วันที่ 25 เมษายน 2024

รองโฆษกรัฐบาลเผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

People Unity : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

วันนี้ (8 เม.ย.2562) พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสทรงชมเชยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ได้จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตามที่รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการ เพื่อนำไปประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ พุทธเจดีย์สถาน และทูลเกล้าฯถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี เสร็จเรียบร้อยอย่างสมพระเกียรติ

“ในนามของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยขอเชิญชวนทุกภาคส่วนหลอมรวมใจกันจัดพระราชพิธีให้สำเร็จลุล่วงสมบูรณ์ในทุกขั้นตอน ด้วยความรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว และทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ประเทศชาติและประชาชนสืบไป”

ใต้ร่มพระบารมี : รองโฆษกรัฐบาลเผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชื่นชมทุกจังหวัดจัดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยสมพระเกียรติ

People Unity : post 8 เมษายน 2562 เวลา 16.30 น.

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/19818

ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี (พระนามเดิม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี; ประสูติ: 5 เมษายน 2494) เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และเป็นพระเชษฐภคินีพระองค์เดียวในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร

หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ทรงประกาศลาออกจากฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน เพื่อเข้าพระพิธีเสกสมรสกับปีเตอร์ แลดด์ เจนเซน ในพระบรมหาราชวังตามพระราชประเพณี แล้วเสด็จไปประทับด้วยพระสวามี ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2515 ก่อนจะเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544 โดยหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทรงช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ทั้งยังทรงแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง และทรงเป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

พระประวัติ

ประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 เวลา 23.28 น. ณ โรงพยาบาลมองชัวซีส์ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้เสด็จนิวัตพระนคร แล้วประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และเมื่อถึงงานพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่แล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระอิสริยยศเมื่อประสูติ คือ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี” โดยพระนามของพระองค์มาจากพระนามและนามของพระประยูรญาติหลายพระองค์ อันได้แก่

สร้อยพระนาม “สิริ” มาจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

สร้อยพระนาม “วัฒนา” มาจากพระนามาภิไธยเดิมของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า คือ สว่างวัฒนา ซึ่งเป็นสมเด็จพระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนก

พระนาม “อุบลรัตน์” มีความหมายว่า บัวแก้ว มาจากนามของหม่อมหลวงบัว กิติยากร พระอัยยิกาฝ่ายพระราชชนนี

ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสเรียกว่า “เป้” อันเป็นคำลดรูปของคำว่า ลาปูเป (ฝรั่งเศส: La Poupée) ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ตุ๊กตา ส่วนพระราชวงศ์และบุคคลอื่นๆจะเรียกพระองค์ว่า “ทูลกระหม่อมฟ้าหญิงใหญ่” ส่วนพระอนุชาและพระขนิษฐาจะเรียกพระองค์ว่า “พี่หญิง”

การศึกษา ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงเข้ารับการศึกษาขั้นต้นจนสำเร็จจากโรงเรียนจิตรลดา ครั้นทรงสำเร็จมัธยมศึกษา ได้เสด็จไปประทับ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อทรงเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจนสำเร็จ ณ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ ชีวเคมี (Bachelor of Science Degree in Bio-Chemistry) จากนั้น ทรงเข้ารับการศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาโท ณ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ณ ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ (Statistics and Public Health) จนสำเร็จในการศึกษา

การอภิเษกสมรส เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2515 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ เพื่อทรงอภิเษกสมรสกับปีเตอร์ แลด เจนเซน ชาวอเมริกัน ในพระบรมหาราชวังตามราชประเพณี และเสด็จประทับอยู่สหรัฐอเมริกา ทั้งทรงเปลี่ยนพระนามเป็น จูลี เจนเซน (อังกฤษ: Julie Jensen) ทั้งสองมีโอรส-ธิดา 3 คน ทั้งหมดเกิดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่

คุณพลอยไพลิน เจนเซน (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2524)

คุณพุ่ม เจนเซน (นามเดิม: ภูมิ เจนเซน; เกิด 16 สิงหาคม พ.ศ.2526 ต่อมา 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นสึนามิอันเกิดจากแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2547)

คุณสิริกิติยา เจนเซน (นามเดิม: ใหม่ เจนเซน; เกิด 18 มีนาคม พ.ศ.2528)

ในปี พ.ศ.2541 ได้ทรงหย่ากับปีเตอร์ เจนเซน กลับมาใช้นามเดิมคือ อุบลรัตน์ มหิดล

การเสด็จนิวัตประเทศไทย เมื่อทรงหย่ากับปีเตอร์ แลด เจนเซน เมื่อ พ.ศ.2541 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จนิวัตประเทศไทยและประทับอยู่เป็นการถาวรเมื่อ พ.ศ.2544

ภายหลังเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร พระองค์ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการในด้านการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ นอกจากนี้ยังทรงให้การช่วยเหลือราษฎรและให้โอกาส ผู้พิการ เยาวชน ตลอดจนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ โดยมีพระดำริให้จัดตั้งมูลนิธิต่างๆขึ้นในการช่วยเหลือและให้โอกาสประชาชน อีกทั้งยังทรงพระปรีชาสามารถในแสดงภาพยนตร์ตามบทพระนิพนธ์หลายเรื่อง เป็นต้นว่า หนึ่งใจ… เดียวกัน (พ.ศ.2551), มายเบสต์บอดีการ์ด (พ.ศ.2552) โดยนำรายได้ทั้งหมดในการจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศไปช่วยเหลือประชาชนและผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆทั่วประเทศ และเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทยในระดับนานาชาติอีกด้วย

พระกรณียกิจ

ด้านสังคมสงเคราะห์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจด้านการช่วยเหลือราษฎรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยทรงตั้งมูลนิธิชีวิตสดใสเป็นองค์การสาธารณกุศล

นอกจากนี้ ยังทรงตั้งมูลนิธิ Miracle of Life เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ประสบปัญหาต่างๆ เช่น ด้านการศึกษา ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านการช่วยเหลือ ด้านการศาสนา โดยได้เสด็จหรือทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ไปดูความคืบหน้าของโครงการอยู่เป็นประจำ

ด้านเทคโนโลยี พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าสมัยใหม่ มีช่องทางสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ผ่านแอปพลิเคชัน โซเชี่ยลมีเดีย ชื่อว่า อินสตาแกรม โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า Nichax เพื่อโพสต์พระรูปส่วนพระองค์ในพระอิริยาบถต่างๆให้ประชาชนเข้าไปชื่นชม และพูดคุยจนเป็นที่ชื่นชมจากพสกนิกร

ด้านการรณรงค์การแก้ไขปัญหายาเสพติด ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระดำริให้มีและทรงรับเป็นองค์ประธานโครงการ “TO BE NUMBER ONE” เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาทั่วประเทศ และหน่วยงาน องค์กร ชุมชนต่างๆ ตามพระปณิธาน “ทุกคนเป็นหนึ่งได้โดยไม่พึ่งยาเสพติด” มุ่งหมายให้เยาชนใช้เวลาว่างมาร่วมกิจกรรมอันเปิดโอกาสให้กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก นอกจากนี้ ยังมี “ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น” ซึ่งให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาต่างๆของเยาวชน เช่น ปัญหาครอบครัว และปัญหายาเสพติด มีสมาชิกเข้าร่วมโครงการทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่มากถึง 31 ล้านคน หรือครึ่งประเทศ

นอกจากนี้ ยังทรงเปิดศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นทั่วประเทศ และเสด็จมาเยี่ยมชมกับพระราชทานรางวัลในการประกวดของชมรมทูบีนัมเบอร์วันและงานรวมพลคนทูบีครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วย

ต่อมา รัฐบาลเม็กซิโกได้กราบทูลเชิญทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานประชุมเยาวชนโลก (World Youth Conference) ประจำปี 2553 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก โดยเม็กซิโกให้ความสนใจโครงการทูบีนัมเบอร์วันและให้การยกย่องว่า เป็นต้นแบบในการป้องกันเยาวชนติดยาเสพติดเป็นผลสำเร็จ และต่างชื่นชมในความเป็นผู้นำที่สร้างสรรค์ของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี

ด้านเด็กออทิสติก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงเห็นว่า เด็กออทิสติกไม่ได้เรียนหนังสือ จนทำให้เป็นคนไม่ปกติ จึงทรงตั้งมูลนิธิคุณพุ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ.2548 ภายหลังจากที่ คุณพุ่ม เจนเซ่น พระโอรสซึ่งเป็นโรคออทิสติกด้วยนั้น ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2548 บางปียังพระราชทานเงินส่วนพระองค์ให้แก่เด็กออทิสติกนำไปใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาและเพื่อให้เด็กออทิสติกได้พัฒนาตนเอง

ด้านการกีฬา ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มีพระปรีชาในกีฬาเรือใบ และเคยทรงลงแข่งกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อแปรพระราชฐานยังพระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นอกจากนี้ ทรงเคยเข้าร่วมการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ ที่งานกีฬาแหลมทองครั้งที่ 4 สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2510 และทรงทำคะแนนรวมได้เป็นที่ 1 เสมอด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงร่วมการแข่งขันเช่นกัน จึงได้รับพระราชทานเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ผลงานในวงการบันเทิง

ด้านการแสดงละคร เมื่อปี พ.ศ.2546 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงละครสองเรื่องแรก คือ กษัตริยา และ มหาราชกู้แผ่นดิน ตามคำกราบทูลเชิญของบริษัทกันตนา ละครทั้งสองออกอากาศสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 19:30 นาฬิกา

ต่อมาในปี พ.ศ.2549 ได้ทรงแสดงนำในละครเรื่อง อนันตาลัย ซึ่งทรงประพันธ์เค้าโครงเรื่องด้วยพระองค์เองโดยใช้พระนามแฝงว่า “พลอยแกมเพชร” ละครดังกล่าวออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวี

ต่อมาในปี พ.ศ.2559 พระองค์ได้ทรงร่วมแสดงในละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คู่ขนานกับ ช่อง 3 HD ช่อง 33 เรื่อง ดาวหลงฟ้า ภูผาสีเงิน ทรงรับบทเป็น “อัมราภาชินี”

การออกรายการโทรทัศน์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาทรงถ่ายรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับพระองค์เป็นประจำ ตามคำกราบทูลเชิญคณะบุคคลต่างๆ เพื่อออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ โดยเฉพาะรายการที่พระองค์ทรงออกรายการทางโทรทัศน์อยู่เป็นประจำเป็นรายการที่มีความรู้และสาระต่างๆ ที่ประชาชนได้รับชมอยู่จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 2 รายการ มีดังนี้

ทูบีนัมเบอร์วัน วาไรตี้ เมื่อ พ.ศ.2550 จนถึงปัจจุบัน ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อห่างไกลยาเสพติด ผลิตโดย โครงการทูบีนัมเบอร์วันและกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พระองค์จะออกช่วง Talk to the Princess ตอบจดหมายจากผู้ชม จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 20:30–21:30 นาฬิกา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

พรินเซสไดอารี (Princess Diary) เมื่อ พ.ศ.2551 เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของต่างประเทศ ปัจจุบัน เปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นการสัมภาษณ์ดารารับเชิญในห้องส่ง โดยเล่าประวัติและผลงานของดารารับเชิญ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 23:05–24:00 นาฬิกา ทาง โมเดิร์นไนน์ ทีวี

การแสดงภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ.2551 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้ทรงถ่ายภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจเดียวกัน เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในพระองค์ จากบทพระนิพนธ์ เรื่องสั้นที่…ฉันคิด ทำรายได้ 50 ล้านบาท ต่อมา ยังทรงแสดงในภาพยนตร์เรื่อง มายเบสต์บอดีการ์ด และ พระนางจามเทวี ภาพยนตร์ทั้งสามได้เข้าฉายในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ โดยเสด็จมาทรงร่วมในพิธีเมื่อ พ.ศ.2551, 2552 และ 2553

ใน พ.ศ.2555 ทรงร่วมแสดงภาพยนตร์อีกสองเรื่อง คือ เรื่อง ว่ายน้ำข้ามทะเลดาว ร่วมกับ โทนี่ รากแก่น เทิดพระเกียรติยศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม 2555 เข้าฉายในวันที่ 1–23 ธันวาคม พ.ศ.2555 และเรื่อง ทูเก็ตเตอร์ วันที่รัก ร่วมกับ สหรัถ สังคปรีชา และ ปิยธิดา มิตรธีรโรจน์ เข้าฉายวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2555

ด้านการร้องเพลง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงมีผลงานเพลงหลายผลงานในสังกัดจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เช่น เพลงประจำโครงการทูบีนัมเบอร์วัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง หนึ่งใจ…เดียวกัน เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง มาย เบส บอดี้การ์ด เพลง “ทางของฉัน” และเพลง “ผู้ชายคนนั้น” นอกจากนี้ ยังทรงได้รับเชิญเข้าร่วมร้องเพลง “ขวานไทยใจหนึ่งเดียว” เมื่อปี 2547 ด้วย

ใต้ร่มพระบารมี : ขอทรงพระเจริญ วันคล้ายวันประสูติ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ 5 เมษายน 2562

People Unity : post 5 เมษายน 2562 เวลา 12.00 น.

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : นายกรัฐมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง ร.10 ทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ ย้ำรัฐร่วมเอกชนเร่งบรรเทาความเดือดร้อนเต็มที่

วันนี้ (3 เมษายน 2562)  พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อัญเชิญพระราชกระแสรับสั่ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือที่กำลังประสบปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน รวมทั้งทรงให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนเสียสละ โดยรัฐบาลจะบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อเร่งลดพื้นที่ที่มีจุดความร้อน หรือ Hot spot ภายใน 7 วัน พร้อมทั้งประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความเข้าใจปัญหาและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

“นายกฯเน้นย้ำว่าพระราชวงศ์ทรงติดตามความทุกข์ร้อนของพสกนิกรอยู่ตลอดเวลา และทรงให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและไฟป่าเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดทางกองทัพบกเตรียมขยายผลเรื่องการฝึกผจญเพลิงและดับไฟป่าตามแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรม ส่วนของหน่วยงานภาครัฐอื่นๆร่วมกับภาคเอกชนขณะนี้กำลังช่วยกันบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองในทุกวิถีทางอย่างเต็มที่ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด”

ใต้ร่มพระบารมี : สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่า-ฝุ่นละอองภาคเหนือ

People unity : post 3 เมษายน 2562 เวลา 22.00 น.

เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : มหาดไทยเผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ สำหรับประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ เพื่อจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2562 ที่กระทรวงมหาดไทย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ เพื่อช่วยดำเนินการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการฝ่ายจัดพิธีการงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และได้แต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานอนุกรรมการฝ่ายจัดทำน้ำอภิเษก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด สำรวจและบำรุงรักษาแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพเลื่อมใส แหล่งน้ำที่เคยใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ใสสะอาด และดำเนินการพัฒนาภูมิทัศน์โดยรอบ ให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม มีความพร้อมที่จะนำน้ำไปประกอบพิธีสำคัญ ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายและเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกของทุกจังหวัดทั่วประเทศ ให้ไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจและติดตามความพร้อมของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อเตรียมการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำอย่างต่อเนื่อง

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สำหรับกำหนดการประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำ ได้กำหนดขึ้นในวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2562 ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. ณ แหล่งน้ำศักดิ์ของทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน 107 แหล่งน้ำ แบ่งเป็น 1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด และ 5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานครจะประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำในวันที่ 12 เมษายน 2562 ณ หอศาสตราคมในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 108 แห่ง นอกจากนี้ มีแหล่งน้ำสรงมุรธาภิเษก จำนวน 9 แหล่งน้ำ ได้แก่ สระศักดิ์สิทธิ์ 4 สระ คือ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ ในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และน้ำจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 5 สาย คือ แม่น้ำบางปะกง ตักที่บึงพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก แม่น้ำป่าสัก ตักที่บริเวณบ้านท่าราบ อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี แม่น้ำเจ้าพระยา ตักบริเวณปากคลองบางแก้ว อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง แม่น้ำราชบุรี ตักบริเวณสามแยกคลองหน้าวัดดาวดึงษ์ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม และแม่น้ำเพชรบุรี ตักบริเวณท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี

รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมความพร้อมในการจัดทำน้ำอภิเษกในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ด้านพิธีพลีกรรมตักน้ำ ด้านพิธีทำน้ำอภิเษก และด้านการเชิญคนโทน้ำอภิเษก โดยกระทรวงมหาดไทยจะให้การสนับสนุนจังหวัดทุกประการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

สำหรับรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ มีดังนี้

1) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 1 แห่ง 60 จังหวัด 1. วังเทวดา จ.กระบี่ 2. แม่น้ำสามประกอบ จ.กาญจนบุรี 3. กุดน้ำกิน จ.กาฬสินธุ์ 4. บ่อสามแสน จ.กำแพงเพชร 5. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บาราย) จ.ขอนแก่น 6. ปากน้ำโจ้โล้ (คลองท่าลาด) จ.จันทบุรี 7. สระเจ้าคุณเฒ่า วัดเขาบางทราย จ.ชลบุรี 8. แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท 9. บ่อน้ำทิพย์ถ้ำเขาพลู จ.ชุมพร 10. บ่อน้ำทิพย์ จ.เชียงราย 12. แม่น้ำตรัง บริเวณท่าน้ำวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง 13. น้ำตกธารมะยม จ.ตราด 14. อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จ.ตาก 15. สระน้ำจันทร์ (สระบัว) จ.นครปฐม 16. สระน้ำมุรธาภิเษก (บ่อน้ำพระอินทร์) จ.นครพนม 17. ต้นน้ำลำตะคอง จ.นครราชสีมา 18. บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ 19. กลางแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องหน้าบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร จ.นนทบุรี 20. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ 21. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าวัดศาลเจ้า จ.ปทุมธานี 22. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำทิพย์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ 23. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดตูม จ.พระนครศรีอยุธยา 24. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำน้ำผุด จ.พังงา 25. แม่น้ำน่านบริเวณหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวง จ.พิจิตร 26. สระสองห้อง จ.พิษณุโลก 27. ท่าน้ำวัดท่าไชยศิริ จ.เพชรบุรี 28. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) จ.ภูเก็ต 29. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (หนองดูน) จ.มหาสารคาม 30. น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ จ.มุกดาหาร 31. ถ้ำปลา จ.แม่ฮ่องสอน 32. ท่าคำทอง จ.ยโสธร 33. สระแก้ว สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ จ.ยะลา 34. สระชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด 35. บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน จ.ระนอง 36. วังสามพญา จ.ระยอง 37. สระโกสินารายณ์ จ.ราชบุรี 38. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดกวิศราราม จ.ลพบุรี 39. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (บ่อน้ำเลี้ยงพระนางจามเทวี) จ.ลำปาง 40. ดอยขะม้อ บ่อน้ำทิพย์ จ.ลำพูน 41. น้ำจากถ้ำเพียงดินภายในถ้ำวัดผาปู่ จ.เลย 42. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ปราสาทสระกำแพงน้อย จ.ศรีสะเกษ 43. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “ภูน้ำลอด” จ.สกลนคร 44. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ จ.สงขลา 45. บ่อน้ำพุร้อนทุ่งนุ้ย จ.สตูล 46. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าองค์พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 47. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คลองดาวดึงษ์ จ.สมุทรสงคราม 48. แหล่งน้ำคลองดำเนินสะดวก จ.สมุทรสาคร 49. สะแก้ว – สระขวัญ จ.สระแก้ว 50. แม่น้ำป่าสักบริเวณบ้านท่าราบ จ.สระบุรี 51. สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดโพธิ์เก้าต้น จ.สิงห์บุรี 52. แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี 53. สระโบราณ จ.สุรินทร์ 54. สระมุจลินท์ (สระพญานาค) จ.หนองคาย 55. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดศรีคูณเมือง จ.หนองบัวลำภู 56. แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณพระอุโบสถวัดไชโยวรวิหาร จ.อ่างทอง 57. อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน (อ่างเก็บน้ำห้วยปลาแดก) จ.อำนาจเจริญ 58. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์คำชะโนด จ.อุดรธานี 59. บ่อน้ำทิพย์ จ.อุตรดิตถ์ 60. บ่อน้ำโจ้ก จ.อุบลราชธานี

2) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 2 แห่ง 7 จังหวัด 1. จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดไพรีพินาศ และชีผุด แม่น้ำชี  2. จังหวัดนราธิวาส  ได้แก่ น้ำแบ่ง และน้ำตกสิรินธร 3. จังหวัดบึงกาฬ ได้แก่ พื้นที่ชุ่มน้ำบึงโขงหลง และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ถ้ำพระ 4. จังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ บ่อน้ำหน้าโบราณสถานรอยพระพุทธบาทคู่ และโบราณสถานสระแก้ว 5. จังหวัดพะเยา ได้แก่ ขุนน้ำแม่ปืม และน้ำตกคะ (น้ำคะ) 6. จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้แก่ สระแก้ว และสระขวัญ 7. จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ แม่น้ำสะแกกรัง และสระน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม

3) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 3 แห่ง 5 จังหวัด 1. จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สระแก้ว, ธารนารายณ์ และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพลับ 2. จังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดบุพพาราม, อ่างกาหลวง และขุนน้ำแม่ปิง 3. จังหวัดนครนายก ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล, บ่อน้ำทิพย์เมืองโบราณดงละคร และบึงพระอาจารย์ 4. จังหวัดพัทลุง ได้แก่ สระน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดดอนศาลา, ถ้ำน้ำบนหุบเขาชัยบุรี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พระบรมธาตุเขียนบางแก้ว 5. จังหวัดสุโขทัย ได้แก่ บ่อแก้ว, บ่อทอง และตระพังทอง

4) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 4 แห่ง 3 จังหวัด 1. จังหวัดปัตตานี ได้แก่ น้ำสระวังพรายบัว, บ่อทอง (บ่อช่างขุด), บ่อไชย และน้ำบ่อฤษี 2. จังหวัดแพร่ ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ลำน้ำแม่คำมี, บ่อน้ำวัดบ้านนันทาราม, บ่อน้ำพระฤๅษี และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดพระหลวง 3. จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ สระแก้ว สระคา สระยมนา และสระเกษ

5) จังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ จำนวน 6 แหล่งน้ำ 1 จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดหน้าพระลาน, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาเมือง, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดเสมาไชย, บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ วัดประตูขาว, แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยเขามหาชัย และแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ห้วยปากนาคราช

ใต้ร่มพระบารมี : เผยรายชื่อ 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

People unity : post 13 มีนาคม 2562 เวลา 22.30 น.

นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง ประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (5 มีนาคม 2562) เวลา 13.20 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า

1.เรื่องแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาปรุงแบบตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายด้วยแล้ว ดังนั้น กรณีที่หน่วยงานใดมีความประสงค์ขออัญเชิญตราสัญลักษณ์ไปประดิษฐานหรือประดับลงในสิ่งของใดๆก็ตาม ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ให้แจ้งขออนุญาตไปที่คณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์ฯ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

2.เรื่องแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 และการเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อเหลือง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแบบเข็มที่ระลึกตราสัญลักษณ์ โดยด้านหน้าเป็นแบบตราสัญลักษณ์ ส่วนด้านหลังมีคำว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562” ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการจัดทำเข็มที่ระลึกเพื่อจำหน่ายราคาเข็มละ 300 บาท โดยนำเงินรายได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย คาดว่าเริ่มจำหน่ายในเดือนเมษายน เพื่อให้ประชาชนได้อัญเชิญไปประดับในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

นอกจากนี้ ขอเชิญชวนแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำเสื้อโปโลสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์เพื่อจำหน่ายด้วยเช่นกัน

3.เรื่องการเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และการเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 รัฐบาลขอเชิญชวนตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเครื่องราชสักการะ ซึ่งพระฉายาลักษณ์ได้พระราชทานแล้วมี 3 แบบ และขอเชิญชวนประดับตราสัญลักษณ์พร้อมธงชาติ และธงตราสัญลักษณ์ ตามอาคารสถานที่และบ้านเรือนเพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณโดยพร้อมเพรียงกัน

ใต้ร่มพระบารมี : นายกฯเชิญชวนประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองประดับตราสัญลักษณ์ระหว่างเดือน เม.ย.-ก.ค.

People unity : post 5 มีนาคม 2562 เวลา 21.40 น.

ครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา

People unity news online : ครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงเปิดศูนย์การเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดอยฮาง ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จ.เชียงราย

เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ เวลา ๑๔.๕๕ น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จถึงเรือนจำชั่วคราวดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อทรงเป็นองค์ประธานในงานครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริฯ โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางอัญชลี พัฒนสาร รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ นายกำจัด พ่วงสวัสดิ์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ปรึกษาโครงการกำลังใจในพระดำริฯ และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ เฝ้ารับเสด็จ

นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กราบทูลรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมครบรอบ ๑๒ ปี ความตอนหนึ่งว่า “การดำเนินโครงการกำลังใจฯ ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน นอกจากการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ผู้ต้องขังระหว่างอยู่ในเรือนจำแล้ว พระเจ้าหลานเธอฯ ยังได้นำเรื่องของการพัฒนาจิตใจโดยใช้หลักธรรมในแนวทางต่างๆ เข้ามาพัฒนาจิตใจผู้ต้องขังเพื่อสร้างความมั่นคงทางใจให้ผู้ต้องขังอย่างยั่งยืน รวมทั้งน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางการพัฒนาทางเลือกมาปรับใช้กับผู้ต้องขังซึ่งทำให้ผู้ต้องขังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับเรือนจำชั่วคราวดอยฮางแห่งนี้ ได้ทรงประทานคำแนะนำให้จัดกิจกรรมเพื่อเปิดพื้นที่เรือนจำให้สังคม ชุมชน ทั้งในจังหวัดเชียงรายและในประเทศไทยทราบว่าในพื้นที่เรือนจำสามารถจัดกิจกรรมได้มากมาย โดยใช้ประโยชน์จากผู้ต้องขังที่ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยแล้ว และในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ผู้ต้องขังรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าที่ได้เข้ามาทำประโยชน์ให้กับบุคคลต่างๆ ที่เข้ามาดูงาน เข้ามาใช้บริการ ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง”

ในลำดับต่อมา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประทานรางวัลเรือนจำดีเด่นที่ได้มีการดำเนินงานโครงการกำลังใจในมิติต่างๆ ๖ ด้าน คือ งานแม่และเด็ก  การช่วยเหลือให้ความรู้ทางกฎหมาย การฝึกอบรมวิชาชีพ การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย นวัตกรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้น ประทานของที่ระลึกให้ผู้สนับสนุนโครงการกำลังใจในพระดำริฯ

จากนั้นเสด็จไปทรงเปิดป้ายศูนย์การเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรดอยฮาง และทอดพระเนตรนิทรรศการผลงานโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ที่มีผลการดำเนินงานมากว่า ๑๒ ปี แล้ว มีผลงานเด่น อาทิ “งานพัฒนาคุณภาพชีวิต” ได้แก่ สุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต การพัฒนาสภาพแวดล้อม “การสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ได้แก่ การสร้างทักษะอาชีพ การสร้างผลิตภัณฑ์ การให้ความรู้ด้านกฎหมายและด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “งานวิจัยและงานวิชาการ” ได้แก่ ผลงานวิจัยภายใต้โครงการกำลังใจ จำนวน ๕๙ เรื่อง ผลงานแปลหนังสือ จำนวน ๓๔ เรื่อง และคู่มือ ๑๖ เรื่อง “งานด้านกองทุนกำลังใจ” “การพัฒนาด้านกฎหมายเพื่อความยั่งยืน” “การหาแนวร่วมเพื่อสนับสนุนโครงการกำลังใจฯ และสร้างการยอมรับ” “การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการกำลังใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ”

พร้อมกันนี้ทรงเปิดแปลงการรดน้ำแปลงผักเกษตรอินทรีย์ด้วยระบบ Application ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง จำนวน ๑ ต้น และเสด็จไปยังตลาดนัดกาดหมั้ว คัวศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม และโซน Rice สาระ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องข้าว ตั้งแต่พันธุ์ข้าว เมล็ดข้าว การแปรรูป และวัสดุเหลือใช้จากข้าว การสาธิตการทำหุ่นฟาง เป็นต้น นอกจากนี้ที่เรือนจำชั่วคราวดอยฮางได้มีบ้านตัวอย่างเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน ๓ หลัง หลังที่ ๑ “ปรับปรุงบำรุงดิน” หลังที่ ๒ “จุลินทรีย์สุขภาพพืช” หลังที่ ๓ สมุนไพรไล่แมลง โดยมีผู้ต้องขังที่ได้รับการอบรมความรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเฝ้ารับเสด็จด้วย

ในเวลาต่อมาเสด็จไปยังโซน Herb ทรงตัดแถบแพรเปิดโซน Herb และทอดพระเนตรนิทรรศการ โซน Herb ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกทักษะผู้ต้องขัง มีการสาธิตนวดตอกเส้น การนวดย่ำไฟ จากนั้นเสด็จไปยังบ้านต้นไม้ บริเวณร้านกาแฟ ทอดพระเนตรการแสดงการต้อนรับของบาริสต้าผู้ต้องขังร้านกาแฟ Inspire By Princess ซึ่งได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนที่มาเยี่ยมชม ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ในปัจจุบันมีสถานที่ที่สวยงามร่มรื่น มีจุดชมวิวบ้านต้นไม้บรรยากาศดี มีเครื่องดื่มนับสิบเมนู และขนม เบเกอรี่ ให้บริการทุกวันอีกด้วย

และในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๖.๐๐ น. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปยังบริเวณกิจกรรมการวิ่งเทรล ในโอกาสครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจ (Run for Better Life Doi Hang Cross Country Trail) ที่มีการแข่งขันวิ่ง ระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร  ๕ กิโลเมตร และ ๓ กิโลเมตร โดยมี พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ตลอดจนผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

สำหรับกิจกรรมในงานครบรอบ ๑๒ ปี โครงการกำลังใจในพระดำริฯ จะมีการแสดงนิทรรศการผลงานโครงการกำลังใจฯ และกาดหมั้ว คัวศิลป์ ถิ่นวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๔ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑  ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย

People unity news online : post 17 ธันวาคม 2561 เวลา 12.24 น.

เชิญเที่ยวงานกาชาดประจำปี 2561 จัดย้อนยุค 125 ปี 23 พ.ย.–1 ธ.ค. ที่สวนลุมพินี

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชนเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร

วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พร้อมด้วย นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย นำคณะจัดงานกาชาด คณะกุลบุตร กุลธิดากาชาด และ พิธีกร ผู้ประกาศ นักแสดง เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงานกาชาด ประจำปี 2561 ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2561 เวลา 10.30 – 22.00 น. ณ สวนลุมพินี ถนนพระรามที่ 4  โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ร่วมหยอดตู้บริจาคเงินที่จัดทำเป็นพิเศษ เพื่อแสดงถึงภารกิจของสภากาชาดไทยทั้ง 4 ด้าน

ทั้งนี้ การจัดงานกาชาด เป็นการระดมทุนเพื่อหารายได้ให้แก่สภากาชาดไทย โดยมีกิจกรรมพิเศษภายในงานต่างๆ เพื่อบอกเล่าที่มากว่า 125 ปี สภากาชาดไทย ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำใจไมตรีจากประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อคนไทยทั้งประเทศ

สำหรับ “มนต์เสน่ห์ งานกาชาด จากวันวาน สู่วันนี้” ในปี พ.ศ. 2561 นี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง 125 ปี สภากาชาดไทย ในบรรยากาศงานแฟร์ในสวน พบกับกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย อาทิ

1.นิทรรศการพระบรมราชูปถัมภก 6 แผ่นดิน 125ปี สภากาชาดไทย จัดแสดงเพื่อเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบรมราชูปถัมภก องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย

2.ผลิตภัณฑ์จากร้านโครงการส่วนพระองค์ อาทิ ร้านจิตอาสา 904, ร้านโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เป็นต้น

3.กระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ เชิญทุกท่านร่วมย้อนวันวาน ระลึกถึงความงดงามตระการตาของริ้วกระบวนรถแห่กาชาดในความทรงจำ

4.การจัดแสดงนิทรรศการว่าวไทยโบราณที่หาชมได้ยาก พร้อมจัดแสดงว่าวของหน่วยงานที่ร่วมประกวดตามแนวคิด “125 ปี สภากาชาดไทย ร้อยดวงใจส่งต่อการให้ที่งดงาม” อาทิ ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวงู ว่าวควาย เป็นต้น

5.การประกวดขวัญใจงานกาชาด ประจำปี 2561 จำลองรูปแบบการประกวดธิดากาชาด ครั้งแรกในปี พ.ศ.2504

6.การประกวดร้านงานกาชาด ประจำปี 2561 ซึ่งมีหน่วยงานแบ่งเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจ อาทิ กรุงเทพมหานคร กองทัพอากาศ กองทัพเรือ กระทรวงต่าง ๆ กรมพัฒนาชุมชน การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) และ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) เป็นต้น

7.การแสดงมอเตอร์ไซค์ไต่ถังเหล็ก โซนสวนสนุก ที่หาชมได้ยาก ย้อนวันวานจากปี พ.ศ.2472

8.การแสดงสารพัน แสง สี บนเวทีกลาง ตลอด 9 วัน อาทิ แหล่ 125 ปี สภากาชาดไทยจาก ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง การแสดงลำตัด การแสดง Bangkok Dance การแสดงคอนเสิร์ต พร้อมความบันเทิงสุดพิเศษจากเหล่าศิลปิน นักแสดง ที่ร่วมใจกันมาสร้างความสนุกสนานและความสุข ตลอด 9 วัน ณ เวทีกลางงานกาชาด

9.การสอยดาว เสี่ยงโชค ชิงรางวัล กับสารพันเกม สุดพิเศษ จากหน่วยงาน ที่ร่วมออกร้านในงานกาชาดประจำปี 2561 กว่า 50 หน่วยงาน

10.มหกรรมสินค้าราคาถูก จากร้านค้าชื่อดัง อาทิ ร้านจุฬาโอสถ เหล่ากาชาดจังหวัด สินค้าโอทอป OTOP ร้านอาหารสภากาชาดไทยกับเมนูสุดพิเศษ “ทองพลุเสวย” และร้านค้าเอกชนกว่า 70 ร้าน

11.ตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ เนื่องจากการจัดงานกาชาดประจำปี 2561 นี้ สภากาชาดไทยไม่เก็บบัตรผ่านประตู จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเป็นผู้ให้กับสภากาชาดไทย ด้วยการบริจาคเงินผ่านตู้บริจาค ทำดีพี่ขอแชร์ ที่ออกแบบด้วยการบอกเล่าภารกิจของสภากาชาดไทย ภารกิจ 4 ด้าน ประกอบด้วย การบริการทางการแพทย์และสุขภาพอนามัย การบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ การส่งเสริมคุณภาพชีวิต และการบริการโลหิต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมบริจาคสมทบทุนที่ตู้บริจาค “ทำดีพี่ขอแชร์” และบริจาคสมทบทุนกับ “น้องกล่องบุญและน้องอิ่มใจ” สัญลักษณ์ประจำงานดังกล่าว พร้อมกล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมงานในครั้งนี้ และเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศลที่จะนำไปบรรเทาทุกข์ในยามเกิดภัยพิบัติเหมือนที่ผ่านมา จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เซ็นชื่อที่เสื้องานกาชาดเพื่อนำไปประมูลสมทบทุนบริจาคในงานอีกด้วย

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้บริการรถขนส่งมวลชนสาธารณะในการมาเที่ยวงานกาชาด ประจำปี 2561 โดยรถไฟฟ้าบีทีเอส สามารถลงที่สถานีศาลาแดง ประตูทางออกที่ 6 รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงที่สถานีสวนลุมพินี ประตูทางออกที่ 3 หรือ ลงที่สถานีสีลม ประตูทางออกที่ 1 นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารประจำทางที่ผ่านสวนลุมพินีทั้ง 4 ด้าน คือด้านพระรามที่ 4 ถนนราชดำริ ถนนวิทยุ และถนนสารสิน ให้บริการแก่ประชาชนที่จะมาเทียวงานกาชาดอีกด้วย

People unity news online : post 6 พฤศจิกายน 2561 เวลา 13.30 น.

ธ.ออมสินจัดทำบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ฉายในโรงภาพยนตร์

People unity news online : ธนาคารออมสิน ร่วมกับ บมจ.เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น แถลงข่าวโครงการเผยแพร่ภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ร้อยเรียงภาพพระราชกรณียกิจ และพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา แด่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในการเดินตามแบบอย่างด้านการมีพระวินัย โดยเฉพาะพระวินัยแห่งการออม ผ่านเสียงร้องที่มีความไพเราะจากศิลปินคุณภาพ “บอย – อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี” (บอย พีซเมคเกอร์) โดยภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมีจะจัดฉายในโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป พร้อมทั้งได้มีการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และแสดงถึงพระอัจฉริยภาพและความมีพระวินัยที่ก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถด้านการทหารและการบิน ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า “ธนาคารออมสินถือกำเนิดโดยพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ทรงเล็งเห็นถึงคุณค่าแห่งการออม และมีพระราชประสงค์ที่จะฝึกฝนให้ราษฎรรู้จักเก็บออมทรัพย์อย่างถูกวิธี ซึ่งธนาคารออมสินได้ยืนหยัดในการทำหน้าที่นี้ตลอดมา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ในการนี้จึงขอน้อมนำพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในด้านวินัย ความอดทนมานะ กล้าหาญ จนก่อให้เกิดพระปรีชาความสามารถในด้านต่างๆ อาทิ ด้านการทหาร แด่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทยในด้านการมีพระวินัย โดยเฉพาะพระวินัยแห่งการออม และพระวินัยแห่งการฝึกความอดทนให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ผ่านการขับร้องจากศิลปินคุณภาพของประเทศ “บอย – อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี” ด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ แสดงถึงความรู้สึกจงรักภักดีแทนพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อพระองค์ท่านได้อย่างซาบซึ้ง ผสมผสานเป็นชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบและสมพระเกียรติ”

ด้าน นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ถือเป็นขนบธรรมเนียมสำคัญที่ได้ปฏิบัติกันมายาวนานและต่อเนื่อง ในการถวายความเคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ก่อนที่จะมีการเริ่มฉายภาพยนตร์หรือการแสดงใดๆ ซึ่งโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ รู้สึกเป็นเกียรติในฐานะที่เป็นสื่อกลางช่องทางหนึ่งที่ได้มีโอกาสสื่อสารให้คนรุ่นใหม่ได้รับทราบถึงพระราชกรณียกิจและพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ที่ทรงเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในครั้งนี้ บริษัทฯ ร่วมกับ ธนาคารออมสิน จัดทำภาพยนตร์ประกอบบทเพลงสรรเสริญพระบารมี ชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในด้านวินัย ความอดทนมานะ กล้าหาญ จนก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถที่ควรค่าแก่การเก็บออมไว้ มาร้อยเข้ากับบทเพลงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา ผ่านการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆในการฉาย หรือเทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้การถ่ายทอดเพลงสรรเสริญพระบารมีออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด รวมทั้งให้ความรู้สึกตราตรึงใจและสมพระเกียรติ โดยเริ่มจัดฉายให้รับชมกันตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในพระอัจฉริยภาพและความมีพระวินัยที่ก่อให้เกิดพระปรีชาสามารถด้านการทหาร ซึ่งจะจัดแสดงให้ประชาชนได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์”

ทั้งนี้ ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยร่วมถวายความจงรักภักดีผ่านบทเพลงสรรเสริญพระบารมีชุด “ทศมกษัตรา ราชจักรีวงศ์” ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ทุกสาขา ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 5 – 15 ตุลาคม 2561 ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

People unity news online : post 8 ตุลาคม 2561 เวลา 13.20 น.

“ประยุทธ์” ชวนคนไทยประพฤติตนตามคุณลักษณะของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ

People unity news online : นายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสาทำความดีด้วยหัวใจ ไปใช้ดำเนินชีวิตมุ่งสร้างสังคมสามัคคี มีความสุขอย่างยั่งยืน

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญชวนคนไทยน้อมนำแนวพระราชดำริจิตอาสา ทำความดี ด้วยหัวใจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อให้สังคมไทยมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสุข และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน

นายกฯ เน้นย้ำว่า จิตอาสาคือ จิตแห่งการให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยความเต็มใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย แรงสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์โดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตต่างๆมาได้ด้วยดี และเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากให้พี่น้องประชาชนประพฤติตนตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของจิตอาสาที่ดี 7 ประการ คือ 1) มีความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน คำนึงถึงส่วนรวม 2) มีศีลธรรม หวังดีต่อผู้อื่น รู้จักแบ่งปัน 3) มีวินัยและความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย 4) มีกริยา วาจา สุภาพเรียบร้อย 5) ไม่ดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด 6) มีจิตใจเข้มแข็งและมีทัศนคติที่ดีในการทำงานเพื่อส่วนรวม 7) รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันดีงาม ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยความทุกข์สุขของราษฎร และพระองค์มีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษาและต่อยอดแนวพระราชดำริต่างๆของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถพิตรในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎรและพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยรัฐบาลพร้อมสนองพระราชดำริทุกด้าน เพื่อให้ประชาชนเกิดความผาสุก และประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืนต่อไป

People unity news online : post 30 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.10 น.

“บิ๊กตู่” นำ ครม.ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เฉลิมพระเกียรติในหลวง

People unity news online : นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม. นำหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายและประชาชน ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

วันนี้ (26 กรกฎาคม 2561) เวลา 09.10 น. ณ บริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน นักศึกษา และประชาชนผู้มีจิตอาสา ร่วมกันทำกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อแสดงน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการร่วมกันปฏิบัติการจิตอาสา เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานกิจกรรม “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ว่า การปฏิบัติการจิตอาสาเป็นกิจกรรมที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในหลายๆด้าน ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเข้มแข็ง หลอมรวมดวงใจของทุกคนให้เป็นพลังหนึ่งเดียวกัน และผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่ กลายเป็นพลังแห่งความรัก ความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่ของคนในประเทศ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ด้วยพลังของจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลได้น้อมนำโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” มาสืบสาน ขยายผลออกไปในวงกว้างในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมไปถึงกลุ่มคนไทยในต่างประเทศด้วย เพื่อให้ประชาชนผู้มีจิตอาสาทุกคนได้ร่วมกันเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวาระวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2561 โดยได้จัดให้มีกิจกรรมจิตอาสานี้อีกหลายๆกิจกรรม โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ถึงวันที่ 29 กรกฎาคม 2561

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการจัดการผังเมืองของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เพื่อให้ประชาชนเกิดความรับผิดชอบขยะของตนเอง ซึ่งต้องแก้ปัญหาร่วมกัน และต้องรู้วิธีจัดการขยะว่านำไปจัดการอย่างไร เช่น นำไปทำปุ๋ย ผลิตไฟฟ้า หรือเป็นพลังงาน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ พร้อมกล่าวย้ำว่ารัฐบาลดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เอื้อต่อประโยชน์แก่บุคคลหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องที่จำเป็นและต้องแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการจัดการขยะ คือ ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถัง เพื่อจะลดภาระให้แก่เจ้าหน้าที่ที่จัดเก็บ พร้อมกล่าวกับประชาชนจิตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมว่าให้เรียนรู้และทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลแก้ไขข้อกฎหมายด้านต่างๆ ซึ่งรัฐบาลมีการประเมินทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเป็นการติดตามผลการดำเนินงานซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์สูงสุด

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ปลูกต้นรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริเวณด้านข้างศาลพระภูมิ

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะรัฐมนตรี ได้ปลูกต้นทองอุไร บริเวณถนนนครปฐมด้านติดคลองเปรมประชากร ก่อนนำคณะรัฐมนตรี จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ได้แก่  การฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณถนนครปฐม ด้านคลองเปรมประชากร ทำเนียบรัฐบาล ทาสีรั้วบริเวณสะพานอรทัยและแนวขอบริมทางเดินเท้า ชมการสาธิตเรือลอกตะกอนและเครื่องกลเติมอากาศใต้น้ำ รวมทั้งเยี่ยมชมให้กำลังใจจิตอาสา บริเวณจุดบริการอาหารแก่จิตอาสาเชิงสะพานอรทัย และบริเวณถนนพระรามที่ 5 จนถึงบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ พร้อมชมการขุดลอกคลองบริเวณริมกำแพงโรงเรียนราชวินิต นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบอาหารเป็นห่อข้าวเหนียวไก่และน้ำดื่มให้แก่ผู้มาร่วมปฏิบัติการจิตอาสาครั้งนี้ด้วย

People unity news online : post 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 12.50 น.

Verified by ExactMetrics