วันที่ 25 เมษายน 2024

ออมสินดีเดย์ 11.11 ! ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125% ทันที พยุงดอกเบี้ยเงินฝากถึงต้นปีหน้า

People Unity News : ธนาคารออมสิน สนองนโยบายรัฐบาล และกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ ลดดอกเบี้ยเงินกู้ทันที 0.125% ทั้ง MRR, MOR และ MLR ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MRR และ MOR = 6.745% ต่อปี ส่วน MLR = 6.375% มีผลวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ขณะที่ยังคงความเป็นสถาบันการออม ชะลอการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากถึงต้นปีหน้า ชวนประชาชน-ลูกค้าฝากเงินประจำระยะยาว ปีหน้าปรับดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.125% มีผล 1 ม.ค.63

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยภารกิจหลักสำคัญของธนาคารออมสินคือการมุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้การให้บริการสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงิน และตอบสนองทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงให้ความสำคัญต่อประชาชน ลูกค้าเงินกู้ โดยเฉพาะธนาคารออมสินมีลูกค้ารายย่อยจนถึงระดับ SMEs เป็นจำนวนมาก ธนาคารฯ จึงได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราเท่ากัน 0.125% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR (Minimum Retail Rate) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินเบิกเกินบัญชี หรือ MOR (Minimum Overdraft Rate) ลดลงจาก 6.87% เหลือ 6.745% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา หรือ MLR (Minimum Lending Rate) ปรับลดลงจาก 6.50% เหลือ 6.375% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารฯ ยังคงภารกิจหลักมุ่งมั่นส่งเสริมการออม จึงชะลอการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝาก โดยยังคงให้ผู้ฝากเงินฝากทุกประเภทได้รับผลตอบแทนในอัตราเท่าเดิมจนถึงสิ้นปี 2562 หลังจากนั้นจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 0.125% มีผลวันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป

“ในวันนี้ลูกค้าผู้ฝากของธนาคารออมสิน ยังคงได้รับดอกเบี้ยในอัตราเดิมต่อไปอีกเกือบ 2 เดือน โดยธนาคารฯ มีนโยบายที่จะลดดอกเบี้ยเงินฝากให้ช้าที่สุด เพื่อส่งเสริมการออมอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ลูกค้าและประชาชนเร่งมาฝากเงินก่อนที่ธนาคารฯ จะลดดอกเบี้ยเงินฝากในวันขึ้นปีใหม่ 2563 โดยขอแนะนำว่าให้ฝากเงินระยะยาวเพื่อจะได้รับดอกเบี้ยที่คุ้มค่ามากกว่าเมื่อมีการปรับลดในวันที่ 1 มกราคม 2563”ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในที่สุด

“จุรินทร์”เปิดห้องไทยใน”อาลีบาบา” ดันยอดส่งออกไทยไปจีน

People Unity News : “จุรินทร์”เปิดห้องไทยใน”อาลีบาบา” ดันยอดส่งออกไทยไปจีน แพลตฟอร์มออนไลน์ นับ 1 ได้จริงทันทีในเดือนนี้

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ภายหลังการเปิดงานจัดแสดงสินค้าที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยได้มีโอกาสมาร่วมงานมหกรรมการนำเข้าสินค้าทั่วโลกของจีน คืองาน Expo ที่ประเทศจีน ที่เปิดโอกาสให้ประเทศในโลกที่สนใจ จัดแสดงสินค้าเพื่อผู้ประกอบการจากจีนนำเข้ามาบริการผู้บริโภคในประเทศจีนได้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2

“สำหรับปีนี้พิเศษเพราะปีที่แล้วเรายังไม่ได้รับเกียรติมากเท่านี้ปี เพราะปีก่อนนั้นเราต้องหาพื้นที่กระจัดกระจาย แต่ปีนี้เราเป็นแขกพิเศษของจีน มีพื้นที่การจัดแสดงสินค้าของไทยโดยเฉพาะหรือที่เรียกว่า Thai Pavilion โดยเฉพาะทำให้บูทต่างๆที่มาจัดแสดงที่นี่มีความโดดเด่น สินค้าที่เรานำมาเป็นสินค้าที่ได้คุณภาพผ่านกระบวนการในการคัดสรรของกระทรวงพาณิชย์มาแล้ว” นายจุรินทร์ กล่าวและว่า

งานจัดแสดงปีที่แล้วเราสามารถทำเงินเข้าประเทศได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้ตนคิดว่าไม่น่าจะน้อยกว่าปีที่แล้วแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวในหลายประเทศของโลก รวมทั้งจีนด้วย จึงเป็นโอกาสดีสำหรับการที่จะโฆษณาสินค้าคุณภาพมาตรฐานของไทยไปสู่ผู้บริโภคชาวจีนซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากและเป็นที่ต้องการสินค้าที่เรานำมาแสดงส่วนใหญ่เป็นสินค้าสำคัญ เช่น สินค้าทางการเกษตรจากข้าวผลิตภัณฑ์จากข้าว ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากยางพารา อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆและในเรื่องของมันสำปะหลังจากแป้งมัน และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลไม้ไทยและสินค้าเกษตรแปรรูป ซึ่งมีความหลากหลายมาก รวมทั้งหมวดอาหารแปรรูป และหมวดสำคัญที่สุดอีกหมวดหนึ่ง คือ หมวดที่มีการใช้นวัตกรรมในการแปรรูปสินค้าพื้นฐานของเราไปเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น เอามาแสดง เช่น เครื่องสำอาง น้ำมันใส่ผม รวมทั้งเครื่องหอมสำหรับสปา และหมวดอื่นๆ อันนี้คือจุดเด่นของเราที่นำมาแสดงรอบนี้

“หัวใจสำคัญคือมาครั้งนี้เรามีการเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องความร่วมมือกับอาลีบาบาที่จะเปิดโอกาสให้สินค้าของไทยสามารถเข้าไปขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มของอาลีบาบาได้ซึ่งเที่ยวนี้เปิดโอกาสให้เรามีห้องไทยโดยเฉพาะซึ่งเราสามารถนำสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานมาไว้ในห้องไทย และเมื่อใครเข้าไปในแพลตฟอร์มของอาลีบาบาก็สามารถค้นหารายการสินค้าไทยได้ ซึ่งคนจีนนิยมมากเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้สินค้าไทยสามารถมาเพิ่มตลาดออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มของเราเองแต่ใช้อาลีบาบาเป็นกลไกในการเพิ่มตัวเลขการส่งออก ” นายจุรินทร์ กล่าวและว่า

อาลีบาบามีซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อร้าน เหอหม่า ซึ่งปัจจุบันมี 180 แห่งและกำลังขยายเพิ่มเป็น 400 แห่งในปีถัดไป ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เรามาจับมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับเหอหม่า ที่จะช่วยให้นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยไปสู่ชั้นวางของร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตของเหอหม่าได้ ณ ตอนนี้มียอดขายประมาณ 2,500 ล้านบาทในอนาคตอันใกล้มั่นใจว่าเมื่อเขาขยายเพิ่มเติมเราจะมียอดเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท ได้ในไม่ช้า และตนเพิ่งไปดูมาแล้วเมื่อวาน(5พย.2562) สินค้าไทยเป็นที่นิยมทั้งผลไม้อาหารแปรรูป เครื่องแกง เครื่องปรุงรส และสินค้าอื่นๆจากคนไทย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะช่วยให้นำไปใช้บนชั้นวางของเหอหม่าได้ โดยจะเริ่มได้ภายในเดือนนี้ก็จะเปิดห้องไทยในแพลตฟอร์มของอาลีบาบาโดยช่วงเริ่มต้นจะมี 45 บริษัทที่จะไปเปิดห้องไทยในอาลีบาบา

“ประภัตร”ล่องอีสานแก้โรคไหม้คอรวงข้าวระบาด เตรียมระดมโดรนฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่า

People Unity News : “ประภัตร”ล่องอีสาน ลุยตรวจ  การแพร่ระบาด โรคระบาด ไหม้คอรวงข้าว   คาดเสียหายแล้วกว่า 5 แสนไร่ เตรียมระดมโดรนฉีดพ่นตามคำขอชาวนาที่ยังพอช่วยได้พร้อมเตรียมเสนอ   กนข. ขอเงินช่วยเหลือ  กล่า 1,000 ล้าน ก่อนเสนอ ครม.  ชดเชยพื้นที่เสียหาย ช่วยหลัง ผู้ว่าราชการสุรินทร์ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 นายประภัตร โพธสุธน รมช. เกษตรฯ พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง บ้านหนองบัว หมู่ที่ 3 ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี  จ. สุรินทร์ และบ้าน ขาม ต. หนองบัวบาน อ. รัตนบุรี  จ. สุรินทร์  เพื่อตรวจเยี่ยม  พื้นที่การแพร่ระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวโดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะให้การตอนรับ  พร้อมกับมีการบรรยายสรุปสถานการณ์ ไหม้คอรวงข้าวโดย นายวันรบ เฮ่ประโคน เกษตรจังหวัดสุรินทร์ เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเร่งด่วน

โดยนายประภัตร เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบล่าสุด พบว่า นาข้าวในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นรอยต่อหลายจังหวัด  ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิขณะนี้ พบว่า นาข้าว   เสียหายแล้วประมาณ 5 แสน ไร่  โดยบางส่วนที่ยังไม่เสียหายนั้นทางผู้ว่าราชการ จ.สุรินทร์ ได้ขอให้ทางกระทรวงเกษตรประสานงานเพื่อขอโดรนจากเอกชนช่วยฉีดพ่น เข้าช่วยฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่าเท่าที่ยังสามารถช่วยได้  เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียง 20 วัน ข้าวก็จะสุกที่สามารถเก็บเกี่ยว ได้ซึ่งไม่ทันต่อการใช้ อย่างอื่นมาแก้ปัญหาโดยเฉพาะสารเคมีอาจทำให้เกิดปัญหาสารตกค้างได้จึงเลือกจะใช้วิธีการฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่า เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ที่สุดแล้ว โดยขณะนี้ได้ประสารงานเอกชนใจบุญและพร้อมที่จะส่งโดรนเข้ามาช่วยเหลือฟรี ส่วน ไตรโค้เดอร์ม่าก็มีการแจกฟรี จึงไม่กระทบต่อต้นทุนของเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามในส่วนมาตร.ในส่วนที่ ในการช่วยเหลือในความเสียหาย เบื้อนต้นได้สั่งการให้ทางผู้ว่าราชการจ. สุรินทร์  ตั้งคณะกรรมาร เข้ามา สรุปข้อมูลความเสียหายทั้งหมด  พร้อมตรวจสอบรายละเอียด ปริมาณ ข้าวที่ลดลง เพราะบางส่วน  ไม่ได้มีการเสียหายสิ้นเชิง เพียงแต่ผลผลิตลดน้อยลง   โดยข้อมูลโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ70   ในส่วนปคิมาณผลผลิตที่เคยได้เพราะข้าวลีบซึ่งรัฐบาลอาจจะช่วยเหลือและเติมในส่วนที่ขาดหายไป ในเรื่องของราคาส่วน การชดเชยพื้นที่เสียหาย จะชดเชยให้ไร่ละ1,113 ต่อไร่ ไม่เกินไม่เกิน 20 ไร่ ตามกรอบการให้การช่วยเหลือเรื่องภัยพิบัติ    โดยคาดว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นน่าจะใช้งบประมาณในการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวประมาณ กว่า1,000  ล้านบาท เท่านั้น ซึ่จากนี้ไปคงต้องรอทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์  ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมา ทำงานเพื่อสรุปรายละเอียดความเสียหายทั้งหมด  และมีการประกาศ เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ  เพื่อสรุปข้อมูลเสนอมายังกระทรวงเกษตรก่อนที่ จะเสนอ ไปยัง คณะกรรมการนโยบายข้าว  หรือ กนข หากเห็นด้วยก็จะเสนอต่อ ครม. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรต่อไป

ส่วนการแก้ปัญหาการแพร่รับบาดเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ ขึ้นมาอีก ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมการข้าวเข้าทำความเข้าใจและฝึกอบรมให้กับเกษตกรป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไหม้คอรวงข้าวโดยจะฝึกอบรมให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมพร้อมเรื่องการ เตรียมการเพาะปลูกข้าวในฤดูต่อไป โดยเกษตรกรจะต้องมีการคลุกเม็ดพันธ์ ข้าว กับไตรโคเดอร์ม่าก่อนหว่านข้าวในฤดูกาลต่อไป  ขณะเดียวกันจะต้องรู้หลักการใช้ปุ๋ยให้ถูกวิธ๊ โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย   ซึ่งการ การใช้ปุ๋ยที่ผิดหลักเป็นสาเหตุหนึ่งขอการเกิดโรคระบาดด้วย

“วันนี้เท่าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า เหลืออีกไม่ถึง 20 วัน ก็ จะสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บเกี่ยวทั้งหมด คงจะต้องปล่อย   ซึ่งทางผู้ว่าราชการ สุรินทร์ ก็ร้องขอให้ ช่วยระดมฉีดพ่น ไตรโคเดอร์ม่า ช่วยและช่วยให้เราประสาน โดรนเข้ามาช่วย เบื้องตนได้มีการประสาน ไปกับกลุ่มเอกชน เขารับปากจะเข้ามาช่วยฟรี ซึ่ง จะเข้ามาดำเนินการทันที ในวันที่7 พฤศจิกายนนี้  ก็จะระดมฉีดพ่น เท่าที่จะช่วยได้เพราะหากฉีดพ่นเคมีคงจะไม่ดี เพราะอาจเกิดปัญหาสารตกค้างได้วิธีการนี้น่าจะดีที่สุด ส่วนการให้การช่วยเหลือ ก็ ได้สั่งการให้ทางผู้ว่าราชการ จังหวัดตั้งคณะทำงานร่วมกับทางกรมการข้าว เพื่อสรุปข้อมูลรวมกัน  ก่อนเสนอ รายละเอียดเพื่อเสนอต่อ คณะกรรมการ  กนข . และเสนอ ครม. ต่อไป โดยเบื้องต้นก็คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณกว่า1,000ล้านบาท    “นายประภัตร กล่าว นายประภัตร กล่าวด้วยว่า ในส่วนความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งฝนแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาดที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่า อาจเสียหายจริงแต่ไม่น่าถึงขั้นขาดแคลน และขออย่าตื่นตระหนก ยืนยันว่าปริมาณผลผลิตยังเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศอย่างแน่นอนส่วนเรื่องราคา ที่อาจสูงขึ้นเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ จะต้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการบริหารจัดการ” นายประภัตร กล่าว

ด้านนายไกรสร กล่าวว่า จากการดำเนินการในเรื่องการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ โรค ไหม้คอรวงข้าว  ทางจังหวัดได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่  โดยจากการฉีดพ่นไตรโคเดอร์ม่า มี่ผ่านมาสามารถชะลอการระบาด ได้จริง เมื่อเทียบกับพื้นที่ ที่ไม่ได้มีการฉีดพ่น จากนี้ไป คงจะต้องทำความเข้าใจถึงวิธีปกกันการแพร่ระบาดและเร่งดำเนินการตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือ เกษตรกรให้เร็วที่สุด  และจากการตรวจสอบยังพบด้วยว่าพื้นที่ มีการระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ ใช้สารเคมี และจากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ การส่งเสริมการปลูกข้าวอินนทรีย์ ไม่มีการระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าวแม้แต่พื้นที่เดียว

ศก.ไทยเสี่ยง-ขยายต่ำ! มติกนง.5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ยลง 0.25%

People Unity News : ศก.ไทยเสี่ยง-ขยายต่ำ! มติกนง.5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ยลง 0.25% แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหลือ 1.25%

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงว่า ที่ประชุม กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.50% เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ขณะที่ 2 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี

ทั้งนี้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ และต่ำกว่าศักยภาพมากขึ้น จากการส่งออกที่ลดลง ซึ่งส่งผลไปสู่การจ้างงานและอุปสงค์ในประเทศ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย เสถียรภาพระบบการเงินได้รับการดูแลไปแล้วบางส่วน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม กรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย จึงเห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ทั้งนี้ กนง.เห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านต่างประเทศจากสภาวะการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและการใช้จ่ายของภาครัฐ ตลอดจนความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน

คลังจับมืออสังหาฯจัดแคมเปญ”ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ”ลดยิ่งใหญ่อลังการ

People Unity News : คลังเตรียมจับมืออสังหาฯ จัดแคมเปญ ซื้อปุ๊บ โอนปั๊บ ลดยิ่งใหญ่อลังการ ดีเดย์ 11.11 ลดกระหน่ำ เร่งกระตุ้นยอดซื้อบ้านปลายปี

วันที่ 6 พ.ย.2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า การประชุมร่วมกับผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์ 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมบ้านจัดสรร เห็นพ้อง ร่วมจัดทำแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี โดย กระทรวงการคลัง ร่วมกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และผู้ประกอบการอสังหาฯ เตรียมออกโปรโมชั่นยิ่งใหญ่อลังการในจันทร์วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเร่งให้มีการโอนบ้านภายในสิ้นปีนี้ให้มากที่สุด เป้าหมาย 35,000 ยูนิต โดยผู้ประกอบการเตรียมติดป้ายเข้าร่วมโครงการของรัฐบาล เพื่อให้ได้รับสิทธิ์พิเศษในครั้งนี้ หวังดึงผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศร่วมจัดงาน เตรียมแถลงแคมเปญใหญ่ในวันศุกร์นี้

หลังจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ครม.เห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธอส.วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.50% ต่อปี นาน 3 ปีแรก ราคาบ้านซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาท หลังจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจากร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าธรรมเนียมจดจำนองจากร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 มีผลบังคับใช้แล้ว หากกู้เต็มวงเงิน 3 ล้านบาท เดิมต้องชำระค่าจดทะเบียนการโอนและจดทะเบียนจำนองกว่า 90,000 บาท จะลดภาระเหลือเพียง 600 บาทเท่านั้น

นายชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการ “ชิมช้อปใช้” คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นและส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนจับจ่ายใช้สอยผ่าน “กระเป๋า 2” อีกทั้งให้ผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กและวิสาหกิจชุมชนรับชำระเงินผ่านแอ็ป “ถุงเงิน” เร็วๆ นี้

“จุรินทร์”เปิดบูธโชว์สินค้าไทยขายจีน-“นิพนธ์”เยี่ยมชมหัวเหว่ย

People Unity News : “จุรินทร์”เปิดบูธโชว์สินค้าไทยขายจีน รุกเพิ่มตลาดทุกทางเพื่อเพิ่มโอกาสสินค้าไทย “นิพนธ์”เยี่ยมชมหัวเหว่ย

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดบูธจัดแสดงสินค้าไทย พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเซี่ยงไฮ้ชื่อดัง คือ หลูเจี้ยนจากซีซีทีวีช่อง 4 ประเทศจีน เพื่อแนะนำสินค้าไทยซึ่งมีทั้งอาหาร เครื่องสำอาง สมุนไพร สินค้าเพื่อสุขภาพ ขนมขบเคี้ยว และสินค้าหลายสไตล์ ทั้งนี้ส่งเสริมการขายโดยนายจุรินทร์ทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนประเทศ นอกจากนั้นยังให้สัมภาษณ์ซีซีทีวีช่อง 13 อีกด้วย โดยสื่อมวลชนจีนให้ความสนใจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จากประเทศไทยอย่างยิ่ง

รองนายกฯ และคณะ เข้าเยี่ยมชมงาน CIIE 2019 โดย ประเทศไทยเข้าร่วม 2 ส่วน คือ Thailand Pavilion เป็น 1 ใน 15 ประเทศ Country of Honor พื้นที่ 256 ตารางเมตร จัดแสดงศักยภาพด้านการค้าการลงทุนการท่องเที่ยวนวัตกรรม และในส่วนของธุรกิจและการลงทุนในจีน Enterprise & Business Exhibition มี ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม 46 ราย โดยมีหน่วยงาน GIT การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและการยางแห่งประเทศไทย เข้าร่วมด้วยโดยในส่วนการจัดแสดงนี้มีนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมคณะให้การต้อนรับ

โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาเช้า 9.00 น.รองนายกฯ และคณะเข้าร่วมหารือกับผู้บริหารระดับสูง Alibaba ที่ : โรงแรม Jin Jiang Tower โดยความร่วมมือระหว่างกรมฯ และอาลีบาบา เพื่อพัฒนา SME ไทยให้เข้าสู่แพลตฟอร์ม การค้าออนไลน์ระดับนานาชาติ ข้อตกลงเรื่องเพื่อพัฒนาสินค้าไทย และบุคลากรด้านดิจิทัล การตั้ง TOPTHAI Flagship Store บน Tmall Global จําหน่ายสินค้าแฟชั่น/Personal Care/อาหาร เป้าหมายโดยผู้ประกอบการไทย เข้าร่วม 100 บริษัท ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าไทย

ในส่วนประเด็นหารือเพิ่มเติม คือร่วมมือการส่งเสริมการตลาดและส่งออกสินค้าเกษตร ได้แก่ ยางพารา มันสําปะหลัง ปาล์มน้ํามัน ข้าว ผลไม้ และสินค้าศักยภาพ อื่นๆ ของไทย ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ จัดกิจกรรมมหกรรมออนไลน์วันประเทศไทย(Thailand Day) เพื่อส่งเสริมภาพ ลักษณ์ กิจกรรมทางการตลาด และการท่องเที่ยวของ ประเทศไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน ถ่ายทอดเทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่และความรู้ที่สามารถช่วย อํานวยความสะดวกในการทําธุรกิจและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

ทางด้านนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) พร้อมด้วย พล.ร.ท.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศอ.บต. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่นในภาคใต้ เยี่ยมชม นวัตกรรม เทคโนโลยี ณ ศูนย์วิจัยหัวเหว่ย ปักกิ่ง

“คลัง”เผยวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สะพัด

People Unity News : “คลัง”เผยวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวใช้เงิน “ชิมช้อปใช้” สะพัด ยอดสะสมกว่าหมื่นล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตรงตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้แนะนำมาตรการ “ชิมช้อปใช้” พร้อมรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี และไม่ควรกระจุกตัวเฉพาะเพียงเมืองหลัก แต่ควรกระจายออกสู่เมืองรองด้วย พร้อมยืนยันร้านค้าและผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” ราว 180,000 ร้านค้า กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ

นายชาญกฤช กล่าวอีกว่า ในช่วงวันหยุดยาว 2-5 พ.ย. 62 เป็นระยะเวลา 4 วันติดต่อกันสำหรับคนกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร รองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน พี่น้องประชาชนให้การตอบรับการรณรงค์ท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นอย่างดี

อีกทั้ง ยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” ทั้งกระเป๋า 1 และกระเป๋า 2 ก็ดีเกินคาด เม็ดเงินทยอยไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากทะลุหมื่นล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

และเป็นที่น่าสังเกตว่าพี่น้องประชาชนเริ่มใช้จ่ายเงินผ่านแอ็ป “เป๋าตัง” และผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงวิสาหกิจชุมชนก็สามารถรับเงินผ่านแอ็ป “ถุงเงิน” คล่องแคล่วมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยอดการใช้จ่าย ชิมช้อปใช้ ณ วันที่ 3 พ.ย.62 มียอดการใช้จ่ายรวม 10,667.3 ล้านบาท แบ่งเป็น ร้านชิม 1,460.1 ล้านบาท ร้านช้อป 6,171.7 ล้านบาท ร้านใช้ 141.7. ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,893.8 ล้านบาท

กระทรวงการคลังขอย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการ “ชิมช้อปใช้” มี 3 ประการ คือ 1. ส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนรับรู้และเข้าใจนิยามของคำว่า “สังคมไร้เงินสด” ในทางปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การค้าขายในสังคมยุคดิจิทัล 2. ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เพราะพ่อ แม่ ลูก จะมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกันมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยว และ 3. กระจายเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนอย่างแท้จริง โดยจะเพิ่มมากขึ้นแบบเป็นนัยยะในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูการท่องเที่ยว

“จากการลงพื้นที่ติดตามผลอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่พบว่า ร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 30 เปอร์เซนต์ และบางพื้นที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซนต์ แสดงว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ก่อให้เกิดการหมุนเวียน และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง” นายชาญกฤชกล่าว

นางวิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เมื่อรวมยอดผู้ลงทะเบียนโครงการ “ชิมช้อปใช้” ทั้งเฟส 1 และ 2 มีประชาชนร่วมลงทะเบียน 13 ล้านคน นับว่าเป็นกลุ่มที่มีพลังงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการหยุดยาว 4 วัน ช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แม้ประชาชนยังเน้นใช้เงินผ่านกระเป๋า 1 เมื่อใช้เงินเพียงบางส่วนในกระเป๋า 1 แล้ว วงเงินที่เหลือ ยังทยอยใช้ได้จนถึงเดือนธันวาคม ส่วนกระเป๋า 2 ขั้นตอนการเติมเงินไม่ยุ่งยาก เพราะในแอ็บเป๋าตัง จะมีแถบการใช้สิทธิ์สองแถบ คือ กระเป๋า 1 ใช้สิทธิ์รับเงิน 1,000 บาท ส่วนกระเป๋า 2 เข้าไปในปุ่มสีส้ม กดเข้าไปจะได้รับ QR Code หรือได้รับ G-Wallet ID จากนั้นให้แคปหน้าจอ QR Code เพื่อเติมเงินในกระเป๋า 2 นอกจากนี้ ธ.กรุงไทยยังเปิดให้เติมเงินผ่านตู้ ATM เพื่อนำเงินกระเป๋า 2 ออกไปใช้จ่ายได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาล

สำหรับการได้รับสิทธิ์เงินชดเชยจากการใช้เงินผ่านชิมช้อปใช้ วงเงิน 30,000 บาทแรก ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 15 ของมูลค่าซื้อขายแต่ไม่เกิน 4,500 บาท หากซื้อเกิน 30,000-50,000 บาท ได้รับเงินชดเชยร้อยละ 20 ของเงินใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาท ทั้งสองโครงการใช้เงินได้ถึงสิ้นปี 62 ยอมรับว่าแม้จะได้รับเงินชดเชยคืนภายหลังโครงการครบกำหนดไปแล้ว แต่ให้ถือว่าเป็นเงินของตนเองจากการซื้อสินค้าแล้วได้รับชดเชยคืนจากภาครัฐ  หลังจากนี้จะมีโครงการแคมเปญใหญ่ ธ.กรุงไทย ร่วมกับการท่องเที่ยว โหมกระหน่ำลดราคา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวช่วงปลายนี้ ให้ติดตามการประกาศแคมเปญในเร็วๆ นี้

“อุตตม”ทอดกฐินสามัคคีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนพระปริยัติธรรมดอยสะเก็ด

People Unity News : กระทรวงการคลังทอดกฐินสามัคคีและวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่พระครูบาน้อย เขมปัญโญ เป็นเจ้าอาส ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคีและพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม โดยมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยส่วนราชการภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก

ทั้งนี้เพื่อจัดหาทุนทรัพย์ในการดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้วและเพื่อเป็นที่ศึกษาในการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและบาลีของพระภิกษุสามเณรประจำคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่

Cr.https://region3.prd.go.th/prcm/cmnews.php?ID=191102122546&fbclid=IwAR1CRXHeeT_aznZTimnJ2zOktTK6TBzRRUulTZLUb4XEh5g8TXAIZSPfm54

“ศักดิ์สยาม”เป็นประธานพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงชุดแรกจากญี่ปุ่น

People Unity News : “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วง “บางซื่อ – รังสิต” และช่วง”บางซื่อ – ตลิ่งชัน” ชุดแรกจากญี่ปุ่น

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เวลา 16.00 น. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีต้อนรับขบวนรถไฟฟ้าโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต และช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ชุดแรก โดยมี นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นางสุขสมรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงคมนาคม นางคัทซึระ มิยาซากิ ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ผู้บริหารกิจการค้าร่วม เอ็มเอชเอสซี (MHSC) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย และสื่อมวลชน ร่วมงาน ณ อาคารปฏิบัติการหลัก ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟชานเมือง โครงการระบบรถไฟชนเมือง (สายสีแดง)

การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบรถไฟฟ้าชุดแรก จำนวน 10 ตู้ จากทั้งหมด 25 ขบวน ในส่วนขบวนรถไฟฟ้าที่เหลือจะทยอยเดินทางมาจนครบทั้งหมดภายในกลางปี 2563 หลังจากนั้นจะดำเนินการทดสอบขบวนรถให้แล้วเสร็จ เพื่อให้พร้อมที่จะดำเนินการทดสอบ System Integration Testing และทดสอบการวิ่งให้บริการเสมือนจริง (Trial Running) ให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์ภายในต้นปี 2564

ขบวนรถไฟฟ้าที่ใช้ในโครงการรถไฟสายสีแดง เป็นขบวนรถไฟฟ้าของกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC ร่วมกับ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ จำกัด และ บริษัท ฮิตาชิ จำกัด ประกอบไปด้วยขบวนรถไฟ 2 รูปแบบ คือ รถไฟฟ้าชนิด 6 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,710 คนต่อเที่ยว และรถไฟฟ้าชนิด 4 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 1,120 คนต่อเที่ยว มีความเร็วสูงสุดในการออกแบบที่ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วัสดุขบวนรถเป็น Aluminum Double Skin การออกแบบรถไฟฟ้าสำหรับโครงการรถไฟสายสีแดง ได้คำนึงถึงสภาพอากาศของประเทศไทย ภายในขบวนรถมีเครื่องปรับอากาศตู้ละ 2 เครื่อง ใช้กระจกสีสำหรับทำหน้าต่างรถไฟ เพื่อลดปริมาณแสงแดดที่จะส่องผ่านเข้ามาภายในตู้รถ ออกแบบให้ตู้รถแต่ละข้างมี 3 ประตู และเพิ่มจำนวนที่นั่งเพื่อให้ผู้โดยสารนั่งได้สบายขึ้น รวมทั้งมีหน้าต่างขนาดใหญ่ให้ผู้โดยสารมองเห็นทัศนียภาพภายนอกจากมุมสูงได้มากขึ้น

 

คลังจับมือ 3 สมาคมอสังหาฯ จัดแคมเปญระบายสต๊อกคงค้าง

People Unity News : คลังจับมือ 3 สมาคมอสังหาฯ จัดแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อ เพื่อระบายสต๊อกคงค้าง แนะหารือ ธปท. ผ่อนเกณฑ์วงเงิน 5 หมื่นล้านของ ธอส. สามารถกู้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ลุ้นค่าธรรมเนียมโอนมหาดไทยประกาศใช้เร็วที่สุด

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้บริหารของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ เพื่อผลักดันให้มาตรการอสังหาริมทรัพย์ฯ ของรัฐบาล ช่วยระบายสต๊อกคงค้างของผู้ประกอบการไม่ให้ทรุดตัวลงไปมากกว่าปัจจุบัน โดยภาคเอกชนขอให้กระทรวงการคลังประสานกับกระทรวงหาดไทย เรื่องประกาศลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา และขอให้กระทรวงการคลังประสานกับ ธปท. เพื่อขอผ่อนปรนกฎเกณฑ์ LTV เฉพาะกลุ่มของสินเชื่อซื้อบ้านจาก ธอส. วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อให้ขอกู้ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท

“คลังเตรียมร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ฯ เตรียมจัดแคมเปญใหญ่โค้งสุดท้ายปลายปี เพื่อให้ผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นใหญ่ ลด แลก แจก แถม ผ่านมาตรการของรัฐบาล หวังระบายบ้านค้างสต๊อค 35,000 ยูนิต การออกมาตรการครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาส 4 ไม่ให้ทรุดตัวมากตามที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าภาคอสังหาฯยังขยายตัวได้ร้อยละ 5 -7 ในปี 63 เพราะกลุ่มบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีสัดส่วนในตลาดถึงร้อยละ 60 ของอสังหาฯ ทั้งระบบ” นายชาญกฤช กล่าว

หลังจาก ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนจากเดิมร้อยละ 2 เหลือร้อยละ 0.01 และลดค่าธรรมเนียมการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิมร้อยละ 1 เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย และการจดทะเบียนการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 รวมทั้งมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ยพิเศษ 2.5% คงที่ในช่วง 3 ปีแรก วงเงิน 50,000 ล้านบาท

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า เมื่อภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดแคมเปญใหญ่ บวกกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมหลายด้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ก่อสร้าง ตกแต่งภายใน และอีกหลายสาขา ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น จึงคาดว่าปีนี้จะมียอดขายประมาณ 210,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 196,000 ยูนิต

นางอาภา อรรถบูบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ยอมรับว่ายอดขายที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมชะลอตัวร้อยละ 20 และยอดขายที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรลดลงเล็กน้อย เมื่อมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ของรัฐบาลออกมา จะช่วยพยุงให้กลุ่มอสังหาฯ ไม่ทรุดตัวไปมากตามที่กังวล อย่างไรก็ตาม การซื้อบ้านไม่เหมือนกับการซื้อสินค้าทั่วไป เพราะกว่าจะโอนได้มีหลายขั้นตอน ฉะนั้น ยอดการโอนบ้านจากการซื้อขายช่วงปลายปี น่าจะทำนิติกรรมแล้วเสร็จได้ในเดือนมกราคม 2563 นับว่าเป็นผลบวกทางจิตวิทยาให้ภาคอสังหาฯ อย่างแน่นอน

Verified by ExactMetrics