วันที่ 18 พฤษภาคม 2024

“บิ๊กป้อม”เร่งขับเคลื่อนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ

People Unity : พล.อ.ประวิตรสั่งเร่งขับเคลื่อนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานไทย

วันที่ 21 ต.ค.2562 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 3/2562 ณ ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคกก.มรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 43 เมื่อ 30 มิ.ย.-12 ก.ค.62 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐ อาเซอร์ไบจาน โดย พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตแก้ว เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมประชุม สรุปสาระสำคัญดังนี้

มติคกก.มรดกโลก ให้รับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติของศูนย์ มรดกโลก ที่จัดทำบัญชีก่อน 15 เม.ย.62 จำนวน 59 แห่ง จากรัฐภาคี37ประเทศ และขอขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ เป็นแหล่งมรดกโลก จำนวน 29 แห่ง โดยมีแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมในกลุ่มประเทศอาเซียนจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย(เหมืองถ่านหินอมบีลิน),สหภาพเมียนมาร์(พุกาม)และลาว (ทุ่งไหหิน)สำหรับการประชุมคกก.มรดกโลกครั้งต่อไป (ครั้งที่44) กำหนดจัดขึ้นที่ประเทศจีนในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2563

มีวาระที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ได้แก่ การบรรจุเมืองโบราณศรีเทพ และกลุ่มเทวสถานประสาทพนมรุ้ง ประสาทเมืองต่ำ และประสาทปลายบัคในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก มีการพิจารณารายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์ พระนครศรีอยุธยา โดยที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ และขอให้จัดส่งรายงานต่อศูนย์มรดกโลกภายใน 1 ธ.ค.63 สำหรับการพิจารณาการนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นมรดกโลกที่ประชุมมีมติให้ส่งกลับเอกสาร (Referral) โดยไทยจะต้องดำเนินการตามข้อกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี

นอกจากนั้นการประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบรายงานสถานภาพ การอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง พ.ศ.2557-พ.ศ.2562 และเห็นชอบร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการนำเสนอ แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณคณะกรรมการ ที่ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ซึ่งมีความสำคัญ และ กำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้อง ดูแลรักษา อนุรักษ์แหล่งทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติให้มีความสมบูรณ์อย่างดีที่สุดเพื่อเก็บไว้ให้เป็นมรดกสำหรับลูกหลานคนไทย และมีความเป็นสากลเพื่อยกระดับให้เป็นมรดกโลกต่อไป โดยได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติฯ เร่งรัดขับเคลื่อนผลการประชุมที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้เป็นไปตามแผนงานอย่างเป็นรูปธรรมและต้องรายงานความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจควบคู่กันไปด้วย

 

“อนุสรณ์”ชี้เปิด”อภิรัชต์”เป็นนายกฯต่อ”บิ๊กตู” กลบกระแสข่าวลบรัฐบาล

People Unity : “อนุสรณ์” โฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้เปิด”อภิรัชต์”เป็นนายกฯต่อ”บิ๊กตู” กลบกระแสข่าวลบรัฐบาล

วันที่ 20 ต.ค.2562 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุถ้า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จะเป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าเป็นได้ก็ดี ว่า พล.อ.อภิรัชต์ ประกาศจุดยืนทางการเมืองชัดเจนหลายครั้ง จนสังคมมีคำถามว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พล.อ.ประวิตร ยังจะพยายามโยนหินถามทาง เพื่อให้คนอนุมานว่า พล.อ.อภิรัชต์ หนุนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ อย่างเต็มที่ในทุกๆกรณี ทั้งที่ทราบดีว่ากองทัพไม่ควรเลือกข้างทางการเมืองชัดเจนขนาดนั้น กองทัพหรือทหารอาชีพทั่วโลก ต้องมีมารยาท ไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง พล.อ.อภิรัชต์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อจากพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ อยู่ที่ประชาชน ไม่ใช่ พล.อ.ประวิตร

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคคสช.ไม่มีใครสามารถแต่งตั้งใครได้ตามอำเภอใจ ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ต้องมีการเสนอชื่อให้สมาชิกรัฐสภาโหวต กว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีมีขั้นมีตอน ไม่ใช่มาตามความต้องการของพล.อ.ประวิตร การออกมาพูดเรื่องนี้อาจเข้าใจว่ารัฐบาลได้ประโยชน์จากสถานการณ์ความเชื่อมั่นลด เศรษฐกิจมีปัญหา การจัดทำงบประมาณไม่สามารถตอบโจทย์เสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศได้ ก่อนตัดสินใจมาเป็นนายกฯ ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อภิรัชต์ ต้องดูสภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันนี้ให้ดี ว่ามีความสุขหรือไม่ 5 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการบ่น เหนื่อย เครียด ท้อ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์

“พล.อ.อภิรัชต์ รับได้หรือไม่กับการถูกตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ ที่สำคัญต้องเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่เพียงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่พล.อ.อภิรัชต์ ประกาศจุดยืนเลือกข้างชัดมาตลอด” นายอนุสรณ์ กล่าว

“ธนาธร”โดนกันเข้าสภาฯนั่งกมธ.งบฯปี63อีก! “สุชาติ”ชง”ชวน”ชี้ขาด

People Unity : “ธนาธร”โดนกันเข้าสภาฯนั่งกมธ.งบฯปี63อีก “สุชาติ”ลงความเห็นไม่ได้ โยน”ชวน”วินิจฉัย ก่อนประชุมนักแรก 24 ต.ค.นี้

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง ฐานะผู้รับผิดชอบส่วนงานร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ใช้อำนาจประธานสภาฯ วินิจฉัยต่อกรณีคุณสมบัติของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างต้องคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราว จะสามารถดำรงตำแหน่ง กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ได้หรือไม่ ทั้งนี้ในหนังสือที่ส่งถึงนายชวน นั้นมีสาระที่เป็นความเห็นทางข้อกฎหมายและความเห็นส่วนตัว

โดยความเห็นทางกฎหมายของฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรฯ ระบุว่า สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ. ได้ เพราะก่อนหน้านั้นมี ส.ส.ที่เคยถูกคำสั่งศาลให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.สามารถแต่งตั้งให้เป็น กมธ.วิสามัญ สัดส่วนบุคคลภายนอกได้ ขณะที่ความเห็นส่วนตัวของนายสุชาติซึ่งระบุว่า นายธนาธร ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.ฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯได้ เพราะไม่เหมาะสม อีกทั้งมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่ไม่ชัดเจน มีสาระสำคัญ ตอนหนึ่งว่า นายธนาธร ยังถือเป็น ส.ส. แม้จะถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวก็ตาม อีกทั้งการได้ตำแหน่ง กมธ.ฯ แม้จะได้จากสัดส่วนพรรคอนาคตใหม่

แต่มีคำถามว่า จะใช้สิทธิใดในการเข้าทำหน้าที่ ระหว่าง ส.ส. หรือ บุคคลภายนอกกที่ไม่ได้เป็นส.ส.จึงต้องการให้นายชวนวินิจฉัยเพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการทำงาน อีกทั้งกรณีการร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯถือเป็นกฎหมายฉบับสำคัญ จึงควรพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบโดยไม่เกิดปัญหาในอนาคต

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการวินิจฉัยของนายชวน ต่อเรื่องดังกล่าว คาดว่าจะไม่ทันต่อการประชุมกมธ.ฯ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯนัดแรกที่จะเริ่มเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ตุลาคม และนายธนาธรอาจได้สิทธิร่วมประชุมนัดแรกด้วย ทั้งนี้นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะยื่นหนังสือถึง กมธ.ฯเพื่อคัดค้านการดำรงตำแหน่งของนายธนาธร ด้วย แต่อาจจะมีประเด็นที่ต้องพิจารณารายละเอียดก่อนจะเข้าเนื้อหาตามวาระ เพราะรายชื่อของนายธนาธรนั้น ถูกรับรองโดยที่ประชุมเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม แล้ว โดยไม่มีผู้ใดคัดค้านการเสนอชื่อดังกล่าวระหว่างการประชุมสภาฯ

“บิ๊กตู่”ยันรัฐบาลตั้งใจแก้น้ำท่วมแต่งบฯไม่เพียงพอ

People Unity : “บิ๊กตู่”ยันรัฐบาลตั้งใจแก้ไขปัญหาบริหารจัดการน้ำ แต่ไม่สามารถแก้ไขทีเดียวได้ทั้งหมด เพราะงบฯไม่เพียงพอ ต้องคำนึงถึงที่ดิน ปชช.ยันรัฐไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

วันที่ 18 ต.ค.2562 หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า การจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำและการพัฒนาลุ่มน้ำ ไม่เหมาะสม เพราะจัดสรรงบประมาณแบบรัฐรวมศูนย์ราชการเป็นใหญ่ ทั้งนี้พบการจัดสรรงบประมาณที่เน้นการเยียวยามากกว่าเตรียมพร้อม หรือรักษามากกว่าการป้องกันวิกฤต ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับน้ำควรนำตัวอย่างจากต่างประเทศมาพิจารณา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ กบช. ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า มีการบูรณาการหลายหน่วยงานและทำงานในรูปแบบคณะกรรมการเพื่อบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศ ซึ่งการแก้ไขปัญหาจะมองด้านใดด้านหนึ่งว่าอุทกภัยหรือภัยแล้งอย่างเดียวไม่ได้ แม้จะมีปริมาณน้ำฝนเพียงพอ แต่ปัญหาคือการบริหารจัดการกักเก็บน้ำอย่างไรไม่ให้น้ำท่วม และมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีแนวทางการบริหารจัดการน้ำว่า ต้องไม่ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งในกรณีจำเป็นเร่งด่วนก็ต้องใช้งบฯกลางแก้ไขทั้งสิ้น แต่สมาชิกหลายคนกลับพยายามอภิปรายเสนอตัดงบฯกลาง แต่ปัญหาคือไม่มีทางแก้ไขได้ 100 % เนื่องจากยังมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของประชาชน ทั้งการพัฒนาระบบชลประทานการจัดทำบ่อกักเก็บน้ำ รวมถึงการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก เนื่องจากมีอุปสรรคเกี่ยวกับพื้นที่ของประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน รวมถึงการแก้ไขปัญหาไม่สามารถทำได้ทีเดียวทั้งหมด เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้งเกษตรกร พยายามแก้ไขปัญหา แต่ต้องคำนึงถึงขั้นตอนที่ซับซ้อนด้วย จะเอาแต่หลักวิชาการอย่างเดียวมาแก้ปัญหาคงไม่ได้ ต้องเอาพฤติกรรมและความเป็นคนไทยมาพิจารณา เพื่อแก้ปัญหาแบบบูรณาการ รวมถึงขอให้ ส.ส.ไปพูดคุยกับประชาชนและหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย หากสามารถดำเนินการได้ รัฐบาลก็มีงบประมาณแก้ปัญหาให้ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ และมีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้มีพื้นที่ชลประทานมากขึ้นและน้ำจะไม่ท่วม

“จรถะ ภิกขเว”! คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศจัด “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง”

People Unity : คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศสนองงาน “สมเด็จพระมหาธีราจารย์” ขับเคลื่อนงาน “สาธารณสงเคราะห์เชิงรุก” จัดกิจกรรม “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง” นำเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และชาวบ้านเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงเดือนละครั้ง ทั้งอำเภอจำนวน 163 ราย

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 ตามที่ช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัดที่ผ่านมา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณะสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้เมตตากล่าวคำพรประคองใจ ชโลมหัวใจของพุทธศาสนิกชน ความตอนหนึ่งว่า “ยามปกติญาติโยมไม่ทิ้งพระเณร ยามวิกฤตพระเณรคงทิ้งญาติโยมไม่ได้ หากไม่มีทานคือการให้ โลกนี้ย่อมอยู่ลำบาก เราต่างเกื้อกูลกัน”นั้น

คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้จัดกิจกรรม “สังฆะประชาปันสุขเพื่อผู้ป่วยติดเตียง” เมื่อขับเคลื่อนงาน “สาธารณสงเคราะห์เชิงรุก ภายใต้การนำของพระมหาศราวุธ จิตฺตทนฺโต เจ้าคณะอำเภออรัญประเทศ ได้นำเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส และชาวบ้าน เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงเดือนละครั้ง ทั้งอำเภอ 163 ราย โดยวันที่ 21 ตุลาคม 2562 คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ ออกเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง มอบแพมเพิส ข้าวสารอาหารแห้ง และสวดโพชฌังคปริตร ในพื้นที่ ตำบลหนองสังข์ – หันทราย จำนวน 10 ย

กิจกรรมนี้คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศได้ประสานงานสำรวจหาข้อมูลผู้ป่วยติดเตียงจากสาธารณสุขอำเภออรัญประเทศ ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ มีผู้ป่วยติด เตียงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำนวน 163 ราย

คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศจึงจัดกิจกรรมเยี่ยมผู้ป่วยทั้งอำเภอ เดือนละ 1 ครั้งต่อราย โดยมีเจ้าคณะตำบลและเจ้าอาวาสทุกวัดพร้อมด้วยอุบาสกอุบาสิกา ร่วมออกเยี่ยมดูแลผู้ป่วยใน พื้นที่หมู่บ้านของตน กิจกรรมนี้เป็นการส่งเสริม “พลังบวร” โดยมีความร่วมมือจากคณะสงฆ์ อำเภออรัญประเทศ เจ้าคณะตำบลทุกตำบล เจ้าอาวาสทุกวัด สาธารณสุขอำเภออรัญประเทศ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม)ในพื้นที่ และพุทธศาสนิกชน ในเขตอำเภออรัญประเทศ ซึ่งมีกำหนดการที่จะออกเยี่ยมในทุกตำบล

กิจกรรมนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่คณะสงฆ์อำเภออรัญประเทศ ได้ร่วมกับฝ่ายบ้านเมือง ร่วมกันขับเคลื่อนงาน “สาธารณะสงเคราะห์” ซึ่งเป็น 1 ใน 6 งานหลักของคณะสงฆ์ไทย ทั้งยังได้ฟื้นความหมาย คำว่า “พลังบวร” ในการทำงานร่วมกันระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน ราชการ ด้วยความสามัคคีของพุทธบริษัททั้ง 4 ได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในฐานะชาวพุทธเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“ธนกร”วอนฝ่ายค้านใช้เวทีสภาฯสร้างสรรค์ไม่ใช่หลอกด่ารบ.รายวัน

People Unity : “ธนกร”มั่นใจรัฐบาลรับมือฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ วอนใช้เวทีสภาฯ อย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่หลอกด่ารัฐบาลรายวัน เพราะประชาชนจับตาดูอยู่

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลช่วงกลางเดือนธันวาคมว่า เป็นสิทธิของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจงฝ่ายค้านในทุกเรื่อง แต่รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้ไม่นาน ตนยังนึกไม่ออกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชลอตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลก ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต นอกจากนี้ รัฐบาลยังต้องคอยไปชี้แจงฝ่ายค้านในสภาฯ เป็นระยะๆ ทั้งกรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ และร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่ควรจะเอาเวลาเหล่านี้ไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ จึงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าฝ่ายค้านจะเอาเรื่องอะไรมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2563 รัฐบาลก็สามารถชี้แจงได้หมด ดังนั้นิหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ก้าวเข้าสู่โลกข้อมูลข่าวสาร การอภิปรายต่างๆ พี่น้องประชาชนจับตาดูอยู่ หากการอภิปรายไม่สร้างสรรค์ ไม่มีสาระสำคัญ หรือมุ่งอภิปรายโจมตีรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนตัวแล้วอยากจะให้ฝ่ายค้านให้เวลาในการทำงานให้กับบ้านเมืองก่อนจะดีกว่าหรือไม่ เมื่อมีข้อมูลที่พรรคร่วมฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลทำงานบกพร่อง หรือไม่ชอบมาพากล ก็ค่อยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันนี้พี่น้องประชาชนอยากเห็นรัฐบาลใช้เวลาในการทำงานอย่างเต็มที่ คงไม่อยากเห็นการใช้วาทกรรมหรือสงครามน้ำลายโจมตีกันไปมา เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

“จุรินทร์”เร่งช่วยประกันรายได้มันสำปะหลังรุดจ่ายเงินส่วนต่าง 1 ธ.ค.2562

People Unity : ได้เวลาเกษตรกรมันสำปะหลังเฮ! “จุรินทร์” เร่งช่วยประกันรายได้ รุดจ่ายเงินส่วนต่าง 1 ธันวาคม 2562

วันที่ 27 ต.ค.2562 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำประชุม 3 ฝ่ายเคาะประกันรายได้มันสำปะหลัง เดินหน้าช่วยเกษตรกรทั้งมาตรการหลักและเสริม โดยตั้งแต่เวลา 14.30-16.00 การประชุมหารือแนวทางการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลัง ปี 2562/63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธาน ณ ห้องประชุมเวสสุวรรณ ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติพัชรกิติยาภา สํานักงานเทศบาลนครอุดรธานี อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

ภายหลังการประชุมนายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ได้ร่วมกันกำหนดรายละเอียดของนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมันสำปะหลัง มีมติให้ความเห็นชอบร่วมกันสำหรับการนับหนึ่งนโยบายประกันรายได้ดังนี้

ประการที่หนึ่ง จะมีการประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท ที่เชื้อแป้งที่ 15% ประการที่สอง ประกันรายได้ครัวละไม่เกิน 100 ตัน ประการที่สาม ก็คือจะใช้เกณฑ์ราคาอ้างอิงเรื่องไปเป็นตัวกำหนดรายได้ที่ปรับเรื่องกำหนดตัวเลขส่วนต่างโดยจะใช้ราคาตลาดของราคาหัวมันสดที่ลานมันแป้งเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันเป็นตัวเลขราคาอ้างอิง

ประการที่สี่ เกษตรกรทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขึ้นทะเบียนตามความเป็นจริงต้องแจ้งชัดเจนว่าปลูกมันกี่ไร่ จะเก็บเกี่ยวช่วงไหนอย่างไรตามความเป็นจริง ประการที่ห้า กำหนดจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 โดยจ่ายหกงวดในฤดูกาลผลิตปีนี้ ทุกเดือนจนหมดจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และประการสุดท้าย วงเงินที่ใช้ร่วมกันประมาณ 9,400 ล้านบาท

“ตั้งใจจะเอาเรื่องมาหารือวันที่ 11 พย.ก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ตอนที่คณะรัฐมนตรีไปประชุมสัญจรที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก็จะสามารถจ่ายเงินส่วนต่างแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ” นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนั้นนายจุรินทร์ กล่าวว่า ยังมีมาตรการเสริมสำคัญอีกหลายประเด็นก็คือส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลังในประเทศมากขึ้นทั้งทำพลาสติกชีวภาพ ซึ่งประเทศของเราจะเดินไปในแนวทางนี้มากขึ้นเพื่อรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำไปใช้ทำพลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น เอทานอล เป็นต้น จะมีการเร่งรัดส่งผลิตภัณฑ์เอกชนเพื่อเร่งรัดส่งเสริมการส่งออกมันสำปะหลังของไทยไปในตลาดต่างประเทศ เช่น ที่ตนได้นำคณะเอกชนไปขายมันสำปะหลังที่จีน เมื่อไม่นานมานี้แล้วประสบความสำเร็จพอสมควรเพราะปีที่แล้วจีนนำเข้ามันจากประเทศไทย 3,000,000 ตัน แต่ที่ไปสามารถขายได้ 2,600,000 ตัน มูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท

นอกจากตลาดจีนแล้วไปตลาดอินเดียเนื่องจากอินเดียเริ่มที่จะไม่ใช้พลาสติกจริง เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยต่อไปนี้จะต้องใช้วัตถุดิบทางชีวภาพโดยเฉพาะมันสำปะหลังมาทำถุงพลาสติก และทำหีบห่อ โดยอินเดียมีประชากร 1,300 ล้านคน โดยต้องใช้สิ่งเหล่านี้ทดแทนพลาสติกมหาศาลถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทยแล้วจะไปบุกตลาดตุรกีและนิวซีแลนด์ เนื่องจากสองประเทศนี้มีความต้องการใช้อาหารสัตว์จำนวนมากแต่ยังไม่รู้ที่ใช้มันสำปะหลังไปทำเป็นอาหารสัตว์ โดยจะเชิญผู้ผลิตอาหารสัตว์ของตุรกีและนิวซีแลนด์มาดูงานการทำด้วยมันสำปะหลังของไทย รวมทั้งตลาดเกาหลีและตลาดอื่นๆเป็นต้น

และจะเร่งรัดเรื่องการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้มันสำปะหลังราคาตกโดยไม่จำเป็น ต้องมีมาตรการภายในดำเนินการต่อไปให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม กับรอติดตามภาวะมันสำปะหลังในประเทศที่จะออกมาตรการเสริม เช่น ชะลอการขุด หรือชดเชยการขุด มาตรการอื่นๆที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตต่อไปเป็นต้น ต่อมาคือสถานการณ์มันสำปะหลังทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นที่มาถึงได้ทำตามความเห็นของภาคเอกชนที่จะจัดตั้งวอร์รูมมันสำปะหลังเพื่อติดตามอย่างใกล้ชิดและเสนอทางออกเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรมันสำปะหลังไทยต่อไปด้วย

วันนี้ตนได้มอบให้กรมการค้าภายใน เป็นเจ้าภาพเชิญภาคเอกชน เกษตรกร กระทรวงเกษตร ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร่วมกันหามาตรการในการหาเครื่องมือเพื่อทำให้การขายหัวมันสดของเกษตรกรและการรับซื้อหัวมันสดของภาคเอกชนมีการกำหนดราคาที่เป็นธรรมของทั้งสองฝ่ายโดยลดการใช้ดุลยพินิจเพื่อกำหนดราคาตามความประสงค์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้น้อยที่สุดโดยให้กรมการค้าภายในไปหารือร่วมกันและสรุปมาว่าจะมีกลไกอะไรที่ทำให้เป็นธรรม

สุดท้ายคือเรื่องโรคใบด่างในมันสำปะหลังซึ่งทุกฝ่ายกังวลจะมีผลกระทบต่อปริมาณการผลิตมันสำปะหลัง โดย ครม.มีมติอนุมัติเงิน 248 ล้านบาทให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งรัดทำเรื่องการกำจัดโรคใบด่าง วันนี้ได้ไปเร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและให้มารายงานให้คณะกรรมการทราบในวันที่ 11 พฤศจิกายน เช่นเดียวกัน เพื่อให้ผลผลิตเพียงพอสำหรับการใช้ในปีนี้และปีหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคณะของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในวันนี้ ร่วมกับ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับคณะจากกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ตัวแทนเกษตรกร และภาคเอกชน

“CKPower”โตต่อเนื่อง! ไซยะบุรีพร้อมขายไฟ 1,220 เมกะวัตต์ให้ไทยตามกำหนด

People Unity News : “CKPower”โตต่อเนื่อง! ไซยะบุรีพร้อมขายไฟ 1,220 เมกะวัตต์ตามกำหนด เสริมเสถียรภาพพลังงานสะอาดให้ไทยแล้ว 29 ต.ค.นี้ ผู้ถือหุ้นและสถาบันการเงินเตรียมยิ้มรับรายได้ก้อนโต หลังทุ่มเงินลงทุนกว่า 135,000 ล้านบาท ก่อสร้าง 8 ปี ตอบโจทย์การใช้งานพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของไทย

วันที่ 29 ตุลาคม 2562 นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์ คือ “CKP” ผู้บริหารโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี สปป. ลาว เปิดเผยว่า ในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าครบทั้ง 7 เครื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ไซยะบุรี จำนวน 1,220 เมกะวัตต์ เพื่อขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) อย่างเป็นทางการ ภายหลังจาก กฟผ.ได้ออกหนังสือรับรองความพร้อมของโรงไฟฟ้าไปแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยกฟผ. จะรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีในราคาเฉลี่ยประมาณ 2 บาท ต่อหน่วยการผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1,285 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในสัญญาการซื้อขายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. ทั้งหมด 1,220 เมกะวัตต์ ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 7,600 ล้านหน่วยต่อปี จากเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาดเครื่องละ 175 เมกะวัตต์ จำนวน 7 เครื่อง โดยไฟฟ้าจะส่งเข้าสู่ประเทศไทยด้วยสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ จากสปป.ลาว เข้าทาง อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ส่วนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีก 1 เครื่อง ขนาด 60 เมกะวัตต์ ส่งให้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) ด้วยขนาดสายส่ง 115 กิโลโวลต์ เพื่อใช้ภายในสปป.ลาว

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เป็นสัญญาสัมปทานผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าที่รัฐบาลสปป. ลาว ให้แก่บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ CKPower มีระยะเวลาสัมปทาน 31 ปี โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบฝายทดน้ำขนาดใหญ่ (Run-of-River) แห่งแรกบนแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่ในแขวงไซยะบุรี สปป.ลาว มีมูลค่าโครงการทั้งสิ้นรวม 135,000 ล้านบาท เริ่มการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2555 รวมระยะเวลา 8 ปี

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทยอยทดสอบเดินเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและเริ่มขายไฟฟ้าอย่างไม่เป็นทางการจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเครื่องแรกให้ กฟผ.เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา โดยเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหลักทั้ง 7 เครื่อง ต้องผ่านการทดสอบจ่ายไฟเข้าสู่ระบบของ กฟผ. ด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด ทั้งการทดสอบสมรรถนะการเดินเครื่องแยกเป็นเครื่องๆ (Individual Test) และทดสอบเดินเครื่องพร้อมกันเป็นชุด (Joint Test) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี สามารถทำหน้าที่เป็นโรงไฟฟ้าหลักที่มีเสถียรภาพสูง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศทั้งในช่วงเวลาปกติและช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงของแต่ละวัน (Daily Peaking) รวมถึงสามารถทำหน้าที่รองรับสภาวะฉุกเฉิน กรณีที่มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่บริเวณข้างเคียงเกิดขัดข้อง

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า CKPower ในฐานะผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสภาพสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้ลงทุนเพิ่มเติมกว่า 19,400 ล้านบาท เพื่อศึกษา พัฒนา และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล

โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำชนิดฝายทดน้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีมูลค่าลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมสูงเป็นประวัติการณ์ มีความทันสมัย ด้วยประตูระบายตะกอนแขวนลอยและตะกอนหนักใต้น้ำมีเทคโนโลยีทางปลาผ่านที่ทันสมัย และที่สำคัญเป็นการศึกษาและพัฒนาให้เหมาะกับพันธุ์ปลาในลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด จึงถือว่าเป็นการศึกษาพฤติกรรมปลาในลุ่มแม่น้ำโขงที่ต่อเนื่องและมีข้อมูลที่ครอบคลุมที่สุดในขณะนี้

“CKPower ในฐานะผู้พัฒนาและบริหารโครงการและโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ขอแสดงความขอบคุณรัฐบาล สปป.ลาว รวมทั้งรัฐบาลไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว องค์กร หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ ที่ให้ความเชื่อมั่นในการเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกบนแม่น้ำโขงตอนล่างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ สามารถส่งไฟฟ้าสะอาดให้แก่ประเทศไทยและ สปป.ลาว ได้ตรงตามกำหนด บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจบนสมดุลระหว่างผลตอบแทนและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยความเชื่อมั่นในหลักการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน” นายธนวัฒน์ กล่าว

ข้อมูลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี : ทุนจดทะเบียน 790,000,000 เหรียญสหรัฐ ผู้ถือหุ้น ประกอบด้วย บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CK Power Public Company Limited) 37.5% บริษัท นที ซินเนอร์ยี่ จำกัด (Natee Synergy Company Limited) 25% รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (Electricite du Laos) 20% บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (Electricity Generating Company Limited) 12.50% และ บริษัท พีที จำกัด (ผู้เดียว) (PT Sole Company Limited) 5%

ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower : บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 โครงการ รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 37.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 โครงการ ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงรายโซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์

“สนธิรัตน์”พบชาวเเม่เเจ่ม ลุยโรงงานไฟฟ้าชุมชน

People Unity : “สนธิรัตน์”พบชาวเเม่เเจ่ม ลุยโรงงานไฟฟ้าชุมชน สร้างรายได้ประหยัดพลังงาน สั่งคน”พปชร.”เกาะติดพื้นที่

วันที่ 23 ต.ค.2562 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานเเละเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่อ.เเม่เเจ่ม จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน,นายอนุรุทธิ์ นาคาศัย เลขานุการรมว.พลังงาน,นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงพลังงาน,รองผู้ว่าฯจ.เชียงใหม่ (นายคมสัน สุวรรณอัมพา),นายนรพล ตันติมนตรี ข้าราชการประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เเละอดีตส.ส.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาประชาชนเเละเพื่อสำรวจศักยภาพความพร้อมการสร้างวิสาหกิจชุมชนรวมทั้งโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยมีประชาขนให้การต้อนรับกว่า 800 คน

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ตนมาติดตามเเละรับฟังประชาชนเรื่องโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะช่วยประชาชนให้มีรายได้เพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรที่เหลือใช้เเละสร้างความเข้มเเข็งด้านพลังงานไฟฟ้าให้ชุมชนเเละประเทศ

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ตนยังได้พบอดีตผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐในจ.เชียงใหม่ เช่น นายนรพล โดยตนย้ำไปว่าขอเป็นกำลังใจให้เเม้จะไม่ได้รับการเลือกตั้งเเละขอบคุณที่ยังช่วยงานพรรคในพื้นที่โดยสะท้อนปัญหาต่างๆที่รับฟังจากประชาชนเเละส่งมาให้พรรคนำไปหาเเนวทางช่วยประชาชน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีเเละตนจะกำชับส.ส.รวมทั้งอดีตผู้สมัครส.ส.รวมทั้งสมาชิกพรรคในทุกพื้นที่ว่าภารจกิจของพรรคคือดูเเลประชาขน ต้องอาสาช่วยสังคม เมื่อรับฟังสิ่งที่ประชาชนต้องการเเล้วให้เเจ้งมาที่พรรคหรือตนก็ได้ จะได้เร่งเเก้ไข

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า หากส.ส.เเละผู้สมัครส.ส.ไม่ทิ้งประชาขน เเละยังติดตามภารกิจในพื้นที่ เชื่อว่าในครั้งหน้าประชาชนจะพิจารณาคนของพรรคพลังประชารัฐให้ไปทำหน้าที่ตัวเเทนประชาชนเพิ่มขึ้น ตรงนี้รวมทั้งการเมืองระดับท้องถิ่นด้วยเเม้จะยังไม่ทราบช่วงเวลาที่เเน่นอนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด เเต่สมาชิกพรรคที่สนใจทำงานการเมืองในระดับนี้ต้องทำงานต่อเนื่อง โดยพรรคจะเลือกคนที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นตัวเเทนพรรคไปทำงานในพื้นที่นั้นๆเพื่อสานงานของพรรคเเละรัฐบาลในการพัฒนาประเทศต่อไป

นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ส่วนตัวนั้นเชื่อว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองจากนี้ไปนั้นจะเดินหน้าในทางที่ดี เพราะตอนนี้สภาผู้เเทนราษฎรกำลังเตรียมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2563 วงเงิน3.2ล้านล้านบาทในชั้นกมธ.วิสามัญ ตรงนี้มีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศ เพราะโครงการต่างๆที่รัฐบาลจะดำเนินการต้องอาศัยร่างกฎหมายฉบับนี้ ตนเชื่อว่ากมธ.วิสามัญจะพิจารณาความจำเป็นของร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างรอบคอบเเละไม่ชิงไหวชิงพริบเล่นการเมืองในเวทีนี้

คลัง”ชิมช้อปใช้”สัญจรโคราช! เข้าครม. 22 ต.ค.ต่อยอดเฟส2

People Unity : คลังเตรียมต่อยอดชิมช้อปใช้เฟส 2 หลังคลังเตรียมเสนอ ครม. 22 ต.ค. หวังสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยผ่านร้านค้ารายย่อยในโคราช พร้อมกระตุ้นนักท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยผ่านกระเป๋า 2

วันที่ 19 ต.ค.2562 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฎิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ได้เดินทางลงพื้นที่ที่ตลาดนัดเซฟวัน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นตลาดนัดกลางคืนใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสำรวจยอดการจับจ่ายใช้สอยของผู้ได้รับสิทธิ์โครงการชิมช้อปใช้ผ่านร้านค้ารายย่อยในจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งรณรงค์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ออกมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกระเป๋า 2 เพราะสามารถได้รับเงินคืนสูงถึง 15%

พร้อมกันนี้ ยังได้กำชับให้ผู้ประกอบการทุกรายห้ามละเมิดกฎอย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกปิดแอ๊พถุงเงินทันที และจะถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าร่วมโครงการต่างๆของรัฐบาลในอนาคต ทั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาว่า ยังมีผู้ประกอบการบางรายที่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของกระทรวงการคลัง ด้วยการเปิดรับแลกสิทธิ์ 1,000 บาท เป็นเงินสดหรือแลกสิทธิ์ข้ามจังหวัด เป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าของเฟส 2 นั้น กระทรวงการคลังเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ต.ค. หวังดึงประชาชนร่วมโครงการจาก 10 ล้านคน ประมาณ 2-5 ล้านคน การเพิ่มจำนวนร้านค้าด้วยการดึงเครือข่ายลูกค้าของธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมอีกราว 1 แสนร้านค้า หลังจากเฟสแรก มีร้านค้าใหม่มาร่วมโครงการเกือบแสนราย รวมทั้งต้องปรับเวลาการลงทะเบียนเป็นกลางวัน และหวังขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการออกไปเป็นวันที่ 31 ธันวาคม 62 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว เมื่อ ครม.พิจารณาเห็นชอบแล้ว จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน สิ่งจูงใจในการร่วมลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 กระซิบบอกได้เลยว่าน่าสนใจไม่แพ้ชิมช้อปใช้เฟสแรกอย่างแน่นอน

สรุปยอดการใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ต.ค. 62 มียอดการใช้จ่ายทั้งสิ้น 8,676.8 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดจากกระเป๋า 1 จำนวน 8,537.2 ล้านบาท จากกระเป๋า 2 จำนวน 139.6 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม จำนวน 1,241.0 ล้านบาท ร้านช้อป จำนวน 4,847.1 ล้านบาท ร้านใช้ จำนวน 116.4 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,472.3 ล้านบาท

Verified by ExactMetrics