วันที่ 4 กรกฎาคม 2025

เสนอ “พระปรางค์วัดอรุณฯ” เข้าสู่บัญชีศูนย์มรดกโลก

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 เมษายน 2568 ครม.เห็นชอบนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Kung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก

และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส

Advertisement

“จิราพร” เผยประชาชนพอใจงานปราบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุด

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 6 เมษายน 2568 “จิราพร” เผยประชาชนโหวตปราบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นผลงานที่พอใจมากที่สุดประจำเดือน มี.ค.68 ย้ำรัฐบาลเดินหน้าปราบต่อ พร้อมเปิดแจ้งเบาะแสผ่านแอปทางรัฐ

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาล ประจำเดือนมีนาคม 2568 ของ Line Today ซึ่งมีการสำรวจระหว่างวันที่ 1-24 มีนาคม 2568 พบว่า ประชาชนกว่า 26.69% โหวตให้การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เป็นอันดับที่ 1 รองลงมาคือ มาตรการลดราคาเบนซิน-ดีเซล 1 บาท ของขวัญวันสงกรานต์ คิดเป็น 21.62% และมาตรการขยายสิทธิบัตรทอง พบหมอออนไลน์-จัดส่งยาถึงบ้าน คิดเป็น 12.13%

นางสาวจิราพร กล่าวว่า การปราบปรามการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า เป็นหนึ่งในข้อสั่งการที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน รัฐบาลจึงได้ดำเนินการกวาดล้างอย่างจริงจัง จนสามารถจับกุมได้ 2,236 คดี ยึดของกลางได้จำนวน 1,608,445 ชิ้น มูลค่ารวม 295,686,734 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียงเดือนเศษ ซึ่งถือเป็นยอดการจับกุมและการยึดของกลางที่สูงกว่าตลอดสองปีที่ผ่านมา

“นอกจากการทำงานปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเชิงรุกของเจ้าหน้าที่แล้ว เรายังได้เปิดให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งรูปแบบร้านค้าออนไลน์ และร้านมีที่ตั้ง ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐอีกด้วย” นางสาวจิราพร กล่าว

Advertisement

 

รางวัล “The People Proud Awards 2025 บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568”

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 มีนาคม 2568 รางวัล “The People Proud Awards 2025 บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568”

เป็นเวลา 12 ปี ที่สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ (https://www.peopleunitynews.com) ก่อตั้ง (เมื่อ พ.ศ.2556) และนำเสนอข่าวสารและข้อมูลทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การต่างประเทศ ภายใต้จุดยืน “นำเสนอ ข่าวจริง ไม่อิงฝักฝ่าย ไม่ขายดราม่า” ทั้งนี้ ด้วยเล็งเห็นว่า มีแต่การนำเสนอข่าวสารและข้อมูลจริง รอบด้าน เป็นกลาง ไม่มีอคติ ไม่หวือหวาเกินเลยจากเนื้อข่าว ที่จะทำให้สถานการณ์ด้านต่างๆของบ้านเมืองไม่มีความสับสน คลุมเครือ และไม่ถูก “ข่าวลือ” หรือ “ข่าวปลอม” ที่ถูกสร้างขึ้น ชักพาไปสู่สถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ความแตกแยกและความขัดแย้งระหว่างคนไทยด้วยกันเอง นอกจากนี้ “ข้อมูลข่าวสารจริง” ยังทำให้ประชาชนพินิจพิเคราะห์ได้ว่า ประเทศชาติของเรากำลังเดินไปในทางไหน และจะมีอนาคตเป็นเช่นไร

ในโอกาสที่ สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ (https://www.peopleunitynews.com) มีอายุครบ 12 ปีในปีนี้ ผมในฐานะผู้ก่อตั้งสำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ ได้หารือร่วมกับคณะที่ปรึกษา และคณะผู้บริหาร ว่า ในโอกาสพิเศษนี้ สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ ควรจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมเชิดชูคนดี และบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในหน้าที่การงานที่มีต่อประเทศชาติ ส่วนรวม สังคม และประสบความสำเร็จในการประกอบสัมมาอาชีพ จึงเป็นที่มาของการจัดงานมอบรางวัลให้กับบุคคลที่มีผลงานโดดเด่นในด้านต่างๆ เพื่อให้เป็น “บุคคลต้นแบบ” ที่สังคมภาคภูมิใจ และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคคลอื่น โดยเฉพาะต่อเด็กเยาวชนที่จะเป็นกำลังสำคัญรุ่นต่อๆไปของชาติบ้านเมือง ทั้งนี้รางวัลที่จะมอบให้ในครั้งนี้ คือ รางวัล “The People Proud Awards 2025 บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568”

โดยในขณะนี้ ผมในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกฯ ร่วมกับคณะกรรมการคัดเลือกฯ ซึ่งประกอบไปด้วยคณะที่ปรึกษา และทีมงานบรรณาธิการ กำลังดำเนินการสรรหาและคัดเลือก “บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568” โดยสืบค้นและพิจารณาข้อมูลบุคคลที่มีความโดดเด่นด้านต่างๆ อย่างรอบด้าน นับจากปัจจุบัน ย้อนหลังไป

ทั้งนี้ รางวัล “The People Proud Awards 2025 บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568” จะแบ่งเป็น 10 ด้าน ดังนี้

1.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านการเมือง

2.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านเศรษฐกิจ

3.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านธุรกิจ

4.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านสังคม

5.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่ดีกับต่างประเทศ

6.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านการพัฒนาท้องถิ่น

7.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านรัฐวิสาหกิจ

8.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านศาสนา วัฒนธรรม

9.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านสร้างความสามัคคี ความปรองดอง

10.บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ด้านสื่อสารมวลชน

หมายเหตุ ใน 10 ด้านดังกล่าว มีการแบ่งย่อยเป็นประเภทต่างๆ เพื่อสะท้อนจุดเด่นของบุคคลที่ได้รับรางวัลให้เป็นที่ประจักษ์ที่สุด

ทั้งหมดนี้ เป็นปฐมบท ของการจัดงานมอบรางวัล “The People Proud Awards 2025 บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568” โปรดติดตาม การรายงานผลการพิจารณาคัดเลือก ที่จะนำออกเผยแพร่เป็นระยะ รวมทั้งการเตรียมจัดงานพิธีมอบรางวัลแห่งความภาคภูมิใจนี้ ทางสื่อโซเชียลแห่งนี้ และทางเว็บไซต์สำนักข่าวออนไลน์ พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ (https://www.peopleunitynews.com)

ขอแสดงความนับถือ

นายพูลเดช กรรณิการ์

ประธานคณะกรรมการคัดเลือก

รางวัล The People Proud Awards 2025

บุคคลต้นแบบแห่งความสำเร็จและความดี ปี 2568

26 มีนาคม 2568

รัฐบาลห่วง หลังพบข้อมูลวัยรุ่นหญิง มีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มกว่าวัยรุ่นชาย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 8 มีนาคม 2568 รัฐบาลห่วงเด็กและเยาวชนไทยมีค่านิยมผิด ๆ หลังพบข้อมูลวัยรุ่นหญิง มีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มกว่าวัยรุ่นชาย เดินหน้าปราบปรามเข้มข้น ดำเนินคดีทุกราย

วันนี้ (8 มีนาคม 2568) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้รายงานสถานการณ์เด็กและเยาวชนไทย โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่าวัยรุ่นชาย ซึ่งหากปล่อยให้วัยรุ่นหญิงติดบุหรี่ไฟฟ้าจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมากกว่าผู้ชาย

“แม้ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564 แสดงอัตราการ ‘สูบบุหรี่มวน’ ของหญิงไทยลดลง เหลือ 1.3%  แต่เมื่อเทียบกับการสำรวจระดับประเทศ เมื่อปี 2565 พบว่าวัยรุ่นหญิงอายุ 13 – 15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า 15% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าบุหรี่มวน 10 เท่า ในขณะที่ผู้ชายสูบบุหรี่ไฟฟ้า 20.2%  และการสำรวจปีต่อ ๆ มา ในประเทศไทย พบว่า วัยรุ่นหญิงและชายมีอัตราการสูบบุหรี่ที่ใกล้เคียงกัน หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป จะส่งผลให้อัตราการสูบบุหรี่โดยภาพรวมทั้งบุหรี่ปกติและบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มผู้หญิงเพิ่มสูงอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน” นายอนุกูล ระบุ

ทั้งนี้ จากข้อมูลยังพบว่าหญิงไทยสูบบุหรี่ทุกรูปแบบ จะมีแนวโน้มเลิกได้ยากกว่าผู้ชาย และที่น่าเป็นห่วงคือ ผลของการเสพติดจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพทุกระบบระยะยาวด้วย ซึ่งเป็นผลจากความแตกต่างของฮอร์โมนเพศหญิงกับชาย จึงมีโอกาสเป็นโรคร้ายที่ระบบอวัยวะอื่นที่มากกว่าผู้ชายด้วย หากเป็นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จะทำให้สารพิษทั้งนิโคติน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารอื่น ๆ ถูกส่งผ่านระบบทางเดินหายใจของมารดาเข้าไปสู่รก ซึ่งสารพิษเหล่านี้จะทำให้มีการแปรปรวนภายในมดลูก และก่อผลร้ายหลายประการ เช่น การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด (ซึ่งทำให้ทารกเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากการทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ ยังไม่สมบูรณ์พอ) เป็นต้น

“การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยในปัจจุบัน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งปราบปราม เน้นย้ำให้ดำเนินตามกฎหมายให้ถึงที่สุดไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือรายใหญ่จะต้องจับดำเนินการตามกฎหมายให้หมด ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสงค์จะเลิกสูบบุหรี่ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ https://www.thailandquitline.or.th/site/  หรือ โทร. สายด่วน 1600” นายอนุกูล กล่าว

Advertisement

นายกฯขอให้องค์พระอัลเลาะห์อำนวยพรอันประเสริฐแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 28 กุมภาพันธ์ 2568 นายกรัฐมนตรีส่งความปรารถนาดีขอให้องค์พระอัลเลาะห์อำนวยพรอันประเสริฐแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ

วันนี้  (28 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 19.50 น.  ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล  นางสาวแพทองธาร   ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี กล่าวเนื่องในโอกาสต้อนรับเดือนรอมฎอน ประจำปี พ.ศ. 2568 (ฮ.ศ.1446)   โดยมีใจความว่า

“ในโอกาสอันเป็นมงคลของเดือนรอมฎอน ปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 นายกรัฐมนตรีได้ส่งความปรารถนาดีและขอให้องค์พระอัลเลาะห์อำนวยพรอันประเสริฐแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศและชาวไทยมุสลิมที่พำนักในต่างประเทศทุกคน”

รอมฎอนเป็นเดือนความเมตตา ความอดทน และการขัดเกลาจิตใจ เป็นช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมทั่วโลกมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลามและถือศีลอด เพื่อชำระร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ ยึดมั่นในคุณงามความดี มีความเสียสละและแบ่งปัน รวมทั้งได้น้อมจิตที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา รำลึกถึงพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่พระอัลเลาะห์ได้ประทานให้แก่พี่น้องชาวมุสลิม

“ในวาระมงคลแห่งเดือนรอมฎอน ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1446 นายกรัฐมนตรีขอพรอันประเสริฐแห่งองค์พระอภิบาลโปรดประทานความเมตตา ความสุขกาย สุขใจแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกท่าน ให้สามารถปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ในเดือนรอมฎอนได้ตามเจตจำนง และขอให้ดุอาห์ของทุกท่านบรรลุความปรารถนาทุกประการ ขอความสันติสุข ความสวัสดี จงประสบแก่ทุกท่าน”

Advertisement

เปิดงาน ‘มหกรรมไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค’ ประเดิมแก้ปัญหาแบบกลุ่ม ช่วยแก้ปัญหาเร็วขึ้นสามเท่า

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 27 กุมภาพันธ์ 2568 ‘รมต.จิราพร’ เปิดงาน ‘มหกรรมไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค’ ประเดิมแก้ปัญหาแบบกลุ่ม คาดช่วยแก้ปัญหาเร็วขึ้นสามเท่า

วันนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 09.45 น. นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและพัฒนากระบวนการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคในทุกมิติ เพื่อให้ผู้บริโภคที่ถูกละเมิดสิทธิได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ

นางสาวจิราพร กล่าวถึงความสำคัญของการคุ้มครองผู้บริโภคว่า “ถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งผู้บริโภคต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเท่าเทียมกันการคุ้มครองดังกล่าว ไม่เพียงแต่เป็นสิทธิพื้นฐาน แต่ยังเป็นมาตรฐานที่ทุกคนควรได้รับเพื่อสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปัญหาหลักที่พบส่วนใหญ่มีมายัง สคบ. ได้แก่ กรณีการขายสินค้าหรือการให้บริการที่ไม่เป็นไปตามที่ตกลง ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขเรื่องร้องทุกข์ให้รวดเร็วขึ้น“

“การจัดกิจกรรมนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการส่งเสริมการไกล่เกลี่ยมิติใหม่ ในรูปแบบการไกล่เกลี่ยแบบกลุ่ม ซึ่งเป็นการแก้ไขข้อพิพาทกลุ่มที่มีประเด็นร้องทุกข์ในลักษณะเดียวกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนการช่วยเหลือผู้บริโภคได้มากขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเทียบการดำเนินงานในลักษณะการไกล่เกลี่ยรายกรณี ที่ปัจจุบัน สคบ. มีการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคเฉลี่ยเดือนละ 250 เรื่อง แต่เมื่อเริ่มกิจกรรมการไกล่เกลี่ยเป็นกลุ่ม และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมากขึ้นถึง 3 เท่า ซึ่งจะช่วยยกระดับการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” นางสาวจิราพร กล่าว

ทั้งนี้ กิจกรรม “มหกรรมไกล่เกลี่ยเรื่องร้องทุกข์ของผู้บริโภค” จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนำกระบวนการเจรจาไกล่เกลี่ยแบบกลุ่มมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การแก้ไขปัญหามีความรวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับการดำเนินการแบบรายกรณี โดยจะช่วยลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจ โดย สคบ. จะดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับกระบวนการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจในอนาคต

นอกจากนี้ สคบ. ยังได้ใช้ระบบ “OCPB Mediate” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไกล่เกลี่ยออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถยื่นเรื่องร้องทุกข์ และขอความช่วยเหลือได้ทุกที่ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของ สคบ. ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความสะดวกสบายอีกด้วย

Advertisement

นายกฯสั่งเด็ดขาด ภายใน 30 วัน ปราบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ในเยาวชนและสถานศึกษาต้องเห็นผล

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 26 กุมภาพันธ์ 2568 นายกรัฐมนตรีสั่งเด็ดขาด ภายใน 30 วัน ปราบ “บุหรี่ไฟฟ้า” ในเยาวชนและสถานศึกษาต้องเห็นผลเป็นรูปธรรม สั่งซีลผู้นำเข้าทุกจุด จับกุมผู้ขายอย่างจริงจัง สั่งฟันหากพบ ตำรวจ-ข้าราชการ เอี่ยวมีโทษทั้งวินัยและอาญา

วันนี้ (26 ก.พ. 68) ณ ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือการปราบบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเยาวชน-พื้นที่ใกล้โรงเรียน ร่วมกับพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้เป็นหลัก โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือถึงมาตรการคุมเข้มและปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเข้มงวด พื้นที่ใกล้โรงเรียน-สถานศึกษาต้องไม่มีการขายให้เยาวชน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้าและข้อกฎหมายให้กับประชาชนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง โดยเริ่มต้นที่การจัดการกับผู้นำเข้า seal ทุกจุด และจับกุมผู้ขายอย่างจริงจัง ตั้งเป้าหมายภายใน 30 วัน ร่วมกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกรมศุลกากรในการปราบปรามอย่างเด็ดขาด

“สำหรับการปราบปรามนี้เป็นการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ความปลอดภัยของเด็กและเยาวชน ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของทุกคนในสังคม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือจากทุกคน ทุกภาคส่วน ให้ช่วยดูแลเยาวชนในสังคม หากพบเห็นการขายให้แก่เด็ก และเยาวชน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

Advertisement

พม. ทำ MOU กสทช. ให้สิทธิคนพิการ 7 ประเภทใช้เน็ตฟรี 6 เดือน

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 25 กุมภาพันธ์ 2568 ทำเนียบ – “วราวุธ” เผย พม. ร่วม MOU กสทช. ให้สิทธิ คนพิการ 7 ประเภท ลงทะเบียนใช้เน็ตฟรี หวัง ส่งเสริม-พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รายงานให้ทราบถึง การให้ความร่วมมือของ พก. กับ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่ได้ดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับคนพิการ เป็นการสนับสนุนและสร้างโอกาสให้คนพิการที่มีความยากจนในประเทศไทย สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมการพัฒนาภาคการศึกษา สาธารณสุขและบริการภาครัฐ จึงร่วมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ กสทช. และ บริษัท บางกอก เทลลิ้ง จำกัด เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ตามศักยภาพ โดยคนพิการที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 1.1 ล้านสิทธิ สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ต ฟรี แบบไม่จำกัดปริมาณ ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 20 Mbps เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 กรกฎาคม 2568

สำหรับคนพิการที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ได้นั้น เป็นคนพิการที่มีความยากจน จำนวน 1.1 ล้านคน ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการ ในฐานข้อมูลของ พก. กระทรวง พม. ตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยครอบคลุมคนพิการที่มีสิทธิ 7 ประเภท ได้แก่ 1) พิการทางการเห็น  2) พิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย 3) พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย 4) พิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม 5) พิการทางสติปัญญา 6) พิการทางการเรียนรู้ และ 7) พิการทางออทิสติก

โดยคนพิการสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้คนละ 1 สิทธิ และไม่สามารถโอนสิทธิให้บุคคลอื่นได้ ยกเว้นกรณีคนพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม คนพิการทางสติปัญญา คนพิการทางการเรียนรู้ และคนพิการทางออทิสติก ให้ผู้ดูแลทำบัตรคนพิการสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิได้ อีกทั้ง สามารถเลือกใช้เลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เดิมหรือรับ ซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตสำหรับเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ทางกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) สนับสนุนเรื่องการจัดทำบัญชีรายชื่อคนพิการที่มีสิทธิร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง พร้อมทั้งจัดทำฐานข้อมูลให้สำนักงาน กสทช. สำหรับการสนับสนุนซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตให้กับคนพิการ และยังประชาสัมพันธ์การลงทะเบียนเพื่อขอรับซิมการ์ด ติดตาม ประเมิน และสรุปผลการดำเนินงานเพื่อพัฒนากระบวนการช่วยเหลือคนพิการและจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่มีคุณภาพของคนพิการ

ในขณะที่ กสทช. สนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนของรายการส่งเสริมการขายของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นเงิน 107 บาท ต่อเดือนต่อคน (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็นระยะเวลา 6 เดือน อีกทั้งสนับสนุนศูนย์บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะหรือ USO Net เพื่อนกระตุ้นการเปิดใช้บริการซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตของคนพิการ และ บริษัท บางกอก เทลลิ้ง จำกัด สนับสนุนเรื่องการให้บริการอินเตอร์เน็ตแบบเติมเงินและไม่จำกัดปริมาณ ด้วยความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่ต่ำกว่า 20 Mbps โดยใช้ซิมการ์ดอินเตอร์เน็ตเครือข่ายของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งจัดให้มีคอลเซ็นเตอร์ทางโทรศัพท์และแอพพลิเคชั่น LINE สำหรับช่วยเหลือ ให้ข้อมูล และคำแนะนำการใช้งานต่างๆ รวมถึงจัดทำวิดีโอแนะนำการใช้งานที่มีภาพ เสียง และภาษามือ

หากคนพิการมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรับซิมการ์ดและการเปิดใช้บริการอินเทอร์เน็ต ขอให้ติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงาน กสทช. โทร. 1200 และ LINE ID: @netfree_infinite

Advertisement

รัฐบาลชวนร่วมฉลอง ยูเนสโกขึ้นทะเบียน ‘ภูพระบาท’ มรดกโลกทางวัฒนธรรม

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 22 กุมภาพันธ์ 2568 ทำเนียบ – รัฐบาลชวนคนไทยร่วมฉลอง ยูเนสโกยกย่อง “ภูพระบาท” มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทย ที่อุดรธานี 28 ก.พ.นี้

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sima stone tradition of the Dvaravati period) โดยเป็นแหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 5 ของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานีต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก เมื่อพุทธศักราช 2535

สำหรับการประกาศดังกล่าวได้ลงนาม รับรองโดย Ms. Audrey Azoulay ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาชาติ (UNESCO) เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองและติดตั้งตราสัญลักษณ์มรดกโลกอย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี โดยภายในงานมีกิจกรรมและการแสดงมากมาย อาทิ การแสดงศิลปะพื้นบ้าน จากชุมชนไทพวน อำเภอบ้านผือ พิธีปลูกต้นรวงผึ้ง เฉลิมพระเกียรติ พิธีติดตั้งตราสัญลักษณ์มรดกโลก และป้ายส่งเสริมการท่องเที่ยว พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ โบราณสถานหอนางอุสา การแสดงละครตำนานภูพระบาท เรื่อง “อุสา – บารส” โขนรามเกียรติ์ ตอน “สุครีพถอนต้นรัง

Advertisement

“เลขาฯ สมช.” ยันชาวอิสราเอลแค่มาเที่ยว อ.ปาย

พีเพิล ยูนิตี้ นิวส์ : 19 กุมภาพันธ์ 2568 “เลขาฯ สมช.” ยันชาวอิสราเอลแค่มาเที่ยว อ.ปาย เชื่อไม่กระทบความมั่นคง ข่าวลงโซเชียลเกินจริง

นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงปัญหานักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่ไปเที่ยว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน หลังคนในพื้นที่ร้องเรียนว่าไปตั้งชุมชนเตรียมยึดพื้นที่ ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้แถลงไปหมดแล้ว อาจเป็นเพราะลงโซเชียลมากเกินไป และได้ถามผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็แจ้งมาแล้วว่ายังอยู่ควบคุมได้ ไม่เป็นอย่างที่โซเชียลเผยแพร่

ส่วนที่มีชาวอิสราเอลมาเที่ยวเดือนละประมาณ 3-4 พันคน ไม่ผิดปกติใช่หรือไม่ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ทางผู้ว่าฯ ได้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ซึ่งในภาพรวมยังเป็นสถานการณ์ปกติ พื้นที่ดังกล่าวนักท่องเที่ยวยังเที่ยวได้ และอนาคตข้างหน้าไม่น่าจะกระทบความมั่นคงขนาดนั้น เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เหมือนชาวต่างชาติมาเที่ยว โดยการแก้ปัญหาเบื้องต้นทางส่วนราชการได้เข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่

Advertisement

Verified by ExactMetrics