวมพลังความสามัคคีทุกภาคส่วนที่ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ

การที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดเลี้ยงอาหารพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จึงเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่างหาที่สุดมิได้ นับเป็นขวัญกำลังใจอันสำคัญให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าตั้งใจปฏิบัติภารกิจหน้าที่เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนตามพระราชปณิธานสืบไป

ในวาระอันป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ได้โปรดอภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาลไปทั่วทิศานุทิศ  สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าชาวไทยตราบกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม”

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีร่วมรับประทานอาหารพระราชทานที่จัดไว้ ณ โต๊ะที่จัดไว้ บริเวณสนามหญ้าริมเขื่อน

People unity news online : post 24 พฤศจิกายน 2560 เวลา 13.20 น.

Verified by ExactMetrics