วันที่ 17 พฤษภาคม 2024

สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้คณะกรรมการ มส.ชุดใหม่เข้าถวายสักการะ

People Unity : สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้คณะกรรมการ มส.ที่ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งใหม่ในรัชกาลที่ ๑๐ เข้าถวายสักการะ พร้อมประทานพระโอวาท

วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ พระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) ทรงโปรดให้คณะกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) ที่ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งใหม่ เข้าถวายสักการะ จากนั้นทรงมีพระโอวาทว่า กรรมการมส.ชุดนี้ มีทั้งที่เคยปฏิบัติหน้าที่มาแล้ว และที่เพิ่งจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใหม่เป็นวาระแรกในคราวนี้ ขอถวายกำลังใจแด่ทุกท่านในการปฏิบัติหน้าที่ให้ได้เต็มกำลังความสามารถ ด้วยความหนักแน่นมั่นคงในปณิธาน เพื่อความสถิตสถาพรของพระบวรพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทย

สมเด็จพระสังฆราช มีพระโอวาทต่อไปว่า ขอให้ทุกท่านระลึกถึงพระเดชพระคุณของบูรพาจารย์ มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปฐม ตลอดจนถึงอดีตพระมหาเถระที่ท่านเคารพบูชาเป็นครูบาอาจารย์ด้วยความกตัญญูกตเวที แล้วศึกษาทบทวนใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ว่าแต่ละพระองค์และแต่ละท่านได้ทำอย่างไร วางตัวอย่างไร ประพฤติดีปฏิบัติชอบอย่างไร ทุ่มเทอุทิศสรรพกำลังเพื่อการพระศาสนาอย่างไร จึงเป็นที่กราบไหว้ได้เต็มมือ และสนิทใจ เหตุไฉนบูรพาจารย์พระองค์นั้นๆ หรือท่านนั้นๆ จึงสถิตในที่สูงเป็นทิฏฐานุคติของอนุชน ยังมีกลิ่นหอมของศีล ปัญญา อบอวลทวนกระแสกาลเวลานับร้อยนับพันปีไม่จืดจางหาย ให้พวกเราได้ชื่นใจเมื่อได้ระลึกถึงตราบเท่าทุกวันนี้

บัดนี้ ท่านได้ชื่อว่าเป็นมหาเถระเป็นผู้ปกครองคณะสงฆ์ มีตำแหน่งอยู่ในมส.พุทธบริษัทไทยเฝ้ามองการปฏิบัติหน้าที่ของท่าน และตั้งความหวังไว้ที่ท่านท่านจะประคับประคอง สนองภารธุระของการคณะสงฆ์ให้ราบรื่นเรียบร้อย สามารถฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคไปได้อย่างไร แบบนั้นมีอยู่แล้ว ขอจงอย่าทิ้งทางครู โดยเฉพาะทางของสมเด็จพระบรมครู ผู้ยังเสด็จดำรงอยู่เป็นศาสดาของพวกเรา ในองค์คุณแห่งพระธรรมวินัย

ขอถวายกำลังใจแด่ทุกท่านอีกครั้ง ขออาราธนาให้ท่านตั้งปณิธาน อุทิศชีวิตนี้เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัยด้วยปฏิบัติบูชา ขอให้เห็นแก่ความเจริญมั่นคงของคณะสงฆ์เป็นอุดมการณ์สูงสุด เพื่อสนองพระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระมหากษัตริยาริราชเจ้าทุกๆ พระองค์และสนองคุณของบรรพชนไทย ที่สู้อุตส่าห์เสียสละชีวิตเลือดเนื้อหยาดเหงื่อ กำลังกาย กำลังใจและกำลังสติปัญญา เพื่ออุปถัมภ์และพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้บนแผ่นดินไทย

“ประภัตร”เปิดด่านการค้าโค-กระบือ ที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด​ จ.ตาก

People Unity : “ประภัตร”เปิดด่านการค้าโค-กระบือ ที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สอด​ จ.ตาก พร้อมลงนามความร่วมมือระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่กับหน่วยงานภาครัฐ

วันที่ 24 ต.ค.2562 นายประภัตร โพธสุธน  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดด่านการค้าโค-กระบือ  ที่บริเวณท่า 23 (ท่าลุงคำ) ริมแม่น้ำเมย บ้านวังแก้ว(ห้วยกะโหลก หมู่ 4 ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก​ นายชัยวุฒิ บรรณวัตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์  นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตาก เขต 3  พรรคพลังประชารัฐ​ นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด​ ดร.เทอดเกียรติ​ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด​ ​และเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ จำนวนกว่า 300 คน ให้การต้อนรับ

ในโอาสนี้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก  กล่าวรายงานสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าโค-กระบือ จากนั้นรมช.เกษตรได้ตรวจเยี่ยมคอกสัตว์ และพบปะเกษตรกรผู้เลี้ยง กลุ่มผู้ค้าขาย โค-กระบือ และผู้เลี้ยงโคขุน หลังจากนั้นได้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน ที่ด่านกักกันสัตว์ตาก(แม่สอด) คอกกักบ้านวังแก้ว
นายประภัตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ จีนเข้ามาตีตลาด โค กระบืออย่างหนัก และยังกดราคา  ทำให้เมื่อ 2-3 เดือน​ เราจำเป็นต้องปิดด่าน เพื่อให้ตลาดขาดและมีความต้องการมากขึ้น

วันนึ้จึงมาทำให้เปิดด่านการค้าโค-กระบือ ที่ชายแดนไทย-เมียนมา และเพิ่มราคาระหว่าง กก.ละ   99 -​100  บาท และกลับส่งไปขายจีน กก.ละ 105-110 บาท​ (ซึ่งคิดนน.ตัวโค ระหว่าง 320-400 กก.) ส่วนขนาด นน.ตัวที่เล็กก็ราคาลดน้อยลง กก.ละ  95 บาท เพื่อนำไปขุนต่อ  โดยมีตลาดกลางซื้อขาย และมีการประกันราคาด้วย  ทั้งนี้แต่ละครอบครัวจะได้รับโค- กระบือรายละ 5 ตัวต่อครอบครัวและสามารถนำมาเป็นหลักประกัน ในการกู้ได้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้อีกด้วย นอกจากนี้ภายในงานกลุ่มผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ลงนาม MOU ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินโครงการฯ เป็นอย่างดี

“วรวัจน์”ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน

People Unity News : “วรวัจน์” ขย่มต่อ! หวั่นตัด GSP กระทบส่งออกหมื่นล้าน อึ้งก.พาณิชย์เผยเจรจาเหลวไร้มาตรการรับมือ

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ เปิดเผยว่า การประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะเป็นการพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ต่อเนื่อง เพราะยังมีอีกจำนวน 11 หน่วยงานและ 1 รัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะกลุ่มงานการค้าต่างประเทศ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

ในที่ประชุมกรรมาธิการผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลว่า หลังการรัฐประหารปี 2557 หลายประเทศเริ่มดำเนินการตัดสิทธิพิเศษทางภาษี หรือ GSP ไทย โดยปี 2558 สหภาพยุโรปหรือ EU มีการตัด GSP ไทย ต่อมาต้นปี 2562 ประเทศญี่ปุ่นก็ตัด GSPไทย และล่าสุดอเมริกาก็ตัด GSPไทย นอกจากนี้ที่ผ่านมามาตราการเจรจาของรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ในขณะที่มาตราการช่วยเหลือภาคเอกชน ยังไม่มีความชัดเจน มีแต่การออกมาขอให้ภาคเอกชนปรับตัวลดต้นทุน และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเอง และกระทรวงพาณิชย์คาดว่า ถึงแม้ถูกตัด GSP แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับเกษตรกร

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ยืนยันในที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณ ว่า ปัญหาจีเอสพี จะทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบเพียง 1,800 ล้านบาท ไม่ใช่ 40,000 ล้านบาท อย่างที่มีการวิเคราะห์ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็มีมาตรการในการรับมือ แต่ไม่แจ้งรายละเอียดต่อกรรมาธิการ นั่นอาจหมายถึงไม่ได้มีแผนมาตราการแก้ไขเตรียมไว้ และบรรจุในงบประมาณปี 63 ทั้งที่เรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ควรมีคำตอบให้กับประชาชน

นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้ท้วงติงไปยังกระทรวงพาณิชย์ ว่า จำนวนเงิน 1,800 ล้านบาทดังกล่าวที่กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง อาจเป็นเพียงแค่ส่วนต่างทางภาษี ซึ่งหากจะคำนวณแบบนี้ คงไม่ถูกต้อง เพราะต้องรวมมูลค่าส่งออกในภาพรวมทั้งหมดไปด้วย ดังนั้นการดำเนินการของสหรัฐครั้งนี้อาจจะส่งผลเสียมากกว่าที่หน่วยงานรัฐคาดการณ์ ทั้งนี้คาดว่าผลกระทบจากการส่งออกสินค้าไทยอาจสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท

กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม

People Unity News : กต.อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ร.10 ทอดถวายครั้งแรกที่เวียดนาม ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียใต้

วันที่ 29 ต.ค.2562 นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ประธานคณะโครงการกฐินพระราชทานฯ ร่วมด้วยนายธนา เวสโกสิทธิ์ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ และคณะได้เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดหวั่งเอิน กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม

นายฐาปน กล่าวกว่า พิธีเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ไปทอดถวายในประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 นอกจากเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาแล้ว ยังถือว่าเป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” ที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนสู่ประชาชน สร้างสัมพันธไมตรีและความไว้เนื้อเชื้อใจระหว่างกัน โดยเฉพาะวัดหวั่งเอิน แห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมใจพุทธศาสนิกชนทั้งชาวเวียดนามและชาวไทยแห่งสำคัญในกรุงฮานอยซึ่งให้การต้อนรับคณะผู้เชิญผ้าพระกฐินพระราชการอย่างอบอุ่น สนับสนุนและร่วมการจัดพิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานครั้งนี้อย่างสมพระเกียรติ

พิธีเริ่มขึ้นโดยประธานถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นเชิญผ้าไตรพระราชทานเดินเข้าพระอุโบสถและเริ่มประกอบพิธีสงฆ์ตามลำดับ เมื่อเสร็จพิธีแล้วคณะทั้งหมด พร้อมกันสักการะสถูปขนาดใหญ่ที่บรรจุอัฐิของ พระทิช ดึ๊ก หยวด พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม และสถูปที่บรรจุอัฐิของพระครูคณาสัมนาจารย์ (บิ่ง เลือง) อดีตเจ้าคณะใหญ่สงฆ์อนัมนิกายแห่งประเทศไทยในบริเวณ “สวนพระ”ด้วย

ทั้งนี้ วัดหวั่งเอิน (Hoang An Pagoda) ตั้งอยู่เขตเตย โห่ กรุงฮานอย สร้างขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 (ราวปี ค.ศ. 1019 – 1088 หรือ พ.ศ. 1562 – 1632) ในสมัยราชวงศ์เล ถือเป็นวัดนิกายมหายานที่เก่าแก่ที่สุดวัดหนึ่งในกรุงฮานอย วัดหวั่งเอินมีความสำคัญคือเป็นสถานที่อุปสมบทของพระสำคัญของคณะสงฆ์เวียดนาม หนึ่งในนั้นคือ พระทิช ดึ๊ก หยวด (Thich Duc Nhuan) พระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนาม (พ.ศ. 2524 – พ.ศ. 2536) วัดหวั่งเอิน ได้รับการรับรองโดยกระทรวงวัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยวเวียดนามให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบัน พระทิช ด่าว มิงห์ (Thich Dao Minh) ซึ่งเป็นลูกศิษย์รูปสุดท้ายของพระสังฆราชพระองค์แรกของเวียดนามเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันโครงการกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดพระพุทธศาสนาในต่างประเทศได้ขยายจากประเทศเพื่อนบ้าน สู่ประเทศในกลุ่มอาเซียนประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ตลอดจนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่มีประชาชนนับถือพระพุทธศาสนา เป็น “สะพานเชื่อมวัฒนธรรมและไมตรีจิต” ที่นับวันจะแน่นแฟ้น และทรงคุณค่าทบทวี

พปชร.เดินหน้าเปิด”เวทีประชาธิปไตยไทยอิ่มฯ”ครั้งที่ 3 จ.ราชบุรี

People Unity : พปชร.เดินหน้าเปิด “เวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้กินได้เลย” ครั้งที่ 3 จ.ราชบุรี ชาวบ้านสุดปลื้มขณะนี้นโยบายรัฐบาลออกดอกออกผลให้เห็น โดยเฉพาะมาตรการช่วยเกษตรกรที่เงินลงไปถึงมือแล้ว ด้าน “มาดามเดียร์” มั่นใจ หลังงบปี 63 ผ่าน ทุกนโยบายจะเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว

วันที่ 21 ต.ค.2562 เวลา 16.00 น. ที่ ลานวัดโกรกสิงขร อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผช.รมว.กระทรวงการคลัง น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยตัวแทนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส.และตัวแทนชุมชน เปิดเวทีประชาธิปไตยไทยอิ่ม ไม่ต้องแก้ก็กินได้ เป็นเวทีที่ 3 ต่อจากเวทีแรกที่ จ.นครราชสีมา และเวทีที่ 2 จ. กำแพงเพชร เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังปัญหาปากท้องจากชาวบ้านโกรกสิงขร เพื่อนำมาสะท้อนกับรัฐบาลให้ดูแลแก้ไข

นายชาญกฤช กล่าวว่า ขณะนี้นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล กำลังออกดอกออกผล ที่จะดูแลประชาชนทุกกลุ่มของสังคมให้เกิดความเท่าเทียม โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่รัฐบาลมีมาตรการดูแลออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในนั้นคือการขยายมาตรการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไปอีก 1 ปี ทั้งค่าน้ำ 100 บาท/เดือน , ค่าไฟ 230 บาท/เดือน และลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 2% สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตร เริ่ม 1 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังจะเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในเฟสสองเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังได้ออกมาตรการชิมใช้อปใช้ เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นที่ถูกใจของประชาชนเป็นอย่างมาก และกำลังจะมีเฟสสองออกมาเร็ว ๆ นี้ เช่นกัน

ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวเกษตรกร รัฐบาลได้ออกมาตรการไปแล้ว อาทิ จ่ายเงินอุดหนุนปลูกข้าวนาปี เพื่อลดต้นทุนการผลิตไร่ละ 500 บาท โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 1.77 ล้านครัวเรือน เป็นเงินกว่า 10,976 ล้านบาท จากเป้าหมาย 4.31 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 24,000 ล้านบาท //ประกันรายได้ข้าว 5 ชนิด ในปีการผลิต 2562/63 รอบที่ 1 ประกอบด้วย ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

ส่วนการช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มอื่น ๆ รัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือในโอกาสต่อ ๆ ไป ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พูดเสมอว่า “รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ด้าน ส.อ.ชัยวัฒน์ หาญธนะสุกิจ ผู้ช่วยผู้อำนายการสำนักงาน ธกส. จังหวัดราชบุรี บอกกล่าวกับชาวบ้านว่า ขณะนี้ธกส.ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว 4 โครงการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร ประกอบด้วย 1.เงินอุดหนุนต้นทุนการผลิตชาวนา 500 บาท /ไร่ 2.ประกันรายได้ข้าว ปีการผลิต2562/63 รอบที่ 1 3.ประกันรายได้ปาล์ม และ 4.เงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อย ซึ่งทั้ง 4 โครงการเงินได้ถึงมือพี่น้องชาวเกษตรกรแล้ว

ด้านน.ส.วทันยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้แม้รัฐบาลจะยังไม่มีเงินมากนักในการดำเนินนโยบายตามที่พรรคพลังประชารัฐหาเสียงไว้ แต่หลายนโยบายได้เริ่มปรากฏออกมาเป็นรูปธรรมแล้ว และเชื่อว่าหากร่างงบประมาณปี 63 กว่า 3.2 ล้านล้านบาท ผ่านการเห็นชอบและมีผลบังคับใช้ประมาณเดือนมกราคม ปี 2563 จะทำให้รัฐบาลมีเงินมาใช้จ่ายในการผลักดันนโยบายให้ขับเคลื่อนไปได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำอยู่เสมอว่า จะเดินหน้าดูแลประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดี และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และระหว่างวันที่ 11-12 พฤศจิกายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่พบปะประชาชน จ.กาญจนบุรี และราชบุรี พร้อมกับประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) เพื่อรับฟังปัญหาของชาวบ้านด้วยตัวเองอีกด้วย

ขณะที่ น.ส.ปารีณา กล่าวเสริมว่า ขอให้พี่น้องชาวราชบุรี มีความมั่นในรัฐบาล ที่จะมุ่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งขณะนี้นโยบายต่าง ๆ ได้ลงไปถึงมือชาวบ้านแล้วหลายโครงการ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงพิสูจน์ได้ว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ทำได้โดยไม่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนตัวแทนชาวบ้านที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิด ยืนยัน รู้สึกพอใจกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล โดยเฉพาะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่สามารถนำเงินดังกล่าวมาจุนเจือครอบครัวได้จริงแม้จะมีคนส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเงินเพียงน้อยนิดก็ตาม เพราะเงินส่วนนี้ถูกนำมาต่อยอดในการประกอบอาชีพอื่น ๆ เพื่อหารายได้อีกทาง

ขณะชาวบ้านที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ยืนยันเช่นกัน ขณะนี้ได้รับเงินช่วยเหลือจากนโยบายของรัฐบาลแล้ว ทั้งชาวนา ชาวไร่ และขอขอบคุณรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐที่จัดเวทีรับฟังปัญหาของประชาชน พร้อมกับมีมามาตรการช่วยเหลือ ที่เข้าถึงมือชาวบ้านได้จริง

“องอาจ”พอใจ ส.ส. ปชป. อภิปรายงบฯปี63สร้างสรรค์

People Unity : “องอาจ”พอใจ ส.ส. ปชป. อภิปรายงบประมาณสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์กับประชาชน

วันที่ 20 ต.ค.2562 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้กล่าวถึงภาพรวมของการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตลอดระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมาว่า ส.ส. ปชป. ได้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ มุ่งชี้ให้เห็นถึงจุดที่ควรปรับเพิ่มลดงบประมาณให้สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งภายใน และภายนอกประเทศ พร้อมนำเสนอข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการจัดสรรงบประมาณไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง และต้องทำให้งบประมาณของประเทศสามารถสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนได้

ถึงแม้การอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ ส่วนมากจะเน้นเรื่องรายจ่าย แต่การจะมีงบประมาณไปใช้จ่ายได้ จำเป็นต้องมีรายได้ที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายด้วย ส.ส. ปชป. จึงได้อภิปรายเสนอแนวทางการปฏิรูประบบภาษีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพิ่มรายได้ให้รัฐมีงบประมาณไปใช้จ่ายให้เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ

การอภิปรายงบประมาณครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์มุ่งเน้นให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนดังนี้
1. เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
2. เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
3. เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก
4. เพื่อกระจายงบประมาณไปสู่ท้องถิ่นให้งบประมาณถึงมือประชาชนในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว

นายองอาจกล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อมั่นว่าคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ จะได้นำข้อเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ไปเป็นข้อมูลในการพิจารณางบประมาณเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมต่อไป

20พ.ย.!ศาลรธน.นัดฟังคำวินิจฉัยปม”ธนาธร”ถือหุ้นสื่อ

People Unity : 20พ.ย.!ศาลรธน.นัดฟังคำวินิจฉัยปม”ธนาธร”ถือหุ้นสื่อ หลังจากนี้ให้คู่กรณียื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีภายใน 15 วัน

วันที่ 18 ต.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้สืบพยาน 10 ปากในคดีที่คณะกรรการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงหรือไม่ กรณีการถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ระหว่างการลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ2560 ได้เสร็จสิ้นในเวลา 16.00 น. โดยศาลได้อนุญาตให้คู่กรณีขัดถ่ายสำเนาการสอบปากคำได้ และเมื่อศาลได้ข้อวินิจฉัยแล้วขอนัดฟังคำวินิจฉัยในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. โดยให้คู่กรณียื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีภายใน 15 วัน ถ้าไม่ยื่นให้ถือว่าไม่ติดใจในคำแถลงการณ์

ส.ส.แคนาดาสนใจฝึกสมาธิ เตรียมนิมนต์พระพุทธเปิดคอร์สที่บ้าน

People Unity : ส.ส.แคนาดาสนใจฝึกสมาธิ เตรียมนิมนต์พระพุทธเปิดคอร์สที่บ้าน ขณะที่ผลเลือกตั้งทั่วไปของประเทศแคนาดา “ทรูโด” อดีตนายกฯชนะไม่ขาด เตรียมตั้งรัฐบาลผสม ผลักดันนโยบายปลูกต้นไม้ 2 พันล้านต้นตามที่รับปากไว้กับ “เกรตา ธันเบิร์ก”

วันที่ 22 ตุลาคม 2562 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานผลการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศแคนาดาที่มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562 จนกระทั้งเวลา 02.00 น. วันอังคารที่ 22 ตุลาคมตามเวลาท้องถิ่น หลังปิดการเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งทั้ง 6 โซนเวลาทั่วประเทศ อันดับ 1 คือ พรรคลิเบอรัล ที่หัวหน้าพรรคคือนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด วัย 47 ปี ได้ 156 ที่นั่ง จากเขตเลือกตั้ง 338 เขต อันดับ 2 คือ พรรคคอนเซอร์เวทีฟ ที่หัวหน้าพรรคคือ แอนดรูว์ เชียร์ วัย 40 ปี คู่แข่งสำคัญของทรูโด พรรคของเขาได้ 122 ที่นั่ง มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในปี 2558 ที่ได้ 95 ที่นั่ง

เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ทำให้นายทรูโดต้องจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพันธมิตรที่เป็นพรรคเล็กอย่างน้อย 1 พรรค โดยนายทรูโดกล่าวกับผู้สนับสนุนในนครมอนทรีออลเมื่อวันอังคารว่า ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าชาวแคนาดาปฏิเสธการแบ่งแยกและความคิดด้านลบ ปฏิเสธนโยบายตัดงบประมาณและรัดเข็มขัด และลงคะแนนเพื่อสนับสนุนแผนการที่ก้าวหน้าและการลงมือปฏิบัติที่เข้มแข็งในการแก้ไขการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนายทรูโดได้พบกับนางสาวเกรตา ธันเบิร์ก เยาวชนนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน โดยรับปากว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจะมีนโยบายเพิ่มต้นไม้ให้ได้มากถึง 2 พันล้านต้น

ขณะเดียวกันเพจ “Bhante Saranapala” พระสงฆ์ชาวศรีลังกาที่เดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ประเทศแคนาดา ได้โพสต์ภาพขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในพื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ ซึ่งเป็นผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการฝึกสมาธิและมีแผนเปิดฝึกที่บ้านของเขา

“ไพศาล”ตบะแตก! ฉะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายส่งเดช แหกตาปชช.

People Unity : “ไพศาล”ตบะแตก! ฉะ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายส่งเดช แหกตาปชช. ยันกู้เงินชดเชย 5 แสนล้านไม่เกี่ยวขาดทุนจากการรับจำนำข้าว

วันที่ 19 ตุลาคม 2562 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพาค์เฟซบุ๊ก ระบุว่า น่ารำคาญการอภิปรายส่งเดช

อภิปรายไปได้อย่างไร ว่าที่ต้องกู้เงินชดเชยงบประมาณเกือบ 5 แสนล้าน เพราะขาดทุนจากการรับจำนำข้าว!
มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย
เหตุที่ ต้องกู้เงินชดเชยงบประมาณเกือบ 500,000 ล้าน เพราะตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.2 ล้านบาท แต่หารายได้ ทุกประเภทรวมกันไม่พอ
ยังขาดอีกเกือบ 5 แสนล้าน จึงต้องกู้ยืมเงิน มาชดเชยงบประมาณ
เรื่องมันก็เท่านี้
อภิปรายส่งเดชแหกตาประชาชนแบบนี้
แย่มากๆๆ

“จุรินทร์”ปลุกสมาชิก”ปชป.”มุ่งหน้าทำงาน ยันแก้ไขรธน.เป็นเงื่อนไขหนึ่งร่วมรัฐบาล

People Unity : “จุรินทร์”ปลุกสมาชิก”ปชป.”มุ่งหน้าทำงาน ยันแก้ไขรธน.เป็นเงื่อนไขหนึ่งร่วมรัฐบาลทำฝันประชาชนสำเร็จ โอนเงินส่วนต่างข้าว-ปาล์มแล้ว พืชอีก 3 ชนิดโอนภายในสิ้นปีนี้ทั้งหมด

วันที่ 26 ต.ค.2562 เวลา 9.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมกรรมการสาขาพรรคและตัวแทนประเทศ ประจำทุกจังหวัดของพรรคประชาธิปัตย์ และได้กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์โดยกลไกกรรมการสาขาและตัวแทนประจำจังหวัดจะต้องดำเนินการจัดตั้งตามกฎหมายให้ครบถ้วน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้แต่เป็นหน้าที่ของพรรคที่จะต้องมีความพร้อม

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ภายหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (24มีนาคม2562) อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เป็นความฝัน ของพรรคที่ว่าอยากเห็นผู้ที่มีศักยภาพไม่ว่าจะเป็นอดีตผู้แทนราษฎร ผู้บริหารของพรรค อดีตผู้สมัครของพรรคได้มีโอกาสทำหน้าที่ขณะนี้ก็เป็นจริง คือ ประมาณไม่ต่ำกว่า 80 คนดังกล่าวได้ถูกคัดสรรค์ให้เข้าไปทำหน้าที่ผู้บริหารระดับต้นของประเทศและตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ช่วย ส.ส. ผู้เชี่ยวชาญ ชำนาญการ และที่ต้องช่วยรัฐมนตรีของพรรค คือ เลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นทีมจากพรรคประชาธิปัตย์ นี่เป็นสิ่งแรกที่เราสามารถทำฝันที่คิดกันมานานลงสู่การปฏิบัติได้แม้ว่าไม่ครบถ้วนทุกคนก็ตาม

และในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ พรรคก็มีเงื่อนไขคือนำนโยบายองพรรคบรรจุไว้ในนโยบายรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นโครงการประกันรายได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดหัวข้อที่จะต้องแก้ไข ได้หรือการเปิดกุญแจปลดล็อคให้เดินไปสู่การแก้ไขในวันข้างหน้าได้ และการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งหมดก็บรรจุไว้เป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้

ส่วนนโยบายประกันรายได้เกษตรกรที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ โดยเป็นนโยบาย เร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งการประกันรายได้พืช 5 ชิดนั้น คือข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด แต่ไม่ได้หมายความว่าพืชเกษตรตัวอื่นจะไม่ดูแลแต่ใช้ยาคนละขนาน กันเท่านั้น สำหรับพืช 5 ชนิดนี้หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วก็มีความคืบหน้าเป็นอย่างยิ่งมีผลเป็นรูปธรรมโดยปาล์มลงมือปฏิบัติไปแล้วโดยการจ่ายเงินงวดแรกเรียบร้อยถึงมือเกษตรกรแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เราใช้เวลาเพียงแค่60วันฟังการแถลงนโยบาย หรือ 77 วันหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ส่วนเรื่องข้าวได้โอนเงินส่วนต่างให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวงวดแรกไปเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวที่ 3 คือเรื่องยางพาราได้ผ่านคณะรัฐมนตรีแล้วกำลังดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ คือ และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้โดย 1- 15 พย.ใช้เวลา 15 วันเราจะโอนเงินส่วนต่างถึงมือเกษตรกรผู้ปลูกยางทุกคน เพราะกระบวนการเรื่องยางพาราจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดเป็นขั้นตอนมากกว่า เมื่อมีการตรวจสอบบัญชีเสร็จเรียบร้อยจึงจะเป็นการโอนเงิน ทันที

สำหรับมันสำปะหลัง วันพรุ่งนี้ 27 ตุลาคม 2562 จะเดินทางไปจังหวัดอุดรธานี เพื่อการประชุม 3 ฝ่ายภาครัฐภาคเอกชนและเกษตรกร จะไปเคาะในวันพรุ่งนี้ว่าจะประกันรายได้ไว้ที่กิโลกรัมละเท่าใดจำนวนเท่าใดต่อครัวเรือน เสร็จแล้วก็จะเข้ากระบวนการคณะรัฐมนตรี ส่วนข้าวโพดจะไปเคาะประกัน 3 ฝ่ายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะเข้าคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแล้วไปคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป ทั้งหมดนี้คาดว่าจะดูแลส่วนต่างพืช 5 ชนิดได้ครบถ้วนภายในสิ้นปีนี้

นายจุรินทร์ บอกกับสมาชิกพรรคว่า นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจทำเพื่อประชาชนและพิสูจน์ตามที่ประกาศไว้ว่าจะ “ทำได้ไว ทำได้จริง” สุดท้ายนี้เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน จับมือร่วมกันเดินหน้าด้วยกลไกล 3 ประสานทำงานไปด้วยกัน ประชาธิปัตย์ยุคนี้ กลไกที่หนึ่งคือกลไกรัฐบาล หน้าที่ความรับผิดชอบในรัฐบาล กลไกที่สองคือกลไกสภา โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคต้องทำหน้าที่แทนประชาชนอย่างเข้มแข็ง กลไกที่สามคือกลไก ของพรรค ต้องเดินหน้าคู่ขนานกิจกรรมของพรรคต้องทำเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นให้เกิดผลต่อความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกทั่วประเทศให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปได้

Verified by ExactMetrics