วันที่ 25 เมษายน 2024

ทบ.เปิดจุดบริการ ปชช.ทั่ว ปท. 83 จุดช่วงวันหยุดปีใหม่

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 ธันวาคม 2566 กองทัพบก – กองทัพบกเปิดจัดให้บริการปชช.ระว่างเดินทางช่วงวันหยุดปีใหม่ 83 จุด ตั้งแต่ 29 ธ.ค.66 – 4ม.ค.67 กำชับหน่วยทหารดูแลที่ตั้งหน่วย –ชายแดนเข้ม

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก  เปิดเผยว่ากองทัพบกขอส่งความสุขในช่วงปีใหม่ผ่านการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน โดยพล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกพื้นที่ ทั้งที่ตั้งหน่วยทหารและพื้นที่ตามแนวชายแดน อีกทั้งให้หน่วยทหารทั่วประเทศบูรณาการร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงมหาดไทย

“จัดตั้งจุดบริการประชาชนแบบครบวงจร ตั้งแต่ 28 ธ.ค.66- 4 ม.ค.67ในบริเวณเส้นทางคมนาคมหลัก และเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยงหรือพบการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อให้ประชาชนที่สัญจร ผ่านได้แวะพักรับประทานน้ำดื่มและกาแฟ สอบถามเส้นทาง ตลอดจนใช้บริการด้านต่าง ๆ อาทิ การนวดผ่อนคลาย การแก้ไขปัญหารถเสีย โดยปีนี้หน่วยทหารกองทัพบกจัดตั้งจุดบริการประชาชนทั่วประเทศรวม 83 จุด ประกอบด้วย กรุงเทพและปริมณฑล 7 จุด ภาคเหนือ 18จุด ภาคกลาง 12 จุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19จุด ภาคตะวันออก 6จุด ภาคตะวันตก 12 จุด และภาคใต้ 9จุด” ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก กล่าว

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกมอบนโยบายให้รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาจัดตั้งศูนย์ควบคุมจราจรและจุดบริการของจังหวัด ในพื้นที่ท่องเที่ยวเมืองหลักหรือพื้นที่ที่มีประชาชนเดินทางจำนวนมาก เพื่อลดความคับคั่งของการจราจร และดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้ประชาชนในภาพรวมของจังหวัดอีกทางหนึ่งด้วย

Advertisement

ก.แรงงาน มอบของขวัญปีใหม่ 11 ชิ้น

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 24 ธันวาคม 2566 “คารม” เผย รัฐบาล โดย ก.แรงงาน มอบของขวัญปีใหม่ จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ” มอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกระทรวงแรงงานมอบของขวัญให้ประชาชน เพื่อป็นกำลังใจแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ รวมทั้งพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 จำนวน 11 ชิ้น ในหัวข้อ “เพิ่ม ฟรี ปรับขึ้น สะดวก ช่วยปลดหนี้” ภายใต้แคมเปญ “อุ่นใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ” เพื่อมอบความสุขแก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน ดังนี้

ชิ้นที่ 1 “เพิ่ม”อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน 6 สาขาอาชีพ 54 สาขา ตามร่างอัตราค่าจ้าง ตามมาตรฐานฝีมือ 54 สาขา ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศแล้ว

ชิ้นที่ 2 “ปรับขึ้น”อัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ โดยคณะกรรมการไตรภาคีได้พิจารณาปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 และได้นำมาทบทวนอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมานั้น ซึ่งที่ประชุมไตรภาคีได้มีมติเห็นชอบให้ใช้มติเดิม ผมเองก็จะนำมติในเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อขอความเห็นชอบให้มีผลใช้บังคับในช่วงเดือนมกราคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องแรงงาน

ชิ้นที่ 3 “ฟรี”กู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดอกเบี้ย 0% จำนวน 24 เดือน โดยมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 – 24 โดยไม่ปลอดเงินต้น และงวดที่ 25 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ผู้รับงานไปทำที่บ้านรายบุคคลยื่นคำขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท รายกลุ่มบุคคลกู้ไม่เกิน 300,000 บาท ระยะเวลายื่นคำขอกู้ ตั้งแต่1 ธ.ค.66 – 31 ส.ค.67 กรอบวงเงิน 5,000,000 บาท ทำให้มีผู้จดทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านกว่า 6,000 ราย เกิดรายได้ไม่น้อยกว่า 16.2 ล้านบาทต่อปี

ชิ้นที่ 4 “ฟรี”ตรวจเช็คสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ก่อนเดินทาง 7 วัน ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 22 – 28 ธ.ค. 66 ในวันและเวลาราชการ ฟรี 10 รายการ ได้แก่ ล้อ/ลมยาง ระบบเบรก กรองอากาศ ระบบไฟเลี้ยว/ไฟสัญญาณ ใบปัดน้ำฝน ระบบปรับอากาศ น้ำยาฉีดกระจก แบตเตอรี่ น้ำกลั่นพวงมาลัย/แฮนด์/แตร

ชิ้นที่ 5 “ฟรี” ฝึกอบรมออนไลน์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ ภาษาจีน การตลาดออนไลน์ และดิจิทัล ฟรีจำนวน 10,000 สิทธิ์ เพื่อแรงงานไทยได้ Up skill ตนเอง ทุกที่ ทุกเวลา ตั้งแต่วันที่ 22 – 28 ธ.ค.66 หรือจนกว่าจะครบ

ชิ้นที่ 6 “ช่วยปลดหนี้” ผ่านโครงการเงินกู้สร้างสุข ปลดทุกข์หนี้นอกระบบ ในวงเงินไม่เกินคนละ 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนในสถานประกอบกิจการและรัฐวิสาหกิจ นำไปปลดหนี้สิน หรือลงทุนประกอบอาชีพเสริม ในวงเงินโครงการ จำนวน 50,000,000 บาท เพื่อพัฒนารายได้แก่ตนเองและครอบครัวให้แรงงานได้รับสวัสดิการที่ดีสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างรากฐานความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

ชิ้นที่ 7 “ฟรี”อบรม Safety 10,000 คน เพื่อให้นายจ้างปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ลดอุบัติเหตุ อุบัติภัยจากการทำงาน ทำให้ลูกจ้างได้รับการดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในการทำงาน จำนวน 1,000,000 คน

ชิ้นที่ 8 “ฟรี”ตรวจสุขภาพ 14 รายการ ผู้ประกันตนสุขภาพดีถ้วนหน้า อาทิ มะเร็งปากมดลูก ตรวจคัดกรอกมะเร็งลำไส้ ตรวจเต้านม ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เชื้อไวรัสตับอักเสบ ตรวจไขมันในเลือด เริ่ม 1 มกราคม 2567

ชิ้นที่ 9 “สะดวก”ผู้ประกันตนฟันดีด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ ณ สถานประกอบการ (SSO Mobile e-Dent) วงเงิน 900 บาท/คน/ปี โดยผู้ประกันตนเข้ารับบริการทันตกรรมด้วยรถ Mobile Service สะดวก ไม่ต้องสำรองจ่าย มอบสิทธิประโยชน์ทำฟันสะดวก อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน และผ่าตัดฟันคุด ที่สถานประกอบการ ด้วยรถทันตกรรมเคลื่อนที่ประกันสังคม ผู้ประกันตนสะดวก ทำฟันสะดวก ที่สถานประกอบการ ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องเดินทาง เริ่ม 1 ม.ค. – 31 มี.ค.67

ชิ้นที่ 10 “ฟรี”บริการประกันสังคมครบจบใน APP เดียว “SSO plus+”ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล กลางเชื่อมต่อบริการประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนอย่างเฉพาะเจาะจง และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรวมศูนย์การบริการตามภารกิจหลักของกองทุนเงินทดแทน เพื่อความสะดวกให้ผู้ประกันตน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ชิ้นที่ 11 “ฟรี”ติดตั้งระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตรายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และประเมิน ความเสี่ยงขั้นต้น เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ม.ค.67 สถานประกอบกิจการมีระบบรายงานจุดเสี่ยงอันตราย และประเมินความเสี่ยงขั้นต้นเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน

Advertisement

รัฐบาลยัน เดินหน้าปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ลดความเหลื่อมล้ำประชาชน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 21 ธันวาคม 2566 รัฐบาลจะเดินหน้าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำต่อ ลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง มีมติเห็นชอบปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมไปก่อน ว่ารัฐบาลเข้าใจสิ่งใดสามารถดำเนินการได้ พรรคเพื่อไทยในช่วงเลือกตั้ง ก็ได้มีการหาเสียงไว้ ดังนั้นรัฐบาลมีสิทธิ์รับฟังความคิดเห็น ขณะเดียวกัน คณะกรรมการมีหน้าที่ตามกฏหมาย ซึ่งเป็นเอกสิทธิไม่สามารถไปแทรกแซงได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และไม่มีข้อบังคับที่ระบุว่า 1 ปีให้พิจารณาการขึ้นค่าแรงเพียงครั้งเดียว หากผ่านไปแล้วระยะหนึ่ง เมื่อคณะกรรมการมีการทบทวนหรือพิจารณาใหม่อีกครั้งภายในปีเดียวกันก็ได้ ยืนยัน เรื่องนี้เป็นไปตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเคยระบุไว้ ส่วนตัวคิดว่า ตรรกะนายกรัฐมนตรี มองในเชิงการมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเห็นว่ามีช่องว่างและมีความเหลื่อมล้ำสูง เชื่อว่าเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีการขับเคลื่อนต่อ รวมถึงคณะรัฐมนตรีได้เห็นคล้อยตามนายกรัฐมนตรี จะต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ส่วนจะเป็นการผลักผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากย้ายฐานการผลิตจะทำให้เกิดช่องว่างของตลาด ย้ำว่า ธุรกิจทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของเส้นทางคมนาคมขนส่ง ความเสถียรของไฟฟ้า ซึ่งยังมีปัจจัยอื่นอีกมาก ส่วนตัวไม่ห่วง เพราะหากถอยออกไปก็จะมีคนที่อยู่ได้และมีการขยายตัวเข้ามาแทนที่

Advertisement

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่ง ห้ามออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เป็นเวลา 1 ปี

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 20 ธันวาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา – กระทรวงมหาดไทยเผยแพร่คำสั่งห้ามการออกใบอนุญาตพกอาวุธปืนเป็นเวลา 1 ปี เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันนี้ (20 ธ.ค.66)

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค. 66) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ห้ามการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันนี้ (20 ธ.ค. 66) ถึง วันที่ 19 ธ.ค. 67 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยสาธารณะ ลดอาชญากรรมและควบคุมสถานการณ์ให้บ้านเมืองกลับมาเป็นปกติสุข เนื่องจากปัจจุบันได้มีการนำอาวุธปืนติดตัวไปในที่สาธารณะและก่อเหตุร้าย เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพในด้านความปลอดภัยของประชาชน และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม

ทั้งนี้ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กระทรวงมหาดไทยจึงมีการออกมาตรการต่าง ๆ ทั้งการงดการออกใบอนุญาตให้ร้านค้าอาวุธปืน ในการสั่ง หรือนำเข้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.2) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะขอรับใบอนุญาตซื้อปืน (แบบ ป.3) จะต้องเข้มงวดมากขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เพื่อให้มีการขึ้นทะเบียนและส่งมอบอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย และการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน (จัดเก็บอัตลักษณ์อาวุธปืน) ด้วย

Advertisement

ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 ธันวาคม 2566 ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม เตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร 21 ธันวาคมนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อรองรับเรื่องสมรสเท่าเทียม หรือ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอต่อที่ประชุมสภาในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจสอบความรอบคอบแล้ว

สำหรับกฎหมายฉบับนี้ จะทำให้บุคคลเพศเดียวกันสามารถสมรสกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีสิทธิหน้าที่และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกับคู่สมรสชายและหญิง สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัว ที่มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมขอแสดงความยินดีกับทุกฝ่าย

Advertisement

“อนุทิน” ระบุ ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้ หากทำผิด กม.

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 15 ธันวาคม 2566 รมว.หาดไทย ย้ำ การขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง 4:00 น. ผู้ประกอบการและผู้เข้าใช้บริการสถานบริการต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขยายเวลาได้ก็ยกเลิกได้เช่นกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สำหรับการประกาศขยายเวลาเปิดสถานบริการอย่างเป็นทางการนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ลงนามในกฎกระทรวงฯ โดยได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 และได้ส่งต่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งเหลือเพียงการรอการประกาศอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ ต้องเน้นย้ำว่าการขยายเวลาเปิดของสถานบริการไปจนถึง 4:00 น. ตามนโยบายของรัฐบาลนั้น จะสามารถขยายได้เฉพาะสถานบริการที่อยู่ในโซนนิ่ง 4 จังหวัด 1 อำเภอนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี ภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี โดยต้องเป็นสถานบริการที่มีการจดทะเบียน มีใบอนุญาตสถานบริการอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น หากไม่มีก็ไม่สามารถเปิดในช่วงที่มีการขยายเวลาได้ พร้อมเน้นย้ำว่า ทั้งผู้ประกอบการสถานบริการ และนักท่องเที่ยวผู้เข้าใช้บริการต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่พกพาอาวุธติดตัว ดื่มไม่ขับ และปัญหายาเสพติด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างตำรวจกับฝ่ายปกครองอยู่แล้ว หากพบการกระทำที่ผิดก็หมาย ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ก็สามารถยกเลิกการขยายเวลาได้เช่นกัน

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวด้วยว่า สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีสถานบริการทั้งหมด 207 แห่ง ซึ่งจากการตรวจสอบสถานะแต่ละร้าน พบว่ามีเพียงประมาณ 140 กว่าแห่งเท่านั้นที่สามารถเปิดในช่วงขยายเวลาได้ ทั้งนี้ นายอนุทิน เชื่อมั่นว่า ความเดือดร้อนจากการขยายเวลาเปิดสถานบริการออกไปจะไม่เกิดขึ้นถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย

Advertisement

บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 13 ธันวาคม 2566 รมช.คมนาคม “สุรพงษ์” ย้ำ บขส. เตรียมความพร้อมรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 คุมเข้มความปลอดภัย สั่ง 3 หน่วยงาน ผนึกกำลังจัดการเดินทางเชื่อมต่อ รถราง รถทัวร์ รถเมือง อำนวยความสะดวกประชาชน พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ จองตั๋วออนไลน์ บขส. ไปก่อน-กลับทีหลัง ลดค่าโดยสาร 20% จองตั๋วล่วงหน้า 1 ปี

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเตรียมความพร้อม ตนได้มอบหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ให้บริหารจัดการเดินรถโดยสารให้เพียงพอ ไม่ให้มีปัญหาผู้โดยสารตกค้าง รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ บขส.กำหนดมาตรการดูแลความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถ และรถโดยสาร เช่น ตรวจสภาพความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนออกให้บริการ, จัดพนักงานขับรถ 2 คน ในเส้นทางสายยาว, กำชับให้ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ดูแลชั่วโมงการทำงานให้เหมาะสม, พนักงานขับรถต้องตรวจสุขภาพประจำปี ปีละ 1 ครั้ง และให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ บขส. จัดทำโครงการมอบของขวัญปีใหม่ 2567 ให้กับพี่น้องประชาชน ได้แก่ โครงการลดค่าโดยสาร (“HAPPY NEW YEAR 2024 ลด 20% ไปก่อน-กลับทีหลัง”) ให้ผู้โดยสาร บขส. ที่จองตั๋วล่วงหน้า ผ่านช่องทางออนไลน์ Application E-Ticket และ Website : http://transport.co.th/ เดินทางระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2566 หรือระหว่างวันที่ 4 – 8 มกราคม 2567 ทุกเส้นทางภายในประเทศ จะได้รับส่วนลด 20% (เฉพาะค่าโดยสารไม่รวมค่าธรรมเนียม) โครงการตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย โดยเปิดให้บริการตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ บขส. (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิต และประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2566 – 10 มกราคม 2567 เป็นต้น รวมทั้งให้ บขส. ขยายระยะการจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า จากเดิม 90 วัน เป็น 1 ปี ซึ่งผู้โดยสารสามารถจองตั๋วโดยสารล่วงหน้า 1 ปี ได้แล้ว ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Application E-Ticket Website บขส. https://tcl99web.transport.co.th หรือที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ บขส. ณ สถานีเดินรถ บขส. ทั่วประเทศ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมมีนโยบายพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้แบบไร้รอยต่อตามนโยบาย Quick Win “คมนาคม เพื่อความอุดมสุขของประชาชน” จึงได้มอบหมายให้ บขส. ร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทดลองเพิ่มจุดจอดรถโดยสาร (เฉพาะรถ บขส. ขาเข้ากรุงเทพฯ) ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นต้นไป โดยผู้โดยสารที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ สามารถเลือกเดินทางลงจุดจอดที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และเชื่อมต่อการเดินทางกับรถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถเมล์ ขสมก. หรือจะเลือกเดินทางไปลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เพื่อต่อรถแท็กซี่ได้สะดวกเช่นกัน

ส่วนการให้บริการเดินรถเชื่อมต่อ ระหว่าง บขส. และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่บริเวณชานชาลาขาเข้า หมอชิต 2 การให้บริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย ขสมก. ได้จัดรถโดยสารวิ่งให้บริการ 12 เส้นทาง รถโดยสารเพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้การเพิ่มการเชื่อมต่อของระบบการขนส่งสาธารณะ เป็นการเพิ่มการอำนวยความสะดวก และเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชนได้เข้าถึงบริการอย่างทั่วถึง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บขส. Call Center 1490, ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 หรือโทรสายด่วน ขสมก. 1348

Advertisement

“พัชรวาท” สั่งตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ แก้ปัญหาช้างป่าบุกพื้นที่ทำกินแบบยั่งยืน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 10 ธันวาคม 2566 “เกณิกา“ เผย ”พล.ต.อ. พัชรวาท” สั่งตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ แก้ปัญหาช้างป่าบุกพื้นที่ทำกินแบบยั่งยืน เหยียบย่ำพืชผลเกษตรเสียหาย พร้อมจัด จนท.เฝ้าระวัง

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหาช้างป่าที่ปัจจุบันประเทศไทยยังมีจำนวนช้างป่ารวมกันมากกว่า 4013-4422 ตัว โดยกระจายอยู่ในป่าอนุรักษ์ 69 แห่ง จากการรุกขยายพื้นที่เมืองและพื้นที่การเพาะปลูกเข้าสู่พื้นที่ป่าเพื่อพัฒนาประเทศ จึงเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างช้างป่าและมนุษย์ ซึ่ง พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น จึงพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เข้ามาในพื้นที่หากินของประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์

“พล.ต.อ. พัชรวาท ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างยั่งยืน จึงได้สั่งการให้ตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการในการผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อป้องกันช้างป่าออกมานอกพื้นที่ทำลายพืชผลเกษตร รวมถึงบ้านเรือนประชาชนเสียหายหรือทำร้ายประชาชนจนเสียชีวิต และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าร่วมกับกลุ่มเครือข่ายเฝ้าระวังช้างป่าในพื้นที่ รวมถึงสร้างคูกันช้างป่า รอบพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จัดทำทุ่งหญ้า แหล่งน้ำ แหล่งอาหาร และโป่งเทียมในพื้นที่“

นอกจากนี้ จะมีการเร่งรัดของบกลาง สำหรับจัดจ้างราษฎรในพื้นที่ เพื่อเป็นชุดปฏิบัติการเฝ้าระวังผลักดันช้างป่า รวมถึงจัดสร้างสถานที่ควบคุมพฤติกรรมช้างป่าและจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาราษฎรที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ จะมีการสำรวจประชากรช้างป่า โดยการศึกษาโมเดลแนวทางการแก้ปัญหาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขอให้กำหนดมาตรการเชิงรุกในการแก้ไขปัญหาช้างป่า เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนด้วย

Advertisement

มหาดไทย แจ้ง อปท. ทั่วประเทศ จัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ รร.ในสังกัด ตั้งแต่ภาคเรียน 1/2567

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 2 ธันวาคม 2566 กระทรวงมหาดไทยแจ้ง อปท. จัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ตั้งแต่ภาคเรียน 1/67 รุกปลูกจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันหลักตามนโยบาย “อนุทิน”

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายให้หน่วยงานภายใต้การกำกับร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้เป็นผู้ที่มีความรักเทิดทูนในสถาบันหลักและภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนายกระดับการศึกษาและทักษะแรงงาน นำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ระหว่าง 4 กระทรวง และ 1 องค์การมหาชน ได้แก่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เริ่มนำข้อตกลงตาม MOU มาขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติ โดยแปลงไปสู่นโยบายรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษา สำหรับสถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกับมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการให้สถานศึกษาในสังกัดจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยนำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษาเป็นวิชาหลักในการเรียน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป

พร้อมกันนี้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถานศึกษาจัดกิจกรรม หรือ โครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การตระหนักในหน้าที่พลเมือง การยกย่องบุคคลที่ทำความดีมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งการเรียนและกิจกรรมต่างๆ นอกจากจะนำไปสู่ความรักและภูมิในสถาบันหลัก เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน และสามารถลดความขัดแย้งของเยาวชน และไม่ถูกถูกผู้อื่นนำพาไปกระทำในสิ่งไม่ดีหรือผิดกฎหมาย

Advertisement

รมว.ดีอี ลุย 4 มาตรการปราบอาชญากรรมออนไลน์ ถือซิมการ์ด 5 หมายเลข ต้องลงทะเบียนใน 30 วัน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 พฤศจิกายน 2566 รมว.ดีอี เผย “นายกฯ” สั่งจัดการเด็ดขาด “ซิมม้า-บัญชีม้า-เว็บพนันออนไลน์” พร้อมเดินหน้า 4 มาตรการปราบอาชญากรรมออนไลน์ เร่งประสาน กสทช. ออกประกาศ ถือครองซิมการ์ด 5 หมายเลข ต้องลงทะเบียนภายใน 30 วัน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีข้อสั่งการมาที่กระทรวงดีอี และ สตช. ให้จัดการเรื่องซิมม้า และปราบโจรออนไลน์เด็ดขาด ตนในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จึงได้เชิญคณะกรรมการ ประชุมเพื่อหารือ และสรุปมาตรการเร่งดำเนินการ ใน 4 เรื่องสำคัญ

โดยเรื่องแรกคือ กรณีการออกประกาศเพื่อให้ผู้ครอบครองหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไป ลงทะเบียนแจ้งการครอบครองกับผู้ให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนำซิมการ์ดไปใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ขั้นตอนการออกประกาศอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการ กสทช. โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ควรดำเนินการเรื่องนี้โดยด่วน และให้มีผลให้ต้องลงทะเบียน ภายในไม่เกิน 30 วันนับแต่การออกประกาศ โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย จำนวนมากถึง 286,148 ราย และมีผู้ครอบครองเลขหมายโทรศัพท์มือถือหรือซิมการ์ดตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไปถึง 7,664 ราย

นายประเสริฐ กล่าวว่า ในเรื่องที่สองเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center : AOC) หรือ ศูนย์ AOC 1441 (สายด่วน 24 ชม.) วันที่ 1 – 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประชาชนโทรเข้ามา 62,306 สาย สามารถระงับบัญชีธนาคารได้ถึง 5,329 บัญชี มีการจับกุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 389 ราย และมีคดีใหญ่แก๊ง call center ที่มีเงินหมุนเวียน 7,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งผลดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมเป็นที่น่าพอใจ AOC สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เป็นจำนวนมาก และสามารถอายัดบัญชี ได้เฉลี่ยเวลา 15 นาที

นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาโดยตลอด ในการเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุม และทลายเครือข่ายบัญชีม้า/ซิมม้า โดยสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกถึงบัญชีในขั้นตอนต่างๆ พร้อมร่วมกับสมาคมธนาคารไทยและธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์และขอความร่วมมือไปยังภาคธนาคารให้ดำเนินการอายัดรายชื่อบัญชีม้าทั้งหมดพร้อมทั้งเพิ่มกระบวนการในการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวว่า ในเรื่องที่สาม ในด้านสถิติการปิดกั้นเว็บไซต์ หรือ เพจ ผิดกฎหมายโดยรวม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 สูงถึง 16,359 เว็บไซต์ เฉลี่ย 309 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 55 เว็บต่อวัน

สำหรับการปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-22 พฤศจิกายน 2566 ปิดได้ สูงถึง 3,120 เว็บไซต์ เฉลี่ย 66 เว็บต่อวัน เพิ่มขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ปิดได้เฉลี่ย 5 เว็บต่อวัน

นายประเสริฐ ยังกล่าวว่า ในเรื่องที่สี่ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบแผนบูรณาการประชาสัมพันธ์ภัยอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งมี 3 เป้าหมาย ประกอบด้วย 1. ประชาชนทุกคนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยออนไลน์ และลดพฤติกรรมเสี่ยง รวมถึงรู้วิธีการป้องกัน และการแก้ไขปัญหา 2. ประชาชนมีเครื่องมือตรวจสอบข้อเท็จจริงในการป้องกันภัยออนไลน์ 3. หน่วยงานมีความร่วมมือ และแบ่งปันทรัพยากรในการป้องกันภัยออนไลน์

“กระทรวงดีอี มีความมุ่งมั่นที่จะลดปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เรามีความร่วมมือกับทั้งภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและปราบปรามอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการรณรงค์ สร้างการตระหนักรู้เท่าทันภัยทางออนไลน์ รวมทั้งการสร้างเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง (National Fact Checking)” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าว

Advertisement

Verified by ExactMetrics